ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,443
    ค่าพลัง:
    +1,770
    สงสัยต้องเอาใบห้าแฉกมาต้มกับไก่แจกในกระทู้ครับ
    จะได้มีแต่เสียงหัวเราะกับร้อยยิ้ม อิอิอิ ส้อเล่น
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บุญ/บาปทางอินเทอร์เน็ตโดย ดังตฤณ

    [​IMG]

    ถาม – การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝง ถือเป็นกรรมหรือไม่? เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน

    ตอบ – ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

    สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า ‘มโนกรรม’ สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความยินดีกับความคิดนั้น หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็คงได้ ตัวอย่างเช่นคุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา

    แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด พูดง่ายๆว่า ‘ภาษา’ นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์

    ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น ไม่มีใครรู้จักเลย แม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ

    อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆคน เห็นกรรมทางวาจาของเขาในเบื้องต้น แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีคิดเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น

    ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย ปั่นป่วนเหมือนพายุ และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ

    ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่นในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

    บอกได้เลยครับว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า ‘ไอ้โง่’ ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง

    แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า ‘ไอ้โง่’ ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

    ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง

    โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ กระดิกนิ้วง่ายๆไม่กี่ที ผล(กรรม)อาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆอาทิตย์เสียอีก หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ

    ที่มา www.dungtrin.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. มองตน

    มองตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +116
    กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา) เป็นกลุ่มบุคคลที่เชื่อในเรื่องมนุษย์ต่างดาว ย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วย กับ ไม่เห็นด้วย

    เห็นด้วย......... ก็ติดตามอ่านและศึกษากันต่อไป
    ไม่เห็นด้วย..... ก็เลิกอ่าน เลิกติดตาม


    ไม่เห็นจะต้องมาพูด มาโต้แย้ง หรือมาพิสูจน์ให้คนอื่นไม่เชื่อตามเรา ไ่ม่เห็นจะต้องมากล่าวว่าร้ายใคร มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ เขาใช้วิจารณญาณของเขาเองได้ ผู้อ่านผู้ติดตามเขาจะรู้จะเห็นเอง

    นอกเสียจากว่าท่าน มีเจตนาอื่นแอบแฝง ต้องการที่จะสร้างความแตกแยก และเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัน (เขากะลา)

    เลิกสร้างความแตกแยกให้กับบุคคลอื่นเถอะครับ
    กระทู้นี้จะได้กลับมาสงบสุขเหมือนดั่งเคย

     
  4. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,443
    ค่าพลัง:
    +1,770
    เห็น มี firstmam กับ firstwoman แล้ว firstgirl ไม่มีหรอครับ อะล้อเล่ง
     
  5. มองตน

    มองตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +116
    กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา) เป็นกลุ่มบุคคลที่ปฎิบัติธรรม ในแนวลด ละ เลิก และปล่อยวาง ไม่ยึดติดในอุปทานขันธุ์ 5 โดยมีวิธีการที่แยบยล เพื่อให้คนรู้เท่าทัน จะได้ไม่ทุกข์หรือทุกข์น้อย เฉกเช่นเดียวกันกับการปฎิบัติธรรมสายอื่นๆ ที่มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป

    บางคน ไม่ถูกจริต
    บางคนไม่เข้าใจในการปล่อยวาง ก็เกิดความทุกข์
    บางคนยึดติดไม่เกินไป ปล่อยวางในทุกเรื่อง ไม่ทุกข์ และก็ไม่สนใจว่าใครจะทุกข์กับการกระทำของเรา
    บางคนก็หลงมากเกินไป จนตัวโง่เข้าครอบงำ


    สุดท้ายก็ถอนตัวออกไป

    อย่าลืมนะครับ บ้านหลังนี้เคยสงบร่มรื่น มีความรักความเมตตาต่อกัน มีความอบอุ่น บ้านหลังนี้เคยทำให้ท่านมีสภาวะธรรมให้สูงขึ้นในระดับหนึ่ง ..... บัดนี้ พวกท่านกำลังที่จะเผาบ้านที่ตนเองเคยอาศัยอยู่ เพียงเพราะความไม่เข้าใจกันในการปฎิบัติ ตามจ้องที่จะทำร้ายซึ่งกันและกัน ให้แตกดับกันไปข้างหนึ่ง

    หยุดเถอะครับ .... เพื่อความสงบสุขของบ้านหลังนี้
    อย่าทำร้ายบ้านหลังนี้อีกต่อไปเลย
    มิฉะนั้น สังคมจะตราหน้าว่าท่านเป็น คนอกตัญญู ที่จ้องทำลายและเผาเรือนของตนอง
     
  6. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,443
    ค่าพลัง:
    +1,770
    ละครเรื่องนี้ ไม่มีสลิง ไม่มีตัวแสดงแทน ไม่มีผู้กำกับ ไม่มีพระเอก ไม่มีฉากบู้ ไม่มีทุนสร้าง
    ไม่มีไรเลย ฉายเรื่อยๆ ดู้แล้ว ชิๆเชอะ เฉยๆ
     
  7. คนนอกระบบ

    คนนอกระบบ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +22
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุ
     
  8. firstman

    firstman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +116
    ไม่เคยอยู่ในกลุ่มนี้ บอกได้แค่นี้ ทำไมคิดว่า จะมาจ้องทำลายกันให้ดับไปข้างหนึ่ง คิดมากร้อนตัวไปหรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2009
  9. NANA JITTANG

    NANA JITTANG Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +83
    555 น่าขำ มีแต่เรื่องตลกๆ ให้อ่าน เพ้อเจ้อ ไร้สาระจริงๆๆ เรื่องดีๆ ความคิดดีๆ สร้างสรรมีบ้างไหม:z3
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การเตรียมการช่วยเหลือภัยพิบัติโดยมนุษย์ต่างดาว คือจุดประสงค์หลักของกระทู้นี้

    คำทำนายวันเวลาที่ 11-11
    โดย อ.ปริญญา ตันสกุล

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    จักรวาลได้เผยให้มนุษย์ได้ทราบล่วงหน้าแล้วว่า วันแห่งหายนะซึ่งจะชำระโลกสถานหนักคือเวลาที่ 11-11

    ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่นอกระบบเอกภพ พร้อมด้วยดวงจิตจักรวาลจำนวนมาก จะร่วมมือกันส่งคลื่นพลังงานความรักความถี่สูงพร้อมไอเย็นมายังดวงอาทิตย์ ของระบบสุริยะ เพื่อสร้างปฎิกิริยาให้เกิดการระเบิดขึ้นบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ก่อให้เกิดคลื่นความถี่วิทยุและพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้นสูงสุด ในรอบหนึ่งหมื่นสองพันปีแผ่กระจายออกมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ เป็นพายุสุริยะมุ่งสู่ดวงจันทร์และโลก ด้วยอัตราความเร็ว 1 หนึ่งล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคลื่นวิทยุความถี่สูง ซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กเช่นกัน จะเป็นผู้นำทางให้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่เข้มข้นถึงเป้าหมายที่ต้องการได้

