ความรู้เรื่อง พระยอดธงพระเจ้าตาก วัดพลับ บางกะจะ จันทบุรี

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย วุธ จันทบุรี, 16 พฤษภาคม 2017.

  1. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    b25-05-15-21-38-34-1.jpg
    พระเครื่องที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสร้าง

    พระยอดธง"พระเจ้าตาก" กรุวัดพลับ บางกะจะ จันทบุรี

    พระเครื่อง เป็นประติมากรรมที่จำลองรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้มีขนาดเล็ก เพื่อสามารถนำติดตัวไปบูชา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ ความเป็นสิริมงคล และเป็นเครื่องคุ้มครองภยันตรายต่างๆ รวมไปถึงการสืบพระพุทธศาสนา ดังจะเห็นได้ว่า แต่ละเมือง แต่ละจังหวัดที่มี ประวัติศาสตร์อันยาวนานมักจะมีการสร้างพระเครื่องอันมี ศิลปะและเอกลักษณ์ของแต่ละเมืองไว้เป็นพุทธานุสรณ์ อาทิ เมืองลำพูนก็มี พระรอด พระคง ศิลปะสกุลช่างหริภุญไชย, พระซุ้มกอ เมืองกำแพงเพชร, พระหูยาน ลพบุรี หรือ พระร่วง เมืองศรีสัชนาลัย สุโขทัย เป็นต้น

    ทางด้านชายฝั่งทะเลตะวันออก ก็มีของดีไม่น้อยหน้าเมืองใดโดยเฉพาะจังหวัดจันทบุรี ดินแดนที่อุดมไปด้วย พืชพันธุ์ธัญญาหาร ผลไม้หลากหลายชนิด แหล่งกำเนิดพลอย ที่โด่งดังไปทั่วโลก และเป็นเมืองสำคัญที่มี บันทึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของชาติไทย นอกจากนี้ เมืองจันทบุรี ยังมีพระเครื่องอันโด่งดัง
    ประจำจังหวัดอีกด้วย ที่รู้จักกันในนาม "พระยอดธง พระเจ้าตาก วัดพลับ บางกะจะ" ที่มาของ พระยอดธง พระเจ้าตาก วัดพลับ บางกะจะ มีที่มาเกี่ยวเนื่องกับ ประวัติศาสตร์การกู้ชาติของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อย่างไร ทำไมจึงเรียก พระยอดธง นี้ว่า พระยอดธงพระเจ้าตาก มีมูลเหตุดังนี้

