ข่าวสาร วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี โดยเพจมูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ, 19 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    ประวัติพระธาตุดอยตุง
    ตามตำนานเล่าว่า พระธาตุดอยตุงสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอชุตราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองโยนกนาคพันธุ์(ปัจจุบันคืออำเภอแม่จัน) พระมหากัสสปะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุlส่วนพระรากขวัญเบื้องซ้าย(กระดูกไหปลาร้า) แล้วมอบให้แก่ พระเจ้าอชุตราช ได้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้นไว้บนดอยแห่งนี้ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ แล้วจึงได้ให้ทำตุง (ธง) มีความยาว 1,000 วาปักบนยอดเขาหากตุงปลิวไปถึงที่ใดก็กำหนดให้เป็นฐานของพระเจดีย์ ทั้งนี้พระองค์ได้พระราชทานทองคำให้พวกลาวจกเป็นค่าที่ดิน และให้พวกมิลักขุ 500 ครอบครัวดูแลรักษาพระธาตุ ต่อมาในสมัยพญามังรายแห่งราชวงศ์มังราย พระมหาวชิรโพธิเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาถวาย 50 องค์ พญามังรายจึงให้สร้างพระเจดีย์อีกองค์ใกล้กับเจดีย์องค์เดิม นับจากนั้นเป็นต้นมาพระธาตุดอยตุงจึงได้มีเจดีย์สององค์มาจนถึงทุกวันนี้

    หลวงพ่อกับพระธาตุดอยตุง
    …..หลวงปู่ชุ่ม ท่านเป็นศิษย์ครูบาศรีวิชัยฯ รุ่นพี่ของหลวงปู่ทึม เมื่อสิ้นบุญครูบาศรีวิชัยฯ แล้วหลวงปู่ทึมได้โลงศพ หลวงปู่ชุ่มได้ไม้เท้ากับพัดขนนก ท่านเดินตามรอยเท้าของครูบาอาจารย์มาโดยตลอด ถนนทางขึ้นพระธาตุดอยตุงสมัยโน้นเป็นทางเท้า หลวงปู่ชุ่มนี่แหละที่ไปนั่งหนักเอาคนเมือง คนดอยมาช่วยกันกรุยถนน จนเป็นทางรถยนต์ขึ้นได้ถึงยอดดอย

    โดยรัฐบาลไม่ต้องออกสตางค์สักบาทหนึ่ง บนพระธาตุมองไปด้านหลังจะเป็นหน้าผาสูงชันแบ่งเขตไทยกับคู่ต่อสู้สมัยดึกดำบรรพ์ก็พม่านั่นไงล่ะ หลวงพ่อของเราเคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหาทุนให้กรมศิลปากร เปลี่ยนฉัตรทองยอดพระธาตุซึ่งเดิมชำรุดเสียใหม่ และท่านก็ไปทำพิธีบวงสรวงให้ด้วย เหนือ – ใต้ – ออก – ตก

    การใดเพื่อชาติ การใดเพื่อพระพุทธศาสนา การใดเพื่อพระมหากษัตริย์ หลวงพ่อของเราด้นดั้นฝ่าฟันไปมาหมด บางครั้งก็หลายรอบจนกว่าภาระจะเสร็จสิ้น…
    ข้อมูลจาก
    หนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม 2 ตอน 2 /www.facebook.com/hashtag/pid5053">#pid5053” target=”_blank”>http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1411 #pid5053

    http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2_(%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%87)
    โพสต์โดย Admin เด็กวัดหลวงตาแสง

    .jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  2. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    พยาโรสะนา ปะฏิฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
    ไม่ควรปรารถนาทุกข์แก่กันและกัน เพราะความกริ้วโกรธด้วยความคับแค้นใจ

    มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
    มารดาถนอลูกคนเดียว ผู้เกดในตนด้วยยอมพร่าชีวิตได้ฉันใด

    เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
    พึงเจริญเมตตา มีในใจ ไม่มีประมาณในสัตว์ฉันนั้น

    สถานที่: พระธาตุเจดีย์ศรีศากยะ และ พระพุทธศรีศากยะ, บ้านห้วยปูลิง, อ.อมก๋อย, จ.เชียงใหม่
    รูป: คุณพสิฐ หีบพร
    เนื้อเรื่อง: http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=827
    โพสต์โดย: เด็กวัดหลวงตาแสง

    -ปะฏิฆะสัญญา-นา.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    รายนามผู้ร่วมบริจาค ระบบกรองน้ำสะอาดสำหรับดื่ม
    ที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ชุดละ 45,000 บาท
    (ท่านใดประสงค์บริจาคเพิ่มเติม ให้ถวายโดยตรงกับท่านเจ้าคุณ “พระภาวนากิจวิมล” ที่งานดอยตุง)

    1-3. คุณจิตอารีย์ ทีปนาถ บริจาค 3 ชุด เป็นเงิน 135,000 บาท

    4. คุณสุดา เสริมศรี บริจาค 1 ชุด เป็นเงิน 45,000 บาท

    *(ในรูปมอบให้ โรงเรียนนาไคร้ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2554 เจ้าภาพโดย Mr.Shake)
    ภาพโดย : คุณน็อต
    โพสต์โดย : MK

