ความลับของ ของคำว่า "จิตตภาวนา" จากธรรมโฆษณ์ เรื่องธรรมะเล่มน้อย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย gratrypa, 26 ธันวาคม 2012.

  1. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    .
    วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555 18:39:37
    เขียน พุธ 26/12/555 14.02 คลังปัญญา


    "ธรรมะเล่มน้อย ธรรมโฆษณ์ หน้า 82-83"


    "วินิจฉัยคำว่า จิตตภาวนา" ลอกแบบย่อ โดยกระต่ายป่า ข้างวัด


    คำว่าจิตตภาวนา ท่านคงเคยได้ยินมาแต่ในทางที่บำเพ็ญจิต ของพวกอยู่ป่าอยู่ดง
    ทำสมาธิ, ทำวิปัสสนา ทำกัมมัฎฐานอะไรเหล่านั้น นั้นเรียกว่าจิตตภาวนา
    นั่นมันรู้แคบๆ มันมุ่งหมายแคบๆ มันก็แคบจนไม่เอามาใช้เป็นประโยชน์ได้

    คำว่า จิตตภาวนา ต้องให้ความหมายหมดจดสิ้นเชิงว่า "เราทำจิตให้มันดีขึ้น
    ได้อย่างไร ก็เป็นจิตตภาวนาหมด" แม้จะดีขึ้นได้สักนิดนึง แม้ไม่ได้ทำกัมมัฎฐาน-
    ภาวนา ออกท่าทางเหมือนที่เขาทำๆกันอยู่ ก็ยังได้

    เราทำตามแบบของเรา ที่ใครเห็นแล้วไม่เชื่อ ไม่ยอมรับว่าเป็นจิตตภาวนา แต่เรา
    "สามารถทำให้จิตของเราดีขึ้น" ให้จิตของเราในวันนี้ ดีขึ้นกว่าจิตเมื่อวานนี้ ให้มัน
    "แจ่มแจ้งในอะไรดีกว่าวานนี้, ให้มันอดกลั้นได้, ให้มันเฉยๆได้" ให้มันแก้ปัญหา
    ได้ดีกว่าจิตเมื่อวานนี้ เพียงแต่เท่านี้ "ก็เรียกว่าเป็นจิตตภาวนาแล้ว"
    ถ้าว่าเราทำ, ถ้าเป็นผลของการกระทำของเรา, มันดีขึ้นเพราะการกระทำของเรา
    เพราะการศึกษาอบรมของเรา ก็เรียกได้ว่าจิตตภาวนา คือว่ามันฉลาดขึ้นก็แล้วกัน

    ในการงานทุกชนิด ถ้าผู้ทำคอยสังเกตุดูให้ดีๆ แล้วทำให้ดีขึ้น, ฉลาดขึ้นกว่าที่แล้วๆมา
    อย่างนี้ก็เรียกว่าจิตตภาวนาได้เหมือนกัน

    คนที่ต้องใช้สติปัญญาทุกคนจงมองให้เห็นว่า มีจิตตภาวนา คือทำให้จิตมันดีขึ้น
    ถ้าเขากระทำชนิดที่ว่าจิตของเขาดีขึ้น ฉลาดขึ้นก็รวมอยู่ในคำว่า พัฒนาจิต หรือ
    ทำจิตให้เจริญขึ้นได้ด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจงเข้าใจให้กว้างขวางเต็มความหมาย
    ของคำๆนั้น เช่นว่า ทำภาวนา จิตตภาวนา ไม่ใช่ไปนั่งพึมพำอยู่ในป่า ที่ไหนก็ได้
    เมื่อไหร่ก็ได้ ถ้ามันทำให้จิตดีขึ้น

    ฉะนั้น คนที่ทำอะไรด้วยความระมัดระวัง อย่างสุขุมรอบคอบตลอดเวลา ทั้งวันทั้งคืน
    คนนั้น เป็นจิตตภาวนา, ทำจิตตภาวนา, มีจิตตภาวนาอย่างดี

    กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  2. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    "ธรรมะเล่มน้อย" ธรรมโฆษณ์ ของท่านพุทธทาส