    ทันที ที่ดวงจันทร์ได้รับคลื่นพลังงานที่เข้มข้น ซึ่งแผ่ผ่านมาจากดวงอาทิตย์ พลังงานภายในระบบของดวงจันทร์จะถูกอัดกระแทกอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดการรวมตัวกันเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้น ยิ่งกว่าที่ถูกส่งมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ มันจะดันทะลุจากด้านหนึ่งของดวงจันทร์ที่รับคลื่นพายุสุริยะ พุ่งผ่านมายังดาวโลกอีกทอดหนึ่ง ระหว่างเกิดกระบวนการนี้สามารถจะรับรู้แรงสั่นสะเทือนทางกายภาพของดวงจันทร์ ได้ไม่น้อย

    พายุแม่เหล็กทั้งที่เดินทาง มาจากดวงอาทิตย์โดยตรง และจากการเสริมพลังของดวงจันทร์บริวารของโลกมีความเข้มข้นสูงมากกว่าปรกติ ส่วนใหญ่จึงสามารถฝ่าแนวแม็กนิโตสเฟียหรือสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งห่อหุ้มบรรยากาศโลกเข้ามาได้ เมื่อพายุจากฟ้าพุ่งผ่านเข้ามาสู่บรรยากาศโลกได้ มันจะพุ่งตัวเข้าอัดกระแทกกับพื้นโลกในทันที

    ปราก ฎการณ์ทางธรรมชาติอันเป็นผลลัพธ์ของกระบวนการที่เกิดขึ้น จากการกระทำทางเทคนิคต่อดาวเคราะห์โลกจากนอกระบบโลก จะก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กในอากาศอย่างรุนแรง ท้องฟ้าวิปริตแปรปรวน และพายุฝนฟ้าคะนองบดบังแสงอาทิตย์อยู่ยาวนาน คลื่นทะเลจะปั่นป่วน ภาวะน้ำท่วมใหญ่จะเกิดขึ้นไปทั่ว ขณะที่สายฟ้าผ่าจะอัดกระแทกมายังพื้นโลกนับครั้งไม่ถ้วน ทุกสิ่งที่ถูกอัดกระแทกมันจะพังทลายลงมากองกับพื้นดินชั่วพริบตาเดียว ไม่ละเว้นแม้แต่สิ่งที่มีชีวิตที่จะต้องล้มลงกับกองเถ้าถ่าน ของซากปรักหักพังเหล่านั้น ผู้ที่เคยสบถสาบานขอให้ฟ้าผ่าตาย แต่ไร้สัจจะพึงระวังตนให้ดี

    นอกจากนั้น ผลการกระทำทางเทคนิคจากนอกระบบโลก ยังจะก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กในอากาศกลายเป็นพายุหมุนทอร์นาโดรูปกรวยยักษ์ พุ่งเข้ากระแทนพื้นโลกอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน มันจะกวาดชำระทุกสิ่งในเส้นทางการเคลื่อนตัวของมันให้กลายเป็นพื้นที่ราบ ตามอำนาจความรุนแรงของมันดังที่มนุษย์รู้กันอยู่ภายในชั่วพริบตาเดียว เหตุการณ์ร้ายแรงเหล่านี้ มันจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และถี่ขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีใครคาดเดาได้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ ผู้ไม่ประมาทและมีสติเท่านั้น จึงจะมีชีวิตรอดได้ ในท่ามกลางความเลวร้ายที่กล่าวมาแล้ว มนุษย์โลกไม่อาจหลีกเลี่ยงการกระทำทางเทคนิคของจักรวาล อันเป็นปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติที่กล่าวนี้ไปได้

    ดิน แดนที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของนักรบแห่งแสงสว่าง ผู้ปฎิบัติตนอยู่ในความดีงามตามคำสอนของพระศาสดาแท้จริงเท่านั้น จะเป็นดินแดนปลอดภัยบนโลกใบนี้หลังจากที่โลกเกิดภาวะวิกฤตอย่างต่อเนื่อง จนถึงการชำระโลกครั้งสุดท้าย พื้นแผ่นดินเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้จะเป็นอาณาเขตแห่งหายะภัยที่มนุษย์โลกคาด ไม่ถึง ในวันเวลาที่ 11 นั้นวันเวลาดังกล่าว การกระทำทางเทคนิคจากนอกระบบโลกและการกระทำทางเทคนิคจากในระบบโลกเอง มันจะเกิดขึ้นพร้อมกัน คลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่ เหล็กความถี่สูงที่เป็นพลังเย็นในระดับ 7 จะถูกส่งผ่านเข้ามาพุ่งตรงเข้าหาเป้าหมาย มันจะก่อให้เกิดพายุความเย็นจัดอย่างรุนแรงครอบคลุมไปทั่วเป้าหมายนั้น ขั้วโลกเหนือและขั้นโลกใต้จะปั่นป่วนแนวแกนแม่เหล็กโลกในใจกลางโลก จะเกิดการบิดตัวอย่างรุนแรงขึ้นพร้อมกัน เพราะมันถูกกระตุ้นให้เกิดการระเบิดขึ้นบริเวณของไหลที่อยู่ด้านบน เพื่อเปลี่ยนทิศทางของแนวแกนไปสู่ตำแหน่งที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว

    มัน จะทำให้แผ่นดินใหญ่ของทวีปซึ่งมีมหาสมุทรคั่นกลาง เกิดการบิดตัวอย่างรุนแรงตามไปด้วย ขณะที่โลกจะปลดปล่อยคลื่นพายุแม่เหล็กออกมาอย่างรุนแรง อันเกิดจากการระเบิดภายในนั้นโดยมันจะรวมตัวกันเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่ เหล็กที่เข้มข้น ดันทะลุผ่านชั้นเปลือกโลกแต่ละชั้นขึ้นมายังพื้นผิวดิน ทำให้แต่ละชั้นของเปลือกโลกซึ่งกำลังบิดตัวอยู่จะถูกคลื่นพลังงานอันมหาศาล กระแทกอัดให้เกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรง ยิ่งกว่าแผ่นดินไหวครั้งใดๆ ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จากในใจกลางโลกออกมาสู่พื้นผิวด้านบน โดยใช้ระยะเวลาของกระบวนการเพียง 9 นาทีเท่านั้น แต่การสั่นสะเทือนของแผ่นดินจะต่อเนื่องยาวนานร่วม 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว

    ผลที่ปรากฎคือ แผ่นดินบางส่วนของภาคพื้นทวีปจะแยกตัวออกจากกัน ตามรอยร้าวของเปลือกโลกแต่ดั้งเดิมน้ำทะเลจะถาโถมเข้ามาแทนที่ บริเวณที่ราบริมฝั่งทะเลของทวีปนั้นจะจมลงใต้น้ำ ขณะที่บริเวณบางแห่งของเมืองใหญ่ พื้นแผ่นดินจะยุบตัวจมหายลงไปเบี้องล่าง พร้อมวัตถุที่ปลูกสร้างฝุ่นฟุ้งเปลวไฟ หมอกควัน และเสียงกัมปนาทมันจะเกิดขึ้นอื้ออึง ภายในเวลาไม่นานนักความสงบเงียบจะเริ่มก่อตัวขึ้นหลังจากนั้น 3 วันเต็ม ทั้งหมดที่กล่าวไว้ไม่ใช่มายา.....ไม่ใช่มายา.... มันคือกระบวนการกระทำทางเทคนิคของจักรวาล เพื่อการชำระระบบโลกเป็นครั้งที่ 4 นับแต่มีมนุษย์ดำรงอยู่บนโลกใบนี้

    ที่มา:- หนังสือวันเวลาที่สิบเอ็ด รหัสแห่งหายะโลก ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาลโดย อ.ปริญญา ตันสกุล MBA.,M.S. PARINYA TANSAKUL MBA .,M.S.
     
  11. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,443
    ค่าพลัง:
    +1,770
    กลับสู่ แดน สุญตา.....
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    กรรมของพระพุทธเจ้าสมณโคดม

    [​IMG]

    พระพุทธเจ้าของเราทรงเผยพระประวัติกรรมและผลของกรรมของพระองค์ กับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ขณะประทับเหนือพระศิลาอันน่ารื่นรมย์ใกล้สระอโนดาด

    ทรงกล่าวว่าครั้งหนึ่ง เห็นภิกษุผู้อยู่ป่ารูปหนึ่งจึงได้ถวายผ้าท่อนเก่า โดยตั้งปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จในความเป็นพระพุทธเจ้า

    ครั้งหนึ่งเคยเป็นนายโคบาล ต้อนแม่โคไปสู่ที่หากิน เห็นแม่โคดื่มน้ำขุ่นจึงห้ามไว้ ด้วยผลแห่งกรรมนั้นในภพสุดท้ายนี้ พระองค์กระหายน้ำ จึงไม่ได้ดื่มตามต้องการ เพราะเคยให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาถวาย พระอานนท์ไปแล้วไม่ตักมาบอกว่าน้ำขุ่น ต้องตรัสย้ำให้ไปตักใหม่เป็นครั้งที่สอง จึงได้น้ำใสกลับมาเพราะน้ำขุ่นนั้นกลับใส

    ชาติหนึ่งเคยเป็นนักเลงชื่อปุนาลี ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้า พระนามว่าสุรภิผู้มิได้ประทุษร้าย ด้วยผลแห่งกรรมนั้นต้องไปท่องนรกสิ้นกาลนาน เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปี ด้วยกรรมที่เหลือในภพสุดท้ายก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา ซึ่งเป็นนักบวชหญิงถูกพวกเดียรถีย์ใช้ให้ทำเป็นไปค้างคืนกับพระสมณโคดม ให้ใครต่อใครหลงผิดทั้งที่นางค้างที่อื่น แต่รุ่งเช้าก็ทำท่าโผเผมาจากเชตวนาราม อีกสองสามวันที่มีคนโจษจันกัน พวกเดียรถีย์ก็จ้างนักเลงไปฆ่านาง ป้ายความผิดว่านางถูกฆ่าปิดปาก คนสงสัยว่าอาจจะจริง ร้อนถึงพระราชาส่งราชบุรุษไปสืบดูตามร้านสุรา ก็จับนักเลงที่ฆ่ากับเดียรถีย์ที่จ้างฆ่ามาลงโทษหมด

    อีกชาติหนึ่งเป็นพราหมณ์ผู้มีความรู้ มีผู้เคารพสักการะ สอนมนต์แก่มานพ 500 ได้ใส่ความภีมฤษีผู้มีอภิญญา มีฤทธิ์มาก หาว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม มานพทั้งหลายก็พลอยชื่นชม เมื่อไปภิกขาจารในสกุลก็เที่ยวกล่าวแก่มหาชนว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม ผลของกรรมนั้นภิกษุ500 เหล่านี้ทั้งหมดก็พลอยถูกใส่ความด้วย เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกาทีถูกนักเลงฆ่าป้ายความผิดให้พระพุทธองค์ ภิกษุทั้งหลายที่อยู่ในเชตวนาราม พลอยถูกหาว่าร่วมกันฆ่าปิดปากนางสุนทริกา และถูกด่าว่า กระทั่งพระราชาจับนักเลงและเดียรถีย์ที่ร่วมกันฆ่านาง จึงสงบ

    อีกชาติหนึ่งไปกล่าวใส่ความพระสาวกของพระสัพพาภิภูพุทธเจ้า มีนามว่านันทะ จึงต้องท่องไปในนรกหลายหมื่นปี เมื่อเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ถูกใส่ความมาก และด้วยกรรมที่เหลือ ชาติสุดท้ายนี้จึงถูกนางจิณจมาณวิกา ใส่ความว่าพระองค์ทำให้นางตั้งครรภ์

    ชาติหนึ่งเคยฆ่าน้องชายต่างมารดาเพราะเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงในซอกเขา เอาหินทุ่ม ด้วยผลแห่งกรรมนั้นจึงถูกพระเทวทัตเอาหินทุ่มที่เขาคิชกูฏ จนสะเก็ดหินกระเด็นถูกหัวแม่เท้า ห้อพระโลหิตในชาติสุดท้าย

    อีกชาติหนึ่งเป็นเด็กเล่นอยู่ในทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงเผาสิ่งต่างๆขวางทางไว้ ผลกรรมนั้น ในภพสุดท้ายจึงถูกพระเทวทัตส่งคนตามล่า

    ชาติหนึ่งเป็นนายควาญช้าง ไสช้างไล่กวดพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เที่ยวไปเพื่อบิณฑบาต ผลแห่งกรรมนั้น ชาติสุดท้ายถูกช้างนาฬาคิรีดุร้ายเมามัน วิ่งเข้ามาเพื่อทำร้ายในนครอันประเสริฐมีภูเขาเป็นคอกคือกรุงราชคฤห์ ซึ่งมีภูเขาห้าลูกแวดล้อม