    -ระบ.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  5. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  6. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  7. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  8. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  9. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  10. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    ประวัติวันมาฆบูชา
    วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๓ หรือประมาณราวเดือนกุมภาพันธ์ แต่หากเป็นปีอธิกมาส (ปีที่มีเดือน ๘ สองหน) วันมาฆบูชาจะเลื่อนไปเป็น วันขึ้น ๑๕ ค่ำกลางเดือน ๔ หรือประมาณเดือนมีนาคม
    วันมาฆบูชา ย่อมาจากคำว่า “มาฆปุรณมีบูชา” แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน ๓ ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาด้วยมีเหตุสำคัญ ๓ ประการได้แก่ ในปีที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์ ๘๐ พรรษา ทรงปลงอายุสังขารประกาศว่าอีก ๓ เดือนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ เมืองกุสินาราหนึ่ง ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์หนึ่ง และเป็น “วันจาตุรงคสันนิบาต” แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ ๔ ซึ่งเป็นเหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นพร้อมกันในสมัยพุทธกาล คือ
    ๑. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่างๆ เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ
    ๒. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูปเหล่านี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ และได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
    ๓. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ต่างมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย
    ๔. วันที่มาประชุม ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันเพ็ญกลางเดือน ๓) เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเทศนา อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ โอวาทปาติโมกข์
    โอวาทปาติโมกข์ คือ ข้อธรรมย่ออันเป็นหลักหรือหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ๓ ประการ ได้แก่
    ๑. ไม่ทำความชั่วทั้งปวง เว้นจากความชั่วด้วยกาย วาจา ใจ
    ๒. ทำความดีให้ถึงพร้อม ด้วยกาย วาจา ใจ
    ๓. ทำจิตใจให้หมดจดบริสุทธิ์ผ่องใส
    การปลงอายุสังขาร
    หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้และสั่งสอนพระธรรมมาเป็นระยะเวลา ๔๕ ปี พระองค์ทรงปลงอายุสังขาร คือ ตั้งพระทัยว่า “ต่อแต่นี้ไปอีก ๓ เดือน เราจักเสด็จดับขันธปรินิพพาน” การปลงอายุสังขาร ตรงกับวันมาฆบูชาในปีที่พระพุทธองค์มีพระชนมายุ ๘๐ พระชันษา

    ประวัติการประกอบพิธีมาฆบูชา
    ในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ดังนี้
    การมาฆบูชานี้ แต่เดิมก็ไม่ได้เคยทำมา เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ทรงกำหนดตามแบบโบราณบัณฑิตนิยมไว้ว่า วันมาฆปุรณมีพระจันทร์เสวยฤกษ์ได้ตรัสเทศนาโอวาทปาติโมกข์ในที่ประชุมสงฆ์ เป็นการประชุมใหญ่และเป็นการอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา นักปราชญ์จึงได้ถือเอาเหตุนั้นประกอบการสักการบูชาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ พระองค์นั้น ให้เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสและสังเวช
    การพระราชกุศลนั้น เวลาเช้าพระสงฆ์วัดบวรนิเวศน์และวัดราชประดิษฐ์ ๓๐ รูป ฉันในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำเสด็จออกทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นเหมือนอย่างที่วัดแล้ว จึงได้สวดมนต์ต่อไปมีสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ด้วย สวดมนต์จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ ๑,๒๕๐ เล่ม มีประโคมด้วยอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงได้มีเทศนาโอวาทปาติโมกข์กัณฑ์ ๑ เป็นเทศนาทั้งภาษามคธและภาษาสยาม เครื่องกัณฑ์จีวรเนื้อดีผืนหนึ่ง เงิน ๓ ตำลึงและขนมต่างๆ เทศน์จบพระสงฆ์ซึ่งสวดมนต์รับสัพพีทั้ง ๓๐ รูป
    การมาฆบูชานี้เป็นดือนสามบ้าง เดือนสี่บ้าง ตามวิธีปักษคณนาฝ่ายธรรมยุติกนิกาย แต่คงอยู่ในดือนสามโดยมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทุกปีมิได้ขาด แต่ในแผ่นดินปัจจุบันนี้ (หมายถึงสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เสด็จออกบ้างไม่ได้ออกบ้าง เพราะมักจะเป็นเวลาประสบกับที่เสด็จประพาสหัวเมืองบ่อยๆ ถ้าถูกคราวเสด็จพระราชดำเนินไปประพาสบางประอินหรือพระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระปฐมเจดีย์ พระแท่นดงรัง ก็ทรงทำมาฆบูชาในสถานที่นั้นๆ ขึ้นอีกส่วนหนึ่งต่างหากนอกจากในพระบรมมหาราชวังฯ
    อ้างอิง: ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทย. กรุงเทพฯ : ชมรมเด็ก, 2539.

    .jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  12. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    พระธรรมเทศนา เรื่อง โอวาทปาติโมกข์

    แสดงเมื่อ วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2523

    นะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

    สัพพปาปัสสะ อกรณัง กุสลัสสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง เอตัง พุทธานสาสนังติ ณ โอกาสบัดนี้ อาตมาภาพจะแสดงพระสัทธรรมเทศนาในความเป็นมาของมาฆบูชาเพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองคศรัทธาบารมี ที่บรรดาท่านนริศราทานบดีทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศล เนื่องใน วันมาฆบูชา ในการที่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายโดยถ้วนหน้าตั้งใจบำเพ็ญกุศลบุญราศีเป็นกรณีพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันมาฆบูชานี้ องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงประกาศแนวทางแห่งการประกาศพระพุทธศาสนาไว้แก่บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลาย ที่ไปประกาศพระศาสนา เวลานี้ก็ขอกล่าวเข้าเรื่องของการมาฆบูชาไปเลย เพราะว่าส่วนอื่น บรรดาท่านศาสนิกชนทั้งหลายก็ทราบกันอยู่แล้วความมีอยู่ว่า

