"ข้อห้ามในการแขวนพระ" สิ่งสำคัญที่ควรศึกษา

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 21 มกราคม 2007.

  1. kitmee

    kitmee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +2,592
    ทำใมผมอ่านไม่ได้ ไม่เห็นมีอะไรเลยเห็นแต่รูป :'(

    ข้อห้ามอ่านตรงใหนครับ
     
  2. ongpa11

    ongpa11 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +42
    ขอบคุณครับ ได้ความรุ้ดิๆ
     
  3. Benihime CT

    Benihime CT สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +7
    เป็นประโยชน์มากๆครับ ขอบคุณครับ
     
  4. พยัคฆ์ดำ

    พยัคฆ์ดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2012
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +104
    ของผม พระเครื่องของญาท่านคำบุ ข้อห้ามของท่านก็คือ ห้ามประมาทครับ!!
     
  5. witca

    witca เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,336
    ค่าพลัง:
    +383
    ทำใมผมอ่านไม่ได้ ไม่เห็นมีอะไรเลยเห็นแต่รูป [​IMG]

    ข้อห้ามอ่านตรงใหนครับ
    เช่นกันครับ
     
  6. tosaard

    tosaard สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2012
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +14
    ขอบคุณครับสำหรับความรู้
     
  7. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    ผมก็เห็นแต่รูปครับ แต่ผมว่าผมเคยอ่านในหนังสือศักดิ์สิทธิ์นะหลายปีแล้ว
     
  8. newbourn

    newbourn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +6
    ่ตอนเด็ก ๆ อาจารย์ ท่านหนึ่งเคยสอนไว้ว่า .. พระเครื่อง ก้อเหมือน ทองคำ เปนของบริสุทธิ์ ของดี อยู่ที่ไหน ทองก็ยังเปนทอง แต่ ถ้านำทองไปตกอยู่ในที่ปลัก ที่ตม ทอง ก็ถูก ปกคลุม ด้วยปลัก ด้วยตม ถึงแม้ ทองจะไม่ได้ เปลี่ยนไป แต่ปลัก ตม ที่พอก อยู่ทำให้ ไม่เห็น ความเปน ทอง เมื่อ ไม่เห็น ก็ คิดเอาว่ามัน ไม่มีแล้ว แล้วก็ทิ้งมันไป แต่ถ้า เอาทองที่ มีปลัก มีตม หุ้มอยู่ ไปปัด ไปล้าง ปลักตม ออก ก็จะพบ ทอง ทีอยู่ด้านใน ..
     
  9. siku47

    siku47 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    เห็นด้วยครับ

    ได้ข้อคิดดีครับ
     
  10. Kravinkreeat

    Kravinkreeat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2012
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +153

    ใชครับ...แล้วนี่จะไม่มีใครมาช่วยบอกหน่อยหรือครับ!!
     
  11. BOI

    BOI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2012
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,696
    ผมว่าลิ้งค์น่าจะหมดอายุแล้วล่ะมั้งครับ เพราะตั้งกระทู้ตั้งแต่ 2007
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2012
  12. BOI

    BOI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2012
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,696
    ไปเจอมาแล้วครับ

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ thaimont [​IMG]
    ก้อปมาไห้อ่าน
    หิรัณย์:
    "ข้อห้ามในการแขวนพระ" สิ่งสำคัญที่ควรศึกษา


    โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์

    ข่าวคนที่ถูกยิง ถูกแทง ถูกตีจนตาย ทั้งที่มีพระเต็มคอ ตะกรุดเต็มเอว พบเห็นได้ดาษดื่น บ่อยครั้งเป็นเหตุให้คนที่มีศรัทธาในของขลังเริ่มคลอนแคลน ที่ไม่ศรัทธาอยู่แล้วก็หยิบยกมาโจมตีว่า ไม่เห็น “วิเศษ” ดังคำคุย
    เป็นเพราะอะไร
    จะมีสักกี่คนที่คิดเจาะลึกลงไปถึงเบื้องหลังของสาเหตุว่า ทำไมวัตถุมงคลเหล่านั้นจึงไร้ “ประสิทธิภาพ” คิดแบบตื้นๆก็ต้องว่า ของขลังเหล่านั้นไม่ขลังจริง คิดให้ลึกไปอีกหน่อยก็ต้องว่า ของนั้น “เคยขลัง” แต่ต้องมาเสื่อมเพราะใครคนนั้นเอง คิดแบบลึกสุดใจก็ว่า “กรรม”
    “กรรม” แปลว่าการกระทำ ซึ่งมีทังทำดี-ทำชั่ว พูดถึงตรงนี้ก็มีเสียงค้านกัน “ตึม” ว่า แล้ว “ไอ้เสือ” ที่ปล้น ฆ่าชิงทรัพย์ในยุคเก่าก่อนเล่า เหตุใดจึง “หนังดี” ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นก็ทำชั่ว แต่ความขลังก็ยังคงอยู่ ทำไมไม่เสื่อม
    ผมตอบทันที เพราะไม่ผิดครู...!!
    ใช่ว่าผมจะไม่เชื่อกรรม ไม่เชื่อผลของกรรม แต่กรรมบางอย่างก็ไม่อาจให้ผลได้ในปัจจุบัน ทั้งคนที่เป็นเสือและคนที่เป็นเจ้าทรัพย์ ก็ล้วนแล้วแต่สร้างกรรมมาร่วมกัน เป็นเหตุให้ต้องมาพบกันในลักษณะนั้น เรื่องกรรมมันลึกซื้งซับซ้อนยากจะอธิบาย ต้องคุยกับระดับพระมหาเถระอาจกระจ่างได้บ้าง
    แต่เรื่อง “แรงครู” คุยกับผมก็ได้
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา เคยเล่าให้ผมฟังว่า ท่านมีลูกศิษย์ผู้ชายอยู่ 2 คน สมมตินามว่า “ยอด” กับ “ยิ่ง” ทั้งสองเป็นคนใจถึง เข้าทำนอง “ใจนักเลง” (ไม่ใช่อันธพาล) เขา 2 คนนับถึงหลวงพ่อพุธมาก เคยมาขอพระจากท่าน ท่านก็ให้เหรียญ รุ่นดีเซลราง ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นสองในชีวิตท่าน แต่เป็นรุ่นแรก ขณะที่มาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน แก่เขาไปคนละเหรียญ เขาก็แขวนคอทันที
    แขวนไม่นาน ยอดก็ประคองยิ่งมาต่อว่าหลวงพ่อเป็นการใหญ่ว่า พระรุ่นเดียวกัน รับพร้อมกัน แต่ทำไมไม่ขลังเลย เจ้ายิ่งโดนยิงทะลุไส้แตก เพราะอะไร หลวงพ่อเงียบไปในทันที ไม่ใช่เงียบในลักษณะ “จน” แต่เป็นการ “ตรวจสอบ” บางอย่างโดยวิธีของท่าน สักพักท่านก็พูดเย็นๆ ขึ้นว่า
    “เพราะเพื่อนคุณไปเปิดประตูทอง”
    สองคนนั้นงง อะไรคือประตูทอง ท่านเฉลยต่อ “ก็คุณ” ชี้ไปที่คนถูกยิง “ไปด่าแม่เขาเข้านะสิ นั่นละเปิดประตูทอง” สองหนุ่มก็กระจ่างใจในบัดดล จึงขอขมาหลวงพ่อแล้วเล่าถวายว่า
