(ขุดกระทู้เก่าครับ)สำหรับใครที่คิดว่าการดื่มสุราไม่มีโทษไม่ได้เบียดเบียนใคร

softkid9 · 24 พฤศจิกายน 2015

[FONT=&quot]จากหนังสือสู่แสงธรรม โดยพล.อ.ต.มนูญ ชมภูทีป หน้า 122-127[/FONT]

[FONT=&quot][/FONT]

[FONT=&quot]
เมื่อข้าพเจ้านำคำสอนของหลวงพ่อมาพิจารณาดู จึงไม่มีความหนักใจในการสร้างทานบารมีเลย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุทาน วิหารทาน สังฆทาน อภัยทานหรือแม้ธรรมทาน [/FONT]…[FONT=&quot]แต่ศีลข้อที่ 5 คือสุรานี่สิ มันเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของข้าพเจ้าจริงๆ โดยเฉพาะชีวิตในต่างจังหวัด ซึ่งขาดแคลนทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นบาร์ คลับ โรงหนัง โรงละคร ทุกเย็นบรรดาเพื่อนๆก็ชักชวนกันมาตั้งวงเหล้าอยู่ที่บ้านข้าพเจ้าเป็นที่สนุกสนาน อย่าว่าแต่จะคิดเลิกเลย แม้เพียงข้าพเจ้าเจ็บไข้ได้ป่วยเพียงวันสองวัน บรรดาคอเหล้าก็โวยวายกันแล้ว หนำซ้ำเพื่อนคอเหล้าที่เป็นหมอ แทนที่จะสั่งยาให้ข้าพเจ้ากิน กลับเขียนใบสั่งยาว่า [/FONT]“[FONT=&quot]แม่โขงหนึ่งแบน[/FONT] [FONT=&quot]ผสมชาจีนร้อนๆ 1 กา วันละ 3 มื้อ ก่อนอาหาร[/FONT]”[FONT=&quot]อีกด้วย[/FONT]

[FONT=&quot]ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงหนักใจนัก อีกทั้งคิดเข้าข้างตัวเองว่า การที่ข้าพเจ้าดื่มสุรา ความจริงก็หาได้ทำให้ใครเดือนร้อนไม่ เงินที่ซื้อหามาก็เป็นเงินของข้าพเจ้าเอง มิได้เบียดเบียนใคร จะดื่มจะกินก็ดื่มกินในบ้านของข้าพเจ้า มิได้เกะกะระรานทำให้ใครต้องเดือดร้อน ผิดกันกับ ศีลอีก 4 ข้อ ปาณา อทินนา กาเม และมุสา ซึ่งประพฤติปฏิบัติแล้วผู้อื่นเดือดร้อน ทำไมและอะไรกันนักกันหนา จึงต้องเอาสุราเข้าไปอยู่ในศีล 5 กับเขาด้วย เรื่องเลวร้ายอย่างอื่นมีอีกตั้งมากมาย ทำไมจึงไม่คัดเอามาบรรจุไว้แทนสุราเล่า[/FONT]?

[FONT=&quot]เมื่ออัดอั้นตันใจและสงสัยในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเขียนไว้แล้วนี้ให้หลวงพ่อฟัง แล้วเน้นถามว่า[/FONT]

“[FONT=&quot]หลวงพ่อครับ ผมก็ไม่เห็นว่าสุระจะเลวร้ายอะไรนักหนา ทำไมจึงต้องเอามากำหนดเข้าไว้ในศีล 5 ด้วยเล่าครับ[/FONT]?”

