คนถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่ ๑ มีลักษณะอย่างไร...

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย :::เพชร:::, 4 พฤศจิกายน 2009.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อภินิหารและแนวทางการเทศน์ที่ไม่เหมือนใครของสมเด็จโต
    เรื่องราวของท่านที่ได้ยินมามีมากมาย ทั้งเรื่องอภินิหารและแนวทางการเทศน์ที่ไม่เหมือนใคร

    มีฝรั่งต่างชาติรู้มาลองภูมิปัญญาท่านสมเด็จโตว่า "จุดศูนย์กลางของโลกอยู่ตรงไหน?" ท่านสมเด็จตอบฝรั่งไปว่า"จุดศูนย์กลางของโลกนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง บนพื้นผิวโลก ไม่ว่าฉันจะไปยืน ณ ที่ใดตรงนั้นคือจุดศูนย์กลางของโลก " ฝรั่งถามว่า ท่านพิสูจน์ให้เห็นได้ไหม ? ท่านสมเด็จตอบว่า"ฉันพิสูจน์ได้แล้วท่าน จะว่าอย่างไร "ฝรั่งไม่ตอบ จากนั้นสมเด็จโตก็ถือตาลปัตรมือหยิบสายสิญจน์แทนเชือก เอาสายสิญจน์ผูกที่ตาลปัตรเอาตาลปัตรปักดินแลังดึง เชือกสายสิญจน์ ให้ตึงกางออก ใช้ปลายนิ้วแทนดินสอ จากนั้นก็ลากลงบนพื้นดินเป็นวงกลม ท่านสมเด็จบอกว่า วงกลมคือโลกเพราะฉะนั้นฉันยืนอยู่จุดศูนย์กลางของโลก ตรงจุดที่ตาลปัตรปักดินนั้นแหละ เมื่อเป็นเช่นนี้ฝรั่งยอมแพ้กลับไป

    มีคนชอบไปขอหวยกับท่านเป็นประจำ มีครั้งหนึ่ง มีหญิงมาขอหวยท่านสมเด็จโต แอบมานัดกับเด็กวัด โดยแนะให้ขึ้นไปคุยกับท่านสมเด็จโตบนกุฏิ ให้เด็กวัดชวนพูดแล้วบีบนวดไป จากนั้นเด็กวัดก็ถามท่านสมเด็จโตว่า "ท่านตา ท่านตา หวยงวดนี้มันจะออกอะไร " เมื่อท่านสมเด็จโตได้ยินดังนั้น ท่านก็ตอบว่า "ข้าตอบไม่ได้โว้ย เดี๋ยวหวยของข้าจะรอดร่อง" ขณะนั้นก็บังเอิญหญิงคนนี้แอบอยู่ใต้ถุนกุฏได้ยินสมเด็จโตพูดอย่างนั้นก็เปิดแน่บไปเลย

    มีครั้งหนึ่งขณะที่ท่านสมเด็จโตกำลังจะไปธุระ บังเอิญเรือติดหล่มต้องเข็นเรือกัน ท่านสมเด็จโตได้เอาพัดยศวางไว้ในเรือแล้วรีบมาช่วยคนอื่นซึ่งเป็นลูกศิษย์ เข็นเรือ บังเอิญชาวบ้านแถบนั้นแลเห็นเข้าหัวเราะชอบใจขบขัน พูดตะโกนออกมาว่า "ดูท่านสมเด็จเข็นเรือ" เสมือนหนึ่งล้อเลียนท่าน ในเชิงปัญญาขบขัน เมื่อเป็นเช่นนั้นสมเด็จโตก็พูดออกมาว่า "สมเด็จเขาไม่ได้เข็นเรือหรอกจ้ะ สมเด็จท่านอยู่บนเรือ" ว่าแล้วท่านสมเด็จโตก็ชี้มือไป ที่พัดยศในเรือ เมื่อชาวบ้าน ต่างได้ยินได้ฟังแลเห็นเช่นนั้น ก็เงียบกริบ

    มีครั้งหนึ่ง ท่านในหลวงได้มีราชโองการโปรดเกล้าให้ท่านสมเด็จโตเข้าเฝ้าถวายพระธรรมเทศนาในวัง เมื่อสมเด็จโตท่านมาถึงนั่งธรรมมาสก์เสร็จ ก็เอ่ยปาก พูดว่า "ดีพระมหาบพิธก็รู้ชั่วพระมหาบพิธก็รู้ เพราะฉะนั้นวันนี้อากาศแจ่มใสดี เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้" เมื่อเจ้าหลวงได้ยินดังนั้น ก็แลเห็นท่านโตลุก จากธรรมมาสก์แล้วมิได้มองเจ้าหลวง เจ้าหลวงเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากเรียกสมเด็จโตว่า ท่านโต ท่านโต ทำไมถึงเทศน์จบเร็วจัง ท่านโตก็เฉลยว่า ที่พูดว่า อากาศแจ่มใสดี ดีก็รู้ ชั่วก็รู้ ก็หมายถึงว่าวันนี้จิตใจของพระมหาบพิธรื่นเริงสดชื่น ปราศจากความหม่นหมองใจ ก็คือความหมายที่ว่าอากาศแจ่มใสดี อาตมาจึงเทศน์เพียงเท่านี้ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เมื่อพระมหาบพิธได้ยินดับนั้นก็รู้สึกเข้าใจในความหมายเทศน์

    อีกครั้งหนึ่ง ขณะที่เจ้าหลวงเชิญสมเด็จโตมาเทศน์ วันนั้นท่านโตเทศน์นานแล้วนานเล่าจนกิริยาอาการของเจ้าหลวงเริ่มเหนื่อยหน่ายหงุดหงิด พอท่านโตเทศน์ เสร็จบเจ้าหลวงถามท่านโตว่า ท่านโตวันนี้ทำไมถึงเทศน์นานจัง เราเมื่อย เหนื่อย อยากจะถาม ท่านโตได้ยินดังนั้นก็ตรัสตอบไปว่า ก็วันนี้จิตใจของมหาบพิธ เต็มไปด้วยความทุกข์เร่าร้อนในอารมณ์ตลอดเวลา จึงเทศน์ให้มันเย็นจึงนานไปหน่อย

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านสมเด็จโตได้ออกจากกุฏิมุ่งหน้าไปธุรกิจ แจวเรือผ่านไปตามคลองชาวบ้านก็แลเห็น ต่างก็พูดขอหวยท่านโตต่าง ๆ นานารู้กิตติศัพท์ว่า ท่านให้แม่น สงสารคนจน และเวลาเทศนาธรรมที่ใด ท่านสมเด็จได้เงินกัณฑ์เทศน์มา ก็นำมาแจกชาวบ้านและเด็กจน ๆ แม้แต่สตางค์ แดงเดียวก็มิเอา ครั้นพอขากลับวัด ท่านสมเด็จโตก็ซื้อหม้อขนมาเต็มลำเจตนารมณ์จะบอกใบ้ให้ชาวบ้านจน ๆ ตึปริศนาไปแทงกัน เพราะรู้ว่าหวยจะต้องออก "ม" มอม้า วันนี้ จึงซื้อหม้อมาเต็มลำเรือ บังเอิญชาวบ้านที่ท่านสมเด็จโตแจงเรือผ่านมาตามริมคลองแลเห็นเข้าต่างก็ตะโกนพูดว่า "ท่านโตเป็นอะไรทำไมถึงซื้อหม้อมา เยอะแยะนะ" แต่ก็มีชาวบ้านที่ปัญญาฉลาดตีความถูก วันนั้นพอเห็นท่านโตซื้อหม้อมาเยอะแยะรู้ว่าหวยออก ม. มอม้า จึงรีบไปแทง ครั้นพอหวยประกาศ ออกมาปรากฏว่า ออก "ม" มอม้า

    เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ไปในงานพระราชพิธิเฉลิมพระราชมณเฑียรที่พระนครคีรี พร้อมกับบรรจุพระบรมธาตุในพระเจดีย์ศิลา เมือเดือนพฤษภาคมปีจอ พ.ศ.2405 ด้วยขากลับท่านออกเรือจากปากอ่าวบ้านแหลมจะข้ามมาอ่าวแม่แลอง เวลานั้นคลื่นลมจัดมาก ชาวบ้านห้ามท่านก็ไม่ฟัง แล้วท่านได้ออกมายืนที่หน้า เก๋งเรือ โบกมือไปมา ไม่ช้าคลื่นลมก็สงบราบคาบ

    คราวหนึ่งมีการก่อพระเจดีย์ทรายที่ในวัดระฆัง ประจวบกับวันนั้นมีเมฆฝนตั้งมืดคลึ้ม คนทั้งหลายเกรงฝนตก จึงไปกราบเรียนปรารภกับเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ท่านได้กล่าวพร้อมกับโบกมือว่า "ตกที่อื่น ๆ" ว่าน่าประหลาดที่ในวันนั้นปรากูฎว่าฝนไปตกที่อื่นหาได้ตกที่ในตำบลศิริราชพยาบาลไม่

    คราวหนึ่งเขานิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปในงานพิธีโกนจุกที่จังหวัดอ่างทอง ท่านได้เริ่มออกเดินทางก่อนถึงกำหนดเวลาเพียง 3 ชั่วโมง มีผู้สงสัยว่า ท่านจะไปทันเวลากำหนดได้อย่างไร ถึงกับได้สอบถามไปยังเจ้าภาพในภายหลังต่อมา ก็ได้รับคำตอบว่าท่านไปทันเวลาตามฎีกาทุกประการ

    คราวหนึ่งเจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปธุระทางแขวงจังหวัดนนทบุรีด้วยเรือแจว ขอกลับพอมาถึงปากคลองสามเสน เด็กศิษย์คนหนึ่ง ได้เอากะโหลกออกไปตักน้ำ จะเนื่องด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ กะโหลกนั้นได้พลัดหลุดจากมือจมลงไปในแม่น้ำ ท่านพูดว่า "งมที่นี้ไม่ได้เพราะน้ำลึก ต้องไปงมที่หน้าวัดระฆังจึงจะได้" เมื่อถึงวัดระฆังท่านจึงให้เด็กศิษย์นั้นลงไปงมทื่หน้าวัด ก็ได้กะโหลกลมจริงดังที่ท่านบอก

    กล่าวกันว่า เจ้าประคุณสมเด็จฯ ไม่มีเงินติดตัว เพราะท่านเป็นผู้มีอัธยาศัยมักน้อยไม่เก็บสะสม แต่น่าประหลาดที่ท่านสามารถสร้าง ปูชนียวัตถุสถานใหญ่ ๆ โต ๆ สำเร็จหลายแห่ง (บางแห่งสร้างค้างไว้ เช่นพระโตวัดอินทรวิหารว่าท่านประสงค์จะให้ผู้อื่นสร้างต่อบ้าง) มีผู้ได้พยายามสังเกตกันนักหนาแล้วแต่ก็ไม่ทราบ ว่าท่านเอาเงินมาแต่ไหน พระเทพราชแสนยาว่าควาวหนึ่งจึนช่างปูนไปขอเงินค่าจ้างก่อสร้างจากเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ 1 ชั่ง (80 บาท) ท่านบอกให ้หลวงวิชิตรณชัยหลายชาย ไปเอาเงินที่ใต้ที่นอนของท่าน หลวงวิชิต ฯ กลับมากราบเรียนว่า ได้ไปค้นหาดูแล้วไม่เห็นมีเงินอยู่เลย ท่านสั่งให้ไปค้นหาใหม่ ก็ได้เงิน 1 ชั่ง เรื่องนี้หลวงวิชิต ฯ ว่าน่าประหลาดนักหนา

    มีสิ่งหนึ่ง ที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ทำไว้ที่วัดระฆัง คือน้ำมนต์ จะเขียนแทรกลงไว้ตรงนี้ มีคำเล่ากันว่า เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ปลุกเสกลงเลขยันต์ศิลา 3 ก้อน ก้อนหนึ่ง เอาไปไว้ที่ในสระหลังวัด (สระนี้ตื้นเขินนานแล้ว) ก้อนหนึ่งเอาไว้ในสระกลางน้ำ (สระนี้ยังมีปราฏอยู่) อีกก้อนหนึ่งเอาไว้ในแม่น้ำตรงหน้าวัด (ห่างเขื่อนราว 2 วา ประมาณว่าอยูตรงกลางโป๊ะท่าเรือ) ว่าน้ำในที่ทั้งสามแห่งนั้น มีคุณานุภาพศักดิ์สิทธิ์ต่างกัน คือน้ำที่สระหลังวัด อยูคงกระพันชาตรี น้ำที่สระกลางวัด ทางเมตตามหานิยม น้ำที่หน้าวัดทำให้เสียงไพเราะ (เหมาะกับนักร้อง) และว่าเมื่อจะตักน้ำที่หน้าวัดน้ำให้ตักตามน้ำ (ห้ามตักทวนน้ำ) ถ้าน้ำนิ่งให้ตักตรงไป

    อภินิหารของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ นับถือกันสืบมา จนเมื่อท่านถึงมรณภาพแล้ว ว่ากันว่าเพียงแต่ตั้งจิตระลึกถึงท่าน ก็ยังให้เกิดประสิทธิผลอย่างน่ามหัศจรรย์

    "บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า"..!

    "ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด
    เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีของตนลงทุนไปก่อน
    เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย
    มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด

    เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว...

    เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมี ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด
    ไม่มีอะไรเหลือติดตัว..
    แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า
    หมั่นสร้างบารมีไว้..แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง"...!


    "จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้....
    ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่..
    จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน
    เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย
    จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า..."


    นี่คือคำเทศนา ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิตหลังจากที่ท่านล่วงลับไปแล้วเมื่อ 100 กว่าปี อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2009
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มูลเหตุของการที่ต้องทำบุญปิดทองหลังพระ....
    ปิดทองหลังพระ
    -----------------------------------------------------------------------
    ขออภัย บทความนี้ไม่ได้มีการขออนุญาตเผยแพร่จากเจ้าของผลงานโดยตรง
    เราเจตนาเพียงเพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ความรู้สึกดีๆ ให้กับเพื่อน ๆได้อ่าน ได้คิด เพื่อเป็นกำลังใจให้กันเท่านั้นครับ...

    ( บางส่วนจาก "บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร" : สนพ.มติชน)

    ในคืนวันหนึ่งของปีพ.ศ. ๒๕๑๐ (ยศในขณะนั้นพันตำรวจโท)......หลังจากได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแล้ว ในวังไกลกังวล........

    .......ผมจำได้ว่า คืนนั้นผู้ที่โชคดีได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานพระจิตรลดา เป็นนายตำรวจ 8 นาย และนายทหารเรือ 1 นาย....

    .....พระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงมาพร้อมด้วยกล่องใส่พระเครื่องในพระหัตถ์ ทรงอยู่ในฉลองพระองค์ชุดลำลอง.....

    .....ขณะที่ทรงวางพระลงบนฝ่ามือที่ผมแบรับอยู่นั้น ผมมีความรู้สึกว่าองค์พระร้อนเหมือนเพิ่งออกจากเตา.....

    .....ภายหลัง เมื่อมีโอกาสกราบบังคมทูลถาม จึงได้ทราบว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระเครื่ององค์นั้น ด้วยการนำเอาวัตถุมงคลหลายชนิดผสมกัน เช่น ดินจากปูชนียสถานต่างๆ ทั่วประเทศ ดอกไม้ที่ประชาชนทูลเกล้าถวายในโอกาสต่างๆ และเส้นพระเจ้า(เส้นผม) ของพระองค์เอง เมื่อผสมกันโดยใช้กาวลาเท็กซ์เป็นตัวยึดแล้ว จึงทรงกดลงในพิมพ์ (อ.ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ซึ่งต่อมาเป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้แกะถวาย) โดยไม่ได้เอาเข้าเตาเผา.........
    .....หลังจากที่ได้รับพระราชทานแล้ว ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาทมีความว่า.......