    เขาไปดื่มสุราในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พบกับคู่อริที่ไม่ชอบหน้ากันเลยเกิดตะลุมบอนขึ้น เขามีกันสองคน แต่พวกนั้นมีเกือบสิบ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ถอย วาดลวดลายจนนักเลงมวยหมู่ตั้งตัวไม่ติด 1 ใน 10 นั่นก็เลยชักปืนขึ้นมาแล้วกระโดดเข้าล็อกคอหนุ่มยอด เอาปืนกดขมับแล้วลั่นไกทันที
    เล่าถึงตอนนี้หลวงพ่อทำมือทำไม้ประกอบ พลางว่า “มันยิงดัง..แต๊บ...แต๊บ...แต๊บ...สามนัดแต่ไม่ออก” ข้างหนุ่มยิ่งเห็นคู่อริเอาปืนจ่อหัวเพื่อนก็เข้าใจว่า “ข้างหนุ่มยิ่งเห็นคู่อริเอาปืนจ่อหัวเพื่อนก็เข้าใจว่า “ขู่” ให้กลัวเท่านั้น จึงร้องตะโกนออกไปว่า “...แม่! แน่จริง***อย่าใช้ปืนสิวะ” ไอ้คนยิงฉุนกึก ใจกะจะฆ่าอยู่แล้วไม่ใช่แค่ขู่ เลยเบนกระบอกปืนไปที่คนปากเก่งแล้วลั่นไก
    “ปัง”
    แม่นยังกับจับไปวาง กระสุนทะลุท้องทันที หนุ่มยิ่งถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น คู่อาฆาตเห็นท่าไม่ดี เลยเผ่นตะโพงกันไปหมด ทั้งสองจึงมีเรื่องมาต่อว่าหลวงพ่อด้วยประการฉะนี้
    ก็เหรียญรุ่นเดียวกันรับพร้อมกัน อันหนึ่งยิงออก อันหนึ่งไม่ออก ทำไมจะไม่แปลกใจ เดชะบุญว่าหลวงพ่อมี “จิตรู้” ที่แจ่มใส ท่านจึงทราบความเป็นมาเป็นไปของคนทั้งสอง แล้วตอบ “เคลียร์” ให้เข้าใจหาไม่แล้วหลวงพ่อคงถูกให้ร้ายว่าไม่เก่งจริง
    ได้โอกาสผมจึงเรียนถามว่า “แสดงว่าพระของหลวงพ่อห้ามคนแขวนด่าพ่อด่าแม่ใช่ไหมครับ” ท่านตอบว่า “ไม่ใช่แต่ของหลวงพ่อดอก ของใครก็ห้ามเหมือนกัน เพราะพระสงฆ์เวลาปลุกเสกพระ ท่านก็เชิญคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ มาเหมือนๆกัน ฉะนั้นเมื่อไปลบหลู่คุณของท่านเหล่านั้น มันก็เท่ากับเราลบหลู่ครูบาอาจารย์ของเราด้วย”
    “สรุปว่าพระของหลวงพ่อห้ามอะไรบ้างครับ”
    ท่านยิ้มแล้วว่า “พระของหลวงพ่อห้ามคนแขวนลบหลู่บุพการี (คือพ่อแม่) ของตัวเอง และคนอื่น ห้ามลบหลู่ครูบาอาจารย์ของคนอื่น ถ้าทำได้อย่างนี้พระนั้นขลังจริง”
    นั่นเป็นข้อห้ามที่ฟังมาจากท่าน
    อาจื๊อ (คุณเพียรวิทย์ จารุสถิติ) เคยเล่าให้ผมฟังว่า คนแขวนพระหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ตั้ง 3 องค์ แต่ถูกยิงตาย ประดาศิษย์มาซักไซ้เอากับหลวงปู่ถึงกุฏิ เพราะพระที่แขวนก็แท้ แต่ถูกยิงเข้า หมายความว่าอย่างไร เรื่องนี้มันสั่นประสาท “คนเป็น” ที่ยังแขวนพระท่านเสียจริง จึงต้องถาม
    ทำไมเป็นอย่างนั้น?
    ท่านเงียบไปอึดใจ ก่อนตอบว่า
    “พ่อแม่มัน มันยังไม่เอา จะให้พระเอามันได้อย่างไร”
    สืบไป สืบมา ได้ความว่า เขาคนนั้นเป็นคนขี้เหล้า ขี้พนัน เมื่อขอเงินพ่อแม่ไม่ได้ก็ประเคนให้ด้วยแข้ง เข่า ไม่เอาพ่อเอาแม่จริงๆ
    นี่ถ้าหลวงปู่ไม่แจ่มแจ้งในเชิง “ฌาน” ต้องจนแต้มอย่างไม่ต้องสงสัย