    อีกชาติหนึ่งเป็นพระราชา เป็นหัวหน้าทหารเดินเท้า ฆ่าบุรุษหลายคนด้วยหอก ผลแห่งกรรมนั้นต้องหมกไหม้อย่างหนักในนรก ด้วยผลที่เหลือแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้าย สะเก็ดแผลที่เท้ากลับกำเริบ กรรมยังไม่หมด

    ชาติหนึ่งเคยเป็นเด็กชาวประมง ในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลาก็มีความชื่นชม ด้วยผลของกรรมนั้นจึงเกิดเจ็บที่ศรีษะ ในขณะที่วิทูฑภะฆ่าพวกศากยะในกรุงกบิลพัสด์

    อีกชาติหนึ่งเคยเป็นบริภาษพระสาวกในพระธรรมวินัยของพระผุสสพุทธเจ้า ว่าท่านจงเคี้ยว จงกินข้าวเหนียวเถิด อย่ากินข้าวสาลีเลย ผลแห่งกรรมนั้นในชาติสุดท้ายนี้ ต้องบริโภคข้าวเหนียวอยู่สามเดือน เมื่อพราหมณ์นิมนต์ไปอยู่เมืองเนรัญชา แล้วลืมถวายอาหาร ได้อาศัยพ่อค้ามาถวายข้าวเหนียวแดงที่มีไว้ให้ม้ากิน

    ชาติหนึ่งสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้า เคยทำร้ายบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยผลแห่งกรรมนั้นจึงเจ็บที่หลังเรื่อย

    ชาติหนึ่งเคยเป็นหมอ แกล้งให้ยาถ่ายแก่บุตรเศรษฐี เป็นยาถ่ายอย่างแรง ถึงแก่ชีวิต ผลแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้ายนี้ จึงเป็นโรคปักขันทิกะลงพระโลหิต

    อีกชาติหนึ่งได้ชื่อว่าโชติปาละ เคยกล่าวกับพระสุคตพระนามกัสสปะว่า การตรัสรู้เป็นของได้โดยยาก ท่านจะได้จากควงไม้โพธิ์ที่ไหนกัน ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้ายนี้ต้องบำเพ็ญทุกกรกริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลาถึงหกปี ต่อจากนั้น จึงได้บรรลุการตรัสรู้

    “เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยทางนั้น ได้แสวงหาโดยทางที่ผิด เพราะถูกกรรมเก่าทวงเอา”

    พระองค์ทรงหมายถึง มิได้ปฏิบัติธรรมบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในทันทีเลย ต้องไปหลงผิดปฏิบัติทางอื่นอยู่หกปี อดอาหารจนแทบสิ้นชีวิตเมื่อบำเพ็ญทุกกรกริยา เปลี่ยนมาฉันอาหารอีก ทำให้ปัญจวัคคีย์โกรธเลิกนับถือหาว่าไม่มั่นคง แต่ภายหลังเมื่อพระองค์ทรงปฏิบัติถูกทางจนบรรลุธรรม ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจึงไปโปรดปัญจวัคคีย์ ให้หายโกรธ หายเข้าใจผิด

    พระพุทธองค์ทรงสรุปการแสดงกรรมอันเกิดจากอดีตชาติทั้งหลายดังกล่าว “เราสิ้นบุญและบาปแล้ว เว้นแล้วจากความเดือดร้อนทั้งปวง ไม่มีความโศก ไม่มีความคับแค้นปราศจากอาสวะ จักปรินิพพาน”

    กรรมและผลของกรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงให้ประจักษ์ มีเนื้อหาให้เห็นว่า กรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แม้แค่แสดงความชื่นชมกับผู้หลงผิดคิดผิด ยังต้องรับกรรมเช่นภิกษุห้าร้อยรูป ที่พลอยรับกรรมถูกตำหนิด่าว่าเป็นผู้ร่วมกันฆ่านางสุนทริกาเพื่อปิดปาก ไปกล่าวร้ายพระพุทธเจ้าว่าเสพกามกับนาง ซึ่งมาจากกรรมสมัยมานพห้าร้อยคน สมัยพระองค์เป็นพราหมณ์สอน โดยชื่นชมกับคำกล่าวหาใส่ความของพราหมณ์อาจารย์ที่ว่าฤษีบริโภคกาม หรือสมัยพระพุทธองค์เป็นเด็กชาวประมง ชื่นชมกับชาวประมงที่ฆ่าปลา ยังรับกรรมเจ็บที่ศรีษะเป็นต้น

    คัดลอกจากวัดเกาะวาลุการาม.....

    ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mummy&month=08-2005&date=16&group=11&gblog=34
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผู้ที่ปฏิบัติธรรมย่อมต้องถูกทดสอบลองใจกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

    อ้างอิง:


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ firstman [​IMG]
    เรียนถามคุณสุดใจ ที่ ทางกลุ่มมีการ แจกมรรคผลว่าคนนั้นสำเร็จเป็นพระโสดาบัน และทำนายใครบ้างจะเข้าแล้ว เป็นการส่วนตัวรู้กันภายใน และตั้งให้กับสมาชิกที่ทำประโยชน์ ให้กับงานทางกลุ่ม อาจารย์ ทางระบบ มีหลักฐาน ที่โพสกันอยู่ ไม่ต้องปฏิเสฐ การให้ตั้งนี่ เป็น เพื่ออะไร ถามตรง ๆ เพื่อคนที่ติดตามอ่าน และคนที่เริ่มมาศึกษา กระทู้เขากะลา ยังไม่ได้รับคำตอบแน่ชัด จากคุณสุดใจ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    เมื่อพระพรหมแปลงเป็นสาวมาลองใจหลวงพ่อ

    ขณะที่เจริญสมาธิอยู่ในกลด อุชุม กายํ ปติฏฐาย ตั้งกายให้ตรงดำรงจิตให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล จิตตั้งอยู่ในพรหมวิหาร ๔ และก็ใช้กำลังวิปัสสนาญาณ คือ พิจารณาร่างกายว่า มันเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา อย่างไรเราก็ต้องตาย จะตายที่ไหน มันก็ตายเหมือนกัน ตายที่ตรงนี้ก็ช่าง เราต้องการไปนิพพาน แล้วก็นั่งไล่เบี้ย ฌาน ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘ แล้วก็ถอยหลังมาตั้งอยู่ที่ ฌาน ๔ ลดกำลังใจมาถึงอุปจารสมาธิ ตั้งอยู่ในกำลังของวิปัสสนาญาณ