    เมื่อองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว สมเด็จพระประทีปแก้วก็ทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพุทธบริษัท ในขณะนั้นประเพณีที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ทรงปฏิบัติ นั่นก็คือ ท่านผู้ใดถ้าได้ฟังเทศน์จากองค์สมเด็จพระจอมไตร พระบรมศาสดาแล้วก็ได้บรรลุอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลเบื้องสูงในพระพุทธศาสนาสมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงส่งไปประกาศพระศาสนาทันที แต่ว่าการประกาศพระศาสนานี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์ตรัสว่า ขอเธอทั้งหลายจงอย่าไปในทีเดียวกันสององค์จะไปในสถานที่ละหนึ่งองค์ ทั้งนี้ เพราะว่าเวลานั้นพระพุทธศาสนาเกิดใหม่ๆ พระหรือคนที่มีความรู้ในพระศาสนาขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดามีน้อย
    เป็นอันว่านับตั้งแต่วันเข้าพรรษา คือ วันอาสาฬหบูชาที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร รวมความว่า วันกลางเดือน ๘ วันนั้นมาจนกระทั่งวันกลางเดือน ๓ ปรากฏว่ามีบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายที่สำเร็จอรหัตผล และที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาส่งไปประกาศพระศาสนา มีจำนวนทั้งหมด ๑,๒๕๐ รูป แต่ก็เป็นการบังเอิญอย่างยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันมาฆบูชา ตามพระบาลีกล่าวว่าเป็นวัน จาตุรงคสันนิบาต คำว่าจาตุรงคสันนิบาต ก็แปลว่ามีการประชุมกันด้วยเหตุ ๔ ประการวันนั้นเป็นวันกลางเดือน ๓ พอดี วันบรรดาที่พระสงฆ์ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาส่งไปประกาศพระศาสนา ต่างองค์ต่างท่าน ก็คิดว่าวันนี้ก็ควรที่จะไปเฝ้าองค์พระศาสดา จึงจะเป็นการสมควรเป็นอันว่าการมาคราวนั้นบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ไม่มีการนัดหมายกัน ความจริงเห็นจะนัด ก็คงจะนัดไม่ไหว เพราะไปคนละทิศละทาง ต่างคนก็ต่างมาเฝ้าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงกล่าวว่าเป็น จาตุรงคสันนิบาต ก็คือ
    ๑. บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายเหล่านั้น ที่บวชเข้ามา บวชด้วย เอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นพระที่พระพุทธเจ้าบวชให้เองทุกองค์ จัดว่าเป็นอันดับหนึ่ง
    ๒. บรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นเป็นอรหันต์ทั้งหมด
    ๓. บรรดาพระทั้งหมดที่ตั้งใจมาเฝ้าองค์สมเด็จพระบรมสุคตไม่มีการนัดหมายซึ่งกันและกัน
    ๔. เมื่อบรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นมาพร้อมกันแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็ทรงแสดง โอวาทปาติโมกข์
    เป็นอันว่า วันนั้นเป็นเหตุ ๔ ประการด้วยกัน ตามพระบาลี จึงกล่าวว่าเป็น จาตุรงคสันนิบาตเมื่อองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถเห็นบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายเหล่านั้นมาประชุมกัน และก็เป็นวันพอดี คำว่าพอดีในที่นี้ก็หมายว่า พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ที่ทรงผ่านมาแล้วก็ถือว่าเป็นกลางเดือน ๓ แต่ว่าปีนี้เป็นกลางเดือน ๔ นะเพราะ ๘ สองหน ก็ยังถือเป็นกลางเดือน ๓ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ทรงแสดง โอวาทปาติโมกข์
    ในการที่จะแสดง โอวาทปาติโมกข์ ก็เป็นเหตุ ๔ ประการ เหมือนกันทุก ๆพระองค์ นี่จะกล่าวว่า เป็นประเพณีก็เป็นประเพณี จะกล่าวกันไปอีกทีก็ถือว่าเป็นความสำคัญในพระพุทธศาสนา ตามพระบาลีตอนหนึ่ง อรรถกถาจารย์น่ากลัวจะไม่ใช่ อรรถกถาจารย์ จะเป็นเพราะว่า อาจารย์รุ่นหลัง นักปราชญ์รุ่นหลังกล่าววิจารณ์กันว่า เพราะว่าวันกลางเดือน ๓ ตรงกันกับวันตรียัมปวายของพราหมณ์ หมายความว่า วันกลางเดือน ๓ เป็นวันสำคัญของพราหมณ์ บรรดาพราหมณ์จะทำพิธีบูชายัญ หรือว่านัดพร้อมกันเป็นการประชุมซักซ้อมความเข้าใจบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายเหล่านั้นก็มาจากพราหมณ์