    นั่นเป็นเรื่องที่สองพระเถระต่างวัยต่างยุคสมัยบอกเล่าได้ตรงกัน แสดงถึงข้อห้ามอย่างชัดเจนว่า พ่อ-แม่ เป็นของสูง จะนำมาพูดจาบจ้วงล่วงเกินไม่ได้เลย มิฉะนั้นจะมีผลดังที่เล่ามา
    ยังไม่จบเพียงนั้น
    เพื่อนผมคนหนึ่งแขวนเหรียญ “พ.ฆ.อ.” เนื้อเงิน เป็นรูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) พระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรฯอยู่ เหรียญนี้ท่านเจ้าคุณนรฯ ได้ทำการอธิษฐานจิตให้ถึง 2 ครั้ง 2 คราว เรียกว่า “ขลัง” พอดู
    เมื่อผมพบเขาเรื่องที่คุยก็ไม่พ้นพระ ตอนหนึ่งผมถามว่ามีภรรยามาแล้วตั้ง 2 คน เวลาหลับนอนแบบนั้นถอดพระบ้างไหม เขาตอบอย่างมั่นใจ “ไม่ถอด” ผมตกใจมาก แต่ก็ทำหน้าให้เป็นปกติ ถามต่อว่า แล้วไปเที่ยวสถานบริการที่มีผู้หญิงแบบนั้น ถอดไหม “ไม่เคยถอด” หนำซ้ำเขายังถามคืนว่า “ถอดไปทำไม พระอยู่ที่ใจ”
    เออ ! คนเรานี่ก็แปลก ถ้าว่าพระอยู่ที่ใจจริง แล้วจะแขวนพระเครื่องไปทำไมเล่า แล้วพระอะไรหนอที่เข้าไปสิงใจเพื่อนผมแล้วชวนมันไปเที่ยวที่อย่างว่า ชวนมันไปกินเหล้า ถ้าพระชนิดที่มันบอกมีจริง โปรดอย่ามา “อยู่ที่ใจ” ผมเลย
    ผมเสียว !
    แล้ววันแห่งความพลิกผันในชีวิตของเขาก็มาถึง เมื่อวันหนึ่งเพื่อนเอาปืนมาหยอก แล้วลั่นไกแบบหยอกๆ ลูกปืนก็เลยออกแบบหยอกๆ แต่ผลของมัน “ไม่ใช่หยอก”
    เพราะมันทะลุปอดซ้าย แล้วไปหยุดอยู่ที่กระดูกสันหลัง เมื่อแพทย์โรงพยบาลสมิติเวชดึงหัวกระสุนปืนออก น้ำไขสันหลังก็เยิ้มหนืบตามลูกกระสุนออกมาราวกับเยลลี่ ผลของมันก็คือทำให้เพื่อนของผมเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไปสุดปลายเท้าตลอดชีวิต
    สังเวยความดื้อ ด้วยวัยเพียง 24 ปี
    เมื่อผมไปเยี่ยม เขารำพึงว่า “เชื่อนายเสียก็ดี” ผมมาคิดดูว่าถ้าเขาต้องมีอายุขัยสัก 70 ปี เขาต้องทรมานอย่างนี้ไปอีกตั้งเท่าไหร่ มันไม่คุ้มเลยกับที่เราเชื่อความเห็นของตนเองชนิดที่ไม่ยอมรับครูบาอาจารย์ เรื่องทำนองนี้ยังมีอีก
    รุ่นน้องของผมคนหนึ่งชื่อ “จุ๊” มาขอพระหลวงปู่ทิม อิสริโก จากผม เพราะรู้ว่าผมมีเยอะ ผมก็ให้เหรียญห่วงเชื่อม 8 รอบไป เขาก็รีบนำไปเลี่ยมพลาสติกแขวนคอ วันหนึ่งเกิดอยากเที่ยวที่แบบนั้นประสาหนุ่มน้อย ก็ชวนน้องชายขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งในตัวเมืองชลบุรี
    ด้วยความที่ผมย้ำ “ข้อห้ามสากล” สำหรับพระทุกชนิดว่า
    1. ห้ามด่าแม่
    2. ห้ามเป็นชู้ลูกเมียเขา
    3. ห้ามใส่พระเข้าสถานบริการทางเพศ หรือใส่มีเพศสัมพันธ์เด็ดขาด