    " พระที่ให้ไปน่ะ ก่อนจะเอาไปบูชา ให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดเฉพาะข้างหลังพระเท่านั้น ”

    ........พระราชทานพระบรมราชาธิบายด้วยว่า ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อเตือนตัวเองว่า การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร
    หรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว.....

    .....ผมเอาพระเครื่องพระราชทานไปปิดทองที่หลังพระแล้ว ก็ซื้อกรอบใส่ หลังจากนั้นมาสมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินองค์นั้น ก็เป็นพระเครื่องเพียงองค์เดียวที่ห้อยคอผม........

    .....หลังจากที่ไปเร่ร่อนปฏิบัติหน้าที่อยู่ไกลห่างพระยุคลบาท ผมได้มีโอกาสกลับไปเฝ้าฯ ที่วังไกลกังวลอีก

    .....ความรู้สึกเมื่อได้เฝ้าฯ นอกจากจะเป็นความปีติยินดีที่ได้พระยุคลบาทอีกครั้งหนึ่งแล้ว ก็มีความน้อยใจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ลำบาก และเผชิญอันตรายนานาชนิดบางครั้งจนแทบเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ปรากฎว่ากรมตำรวจมิได้ตอบแทนด้วยบำเหน็จใดๆ ทั้งสิ้น........

    ......ก่อนเสด็จขึ้นคืนนั้น ผมจึงก้มลงกราบบนโต๊ะเสวย แล้วกราบบังคมทูลว่า ใคร่ขอพระราชทานอะไรสักอย่างหนึ่ง..........

    ........พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามว่า “จะเอาอะไร?”

    และผมก็กราบบังคมทูลอย่างกล้าหาญชาญชัยว่า จะขอพระบรมราชานุญาต ปิดทองบนหน้าพระ ที่ได้รับพระราชทานไป พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามเหตุผลที่ผมขอปิดทองหน้าพระ.....

    ........ผมกราบบังคมทูลอย่างตรงไปตรงมาว่า....พระสมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินนั้น นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานไปห้อยคอแล้ว ต้องทำงานหนักและเหนื่อยเป็นที่สุด เกือบได้รับอันตรายร้ายแรงก็หลายครั้ง มิหนำซ้ำกรมตำรวจยังไม่ให้เงินเดือนขึ้นแม้แต่บาทเดียวอีกด้วย......

    .....พระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล (ยิ้ม) ก่อนที่จะมีพระราชดำรัสตอบด้วยพระสุรเสียงที่ส่อพระเมตตาและพระกรุณาว่า

    ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง....
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ***ควรสั่งสมบุญ...***

    ดวงชะตาในมนุษย์ บ่งบอกเรื่องโชคลาภ หากคนดวงดีจะเสี่ยงโชคอย่างไรก็สมความปรารถนา หากดวงชะตากำลังมีเคราะห์ ต่อให้มีเลขเด็ดขนาดไหนก็อย่าได้หวัง ดังนั้นคนเราจึงควรสะสมบุญ หมั่นสร้างบุญกุศล สร้างสมบารมี เคราะห์ร้ายก็จะได้บรรเทาบางลง จากที่ไม่ค่อยพบโชค อาจจะกลับมามีโชคได้บ้าง หรือแทนที่จะเสียมาก ก็กลับเสียเพียงเล็กน้อย..

    แปลก! แปลก! แปลก! คนเก่งกับคนเฮงนั้นไม่เหมือนกัน คนเก่งมักจะแพ้คนเฮง คนเก่งจักอยู่ในประเภทมีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด เรียกว่าเก่งไปทุกทาง แต่โชควาสนาไม่เข้าข้าง ก็กลายเป็นคนอับโชค ส่วนคนเฮงแม้นจะไม่เก่ง แต่ก็เป็นคนมีโชคเข้าช่วย จะทำอะไรก็ดูดีไปหมด และทำถูกจังหวะ แม้แต่การเล่นหวยก็ซื้อส่งเดชไปอย่างนั้นแหละ ก็ถูกหวยได้ มันแปลกดีครับ...

    จาก...ปากแดงศักดิ์สิทธิ์
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    นำข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าๆของผู้ที่วาสนา และโชคดีถูกรางวัลที่ 1 มา post ให้อ่านกัน เพื่อร่วมยินดีในวาสนา และเป็นตัวอย่างให้สร้างความดี ตามอย่างของคนถูกล๊อตเตอรี่ ว่าที่เขาถูกรางวัลนั้นเขาเคยคิดยังไง เขาเคยทำยังไง มีเหตุการณ์ก่อนถูกรางวัลที่ 1 เป็นยังไง เพื่อเป็นข้อสังเกตว่า ผู้ที่จะถูกรางวัลที่ 1 ควรจะมีลักษณะเช่นไร ผู้โชคดีเหล่านี้บางท่านก็ยังมีเงินเหลือใช้ คือบริหารเงินเป็น บางท่านก็หมดแล้ว ยังทำงานยากลำบากเช่นเดิม ก็อ่านเอาเป็นข้อคิดในการใช้จ่ายเงินครับ...
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ตามไปดูวิถีชีวิต ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาเงินล้าน

    ชัยพร พรหมพันธุ์

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    "ใครว่าทำนาแล้วจน...ไม่จริงหรอก ทำนามันดีกว่าทำงานกินเงินเดือนอีก" นี่คือคำพูดยืนยันหนักแน่นจากปากของ ชัยพร พรหมพันธุ์ เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำนา ที่ ชัยพร พรหมพันธุ์ กล้าการันตีแบบนี้ก็เพราะว่าชาวนาอย่าง ชัยพร พรหมพันธุ์ ทำกำไรเหนาะ ๆ หักต้นทุนเรียบร้อยแล้ว เมื่อฤดูกาลผลิตที่แล้ว 2,000,000 บาทเศษ และฤดูที่เพิ่งผ่านพ้นไป 1,000,000 บาทเศษ ๆ และตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีเงินเหลือใช้มากพอ จนสามารถกำหนดเงินเดือนให้ตัวเองและภรรยาในอัตราเดียวกับผู้บริหารเสื้อคอปกขาวในเมือง มีโบนัสจากผลประกอบการไม่เคยขาด โดยเฉลี่ยก็มีรายได้ตกคนละประมาณ 60,000 – 70,000 บาท ปีก่อนนี้ซื้อทองเส้นเท่าหัวแม่โป้งมาใส่ พร้อม ๆ กับถอยรถกระบะมาขับเล่น ๆ อีกต่างหาก

    ซึ่งนอกจากเงินเดือนและโบนัสสูงแล้ว ชัยพร พรหมพันธุ์ ยังซื้อที่ดินขยายการผลิตออกไป 30 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 20 ปี ด้วยเงินสด ไม่เคยขาดทุนจากการทำนาต่อเนื่องมานับตั้งแต่ปี 2533 ไม่เคยมีหนี้สิน มีหลักประกันสุขภาพชั้นดี จากการส่งประกันชีวิตประกันสุขภาพระดับ A เดือนละร่วมแสน ส่งลูก 3 คน เรียนจบปริญญาโทโดยขนหน้าแข็งไม่ร่วง...วันว่างยังพาลูก ๆ ออกไปหาของกินอร่อย ๆ นอกบ้าน ชาวนาคนนี้เขาทำได้อย่างไร ทำไมชีวิตจึงมีเงินเก็บมากมายขนาดนี้ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปเรียนรู้การใช้ชีวิตจากเขากันค่ะ...

    นายชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาวัย 48 อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 1 ตำบลบางใหญ่ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อำเภอบางปลาม้า สมรสกับคุณวิมล พรหมพันธุ์ บุตรมี 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน รักอาชีพการทำนาเป็นชีวิตจิตใจ ความมั่งคั่งมั่นคงทั้งปวง ได้มาจากการทำนาโดยสุจริต ไม่เอาเปรียบดินไม่เอาเปรียบน้ำ คิดซื่อ ขยันขันแข็ง และมีสองมือหยาบกร้านจากการทำงานหนักเช่นชาวนาทั่ว ๆ ไป โดยชาวนาโดยส่วนใหญ่คู่กับตำนานยิ่งทำยิ่งจน ทำนาจนเสียนา แต่สำหรับเขา ทำนาบนที่ดินมรดกพ่อ 20 กว่าไร่ กับอีกส่วนหนึ่งเขาเช่าเพิ่มเติม ทำไปทำมาก็ซื้อที่นาเช่ามาเป็นของตัวเอง ปาเข้าไป 100 กว่าไร่ แถมซื้อที่นามาโดยไม่เคยกู้แบงก์ ไม่เคยเป็นลูกค้าขี้ข้าใคร

    "ผมล้มมาเยอะเหมือนกัน" สำเนียงเหน่อ ๆ ของลูกชายคนโตของผู้ใหญ่บ้านแห่ง ตำบลบางใหญ่ ผู้เพียรพยายามหาหนทางตั้งตัว เคยทำแม้แต่นากุ้งและสวนผลไม้คละชนิด แต่สู้น้ำไม่ไหว ต้องกลับมาเป็นชาวนาตามรอยพ่อ

    "ทำนาเคมีมา 20 กว่าไร่ ครั้งแรกปี 2525 ได้ข้าว 13 เกวียน จำได้แม่นเลย ขายได้เกวียนละ 2,000 บาท ขาดทุนยับ พอดูหนทาง เลยไปสมัครเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คิดว่าจะได้เบิกเงินค่าเรียนลูก เพราะมองอนาคตแล้วว่าไม่มีปัญญาส่งลูกแน่ แต่ปี 2531 เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอาละวาดหนัก แถวบ้านเราโดนกันหมด ก็พอดีอาจารย์เดชา ศิริภัทร ทำเรื่องนาอินทรีย์และใช้สมุนไพร มาขอทำแปลงทดลองปลูกสมุนไพร พ่อก็แบ่งนาให้ 5 ไร่ ด้วยความเกรงใจ อาจารย์ก็เริ่มทดลองใช้สะเดาสู้กับเพลี้ย เครื่องไม้เครื่องมือเยอะ ผมก็ไปช่วยอาจารย์ฉีด ก็ฉีดไปยังงั้น เราไม่ได้ศรัทธาอะไร แต่ปรากฎว่าแปลงนาที่สารเคมีเสียหายหมด ส่วนแปลงนาที่ฉีดสะเดากลับไม่เป็นอะไร

    ผมก็เริ่มจะเชื่อแล้ว แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย เลยเอามาทำในนาของผมเอง ซึ่งปีนั้นชาวนาโดนเพลี้ยกันเยอะมาก หน่วยปราบศัตรูพืชจังหวัด เขาเลยเอายาที่ผสมสารเคมีมาแจก ผมก็ลองเอามาใช้ โดยแบ่งว่าแปลงนานี้ฉีดสารเคมี แปลงนานี้ฉีดสะเดา ซึ่งผลก็ปรากฎออกมาว่า แปลงนาที่ฉีดสะเดาปลอดภัยดี เก็บเกี่ยวข้าวก็ดี แต่แปลงที่ฉีดสารเคมีตายหมด ตั้งแต่นั้นมาก็เลยเชื่อสนิทใจ แล้วมาลองทำเองดู ผมก็หักกิ่งก้านสะเดามาใส่ครกตำเอง ภรรยาก็บ่นว่าทำไปทำไมเสียเวลา แต่ผมรั้น คือยังไงก็ขอลองหน่อย ก็เอาไปฉีดแล้วข้าวก็ได้เกี่ยว ผลผลิตก็ออกมาดีเกินคาด ทีนี้ชาวบ้านก็แห่มาขอสูตรเอาไปทำบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยมีใครประสบผลสำเร็จ เพราะเขาใช้สมุนไพรคู่กับยาเคมี บางคนใช้เคมีจนเอาไม่อยู่แล้วถึงหันมาใช้สะเดา พอมันไม่ได้ผลทันตาเห็น ก็กลับไปใช้สารเคมีกันเหมือนเดิม” เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำนา กล่าว

    การคิดต้นทุนของเขา ลงทุนเต็มที่ตกไร่ละ 2,000 บาท ในขณะที่ขายได้เกวียนละไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท ซึ่งหลังจากเขาทำนาอินทรีย์ได้เพียง 3 ปี มีเงินเหลือมากกว่า 6 ปี ที่มัวจมอยู่กับปุ๋ยยา อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ก็ใช่ว่าชัยพรจะหวงวิชาความรู้ เขายังได้ให้คำปรึกษากับผู้ที่มีปัญหา และสนใจในวิถีเกษตรอินทรีย์ ที่โทรมถามาขอคำปรึกษาตามสายแทบจะทุกวัน

    ใครว่าทำนาแล้วจน...ไม่จริงหรอก" ชัยพรยืนยันหนักแน่นซ้ำอีก สำคัญตรงที่ต้องทำนาแบบใช้สมอง ไม่ใช่ทำนาแบบเป็นผู้จัดการนาสถานเดียว

    "ถ้าเป็นผู้จัดการนาล่ะจนแน่ มีมือถือเครื่องเดียวโทรสั่งตามกระแส มีนาอย่างเดียว ที่เหลือจ้างเขา เริ่มทำไร่นึงก็ต้องมีพันกว่า ตั้งแต่ทำเทือก ทำดิน ไปยันหว่าน เฉพาะได้แค่ต้นนะ ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เกี่ยวไหม จากนั้นต้องฉีดยาคุมหญ้า ใส่ปุ๋ยอีกหลายพัน ของเราต้นทุนไม่กี่สตางค์ อาศัยว่าต้องละเอียดอ่อน ต้องรักษาธรรมชาติ แล้วก็ต้องเป็นลูกจ้างตัวเอง ไม่ใช่ผู้จัดการ พอไปพูดกับเขา เขาก็บอกนาเขาน้อย แล้วก็เช่าเขา ทำอินทรีย์ไม่ได้หรอก ผมก็บอกว่าเมื่อก่อนผมก็เช่า ทำไมยังทำได้ ทำจนมีเงินซื้อนา เขาไม่คิดย้อนกลับไงว่าสมัยปู่ย่าตายายทำนา มันมียาที่ไหนล่ะ คนโบราณยังได้เกี่ยว ของเรายังดี มีสะเดาให้ฉีด สมัยโบราณมีที่ไหนล่ะ ไอ้บางคนเห็นข้าวเราเขียว ก็บอกว่าคงแอบใส่ปุ๋ยกลางคืนละมั้ง แหม๋! กลางวันยังไม่มีเวลาเลย จะมาใส่ปุ๋ยกลางคืน มาฉีดให้งูมันเอาตายเรอะ" ชัยพร กล่าว

    ทุกครั้งที่ขายข้าวได้ เขาจะนึกถึงบุคคลที่นำเอาวิธีเกษตรอินทรีย์มาให้เขาได้รู้จัก และปรับใช้ในที่นาของเขา จนมีเงินเหลือเก็บ ... "ถ้าผมไม่ได้เจออาจารย์เดชาก็คงไม่ได้เกิดหรอก คงไม่ได้ส่งลูกเรียนปริญญาโทไป 2 คน อีกคนก็ว่าจะเรียนปีหน้า ลูกมาทีเอาเงินค่าเทอมทีละ 40,000 – 50,000 บาท ก็ยังเฉย ๆ เรามีให้"