    ความจริงความคิดเห็นนี้ไม่ถูก เป็นคนที่มีกิเลสสร้างขึ้นมาเป็นการเดา แต่ความจริงประเพณีจริงๆ เป็นเรื่องขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งไปประกาศพระศาสนาคราวนั้นเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณทั้งหมด ย่อมมีญาณพิเศษเป็นเครื่องรู้ ฉะนั้นเมื่อเป็นวันสำคัญที่องค์สมเด็จพระบรมครูควรจะกำหนดการวิธีประกาศพระศาสนา ท่านทั้งหลายเหล่านั้นย่อมทราบด้วยอำนาจอตีตังสญาณโบราณกาลในพระพุทธศาสนา ปฏิบัติกันเป็นประการใด จึงพากันเข้ามาเฝ้าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาพร้อมเพรียงกัน
    ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาเห็นว่า บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายเหล่านั้นมาประชุมกัน เป็นไปตามระบบของพระพุทธศาสนาในระบบของพระพุทธศาสนาในดั้งเดิมมา องค์สมเด็จพระศาสดาจึงได้นัดประชุมสงฆ์ รวมลงแล้วมีพระสงฆ์ซึ่งเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณเป็นครูที่สอนในด้านของพระพุทธศาสนาทุกองค์ จำนวน ๑,๒๕๐ รูป เมื่อบรรดาพระสงฆ์ประชุมกันแล้วองค์สมเด็จพระประทีปแก้วจึงได้วางหลักเกณฑ์ในการประกาศพระพุทธศาสนา
    ทำไมจึงต้องทำอย่างนั้น บรรดาญาติโยมคงจะสงสัย เพราะว่าในกาลก่อน ท่านที่บรรลุพระอรหันต์แล้วองค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็ส่งไปประกาศพระศาสนาทันทีการสอนหรือการแนะนำนี้ อาจจะมีอาการไม่สม่ำเสมอกัน ไม่เป็นระเบียบ และถ้าจะถามว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่ทรงแนะนำเสียก่อน ดีไม่ดีบรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นจะไปลัดคิวสอน ไม่ตรงกับความเห็นขององค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดา ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีความสงสัยอย่างนี้อาตมาก็ต้องขอแก้แทนพระพุทธเจ้า ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลายทุกพระองค์ ไม่มีใครลัดคิวสอน นอกเหนือคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงแม้ว่าจะแค่ฟังเทศน์จบแรก ได้เป็นพระอรหันต์ พอเป็นพระอรหันต์แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อรหันต์เวลานั้นเป็น อรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เดิมทีอาจจะเลี้ยงวัว เลี้ยงควายเป็นทาสรับใช้ของใครก็ตามที ไม่เคยรู้เรื่องในพระพุทธศาสนามาก่อน ฟังเทศน์จากองค์สมเด็จพระชินวร พอจบถ้าบรรลุอรหัตผลเป็นปฏิสัมภิทาญาณ องค์สมเด็จพระพิชิตมารก็ตรัสว่า ท่านผู้นี้เป็นผู้ทรงพระไตรปิฏก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าอรหันต์มีอยู่ ๔ ประเภท คือ
    ๑. สุกขวิปัสสโก
    ๒. เตวิชโช
    ๓. ฉฬภิญโญ
    ๔. ปฏิสัมภิทัปปัตโต
    อรหันต์ ๔ ประเภทนี้ มีคุณธรรมพิเศษเสมอกันอยู่อย่างหนึ่ง คือตัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหานเหมือนกัน แต่ว่าด้านความสามารถไม่เสมอกัน อรหันต์สุกขวิปัสสโก รู้เรื่องราวของการตัดกิเลสได้ดี ถึงแม้ว่าสอนก็สอนไม่ผิด แต่ถ้าจะใช้อารมณ์จิตเป็นเครื่องรู้อย่างอื่นนี่ไม่สามารถจะทำได้สำหรับ เตวิชโช นี้ ก็สามารถจะมีทิพจักขุญาณ สามารถที่จะระลึกชาติได้มีความสามารถเกินกว่า สุกขวิปัสสโก สำหรับ ฉฬภิญโญ ก็มีความดีกว่า เตวิชโช สามารถแสดงฤทธิ์ได้ มีอะไรดีกว่าทุกอย่างเรียกว่ารู้พิเศษ สามารถพิเศษกว่าทุกอย่างกว่า เตวิชโช สำหรับ ปฏิสัมภิทัปปัตโต หรือที่เรียกว่า ปฏิสัมภิทาญาณ มีสามารถคลุมในด้านของวิชชาสาม และ อภิญญา 6 ทั้งหมด หมายความว่า วิชชาสาม ทำอย่างไรได้ อภิญญา ๖ ทำอย่างไร ได้ ปฏิสัมภิทาญาณ ก็ทำได้นอกจากนั้นก็ยังมีความสามารถพิเศษ คือ
    ๑. สามารถจะขยายเนื้อความโดยย่อ ที่พระพุทธเจ้าแล้วให้เป็นพิสดารโดยไม่ผิด
    ๒. ข้อความใดที่ขยายแล้วเป็นพิสดาร จะกล่าวโดยย่อ ให้สั้นได้ใจความก็ไม่ผิด
    ๓. และก็มีความฉลาดในด้านปฏิภาณ มีความไหวพริบดี สิ่งใดในคำว่าไม่รู้ในปฏิสัมภิทาญาณ ไม่มี ถึงแม้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นจะไม่เคยศึกษามาก่อน อาศัยญาณวิเศษนี้เป็นเครื่องบอก
    ๔. และประการที่ ๔ สำหรับ ปฏิสัมภิทาญาณ ก็มีความฉลาดในภาษาหมายความว่าภาษาคนทั่วโลกนี้ ปฏิสัมภิทาญาณ รู้หมด พูดได้และก็ภาษาสัตว์ทุกประเภทปฏิสัมภิทาญาณ ก็ทราบ