    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีพระนามเดิมว่า สิน เป็นคนไทยเชื้อสายจีน พำนักอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้เข้ารับราชการทาง หัวเมืองเหนือ มีความดีความชอบจ นได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าเมืองตาก พุทธศักราช ๒๓๐๙ พม่ากรีฑาทัพ มาล้อมกรุงศรีอยุธยา พระยาตาก ถูกเกณฑ์ลงมาช่วยรักษาพระนคร ได้เป็นผู้นำต่อสู้กับพม่า อย่างเข้มแข็ง รักษาพระนคร ไม่ให้พม่าบุกเข้ากรุงได้ มีความดีความชอบ ได้เลื่อนยศเป็น พระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ถึงคราวชะตา บ้านเมืองถึงกาลวิบัติ จึงดลบันดาลให้ พระเจ้าเอกทัศน์ เกรงสนมกรม ในแก้วหูแตกมากกว่ากลัวจะเสียกรุง จึงออกคำสั่งว่า ผู้ใดจะยิงปืนใหญ่ต้อง ขออนุญาตจากศาลาลูกขุนเสียก่อน พระยาวชิรปราการ ซึ่งบัญชาการอยู่ทางด้านตะวันออก เห็นพม่ารุกไล่เข้ามา ก็ยิงปืนใหญ่ต่อสู้โดยพละการ ไม่ได้ขออนุญาตจากศาลาลูกขุน มีโจทย์ฟ้องแทบถูกลงโทษ แต่ด้วยเคยมีความดีความชอบมาก่อน จึงโดนภาคทัณฑ์ไว้ นับเป็นความโง่เขลาเบา ปัญญาของชนชั้นปกครองในขณะนั้น ด้วยเหตุนี้ ทำให้พระยาวชิรปราการ เกิดความท้อแท้ และเล็งเห็นว่า กรุงศรีอยุธยาคงจะแตกในไม่ช้า อยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ จึงได้รวบรวมสมัครพรรค พวกรวม ๕๐๐ คน ตีฝ่าทัพพม่าออกไป
    ทางด้านตะวันออก พม่าได้ส่งทหารจำนวน ๒,๐๐๐ คน ออกติดตามไปทันกัน ที่บ้านโพธิสังหาร พระยาตากและ พรรคพวกก็ต่อสู้เป็นสามารถ ฆ่าฟันทหารพม่าล้มตาย เป็นจำนวนมาก จากนั้นได้พาไพร่พลไปตั้งมั่นอยู่ที่บ้านพรานนก และได้รบกับพม่าที่ดงศรีมหาโพธิ์ จนได้รับชัยชนะอีกครั้ง และออกเดินทางไปจนถึงเมืองปราจีนบุรี ตลอดทางที่ผ่านราษฎรที่ทราบข่าว จึงพากันมาขอเป็นสมัครพรรคพวกจำนวนมาก พระยาตาก ยกทัพลงไปถึงเมืองจันทบุรี แต่ พระยาจันทบุรี ไม่ยอมอ่อนน้อม กลับปิดประตูเมืองสั่งทหารเข้าประจำหน้าที่ ทำการป้องกันอย่างเข้มแข็ง พระยาตากได้ล้อมเมืองจันทบุรี อยู่เป็นเวลานานยังไม่สามารถหักเอาเมืองได้ ทางฝ่ายพระยาจันทบุรีถึงแม้จะมีไพร่พลมากกว่า แต่ก็มิกล้านำพลออกรบเพราะครั่นคร้ามต่อกิตติศัพท์ด้านการรบของทัพพระยาตาก สืบต่อมาวันหนึ่ง หลังจากทหารหุงข้าวเย็นกินกันเป็นที่เรียบร้อย จึงมีบัญชาให้ทหารทุบหม้อข้าวและ เทอาหารที่เหลืออยู่ทั้งหมดทิ้งเสีย แล้วกล่าวว่า ถ้าไม่สามารถบุกเข้ายึด เมืองจันทบุรีในคืนนี้ให้ได้ ก็มีหวังอดตายด้วยกัน ...นับเป็นกุศโลบายอันลึกล้ำและเลื่องลือมาจนกระทั่งทุกวันนี้ พอย่ำค่ำ พระยาตากจึงให้ทหารเข้าประจำหน้าที่คอยฟังสัญญาณปืน ทำการเข้าปล้นเมืองเมื่อได้เวลายามสาม พระยาตากขี่ช้างชื่อ ช้างพังคีรีบัญชร ให้ยิงปืนเป็นสัญญาณเข้าปล้นเมืองพร้อมกัน พระยาตากขับช้างเข้าพังประตูเมือง ข้าศึกยิงกระสุนต่อต้าน ท้ายช้างกลัวพระยาตาก จะเป็นอันตรายจึงบังคับช้างให้ถอยออกมา พระยาตากโกรธมากชักดาบ จะฆ่าท้ายช้างให้ตาย แต่ท้ายช้างขอชีวิตไว้ จึงขับช้างเข้าพังประตูทลายลง ทหารก็กรูเข้าเมืองได้ ชาวเมืองพากันแตกตื่นตกใจ ไม่คิดต่อสู้ขัดขืน ...
    พระยาตากจึงสามารถตีเมืองจันทบุรีได้ในคืนนั้น หลังจากนั้น พระยาตากจึงเกลี้ยกล่อมให้ผู้คนที่แตกตื่นหนีภัย ให้กลับมาอยู่ตามภูมิลำเนาเดิม ทำการจัดเมืองจันทบุรีให้สงบเรียบร้อย จึงได้รวบรวมไพร่พล ฝึกกองทัพให้กล้าแข็ง และต่อเรือไว้ใช้ในการศึกเตรียมการกู้อิสรภาพ

    พระยาตาก เป็นผู้ที่เลื่อมใสและ ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่งถึงแม้จะมีภาระในการปกครองบ้านเมือง ก็มิได้ลืมทำนุบำรุง พระพุทธศาสนา โดยจะเห็นได้จากการไปปราบก๊ก พระยานครศรีธรรมราช เวลากลับได้สั่งให้นำ พระไตรปิฎก มาคัดลอกไว้ แล้วส่งต้นฉบับคืน
    ณ ตำบลบางกะจะ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี อันเป็นบริเวณที่พระยาตาก ส้องสุมรี้พลต่อเรือรบ ปัจจุบันยังปรากฏหลักฐานป้อมค่ายต่างๆ ใต้บริเวณดังกล่าว เป็นที่ตั้งวัดสำคัญ เรียกกันว่า วัดพลับ กล่าวกันว่า เป็นวัดที่พระยาตากได้สร้างพระเจดีย์และ บรรจุพระเครื่องชนิดหนึ่งไว้เป็นพุทธานุสรณ์ ในการที่รบได้ชัยชนะพระเครื่องดังกล่าวนิยมเรียกว่า "พระยอดธงพระเจ้าตาก"