    .
    วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 14:51:11
    เขียน ศุกร์ 28/12/555 11.20 คลังปัญญาท่านพุทธทาส


    "ธรรมะเล่มน้อย" ธรรมโฆษณ์ หน้า 84-86 (ลอก-ย่อ-ย่น)
    บรรยายวันเสาร์ แห่งภาคมาฆบูชา ครั้งที่3 15 มค.2526

    แต่คนที่ทำอะไรโง่เขลา พรวดพราด ชุ่ยๆหวัดๆ อย่างนี้ มันไม่มีดอก
    มันไม่มีจิตตภาวนาแก่คนชนิดนั้น
    ส่วนที่ไปทำเป็นพิธีรีตรอง ในที่สงบสงัดตามแบบฉบับที่วางไว้สำหรับ
    กัมมัฏฐานสำหรับวิปัสสนา นั้นก็เป็นจิตตภาวนาถูกแล้ว

    แต่มันเฉพาะเรื่องมากเกินไป, หรืออยู่ในระดับที่ชาวบ้านทำไม่ได้
    ต้องขยับขยายปรับปรุงลงมา ให้ถึงระดับที่ชาวบ้านเขาจะทำได้
    ให้เวลาของเขาสามารถปรับปรุงจิตใจให้สูงขึ้นไปก็แล้วกัน พูดอย่างหยาบคายที่สุด
    "เมื่อนั่งอยู่บนโถส้วมนั่นแหละ ก็ทำจิตตภาวนาได้" ไม่เชื่อไปลองดู อาตมารับประกัน
    มันเป็นสิ่งที่ทำได้ แล้วบางทีจะดีกว่าหรือง่ายกว่าเวลาอื่นด้วยซ้ำไป

    เพราะเมื่อนั่งอยู่บนโถส้วมนั้น วิตกกังวลมันหายไปไหนหมดไม่รู้ บางทีความที่
    มันจะถ่ายออกมานั้น มันกลายเป็นนิมิตรหรืออารมณ์อย่างเดียวให้ แล้วคนก็คิดนึก
    อะไรได้ดี เพราะว่าจิตมันเป็นอารมณ์เดียวได้เอง ขอให้ใช้ประโยชน์ในทางจิตตภาวนา
    ทุกขณะ ทุกระยะเวลา แม้ที่สุดแต่ว่ากำลังนั่งอยู่บนโถส้วม พูดแล้วมันก็ไม่น่าฟัง
    แต่ถ้าไม่พูด มันก็ไม่มีทางที่จะรู้เหมือนกัน จึงต้องพูดว่ามีอะไรบ้าง

    "จิตนี้ฝึกอบรมได้ พัฒนาได้"

    จิตนี้เป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้, หมายความว่าฝึกฝนอบรมได้
    แต่มีคนโง่จำนวนมาก เกือบจะทั้งหมดของจำนวนคน เขาว่าไม่ได้

    แต่เราว่าได้ จิตนี้เป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้ นิสัยสันดาน ก็เป็นสิ่งที่แก้ไขได้
    เลิกเพิกถอนได้ ถ้าทำให้ถูกวิธี

    นี่พูดกันอย่างหลักธรรมะกฏอิทัปปัจจยตาแล้ว "ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไม่ได้"
    แต่มักจะยึดถือกันเสียว่า เปลี่ยนไม่ได้ เอ้า,เปลี่ยนไม่ได้ก็ตายไปกะอันนั้นสิ
    ถ้าอาศัยหลักธรรมะที่ถูกต้องกัน มันก็เปลี่ยนได้ แล้วมันก็ได้รับผลประโยชน์

    นิสัยที่แท้นั้น มันก็เป็นความเคยชินที่เพิ่มเข้า เพิ่มเข้าๆ ถ้าเราลดเสียๆ
    ไม่เพิ่มเข้าๆ มันก็ลดถอยลงและเปลี่ยนได้, นี้เป็นหลักในพระบาลีเอง
    ไม่ใช่ว่าเอาเอง, เช่นเรามีความโลภความรักทีหนึ่ง มันก็มีนิสัยเช่นนั้น
    หน่วยหนึ่งอันหนึ่งทีหนึ่ง พอมีอีก มันก็เพิ่มเข้าอีก, พอมีอีกมันก็เพิ่มเข้าอีก,
    ไปจนเป็นนิสิยเช่นนั้น เช่นบางคนขี้โกรธยิ่งกว่าคนบ้า เพราะว่ามันเพิ่มนิสัย
    อย่างนั้นเข้าไป จนเป็นนิสัยเช่นนั้น