    เป็นอันว่าในสมัยนั้น มีพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ทั้งหมด องค์สมเด็จพระบรมสุคต จึงเห็นว่าเป็นของไม่แปลก เมื่อได้แล้ว ที่ส่งไปประกาศพระศาสนานั้นมันเป็นความรู้ชั้นต่ำหรือว่าท่านผู้ฟังยังไม่ใช่เป็นพระอรหันต์ ฉะนั้นการสอนจึงเป็นการสอนเบื้องต้นก็มีหลายคนเหมือนกันที่ฟังไปฟังไปรับการสอนแล้วก็เป็นพระอรหันต์ เมื่อได้เป็นพระอรหันต์แล้ว บรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นก็พากันมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ขอการอุปสมบทบรรพชา เป็นอันว่าองค์สมเด็จพระบรมศาสดาทราบว่า การสอนของท่านพวกนั้นไม่ผิด เห็นผลในการที่องค์สมเด็จพระธรรมสามิสรทรงทราบ ก็เพราะว่า การส่งไปประกาศพระศาสนาจริงๆ ในเบื้องต้นไม่กี่รูป เมื่อท่านสอนกันไปสอนกันมาในที่สุด จนกระทั่งได้พระอรหันต์จริงๆ ๑,๒๕๐ รูป นับตั้งแต่หลังกลางเดือน ๘ เป็นต้นมาถึงกลางเดือน ๓ ในช่วงนี้มีอรหันต์ถึง ๑,๒๕๐ รูป มิใช่น้อย เป็นอันว่าทุกท่านที่ไปส่วนนั้นก็สอนถูกมา
    เทศน์ไปถึงตอนนี้ก็คิดว่า วัน จาตุรงคสันนิบาต นี่มีความสำคัญ ในวันนั้นก็มีความสำคัญ และวันนี้ก็มีความสำคัญ คำว่าวันนี้ที่มีความสำคัญ ก็เพราะมองดูหน้าบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านที่มา วันจาตุรงคสันนิบาต ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ นี้ ดูหน้าแล้วส่วนใหญ่เป็นคนที่ได้ญาณพิเศษ คือ มโนมยิทธิ สำหรับ มโนมยิทธิ นี้ ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทไม่ประมาท ก็สามารถจะคุมอารมณ์ใจ ให้เป็นพระอริยเจ้าได้โดยไม่ยาก เพราะว่ามีพยานเป็นเครื่องยืนยัน เราสามารถจะไปในสวรรค์ชั้นไหนก็ได้ รู้สภาวะของสวรรค์ทั้งหมด จะไปพรหมชั้นไหนก็ได้ รู้สภาวะความของพรหมทั้งหมด จะไปพระนิพพานได้ รู้สภาวะของนิพพานทั้งหมด หรือจะไปอบายภูมิก็ได้ จะเป็นเครื่องยันใจว่า เราจะไม่เลวต่อไป เพื่อไปอบายภูมิ แต่เห็นว่าความเป็นมนุษย์ดี คงเห็นจะไม่มีใครว่าดี เราต้องการความเป็นมนุษย์ เราก็รู้ลีลาในการเป็นมนุษย์ เราต้องการเป็นเทวดาเราก็รู้ลีลาในการเป็นเทวดา เราต้องการเป็นพรหม เราก็รู้ลีลาในการเป็นพรหม เพราะถามเทวดา ถามพรหมได้ ถ้าต้องการไปนิพพานเราก็รู้ลีลาของพระนิพพาน หมายความว่าเราจะศึกษาเรื่องพระนิพพาน ได้ง่ายโดยตรงจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ฉะนั้นการที่มาประชุมกันวันนี้ส่วนใหญ่เป็นว่า ๙๙ เปอร์เซ็นต์ ท่านได้มโนมยิทธิ ถือว่าเป็นญาณพิเศษ ในพุทธศาสนาที่ฝึกกันได้มาก ถอยหลังจากนี้ไปประมาณ ๔๐ ปี แม้แต่พระสงฆ์ที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนานี้ ตั้งใจเอาจริงเอาจัง เพื่อจะได้ญาณนี้ บางท่านปฏิบัติเป็นสิบๆ ปีถึงกับตายไป แล้วก็ไม่มีโอกาสจะได้ ทั้งนี้บรรดาเพื่อนรุ่นอาตมาก็ดี รุ่นก่อนก็ดี รุ่นหลังก็ดีปฏิบัติกันอย่างนี้มาก แต่ว่าตายไปโดยที่ไม่มีผลอะไรเลย นี่เป็นส่วนมากเวลานี้เป็นที่น่ายินดีที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เป็นผู้มีกำลังใจสูงมีการสั่งสมบุญบารมีมาแต่กาลก่อน ดีที่เรียกว่า ปุพเพ กตปุญญตา หมายความว่า เป็นบุญที่บำเพ็ญมาในกาลก่อนนี้ดี มาจับหลักสูตรในพระพุทธศาสนา นี่ก็ถือว่าเป็นการหนักหน่วงอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา คือการฝึกฌานด้านมโนมยิทธินี่ถ้าหากว่ากำลังวาสนาบารมีไม่เต็มอัตรา ก็จะเห็นว่า การปฏิบัติตนเป็นโสดาบันสกิทาคามี นี่ง่ายกว่าเยอะ แต่ว่าบรรดาท่านทั้งหลาย ก็มาฝึกกัน ใช้เวลาไม่มากก็สามารถได้มโนมยิทธิ มีกำลังใจหาพยานเป็นที่อาศัย ว่าการเกิดเป็นเทวดามีจริงพรหมมีจริง พระนิพพานมีจริง อบายภูมิมีจริงเป็นอันว่า วันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงส่วนใหญ่ เป็นผู้ได้ญาณพิเศษมารวมกันบำเพ็ญกุศลบุญบารมีในศาสนาขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ดูแล้วก็เป็นวันคล้ายๆกับ วันจาตุรงคสันนิบาต ในวันนั้น วันนั้นที่องค์สมเด็จพระภควันต์ทรงเทศน์ ก็เพราะว่ามีพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป เป็นปฏิสัมภิทาญาณทั้งหมด วันนี้ก็ปรากฏว่า มีบรรดาท่านพุทธบริษัทที่มาฟังเทศน์ได้มโนมยิทธิเกือบทั้งหมด เช่นเดียวกันเป็นอันว่าเหตุทั้ง ๓ ประการนี้ สอดคล้องกัน