    พระยอดธงพระเจ้าตาก เป็นพระหล่อแบบโบราณ พุทธลักษณะองค์พระเป็น แบบลอยองค์ประทับนั่งไม่มีอาสนะหรือฐาน มีทั้งแบบปางมารวิชัยและปางสมาธิ ที่ใต้องค์พระจะปลายกฏเดือยลักษณะเป็นแท่งกลมยื่นออกมาพอประมาณ รายละเอียดขององค์พระไม่ค่อยจะมีความประณีตงดงามนัก พระเนตร (ตา) พระนาสิก (จมูก) ไม่ค่อยติดชัดเจนพอเห็นเป็นเค้าเท่านั้น ส่วนพระโอษฐ์จะเป็นเหมือนรอยเส้นเว้าลึกลงไปในเนื้อ เท่าที่พบมี ๒ ขนาดด้วยกันคือ พิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์เล็ก ในด้านเนื้อหาของ พระยอดธงพระเจ้าตาก นี้
    เป็นพระที่สร้างด้วยเนื้อชินเงิน แต่ส่วนมากผิวพระจะเกิดสนิมขุมกัดกร่อน มีรอยร้าวระเบิดแตกปริ สนิมจัดที่เรียกกันว่าสนิมตีนกานับเป็นพระเครื่องที่น่าภาคภูมิใจของจังหวัดจันทบุรีอีกพิมพ์หนึ่ง

    ประวัติวัดพลับ บางกะจะ จันทบุรี

    วัดพลับ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางกะจะ อ.เมือง เป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี ตามหลักฐานทางโบราณคดีสันนิษฐานว่า พื้นที่ชุมชนวัดพลับและบ้านบางกะจะ เป็นชุมชนโบราณ คงมีอายุในราว พ.ศ. 2300 วัดนี้นามเดิมว่า "วัดสุวรรณตัมพรุธาราม" แปลว่าอารามที่มีผลมะพลับทองเนื่องจากมีต้นมะพลับสาขา ใหญ่โต เมื่อเวลามีผลสุกจะเหลืองอร่ามเหมือนสีทอง ต่อมาประชาชนนิยมเรียกว่า "วัดพลับ"
    เป็นบริเวณที่กองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราชได้ใช้พักไพร่พล สิ่งก่อสร้างในวัดมีด้วยกันหลายสมัย มีสิ่งสำคัญคือ ตู้พระไตรปิฏกไม้ลงรักปิดทองเขียนลายรดน้ำ ศิลปะแบบอยุธยาตอนปลาย เจดีย์ทรงปรางค์
    หอไตรกลางน้ำซึ่งสร้างเป็นอาคารไม้เสารองรับหลังคาเป็นของเดิม มีเขียนลายรดน้ำปิดทอง อายุเก่ากว่าสมัยก่อนอยุธยา เจดีย์กลางน้ำเป็นเจดีย์ทรงระฆัง รูปแบบ รัตนโกสินทร์ วิหารไม้หลังคาทรงจตุรมุขที่มีอายุนับร้อยปี ภายในประดิษฐานพระประธานปางทุกรกิริยา ซึ่งแตกต่างจากวัดทั่วไปตรงที่มักจะมีพระประธานปางมารวิชัย วิหารนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน เมื่อครั้งเสด็จเมืองจันทบุรีและพระอุโบสถแห่งนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ปลุกเสกมุรธาภิเษกหรือน้ำพระพุทธมนต์
    สำหรับรดพระเศียรในงานราชาภิเษกของพระมหากษัติย์ราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ในสมัยต้นราชวงศ์จักรี ด้านหลังวัดเคยมี " สำซ่าง "ซึ่งเป็นที่เผาศพแบบโบราณ ที่เชื่อว่าเหลืออยู่ที่วัดนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ในเจดีย์วัดพลับนี้ มีพระยอดธงบรรจุอยู่ ต่อมาเจดีย์ได้แตกออกปรากฎว่ามีพระยอดธงเป็น จำนวนมากซึ่งมีอภินิหารป้องกันภัยได้ทั้งภาคพื้นดินและอากาศรวมถึงในน้ำ จนหมู่นักเลงพระกล่าวขานขนานนามว่าพระยอดธงดีต้องพระยอดธงพระเจ้าตากของ วัดพลับ บางกะจะ
    ( ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันที่ 3 มิถุนายน 2546 )

    จากหนังสือหลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน

    ไม่ใช่แต่พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเท่านั้น
    ที่พบความมหัศจรรย์ของบทคาถาพาหุงมหากา
    แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ทรงพบเช่นกัน
    โดยมีบันทึกโบราณบอกไว้ว่าดังนี้

    "เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชตีเมืองจันทบุรีได้แล้ว ก็ทรงเห็นว่าสงครามการกู้ชาติ
    ต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาว จึงทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระยอดธง
    แบบศรีอยุธยาขึ้น แล้วนิมนต์พระเถระทั้งหลายมาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้
    ในองค์พระ และพระองค์ก็เจริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    ด้วยการเจริญพาหุงมหากาจึงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ"

    มูลเหตุแห่งการค้นพบพระชัยมงคลคาถา
    โดยหลวงพ่อจรัญวัดอัมพวัน
    เมื่ออาตมาได้พบกับสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว....

    คืนหนึ่งอาตมานอนหลับ แล้ว ฝันไปว่า อาตมาได้เดินไปในสถานที่แห่งหนึ่ง ได้พบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งครองจีวรคร่ำ สมณสารูปเรียบร้อยน่าเลื่อมใส อาตมาเห็นว่าเป็นพระอาวุโส ผู้รัตตัญญู จึงน้อมนมัสการท่าน ท่นหยุดยืนตรงหน้าอาตมา แล้วกล่าวกับอาตมาว่า

    "ฉันคือสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้วแห่งกรุงศรีอยุธยา ฉันต้องการให้เธอไปที่วัดใหญ่ชัยมงคลเพื่อดูจารึก ที่ฉันได้จารึกถวายพระเกียรติแด่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้เป็นเจ้า เนื่องในวาระที่สร้างพระเจดีย์ฉลองชัยชนะ เหนือพระมหาอุปราชแห่งพม่า และประกาศความเป็นอิสระของประเทศไทย จากหงสาวดีเป็นครั้งแรก เธอไปดูไว้แล้วจดจำมาเผยแพร่ออกไป ถึงเวลาที่เธอจะได้รับรู้แล้ว"

    ในฝันอาตมารับปากท่าน ท่านก็บอกตำแหน่งที่บรรจุให้ แล้วก็ตกใจตื่นตอนใกล้รุ่ง อาตมาก็ทบทวนความฝัน ก็นึกอยู่ในใจว่า เราเองนั้น กำหนดจิตด้วยกรรมฐาน มีสติอยู่เสมอ เรื่องฝันฟุ้งซ่านเป็นไม่มี อาตมาก็ได้ข่าวในวันนั้นแหละว่า ทางกรมศิลปากรทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ใหญ่ ในวัดใหญ่ชัยมงคล และจะทำการบรรจุพระบรมธาตุที่ยอดพระเจดีย์ อันเป็นนิมิตหมายการสิ้นสุดการบูรณะ แล้วจะรื้อนั่งร้านทั้งหมดออกเสร็จสิ้น

    อาตมาจึงได้ขอร้อง ดร.กิ่งแก้ว อัตถากร บอกนายภิรมณ์ ชินเจริญ ให้เลื่อนการปิดยอดบัวไปอีกวันหนึ่ง เพื่อที่อาตมาจะได้นำพระซุ้มเสมาชัย ซุ้มเสมาขอที่อาตมาได้สร้างขึ้น ตามแบบดั้งเดิมที่พบในเจดีย์ใกล้กับวัดอัมพวัน ซึ่งพังลงน้ำ ที่ก๋งเหล๋งเป็นคนรวบรวมเอามาให้อาตมา ตั้งแต่เมื่อเริ่มมาพัฒนาวัดใหม่ ๆ แต่แตกหัก ผุพัง ทั้งนั้น หลายสิบปี๊บ อาตมาได้ป่นเอามาผสมสร้างเป็นองค์พระใหม่ไปร่วมบรรจุไว้ที่ยอดพระเจดีย์บ้าง

