ข้อห้ามในการสะเดาะเคราะห์แบบอีสานโบราณ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย yanjai_makmy, 17 สิงหาคม 2017.

  1. yanjai_makmy

    yanjai_makmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +397
    วันนี้จะเอาเรื่องพิธีกรรมมาเล่าสู่กันฟัง สมัยนี้วิธีการสะเดาะเคราะห์นั้นมีมากหมายหลายแบบเหลือเกินตามยุคตามสมัย แต่สมัยก่อนนั้นวิธีการสะเดาเคราะห์นั้นไม่ได้มีหลากหลายเหมือนทุกวันนี้ ผมจะเล่าหนึ่งในวิธีที่คนสมัยก่อนเขานิยมทำกันในภาคอีสานนะครับ วิธีที่ว่าก็คือการทำ "กระทง" กระทงที่ว่าจะทำจากกาบกล้วยสดๆเอามาถักให้เป็น 3 เหลี่ยมหรือ 4 เหลี่ยม จะเล็กหรือใหญ่หรือมีกี่ช่องนั้นแล้วแต่ว่าเคราะห์นั้นหนักหรือว่าเบาถ้าไม่หนักมากก็แค่กระทง 3 เหลี่ยมก็เอาอยู่ แต่ถ้าเคราะห์ใหญ่ละก็จะต้องเป็นกระทง 4 เหลี่ยมซึ่งข้างในจะมีอย่างน้อย 9่ ช่อง สำหรับของที่ใสในกระทงนั้นจะประกอบไปด้วย ข้าวดำ ข้าวแดง อาหารคาว อาหารหวาน และจะมีกาบกล้วยที่ตัดเป็นรูปคนด้วย นุ่งผ้าเรียบร้อยทำเหมือนเป็นตัวแทน มีดอกไม้ ธูป เทียน และรอบกระทงนั้นจะมีไม้ปักไว้รอบๆเพื่อใช้โยงสายสินจ์ ด้ายที่ใช้ทำเทียนสวดในขันธ์น้ำมนต์นั้นจะต้องเป็นเป็นด้ายที่ทำการวัดความยาวจากรอบศรีษะและจกหัวมาถึงก้นกบ แล้วทบด้ายนั้นด้วยเทียนไขก็จะทำให้ด้ายแข็งเป็นเทียนสามารถจุดไฟได้ จะต้องวัดจากตัวคนที่จะทำพิธีสะเดาะเคราะห์เท่านั้น(เรียกว่า ค่าหัวค่าคีง ภาษาอีสาน) พอถึงเวลาสะเดาะเคราะห์จะต้องนั่งเหยียดขาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกโดยเอากระทงไว้ที่ปลายเท้า ด้ายสายสินจ์ที่พันรอบกระทงมาก็จะมาพันผ่านศรีษะของคนเข้าพิธีแล้วจะไปให้คนทำพิธีสวดซึ่งจะเป็นฆราวาสหรือพระก็ได้ และเทียนที่ใช้สวดจะเป็นเทียนที่ทำจากด้ายค่าหัวค่าคีง ไฮไลท์จริงๆมันอยู่ตอนทำพิธีเสร็จแล้วจะต้องเอากระทงไปทิ้งที่ 3 แยก 4 แยก หรือแม่น้ำ แล้วแต่ครูบาอาจารย์ท่านกำหนดหรืออยู่กับเคราะห์แต่ละแบบ ตอนเอากระทงไปวางไปในจุดที่กำหนดมีข้อห้ามอย่างหนึ่งคือเมื่อวางกระทงลงแล้วห้ามหันหลังกลับมามองโดยเด็ดขาด พิธีแบบนี้ไม่ใช่แค่ใช้กับการสะเดาะเคราะห์เท่านั้นแต่รวมไปถึงการถอดของหรือส่งของไล่ผีออกจากตัว ฯลฯ เพราะการมองกลับหลังนั้นจะทำให้เคราะห์หรือผีวิญญาณหรือของที่ถอดออกตามเรากลับมาเหมือนเดิม เหตุเพราะมันจะคิดว่าเรายังอาลัยอาวรมันอยู่เลยตามกลับมาอยู่กับเราเหมือนเดิม ถามว่าแล้วจะแก้ยังไงก็คือคุณจะต้องเริ่มทำพิธีใหม่เหมือนเดิมทุกอย่างและจะต้องไปทิ้งที่ใหม่ด้วย ตอนไปทิ้งจะต้องไปคนเดียวนะครับจริงๆไปหลายคนก็ได้แต่ถ้าบังเอินมีใครเสือกมองกลับหลังแม้ไม่ได้เป็นคนเข้าพิธีก็ตามของก็จะกลับมาเหมือนเดิม

