ข้อข้องใจที่ยังหาคำตอบไม่ได้

ได้เข้าไปอ่านคำถามในกระทู้เกี่ยวกับศีลข้อ 3 แล้ว ไม่มีคำถามที่ตรงกับข้าพเจ้าที่กำลังประสบอยู่นี่เลยขอถามดังนี้
ฝ่ายชายมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่เค้าไม่ได้มีอะไรข้องเกี่ยวกันในฐานะสามีและภรรยา(คืออยู่กันแบบเฉยๆ ต่างคนต่างอยู่)เงินก็ไม่ได้ใช้ร่วมกันแต่ที่ต้องอยู่ด้วยกันมีเหตุผลในเรื่องหนี้สินที่ฝ่ายชายยังต้องชดใช้ให้กับฝ่ายหญิงโดยการเอาบ้านของพ่อตาและแม่ยายไปจำนองไว้ ฝ่ายชายจึงต้องรับผิดชอบในส่วนนี้คือทำงานชดใช้ไป แล้วฝ่ายชายได้มารู้จักกับข้าพเจ้า เกิดรักใคร่ชอบพอกัน และคิดต่อกันเหมือนสามีภรรยา อย่างนี้จะผิดศีลข้อ3หรือไม่ เพราะข้าพเจ้ไม่มีเจตนาให้เค้าเลิกกับภรรยาเค้าทั้งๆที่เค้าอยู่กันเฉยๆไม่มีอะไรกัน แต่ด้วยความรับผิดชอบเค้าจึงยังต้องทนอยู่ แต่กับข้าพเจ้ามันเป็นความปรารถนาดีต่อกัน และเข้าใจในสถานะที่เป็นอยู่ แต่บางครั้งก็ยังมีความไม่สบายใจว่าเราทำผิดศีลหรือเปล่า ขอผู้รู้ได้โปรดชี้แนะด้วยคะ

 

..ของมีเจ้าของ ไม่ว่าจะโดยพฤตินัยหรือโดยนิตินัยก็ตาม ย่อมเกิดจากเจตนาเป็นเจ้าของทั้งสิ้น..

...เมื่อมีผู้ใด ได้มาโดยมิใช่ความยินยอมพร้อมใจ ทั้งทางพฤติกรรม และนิติกรรม ย่อมเกิดผลกระทบทั้งทางสังคม และทางกฎหมาย ..ก่อความยุ่งเหยิงไปหมด

..หากตั้งใจ เจตนา ทั้งที่รู้ว่ามีผลกระทบ..ผล(ชัดเจน)

..หากไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เจตนา เพราะไม่รู้ ..เมื่อรู้แล้วหยุดไม่ทำต่อ...ผล(ย่อมเปลี่ยนไป)

...ทำให้ถูกต้อง ตรงไปตรงมา ตามสังคมที่เราอยู่ ตามกฎเมืองที่เราอยู่..จึงดี

....ศีล คือ อาการปรกติที่คนโลกเขาถือกันเป็นปรกติสุข ไม่ขัดใจกัน...

 

ขอให้พิจารณาตรงนี้ให้ดีนะครับ ว่า การที่ชายมีครอบครัวจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขาคือคนที่มี"เจ้าของ"นะครับ..

ส่วนที่เขาจะมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาหรือไม่ หรือจะใช้เงินอย่างไร ไม่เป็นประมาณในการแสดงว่า เขามีอิสระในการไปมีสัมพันธ์กับใครตามใจปรารถนา..

เพราะ ข้อสำคัญคือเื่งื่อนไขที่เขาและภรรยาผูกกันอยู่ในฐานะสามีภรรยา.."มีอยู่"และยังไม่ยุติ

ส่วนมาก ชายที่แต่งงานแล้วจำนวนไม่น้อย พยายามแสดงให้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาเข้าใจว่าตนถูกบังคับบ้าง จำยอมบ้างในการแต่งงานกับภรรยาตน และไม่น้อยที่อ้างว่าต่างคนต่างอยู่ ไม่มีเพศสัมพันธ์กับภรรยา..ใครจะตรวจสอบได้ว่า ที่เขาเล่านั้น มีมูลความจริงเพียงใด...นี่ว่าโดยหลักการ นะครับ..

อีกทั้งในยุคปัจจุบัน ชายจะถูกบังคับให้แต่งงานกับหญิง..ดูแล้วมีความเป็นไปได้ไม่มาก....


ท่านผู้ถามเป็นผู้ใฝ่ใจในข้ิอธรรม..จึงเกิดคำถามดังที่ตั้งไว้..หากท่านไม่ใช่ผู้มีธรรม ท่านจะไม่ถามคำถามนี้แน่ ...ท่านผู้ถามอาจจะหวังอยู่ว่าจะมีใครมาให้คำตอบที่สอดคล้องต้องกับที่ในท่านปรารถนา..ซึ่งหากท่านพิจารณาทราบชัดว่า
การที่ท่านและสามีหญิงอื่นติดต่อมีความเสน่หาต่อกัน เป็นเรื่องที่โลกติเตียน หรือโลกวัชชะ ใครที่จะเห็นว่าท่านทำในสิ่งที่ถูกต้องสมควร คงไม่ปรากฏแน่..

ดังนั้น ท่านจขกท พึงใคร่ครวญด้วยธรรมให้ดีว่าท่านกำลังทำสิ่งที่ดีถูกควรหรือไม่..ใจท่านเท่านั้นที่ตอบท่านได้ดีที่สุด ...ขอให้คิดด้วยโยนิโสมนัสสิการและได้คำตอบที่เหมาะสมครับ..