“[FONT=&quot]ไอ้สุรานี่แหละ ตัวร้ายที่สุดละคุณ เพราะมันเป็นตัวทำลายสตินะ หากดื่มเข้าไปแล้วจะทำให้ขาดสติ และทำลายศีลทั้ง 4 ข้อแรกได้ทั้งหมดเลยนะ เป็นยังไง ดูคุณอาลัยอาวรณ์มากจริงนะ[/FONT]”[FONT=&quot]หลวงพ่อตอบและเย้าข้าพเจ้า

[/FONT] “[FONT=&quot]ก็เป็นบ้างครับ แต่ผมสงสัยว่าสุราจะไปทำลายศีลทั้ง 4 ข้อแรกได้อย่างไรครับหลวงพ่อ[/FONT]”[FONT=&quot]ข้าพเจ้ารับอ่อยๆ[/FONT]

 “[FONT=&quot]อ้าว[/FONT]!..[FONT=&quot]ก็ดื่มแก้วแรก แก้วสอง แก้วสาม ก็ยังคุยกันได้เป็นเรื่องเป็นราว สนุกสนานครื้นเครงดี พอแก้วที่สี่ที่ห้าชักหน้าตึง หูตึง ลิ้นไก่สั้น เสียงเริ่มดัง ใครเก่งทางใดก็เริ่มออกลวดลาย คุยอวดความเก่งกล้าสามารถของตัว บางรายก็ชักแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการเคี้ยวแก้วเล่นก็มี บางรายก็ถอดถุงเท้าของตัวเองลงในแก้ว แล้วนั่งดื่ม บางรายก็ร้องไห้ หากมีการพูดผิดหูกันขึ้น อาจถึงขั้นท้าดวล ยิ่งโต๊ะข้างเคียงไม่ถูกกันมาก่อน พูดจาแขวะกันไปแขวะกันมาก็ขาดสติยั้งคิด ถึงขั้นฆ่ากันตาย ก็ผิดศีลปาณาฯขึ้นมาด้วย ขาดสติใช่ไหม[/FONT]? [FONT=&quot]และถ้าคุณเมามายขาดสติ แล้วเกิดไปหยิบฉวยข้าวของมีค่า เช่นปากกาปลอกทอง หรือนาฬิกาของเพื่อนฝูงที่เมาด้วยกัน ติดไม้ติดมือกลับบ้าน หรือทำเงินที่เขาฝากมาหายไป แล้วพอได้สติก็หาใช้เขาไม่ได้ก็เป็นการ ผิดศีลอทินนาฯ เข้าอีก หรือถ้าคุณเมามายขาดสติ กลับเข้าบ้านก็เกิดเดินไปสะดุดสายมุ้ง มุดเข้าไปหลับนอนกับใครที่มิใช่เมียของคุณ ก็ผิดศีลกาเมฯ เข้าไปอีก หรือถ้าในขณะที่คุณเมามายขาดสติ เกิดไปรับปากสัญญาอะไรกับใครเขาไว้ แต่พอวันรุ่งขึ้นเมื่อสร่างเมา คุณก็ลืมเสียสิ้นปล่อยให้เขาต้องเสียเวลาไปรอคอยก็ดี หรือผิดหวังที่คุณผิดสัญญาในเรื่องที่คุณรับปากไว้ก็ดี ก็ผิดศีลมุสาฯอีกใช่ไหม[/FONT]?[FONT=&quot] นี่แหละฉันจึงว่าสุรานั้นเป็นตัวทำให้ขาดสติและทำลายศีลทั้ง 4 ข้อแรกได้ หรือคุณว่าไม่ใช่[/FONT]?” [FONT=&quot]หลวงพ่ออธิบายแล้วย้อนถาม[/FONT]

