ขั้นตอนการทำมัมมี่

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย MBNY, 12 พฤศจิกายน 2005.

  1. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    [​IMG]


    ในสมัยอียิปต์โบราณ เมื่อมีคนตายก็จะนำศพไปฝังไว้ในทะเลทรายอันร้อนระอุ ความร้อน และความแห้งแล้งทำให้ร่างกายแห้งอย่างรวดเร็ว โดยที่แบคทีเรียไม่มีโอกาสได้ย่อยสลายศพเสียก่อน จึงกลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติ คงจะมีการค้นพบโดยบังเอิญ ดังเช่นในภาพ
    เป็นศพชาวอียิปต์โบราณที่ถูกฝังตามธรรมดา
    โดยมิได้มีการตบแต่งทำให้ไม่มีการย่อยสลายแต่อย่างไร
    แต่ศพที่กลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติก็อยู่รอดมาให้ค้นพบได้ในสมัยปัจจุบัน

    ต่อมาชาวอียิปต์ก็เริ่มใช้โลงบรรจุศพก่อนฝัง เพื่อป้องกันมิให้สัตว์ป่าแทะกินศพ แต่ก็กลับพบว่า ซากศพที่ฝังในโลง ได้เปื่อยเน่าไป ไม่แห้งและอยู่คงทนเหมือนแต่ก่อน เพราะโลงศพทำหน้าที่เก็บกักความชื้นจากร่างกาย เพียงพอที่จะอำนวยให้แบคทีเรียเจริญเติบโต และทำการย่อยสลายให้ศพเน่าเปื่อยสูญไปได้

    ต่อมาอีกหลายร้อยปี ชาวอียิปต์ก็ได้ศึกษาทดลองวิธีต่างๆเพื่อจะรักษาสภาพศพให้คงทนอยู่ได้ กรรมวิธีในการรักษาศพให้คงทน ประกอบด้วยการแช่อาบศพด้วยสิ่งที่ชะงักการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แล้วพันด้วยแถบผ้าลินิน ปัจจุบันเราเรียกกรรมวิธีนี้ว่า การทำมัมมี่


    [​IMG]


    ขั้นตอนที่ 1.

    ศพถูกนำไปยังเต๊นท์พิเศษ ที่เรียกว่า อีบู ซึ่งมีความหมายว่า สถานที่ชำระศพให้บริสุทธิ์ ผู้ทำมัมมี่จะอาบศพด้วยเหล้าที่ทำจากน้ำตาลสด และชำระล้างด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์


    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 2.

    ช่างก็จะผ่าช่องท้องด้านซ้ายเพื่อเอาอวัยวะภายในออก เนื่องด้วยอวัยวะภายใน ซึ่งมีความชื้นสูง จะเป็นสิ่งแรกที่เน่าสลายอย่างรวดเร็ว จึงต้องเอาออก เหลือไว้แต่หัวใจที่จะทิ้งไว้ภายในศพ เพราะพวกเขาเชื่อว่า หัวใจคือศูนย์รวมแห่งปัญญาและความรับรู้ทั้งปวง ที่ผู้ตายยังต้องการใช้ในโลกแห่งวิญญาณ


    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 3.

    ส่วน ตับ ปอด กระเพาะ และลำไส้ จะถูกนำมาชำระล้างจนสะอาด แล้วนำไปกลบไว้ด้วยเกลือเม็ดที่เรียกว่า Natron ซึ่งเป็นเกลือโซเดียมคาร์บอร์เนต ...

    แล้วเขาจะสอดตะขอผ่านเข้าทางช่องจมูก เพื่อเกี่ยวเอาเนื้อสมองออกมา เพราะสมองก็เหมือนอวัยวะภายในที่มีความชื้นสูง ถ้าทิ้งไว้จะทำให้แห้งยาก และก่อให้เกิดการย่อยสลายได้ง่าย


    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 4.

    จากนั้นก็เอาศพไปวางกลบด้วยเกลือเม็ดให้แห้ง ของเหลวจากร่างกาย และผ้าที่ใช้ในการเตรียมศพทุกชิ้น ก็จะเก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อนำไปฝังพร้อมกับศพ


    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 5.

    ช่องว่างภายในก็ใส่เกลือเม็ด ไว้เพื่อป้องกัน การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย อันจะทำให้ร่างเปื่อยเน่าสูญสลายไปได


    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 6.

    ศพจะถูกแช่เกลือไว้สี่สิบวันจนแห้งดี แล้วจะถูกนำมาชำระล้างด้วยน้ำจากแม่น้ำ
    ไนล์อีก แล้วจะเคลือบผิวหนังด้วยน้ำมันเพื่อให้ผิวหนังคงสภาพอ่อนนุ่มไม่แห้งกระด้างไปตามกาล
    เวลา


    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 7.

    อวัยวะภายในที่แห้งแล้วจากการแช่เกลือ ก็จะถูกนำกลับมาบรรจุในในโถ อาโทพุต 4 อัน ได้แก่ โถหน้าลิง สุนัข เหยี่ยว และคน


    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 8.