    ต่อไปก็จะขอกล่าวถึง ใจความที่องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสนาเทศน์ในวันนั้น เมื่อบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายมาประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ก็ทรงประทานโอวาทปาติโมกข์ คำว่า โอวาทปาติโมกข์ นี้ฟังเป็นภาษาบาลี รู้สึกว่ามันยังงง โอวาท นี่ก็แปลว่าพูด ปาติโมกข์ ก็หมายความว่านำ แนะนำ ในการเบื้องต้นซึ่งกันและกัน ก็หมายความว่า องค์สมเด็จภควันต์ก็ทรงประกาศว่า ภิกขเว ดูกรภิกษุทั้งหลาย การประกาศพระศาสนาของเธอที่ไปประกาศ ไปสอนกัน ความจริงพวกเธอทั้งหมดทำความดี และก็ตรงกับความประสงค์ของตถาคต พยานที่ปรากฏก็เพราะว่าตถาคตเอง ก็สอนให้คนเป็นพระอรหันต์ไม่กี่คน แต่เวลานี้ผลที่ไปเกิดที่พวกเธอพากันไปช่วยสอน ก็ปรากฏว่ามีอรหันต์ทั้งหมด ๑,๒๕๐ รูป จัดว่าการสอนของพวกเธอนี่สอนถูกต้องตามความเป็นจริง แต่ว่าการสอนของแต่ละท่าน อาจจะลักลั่นกัน ไม่สม่ำเสมอกัน ฉะนั้นต่อแต่นี้ไป ตถาคตจะขอวางแบบแผนเพื่อเป็นการสอนให้สอดคล้องซึ่งกันและกันถ้าจะกล่าวโดยใจความก็ถือว่าพระพุทธเจ้าทรงเทศน์หัวใจของพุทธศาสนาในวันนั้นองค์สมเด็จพระภควันต์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ภิกขเว ดูกรพระภิกษุทั้งหลาย การประกาศพระศาสนาของเธอทั้งหลายเหล่านั้น จงปฏิบัติตามเหตุ ๓ ประการ ตามลำดับแบบนี้หมายความว่าให้สอนไปตามลำดับ ให้เหมือนกัน และองค์สมเด็จพระภควันต์จึงได้กล่าวเป็นพุทธคาถาตามภาษาบาลี ที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่า สัพพปาปัสสะ อกรณัง กุสลัสสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง เอตัง พุทธานสาสนัง เป็นอันว่าเวลานั้นพระพุทธเจ้าอยู่ในเมืองแขก ก็พูดภาษาแขกถ้าจะแปลเป็นภาษาไทย ท่านตรัสอย่างนี้ว่า
    ๑. สัพพปาปัสสะ อกรณัง ซึ่งแปลเป็นใจความว่า เวลาที่เธอไปสอนเขา จงแนะนำให้บุคคลทั้งหมด งดจากความชั่วทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่า ความชั่วทุกอย่าง จงอย่าทำ แต่สิ่งที่ควรเว้นในด้านของความชั่วจะไปอบายภูมิ นั่นก็คือ อย่าให้ละเมิด ศีล ๕ เป็นเรื่องสำคัญ อันดับแรกยกศีล ๕ ขึ้นมาเป็นที่ตั้ง อันดับที่สองแนะนำให้ทุกคนรักษากฎหมายในประเพณีนิยม ของในเขตนั้น ๆ ว่าเป็นการละเมิดกฎหมายประเพณีนิยมก็ดี เป็นความไม่ดี การละเมิดศีล 5 ก็ดี เป็นความไม่ดี ถือว่าเป็นความชั่ว ฉะนั้นขอทุกท่าน จงพากันแนะนำในกิจเบื้องต้น ว่าให้ทุกคนทรงศีลเสียให้บริสุทธิ์ อย่าละเมิดศีล และย่อมละเมิดระเบียบประเพณีของเขต นี่เป็นจะที่ ๑
    ๒. และประการที่ ๒ องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตรัสว่า กุสลัสสูปสัมปทา คำว่า กุสลัสสูปสัมปทา ก็หมายความว่า เมื่อเขาละความชั่วแล้ว ให้ทำความดีทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ คือไม่ละเมิดและพยายามรักษาศีลให้ทรงตัว ปฏิบัติตามระเบียบประเพณีให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศีลที่จะมีขึ้นมาได้ ก็ต้องอาศัยพรหมวิหาร ๔ คือ ๑. มีใจรักซึ่งกันและกัน ทั้งคนและสัตว์ หวังความเป็นมิตร ไม่คิดเป็นศัตรู ประการที่ ๒. มีความสงสาร หวังในการเกื้อกูลซึ่งกันและกันสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในด้านวัตถุ ด้านกำลังกาย และด้านกำลังปัญญา และประการที่ ๓ ไม่มีจิตอิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน เห็นใครได้ดียินดีในความดีนั้นมีการสอดส่องพิจารณาว่าทำไมเขาจึงดี เมื่อรู้เขาดีด้วยเหตุอะไร ก็ปฏิบัติตามเหตุนั้น ตัวก็จะดีด้วย ประการที่ ๔ สิ่งใดที่เขาเพลี่ยงพล้ำ เราไม่สามารถจะช่วยได้ เราไม่ซ้ำเติม วางเฉย คอยที่อยู่พร้อมที่จะช่วยเหลือ มีการทำใจอย่างนี้ ปฏิบัติ อย่างนี้ชื่อว่า กุสลัสสูปสัมปทา เป็นการสร้างความดีให้ปรากฏ
    ๓. และองค์สมเด็จพระบรมสุคตก็ตรัสเป็นข้อที่ ๓ ว่า สจิตตปริโยทปนัง ขอบรรดาท่านทั้งหลายจงแนะนำให้บุคคลทั้งหลาย ได้สร้างเหตุ ๓ ประการได้แล้วตรง จงทำจิตใจของบุคคลนั้นให้ผ่องแผ้ว คือ สอนให้เขาแนะนำให้เขาจงทำใจให้ผ่องแผ้ว โดยอันดับแรกก็พยายามระงับนิวรณ์ ๕ ประการ ให้จิตเป็นฌาน จิตเป็นฌานธรรมดาในอันดับแรก ที่เรียกกันว่า สุข ด้านของสุกขวิปัสสโกก็ดี และยิ่งกว่านั้น องค์สมเด็จพระชินศรีแนะนำว่า ถ้าจะสามารถให้ได้ในเขตของวิชชาสาม และอภิญญาหก ได้ก็ยิ่งดี เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันในคำสอน ในตอนท้าย องค์สมเด็จพระชินวรทรงแนะนำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นจงทำลายสังโยชน์ให้สิ้นไป ถ้าไม่เกินวิสัยที่จะพึงรับได้ เพราะว่าคนที่จะรับคำสอนน่ะ มีอยู่ ๔ ประเภท อุคคฏิตัญญู เป็นคนที่มีบุญวาสนาบารมีดี แนะนำประเดี๋ยวเดียวก็สำเร็จอรหัตผล วิปจิตัญญู คนประเภทนี้ปัญญาทรามลงมานิดหนึ่ง พูดน้อยๆ ไม่เข้าใจ อธิบายให้ฟัง จึงจะมีความเข้าใจ และก็เป็นอรหันต์ได้ ๓. เนยยะ บุคคลประเภทนี้ไม่สามารถจะเป็นพระอริยเจ้าได้ แต่ว่าสอนให้มีความรู้ดี รู้ชอบได้ คือเข้าถึงไตรสรณคมน์ ทรงศีล ๕ บริสุทธิ์ และ ๔ ปทปรมะ บุคคลประเภทนี้สอนเท่าไหร่ ก็ไม่มีมรรค ไม่มีผล สอนให้คนประเภทนี้ทำดีไม่ได้
    เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงแนะนำอย่างนี้แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็ทรงยืนยันว่า องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาคือพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ทรงสอนแบบนี้เหมือนกันหมดท่านทรงยืนยันว่า
    ๑. ทรงสอนว่าให้คนงดความชั่วทั้งหมด
    ๒. สอนให้ทรงไว้ซึ่งความดี
    ๓. แนะนำให้ทำใจผ่องใสจากกิเลส
    องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทรงยืนยันว่า พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่าพระพุทธเจ้าทุกท่านแนะนำอย่างนี้เหมือนกันหมด นี่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ซึ่งเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระบรมสุคตพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ความจริงการเทศน์วันนี้ เทศน์แบบสบายๆ เพราะเทศน์กับคนรู้ที่ได้ความรู้พิเศษ ขององค์สมเด็จพระบรมครู คือ มโนมยิทธิ เป็นอันว่าทุกท่าน มีความปรารถนาที่จะเป็นพระอริยเจ้า ก็มองกำลังใจของตนถ้าว่าบุคคลผู้ใดสามารถทรงศีล ๕ บริสุทธิ์ และก็มีจิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์แต่จิตยังนิยมในด้านของความรัก ในความอยากรวย ยังมีความโกรธ แต่ไม่ทำอันตรายเขาอย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรียกบุคคลนั้นว่า เป็น พระโสดาบันเพราะว่า พระโสดาบัน พระสกิทาคามี มีความสำคัญอยู่ที่ศีล ๕