    วันนั้นอาตมาเดินทางไปถึง ก็ได้เดินขึ้นไปบนเจดีย์ตอนที่สุดบันได แล้วมองเห็นโพรงที่ทางเข้าทำไว้สำหรับลงไปด้านล่าง มีร้านไม่พอไต่ลงไปภายใน ตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่า ลงไปคราวนี้ ถ้าพลาดตกลงไปจากนั่งร้านไม้ ก็ยอมตาย คนที่ร่วมเดินทางมา เขามัวแต่ไปบนลานชั้นบน อาตมาก็ดิ่งลงไปชั้นล่าง มีไฟฉายดวงหนึ่ง เวลานั้นประมาณ ๙.๐๐ น. อาตมาลงไปภายในพบลานทองคำ ๑๓ ลาน ดังที่สมเด็จพระพนรัตน์ได้บอกไว้จริง ๆ อาตมาจึงได้พบว่า แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ท่านได้จารึกถวายพระพร ก็คือ บทสวดมนต์ที่เรียกว่า "พาหุง มหาการุณิโก" ท้ายของนิมิตนั้นระบุว่า "เราสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ศรีอโยธเยศ คือผู้จารึกนิมิตรจนาเอาไว้ ถวายพระพรแด่พระมหาบพิตรเจ้า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช"

    พาหุงมหาการุณิโก คืออะไร

    พาหุงมหากา คือ บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แล้วก็ พรพาหุงอันเริ่มด้วย พาหุงสะหัส จนไปถึง ทุคคาหะทิฏฐิ แล้วเรื่อยไปจนถึง มหาการุณิโกนาโถหิตายะ และจบลงด้วย "ภะวะตุสัพพะมังคะลัง สัพพะพุทธา สัพพะธรรมา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต" อาตมาเรียกรวมกันว่า "พาหุงมหากาฯ"

    อาตมาจึงเข้าใจในบัดนั้นเองว่า บทพาหุงนี้คือ บทสวดมนต์ที่ สมเด็จพระพนรัตน์ วัด ป่าแก้ว ได้ถวายให้พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไว้สวดเป็นประจำ เวลาอยู่กับพระบรมราชวัง และในระหว่างศึกสงคราม จึงปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ทรงรบ ณ ที่ใดทรงมีชัยชนะอยู่ตลอดมา มิได้ทรงเพลี่ยงพล้ำเลย แม้จะเพียงลำพังสองพระองค์กับสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า ท่ามกลางกองทัพพม่า ด้วยการกระทำยุทธหัตถี มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา ณ ดอนเจดีย์ปูชนียสถาน แม้ข้าศึกจะยิงปืนไฟเข้าใส่พระองค์ในตอนที่เข้ากันพระศพของพระมหาอุปราชาออกไปราวกับห่าฝนก็มิปาน แต่ก็มิได้ต้องพระองค์ ด้วยเดชะพาหุงมหากา ที่ทรงเจริญอยู่เป็นประจำนั่นเอง อาตมาได้พบตามที่นิมิตแล้วก็ไต่ขึ้นมาด้วยความสบายใจ ถึงปากปล่องที่ลงไป เนื้อตัวมีแต่หยากไย่ เดินลงมาแม่ชีเห็นเข้ายังร้องว่า หลวงพ่อเข้าไปในโพรงนั่นมาหรือ แต่อาตมาไม่ตอบ

    ตั้งแต่นั้นมา อาตมาจึงสอนการสวดพาหุงมหากาฯ ให้แก่ญาติโยมเป็นต้นมา เพราะอะไร เพราะพาหุงมหากานั้น เป็นบทสวดมนต์ที่มีค่ามากที่สุด มีผลดีที่สุด เพราะเป็นชัยชนะอย่างสูงสุดของพระบรมศาสดา จากพญาวัสดีมาร จากอาฬาวกะยักษ์ จากช้างนาฬาคีรี จากองคุลิมาล จากนางจิญมานวิกา จากสัจจะกะนิครนธ์ จากพญานันโทปนันทนาคราช และท่านท้าวผกาพรหม เป็นชัยชนะที่พระพุทธองค์ทรงได้มา ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ และด้วยอำนาจแห่งบารมีธรรมโดยแท้ ผู้ใดได้สวดไว้เป็นประจำทุกวัน จะมีชัยชนะ มีความเจริญรุ่งเรือง ตลอดกาลนาน มีสติระลึกได้จะตายก็ไปสู่สุคติภูมิ