    เวลานั้นก็ปรากฏพอดี พอเริ่มกำลังวิปัสสนาญาณได้ประเดี๋ยวเดียว ก็มีสาวสวย ๒ คน เดินผ่านเข้ามาในกลด เปิดมุ้งเข้ามานั่งข้างหน้า ก็นึกในใจว่า สายอัพโภกาสกันทั้งผี กันทุกอย่าง นี่เข้ามาได้อย่าง เธอก็ถามว่า ท่านจะไปไหน ก็บอกว่า จะไปธุดงค์ เวลานี้อยู่ในเขตธุดงค์ ก็ถามว่า เธอมาได้อย่างไร เธอก็บอกว่า ฉันจะไปทางไหน ฉันไปได้ทุกทางไม่มีอะไรขีดคั่น ก็ถามเธอบอกว่า เธอเป็นนางฟ้าใช่ไหม เธอก็ตอบว่า ไม่ใช่ ถามว่า เป็นมนุษย์หรือ เธอก็ตอบว่า ไม่ใช่ ถามว่าเป็นผีหรือ เธอก็ตอบว่า ไม่ใช่ ถามว่า พวกเธอเป็นพวกอนัตตาใช่ไหม เธอตอบว่า ใช่

    และถามว่า มาทำไม เธอก็บอกว่า ผู้หญิงก็อยากจะพบผู้ชาย ท่านเป็นผู้ชาย ไม่อยากพบผู้หญิงบ้างหรือ ก็บอกว่าตามปกติแล้ว ไม่อยากพบใครทั้งหมด ผู้หญิงก็ไม่อยากพบ ผู้ชายก็ไม่อยากพบ ส่วนที่อยากพบอย่างเดียว คือ พระนิพพาน เธอทั้ง ๒ คน หันไปยิ้มเข้าหากัน แล้วก็พูดบอกว่า เราผิดหวัง นี่ความจริงเราเป็นสาวใหญ่มานานแล้ว หาสามีไม่ได้ คิดว่า พระท่านอยากจะมีเมียบ้าง ก็มาหาท่าน ท่านก็ไม่ต้องการเสียแล้ว เราไปดีกว่า แล้วก็ลากลับ

    ในเมื่อเธอไปแล้ว ก็มาคิดในใจว่า ทั้ง ๒ คนนี่ ต้องเป็นเทวดาที่มีอานุภาพมาก ไม่ใช่นางฟ้า นางฟ้าเขาจะไม่ยุ่ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องเป็นเทวดาที่เป็นพระอริยเจ้า เมื่อมีความสงสัยอย่างนี้ จึงถามท่านคณะท่านท้าวมหาราช ท่านเวสสุวัณก็บอกว่า ใช่ ๒ ท่านที่มาเมื่อกี้นี้ ไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่นางฟ้า ไม่ใช่คน เป็นพรหม ท่านแปลงกายเป็นผู้หญิงเข้ามา หวังจะทดลองใจท่านว่า มีความพอใจไหม ท่านท้าวเวสสุวัณท่านก็บอกว่า ท่านทำกำลังใจถูกแล้ว ถ้ารักษากำลังใจอย่างนี้ ทุกอย่างที่ท่านต้องการไม่พลาดแน่ หลังจากนั้นท่านก็บอกว่า ต่อแต่นี้ไปไม่มีอะไรอีก นิมนต์ตามสบาย

    ก็นั่งเจริญกรรมฐานบ้าง เมื่อเมื่อยก็นอน เมื่อยลงไปก็นอน มองดูเวลา หยิบนาฬิกาขึ้นมาดูประมาณตี ๒ เมื่อถึงเวลาตี ๒ เห็นว่าควรพักผ่อน ก็นอน อารมณ์จับนิพพานเป็นอารมณ์ ทีเรียกว่า อุปสมานุสสติกรรมฐาน นอกจากนั้นก็ จิตจับภาพพระ คือ ภาพพระพุทธเจ้าเท่าที่เคยเห็น เห็นท่านมีสภาพแจ่มใส ท่านยิ้มแย้ม ก็มีความดีใจ มีปีติเกิดขึ้น ในที่สุดก็หลับ พอเวลา ๖ โมงเช้า ได้ยินเสียงปลุกว่า ท่าน เวลานี้ ๖ โมงเช้าแล้ว นิมนต์ลุกได้ ประเดี๋ยวจะต้องไปบิณฑบาต พอตื่นขึ้นมาแล้ว ก็เอาน้ำในกามาล้างหน้า

    พอล้างหน้าเสร็จ ก็ปรากฏว่า มีคน ไม่ได้ไปบิณฑบาต มีคนใส่บาตร ถือเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ชาวบ้านธรรมดาก็มี ชาวบ้านผิดธรรมดาก็มี ชาวบ้านที่ผิดธรรมดาก็คือว่าแต่งเนื้อแต่งตัว ร่างกายเหมือนชาวบ้านธรรมดา แต่ว่านัยน์ตาไม่กระพริบ ชาวบ้านประเภทนี้มีข้าว แต่ไม่มีกับ มีข้าวกับดอกไม้ ชาวบ้านธรรมดาก็มีต้ม มีแกง เอามาใส่

    พอฉันข้าวเสร็จ หลวงพ่อปานนำให้พร ให้พรเสร็จ ทุกคนเขาก็กลับ หลวงพ่อปานก็เล่าความเป็นมาของพระพุทธบาท คือ ประวัติพระพุทธบาทตั้งแต่ต้น ตั้งแต่องค์สมเด็จพระทศพลมาโปรดพราหมณ์ที่นั่น และหลังจากนั้นมามีอะไรบ้าง ท่านก็เล่าสู่กันฟัง หลังจากนั้นก็ขึ้นไปนมัสการพระพุทธบาท ท่านก็ยืนยันว่า รอยพระพุทธบาทนี้ เป็นรอยพระพุทธบาทจริง ๆ แท้ ๆ ไม่มีใครทำขึ้น ไม่ใช่ของปลอม แล้วหลังจากกราบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็สั่งให้ทุกองค์นั่งทำสมาธิ

    พอเริ่มทำสมาธิบรรดาท่านพุทธบริษัท จับลมหายใจเข้า ไม่ทันจะหายใจออก เห็นภาพพระพุทธเจ้าประทับยืนยิ้มอยู่ข้างหน้า และก็ทรงมีวาจาตรัสว่า เธอทั้งหลายจงอย่าประมาทในชีวิต ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ร่างกายนี้ไม่ช้าก็มีวิญญาณไปปราศแล้ว มันก็ตาย เมื่อร่างกายนี้ตาย เราก็ต้องทิ้งร่างกาย ร่างกายก็เป็นของไร้ประโยชน์ จงหวังพระนิพพานเป็นที่ไป ตั้งใจไว้อย่างนั้น เมื่อท่านตรัสเพียงเท่านี้ ท่านก็หายไป