    ขณะที่ อาจารย์เดชา ศริรภัทร แห่งมูลนิธิขวัญข้าว ผู้เพียรพยายามเผยแพร่วิถีการทำนาอินทรีย์ยืนยันว่า ไม่ได้ช่วยอะไรชัยพรมากกว่านั้น ความสำเร็จทั้งปวงเกิดจากตัวชัยพรเอง แต่สำหรับชาวนา ป.4 ถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงที่ทำให้เขาก้าวมาได้ถึงวันนี้

    ลูก 3 คน ของชาวนา ป.4 คนโตกำลังเรียนปริญญาโท สาขาปรับปรุงพันธุ์พืช ที่มหาวิทยาลัยเกษตร กำแพงแสน คนกลางเรียนปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ส่วนลูกสาวคนเล็กเพิ่งจบปริญญาตรี เกียรตินิยม จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ตอนนี้ทำงานธนาคาร ทุก ๆ เย็นวันศุกร์ที่ลูก ๆ กลับบ้าน ครอบครัวชาวนาเล็ก ๆ ก็จะคึกคักมีชีวิตชีวา ขับรถออกไปหาของอร่อยกินกัน ในขณะที่ชาวนาต้นทุนสูงนาติดกันไม่เคยคิดฝันว่าจะมีโอกาสเช่นครอบครัวของชัยพร

    ลมทุ่งพัดอู้มา เมฆตั้งเค้ามาทางขอบฟ้าตะวันตก นารกฟางของเขาแผ่ขยายออกไปลิบตา ชัยพรยืนพิงรถลากมองดูอย่างพอใจ ลูก ๆ โตกันหมด ได้เรียนกันสูง ๆ เปลื้องภาระไปอีกเปลาะ สองคนสามีภรรยาตกลงกันว่า นาปีนี้จะเอาโบนัสใหญ่คนละเส้น แล้วแบ่งรายได้แข่งกัน ลูกสาวคนโตบอกว่า เรียนจบโทเมื่อไหร่จะกลับมาช่วยพ่อทำนา จะได้เพลาแรงพ่อ แต่พ่อกลับบอกว่า ยังทำนาสนุกอยู่

    "ลูกเขาไม่อายหรอกที่พ่อเป็นชาวนา พอเราออกทีวี อาจารย์เขาเห็น เพื่อนเขาเห็น ยังมาถามเลยว่า ไม่เห็นบอกเลยว่ามีพ่อเป็นถึงเกษตรกรดีเด่นของประเทศ บางทีต่อไปถ้าคนเปลี่ยนมาทำนาอินทรีย์กันทั้งประเทศ นาดีมีกำไรกันหมด การบอกใครต่อใครว่าเป็นลูกชาวนา อาจเป็นความภูมิใจ เหมือนกับยุคหนึ่งที่คนได้ปลื้มไปกับการเป็นลูกพระยาก็ได้" ชัยพร กล่าวหน้าบาน พร้อมเล่าต่อว่า ตอนนี้เรายังทำสนุก ก็อยากขยายที่ทำให้กว้างออกไป ทำไปเถอะ ทำไปเรื่อย ๆ ทำเพลิน ๆ ไม่ขาดทุนหรอก ทำนาน่ะ มีแต่กำไร บอกกับตัวเองว่าถ้าฤดูนี้ได้ร้อยกว่าเกวียนจะขอโบนัสทอง 10 บาท บอกอย่างนี้ก็เลยต้องขยันฉีดฮอร์โมน ทำดิน ทำจิปาถะ แล้วก็ได้

    และนี่คือวิถีชีวิตของ ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาร้อยล้าน ที่สามารถลบคำกล่าวที่ว่า "ทำนามีแต่จน" ได้สำเร็จ… โดยทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เขาสามารถมีวันนี้ได้ก็เพราะการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี นอกจากจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้นอีกด้วย และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือ การเป็นคนขยัน ลงมือปฏิบัติเอง แถมไม่กู้หนี้ให้เป็นภาระอีกต่างหาก…


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    นิตยสาร ฅ คน
    ปีที่ 4 ฉบับที่ 12 (48) เดือนตุลาคม พ.ศ.2552

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext align=left colSpan=2><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>
    [​IMG]
    [​IMG] n1_2.jpg
    [​IMG]
    [​IMG] n3_1.jpg
    [​IMG]
    [​IMG] n5_1.jpg
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext align=left colSpan=2><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>[​IMG]
    [​IMG] n7_1.jpg
    [​IMG]
    [​IMG] n4_1.jpg
    [​IMG]
    [​IMG] n2_4.jpg
    [​IMG]
    [​IMG] n6_2.jpg</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2009
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ตามติดชีวิตคนถูกรางวัลที่ 1 พวกเขาเป็นอย่างไรในรอบหลายปี หลายคนเงินหมดเกลี้ยงในเวลาอันสั้น แต่อีกไม่น้อยจัดการเป็นจนลากยาวมาได้จนถึงวันนี้

    อาจ จะเพราะวัฒนธรรมการเสี่ยงโชคที่เข้มข้นกว่า ทำให้แต่ละงวดที่ออกมา รางวัลใหญ่มักไปตกอยู่ในมือชาวภูธร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรและคนหาเช้ากินค่ำ บางคนค่อนขอดพวกเขาว่าใช้เงินไม่เป็น

    แต่บุคคลต่อไปนี้ แม้จะไม่ติดอันดับ “นักจัดการเงินมืออาชีพ” ในโพลล์ไหนๆ แต่พวกเขากลับจัดการเงินล้านที่ได้มาอย่างเรียบง่ายและมีสติ

    อยู่ดีๆ มี 20 ล้าน

    2 ปีที่แล้ว บุญสนอง แก้วบ่อ กลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืนหลังถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1และรางวัลแจ็คพ็อต ได้เงินรวมถึง 20 ล้านบาท

    ชายวัย 52 ปีจากบ้านโคกสี ต.โคกสี อ.เมืองขอนแก่น เดิมมีอาชีพทำการเกษตรทั้งไร่ นา สวนและค้าขายของชำภายในหมู่บ้าน ควบคู่ไปกับการเรียนระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น

    งานส่วนรวมเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ แต่งานส่วนตัวกลับขาดทุน ทยอยขายที่ไร่ที่นา เป็นหนี้สินมากมาย

    แต่ในที่สุด บุญสนองก็กัดฟันเรียนจนจบ และเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปรับปริญญา ขากลับแวะไหว้พระที่ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ตบท้ายด้วยการเสี่ยงเซียมซี ได้เลข 75-76

    เมื่อมีคนตาบอดเดินมาขายลอตเตอรี่ บุญสนองบอกแค่เลขท้ายไป คนขายก็ยื่นมาให้สองคู่ 414875, 414876 ซึ่งใบแรกคือ รางวัลที่ 1 ในงวดถัดมา เท่านั้นยังไม่พอ ลอตเตอรี่ใบอื่นที่ซื้อมาก็ยังไปคว้ารางวัลแจกพอตอีก 16 ล้านบาท รวมๆ กันแล้ว 20 ล้านบาทขาดตัว

    วันนั้น เพื่อนแห่กันมาทั้งหมู่บ้าน ข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมาไว้ขายกว่า 3 แสนบาท ถูกขอไปจนหมดเกลี้ยง

    “จากนั้นก็มีญาติพี่น้องและคนแปลกหน้าเข้ามาหาขอยืมเงินจำนวนมาก แจกให้ญาติไปก็เยอะ ให้คนยืมไปลงทุนก็มีบ้าง แต่ผมก็เอาเงินไปใช้หนี้สินที่กู้ยืมมาจนหมด กับเก็บฝากธนาคารเอาไว้กินดอกเบี้ย บางส่วนก็นำมาลงทุนกับการเกษตร และช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส”

    ขณะนี้ ครอบครัวแก้วบ่อสบายขึ้นมาก บุญสนองก็ได้เรียนต่อปริญญาโท และใกล้จะจบแล้ว และเมื่อ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา เขาก็ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสี ก็ได้รับชัยชนะ ลูกบ้านเทคะแนนให้อย่างท่วมท้น แม้บางเสียงจะบอกว่า ถูกเลือกเพราะความรวยและคนรวยไม่น่าจะทุจริต

    “จากกุศลผลบุญที่ทำดีเพื่อชุมชนมาโดยตลอดทำให้เชื่อว่า ทำดีต้องได้ดีขอเพียงชีวิตเราอย่าท้อ สู้เข้าไว้” เศรษฐีล็อตเตอรี่ บอกทุกข์มาเพราะความดัง

    เพราะซื้อสลากกินแบ่งไว้สองใบตามเลขทะเบียนรถของพ่อ จากข้าราชการธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ถูกหนี้มะรุมมะตุ้ม ก็หายกลุ้มเป็นปลิดทิ้ง

    เป็นชีวิตจริงของ อัจฉรา พลสิทธิ์ เจ้าพนักงานศาล ยุติธรรมประจำศาลจังหวัดเดชอุดม อุบลราชธานี อายุ 32 ปี ที่ 3 ปีที่แล้ว ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 1 ใบ ได้เงินรางวัลจำนวน 4,000,000 บาท

    สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น อัจฉราบอกว่ามีทั้งสุขและทุกข์ สุขคือคนแห่แสดงความยินดี ส่วนทุกข์คือ “ความดัง” ที่มาพร้อมกับการขอความช่วยเหลือทุกรูปแบบ เธอก็สงเคราะห์ไปบ้าง

    “มีอยู่รายหนึ่งเป็นนักโทษชายอยู่ที่เรือนจำทางภาคเหนือทราบข่าวจาก หนังสือพิมพ์ได้เขียนจดหมายมาขอความช่วยเหลือว่าญาติ พี่น้องฐานะยากจนขอเงินมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในเรือนจำก็ได้ส่งธนาณัติไป ให้”

    กับตัวเองและครอบครัว สิ่งแรกที่ทำคือ ใช้หนี้ที่มีอยู่จนหมด จากนั้นเอาเงินมาสร้างบ้าน จัดสรรเงินส่วนหนึ่งให้กับญาติพี่น้องกับบุคคลที่เคยช่วยเหลือ ทำบุญ และเปิดบัญชีเงินฝากประจำให้ลูก 2 คน

    ชีวิตทั่วไป อัจฉราบอกว่าเป็นไปอย่างเรียบง่ายเหมือนปกติ และไม่ฟุ่มเฟือย

    “ทุกวันนี้มีความสุขแล้ว ไม่เป็นหนี้เป็นสินใคร ครอบครัวอบอุ่น ทำงานอย่างมีความสุข”

    ชีวิตคนเราคงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

    ทำงานหนัก ปลูกผักกิน

    หลังจากคู่ทุกข์คู่ยากล้มป่วยด้วยโรคหัวใจ พ่อค้าขายผักในตลาดสดบ้านทุ่ง ต.ในเวียง อ.เมือง จ.แพร่ สามีอย่าง อนันต์ จำปาหอม จึงขาดคนช่วยปลูกและช่วยมัดจัด******บห่อ จำต้องหันเหชีวิตไปเป็นคนรับจ้างขนของในตลาดแทน

    กับล้อเข็น 1 คัน เริ่มงานตั้งแต่ตี 1 แลกกับค่าแรงวันละ 200-300 บาท อาจจะพอเลี้ยงครอบครัวได้ไปวันๆ และอาจเป็นเช่นนั้นไปตลอดชีวิต ถ้าวันนั้น 16 เมษายน พ.ศ.2548 เขาไม่เสี่ยงดวงซื้อหวยเลข 119327 และได้เงินรางวัลที่ 1 มา 4 ล้านบาท

    “ผมเอาไปฝากธนาคารเอาไว้ก่อน แล้วค่อยถอนออกมาไปซื้อรถปิกอัพคันใหม่ หกแสนกว่าบาท แทนคันเก่าที่เก่าเต็มที” อนันต์ วัย49 แจกแจงรายรับรายจ่าย

    ไม่ต้องพูดถึงความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ภรรยาที่ป่วยด้วยโรคหัวใจได้รับการรักษาจนกลับมาช่วยงานได้อีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นงานเบาๆ อย่างขายขนม ขายเส้นก๋วยเตี๋ยว ในตลาดแห่งเดิม เริ่มงานตีสอง กว่าจะได้กลับไปนอนก็ 9 โมงเช้า เป็นอย่างนี้ทุกวัน

    ถึงจะมีเงินล้านไว้กอดอุ่นๆ แต่อนันต์และภรรยาก็ยังไปต้องไปทำงาน และ ปลูกผักไว้กินเอง

    “ชีวิตเหมือนเดิม เปลี่ยนแปลงน้อยมาก แค่เปลี่ยนรถคันใหม่ ผมก็ยังตื่นเข้า ขับรถไปส่งของ เสร็จก็กลับบ้านนอน เงินเก็บไว้บางส่วนสำหรับใช้ในช่วงที่ทำงานไม่ไหว แล้วก็เก็บไว้ให้ลูกชายคนเดียว ใช้เงินทีก็ระมัดระวัง ปลูกผักในบ้านไม่ต้องซื้อเขากิน”

    ถามถึงการลงทุนเพิ่มเติม ทำให้เงินงอกเงย?

    เจ้าตัวส่ายหน้า ก่อนจะอธิบายว่า เกินความสามารถของตัวเอง และที่สำคัญ…

    “ผมคิดว่าครอบครัวมีทุกอย่าง ไม่ต้องการสิ่งไหนอีกแล้ว”
     
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ชาวนาเนื้อหอม

    ในปี 2547 ยุคที่หวยบนดินกำลังเฟื่องฟู ปัน ศรีจอมแจ้ง ชาวนา วัย 59 ปี ใน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในคนไทยที่เจียดรายได้อันน้อยนิดซื้อหวยเป็นประจำทุกงวด ไม่เคยขาดตกบกพร่อง หวังว่าสักวันจะโชคดีกับเขาบ้าง
    แต่ไม่รู้ว่าทำ บุญมาด้วยอะไร วันที่ 1 กรกฎาคม 2547 ลุงปันพกดวงมาเต็มกระเป๋า ถูกรางวัลแจ็กพอตจากหวยบนดินใบละ 20 บาท คว้าเงินรางวัล 25 ล้านบาท ไปนอนกอดสบายใจ

    หลังชีวิตพลิกผันเพียงข้ามคืน จากชาวนายากจนกลายเป็นเศรษฐี เรื่องราว มากมายประดังเข้าหาลุงปันอย่างที่ตัวเองไม่เคยคาดคิด แต่ละวันบ้านหลังน้อยที่เคยเงียบเหงากลับคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งที่รู้จักและแปลกหน้า ต่างแวะเวียนมาแสดงความยินดีแฝงด้วยความหวังอย่างลึกๆ

    ส่วนบุรุษไปรษณีย์ที่แทบไม่รู้จักบ้านของลุงปัน กลับต้องแวะเวียนนำจดหมายจากทั่วสารทิศมาส่งให้ลุงปันวันละหลายรอบ และจดหมายเหล่านี้ เขียนมาพรรณนาถึงความทุกข์ยาก อยากให้ช่วยปลดหนี้ ช่วยค่ารักษาพยาบาล ขอทุนตั้งตัว ขอค่าเทอม ฯลฯ

    แต่ที่เด็ดที่สุดคือจดหมายจากสาวน้อยสาวใหญ่ รวมถึงสาวแก่แม่หม้ายจากทั่วประเทศ ที่เขียนมาบรรยายสรรพคุณพร้อมแนบภาพถ่าย ขอสมัครเป็น “แม่บ้าน” รวมแล้วไม่น้อยกว่าร้อยฉบับ