    ขอให้คุณโยมช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วยนะ ว่าให้สวดพาหุงมหากากันให้ถ้วนหน้า นอกจากจะคุ้มตัวแล้วยังคุ้มครอบครัวได้ สวดมาก ๆ เข้า สวดกันทั้งหลายประเทศ ก็ทำให้ประเทศมีแต่ความรุ่งเรือง พวกคนพาลสันดานหยาบก็แพ้ภัยไปอย่างถ้วนหน้า

    ไม่เพียงแต่พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเท่านั้น ที่พบความมหัศจรรย์ของพบพาหุงมหากา แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงพบเช่นกัน โดยมีบันทึกโบราณบอกไว้ดังนี้

    "เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชตีเมืองจันทบุรีได้แล้วก็ทรงเล็งเห็นว่า สงครามกู้ชาติต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาว จึงทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระยอดธงแบบศรีอยุธยาขึ้น แล้วนิมนต์พระเถระทั้งหลายมาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้ในองค์พระ และพระองค์ก็ทรงเจริญรอยตาม พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยการเจริญพาหุงมหากา จึงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ"

    อานิสงส์ของการสวดพระชัยมงคลคาถา และพุทธคุณ

    ที่มาของบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถา อาตมาได้ตำราเก่าแก่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นใบลานทองคำจารึกของ "สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว" ปัจจุบันเรียกว่า วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา ได้รจนาถวายพระพรชัยมงคลคาถาแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระพนรัตน์เป็นอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    อานิสงส์ของบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากาฯ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไม่เคยแพ้ทัพ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไม่เคยแพ้ทัพ นั้นมาจากบทพาหุงมหากาฯ

    ผู้ใดสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากาฯ เป็นประจำทุก ๆ วันแล้ว มีแต่ชัยชนะทุกประการ เรียนหนังสือก็เกิดปัญญา มีแต่ความเก่งกล้าสามารถ ผู้ใดสวดทุกเช้าค่ำ คิดสิ่งใดที่ดีเป็นมงคล จะสมความปรารถนาทุกประการ

    "สวดมนต์เป็นนิจ อธิษฐานจิตเป็นประจำ อโหสิกรรมเสียก่อนและเราก็แผ่เมตตา
    มีเมตตาดีแล้ว ได้กุศลแล้วเราก็อุทิศเลย"

    พาหุงมหากาฯ" บทสวดที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    ทรงสวดก่อนทำศึกสงคราม

    ๑. พาหุงสะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง เมื่อพญามารเนรมิตแขนมากเป็นพัน ถืออาวุธในมือ
    คิริเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ขี่ช้างคิริเมขละ สะพรึบพร้อมด้วยกองทัพอันน่าสะพรึงกลัว
    ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยทานบารมีเป็นต้นอันชอบธรรม
    ตันเตชะสา ภะวะ เม* ชะยะมังคะลานิ ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๒. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง เมื่ออาฬวกยักษ์ผู้ดุร้าย หยาบช้า และโหดเหึ้ยม
    โฆรัง ปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง เข้ามาราวีตลอดทั้งคืนยิ่งกว่าพญามาร
    ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยการใช้พระขันติเป็นอุบายสั่งสอน
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๓. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง เมื่อพญาช้างนาฬาคิรีตกมันหนักดุร้ายเหลือ
    ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง แล่นเข้ามาราวกับไฟไหม้ป่า ดุจจักราวุธ เหมือนฟ้าผ่า
    เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยน้ำพระเมตตา
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๔. อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะ สุทารุณันตัง เมื่อโจรองคุลีมารผู้ดุร้าย ถือดาบเงื้อง่า
    ธาวัง ติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง วิ่งไล่ติดตามไปเป็นหนทาง ๓ โยชน์
    อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยการบันดาลอิทธิฤทธิ์
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๕. กัคตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา เมื่อนางจิญจาเอาผ้าห่อไม้ทำเป็นท้องเหมือนหญิงมีครรภ์
    จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ กล่าวคำใส่ร้ายในท่ามกลางหมู่ชน
    สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยความสงบนิ่งอันประเสริฐ
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๖. สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง เมื่อสัจจกนิครนถ์ละทิ้งความจริงแท้ ชูธงประกาศความเห็นของตนว่าถูกต้อง
    วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง เป็นผู้มืดบอดอย่างยิ่ง ประสงค์จะโต้คารม
    ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยพระปัญูญูาดุจประทีปอันโชติช่วง
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๗. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง เมื่อนั้นโทปนันทนาคราชผู้หลงผิด แผ่อิทธิฤทธิ์ใหญ่
    ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต พระจอมมุนีโปรดให้พระเถระพุทธบุตรผู้ประเสริฐไปปราบ
    อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ทรงชนะด้วยการแสดงอิทธิฤทธิ์
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๘. ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง เมื่อพรหมนามว่าพกะ ผู้บริสุทธิ์ ผ่องใส มีฤทธิ์ มีหัตถ์
    พรัหมัง** วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ถูกงูคือมิจฉาทิฏฐิขบกัดแล้ว
    ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยพระญาณโอสถ
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า
    เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา
    โยวาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
    หิตวานะ เนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
    โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถิ ภะวันตุ เม*
    ขอจงมีสรรพมงคล ขอปวงเทวดาจงคุ้มครอง ขอข้าพเจ้าจงมีความสวัสดีด้วยพุทธานุภาพทั้งปวงเสมอ
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถิ ภะวันตุ เม*
    ขอจงมีสรรพมงคล ขอปวงเทวดาจงคุ้มครอง ขอข้าพเจ้าจงมีความสวัสดีด้วยธรรมานุภาพทั้งปวงเสมอ
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถิ ภะวันตุ เม*
    ขอจงมีสรรพมงคล ขอปวงเทวดาจงคุ้มครอง ขอข้าพเจ้าจงมีความสวัสดีด้วยสังฆานุภาพทั้งปวงเสมอ