“[FONT=&quot]ผมก็เห็นด้วยตามที่หลวงพ่อพูดทุกอย่างแหละครับ จึงหาหนทางป้องกันไว้ทุกแง่ทุกมุม เช่น จะดื่มก็ให้มาดื่มกันที่บ้านผม เป็นการหลีกเลี่ยงการมีเรื่องมีราวกับคนภายนอก มิหนำซ้ำผมจะเลือกชวนเฉพาะเพื่อนสนิทที่ชอบสนุกสนานจริงๆเท่านั้น คือพอเมาก็ร้องเพลงกันไปตามเรื่องตามราว พวกที่เมาแล้วชอบหาเรื่อง ผมไม่ชวนมาร่วมวงหรอกครับ จึงตัดเรื่องปาณาฯ ไปได้ ในเรื่องอทินนาฯ ก็เช่นกัน จะหยิบอะไรติดไม้ติดมือกันไปบ้างก็แค่ไม่ขีด ไฟแช็ค หรือปากกาที่หาค่าไม่ได้ ยิ่งกาเมฯ แล้ว ที่บ้านผมมีผู้หญิงคนเดียวคือเมีย ส่วนมุ้งที่กางอยู่ข้างล่างเป็นมุ้งของพลทหารรับใช้ จะมีที่เข้าข่ายผิดศีลเห็นจะเป็นมุสานั่นแหละครับ เพราะตอนเมานัดกันจังเลย แต่พอหายเมาแล้วลืมหมด แต่ต่างฝ่ายต่างลืมนะครับ[/FONT]”[FONT=&quot]ข้าพเจ้าตอบและพยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง[/FONT]

 “[FONT=&quot]เอ๊ะ[/FONT]!..[FONT=&quot]ไม่เลวนี่ แต่ป้องกันไม่ตลอดหรอกนะ อย่างน้อยดื่มเหล้าก็มีกับแกล้ม และกับแกล้มนั้นแม้คุณไม่ได้ทำเอง มิได้ฆ่าเอง แต่ถ้าหากสั่งให้ผู้อื่นทำแล้วมีการฆ่าเกิดขึ้น คุณก็หนีปาณาฯ ไปได้ไม่พ้นอยู่ดีนะ แม้การหยิบฉวยไม้ขีด ไฟแช็คก็ดี ปากกาที่ไม่มีราคาค่างวดตามที่คุณว่าก็ดี ย่อมทำให้เจ้าของเขาเสียผลประโยชน์เหมือนกัน เพราะเขาเคยได้ใช้ แล้วไม่ได้ใช้เพราะสูญหายไปอยู่ที่คุณ ก็ผิดศีลอทินนาด้วยนะ ฉันคิดว่าคำพูดของฉัน คุณเข้าใจทั้งหมด แต่แสร้งดันทุรังไปอย่างนั้นเอง[/FONT]

[FONT=&quot]ส่วนที่ว่าคุณดื่มอยู่ที่บ้านของคุณแล้วไม่ได้ทำให้ใครเขาเดือดร้อนนั้นก็หาจริงไม่ เพราะการร้องรำทำเพลงของบรรดาขี้เมากลุ่มคุณ หาได้ดังอยู่เฉพาะในตัวบ้านของคุณไม่ หากมันดังไป 3 บ้าน 8 บ้าน ยิ่งดึกดื่นเที่ยงคืนที่ผู้คนอื่นเขาจะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างผาสุข ก็กลับต้องมาทนฟังเสียงเพลงจากนักร้องขี้เมาที่หาความไพเราะเสนาะหูไม่ได้เลย แม้เขาจะไม่มายืนด่าอยู่หน้าบ้านคุณ แต่เขาก็สาปแช่งอยู่ในใจนะ ไม่เป็นศิริมงคลเลยนะ นอกจากนั้นเมียของคุณเล่าก็จะต้องอดหลับอดนอน คอยเก็บกวาดล้างถ้วยล้างชามหลังจากที่วงเหล้าเลิกราแล้ว ส่วนคุณซึ่งเป็นคนหางานให้เมียทำ กลับมุดมุ้งนอนหลับสลบไสลเพราะความเมา มันควรแก่การน่าละอายบ้างไหม[/FONT]?[FONT=&quot] คุณไปลองนั่งคิดพิจารณาดูเอาเองก็แล้วกันนะ[/FONT]”