    …ที่สุดแล้วจดหมายทั้งหมดไม่ถูกตอบกลับแม้แต่ฉบับเดียว

    ล่วงเลยมาแล้วกว่า 5 ปี ลุงปันพิสูจน์ให้คนอื่นๆ เห็นแล้วว่า คำว่า “สามล้อถูกหวย” ใช้ไม่ได้กับเขา เพราะเขายืนยันว่าถึงจะร่ำรวย แต่ก็ใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่ามาโดยตลอด

    ลุงปัน แจงการบริหารการเงินตามแบบฉบับชาวนาว่า เงิน 25 ล้านบาท ถูกนำไปใช้หนี้ ธกส. 30,000 บาท ซื้อที่ดินและสร้างบ้านหลังใหม่ทดแทนหลังเก่า 2,000,000 บาท แบ่งให้ลูก 3 คน คนละ 5,000,000 บาท ให้ไปทำทุนค้าขายและเป็นทุนการศึกษาให้หลาน

    นอกจากนี้ ลุงปันยังแปลงสินทรัพย์เป็นทุนด้วยการซื้อที่นา 4 ไร่ สวนอีกกว่า 20 ไร่ ในหมู่บ้าน พร้อมควักเงินอีก 600,000 บาท ซื้อรถกระบะใช้ขนผลิตผลทางการเกษตรไปขาย ที่เหลือฝากธนาคารเก็บกินดอกเบี้ย

    ด้วยวัยและฐานะที่เอื้อต่อการนอนตีพุงสบายๆ แต่ลุงปันยังคงยึดอาชีพกระดูกสันหลังของชาติเหมือนเดิม ต่างก็แต่เขามีความสุขกับการใช้ชีวิตชาวนามากขึ้น เพราะได้ทำนาทำไร่ในที่ของตัวเอง จากเดิมที่ต้องรับจ้างทำนาในที่ดินของคนอื่น

    “กิเลสเป็นสิ่งที่มนุษย์น้อยคนจะหลีกเลี่ยงได้ หลายคนมีมากก็ใช้มาก ใช้กันเพลินจนไม่เหลือ ผมเองก็มีกิเลส แต่โชคดีที่เป็นความอยากได้อยากมีในสิ่งที่จำเป็นกับการดำรงชีวิต ไม่ใช่อยากได้ในความฟุ่มเฟือย ความสุขที่แท้จริงของผมคือความพอเพียง”

    แม้จะร่ำรวยเงินทอง แต่ภารกิจประจำวันของเศรษฐีแจ็กพอตรายนี้ยังเหมือนเดิม ทุกเช้าถึงบ่ายลุงปันจะขลุกตัวในท้องนาท้องไร่ ก่อนที่จะกลับมาพักผ่อนและสนทนากับเพื่อนบ้านในช่วงบ่าย ก่อนจะปั่นจักรยานคู่ใจไปตามถนนในหมู่บ้านตอนแดดร่มลมตก

    “มีความสุขทุกครั้งที่มองเห็นทุ่งนา มันเป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก”

    แม้จะเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งที่ต้องการ แต่ลุงปันยอมรับว่า ทุกวันนี้ยังต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์อยู่เป็นประจำ เพราะยังคงมีโทรมาขอความช่วยเหลือบ่อยครั้ง

    เมื่อถามว่าวันนี้เงิน 25 ล้านบาท เหลืออยู่เท่าไหร่ กลับมีเพียงรอยยิ้มบนใบหน้ากร้านแดดของชาวนาคนนี้เป็นคำตอบ

    ‘ความลับ’ หลักล้าน

    เป็นคนหนึ่งซึ่งนานๆ ทีจะเสี่ยงโชคสักครั้ง และซื้อทีก็ไม่มากมาย แค่ “ครึ่งใบ” ในราคาแค่ 20 บาทเพราะทุนทรัพย์ไม่เอื้อ

    แต่ สุพัตรา (สงวนนามสกุล) ก็ยังอุตส่าห์ถูก ได้เงินมา 3 ล้านบาท เมื่อ 7 ปีก่อน

    คุณแม่ลูกสองเป็นแม่ค้าขายผลไม้ในจังหวัดเชียงราย ขณะนั้นสามีเสียไปนานแล้ว ตัวเธอเองก็ติดเชื้อเอดส์มาจากสามี ค้าขายผลไม้ก็ไม่ได้เงินมากมายอะไร แค่พอเลี้ยงตัว ไม่เหลือพอสำหรับการรักษาตัวเอง

    “ท้อใจ ชีวิตมันแย่มาก แต่พอได้เงินก้อนนี้มาก ถือว่าโชคดีมาก เหมือนได้ชีวิตใหม่ มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง”

    ต่างจากคนอื่น พอรู้ว่าตัวเองถูกรางวัล สุพัตรากลับเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่บอกใครนอกจากลูกและคนสนิทจริงๆ เพราะไม่รู้ว่าถ้าบอกไปจะมีอะไรตามมาบ้าง

    หลังจากขึ้นเงิน เธอแบ่งฝากธนาคารประจำให้ลูกคนละ 1 ล้านในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เหลือมาเอาไปซ่อมบ้านอีกประมาณ 4 แสนบาท แล้วเอาไปเปิดร้านขายของชำเล็กๆ อีกแสนกว่าบาท แต่เปิดได้เพียงปีกว่าๆ ก็ต้องปิดตัวลง เพราะขายไม่ดี ประกอบกับลูกย้ายที่ไปเรียนอีกจังหวัด แม่ก็เลยแพคกระเป๋าตามไปด้วย

    “เงินฝากของลูก เขาต้องอายุครบ 25 ปีก่อนถึงจะเบิกได้ ถึงตอนนั้นคิดว่าตัวเองคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว บอกเขาเสมอว่า เงินก็เหมือนชีวิตแม่ ถ้าเงินหมด ชีวิตแม่ก็หมด”

    สุพัตราคิดเสมอว่าเงินที่ได้มาคือวาสนา และไม่ควรใช้ของมีค่าโดยประมาท

    ทุกวันนี้สุพัตรายังทำงานหาเช้ากินค่ำด้วยการไปเป็นแม่บ้านในบริษัทเอกชน รับเงินเดือนประมาณ 6,000 บาท

    “กินใช้ก้อนนี้ค่ะ มีเหลือเก็บด้วย เพราะไม่ฟุ่มเฟือย อยู่แบบที่เราเคยอยู่ ไม่ค่อยซื้อไม่ค่อยเที่ยว ลูกๆ เองเวลาอยากได้อะไรเขาก็หาของเขา เราสอนเสมอว่า อยากได้อะไรต้องทำมาหากินเอง อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ” นานๆ ที แม่ลูกถึงจะออกไปหาของอร่อยนอกบ้านทานกัน ส่วนการรักษาตัวเอง สุพัตราใช้สิทธิประกันสังคม ที่พักบริษัทจัดให้

    ทุกวันนี้สุพัตรามีเงินฝากส่วนตัวไว้ให้อุ่นใจประมาณ 4 แสนซึ่งเธอไม่พยายามไปยุ่งกับเงินก้อนนี้

    “ต้องทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น ถ้าเราใช้ ลูกก็ใช้” น้ำเสียงที่ยังสดใสของสุพัตรา

    6 ล้าน ‘ทุกขลาภ’

    ในบรรดาคนที่ได้ลาภ แล้วเป็นทุกข์ คงไม่มีรายไหนหนักหนาสาหัสเท่ากับรายของ ศิษย์ กิจพฤกษ์ วัย 71 ปี ชาวบ้านหัน ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

    16 พฤษภาคม พ.ศ.2547 เขาถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 และรางวัลข้างเคียงได้เงินมา 6,138,000 บาท แต่เมื่อนำลอตเตอรี่ไปขึ้นเงิน กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ เนื่องจาก น.ส.รสรินทร์ ศักดิ์ดาราโรจน์ อายุ 22 ปี เจ้าของร้านขายล็อตเตอรี่ในตำบล ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีในข้อหาวิ่งราวสลากกินแบ่งรัฐบาล จนเป็นเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล

    ระยะเวลาผ่านมา 5 ปีแล้ว เงิน 6.1 ล้านบาทเศษยังนอนนิ่งอยู่ในธนาคาร ไม่มีใครได้ใช้

    และแม้ว่าที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นจะยกฟ้องในคดีที่ น.ส.รสรินทร์ แจ้งความดำเนินคดีกับนายศิษย์ แต่ทางโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์อีก และนัดตัดสินคดีในวันที่ 8 กันยายน 2552 นี้ และครั้งนี้น่าจะเป็นวันชี้ขาดคดีว่า เงินที่มีอยู่นั้นจะมีใครได้ใช้หรือไม่ หรือจะต้องสู้กันถึงศาลฎีกา เนื่องจากฝ่ายโจทก์เองมองว่าตัวเองน่าจะเป็นเจ้าของเงินอย่างแท้จริง

    ที่ผ่านมาหลายฝ่ายยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมเจ้าของร้านจึงไม่โวยวายและแจ้งตำรวจให้จับตั้งแต่วันแรกที่ล็อตเตอรี่ หายไป แต่ทำไมเพิ่งมาโวยวายในวันที่รู้ว่าล็อตเตอรี่ถูกรางวัลที่ 1

    ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ

    เรียบเรียง ข่าวโดย MThai News
    [​IMG]
    [​IMG] news_img_71546_1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2009
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    แม่ชีถูกหวย38ล้าน
    วันเสาร์ ที่ 18 กรกฎาคม 2552 เวลา 6:29 น
    เนื้อหาข่าว

    แบ่งใช้สร้างเมรุให้ลูกบุญธรรมอ้างตัดกิเลสได้

    แม่ชีดวงโคตรเฮง ถูกหวยรางวัลที่ 1 พร้อมแจ๊กพอตรับเหนาะ ๆ เกือบ 38 ล้านบาท เจ้าตัวเผยเตรียมนำเงินไปสร้างเมรุที่วัดถือศีลอยู่ แบ่งให้ลูกบุญธรรม 2 คน และจะทำบุญเรื่อยไป ผวากลัวคนจะมาทำร้าย เผยรู้สึกเฉย ๆ เพราะตัดแล้วสิ่งกิเลส อีกรายกรรมการวัดบางเลน แม่ตะเคียนทองมาเข้าฝันบอกเลข ไปซื้อได้หวยชุด 10 ใบ ถูกรางวัลที่ 5 รับทรัพย์ไป 2 แสนบาท

    เรื่องราวของผู้ถือศีลกลายเป็นเศรษฐีชั่วพริบตารายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาญจนบุรีรายงานว่า มีแม่ชีถูกหวยรับเงินก้อนโตหลายสิบล้านบาท จึงเดินทางไปตรวจสอบที่วัดแห่งหนึ่ง หมู่ 8 ต.รางหวาย อ.พนมทวน พบแม่ชีสรณชล หรือแม่ชีแตงโม อายุ 56 ปี เดิมเป็นชาวชัยนาท และถือศีลมานาน 37 ปีแล้ว ล่าสุดเพิ่งจะมาอยู่ที่วัดดังกล่าวได้ 2 เดือนเศษเท่านั้น

    จากนั้นแม่ชีผู้โชคดีเล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาตนถูกมองว่าประสาทไม่ค่อยดี แต่ที่จริงแล้วตนมีองค์มาประทับร่างหลายองค์ อาทิ เห้งเจีย หนุมาน แม่นางตะเคียน ปู่ฤาษีตาไฟ แต่ที่ประทับร่างอยู่บ่อย ๆ คือหนุมาน ก่อนที่ตนจะถูกหวยนั้นเมื่อวันที่ 5-6 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนไปหาหมอใน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เพราะมีอาการหน้าบวม พอออกจากร้านหมอ เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ตนซื้อลอตเตอรี่ในร้านค้าที่ตลาดอู่ทอง 2 คู่หรือ 4 ใบ คือหมายเลข “000816” ในจำนวนนี้มีอยู่ 1 ใบเป็นเลขชุดที่ 13 เลยทำให้ตนถูกรางวัลที่ 1 ได้เงิน 8,000,000 บาทแล้วยังได้เงินรางวัลแจ๊กพอตอีก 30 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 38 ล้านบาทยังไม่รวมหักภาษี ซึ่งตนได้เอาหวยไปขึ้นเงินและนำเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว

    “สำหรับเงินจำนวนนี้ จะแบ่งให้ลูกบุญธรรม 2 คน และนำไปสร้างเมรุในวัดที่แม่ชีมาถือศีลอยู่ จากนั้นแม่ชีจะนำเงินทำบุญเรื่อยไป ที่แม่ชีถูกหวยได้เงินก้อนโต แม่ชีเพียงแค่ตกใจ เพราะตัดแล้วสิ่งกิเลสทั้งปวง เพียงแค่เป็นห่วงกลัวจะมีคนมาทำร้ายเท่านั้น” แม่ชีแตงโมเผย

    คนดวงดีอีกรายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครปฐม รับแจ้งว่ามีคนนำสิ่งของมาสักการะแม่ตะเคียนทอง ที่วัดบางเลน อ.บางเลน หลังโชคดีรับทรัพย์เป็นเงิน 2 แสนบาท จึงไปตรวจสอบ พบนางปิยวรรณ พุ่มพันธ์ อายุ 63 ปี กรรมการวัดบางเลน ผู้โชคดีรายนี้พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนวันที่ 15 ก.ค. ตนฝันว่าแม่ตะเคียนมาบอกให้ซื้อเลข 823 ตนเลยไปหาซื้อมาได้ 5 คู่หรือ 10 ใบเป็นหวยชุดหมายเลข 221823 พอหวยออกตนยังคิดว่าคงไม่ถูกแล้ว เลยเอาไปตรวจรางวัล สุดท้ายลอตเตอรี่ตนถูกรางวัลที่ 5 เลยรีบหาซื้อสิ่งของมาถวายให้แม่ตะเคียนทองดังกล่าว

    เมื่อเวลา 08.30 น. วันเดียวกัน ที่ สภ.เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบกรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรหัสเรียกขาน เชียงดาว 816 ถูกรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาล เตรียมรับทรัพย์ 4 ล้านบาท แต่ไม่พบ ตัว จึงไปสอบถามสิบเวร ทราบว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความจริง โดยผู้โชคดีที่ผู้สื่อข่าวตามหา คือ จ.ส.ต.ธีรพัฒน์ โสภา อายุ 36 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม ซึ่งได้นำ หลักฐานมาลงบันทึกประจำวันไว้ว่า ได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลหมายเลข 000816 ตามรหัสเรียกขานประจำตัวเอง จำนวน 1 คู่ จากแผงหน้าตลาดเชียงดาว นอกจากนี้เพื่อนคู่หู ชื่อ จ.ส.ต.ศักดิ์ชัย เตอเก อายุ 36 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม รหัส 815 ก็ถูกรางวัลข้างเคียงที่หนึ่งอีกด้วย

    ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในวันเดียวกันนายภาณุพงษ์ สุพรรณ อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่ป้องกันสาธารณภัยเทศบาลตำบลเชียงดาว ได้ นำสลากกินแบ่งรัฐบาลหมายเลข 000816 จำนวน 1 คู่ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธงชัย บัวเงิน สารวัตรเวร สภ.เชียงดาว เพื่อขอให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยผู้โชคดีรายนี้เปิดเผยว่า ซื้อมาจากบริเวณหน้าตลาดเชียงดาวในวันที่ 16 ก.ค. ตอนแรกตั้งใจเลือกซื้อแค่ต้องการ ลุ้นเลขท้าย 16 แต่ดันไปถูกรางวัลที่ 1 หลังจากนี้จะนำไปขึ้นเงินรางวัลเพื่อนำมาใช้จ่ายในครอบครัวและทำบุญเป็นการใหญ่ต่อไป.
     