    * ถ้าสวดให้คนอื่น ให้เปลี่ยนจากคำว่า เม เป็น เต
    ** อ่านว่า พรัมมัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2017
  2. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    พระเครื่องอันดับ1จันทบุรี พระยอดธงพระเจ้าตาก วัดพลับ ต.บางกะจะ พิมพ์สมาธิ และพิมพ์มารวิชัย ทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และ เนื้อชิน สร้างในคราวพระยาตากพักทัพที่จันทบูรณ์ เมื่อปี 2310 ปัจจุบันพระยอดธงชุดนี้อายุรวมถึงปัจจุบัน 250 ปีแล้ว(ปัจจุบัน 2560)
    แตกกรุครั้งแรกที่วัดพลับโดยอัศนียบาตผ่าที่พระมหาเจดีย์กลางลานทรายถล่ม เมื่อพ.ศ.2479 สร้างโดยพระเจ้าตากสินมหาราชเพื่อแจกเป็นขวัญกำลังใจในการกู้ชาติ และฝากกรุไว้เป็นพุทธานุสรณ์เพื่อสืบพระพุทธศาสนาโดยส่วนหนึ่งบรรจุไว้ในเจดีย์กลางลานทราย

    25-05-15-21-38-34back.jpg
     
  3. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
  4. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
  5. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    พระยาวชิรปราการ(พระยาตาก)ได้ตีจันทบูรณ์ได้ และได้สร้างพระยอดธงไว้เพื่อแจกเป็นขวัญกำลังใจให้เหล่าทหารกล้าที่รักชาติและพระส่วนใหญ่บรรจุกรุไว้ที่วัดพลับ ณ. เจดีย์กลางลานทราย ซึ่งพระยาตากได้ทรงตีต่อเรือรบและพักที่ชลบุรี ก่อนเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา สู้รบพม่าข้าศึกด้วยความยากลำบากกอบกู้เอกราชได้ในระยะเวลา6เดือน และสร้างเมืองหลวงที่กรุงธนบุรี สถาปนาเป็นพระเจ้ากรุงธนบุรี ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุณอันใหญ่หลวงมิอาจจะประมาณได้ ไม่มีท่านก็ไม่มีเรามาจนทุกวันนี้ เป็นพระมหากษัตริย์ที่อยู่เหนือพระมหากษัตรยิย์ที่คนไทยเคารพนับถือท่านสุดชีวิตสุดใจว่า "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช"
    www.youtube.com/watch?v=fTKpJnTPzpA&feature=youtu.be