[FONT=&quot]หลวงพ่อพูดและเมื่อเห็นข้าพเจ้านั่งคอตกตั้งใจฟังอยู่ ก็พูดต่อว่า[/FONT]“[FONT=&quot]ความจริงแล้ว การดื่มสุรานั้นมันไม่เฉพาะแต่ทำให้ชาวบ้านและลูกเมียของคุณเดือดร้อนเท่านั้นนะ หากแต่ตัวของคุณเองนั่นแหละ จะเดือดร้อนหนัก ในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ก็อาจเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นโรคกระเพาะ โรคไต โรคตับแข็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง แอลกอฮอลิสซึ่ม หรืออัมพาตได้นะ และเมื่อตายไป หากเกิดเป็นมนุษย์ในชาติหน้า ก็จะต้องไปรับกรรมอีก กล่าวคือ ถ้าดื่มน้อย เกิดมาจะเป็นคนที่มีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน มึนงงอยู่ตลอดกาล รักษาไม่หายขาด ถ้าดื่มขนาดกลาง เกิดมาก็จะเป็นโรคประสาท และถ้าดื่มขนาดหนัก เกิดมาก็จะเป็นคนวิกลจริต หรือคนบ้าทีเดียวนะ จำไว้[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot] เอ้อ[/FONT]!..[FONT=&quot]ทางที่ดีเอาอย่างนี้ซิ ใน 2-3 วัน ฉันขอให้คุณร่วมวงสุรากับเพื่อนๆเช่นเดิม แต่คุณอย่าดื่มนะ หากเพื่อนถามคุณก็บอกไปว่าไม่สบาย หมอห้าม หรือไม่ก็บอกว่ารับปากฉันไว้ ผิดสัจจะไม่ได้ คุณจะทำได้ไหม[/FONT]? ”

“[FONT=&quot]ผมรับปากครับหลวงพ่อ แล้วหลังจากนั้นเล่าครับ[/FONT]?”[FONT=&quot] ข้าพเจ้ารับปากแล้วถาม[/FONT]

“[FONT=&quot]คุณก็มาเล่าให้ฉันฟัง ถึงเหตุการณ์ในวงสุราของคุณสิว่า คุณมีความรู้สึกอย่างไร [/FONT]? [FONT=&quot]ส่วนหลังจากนั้นคุณจะไปดื่มกินกับเพื่อนของคุณอีกก็เป็นเรื่องของคุณ[/FONT]”[FONT=&quot] หลวงพ่อพูด[/FONT]