    แล้วจะเติมด้วยของแห้งอย่างอื่นให้เต็ม เช่นขี้เลื่อยหรือใบไม้และผ้าลินิน เพื่อให้ดูเหมือนยามมีชีวิตอยู่ ไม่ยุบตัวลงไปตามกาลเวลาในภายหลัง


    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 9.

    จากนั้นก็จะชำระศพด้วยน้ำมันหอมอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะนำไปพันผ้าลินินในขั้นต่อไป

    การพันห่อมัมมี่
    ขั้นแรก ศีรษะและลำคอจะถูกพันก่อน ด้วยแถบผ้าลินินอย่างดี แล้วก็จะพันนิ้วมือและนิ้วเท้าแยกกันทีละนิ้ว แล้วก็พันห่อแขนและขา แต่ละทบก็จะใส่เครื่องราง เพื่อปกปักรักษาผู้ตายในระหว่างการเดินทางไปสู่ภพใหม่

    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 10.

    ในขณะที่ร่างของมัมมี่กำลังถูกห่อพันด้วยผ้าลินิน ก็จะมีพระท่องมนต์เพื่อขจัดสิ่งที่เลวร้ายมิให้แผ้วพาน ผู้ตาย และเป็นการช่วยให้ผู้ตายเดินทางได้สะดวกในภพหน้า


    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 11.

    แล้วแขนขามัมมี่ก็จะถูกพันเข้ากับส่วนร่าง ตำรา "มนตราสำหรับผู้ตาย" ก็จะรวมห่อไปด้วยให้ถือไว้ในมือของมัมมี่

    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 12.

    จากนั้นก็จะพันผ้าเพิ่มรวมให้ร่างถูกพันรวมกันหมด แต่ละชั้นของผ้าลินิน ผู้ทำมัมมี่ก็จะทาไว้ด้วยเรซิน เพื่อให้ผ้าลินินยึดติดกันไม่หลุดรุ่ยออกได้ง่าย แล้วห่อด้วยผ้าผืนใหญ่อีกทีหนึ่ง จากนั้นก็จะวาดรูปเทพ โอซีรีส บนผ้าที่ห่อมัมมี่นั้น


    [​IMG]

    ขั้นตอนที่ 13.

    จากนั้นก็เอาผ้าผ้นใหญ่ห่ออีกชั้นหนึ่ง แล้วมัดตราสังข์ด้วยแถบผ้าลินินตลอดร่างอย่างแน่นหนาอีกเป็นครั้งสุดท้าย

    จากนั้นก็ปิดด้านบนของมัมมี่ด้วยแผ่นกระดานก่อนที่จะเอาไปใส่ในโลงศพสองโลงซ้อนกัน ในพิธีศพ ญาติพี่น้องของผู้ตายมาไว้อาลัยและทำพิธี "เปิดปากศพ" เพื่อเป็นการเลี้ยงอาหารให้ผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย

    ขั้นสุดท้าย ก็จะเอาโลงไปใส่ในโลงหินแกะสลัก ที่ตั้งอยู่ในสถานเก็บศพ พร้อมด้วยเครื่องเรือน เสื้อผ้า ของมีค่า อาหารและเครื่องดื่ม อาโทพุตทั้ง 4 อัน จะถูกจัดวางไว้อย่างพร้อมเพรียง เป็นเสบียงกรังให้ผู้ตายได้เดินทางสู่ปรภพโดยสะดวก

    แล้วร่างของผู้ตาย ก็พร้อมที่จะออกเดินทางสู่ดินแดนใต้โลก ที่ที่หัวใจของเขาจะถูกตัดสินตามความดีที่ได้ทำไว้ยามมีชีวิตอยู่ หากมีหัวใจบริสุทธิ์จริง ผู้ตายก็จะถูกส่งไปดินแดนอันสวยงามเพื่อชีวิตอันเป็นอมตะ ในดินแดนที่เรียกว่า ทุ่งต้นกก
    ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า ก่อนผู้ตายจะไปยังปรภพได้ ก็ต้องผ่านดินแดนใต้โลก อันเป็นที่ที่เต็มไปด้วยมารร้าย สัตว์ที่ดุร้ายต่างๆ ซึ่งผู้ตายจะต้องอาศัยมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปกป้องให้เดินทางได้โดยปราศจากภัยร้ายมาแผ้วพาน มนตราเหล่านี้จารึกอยู่ในสมุดบันทึกที่เรียกว่า "มนตราสำหรับผู้ตาย" ซึ่งเป็นตำราเขียนลงบนม้วนกระดาษปาปีรุส และจะถูกฝังไปด้วยกันกับผู้ตายในปิรามิด




    ที่มา : http://www.thainn.com
     
  2. LingLek

    LingLek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +203
    มาเป็นฉากๆเลย เพิ่งรู้จริงๆจังๆสักที ขอบคุณค่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...