    พวกเราก็เอาจิตจับพระนิพพาน เวลานั้นจริง ๆ และความจริง เรื่องรู้จักนิพพานจริง ๆ ยังไม่มี ก็นึกในใจขออาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระชินสีห์ว่า ถ้านิพพานมีที่ไหน ขอไปที่นั่น เพียงเท่านี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็ไปปรากฏกายที่นิพพานทันที นิพพานมีความสวยสดงดงาม มีสภาพแจ่มใส มีอาการสงบสงัด เป็นเมืองแก้ว ที่เขาบอก เมืองแก้วกล่าวแล้ว คือ พระนิพพาน มีบ้าน มีเมือง ไม่ใช่มีสภาพว่างอย่างหนังสือว่า

    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า สัญญาณบอกหมดเวลาปรากฏแล้ว ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านผู้อ่านทุกท่าน สวัสดี

    ที่มา หนังสืออ่านเล่น เล่ม20 ของพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    http://praruttanatri.com/v1/special/books/anlen/story17.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2009
  14. อมตะนิพพาน

    อมตะนิพพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +114
    ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณfirst man ในอารมณ์ที่ยังค้างคาใจ และสภาวะที่เหตุการณ์ที่ไม่ปกติก่อนอื่นคุณต้องถามตัวเองก่อนว่าอยากรู้เพื่ออะไร? มีอะไรที่เป็นตัวชักนำให้อยากรู้?หรือได้ฟังจากใครบางคนที่พยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้งในกะทู้แห่งนี้ ถึงคุณไม่เคยคลุกคลีกับกลุ่มนี้ คุณก็น่าที่จะศึกษาเรื่องราวตั้งแต่ต้นว่ากลุ่มนี้มีความเป็นมาอย่างไร ซึ่งมีตั้งแต่หน้าแรก
    ซึ่งใครๆเค้าก็รับรู้เรื่องราวโดยศึกษามาตั้งแต่ต้น(รวมถึงผมด้วย)
    แต่ถ้าคุณมีจุดประสงค์ที่พยายามบีบคอให้พูดคงจะไม่มีใครอยากตอบคุณหรอกเพราะเค้าหายใจไม่ออก เท่าที่รู้เขากะลาไม่มีความลับหรอก..จะมีก็แต่พวกลับๆล่อๆ..คอยซุ่มโจมตี ทำตัวเหมือนพวกโจรภาคใต้..
     
  15. มองตน

    มองตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +116
    มื่อไม่ได้อยู่ในกลุ่ม แล้วรู้ได้อย่างไรว่า

    - มีการแจก แล้วรู้เสียอีกว่าเป็นการส่วนตัวรู้กันภายใน
    - แล้วจะทุกข์ร้อนไปทำไม

    อย่าส่งจิตออกนอกไปพิจารณาเรื่องของคนอื่น

    สรุปแล้ว คนแจกโง่ หรือ คนรับโ่ง่ หรือคนเอาเรื่องของคนอื่นมาพิจารณาโง่....ผมชักไม่แน่ใจแล้วละ

    สุดท้ายก็คือ หยุดเถอะ.... เพื่อความสงบสุขของบ้านน้อยหลังนี้
    ไม่ต้องไปเค้นให้คนโน้นคนนี้ตอบเพื่อความกระจ่าง ไม่ต้องเอาคนอื่นมาแอบอ้างอ้าง รู้แล้วได้อะไร ไม่รู้แล้วได้อะไร แล้วจะทำไปทำไม
     
  16. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    คำของระบบที่มักจะกล่าวว่า “ถูกต้อง” นั้น ต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงนัยยะที่แท้จริงของคำๆ นี้ให้ดีนะครับ คำๆ นี้เป็นคำที่จะเรียกกันว่าเป็นอุบายในการปล่อยวางก็อาจจะพอทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น การเคารพเหตุปัจจัยเป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวเคยสอนเคยย้ำเตือนมาตั้งแต่ช่วงต้นๆ ซึ่งผมเองก็จำได้ว่าเคยกล่าวไว้บ้างแล้วในโพสต์แรกๆ ของกระทู้นี้ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดสิ่งนี้จึงเกิด ด้วยความเป็นเช่นนั้นเอง
    <O:p</O:p</O:p
    ถ้าจะยกตัวอย่างก็ เช่น เป็นเพราะท่านผู้นี้ขยันทำงาน แถมยังประหยัด และเก็บเงินเก่งจึงร่ำรวยขึ้นมาได้ นี่ ถ้าใช้คำระบบก็ต้องบอกว่า “ถูกต้อง” หรืออีกตัวอย่างหนึ่งเช่น เป็นเพราะบุคคลผู้นี้ลักลอบขนยาบ้าจนสุดท้ายก็ถูกตำรวจจับติดคุกจนได้ นี่ ก็ยังบอกว่า “ถูกต้อง” อีก หรืออาจจะมีผู้ที่แย้งถามมาว่า อ้าวแล้วพวกที่กระทำผิดกฎหมายแต่ไม่ถูกดำเนินคดีล่ะ อันนี้ก็ยังบอกว่า “ถูกต้อง” อีก เพราะว่ามันจะต้องมีเหตุมีปัจจัยอะไรซักอย่างที่ทำให้ยังไม่ถูกจับไม่ถูกดำเนินคดี อาจจะเป็นเพราะยังไม่มีหลักฐาน หรือขาดพยานในการที่จะนำตัวเขาผู้นั้นมาดำเนินคดีอะไรซักอย่างก็เป็นได้ เหล่านี้เป็นต้น

    <O:p</O:pดังนั้นจะสังเกตเห็นได้ว่า คำว่า “ถูกต้อง” ของระบบนั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ไม่ได้ผิดกฎหมาย ไม่ได้ผิดศีลธรรม ไม่ได้ผิดขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีอันดีงามเสมอไป แต่คำๆ นี้ เป็นคำที่ใช้บอกเตือนตนเองในการมองออกไปรับรู้รับเห็นในสิ่งต่างๆ ซึ่งมันเป็นอายตนะภายนอก ให้เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุ มีปัจจัย ไม่ต้องไปสงสัย ไม่ต้องไปตัดสินผู้อื่น ระบบจึงหาคำที่สั้นๆ จำก็ง่ายๆ มาสอน เพื่อให้เป็นอาวุธชิ้นเล็กๆ อีกชิ้นหนึ่งให้ติดตัวนักเรียนเอาไว้ช่วยรักษาประโยชน์ตนได้อีกแรงหนึ่งครับ

    <O:p</O:pแหม วันนี้กระทู้HOTดีจัง รีบฉกฉวยโอกาสในช่วงที่สภาวะจิตกำลังถูกเผารนด้วยความชอบใจ ความไม่ชอบใจ แล้วจับตัวธรรมารมณ์นั้นดูให้เห็นให้ได้ว่ามันไม่ใช่เรา มันไม่ใช่ของเรา อายตนะภายในคือใจยังไม่ใช่ของเรา แล้วธรรมารมณ์ซึ่งเป็นอายตนะภายนอกที่คู่กับใจจะเป็นเรา เป็นของๆ เราไปได้อย่างไร

    <O:p</O:pขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่านด้วยครับ สาธุ<O:p</O:p
     
  17. อมตะนิพพาน

    อมตะนิพพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +114
    คิดว่าตัวเองเก่งกาจมากนักเหรอ คิดจะทำอะไรอย่าแสดงความโง่ของตัวเองออกมา ถ้าคิดว่าตัวข้าแน่ ตัวข้าเก่ง ก็จงเก่งแต่ในบ้านอย่ามาโพสต์ให้เกะกะลูกนัยตา คนอื่นอ่านแล้วรำคาญลูกนัยตา เพราะมีแต่ความโง่แสดงออกมา กลับไปพิจารณาตัวเองว่าสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านมากแค่ไหนแล้ว คิดได้แล้วค่อยกลับมาสำนึกผิด...:mad:
     
  18. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368

    .........................................................................