    ถ้าหากว่าจิตใจของบรรดาทั้งหลายเหล่านั้นระงับ คือบรรเทาความอยากรวย บรรเทาความโกรธ บรรเทาความหลง มันยังต้องมีกิน มีใช้ ยังต้องการเหมือนกัน แต่ใจไม่ดิ้นรนเกินไปอย่างนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงเรียกท่านผู้นั้นว่า เป็น พระสกิทาคามีถ้ากำลังใจของท่านดี มองดูศีลเป็นสำคัญ ถ้าจิตใจของบุคคลผู้ใดนั้นพร้อมในการรักษาศีล ๘ ไม่ใช่ฝืนกาย ไม่ใช่ฝืนใจ กำลังใจทรงร่างกายก็ยอมรับ ถ้าไม่ได้ปฏิบัติในศีล ๘ กำลังใจไม่ดีอย่างนี้เรียกว่าจิตใจของท่าน ก้าวไปสู่ความเป็น พระอนาคามี แต่ว่าจะเป็น พระอนาคามี หรือยัง ก็ดูจริยาของท่านว่า
    ๑. ความรู้สึกหลงใหลใฝ่ฝันในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อยสัมผัสระหว่างเพศมันหายไปแล้วหรือยัง ถ้าสิ่งทั้ง ๕ ประการนี้ มองแล้วมันเจือจาง ไม่มีความต้องการอย่างนี้ ว่าเข้าไปถึงขึ้นอนาคามีขั้นที่หนึ่ง
    ๒. กำลังใจของท่านนี้ เวลากระทบกระทั่งอะไรขึ้น ความไม่พอใจเกิดขึ้น ก็ตัดมันไปอย่างรวดเร็ว หมายความว่ามันไม่พอใจ แต่ไม่ถึงขึ้นโกรธ แล้วมันก็หายไป จิตใจให้อภัยทันที อย่างนี้องค์สมเด็จพระชินสีห์กล่าวว่าท่านผู้นั้นเป็นพระอนาคามีผล
    เอาล่ะบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน เรื่องอรหันต์ไม่ต้องพูดกัน เวลาหมดแล้วต่อนี้ไป ก็หวังว่าบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วฟังแล้วคงจะมีความเข้าใจ และก็มีความรู้สึกของตนเองได้ระดับไหน
    ในที่สุดพระธรรมเทศนานี้ อาตมาภาพก็ขอตั้งสัตยาอธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทั้ง ๓ ประการ ขอจงดลบันดาลให้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน มีแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล และจงเจริญไปด้วยจตุรพิธพรชัยทั้ง ๔ ประการ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ หากทุกท่านมีความประสงค์สิ่งใด ก็ขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนาจงทุกประการ อาตมาภาพรับประทานวิสัชนาในธัมมิกกถาก็ขอยุติพระสัทธรรมเทศนา ลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้