 [FONT=&quot]ข้าพเจ้าเมื่อรับปากหลวงพ่อแล้ว ก็ปฏิบัติตามโดยขอตัวเพื่อนๆไม่ยอมดื่มจริงๆ แต่อยู่พูดคุยร่วมวงด้วยเหมือนเดิม และคอยอำนวยความสะดวกให้ แม้จะถูกคะยั้นคะยอจากเพื่อนๆ สักเพียงไร ข้าพเจ้าก็ยืนกรานไม่ยอมดื่ม แก้วแล้วแก้วเล่าผ่านไป บรรดาเพื่อนชักเริ่มเมา บางคนก็เริ่มคุยอวดศักดาความเก่งกล้าของตน อีกคนก็คุยบ้าง ยกตัวเองเข้าข่มว่าตนนั้นยิ่งแน่กว่า ข้าพเจ้าซึ่งมิได้เมาด้วย ชักเกิดความรำคาญ และมองเพื่อนๆเหล่านั้นเหมือนคนแปลกหน้า ในใจคิดสมเพชเวทนาว่า คนเหล่านี้เก่งเฉพาะตอนเมาแท้ๆ เวลาไม่เมาก็แหยๆ และไม่เคยกล้าเผชิญต่ออะไรเลยทั้งสิ้น มีแต่ข้าพเจ้าเท่านั้นที่คอยรับหน้าคุ้มครองให้ พอเหล้าเข้าปากกลับกลายเป็นคนเก่งทั้งนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
เวลาผ่านไป เพื่อนๆก็เมามายมากขึ้น ส่งเสียงร้องเพลงกันลั่นไปหมด ข้าพเจ้าชักหนักใจยิ่ง นึกถึงคำพูดหลวงพ่อขึ้นมาด้วย ก็ยิ่งเกิดเกรงใจชาวบ้านข้างเคียง เพราะบ้านที่อยู่เป็นเรือนแถวเสียด้วย อีกทั้งเวลาในขณะนั้น 5 ทุ่มกว่าแล้ว ข้าพเจ้าจึงเลี่ยงลงจากบ้านแล้วเดินผ่านห้องข้างเคียงไปจนสุดเรือนแถว และแม้ออกไปจนถึงถนนใหญ่ เสียงนักร้องขี้เมาจากบ้านของข้าพเจ้าก็ยังได้ยินดังลั่นเกินกว่า 3 บ้าน 8 บ้านเสียอีก เมื่อข้าพเจ้ากลับขึ้นบ้าน เพื่อนขี้เมาบางคนก็หันมาพูดพร้อมกับเรอเอิ้กอ้าก กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้งจนข้าพเจ้าแทบจะทนไม่ได้ ยิ่งมองดูกับแกล้มกลางวง มันมีสภาพเหมือนมิใช่คนกินจริงๆ ตามขอบจาน ตามพื้น มีชั้นส่วนอาหารและน้ำแกงหกเรี่ยราด คิดในใจว่า นี่เราร่วมกินเหล้ากับเขาเหล่านี้มาได้อย่างไรกันหนอ[/FONT]
[FONT=&quot]
ในคืนนั้น กว่าเพื่อนขี้เมาของข้าพเจ้าจะเลิกราได้ ก็ประมาณเกือบตี 1 โดยบางรายก็เดินโซเซร้องเพลงกลับ บางรายขี่มอเตอร์ไซค์กลับ แต่กว่าจะตั้งตัวได้ก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายตลบทีเดียว เมื่อส่งเพื่อนๆเสร็จข้าพเจ้าก็ขึ้นบ้าน เข้าช่วยภรรยาและทหารรับใช้เก็บถ้วยชามไปล้าง ทำความสะอาดพื้น โดยเฉพาะระเบีย[FONT=&quot]ง[/FONT]หน้าบ้านสกปรกมาก เพราะมีบางคนมาอาเจียนทิ้งไว้ จิตใจของข้าพเจ้าในตอนนั้นเกิดความรักและสงสารภรรยาเป็นที่สุดที่ทนลำบาก อดหลับอดนอนทำทุกอย่างเพื่อข้าพเจ้าตลอดมา โดยมิได้ปริปากบ่นสักคำ พอกันทีเพียงครั้งเดียวที่ข้าพเจ้ามิได้ดื่มเหล้าและทนนั่งอยู่ในกลุ่มเพื่อนร่วมแก๊งขี้เมา ก็สุดแสนจะทนได้เสียแล้วและในคืนนั้นเองข้าพเจ้าก็ตั้งปณิธานไว้โดยแน่ชัดว่า นับแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะเลิกดื่มสุราโดยเด็ดขาด และข้าพเจ้าก็ปฏิบัติได้มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งยังความปลื้มปิติยินดีแก่ภรรยาและบุตรของข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง [/FONT]
[FONT=&quot]
สำหรับเหตุการณ์ในวงสุรานั้น ข้าพเจ้าก็ได้เล่าให้หลวงพ่อฟังโดยละเอียด รวมทั้งบอกถึงความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้น และความตั้งใจโดยเด็ดเดี่ยวที่จะเลิกดื่มด้วย ซึ่งหลวงพ่อก็ยินดีและพูดให้กำลังใจว่า[/FONT]