    ได้อ่านคำตอบจากพี่สุดใจเขากะลาแล้วค่ะ


    ต้องขอขอบพระคุณพี่สุดใจเขากะลาด้วยนะคะ ที่กรุณาเข้ามาพิมพ์ตอบให้

    ถึงแม้ว่าดิฉันจะไม่ได้รับความกระจ่างเท่าใดนัก.....

    แต่เมื่อพี่สุดใจเขากะลา ระบุด้วยตนเองแล้วว่า


    [FONT=&quot]สิ่งที่คุณ [/FONT]no.9 [FONT=&quot]ได้ตอบไว้นั้น ถูกต้องแล้ว และเป็นไปเช่นนั้น[/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]พี่สุดใจจึงไม่จำเป็นต้องมาตอบอีก[/FONT]


    ดิฉันก็คงต้องแปลตรงตัวตามนั้นค่ะ ก็ชัดเจนแค่ตัวอักษรนะคะ เพราะท่านเน้นตัวใหญ่ อ่านง่ายดี

    แต่สรุปได้ว่า งง ค่ะ
    เพราะคำตอบของท่าน no.9 ที่กรุณาเข้ามาตอบคำถามของดิฉันแทนพี่สุดใจเขากะลาท่าน no.9 ระบุว่า
    ...................................................

    "กองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว" ก็คือเป็นศูนย์กลางของการบริหาร และการสั่งการของมนุษย์ต่างดาวที่จะบริหาร และสั่งการกับมนุษย์ต่างดาวด้วยกันเท่านั้น เช่นเดียวกับเรื่องกองบัญชาการตำรวจต่างๆ ที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมากล่าวแล้วข้างต้น คงจะไม่ไปเกี่ยวข้อง หรือสั่งการกับมนุษย์ผู้มีกรรมตามที่ได้กรุณาสอบถามมาหรอกนะครับ แต่คำว่า "กองบัญชาการ" นี้ ก็อาจจะตั้งขึ้นมา ณ สถานที่ใด สถานที่หนึ่งซึ่งเป็นแบบถาวร แบบชั่วคราว หรือแบบเฉพาะกิจก็สามารถมีได้ทั้งนั้นครับ

    ..............................................................................

    อย่างนั้นก็แปลว่า

    จ. ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน และ กลุ่มที่ไปจัดทำป้าย "กองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว" ขึ้นนั้น

    พวกท่านเป็นมนุษย์ต่างดาว เพราะ
    ท่าน no.9 กล่าวว่ามนุุษย์ต่างดาวจะบริหารและสั่งการกับมนุษย์ต่างดาวด้วยกันเท่านั้น
    ไม่ไปเกี่ยวข้องสั่งการกับมนุษย์

    แล้วดิฉันควรจะสับสนไหมค่ะ......
    คำตอบตรงๆน่าจะดีกว่า ปล่อยให้มีอาการ งง สับสน เกิดขึ้นนะคะ

    ** เผื่อจะมีบางท่านที่อ่านไม่เข้าใจว่า มีที่มาและที่ไปจากไหน **
    ดิฉันก็ขออนุญาติอ้างอิงข้อความเดิมของพี่สุดใจเขากะลาหน่อยนะคะ

    ...............................................................................


    <table id="post667056" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">สุดใจเขากะลา<!-- google_ad_section_end -->
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2007
    อายุ: 51
    ข้อความ: 2,051
    Groans: 1
    Groaned at 39 Times in 39 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,152
    ได้รับอนุโมทนา 45,760 ครั้ง ใน 1,961 โพส
    พลังการให้คะแนน: 1215 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_667056", true); </script> </td> <td class="alt1" id="td_post_667056" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <center><!-- google_ad_section_start -->วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2541 เปิดกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา<!-- google_ad_section_end -->

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> จ. ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ได้รับการสื่อสารากมนุษย์ต่างดาว ว่าจะ เปิดกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว บนโลกมนุษย์ อย่างเป็นทางการเป็นเวลา 1 ปี และให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว โดยเลือกเขากะลาแห่งนี้ เป็นสถานที่เปิดกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว โดยให้จัดทำป้ายอย่างเป็นทางการขึ้น ซึ่งแม้ว่าในตอนนั้น กลุ่มของเราจะมีกันเพียงไม่กี่คน แต่ ก็ได้จัดทำป้าย “กองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว” ขึ้น และตั้งตรงบริเวณลานปูนเล็กด้านซ้ายขององค์พระพุทธรูปปางนาคปรก ซึ่งประดิษฐานอยู่บนลานปูนขนาดใหญ่ ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม<o></o>
    <o></o>
    - มีการทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ วันที่ 7 กุมภาพันธ์
    </td></tr></tbody></table>
    ...............................................................................

    ** ข้อความด้านบนคือ มนุษย์ต่างดาว บัญชาการมนุษย์ ให้ทำหรือกระทำในสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวประสงค์ และมนุษย์ก็เป็นผู้ รับคำสั่งนั้นนำไปปฎิบัติค่ะ **

    ** ช่างแตกต่างจากคำตอบของท่าน no.9 เหลือเกินค่ะ ที่ท่านกล่าวว่า

    มนุุษย์ต่างดาวจะบริหารและสั่งการกับมนุษย์ต่างดาวด้วยกันเท่านั้น
    ไม่ไปเกี่ยวข้องสั่งการกับมนุษย์


    ตกลงเชื่ออันไหนดีค่ะ คำพูด หรือ การกระทำ เพราะพี่สุดใจเขากะลาก็ยืนยันเองว่า ด้วยประโยคว่า
    [FONT=&quot]

    สิ่งที่คุณ
    [/FONT]no.9 [FONT=&quot]ได้ตอบไว้นั้น ถูกต้องแล้ว และเป็นไปเช่นนั้น[/FONT]

    <table id="post667056" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">
    </td><td class="alt1" id="td_post_667056" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">
    </td></tr></tbody></table>*และดิฉันขอบอกตามตรงค่ะ ว่าพี่สุดใจเขากะลา ตอบ และ แถม สรุปดิฉัน แบบตัดบทไปหน่อย ..... ทำให้เกิดปัญหา "งง" เกิดขึ้น (เพราะเล่นโยนคำตอบกัน) [FONT=&quot]
    [/FONT]

    ขาดการพิจารณา ว่าคำถามที่เรียนสอบถามมานั้นจะมีความสำคัญ ต่อผู้ที่ติดตามอ่าน หรือผู้ที่เพิ่งเข้ามาอ่านหรือไม่ ......