    ถ้าฝ่าฝืน พระต้องเสื่อมแบบถาวรอย่างไม่ต้องสงสัย หนุ่มจุ๊ก็ได้คิด ก่อนจะเข้าไปเลยถอดพระออกจากคอไปสวมให้น้องชาย นาม “โจ้” ไว้แทน และกำชับว่าให้คอยอยู่นอกรั้วนี้ ห้ามเข้าไปเด็ดขาด พี่จะเข้าไปคุยกับเพื่อนเดี๋ยวออกมา ว่าแล้วก็จ้ำอ้าวเข้าไป ปล่อยให้น้องโจ้คอยอยู่นอกรั้ว
    ข้างหนุ่มโจ้รออยู่ครึ่งชั่วโมง พี่ชายก็ไม่ยอมออกมา แดดก็ร้อน เลยคิดว่าขอเข้าไปหลบแดดที่ชายคาบ้านคงไม่เป็นไร คิดแล้วก็ล็อกมอเตอร์ไซค์ พลางเดินมุ่งตรงไปที่ตึก เพียงแค่หนุ่มโจ้เดินผ่านประตูรั้วเหล็กเข้าไปเท่านั้นเขาก็ต้องตกใจชะงักอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงวัตถุบางอย่างแตกดัง “เปรี๊ยะ”
    เสียงนั้นอยู่ใกล้เหลือเกิน โจ้จึงก้มลงมองหารอบๆเท้า ด้วยเข้าใจว่าคงเหยียบเศษอะไร แต่ก็ไม่พบ ครู่เดียวก็เกิดเอะใจจึงล้วงสร้อยคอออกมาดู ปรากฏว่าพลาสติกที่เลี่ยมเหรียญหลวงปู่ทิมเกิดการ “ระเบิด” ย่อยๆ จนพลาสติกแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เฉพาะตรงด้านหน้าที่เป็นรูปท่านเท่านั้นที่คงสภาพเดิม
    น่าอัศจรรย์จริงๆ
    โจ้ยืนงงคิดไม่ตกอยู่กับที่เป็นนานสองนาน เมื่อพอจะเข้าใจได้ลางๆ ก็เผ่นพรวดออกมายืนข้างมอเตอร์ไซค์ พอพี่ชายตัวดีเดินตัวลอยกลับมาก็ฉะเสียยกใหญ่ คาดคั้นว่าที่เข้าไปไม่ใช่บ้านเพื่อนใช่ไหม พี่ก็โวยวายว่ารู้ยังไง อย่ามามั่ว โจ้จึงงัดพระออกมาให้ดู
    เลยเงียบไปอีกคน
    แล้วสารภาพเสียงอ่อย “เออ! นั่น...ซ่อง...” จากนั้นก็ตรงมาหาผม 2 คนนั่นเลยได้ฟังเทศน์เสีย 3 ชั่วโมงรวด ก็ผมเสียดายของผมนี่นา
    ผมเก็บเหรียญนั้นไว้ถึง 3 ปี เพื่อเป็นตัวอย่างบอกเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง จนพระหลวงปู่หายากเข้า คุณป๊อบ เจ้าของร้านข้าวมันไก่โอเชี่ยนจึงมาออดอ้อนขอเอาไป ไม่อย่างนั้นผมจะมีรูปเหรียญทั้งพลาสติกเดิมมาให้ชม
    เห็นไหมเรื่อง “มาตุคาม” กับพระเข้ากันได้เมื่อไร กรณีหนุ่มจุ๊ถือว่าโชคดีที่หลวงปู่ทิมท่านเมตตา “แสดง” ให้รู้ว่าอาตมาไม่อยู่ด้วยละ แต่กรณีท่านเจ้าคุณนรฯท่านไปแบบเงียบๆ คนแขวนเลยไม่ทันระวังตัว อันตรายจริงๆ
    พูดเรื่องนี้มีอีกเยอะ เพื่อนบางคนแขวนเหรียญหลวงปู่แช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต เข้าสถานบริการกลับออกมาเหลือแต่ตลับ เหรียญข้างในหายจ้อย สร้อยก็อยู่กับคอ ตลับก็ไม่ได้เปิด พระไปได้อย่างไร อีกคนใส่ตะกรุดหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เกิดหักโป้งเป็น 2 ท่อน ทันทีที่ใต้ชั้น 2 ของที่อย่างว่า
    ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่