     
  6. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
  7. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
  8. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
  9. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    "กระทู้ความรู้พระยอดธง วัดพลับ กระทู้นี้ไม่รับเช็คพระเพื่อนสมาชิก ขออภัยในความไม่สะดวก"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    ภาพบรรยายกาศสมัย พ.ศ.2479 คนจันทบุรีและพื้นที่ใกล้เคียงแห่มาเช่าพระยอดธงวัดพลับที่แตกกรุในครั้งนั้น 1928843_946253148757307_5082689411866041762_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2017
  11. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
  12. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
  13. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
  14. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
  15. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    16938816_669763289892400_562925760098815710_n.jpg
    ย่อความจาก กรุแตก เขียนโดยนายสำอาง แผ่นผา ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูพิพิธพัฒนาภรณ์ (เหรียญชัย เขมทต.โต) เจ้าอาวาสวัดพลับองค์ที่๑๓ ๒๔๘๓-๒๕๓๗]
    กลางดึกเดือนสิงหาคม พศ๒๔๗๙ ซึ่งเป็นฤดูฝนที่มีฝนตกชุกมาก พระเจดีย์องค์ที่อยู่กลางลานทรายของสนามวัดพลับพังลงมา เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านบางกระจะที่ทราบข่าวแตกตื่นออกมา เก็บของมีค่า(ที่ชาวบ้านสมัยนั้นคิด)เช่นพลอยสีต่างๆที่บรรจุไว้ในพระเจดีย์ คงเหลือแต่พระองค์เล็กๆมากมาย ทั้งเนื้อทองคำ นาค เงิน ทองดอกบวบ และเนื้อชินจำนวนมากที่ไม่มีใครสนใจซึ่งมีทั้งปางสมาธิ ปางสดุ้งมาร จนรุ่งเช้า พระครูเขม์ เจ้าอาวาสวัดพลับองค์ที่๑๒ ๒๔๗๓-๒๔๘๓ ได้มาเก็บและแยกพระที่เป็นเนื้อทองคำ นาค และเงินไว้ นอกนั้นเก็บรวบรวมใส่ถาดไว้มากมาย ภายหลังมีทั้งพระและชาวบ้านได้พระเนื้อทองคำ นาค และเงินไป คนละองค์สององค์ เหลือแต่เนื้อทองดอกบวบและเนื้อชินจำนวนมาก
    ในปี๒๔๘๑ พระครูเขม์ได้ทำการบูรณะพระปรางค์ที่ทรุดโทรมมากและได้นำพระยอดธงที่เก็บไว้นั้นบรรจุในพระปรางค์ซึ่งอยู่หน้าพระอุโบสถในปัจจุบันนี้
    ต่อมา พระครูพิพิธพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสองค์ต่อมา ได้ทำการเปิดกรุที่พระปรางค์ เพื่อนำพระที่บรรจุไว้มาแจกจ่ายแก่ประชาชนเพื่อนำเงินมาบูรณะปฏิสังขร การเปิดกรุครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านรู้ว่านี่คือพระยอดธง เพราะเดือยยาวใต้องค์พระ
    และผู้เขียน(นายสำอาง แผ่นผา)ขอยืนยันว่า มีพระยอดธงรุ่นพิเศษอยู่ ๑รุ่น มีเพียง ๗๐องค์เท่านั้น แต่ละองค์มีขนาดใหญ่ สูงประมาณ ๓-๔นิ้วฟุต ซึ่งรุ่นนี้หลังจากกรุแตก ไม่มีใครเห็นอีกเลย
     
  16. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    พิมพ์เล็ก เนื้อชินเงิน

    "ขอขอบคุณเจ้าของพระยอดธงทุกๆภาพที่เอื้อเฟื้อมาประกอบความรู้ในครั้งนี้" 10401965_529998707103952_7916550874513973475_n.jpg 10390418_529998783770611_835611872378912931_n.jpg
     
  17. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    "กระทู้ความรู้พระยอดธง วัดพลับ กระทู้นี้ไม่รับเช็คพระเพื่อนสมาชิก ขออภัยในความไม่สะดวก"

    10462459_10201199197140943_8018988520769506558_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2017
  18. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    พระยอดธง เนื้อทองดอกบวบ เดือยกลมและเดือยเหลี่ยม เท่าที่ทราบมา ข้อมูลว่า ได้พบในการบรรจุกรุในการแตกครั้งนั้นเช่นกัน แต่จากการดูจากผิวพันธ์ความเก่าของโลหะแล้ว ความเก่ายังเก่าไม่ถึงยุคของพระยอดธงเนื้อชิน เนื้อเงิน ...สันนิฐานว่า น่าจะสร้างมาทีหลังและได้นับมาบรรจุกรุเพิ่มเติม บางท่านว่า เป็นไปได้ที่หลวงปู่เหรียญได้สร้างไว้
    ทองดอกบวบ1.jpg ทองดอกบวบ2.jpg ทองดอกบวบ3.jpg ทองดอกบวบ4.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...