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พ่อค้าผัก ถูกหวย รวยหวย34ล.


    โดย ไทยรัฐ วัน พฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.

    ดวงเฮงถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 และ รางวัลที่ 1 พิเศษ คว้า เงินรางวัลก้อนโต 34 ล้านบาท พลิกฐานะเป็น เศรษฐีรับ ปีใหม่เผยจะเลือกซื้อลอตเตอรี่ แล้วนำบนศาลพระภูมิ

    ดวงเฮง
    เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 65/1 หมู่ 5 ต.คลองตัน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว กลางสวนมะม่วง เนื่องจากได้รับแจ้งมีคนถูกลอตเตอรี่พลิกฐานะเป็นเศรษฐีใหม่ พบนายวิชาญ พานทอง อายุ 35 ปี กับนางมะลิ พานทอง สองผัวเมียดวงเฮง โชว์สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 ธ.ค. 2551 เลข 074114 จำนวน 2 ฉบับ หนึ่งในนั้นเป็นสลากกลุ่มที่ 1 ชุดที่ 18 ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 พิเศษ ได้เงินรางวัล 30 ล้านบาท รวมยอดรางวัลทั้งสิ้น 34 ล้านบาท

    นายวิชาญ พ่อค้าผักดวงเฮง กล่าวว่า ได้แต่งงานอยู่กินกับนางมะลินานกว่า 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน คนโตเป็นชายอายุ 13 ปี อีก 2 คนเป็นหญิงอายุ 9 ขวบ และ 8 ขวบ ตามลำดับ ส่วนบ้านที่พักอยู่นี้เป็นของนายประยูร สุขสาคร อายุ 65 ปี และนางถาวร สุขสาคร อายุ 55 ปี พ่อตาแม่ยาย ตนและภรรยามีอาชีพขายผัก โดยจะไปรับผักที่ตลาดปฐมมงคล จ.นครปฐม ในตอนเย็น นำไปตั้งแผงขายที่ตลาดผักมหาชัย จ.สมุทรสาคร ฐานะพอมีกินมีใช้

    พ่อค้าผักที่พลิกฐานะเป็นเศรษฐีหวยรัฐกล่าวต่อว่า เมื่อสองวันก่อน หลังจากปิดแผงขายผักแล้ว ได้เดินผ่านหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขามหาชัย แวะซื้อลอตเตอรี่ 2 ฉบับ พอกลับถึงบ้านได้ชูลอตเตอรี่หน้าศาลพระภูมิเจ้าที่ที่บ้าน ยกมือไหว้ขอให้ถูกรางวัลจะจัดดนตรีวงใหญ่ ให้ศาลพระภูมิเจ้าที่ดู กระทั่งคืนวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซื้อใบตรวจลอตเตอรี่กลับมาดูที่บ้าน พบว่าถูกรางวัลที่ 1 ตนและภรรยาถึงกับดีใจโห่ร้องดังลั่นจนชาวบ้านทราบข่าว แห่มาแสดงความยินดีเต็มบ้าน และเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ถึงรู้ว่าถูกรางวัลที่ 1 พิเศษ ชุดที่ 18 ได้รางวัลก้อนโต รวมเป็นเงิน 34 ล้านบาท และได้นำลอตเตอรี่ไปขึ้นเงินกับธนาคารเรียบร้อยแล้ว

    นายวิชาญ เศรษฐีหวยรัฐกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาจะซื้อลอตเตอรี่งวดละ 4-5 ฉบับเป็นประจำ โดยจะเดินดูตามแผงค้าลอตเตอรี่ไปเรื่อยๆ หากเห็นเลขใดสวยถูกใจก็จะซื้อเก็บไว้ พอถึงบ้านก็จะนำมากางหน้าศาลพระภูมิเจ้าที่ขอให้ถูกรางวัล งวดที่ผ่านมาก็ซื้อเพียง 5 ฉบับ แต่ถูกรางวัลใหญ่ถึง 2 ฉบับ และถึงแม้จะโชคดี ได้เป็นเศรษฐีใหม่ แต่จะยังยึดอาชีพขายผักเหมือนเดิม ส่วนเงินรางวัลก้อนโต ยังไม่คิดว่าจะนำไปทำอะไรบ้าง

    ด้านนายประยูร สุขสาคร พ่อตานายวิชาญ กล่าวว่า นายวิชาญเป็นคนขยันทำมาหากินเลี้ยงลูกเมียและ คนในครอบครัวเป็นอย่างดี และชอบขอศาลพระภูมิที่บ้าน ให้ถูกหวย และก็ถูกหวยทุกครั้งที่ขอ เมื่อกลางปีถูกรางวัลที่ 5 ถึง 3 ฉบับ และได้จัดดนตรีให้ศาลพระภูมิเจ้าที่ดู นอกจากนี้ ยังถูกเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว บ่อยครั้ง รวมทั้งหวยใต้ดิน จนฐานะดีขึ้น ส่วนตนเป็นเจ้าของบ้าน แท้ๆ ยังไม่เคยมีโชคเหมือนลูกเขยคนนี้ และในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ จะจัดดนตรีวงใหญ่แสดงหน้าศาลพระภูมิ และเลี้ยงพระให้ศาลพระภูมิเจ้าที่ด้วย
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">สาว ใหญ่แม่ค้าปลาดุกย่างสัต******บดวงเฮงถูกหวย 12 ล้าน กลายเป็นเศรษฐีใหม่ หลังซื้อลอตเตอรี่ 3 คู่สุดท้ายจากพ่อค้า เผยฝันประหลาดเห็นนมสาววัยรุ่นเปลือยกายล่อนจ้อน ก่อนตี เลข 12 โร่แจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน ผอ.กองสลากฯ เตรียมเสนอที่ประชุมบอร์ดอนุมัติพิมพ์ลอตเตอรี่เพิ่มอีก 20 ล้านฉบับ จากเดิม 46 ล้านเป็น 66 ล้านฉบับ

    เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 16 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกองสลาก ประกาศผลการออกรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งออกหมายเลข 202912 ทำให้ น.ส.บัวไล บำรุง อายุ 42 ปี แม่ค้าขายปลาดุกย่างตลาดสดศรีประ พัฒน์ ก.ม.10 ต.พลูตาหลวง อ.สัต******บ จ.ชลบุรี อยู่บ้านเลขที่ 254 ม.16 ต.ส้มป่อย อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ถูกสลากรางวัลที่ 1 หมายเลข 202912 ชุดที่ 19-20, 51-52, 57-58 รวม 3 คู่ เป็นเงิน 12 ล้านบาท กลายเป็นเศรษฐีคนใหม่

    จากนั้น น.ส.บัวไลนำลอตเตอรี่ต้นฉบับทั้ง 3 ใบ พร้อมถ่ายสำเนาเข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.บำรุง รักษ์บำรุงสกุล พนักงานสอบสวน สภ.พลูตาหลวง เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากเกรงจะได้รับอันตรายในชีวิตและทรัพย์สิน จากนั้นพนักงานสอบสวนนำน.ส.บัวไลไปยังธนาคารกรุงไทย สาขาพลูตาหลวง เพื่อนำลอตเตอรี่ทั้งหมดไปฝากเก็บรักษาเพื่อความปลอดภัย

    น.ส.บัวไล เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากเข้านอน ตนฝันเห็นเด็กผู้หญิงสาวสวยผมยาว อายุประมาณ 18 ปี เปลือยกายล่อนจ้อน และมีลักษณะเต้านมใหญ่ เมื่อตื่น ขึ้นมาจึงนำเต้านมของหญิงสาวมาตีหวยเป็นเลข 12 กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ย่างปลาขายอยู่ในตลาด มีพ่อเฒ่าขายลอตเตอรี่คนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน และพยายามยัดเยียดให้ตนซื้อลอตเตอรี่ ที่เหลือเพียง 3 ใบสุดท้าย คือเลข 202912 เมื่อเห็นเลขท้ายตรงกับตัวเลขที่ตีในฝัน จึงเหมาทั้งหมด เมื่อถึงเวลาออกรางวัล ขณะยืนขายปลาอยู่ ต้องถึงกับลมใส่ล้มทั้งยืน เมื่อเสียงประกาศรางวัลที่ 1 ทางวิทยุแว่วเข้าหูเลขตรงกับลอต เตอรี่ทั้ง 3 ใบ เมื่อตั้งสติได้จึงถือลอตเตอรี่ทั้งหมดไว้แน่น จากนั้นรีบปิดร้าน แล้วนำลอต เตอรี่ทั้งหมดเข้าแจ้งความที่สภ.พลูตาหลวงยอมรับว่าตื่นเต้นและตกใจที่สุดใน ชีวิต ไม่คิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะเป็นผู้โชคดีถูกหวยถึง 12 ล้านบาท คิดว่าการถูกหวยครั้งนี้คงไม่ให้อาชีพที่ทำมานานหลายสิบปีเปลี่ยนไปอย่างแน่ นอน คงจะเป็นแม่ค้าขายปลาดุกย่างต่อไป

    เมื่อ เวลา 14.30 น. ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ห้องออกรางวัลสลาก ประจำงวดวันที่ 16 ก.ย. ค่อนข้างเงียบเหงา มีผู้เข้าชมการออกรางวัลค่อนข้างบางตา เพราะบรรดานักเสี่ยงโชคไม่คอยเดินมาซื้อกันสักเท่าไร เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ประกอบกับฝนตกบ่อย ทำให้พ่อค้าแม่ค้าบริเวณสี่แยกคอกวัวและหน้ากองสลาก มีลอตเตอรี่จำหน่ายเหลือเต็มแผงและโดยเฉพาะเลขที่ขายรวมชุด

    ส่วนราคา ที่จำหน่ายยังคงแพงเช่นเดิมและยิ่งราคาสูงกว่าเดิมอีกด้วย แม้ว่าจะใกล้ออกรางวัลอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ราคาขั้นต่ำโดยเฉพาะเลขไม่สวยคู่ละ 90-95 บาท ส่วนเลขสวยๆ ที่นักเสี่ยงโชคได้มาจะอยู่คู่ละ 100-250 บาท จากราคาปกติเพียง 80 บาท โดยเฉพาะเลขท้ายเบิ้ล และเลขท้ายตองยังได้รับความนิยมจากนักเสี่ยงโชคเช่นกัน โดยเฉพาะเลขท้ายตอง 999 จำหน่ายคู่ละ 250-300 บาท ส่วนเลขท้ายเบิ้ล 99 จำหน่ายคู่ละ 200 บาท ซึ่งนักเสี่ยงโชคหลายคนต่างบ่นว่า เมื่อไหร่ราคาลอตเตอรี่จะลดลง กี่งวดก็แพงเหมือนเดิม กองสลาก ไม่ทำอะไรเลยและจะยิ่งแพงมากขึ้นด้วย

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการออกรางวัลประจำงวดวันที่ 16 ก.ย.นี้ มีนายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผวจ.ฉะเชิงเทรา เป็นประธานการ ออกรางวัล โดยรางวัลเลขท้าย 3 ตัว มี 4 รางวัล ได้แก่หมายเลข 200, 353, 539 และ 166 รางวัลเลขท้าย 2 ตัว ได้แก่ 48 ส่วนรางวัลที่ 1 ได้แก่ 202912 ส่วนรางวัลที่ 1 พิเศษกลุ่มที่ 1 ได้แก่ ชุดที่ 19 และรางวัลที่ 1 พิเศษกลุ่มที่ 2 ได้แก่ ชุดที่ 53

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ส่วนเลขที่นักเสี่ยง โชคเก็งกันไว้ประจำงวดนี้ไม่ค่อยมีเลขดังเท่าที่ควร แต่นักเสี่ยงโชคส่วนใหญ่ยังคงนิยมเลขเบิ้ลเพราะเชื่อว่าน่าจะออก อาทิ 77 และ 99 เป็นต้น ส่วนราคาจำหน่ายสลากเลขเบิ้ลของเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้ายังคงจำหน่ายเกินราคา และมีราคาสูงเหมือนเดิม

    วันเดียวกัน นายวันชัย สุระกุล ผอ.สำนักงานสลากฯ เปิดเผยถึงการแก้ปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคานั้นว่า สำนักงานสลากฯ กำลัง เร่งดำเนินการแก้ปัญหาอยู่ โดยในวันที่ 18 ก.ย. นี้จะประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และตนจะนำเรื่องต่างๆ ในการแก้ปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาที่เป็นอยู่ขณะนี้ เสนอให้คณะกรรมการรับทราบ พิจารณาและอนุมัติ ได้แก่ การพิมพ์สลากเพิ่ม จากเดิมที่มีอยู่ 46 ล้านฉบับ เพิ่มอีก 20 ล้านฉบับ เป็น 66 ล้านฉบับ โดยจะแบ่งเป็นในส่วนของสลากกินแบ่งถาวร จำนวน 4 ล้านฉบับ และในส่วนของมูลนิธิเพื่อการกุศล องค์การทหารผ่านศึก กาชาด รวมแล้ว 16 ล้านฉบับ ซึ่งคณะกรรมการชุดก่อนหน้านี้อนุมัติหลักการไว้แล้ว และสำนักงานในฐานะฝ่ายปฏิบัติจัดทำรายละเอียดเรียบร้อย เพื่อเสนอคณะกรรมการรับทราบเพื่ออนุมัติต่อไป นอกจากนี้ตนจะนำเรื่องการกระจายรางวัลที่ 1 เป็น 33 รางวัล โดยไม่มีรางวัลแจ๊กพอตหรือเลขชุดกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 เพื่อป้องกันเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้ารวมชุด และการเปิดขายหวยออนไลน์ด้วย โดยเฉพาะเรื่องหวยออนไลน์นั้น ทุกอย่างผ่านหมดแล้ว เหลือเพียงแค่คณะกรรมการอนุมัติเท่านั้น มั่นใจว่าจะทำให้ปัญหาสลากเกินราคาหมดไปทันที รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่สลากหรือลอตเตอรี่จะมีราคาต่ำกว่า 80 บาทด้วยซ้ำ หากคณะกรรมการอนุมัติ 3 ข้อในวันที่ 18 ก.ย.นี้ สามารถแก้ปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาได้แน่นอน

    ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสด

    [​IMG] </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext align=left colSpan=2><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ดวงเฮงถูกหวยกว่า 4 ล้านบาท"

    สาวอุบลฯดวงเฮงถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้เงินกว่า 4 ล้าน เผยซื้อเลขท้าย 3 ตัว 957 เลขทะเบียนรถยนต์คันใหม่ของพ่อ นอกจากนี้สามีฝันว่าตนเองตาย จึงนำเลขอายุมาตีเป็นหวย เตรียมเก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษาของลูก 2 ขวบ นอกจากนี้คนในบ้านก็ซื้อหวยบนดิน ถูกกันหมดทั้งบ้าน ได้เงินคนละ 1-2 แสน ส่วนที่แม่ฮ่องสอน ชาวบ้านรวยกันเป็นแถบ หลังซื้อหวยบนดิน ตีเลขอายุพระเกจิชื่อดัง รองเจ้าคณะจังหวัดที่เพิ่งมรณภาพ

    เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่จ.อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งมีผู้โชคดีถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2549 หมายเลข 910957 โดยผู้ถูกรางวัลชื่อนางอัจฉรา พลสิทธิ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/2 ถนนนครบาล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันทำงานเป็นเจ้าพนักงานศาลยุติธรรม 4 ประจำศาลจังหวัดเดชอุดม จ.อุบลราชธานี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่ามีเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องจำนวนมากเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับเศรษฐินีคนใหม่



    "ซื้อตามทะเบียนรถใหม่"

    นางอัจฉรา กล่าวว่า สาเหตุที่ซื้อลอตเตอรี่เลขท้าย 3 ตัว เป็นเลข 957 เพราะนายวิทยา สัตยากูล พ่อซื้อรถยนต์คันใหม่ ยี่ห้อฟอร์ด และได้หมายเลขทะเบียน คือ 2357 อีกทั้งพ่อฝันว่ามีคนมาบอก หากต้องการถูกหวยรัฐบาลให้เปลี่ยนเลข 3 เป็นเลข 9 แทน เมื่อพ่อมาเล่าให้ฟัง จึงซื้อหวยบนดินรัฐบาลราคาฉบับละ 20 บาท โดยซื้อ 3 ตัวตรง และ 3 ตัวโต๊ด ญาติคนอื่นๆ ที่ทราบเรื่องก็พากันซื้อด้วย ทำให้คนในบ้านถูกหวยบนดินรัฐบาลทั้ง 3 ตัวตรง และ 3 ตัวโต๊ด ได้รางวัลคนละ 100,000-200,000 บาท

    สาวผู้โชคดีกล่าวต่อว่า ส่วนลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 ก่อนจะซื้อในตอนเช้าวันที่ 1 พ.ย. ขณะยืนรอขึ้นรถไปทำงานที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดอุบลราชธานี ถนนผาแดง ต.ในเมือง อ.เมือง มีคนเดินเร่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขายให้ จึงสอบถามผู้ขายว่ามีเลขท้าย 3 ตัว 957 หรือไม่ คนขายจึงหยิบมาให้ 2 ใบ ใบหนึ่งเป็นเลข 957 ตามที่ต้องการ และอีกฉบับเป็นเลข 975 จึงซื้อไว้ จากนั้นเดินทางไปทำงานตามปกติ กระทั่งตกเย็น ญาติโทรศัพท์มาบอกว่า ที่บ้านถูกหวยบนดินของรัฐบาลกันจำนวนมาก จึงสอบถามว่าเลข 6 ตัวของรางวัลที่ 1 คือหมายเลขอะไร ก่อนจะนำเลขมาตรวจกับสลากที่มีอยู่ ปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1 หมายเลข 910957



    "ฝันว่าเมียตายซื้อตามอายุเมีย ถูกเลขท้าย 2 ตัวเพิ่ม"

    นางอัจฉรากล่าวต่อว่า ความโชคดีของคนในครอบครัวยังไม่หมดเท่านี้ ก่อนจะประกาศรางวัลในบ่ายวันที่ 1 พ.ย. นายวีระยุทธ์ พลสิทธิ์ สามีที่เดินทางไปราชการที่กรุงเทพฯ โทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่า นอนฝันว่าตนเองเสียชีวิต และสามีบวชให้ หลังจากนั้นในตอนเช้า สามีจึงไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเลขท้าย 2 ตัว เป็นเลขอายุของตนคือ 29 ไว้ด้วย ทำให้ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวในงวดนี้ด้วย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังถูกรางวัลที่ 1 นางอัจฉรานำสลากที่ถูกรางวัลไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งนำไปเก็บไว้ในตู้นิรภัยของธนาคาร เพื่อป้องกันการสูญหาย เมื่อนายวีระยุทธ์กลับมาจากราชการ จะนำสลากไปขอขึ้นรางวัล ส่วนเงินที่ได้รับจำนวน 4,000,000 บาท นางอัจฉราจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของลูกชายอายุ 2 ขวบ



    "ชาวเชียงรายถูกหวยกันอื้อ"

    วันเดียวกัน ที่จ.แม่ฮ่องสอน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านจำนวนมากแห่ไปถอนเงินจากธนาคารกรุงไทย สาขาแม่สะเรียง เนื่องจากถูกหวยรางวัลเลขท้าย 3 ตัวบน 957 และเลขท้าย 2 ตัวบน 57 ทำให้มีเงินสะพัดกว่า 2 ล้านบาท ชาวบ้านรายหนึ่งที่ถูกหวยบนดินเลขท้าย 3 ตัว 957 และเลขท้าย 2 ตัวบน 57 ได้เงินกว่า 100,000 บาท เปิดเผยว่า หวยที่ชาวบ้านซื้อส่วนใหญ่ตีความจากการมรณภาพของพระประสิทธิ์ศาสนการ เจ้าอาวาสวัดกิตติวงศ์ รองเจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่มรณภาพด้วยโรคภาวะแทรกซ้อน ที่ร.พ.มหาราช จ.เชียงใหม่ สิริอายุได้ 75 ปี 54 พรรษา เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ชาวแม่สะเรียงเคารพศรัทธามาก โดยชาวบ้านเอาอายุท่านมาตีเป็นหวย คืออายุ 75 ปี และตรงกับปีเกิดของท่าน คือวันที่ 24 ก.ย. 2475 โดยซื้อกลับหน้ากลับหลัง ส่วนเลข 9 หมายถึงเลขที่เป็นมงคล ชาวบ้านพากันซื้อทั้งโต๊ดและเต็ง 975, 957, 75, และ 57 ก่อนจะถูกกันถ้วนหน้า

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังหวยออกชาวบ้านต่างพากันดีใจ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลแม่สะเรียง มีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท โดยผู้ที่เป็นเอเย่นต์รับแทงหวยบนดินเป็นอดีตส.ส. ทางสำนักงานกองสลากฯ โอนเงินเข้ามาที่ธนาคาร แต่ภายหลังหวยออก เจ้ามือไม่อยู่ เดินทางเข้ากรุงเทพฯ จึงไม่สามารถเบิกจ่ายได้ เพราะตัวแทนผู้ขายสลากไม่อยู่ จึงมอบบัตรเอทีเอ็มให้คนใกล้ชิดไปกดเงินสด กดได้ครั้งละ 15,000 บาท จนต้องรอคิวกันยาวนาน




    แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    คนลำปางดวงเฮงถูกรางวัลที่1
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2552 ออกรางวัลที่ 1 หมายเลข 462933 กระทั่งวันที่ 17 สิงหาคม 2552 มีข่าวลือทั่วเมืองลำปางว่ามีลูกจ้างของร้านจำหน่ายอะไหล่รถจักรยานยนต์ ซึ่งตั้งอยู่แถวแยกดอนปาน ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง ถูกรี่รางวัลที่ 1 และได้รับเงินรางวัล 4 ล้านบาท หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปยังร้านขายอะไหล่ทันที แต่ปรากฏว่าผู้โชคดีไม่มาทำงานและได้ลางาน 3 วัน ซึ่งเพื่อนคนงานบอกว่าคนที่ถูกรางวัลชื่อ นายศักดิ์ดา แปงศร อาศัยอยู่บ้านท่าเดื่อ ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง

    เพื่อนของนายศักดิ์ดา รายหนึ่งเปิดเผยว่า คนที่ถูกรางวัลที่ 1 ไม่ใช่นายศักดิ์ดา แต่เป็นภรรยาของนายศักดิ์ คือนางสมพร แปงศร อายุ 42 ปี ซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างตามสั่งในเขตตัวเมืองลำปาง ก่อนหวยจะออกประมาณ 1 สัปดาห์ นาง สมพรฝันว่าได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังได้ขึ้นไปกราบพระบรมธาตุที่วัดพระธาตุดอยม่วงคำ ที่ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

    จากนั้นนางสมพร ก็เล่าให้นายศักดิ์ดาฟังพร้อมกับญาติ จึงช่วยกันแก้ฝันโดยการตีเป็นตัวเลข และได้เลข 933 หลังจากนั้นนางสมพร ได้ไปทำงานที่ร้านอาหารตามสั่งในเมือง และได้แวะตลาดในเขตเทศบาลนครลำปาง เพื่อซื้อกับข้าว และแวะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่แม่ค้าและมีหมายเลข 462933 จำนวน 2 ใบ ซึ่งแม่ค้าได้พยายามให้ซื้อไว้ทั้ง 2 ใบ แต่นางสมพร มีเงินไม่พอ จึงซื้อไว้แค่ใบเดียว หลังจากจากนั้นจึงเก็บสลากไว้ในกระเป๋าเงิน พอรางวัลออกทราบว่าเลขท้าย 933 ตรงกับเลขท้ายรางวัลที่ 1 แต่ไม่คิดว่าจะถูกรางวัลที่ 1 พอวันนี้ออกมาทำงานและได้แวะซื้อใบตรวจสลากที่ตลาด พอตรวจดูปรากกว่าถูกรางวัลที่ 1 เลขตรงทั้ง 6 หลัก คือ 462933

    โดยนางสมพร ต่างดีใจ และโทรศัพท์บอกให้นายศักดิ์ดาสามี ที่ทำงานอยู่ทีร้านขายอะไหล่ และดีใจ ลางาน 3 วันรวด และขณะนี้ทั้งสองคนยังคงเก็บตัวเงียบและไม่อยู่ที่บ้าน แต่มีกระแสข่าวว่านางสมพรกับนายศักดิ์ดา ได้นำสลากไปขึ้นเงินรางวัลแล้วที่ธนาราคากรุงไทยในตัวเมืองลำปางเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ทราบว่าสาขาไหน
     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สุดเฮงถูกรางวัลที่ 1
    โดย ข่าวสด วัน เสาร์ ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 07:50 น.

    เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ผู้สื่อข่าวทราบว่ามีผู้ที่โชคดีถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้เงินรางวัล 4 ล้านบาท เป็นหญิงเจ้าของร้านขายของชำในหมู่บ้านกล้วยม่วง หมู่ 3 ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง จึงเดินทางไปตรวจสอบ ทราบชื่อคือนางบาน ไชยวังเย็น อายุ 63 ปี และยังพบกลุ่มเพื่อนบ้านประมาณ 10 คนที่มาร่วมแสดงความยินดี นางบานเล่าว่า เมื่อตอนบ่ายก่อนหวยออกตนขายของอยู่ที่ร้านตามปกติ ขณะนั้นมีแม่ค้าขายลอตเตอรี่เดินผ่านมา จึงแวะเข้ามาหาบอกให้ตนช่วยซื้อเอาไว้สักใบ ตนจึงควักเงิน 100 บาทออกมาซื้อเอาไว้ 1 ใบ ก็ไม่คิดว่าจะถูก จากนั้นจึงเก็บเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ จนผลรางวัลออกจึงนำเอามาตรวจดูก็ต้องตกใจและดีใจเมื่อถูกรางวัลที่ 1 เมื่อข่าวแพร่ออกไปจึงมีเพื่อนบ้านมาร่วมดีใจ ส่วนเงินที่ได้มาจะไปใช้ทำอะไรตอนนี้ยังคิดไม่ออก แต่ช่วงเช้าไปทำบุญที่วัดแล้ว
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สาวชาวนาเฮง!ถูกรางวัลที่1รับเละ4ล้าน

    วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ได้รับแจ้งจากชาวบ้านบวกโป่ง หมู่ 3 ตำบลน้ำชำ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ว่า มีคนในหมู่บ้านถูกหวยรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา แจ้งชื่อผู้ที่โชคดีคือ นางจิระพร พลอยแดง อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 55/2 หมู่ 3 ต.น้ำชำ อ.สูงเม่น จ.แพร่มีบ้านพักใกล้กับที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ตำบลน้ำชำ จึงรุดไปสอบถาม โดยพบกับนางจิระพรพร้อมด้วยเพื่อนบ้านจำนวนหลายคนที่มาร่วมแสดงความยินดีอยู่พร้อมหน้ากันที่บ้านพักของนายศักดา รอบโลก ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อวางแผนการกำหนดชีวิตในการใช้จ่ายเงิน 4 ล้านบาท โดยนางจิระพรฯได้นำสำเนาหวยรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 มีนาคม 2552 เป็นชุดที่ 59และ 60 หมายเลข 553091 มาโชว์ให้ผู้สื่อข่าวดู

    นางจิระพร เล่าถึงความโชคดีของตนองว่า เลขที่ซื้อไม่ได้เลขเด็ดที่ไหน เพียงแต่เป็นเลขที่ตนชอบซื้อมาเป็นประจำ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 ได้เดินทางไปกับญาติซึ่งเป็นคนตำบลหัวฝาย อำเภอสูงเม่น จ.แพร่ ไปรับปริญญาหลานสาวที่กรุงเทพฯตนได้ให้ญาติคนหนึ่งซึ่งมีน้องสาวเป็นคนขายล็อตเตอรี่ประจำตำบลหัวฝาย น้ำชำ ทราบชื่อคือ น้องแค โดยตนต้องการซื้อเลข 091 พอดี เลขท้ายนี้มีด้วย คนได้จ่ายเงินให้กับพี่สาวของน้องแคที่กรุงเทพฯและน้องแค ได้โทรศัพท์บอกพี่สาวซึ่งรับเงินไปแล้ว พร้อมกับบอก เลข 6 ตัว คือ 553091 ตนก็จดไว้และได้ฝากหวยไว้กับน้องแค หากกลับจากกรุงเทพฯแล้วจะมารับหวยไปตรวจ หลังจากกลับจากกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 1 มี.ค. และได้นั่งฟังหวยที่ออก ปรากฏว่า เลขตรงกับเลขที่ตนซื้อและหวยที่ถูกรางวัลก็อยู่กับน้องแค คนขายหวย ตนก็โทรศัพท์ให้หลานสาว เอาหวยที่ถูกรางวัลที่ 1 มาส่งให้ น้องแคก็มอบหวยให้ ตนนับถือน้ำใจ น้องแคจริงๆที่ซื่อสัตย์ยังเก็บหวยให้และมอบหวยที่ถูกรางวัลที่ 1 มาให้อีก หากเป็นคนอื่นตนก็ไม่รู้ว่าจะได้รับหรือเปล่า และวันนี้ ตนก็ได้นำหวยไปขึ้นเงินรางวัลและนำฝากธนาคารไว้เป็นที่เรียบร้อย

    “อาชีพปัจจุบันนี้รับจ้างทำนามีสามีชื่อนายสมบัติ พลอยแดง อายุ 40 ปี อาชีพรับจ้างทำนาฐานะยากจน ไม่มีบ้านที่ดินเป็นของตนเองต้องอาศัยอยู่กับป้าและนับถือเป็นแม่บุญธรรมคือนางปา กำทอง อายุ 74 ปี มีบุตรสาว 2 คน กำลังเรียนชั้น ม.2 และ ป.4 ตั้งใจว่าจะหาที่ดินไว้สักผืนและปลูกบ้านเป็นของตนเอง ที่เหลือจะเป็นทุนการศึกษาของลูกและจะทำบุญแก้เคล็ดนิดๆหน่อย” นางจิระพร เล่าถึงชีวิตครอบครัว
     