    เดี๋ยวจะเหมือนเพื่อนผมที่เอาอนาคตมาดับเพราะความดื้อรั้นของตัวเอง ด้วยข้อห้ามสากลทั้งหมดนั้นใช่ว่าผมจะบัญญัติขึ้นมาเองเสียเมื่อไร ผมก็ถามไถ่เอาจากครูบาอาจารย์เสียทั้งนั้นแหละครับ ทุกองค์บอกเหมือนกันเดี๊ยะ ผมก็ไม่กล้าดื้อกับท่านดอก
    เพราะยังเสกเองไม่เป็น
    ทั้งหลายทั้งปวงที่เล่ามานั้นเป็นเรื่องของข้อห้ามสากล ทีนี้ก็เป็นเรื่องของ “ข้อห้ามเฉพาะ” บ้างละ ข้อห้ามเฉพาะ คือ พระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังประดามีที่ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ แต่ละสำนักจะบัญญัติเอาไว้ว่า ห้ามอย่างนั้น อย่างนี้ หากว่าไม่ยอมทำตาม ผลน่ะหรือ...
    เสื่อมสนิท
    เช่น พระหลวงพ่อมุม อินทปัญโญ วัดปราสาทเยอร์ จ.ศรีสะเกษ มีข้อห้ามเฉพาะ ดังนี้
    1. ห้ามลอดไม้ค้ำต้นกล้วย
    2. ห้ามใช้มือทั้งสองกอบน้ำในบึง หนอง คลอง ที่ตนลงเล่นมาดื่มกิน
    นี่คือข้อห้ามเฉพาะที่จำเป็นต้อง “ถือ” ต่อท้ายข้อห้ามสากล คนชอบซื้อพระเคยฉุกคิดบ้างไหม หรือสนแต่ซื้อขายอย่างเดียว ถ้าเป็นดังนั้น อย่าแปลกใจเลยหากจะมีข่าวคนถูกยิงทะลุทั้งๆที่ใส่พระหลวงพ่อมุม
    โทษท่านได้ไหมว่า “ไม่ขลัง”
    หรือ แหวนมหาสัตตโลหะของหลวงพ่ออั้น คันธาโร วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ห้ามแกว่งมือจุ่มนิ้ว ลงในแม่น้ำลำคลอง หรือแหล่งน้ำธรรมชาติทั้งหลาย มิฉะนั้นชักขึ้นมาจะเหลือแต่มือเปล่า
    แหวนไปไหน?
    ข้อนี้ไม่ทราบ ทราบแต่ว่าไปขอคืนได้ที่กฏิ เพียงแต่ทนฟังท่านดุด่าเสียหน่อยเป็นค่าแหวน นี่ลุงผมเจอมากับตัว หรือตะกรุดมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ที่มีข้อห้ามว่า “อย่าพกพาต่ำกว่าเอว” เพราะของๆท่านสำเร็จขึ้นด้วยบารมีของพระพุทธเจ้าเอาพระพุทธเจ้าไว้ต่ำได้หรือ!
    หรือของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี จ.สุรินทร์ ทุกชนิดมีข้อห้ามที่ว่า ไม่ให้กินเหล้ากินเบียร์อย่างเด็ดขาด กินเมื่อใดเสื่อมเมื่อนั้น
    วลี “ไปสุรินทร์ต้องกินสุรา” คงถูกโค่น เพราะหลวงปู่นี่แหละ
    แล้วมันน่ากลัวดีไหม ถ้าเก็บพระของหลวงปู่หงส์ตกทอดไป 10 ปี 20 ปี ลูกหลานไม่รู้ข้อห้ามเอาใส่ไปกินเหล้า แล้วเกิดตีกัน ลูกหลานท่านจะเป็นอย่างไร
    เหล่านี้คือสิ่งที่ควรศึกษาให้รู้ก่อนแขวน
    ยังมีอีกเยอะแยะ มากมายครับ เขียนมากไปก็เกรงจะเป็น “สอนพระสังฆราช” อีก จึงได้แต่วิงวอนผู้เลื่อมใสในพระเครื่องของขลังจงระวังระไว จะแขวนจะคาดสิ่งใดโปรดตรวจสอบที่มาที่ไปก่อนเถิด อย่าตามใจตัวเองจนเก่งเกินครู ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะต้องเสียใจในภายหลัง
    ขอให้จงรู้แจ้งเห็นจริงทุกท่าน สวัสดีครับ... ;D ;D ;D

    จาก at Suankhung.com
     
  13. ขอมจำแลง

    ขอมจำแลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +1,273
    ห้ามลืมใส่ ... ลืมเอามาใส่เวลาไปไหน มาไหน 55+...

    ผมว่าพระเครื่องเราต้องแบ่งออกเป็น 2 ประเภท จึงจะตอบได้ถูกต้องว่าเสื่อมหรือไม่ ?

    1. พระเครื่องที่สร้างโดยพระเกจิอาจารย์ที่ทรงสมาธิสูง ๆ ฤๅษี หรือฆราวาส แต่อาศัยฌานสมาบัติตนเองเป็นกำลัง ในการอธิษฐาน ปลุกเสก แม้จะกล่าวอ้างถึงคุณพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ เทพพรหมต่าง ๆ แต่ ไม่รู้ ไม่เห็น กล่าวคือ มิได้ทรงวิชาสาม อภิญญาหก หรือมากกว่านั้น ไม่สามารถเห็นและขอบารมีพระพุทธเจ้าให้ทรงสงเคราะห์ให้ได้โดยตรงจริง ๆ หรือแม้แต่ทรงอภิญาแต่ไม่ขอบารมีพระท่านโดยตรงเองก็มี ดังจะเห็นได้สมัยหลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค ปลุกเสกพระเครื่องให้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ด้วยกำลังตนเองแม้หลวงพ่อเล็กจะเป็นพระอริยะเจ้าเบื้องสูงแล้ว แต่หลวงพ่อปานกลับบอกว่ายังใช่ไม่ได้ เป็นต้น ... กรณีนี้ จะไม่จัดเป็นวิชาในทางพุทธศาสตร์โดยตรง สายนี้วัตถุมงคลอาจเสื่อมลงได้ แต่ข้อสังเกตุ ของจะแตก ร้าว หาย หรือมีลางบอกเหตุ หรือความรู้สึกให้เห็นได้บ้าง

    ... อีกส่วนหนึ่ง บางคณาจารย์ที่เก่งจริง ๆ ของจะไม่เสื่อม แต่จะไม่คุ้มครองคนที่ผิดคำครูเฉพาะคนนั้น แต่เมื่อใครนำไปใช้ต่อ หากรักษาข้อห้ามได้ของก็จะยังมีอานุภาพอยู่เหมือนเดิม สังเกตพระอาจารย์ที่เก่ง ๆ จะมีบารมีมาก และยาวนาน ส่วนใหญ่ท่านจะเข้ากรรมฐานทุก ๆ คืน เพื่อแผ่พลังจิตของตน ปกป้องลูกศิษย์อยู่ทุก ๆ วัน

    2. วัตถุมงคลที่อาศัย การขออำนาจบารมีของ พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้าโดยผู้ที่สามารถสื่อกับพระได้จริง เป็นผู้ทำพิธี .. ซึ่งบุคคลระดับนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพระอริยเจ้าครับ แบบนี้ของไม่เสื่อมแน่ ๆ แต่ใครประพฤติผิดศีลธรรม ตามที่ท่านห้ามไว้ พระก็จะไม่คุ้มครองคน ๆ นั้นเป็นการเฉพาะ ...

    และเมื่อเขาประพฤติตัวดี ๆ ผมเชื่อว่า หากนำกับมาใส่ใหม่ ท่านก็คุ้มครองครับ หากพระยังอยู่นะ *-*
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2012
  14. uthai08

    uthai08 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอบคุณครับ
     
  15. itoonza

    itoonza สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    ได้ความรู้มากคับ
     
  16. Amobb

    Amobb สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +7
    อาราธนา+คาถากำกับถ้ามี
     
  17. singhamin

    singhamin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +19
    _/\_ :cool::cool::cool:
     
  18. yourlose

    yourlose สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    จริงๆจริงๆจริงๆ
     
  19. มหาละลวย

    มหาละลวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +717
    พระท่านไม่เสื่อมหรอกครับ คนแขวนต่างหากที่เสื่อม
    ทองคำคือทองคำ อยู่ที่ไหนก็ทองคำวันยังค่ำ
     
  20. Sober

    Sober เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +2,925
    เห็นด้วยครับ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...