    แบบที่ 2 ทำเหมือนแบบแรกทุกอย่าง แต่มีการเอาปลา หรือเต่า เข้าร่วมพิธีด้วย แบบนี้ค่อนข้างเสี่ยงแต่จะรู้ได้ทันทีว่าพิธีที่ทำนั้นจะแก้เคราะห์ผ่านหรือไม่ วิธีนี้กระทงครูบาอาจารย์เขาจะเอาไปทิ้งเองแต่เราจะต้องเป็นคนไปปล่อยเต่าหรือปลาลงแม่น้ำ ตอนปล่อยเต่าหรือปลาถ้าเต่าหรือปลามันไม่ยอมลงน้ำหรือเสือกเดินกลับขึ้นมาหาเรา หรือปลาดิ้นขึ้นจากน้ำมาหาเราอันนี้โคตรซวยเพราะว่านั่นหมายถึงสะเดาะห์ไม่ผ่านเป็นเคราะห์ใหญ่จะต้องทำพิธีใหม่ซึ่งก็จะทำยากกว่าเดิม กรณีนี้ผมเคยโดนกับตัวเองผมเป็นคนเอาปลาดุกไปปล่อยลงน้ำที่ฝายน้ำล้น ปลา 7 ตัว คือเทลงน้ำเลยเพราะปลาอยู่ในถังแต่มีปลาอยู่ 4 ตัวที่กระโดนขึ้นจากน้ำกลับมาหาผม ทีแรกก็ไม่คิดอะไรก็เอามือจับมันลงน้ำเหมือนเดิมพอมันลงน้ำมันก็ไม่ไปอีกแต่ลอยทวนน้ำมองหน้าผมอยู่สักพักมันก็ไป ทีแรกยังไม่รู้ก็ไม่ใส่ใจอะไรแต่หลังจากนั้น 14 วัน ผมก็เกิดอุบัติเหตุโชคดีที่ไม่ตาย

    ความเชื่อทางภาคอีสานเมื่อเจอสิ่งเหล่านี้จะต้องสะเดาะเคราะห์(ปล. เอาเท่าที่ผมจำได้นะ) ก็จะมี เมื่อมีเสียงนกแสกร้องอยู่รอบๆบ้าน เกลือหรือพริกมีหนอน งูเข้าบ้าน ต่อมาสร้างรังในบ้าน ข้าวเหนียวที่แช่น้ำก่อนจะเอามานึ่ง(ภาคอีสานเขาจะแช่กลางคืนนึ่งตอนเช้า)เปลี่ยนสีปกติมันจะสีขาวธรรมดา มีสัตว์เลี้ยงตายโดยไม่มีสาเหตุ(อีสานเรียกตายพาก)ไม่ใช่ตายตัวเดียวนะแต่ทีละหลายๆตัว ฯลฯ กรณีของนกแสกกับข้าวแช่เปลี่ยนสีเนี่ยที่บ้านเจอบ่อยมากสมัยก่อน แค่กรณีนกแสกเนี่ยน้องชายผมเสียไปคนนึงเลยจากอุบัติเหตุ เพราะรู้แล้วก็ไม่ไปสะเดาะเคราะห์สักทีแต่พอจะไปรถน้ำมันหมดบ้างรถยางรั่วบ้างเลยไม่ได้ทำวาสนาอ่ะนะกรรมมันหมดแล้ว

    รอบหน้าจะเล่าให้ฟังตอนถอดของและเอาของไปทิ้ง แต่คนเอาไปทิ้งมองกลับหลัง(คนที่เอาไปทิ้งไม่ใช่คนถอดด้วยนะ) คุณอยากรู้ไหมว่ามันจะเป็นยังไง 555
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    พึ่งเคยได้ยินนี่หละ...
    วิธีแรกดูการใส่ของอะไรและลอยน้ำแล้ว
    น่าเชื่อว่าจะถอนของได้เหมือนกัน...
    เพราะคล้ายๆ พิธีการถอนของ
    กรณีที่บุคคลนั้นเคยไปรับขันธ์มา...
    ทั้งแบบตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ

    คุ้นๆว่า จะมีอีกพิธีคล้ายกันที่ให้หาเสื้อผ้า
    คนป่วย แล้ววัดด้วยเชือกคล้ายๆกันให้พระสวด
    ใช้กรณีที่คนป่วยหนักอยู่โรงพยาบาล
    แบบนี้เคยทำตอนพระบิดาท่านป่วย..
    ซึ่งก็ได้ผลจริง แต่เหมือนจะทำได้ครั้งเดียว....
    แต่จำไม่ได้แล้วว่าเรียกว่าอะไร...