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สาว กตัญญู ตำบลพลับพลา อ.เมืองจันทบุรีโชคดีถูกรางวัลที่ 1 รับเงินรางวัล 4 ล้านบาท ขณะที่รางวัลข้างเคียงเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันรับอีก 1 แสนบาท
    แหล่งข่าวไม่เปิดเผย แจ้งมาว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2552 มีผู้โชคดี ชาวจังหวัดจันทบุรี ถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลใกล้เคียง โดยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากแม่ค้า ในตลาดสดวรรณะการ หรือตลาดพลับพลา ตำบลพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยผู้ที่ถูกรางวัลที่ 1 หมายเลข 154986 เป็นเด็กสาว อายุ 24 ปี ที่มาช่วยแม่ขายของในตลาดนัด ผู้สื่อข่าวได้สืบสอบถามจนทราบว่า ผู้โชคดี ดังกล่าว ชื่อนางสาวเบญจา หรือน้องเตย ( ไม่ขอเปิดเผยนามสกุล ) มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ตำบลพลับพลา อำเภอเมือง จันทบุรี ปัจจุบันทำงาน ฝ่ายการตลาด โรงแรมใหญ่ แห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี เป็นผู้โชคดี และขอรับเงินรางวัลไปแล้วโดยขึ้นเงินผ่านตัวแทนผู้จำหน่ายสลากรายใหญ่ในจังหวัดจันทบุรี ผู้โชคดี เพิ่งเรียนจบ มหาวิทยาลัยราชภัฎรำไพพรรณี สาขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม เมื่อปีที่ผ่านมา และ เข้ามาทำงาน ฝ่ายการตลาด โรงแรมดังกล่าว โดยเงินที่ได้มาจากความโชคดี จะเก็บไว้ใช้ในการซ่อมปรับปรุงที่อยู่อาศัย ที่เป็นบ้านพักในสวนผลไม้ อีกส่วนหนึ่งใช้เป็นทุนการศึกษาของน้องสาวที่กำลังเรียน ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนวัดแห่งหนึ่งในเขตตำบลพลับพลา และแบ่งไว้เป็นค้าใช้จ่ายของพ่อ – แม่ และตนเอง ที่ผ่านมาผู้โชคดี คือน้องเตย จะเป็นคนที่มีความ กตัญญูรู้คุณ อาศัยอยู่กับพ่อแม่ ยังไม่มีครอบครัว จะแบ่งเวลาการทำงานที่โรงแรมเสร็จแล้ว จะช่วยเหลือ พ่อ – แม่ โดยเฉพาะช่วยแม่ขาย ผัก ผลไม้ ตามตลาดนัด เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว ส่วน พ่อ เมื่อเสร็จจากฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ จะออกรับจ้างทำงานก่อสร้างเป็นรายได้เสริม การถูกรางวัลใหญ่ในครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่ถูกรางวัลแจ็กพ็อต แต่ก็นับว่าโชคดี และ จะใช้เงินอย่างคุ้มค่า และ เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนเรื่องงานยังคงไปทำงานที่โรงแรม ปกติเหมือนเดิม ขณะเดียวกัน สำหรับรางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 ของงวดนี้เป็นผู้โชคดี ในพื้นที่ตำบลพลับพลาเช่นกัน โดยซื้อมาจากแม่ค้าเจ้าเดียวกัน
    อย่างไรก็ตาม เป็นที่โจษขานของชาวบ้านว่า รางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาล จะมีชาวจันทบุรี ถูกรางวัลอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เปิดเผย และ ไม่เปิดเผยเนื่องจากเกรงเป็นเป้าสายตาของมิจฉาชีพ โดยการที่รางวัลใหญ่มีชาวจันทบุรีถูกบ่อยครั้งน่าจะเป็นเพราะชาวจังหวัดจันทบุรี ให้ความเคารพ ระลึกถึง บารมีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งจันทบุรีเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นแหล่งรวบรวมไพร่พล กู้ชาติของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และ เป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และ 4 ทหารเอก ของพระองค์ ที่ทุ่งนาเชย จังหวัดจันทบุรี
    ****************************
    จรัล/ภาพ/ข่าว ( 4 ส.ค.52 )


    ข่าวโดย ส.ปชส.จันทบุรี
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    รายนี้เขาถ่าย clip VDO เอาไว้เป็นหลักฐานด้วย...

     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หัวหน้าพนักงานซ่อมบำรุง โรงแรมเมืองโคราชเฮง

    ถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 รับเงินรางวัล 8 ล้านบาท แถมถูกรางวัลแจ๊คพอตรับเงินรางวัลอีก 30 ล.รวม 38 ล้านบาท ด้านแม่หนุ่มดวงเฮง เผย ลูกเตรียมมอบเงินให้ 4 ล้าน ส่วนที่เหลือจะสร้างบ้านและเก็บเป็นทุนการศึกษาลูก

    (3กย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กองสลากได้ประกาศผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กันยายน 2550

    โดยรางวัลที่หนึ่งคือหมายเลข 331810 ปรากฎว่าในงวดนี้มีผู้โชคดีที่เป็นชาวนครราชสีมา ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 2 ใบ รวมเป็นเงิน 8 ล้านบาท และยังถูกรางวัลแจ็คพอตชุดที่ 25 เงินรางวัลอีก 30 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่ได้รับทั้งสิ้น 38 ล้านบาท จากการตรวจสอบทราบชื่อคือ นายทองสุข หรือทอง วิสันเทียะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 397 ซ.มิตรภาพ 8 ชุมชนวัดเลียบ อ.เมือง เขตเทศบาลนครนครราชสีมา มีอาชีพเป็นหัวหน้าฝ่ายซ่อมบำรุง (ไฟฟ้า) โรงแรมดิแอร์พอร์ต ซึ่งตั้งอยู่ ถ.เดชอุดม ชุมชนหนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา

    ต่อเมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้(3กย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงแรมดิแอร์พอร์ต

    เพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับหัวหน้าช่างที่มีข่าวว่าถูกรางวัลที่ 1 โดยนายกฤช หิรัญญกิจ ประธานผู้บริหารโรงแรมดิแอร์พอร์ต บอกว่าให้ไปติดต่อกับเพื่อนร่วมงานที่ชื่อ นายสุวิชาญ วงษ์มณี อายุ 25 ปี คนขับรถและเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่มีความสนิทสนมกับ นายทองสุข และเป็นคนๆ เดียวที่ไปซื้อลอตเตอรี่เป็นเพื่อนกับผู้โชคดีในครั้งนี้


    สอบถาม นายสุวิชาญ ทราบว่า

    เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น.วันที่ 1 ก.ย.50 ตนและนายทองสุข ได้ขับรถเพื่อจะไปซื้อรูปปั้นช้างแถว ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย เพื่อนำมาประดับโรงแรม ระหว่างที่ขับผ่านถึงบริเวณหน้าโรงพยาบาลค่ายสุรนารี ถ.พิบูลย์ละเอียด เขตเทศบาลนครนครราชสีมา นายทองสุข ได้บอกให้ตนหยุดรถเพื่อซื้อลอตเตอรี่กับพ่อค้าเร่ที่กำลังปั่นจักรยานขายอยู่ โดยนายทองสุข ได้บอกกับตนว่าซื้อเลขอะไรก็ได้ แต่พอลงไปถึงก็พบว่าทั้งแผงลอตเตอรี่มีลอตเตอรี่เหลือเพียง 2 ใบเท่านั้น นายทองจึงให้ตนซื้อทั้ง 2 ใบ

    หลังจากนั้นจึงขับรถเดินทางไปต่อเพื่อซื้อรูปปั้นช้าง

    ระหว่างทางช่วงเลยทางเข้าเขตอุตสาหกรรมสุรนารีไปประมาณ 500 เมตร บนถนนนครราชสีมา-โชคชัย พบร้านขายรูปปั้นจึงพากันลงไปเพื่อซื้อหาซื้อรูปปั้นช้าง ซึ่งขณะนั้นนายทองสุข ได้พบกับรูปปั้นพระพิฆเณศที่ถูกตากแดดไว้บริเวณหน้าร้านดังกล่าว และพูดขึ้นกับตนว่า ถ้าหากถูกรางวัลที่ 1 ทั้ง 2 ใบ จะมาบูชารูปปั้นพระพิฆเณศองค์นี้กลับไปไว้บูชาที่บ้าน

    นายสุวิชาญ เปิดเผยว่า ต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.ย.ระหว่างที่มีประกาศผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล

    ตนกับนายทองสุข กำลังก่อสร้างสระเลี้ยงปลาอยู่หน้าโรงแรม และทราบจากแม่บ้านของโรงแรมว่าเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 คือ 810 ซึ่งเป็นเลขเดียวกันที่นายทองสุข มีอยู่ ในขณะนั้นนายทองสุข ยังไม่ทราบเลยว่าตนเองถูกรางวัล ตนจึงบอกให้นำลอตเตอรี่ออกมาดูพบว่าเลขที่ออกตรงกับเลขท้าย 3 ตัวจริง "เมื่อพบว่าเลขท้าย 3 ตัวบนตรงกับรางวัลที่ 1 ผมจึงบอกกับพี่ทองว่าเหลืออีก 3 ตัวหน้าพี่ทองก็จะถูกรางวัลที่ 1 จึงพากันรอลุ้นเพราะจำเลขรางวัลที่ 1 ทั้ง 6 หลักไม่ได้ จากนั้นจึงตรวจสอบดูให้แน่ใจว่าอีก 3 ตัวที่แหลือคือเลขอะไร ซึ่งหลังจากที่ตรวจสอบแล้วพบว่าพี่ทองถูกรางวัลที่ 1 ทั้ง 2 ใบ แถมยังเป็นรางวัลแจ็คพอตอีกด้วย" นายสุวิชาญ กล่าวและว่า

    หลังทราบว่าถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลแจ๊คพอต นายทองสุข ถึงกับกระโดดกอดกับเพื่อนร่วมงานในสภาพเนื้อตัวสั่นด้วยความดีใจ

    หลังจากนั้นในช่วงเย็น นายทองสุขได้โทรศัพท์มาบอกตนว่า วันจันทร์จะไม่อยู่ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเดินทางเข้าไปรับเงินรางวัลที่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน และสำหรับอุปนิสัยส่วนตัวของ นายทองสุข เป็นคนดี เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงาน และยังเป็นพนักงานดีเด่นทุกปีตลอดระยะเวลาที่ทำงานในโรงแรม 7 ปี

    ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 397 ซ.มิตรภาพ 8/9 ข้างวัดเลียบ ชุมชนวัดเลียบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

    โดยได้พบกับ นางผ่องศรี วิสันเทียะ อายุ 50 ปี มีอาชีพขายผลไม้และขนม อยู่ข้างทางบริเวณตลาดสดแม่กิมเฮงตรงข้ามวัดสะแก เขตเทศบาลนครนครราชสีมา และนายสุชน วิสันเทียะ อายุ 54 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ซึ่งเป็นแม่และพ่อของนายทองสุข หนุ่มดวงเฮงที่ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 และรางวัลแจ๊คพอต โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูน 2 ชั้น โดยชั้น 2 เป็นไม้สภาพทรุดโทรม

    นางผ่องศรี วิสันเทียะ เปิดเผยว่า ตนมีลูกชายทั้งหมด 3 คน

    มีนายทองสุข เป็นลูกชายคนโต โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.ของวันที่ 1 ก.ย.นายทองสุข ลูกชายได้กลับมาบอกกับตนว่าถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลแจ๊คพอต รวมเป็นเงินจำนวน 38 ล้าน พร้อมกับกราบเท้าตนแล้วเอาเท้าของตนลูบหน้าและเหยียบหัวตัวเอง และบอกกับตนว่า ต่อไปนี้พ่อกับแม่ไม่ต้องลำบากอีกแล้ว เพราะพ่อและแม่ทำงานลำบากเลี้ยงลูกมานาน ขอให้พ่อกับแม่เลิกทำงาน มาอยู่บ้านเลี้ยงหลาน เมื่อพูดจบลูกชายก็ได้โอบกอดตนและผู้เป็นพ่อ รวมทั้ง นางอุดมศิลป์ วิสันเทียะ อายุ 30 ผู้เป็นภรรยา และพากันร้องไห้ด้วยความปลาบปลื้ม ซึ่งตนรู้สึกมีความสุขมากที่สุดในชีวิตที่ได้เห็นลูกชายแสดงความรัก ความกตัญญูออกมาในลักษณะดังกล่าว

    นางผ่องศรี กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ลูกชายยังบอกอีกว่าจะแบ่งเงินส่วนนี้ให้แม่เก็บไว้ใช้และทำบุญเป็นจำนวนเงิน 4 ล้านบาท

    ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้ใช้และเป็นทุนการศึกษาสำหรับลูกได้เรียนหนังสือในอนาคต ซึ่งปัจจุบันลูกสาวมีอายุได้เพียง 7 เดือน รวมทั้งจะสร้างบ้านใหม่อยู่ ตนจึงได้บอกกับลูกชายไปว่า ให้ลูกชายตั้งสติดีๆ เพราะกลัวลูกจะช็อค และให้วางแผนการใช้เงิน อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเพราะอนาคตลูกยังอีกไกล พร้อมกับย้ำบอกลูกชายอีกว่า ขอให้ลูกอย่าลืมตัว เมื่อลูกเป็นคนอย่างไรก็เป็นคนอย่างนั้น อย่าลืมบุญคุณคน ให้เป็นคนดีอย่างนี้ตลอดไป ซึ่งนายทองสุข ก็ได้บอกกับตนว่า จะยังคงทำงานอยู่ที่โรงแรมดิแอร์พอร์ตต่อไป

    ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศของเพื่อนร่วมงานในโรงแรมดิแอร์พอร์ต

    พบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่นและต่างแสดงความยินดีกับ นายทองสุข ที่ถูกรางวัล ส่วนตัวนายทองสุขได้หายไปตั้งแต่เย็นวันที่ 1 ก.ย.50 หลังทราบว่าตนเองถูกรางวัล และปิดโทรศัพท์มือถือไม่สามารถติดต่อได้ ทราบจากญาติว่าได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อขอรับเงินรางวัลที่กองสลากในเช้าวันนี้ (3 ก.ย.) ทั้งนี้เมื่องวดประจำวันที่ 16 ส.ค.50 ที่ผ่านมา ก็พบว่ามีชาวโคราชทราบชื่อคือ นายยุทธนา ปราณีตพลกรัง อายุ 39 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นลูกจ้างกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ที่กรุงเทพฯ ถูกสลากกินแบ่งรางวัลรางวัลที่ 1 หมายเลข 476207 รับเงินรางวัลจำนวน 29 ล้านบาท กระทั่งงวดประจำวันที่ 1 ก.ย.50 ชาวโคราชก็มาถึงรางวัลที่ 1 และรางวัลแจ๊คพอตอีกเช่นกัน
    [​IMG]
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เผยฝันนำโชคหลวงพ่อวัดดังต่อดวงชะตาให้

    สท.เมืองสองแควโชคดี รับเงินล้านถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จำนวน 4 ล้านบาท เจ้าตัวเผย ฝันมีคนมาบอกเลข แต่ไม่มีเลยซื้อเลขใกล้เคียง โดยก่อนหน้านี้ไปให้หลวงพ่อทำพิธีสะเดาะต่อดวงชะตา ส่วนเงินที่ได้มาจะนำไปใช้หนี้ ที่เหลือจะเก็บในธนาคาร และเตรียมหาวันว่างบวชแก้บน เพราะก่อนหน้านี้เคยพูดไว้ ส่วนเพื่อนบ้านอีก 2 คน โชคดีไปด้วยถูกรางวัลข้างเคียง

    เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพิษณุโลกรับแจ้งว่า มีหนุ่มดวงดีถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 66/1 หมู่ 2 บ้านเนินสว่าง ต.นครไทย อ.นครไทย บ้านหลังดังกล่าวชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำและกับข้าว ที่หน้าบ้านพบว่ามีเพื่อนบ้านมาแสดงความดีใจมากมาย จากการสอบถามนายบุญเริ่ม คำป้อ อายุ 56 ปี เจ้าของบ้านและเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลนครไทย (ส.ท.) เล่าถึงความโชคดีให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนไปหาหลวงพ่อกล่ำ เจ้าอาวาสวัดหน้าพระธาตุ โดยหลวงพ่อบอกว่าตนกำลังดวงตก ต้องต่อชะตา จากนั้นตนจึงไปซื้อปลามาให้หลวงพ่อทำพิธีและอาบน้ำมนต์ และบอกว่าหากจะเสี่ยงโชคให้เพิ่มไปอีก 1 แต้ม

    ส.ท.ดวงเฮงบอกต่อว่า จากนั้นอีกไม่กี่วันตนฝันไปว่า มีคนมาบอกเลข “477” พอรุ่งเช้าเลยเข้าไปในตลาดหาซื้อเลขท้าย 477 และ 478 ที่หลวงพ่อแนะนำให้เพิ่มอีก 1 แต้ม แต่ปรากฏว่าไม่มีเลข 477 มีแต่เลข 478 และเลข 487 ตนเลยซื้อมาอย่างละใบ จากนั้นพอกลับถึงบ้านจึงนำลอตเตอรี่ใส่ใน ลิ้นชัก โดยไม่รู้ว่าเลขหน้า 3 ตัวเป็นเลขอะไร

    นายบุญเริ่มเล่าอีกว่า พอถึงวันหวยออก พอรู้ว่าเลขท้ายรางวัลที่ 1 คือเลข 487 เลยโทรฯให้นางบุญลำ คำป้อ ภรรยาเปิดลิ้นชักดู เพราะสงสัยจะถูกหวย พอกลับมาถึงบ้านถึงรู้ว่าลอตเตอรี่หมายเลข 258487 ที่ตนซื้อมาถูกรางวัลที่ 1 รับเงินรางวัล 4 ล้านบาท และลูกสาวได้เซ็นชื่อไว้หลังลอตเตอรี่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนจะนำเงินจำนวนหนึ่ง ไปใช้หนี้ที่มีอยู่ 5 แสนกว่าบาท ที่เหลือจะเก็บไว้ในธนาคาร และตนเคยพูดไว้ว่าหาก ถูกรางวัลที่ 1 จะบวช ซึ่งจะหาโอกาสบวชแก้บนเพราะช่วงนี้ตนไม่ว่าง เพราะยังเป็น ส.ท.อยู่ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้เพื่อนบ้านของนายบุญเริ่มยังถูกเลขท้ายข้างเคียงรางวัลที่ 1 อีก 2 คนด้วย.
     
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">หนุ่มลูกจ้างกรมทางหลวงดวงเฮง

    ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 พิเศษ รวย 28 ล้าน กลายเป็นเศรษฐีใหม่เพียงชั่วข้ามคืน เชื่อจตุคามรามเทพดลบันดาลให้มีโชคลาภ เผยเป็นคนผสมมวลสารรุ่น "ทางอัครมหาเศรษฐี" ที่กรมทางฯ จัดสร้าง ขณะคลุกเคล้ามวลสารตั้งจิตอธิษฐาน ซื้อสลากฯ มาเป็นชุด 14 ใบ ถูกตรงเผง เตรียมปรึกษาพ่อแม่วางแผนจัดการเงินรางวัลที่ได้ ด้านแม่ที่อยู่โคราชรู้ข่าวรีบเดินทางมาหาลูกชายที่กรุงเทพฯ ทันที

    เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ว่า

    มีลูกจ้างชั่วคราวของกรมทางหลวงถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 16 ส.ค. หมายเลข 476207 รับเงินรางวัล 28 ล้านบาท จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบหนุ่มผู้โชคดีชื่อ นายยุทธนา ปราณีตพลกรัง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 238/2 ซอยวัดท่าตะโก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

    โดยหนุ่มเศรษฐีใหม่ เปิดเผยว่า

    เป็นลูกจ้างชั่วคราวของกรมทางหลวงมา 8 ปี โดยก่อนหน้านี้ทางชมรมข้าราชการ พนักงานกรมทางหลวง จัดสร้างจตุคามรามเทพ รุ่นทางอัครมหาเศรษฐี กรมทางหลวงจัดหามวลสารต่างๆ มาเพื่อจัดสร้าง จึงรับหน้าที่เป็นคนผสมคลุกเคล้าเนื้อมวลสารต่างๆ เข้าด้วยกัน ในระหว่างที่ผสมคลุกเคล้าอยู่ก็อธิษฐานและภาวนาขอโชคลาภ และด้วยความศรัทธาจึงนำมวลสารที่ผสมมาเสร็จแล้วไปใส่หลอดแก้วสำหรับใส่ตะกรุดแขวนคอ และก็ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 โดยไม่คาดคิด

    นายยุทธนากล่าวว่า

    ในระหว่างที่นั่งฟังผลการออกรางวัล เมื่อรู้ว่าถูกรางวัลที่ 1 ถึงกับขนลุกตัวสั่น ไม่คาดคิด เพราะก่อนหน้านี้ซื้อสลากกินแบ่งฯ ไม่เคยถูกรางวัลเลย แต่หลังจากที่ได้รับหน้าที่ให้ผสมมวลสารสร้างจตุคามฯ โชคดีมาตลอด เคยถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวมาหลายครั้ง แต่ก็ถูกแค่ 1 ใบหรือ 2 ใบ เพิ่งมาซื้อเป็นชุดมาได้ประมาณ 2-3 เดือน โดยซื้อเป็นชุด ชุดละ 14 ใบ จากแม่ค้าลอตเตอรี่ที่มาขายประจำอยู่ในกรมทางหลวง ซื้อเงินเชื่องวดชนงวด แม่ค้าที่มาขายจะมาเก็บเงินของงวดก่อนหน้าแล้วขายงวดใหม่ และงวดที่ซื้องวดนี้ก็ยังไม่ได้จ่ายเงินด้วย ทางแม่ค้าลอตเตอรี่จะมาเก็บเงินค่าลอตเตอรี่ที่ถูกในงวดต่อไป ขณะนี้ไปรับเช็คเงินรางวัลและนำเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเงินอย่างไร ต้องปรึกษาพ่อแม่ก่อน

    ด้านนายธานินทร์ สมบูรณ์ รองผอ.สำนักทางหลวงที่ 2 กรมทางหลวง กล่าวว่า

    นายยุทธนาทำงานมาหลายปี ได้ค่าจ้างวันละ 212 บาท เป็นคนขยัน รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ไม่เคยปฏิเสธคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ดูแลเพื่อนฝูงอย่างดี ไม่กินไม่เที่ยว บางครั้งรับเงินเดือนมาเลี้ยงดูเพื่อนฝูงจนหมด จึงแนะนำให้นำเงินที่ได้ทั้งหมดไปฝากธนาคาร ส่วนหนึ่งให้ซื้อพันธบัตรเพื่อเอาดอกเบี้ยมาใช้จ่าย และนอกจากนายยุทธนาแล้วก่อนหน้านี้ยังมีนายช่างโยธาของกรมทางหลวงอีกคนหนึ่ง เป็นคนร่วมผสมมวลสารจตุคามฯ เคยถูกสลากกินแบ่งฯ รางวัลที่ 3 จำนวน 10 ใบ เมื่อกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา นายช่างผู้นี้บอกว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีโชคลาภมาก่อน แต่หลังจากที่มาร่วมกันผสมมวลสารจตุคามฯ ให้กรมทางหลวงก็เริ่มมีโชคลาภ

    ขณะที่นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ วิศวกรวิชาชีพ 9 วช. สำนักงานวิเคราะห์และตรวจสอบ กรมทางหลวง กล่าวว่า

    สำหรับจตุคามฯ ที่กรมทางหลวงจัดสร้าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้พนักงานกรมทางหลวง และนำไปพัฒนาและบูรณะศาสนสถานของวัด โดยบวงสรวงปลุกเสกมวลสารที่ได้รับมอบครั้งแรกที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช และที่ศาลหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 ก.ค. และวันที่ 20 ส.ค. จะทำพิธีกดนำฤกษ์ที่สำนักทางหลวงที่ 14 จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 23 ต.ค. ปลุกเสกที่ถ้ำฉัตรทันต์บรรพต วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง วันที่ 25 ต.ค. ปลุกเสกบนเรือท้องทะเลอันดามัน จ.กระบี่ วันที่ 26 ต.ค. ปลุกเสกที่ศาลหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช และครั้งสุดท้ายปลุกเสกที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่แขวงการทางทุกแห่ง

    วันเดียวกัน

    ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 238/2 ซอยวัดท่าตะโก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ของนายยุทธนา หนุ่มผู้โชคดี และพบกับนางจันทร์สุดา ปราณีตพลกรัง แม่ของนายยุทธนา ซึ่งกำลังจะเดินทางไปพบนายยุทธนาที่กรุงเทพฯ โดยนางจันทร์สุดากล่าวสั้นๆ ว่า ได้รับแจ้งจากลูกชายทางโทรศัพท์ว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 และรางวัลพิเศษอื่นๆ อีกรวมประมาณ 28 ล้านบาท ลูกชายซื้อลอตเตอรี่ที่กรุงเทพฯ เป็นชุดหลายใบ และเมื่อวันแม่ที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา กลับมาที่บ้านมากราบแม่ สำหรับการวางแผนใช้เงินก็ยังบอกไม่ได้

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า

    เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่นายยุทธนาเดินทางกลับบ้าน ยังนำลอตเตอรี่ฉบับที่ถูกรางวัลมาแบ่งขายให้ญาติที่มาเยี่ยมบ้านแต่ก็ไม่มีใครซื้อ เพราะเห็นว่าเลขไม่สวย แต่เมื่อญาติๆ รู้ว่านายยุทธนาถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลแจ๊กพอต รวม 28 ล้านบาท ญาติทุกคนบ่นเสียดาย แต่ก็แสดงความดีใจกับนางจันทร์สุดา โดยจัดเลี้ยงฉลองดื่มกินกันเมื่อคืนวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านหลานของนางจันทร์สุดา ที่ปลูกอยู่ติดกัน

    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG] </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext align=left colSpan=2><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>
    [​IMG]
    [​IMG] 73181.jpg
    [​IMG]
    [​IMG] 73183.gif
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">อยุธยาพบพระพุทธรูปปาง"พยาบาลภิกษุอาพาธ"พักตร์อ่อนหวานคล้ายเจ้าแม่กวนอิมอุ้มพระสงฆ์ อีกองค์"ปางเรียกรับโชค" เผยเคยมีคนขอโชคลาภถูกรางวัลที่1

    วันที่ 24 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่วัดขนอนเหนือ ริมถนนสายเอเซีย หลัก กม.12 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระพุทธรูปปางพิสดาร จึงรุดไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าว พบพระพุทธรูปตั้งอยู่ด้านข้างอุโบสถของวัดประดิษฐานอยู่บนซุ้มปูนปั้นทรงไทยยกฐานสูงจากพื้นดินประมาณ 180 เซนติเมตร ลักษณะของพระพุทธรูปปางพยาบาลอยู่ในท่านั่งเข่าขวาตั้งชัน สูงประมาณ 2 เมตร ไว้ผมมวย มีลักษณะพระพักต์อ่อนหวานคล้ายกับเจ้าแม่กวนอิม ในอุ้งมือมีรูปปั้นพระสงฆ์นอนอยู่ในลักษณะคล้ายกับอาพาธหรือนอนป่วย ที่ฐานชุกวีด้านหน้า เขียนข้อความเป็นปูนปั้นว่า "พระพุทธรูปจริยาปางพยาบาลภิกษุอาพาธ"

    พระปลัดเนตร โกสโร เจ้าอาวาสวัดขนอนเหนือ กล่าวถึงความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้ ว่า เจ้าอาวาสรูปเดิมได้สั่งให้ช่างปั้นชื่อหริ อยู่ที่บ้านหว้า หมู่ 4 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมวัดต่างสงสัยเข้ามาสอบถามกันบ่อยครั้ง ซึ่งขณะนี้ทางวัดกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมประวัติเพื่อจดบันทึกไว้เป็นประวัติของวัดด้วย เนื่องจากวัดขนอนมีความเป็นประวัติศาสตร์สืบต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในอุโบสถยังมีจิตกรรมฝาผนัง เล่าเรื่องราวสมัยกรุงศรีอยุธยาที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาไว้เป็นหลักฐานด้วย

    ด้านนายศิริ ภาคาหาญ อายุ 75 ปี หรือหริ ช่างปั้นพระพุทธรูปปางพยาบาล กล่าวว่า สมัยเป็นหนุ่มอายุประมาณ 30 ปี พระครูพิศาลวิมลกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดขนอนเหนือ ไปพบภาพพระพุทธรูปปางอาพาธและเห็นว่าแปลกดี จึงได้นำรูปภาพพระดังกล่าวมาให้ปั้น เพื่อให้ชาวบ้านสักการะบูชารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ชาวบ้านได้ ชาวบ้านก็ศรัทธาเข้ามากราบไหว้บูชาขอบารมีรักษาโรคภัยไข้เจ็บหายได้ เพราะเชื่อว่าพระพุทธเจ้าผู้มีเมตรามารักษาโรคให้ ระหว่างปั้นได้มีชาวบ้านนำพระเครื่องหลายองค์มาบรรจุไว้ที่เศียรและหน้าอกด้วย แต่ไม่ทราบว่าจำนวนเท่าใด

    นายศิริ กล่าวอีกว่า หลังจากปั้นพระพุทธรูปปางพยาบาลกลายเป็นที่โจษขานของชาวบ้านแล้ว ในปี 2522 เรื่องดังกระฉ่อนไปถึงพระช่วง อาจินตโน แห่งวัดบ้านหว้า ถนนสายเอเชีย กม.11 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน ได้ว่าจ้างให้ตนปั้นพระพุทธรุปปางเรียกรับโชคขึ้นอีก 1 องค์ โดยเจ้าอาวาสวัดบ้านหว้าได้นำเศียรพระพุทธรูปเก่า เนื้อหินทะเลที่ชาวประมงปากอ่าวไทย ลากติดอวนได้มา นำมาให้ตนเองต่อเป็นองค์ เป็น "พระปางเรียกรับโชค" นำไปตั้งประดิษฐานไว้ที่ปากทางเข้าวัดบ้านหว้าริมถนนสายเอเซีย โดยกำหนดให้มือขวาอยู่ในลักษณะกวักมือเรียกเขาหาตัว ส่วนมือซ้ายปั้นในลักษณะแบมือรับโชค หรือ อุ้มโชคไว้ องค์พระอยู่ในท่ายืนสงบนิ่ง สูงรวม 2 เมตร

    เมื่อปั้นเสร็จแล้วพบว่าชาวบ้านให้ความสนใจเข้ามากราบไหว้เป็นจำนวนมากเพื่อขอบารมีโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น จนได้มีเศรษฐีถูกหวยรางวัลที่ 1 จังหวัดกำแพงเพชร ทั้งนี้ พอสร้างพระพุทธรูปปางรับโชค เสร็จได้ไม่นานทางวัดบ้านหว้าได้ทำการก่อสร้างอุโบสถหลังใหญ่มูลค่ากว่า 30 ล้านบาทจนแล้วเสร็จเพียงปีเศษ เพราะได้เงินเข้ามาวัดเป็นจำนวนมาก

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    มติชน
    [​IMG] </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext align=left colSpan=2><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>
    [​IMG]
    [​IMG] 8210100_81.jpg
    [​IMG]
    [​IMG] 50827200_24.jpg
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...