“[FONT=&quot]มันถึงเวลาของคุณแล้วนั่นเอง จึงทำให้คุณเกิดความรังเกียจที่จะดื่มสุราต่อไป และบัดนี้ทางเดินเข้าสู่แสงธรรมของคุณสว่างแล้วนะ จงตั้งใจเดินไปเถิด[/FONT]”
[FONT=&quot]
ท่านผู้อ่านที่รัก เคยสงสัยในปัญหาข้อนี้เช่นข้าพเจ้าบ้างไหมครับ[/FONT]? [FONT=&quot]ถ้าเคยสงสัยมา ข้าพเจ้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คำตอบของหลวงพ่อกระจ่างชัดแล้วนะครับ[/FONT]

softkid9 · 10 กรกฎาคม 2014

ท่านใดที่ตอนเช้าอ่านไ้ด้แค่ครึ่งเรื่อง ผมลงต่อจนจบแล้วนะครับ พอดีญาติธรรมคนนึงในบอร์ดเคยโดนถามว่าการรักษาศีล ๕ ในข้อห้ามดื่มสุรานั้นไม่ค่อยมีเหตุผล เพราะว่าการดื่มสุราไม่ได้เบียดเบียนใคร ทำไมจึงต้องตกนรกและมีโทษขนาดนั้น ผมจึงนำมาลงเพื่อเป็นข้อคิดกับญาติธรรม ลูกๆหลานๆของหลวงพ่อครับ ถ้าญาติพี่น้องสามีภรรยาท่านใดยังละเมิิดศีลข้อนี้อยู่ลองให้อ่านกันดูนะครับ ถ้าถึงเวลาของเค้าแล้วจะเป็นกำลังใจให้เลิกได้โดยเด็ดขาดครับ

White Sage · 19 กุมภาพันธ์ 2014

สาธุค่ะพี่ ขอบพระคุณนะคะ ^__^

softkid9 · 24 กุมภาพันธ์ 2014

ได้เลยครับ ที่ตั้งใจนำมาลงก็เพราะไปอ่านประสบการณ์มโนมยิทธิ เรื่องยถากัมมุตาญาณ-ผลกรรมในอดีตชาติของคุณน้องWhite Sage นั้นละครับ อนุโมทนาบุญครับ

ข้าวซอยไก่ · 6 มีนาคม 2014

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทาด้วยครับ

softkid9 · 4 กรกฎาคม 2014

ใกล้เข้าพรรษาแล้ว มาอัพเดทสำหรับท่านที่กำลังตัดสินใจงดเหล้าเข้าพรรษาครับ

buakwun · 4 กรกฎาคม 2014

กราบอนุโมทนา สาธุการ คำตอบของหลวงพ่อกระจ่างแจ้งจริง ๆ ค่ะ การผิดศีลเพียงข้อเดียวคือข้อ ๕ สุราเมรย ย่อมนำไปสู่ความวิบัติและหายนะตามมาถึงศีลทั้ง ๔ ข้อด้วย
การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ได้แม้เพียงข้อเดียวยังส่งผลให้มหาศาล แล้วถ้ารักษาศีลให้บริสุทธิ์ทั้ง ๕ เล่าจะเป็นมหากุศลอันประเสริฐสักเพียงใด

ศีลเป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง
เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย
และเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง
เพราะฉะนั้น พึงชำระศีลให้บริสุทธิ์

สาธุ สาธุ สาธุ

softkid9 · 12 สิงหาคม 2015

อัพสำหรับท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านครับ

kingooo · 19 พฤศจิกายน 2015

คนดื่มน้อย มีอาการที่รักษาไม่หาย จริง ครับ ตอนที่ผมสวดมนต์ ผมมีอาการมึน ทุกครั้งเลย
อนุโทนา สาธุ ด้วยครับ

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

(ขุดกระทู้เก่าครับ)สำหรับใครที่คิดว่าการดื่มสุราไม่มีโทษไม่ได้เบียดเบียนใคร

softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

ข้าวซอยไก่ สมาชิก

softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

kingooo สมาชิกใหม่

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

(ขุดกระทู้เก่าครับ)สำหรับใครที่คิดว่าการดื่มสุราไม่มีโทษไม่ได้เบียดเบียนใคร

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา