คนที่เป็นนักดนตรี ตามผับต่างๆแต่ชอบทำบุญจะไปสวรรค์ชั้น 6 ได้ไหม

คืออยากรู้อ่ะครับ เพราะปัจจุบันนี้มีดารา นักแสดงหลายๆท่านมาก

ผมมองว่าถ้าพวกเขาตกนรกคงไม่เป็นธรรมอย่างมาก

และถ้ายิ่่งเขาชอบทำบุญด้วยแล้วคงไม่เป็นธรรมใหญ่

ผมเลยใคร่อยากถาม หรือขอความคิดเห็นครับ

ว่าถ้านักดนตรีหรือนักแสดงที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่าต้องตกนรกชั้น ปหาสะ

ซึ่งกระตุ้นกำหนัดผู้อื่นนั่นเอง แต่ถ้าเขาทำบุญไว้มากๆๆๆ หวังจะไปปรนิมมิตวสวัสดีภูมิเขาจะไปได้ไหม คืออยากรู้จริงๆ

ปล.และผมก็ถามแทนผู้ที่ทำอาชีพแนวๆนี้ด้วยอ่ะครับ ขอบคุณครับ

 

ผมว่าคนละเรื่องกันนะ

เป้นนักดนตรีบาปตรงไหนครับ อาชีพสุจริตครับ

 

ผมว่าอาจจะได้เป็นวิทยาธรณ์ หรือคนธรรพ์มากกว่านะครับ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกประการใดก้อขออภัยด้วยครับ
...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...

 

ตามเหตุตามปัจจัยครับ

 

นรกของผู้มีอาชีพนักแสดง (ตาลปุตตสูตร) 29/181/3 เล่มสีน้ำเงิน 29/172/24 เล่มสีแดง
พระไตรปิฎก และอรรถกถาแปล ชุด 91 เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์พุทธศักราช ๒๕๒๕ และฉบับตรวจชาระใหม่พุทธศักราช ๒๕๔๖

สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน ครั้งนั้นพ่อบ้านนักเต้นรำ นามว่า ตาลบุตร เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงที่ประทับ แล้วได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เคยได้ยิน คำของนักเต้นรำผู้เป็นอาจารย์และโบราณาจารย์ ก่อนๆ กล่าวว่า นักเต้นรำคนใด ทำให้คนหัวเราะรื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง กลางสถานเต้นรำ กลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า จะตรัสอย่างไรพระเจ้าข้า ”

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ อย่าเลยนายคามณี จงหยุดคำถามนี้เสียเถิด ท่านจงอย่าได้ถามคำถามนี้กับเราเลย ”

เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสแล้ว ทำให้พ่อบ้านหัวหน้านักเต้นรำ เกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก จึงได้พยายามถามเป็นครั้งที่ 2 แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสอย่างเดิม พ่อบ้านก็คะยั้นคะยอ ถามเป็นครั้งที่ 3

พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า “ ดูก่อนนายคามณี เราคงจะห้ามท่านเกี่ยวกับคำถามข้อนี้ไม่ได้แล้ว เอาล่ะ เราจะพยากรณ์ให้ท่านทราบ ดูก่อนนายคามณี เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลาย ยังไม่ปราศจากราคะ โทสะ โมหะ อันมีกิเลสเป็นเครื่องผูกราคะ โทสะ โมหะ เข้าไว้ ซึ่งนักเต้นรำเป็นผู้ที่รวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมะ อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ยิ่งจะทำให้สัตว์โลกเหล่านั้น มีความกำหนัดมากยิ่งขึ้น นักเต้นรำนั้น ตนเองก็เป็นผู้มัวเมาประมาทอยู่แล้ว และยังตั้งอยู่ในความประมาทอีก เมื่อแตกกายตายไป เขาย่อมบังเกิดในนรกที่ชื่อว่า ปหาสะ …… ”