    ส่วนวิธีที่สองก็พึ่งเคยได้ยินอีกเช่นกัน ๕๕๕
    แต่เคยปล่อยเต่า ปล่อยปลานะ...
    ปลาเนี่ย ถ้าน้ำลึกก็ไปเลย ยกเว้นน้ำตื้น
    เห็นจะปรับสภาพก่อนไป..
    แต่ถ้าเต่า เคยลองสังเกตุอยู่
    เห็นเค้า จะว่ายน้ำไปก่อน แล้วซักพัก
    ก็จะมาแอบมองดูหน้าเรา
    ประมาณนี้หละ...
     
  3. yanjai_makmy

    yanjai_makmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +397
    อันนี้เล่าสู่กันฟังนะครับ กรณีรับขันธ์มาผมไม่เคยได้ถอนเลยครับ แต่ผมเคยเอาไปฝากให้หลวงพ่อไว้ เคยเอาไปไว้ใต้ต้นโพธิ์ในวัด และครั้งสุดท้ายเลยก็ผมเอาโยนลงแม่น้ำเลยทั้งขันธ์ทั้งองค์ที่เป็นเรซิ่นและทองเหลือง(ก่อนทิ้งก็บอกกล่าวกันดีๆนี่แหละครับ) เคยได้ยินบางท่านบอกว่าตอนอยากได้ก็ไปเอาเขามาพอเอามาแล้วก็จะเอาไปทิ้ง ผมอยากจะตอบเหมือนกันว่าก็ไม่ได้อยากได้แต่คนจะเอาให้และคนพาไปนี่ก็ชักจูงกันจังทั้งออกแนวข่มขู่ให้กลัวเหมือนไม่รับแล้วจะเป็นนั่นเป็นนี่จริงๆก็คือยัดเยียดให้รับด้วยคำพูดต่างๆนาๆและผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและไม่คิดว่ามันจะมีผลร้ายอะไรแต่มันมี(แต่ไม่เล่าให้ฟังนะ)เพราะว่าบางท่านที่เขานับถือเรื่องแบบนี้อาจจะแอนตี้ผมได้ สรุปมันจะเป็นก็ให้มันเป็นจัดเลยก็ไม่เห็นเป็นไร สำหรับผมการเป็นคนธรรมดาทีมีครบ 32 ส่วนนี่แหละดีที่สุดแล้ว ที่ผ่านมามันคือประสบการณ์
     
  4. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    811
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,433
    ในส่วนของการรับขันต์ไม่รู้ไม่เข้าใจค่ะ แต่ถ้าเรื่องพฤติกรรมสัตว์ตอนปล่อย ในส่วนของปลาเวลาปล่อย จะค่อยๆจมถุงลงให้น้ำไหลเข้าซักพักจึงเทปลาออกไป ปลาเลยจะฉุยฉายว่ายสบายๆค่ะ ถ้าเทพรวดลงไปเลยอาจมีโอกาสสะดุ้งน้ำ กระโดด ด้วยตกใจ ช๊อคตายก็มี ส่วนเต่าที่เคยปล่อย จะปล่อยริมน้ำค่ะ แล้วแต่เขาจะลงน้ำรึคานไปที่อื่น
    แต่มีครั้งนึงที่ปล่อยปลาดุกทะเล ขนาดต้นแขน (มีขาย2ตัว แต่มีเงินไม่พอ เลยซื้อได้ตัวเดียว ตัวเล็ก) ซื้อมาในสภาพที่เขาคงแย่สุดๆ เพราะคนขายเขาวางบนถาดแห้งๆ ไม่มีน้ำเลี้ยง ปากก็ผงาบๆ เลยรีบไปชายทะเล แบบแวะไปเอากาละมังที่บ้าน เสร็จก็เดินลุยน้ำลงไปถึงต้นขาได้ ก็ปล่อยน้ำให้ไหลท่วมปลา กดกาละมังแบบนั้นซักพัก เพื่อให้ปลาฟื้น ถึงปล่อยค่ะ ปล่อยไปเขาก็ยังจะงงๆหลงทิศนิดนัง ประกอบกับมีคลื่นตลอด กว่าจะว่ายออกสู่ทะเล ราวครึ่งชม.ได้ ปล่อยปลาครั้งนี้ประทับใจที่สุดเพราะมีเหตุการณ์บางอย่างที่แปลกเกิดขึ้น คือ ขณะรอปลาฟื้น สีน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีแดง ตอนนั้นตกใจนะคะ มองไปทางไหนก็เห็นทะเลสีแดง(หลังอธิษฐานปล่อยปลา) ใจประหวั่น ชักกลัวๆกล้าๆ แต่ก็ผ่านไปได้ คิดว่า ถ้าไม่ใช่สายตาผิดปกติ ก็คงมีอะไรโมทนาบุญมั้ง อิอิ ^_^​
     

แชร์หน้านี้

Loading...