    -เรื่อง-โอวา.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    พิธีเททองหล่อสมเด็จองค์ปฐม ทรงเครื่องจักรพรรดิพร้อมฐาน
    ปางพุทธลีลาประทานพร สูง ๘ ศอก

    วันจันทร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
    ๐๕.๐๐ น.ปฏิบัติพระกรรมฐาน
    ๐๖.๑๕ น.ใส่บาตรและเดินจงกรม
    ๐๘.๐๐ น.ทำวัตรสวดมนต์
    ๐๙.๐๐ น.เริ่มพิธีบวงสรวงและเททองหล่อ สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิพร้อมฐาน ปางพุทธลีลาประทานพร สูง ๘ ศอก โดยพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล เจ้าอาวาสวัดท่าซุงเป็นประธานในพิธี

    ภาพโดย:จเร๕,สุมาลี,อี๊ด
    ข้อมูล:Mk

    .jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    สัพพปาปัสสะ อกรณัง กุสลัสสูปสัมปทาสจิตตปริโยทปนัง เอตัง พุทธานสาสนัง

    หนึ่ง สัพพปาปัสสะ อกรณัง เธอจงแนะนำบรรดาประชาชนทั้งหลายให้ละความชั่วทั้งหมด
    สอง กุสลัสสูปสัมปทา เธอจงแนะนำให้เขาทุกคนสร้างแต่ความดี
    สาม สจิตตปริโยทปนัง จงให้ทุกคนทำอารมณ์ใจให้ผ่องใส
    เอตัง พุทธานะสาสะนัง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ทรงตรัสอย่างนี้เหมือนกันหมด

    กิจกรรมทำบุญที่วัดท่าซุง
    ช่วงเช้า ทำบุญใส่บาตรที่ศาลาพระพินิจ
    ภาพโดย:สุพัฒน์,สุมาลี
    ข้อมูล:MK

    -อกรณัง-กุสลั.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    กำหนดการบ้านซอยสายลม เดือนมีนาคม ๒๕๕๖

    วันที่ ๑ มี.ค. ๒๕๕๖
    ท่านเจ้าคุณและพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเช้า
    แล้วเดินทางไปบ้าน พล.อ.อ.อาทร โรจนวิภาต
    ที่ดอนเมือง เพื่อรับสังฆทาน และ ฉันภัตตาหารเพล

    จากนั้นท่านเจ้าคุณและพระสงฆ์เดินทางเข้าบ้านสายลม
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ลงรับแขกรับสังฆทาน
    เวลา ๒๑.๓๐ น. ขึ้นพัก

    วันที่ ๒-๔ มี.ค. ๒๕๕๖
    รับสังฆทาน ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. ถึง ๑๕.๐๐น. และเจริญพระกรรมฐาน ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๐.๐๐ น. เสร็จแล้วรับสังฆทานต่อ และ สนทนาธรรมจนถึงเวลา ๒๑.๓๐ น.

    วันที่ ๒ – ๓ มี.ค. ๒๕๕๖
    ฝึกมโนมยิทธิตั้งแต่เวลา ๑๒.๓๐ น. ถึง ๑๕.๐๐ น.

    วันที่ ๕ ม.ค. ๒๕๕๖ เดินทางกลับวัดท่าซุง
    ข้อมูลจากhttp://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1622
    ข้อมูล:Mk
    ภาพ:เด็กวัดหลวงตาแสง
    ผู้โพส: Admin Chai

    -เด.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  17. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  18. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  19. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  20. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...