ธรรมดานรกที่มีชื่อว่า ปหาสะนั้น เป็นส่วนหนึ่งของ อเวจีมหานรก นั่นเอง

การไปกำเนิดในภพใหม่ขึ้นกับกรรมนี้ตามลำดับ

1. อนันตริยกรรม จะให้ผลก่อน
2. อาสันนกรรม การที่ดวงจิตสุดท้ายก่อนเสียชีวิตระลึกถึงความดีหรือความชั่วที่ได้เคยทำมา
3. อาจินณกรรม ดวงจิตจดจ่อกับงานแสดงที่ทำเป็นประจำมาก่อน

 

ด้วยความเคารพ ท่าน johappy บาป ครับ รายละเอียดนี่ผมจำได้เลาๆ
ลองๆหาดูในกระทู้เก่าๆนะครับ

 

อืมผมก็เป็นนักดนตรีครับก็กังวลเหมือนกันแต่ผมไม่ชอบเที่ยวผับหรอกนะครับ แต่ผมได้อ่านคำสอนของหลวงพ่อท่านหนึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นหลวงพ่อฤาษีหรือไม่ท่านว่าไว้ ประมาณว่าถ้าไม่มีบุญกุศลอื่นพวกนักแสดง ศิลปินนี่ลงนรกแน่นอน จงคิดเสียว่าเราทำตามหน้าที่ศิลปินไม่ใช่เจตนาจะให้เขาลุ่มหลงในเรา ก็จะมีโอกาสรอดได้อะไรประมาณนี้ (ขออภัยครับ)
ส่วนตัวผมคิดว่าจิตก่อนตายสำคัญที่สุด และผมยึดมั่นในพระรัตนตรัยแค่นี้ผมก็อุ่นใจแล้วครับ
ป.ล. ทุกวันนี้ก็ถามตัวเองอยู่ครับว่าเล่นดนตรีไปเพื่ออะไร ก็ตอบได้ว่าส่วนหนึ่งแล้วเล่นเพื่อความเพลิดเพลินสนองกิเลสตนเองแล้วก็เลี้ยงชีพน่ะครับ (เป็นครูสอนดนตรี)
ป.ล. มีอาชีพอื่นให้ทำก็ทำครับ แต่ตอนนี้ผมยังเรียนไม่จบ (เรียนคณะดนตรีด้วย) และไม่คิดว่าจะเล่นดนตรีไปจนแก่นะ เพราะมันอุดมไปด้วยกิเลสจริงๆ

อนุโมทนากับกระทู้ดีๆ

 

ไม่ได้มีเจตนาอื่นนะครับแค่เตือนนะครับ จะได้ไม่เห็นผิด เดี๋ยวจะเป็นมิจฉาทิฏฐินะครับ เพราะในคำสอนก็มีบอกไว้อยู่นะครับ

 

นักแสดงควรทำบุญกิริยาวัตถุให้มากไว้ โดยเฉพาะข้อภาวนา ถ้าได้ฌาณหรือญาณก็จะเป็นครุกรรมและสามารถรักษาจิตไว้ขณะเสียชีวิต จะได้ไปสู่สุขคติตามกุศลกรรมนั้น

 

ประโยคสุดท้ายนี่เด็ดมากครับ เพราะมันอุดมไปด้วยกิเลสจริงๆ สาธุ สาธุ ดีแล้ว ดีแล้ว

 

แล้วคนที่ทำธุรกิจเกี่ยว ผับ บาร์ คาเฟ่ รวมถึงร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล จะบาปและเป็นการสร้างกรรมหรือไม่ครับ ?

ถ้าบาปจะบาปขนาดไหน ตกนรกระดับไหน จะเป็นกรรมติดตัวไปยังภพภูมิหรือชาติต่าง ๆ หรือไม่?

 

อันนี้ผมเคยอ่านเจอครับ ผมบอกได้เลยบาประดับนึงเลยทีเดียว หนักกว่านักดนตรี นักแสดง หลายๆเท่าครับ เพราะเป็นสถานที่อโคจร ที่พระพุทธเจ้าตรัสห้ามไปครับ