    การที่ผู้อ่านได้รับข้อมูล แล้วสงสัย.......

    กระทั่งต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติม แบบดิฉันนั้น

    แปลว่า ผู้อ่านให้ความสำคัญในเรื่องราวดังกล่าว จีงเสียเวลาเข้ามาสอบถาม.......

    เพราะคิดว่าการที่เราจะให้ความศรัทธา และเชื่อในสิ่งใดเชื่อโดยขาดการพิจารณาคงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก สงสัยในสิ่งไหนก็ได้ระบุสอบถามโดยตรงมายังท่าน.....


    แต่ กลับไม่ได้รับความใส่ใจ ให้ความสำคัญจากท่าน ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ท่าน สามารถให้ความกระจ่างได้ .....

    และท่่านได้ตอบคำถามแบบ ไม่เปิดใจกว้าง (ตามความรู้สึกของดิฉัน)

    สมาชิกเว็ปพลังจิตที่ต้องการความกระจ่างในเรื่องราวของเขากะลา อย่างดิฉันก็คงจะต้อง [FONT=&quot]

    ไปเริ่มศึกษาได้ ตั้งแต่หน้า 1
    [/FONT][FONT=&quot] หน้าปัจจุบันนี้ ( 588 หน้า)[/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]แล้วใช้ข้อมูลที่มีทั้งหมด พิจารณาด้วยตัวท่านเอง ว่าควรเชื่อ หรือไม่ควรเชื่อ [/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]ถือว่ามีเหตุผลเพียงพอในการตัดสินใจของแต่ละท่าน[/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]และทุกคนก็มีปัญญา ในการพิจารณาไตร่ตรองเองได้ โดยที่ไม่ต้องมีใครชี้นำ (ซึ่งดิฉันก็คิดว่าเป็นคำแนะนำที่ดีค่ะ)
    .........................................................<o></o>
    [/FONT]
    <o></o>
    หรือคงต้องเรียนสอบถามไปยัง

    1. หลายท่านที่เคยเป็น สมาชิกเขากะลา และยังคงเป็นสมาชิกเขากะลา
    2. หลายท่านที่เคยเป็นสมาชิกเขากะลา และเลิกเป็นสมาชิกเขากะลาแล้ว
    3. หลายท่านที่ไม่เคยเป็นสมาชิกเขากะลา ....... แต่ติดตามด้วยอ่านด้วยปัญญา

    หรือติดตาม คำตอบที่รอ คำอธิบายอย่างกระจ่าง จากหลายท่านที่เข้ามาสอบถามในกระทู้ กันต่อไป..........

    เรื่องทั้งหมด ก็คงก็คงเอวัง...แต่ด้วยประการฉะนี้
    แล..........


    หากข้อความด้านบน กระทบกระเทือนไปถึงท่านใด หรือทำให้ท่านใดไม่พอใจดิฉันต้องกราบขออภัยด้วยนะคะ และดิฉันคงจะติดตามอ่านเมื่อมีเวลาว่างพอค่ะ






     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2009
  19. 0111

    0111 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +68
    ผมอ่านก็ยังเข้าใจเลยครับว่ามนุษย์ต่างดาวเขาจะเปิดกองบัญชาการ ก็สั่งให้คนเขียนป้ายไปปักเอาไว้ ก็แค่เนี๊ยะ คนที่เอาป้ายไปปักจะเป็นมนุษย์ต่างดาวไปได้ยังไง ผมก็งงนะเนี่ย ว่าคุณงงได้ยังไง?
     
  20. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368
    ข้อความของคุณ no.9

    ผมขออนุญาตเป็นผู้ตอบคำถามนี้ก่อนแล้วกันนะครับ

    คำว่า "กองบัญชาการ" ความหมายก็เหมือนกับเป็นสำนักงานใหญ่ เป็นศูนย์กลางของการบริหาร และการสั่งการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคำว่า "กองบัญชาการ" นี้จะใช้เป็นศูนย์กลางของการหริหาร และสั่งการในเรื่องเฉพาะของกองบัญชาการนั้นๆ เช่น กองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็จะเป็นศูนย์กลางของการบริหารจัดการกับเรื่องที่เกี่ยวกับตำรวจนครบาลเท่านั้น หรือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล และกองบัญชาการอื่นๆ อีก ก็มีความหมายในแนวเดียวกัน ดังนี้เป็นต้น

    และจะสังเกตุเห็นว่าจากตัวอย่างที่ผมหยิบยกขึ้นมานั้น จะมีกองบัญชาการตำรวจต่างๆ หลากหลายหน่วยงาน แต่ก็ยังมีศูนย์กลางหรือสำนักงานใหญ่ของตำรวจโดยตรงอีกนะครับ ก็คือ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" นี่ใหญ่สุดแล้ว และก็จะเป็นศูนย์กลางของทั้งเรื่องการออกนโยบาย การบริหาร การจัดการ และการสั่งการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ณ สถานที่แห่งนี้ และก็เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับตำรวจเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับทหาร ไม่เกี่ยวกับข้าราชการพลเรือน หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตำรวจเลย

    "กองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว" ก็คือเป็นศูนย์กลางของการบริหาร และการสั่งการของมนุษย์ต่างดาวที่จะบริหาร และสั่งการกับมนุษย์ต่างดาวด้วยกันเท่านั้นเช่นเดียวกับเรื่องกองบัญชาการตำรวจต่างๆ ที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมากล่าวแล้วข้างต้น คงจะไม่ไปเกี่ยวข้อง หรือสั่งการกับมนุษย์ผู้มีกรรมตามที่ได้กรุณาสอบถามมาหรอกนะครับ แต่คำว่า "กองบัญชาการ" นี้ ก็อาจจะตั้งขึ้นมา ณ สถานที่ใด สถานที่หนึ่งซึ่งเป็นแบบถาวร แบบชั่วคราว หรือแบบเฉพาะกิจก็สามารถมีได้ทั้งนั้นครับ[/quote]
    ........................................................................
    คำอธิบายอยู่ในนั้นค่ะ คุณ 0111
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2009
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...