    นี้เราจะรื้อถอนทิ้งก็ได้ ถ้าเรารู้วิธี คือเมื่อมันยั่วให้โกรธ มาให้โกรธก็ไม่โกรธ
    มันก็ลด-ลดไปหนึ่ง มาอีกก็ควบคุมได้ไม่โกรธ มันก็ลดทีหนึ่ง มันก็ลดไปเรื่อยๆ
    จนมันหมดนิสัยที่จะโกรธ, หมดอุปนิสัยหรือหมดอนุสัยที่โกรธ

    อนุสัยหมวดความโลภ เรียกว่าราคานุสัย
    อนุสัยหมวดความโกรธ เรียกว่า ปฏิฆานุสัย
    อนุสัยหมวดความโง่ (หลง) เรียกว่า อวิชชานุสัย

    นี่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ ในฐานะเป็นสิ่งที่ลดได้ ถอนได้ ถอนออกได้ทีละนิด ทีละนิด
    ด้วยการที่ไม่ยอมทำ หรือไม่ปล่อยให้ทำชนิดนั้น ทุกครั้งที่มันมาให้ทำ
    มันมาให้รักให้โลภให้อยากได้, เอ้า.ไม่เอากะมัน นิสัยนั้นมันจะลดลงไปนิดหนึ่ง
    ทีหลังมาอีกก็ไม่เอากะมัน มันก็ลดลงไปอีกนิดหนึ่ง

    นี่เรียกว่ามันถอนได้อย่างนี้ ที่ให้โง่ให้กลัว ที่ให้อะไรต่างๆ ที่เกี่ยวกับความโง่นั้น
    ไม่โง่ไปกะมัน มันก็ลดนิสัยกลัวลงไป ลงไป จนไม่กลัวอะไร

    นี่ขอให้รู้ว่า จิตเป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้ จนเหมือนกะว่าผิดตรงข้ามกันไปจากเดิม
    ที่เคยรักเคยอยากเคยโลภก็ไม่, ที่เคยโกรธเคยเกลียดก็ไม่, ที่เคยกลัวเคยโง่
    เคยหลงหรือเคยสะเพร่าอะไรก็ไม่, นี่มันเป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้ จนกระทั่งว่า
    รื้อทิ้งลงไปหมดเลย, รื้อทิ้งออกไป ไม่ให้เหลืออยู่ในจิตใจเลย

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว จิตตภาวนาจะมีแก่บุคคลนั้น ถ้าบุคคลนั้นไม่ยอม
    มันโง่ มันปักหลักตายตัวว่า จิตเปลี่ยนไม่ได้ดังนี้แล้ว จิตตภาวนาก็ไม่มีแก่บุคคลนั้น

    ฉะนั้น บุคคลใดจะมีจิตตภาวนา เขาต้องมีความเข้าใจอย่างพื้นฐานถูกต้อง เพียงพอ
    เสียก่อน
    ว่ามันมีข้อเท็จจริงของธรรมชาติ ตามธรรมชาติ ว่าจิตเป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้
    หรือสามารถจะรื้อทิ้งออกไปหมดก็ได้ ในส่วนที่ไม่พึงปรารถนา ที่เรียกว่านิสัยที่ไม่
    พึงปรารถนาของจิต ที่ทำมาผิดๆ แต่อ้อนแต่ออกนั้น เป็นสิ่งที่รื้อทิ้งได้ นิสัยอะไร
    ที่สร้างกันขึ้นมา ตั้งแต่เป็นทารกแต่อ้อนแต่ออก มันแก้ไขได้ มันปรับปรุงได้
    กระทั่งมันรื้อทิ้งเสียได้ จนมันเปลี่ยนนิสัยเป็นตรงกันข้าม
    แล้วเขาก็จะไม่มีความทุกข์เลย

    กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  3. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    ธรรมะเล่มน้อย ธรรมโฆษณ์ หน้า 87-93

    .
    วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556 18:39:31
    เขียน พุธ 2/1/56 11.44 คลังปัญญาท่านพุทธทาส


    "ธรรมะเล่มน้อย" ธรรมโฆษณ์ หน้า 87-93 (ลอก-ย่อ-ย่น-ตัดต่อ)
    บรรยายวันเสาร์ แห่งภาคมาฆบูชา ครั้งที่ 3 15 มกราคม 2526

    "จิตพัฒนาตัวเองได้ ถ้าอบรมให้ถูกวิธี"

    "จิตนี้มีอะไรๆ ที่มีความประหลาดน่าอัศจรรย์มาก" จนเรียกว่า มหัศจรรย์
    ตามธรรมชาติแท้ๆ ของจิต คือ "จิตนี้มันเป็นธาตุชนิดหนึ่ง" แต่ไม่ใช่ อาโปธาตุ
    ปฐวีธาตุ วาโยธาตุ เตโชธาตุ มันเป็นธาตุอีกชนิดหนึ่ง, เขาเรียกว่า มโนธาตุ หรือ
    จิตตธาตุ หรือ อรูปธาตุ มันก็เป็นธาตุเหมือนกับธาตุทั้งปวง

    จิตตธาตุ หรือมโนธาตุนี้ มันมีหน้าที่สำหรับรู้, สำหรับรู้สึก และมันจะรู้สึกต่อทุกสิ่งได้
    มันจะรู้ทุกสิ่งได้ ถ้าอบรมให้ถูกวิธี เดี๋ยวนี้มันอาจจะรู้สึกได้แต่บางอย่าง หรือใน
    วงจำกัด ถ้าเราอบรมให้ถูกวิธี มันก็จะรู้ได้หมด ได้เต็มที่เหมือนกัน

    เด็กทารกพอคลอดออกมาแล้ว มันก็เริ่มรู้, มันไปจับอะไรเข้ามันกัดเอา ต่อไปมันก็
    ไม่ไปจับ, ไปจับไฟเข้ามันร้อน ต่อไปมันก็ไม่จับแหละ นี่เป็นคุณสมบัติของธาตุจิต
    ที่มันจะรู้อะไรของมันได้เอง, แล้วมันก็รู้จักเลือก รู้จักคิด รู้จักนึก สูงขึ้นมาตามลำดับ
    มันรู้สัมผัสได้ แล้วมันก็รู้ผลของสัมผัสได้ รู้สึกสุข รู้สึกทุกข์ แล้วมันก็รู้จักเข็ดหลาบ
    ต่อการที่จะสัมผัสสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามันเอามือไปจับไฟ มันก็ร้อน มันก็เข็ดหลาบ
    มันรู้จักเข็ดหลาบได้เอง พ่อแม่ไม่ต้องสอน พ่อแม่สอนมันก็ยังไม่เชื่อนะ บอกว่าอย่า
    จับไฟ ลูกเด็กๆมันก็ไม่เชื่อ เมื่อไปจับเข้าแล้วมันก็ร้อน, ทีหลังมันก็เชื่อตัวเองได้

    ฉะนั้น ขอให้สนใจว่า จิตนี้มันรู้อะไรได้ มันรู้สึกได้ แล้วมันก็เข็ดหลาบได้ ความรู้สึก
    อย่างนี้ คือการที่ จิตมันเจริญพัฒนาขึ้นมาตามลำดับ ดังนั้น จิตมันจึง มีความรู้
    ที่จะระมัดระวัง
    แล้วมันจะรู้จักที่ต้องปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นด้วยตัวเอง, ทำอย่างไร
    ดีกว่า ทำอย่างไรดีกว่านี้ เด็กเล็กๆ มันก็ค่อยๆ รู้ขึ้นมาเอง หลายอย่างหลายประการ
    ที่ว่าบิดามารดาครูบาอาจารย์สอนไม่ได้ หรือไม่มีโอกาสจะสอน, แต่เด็กๆเขารู้สึก
    ได้เอง นี่ ความน่าอัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่าจิต จิตก็รู้ เฉลียวฉลาดในสิ่งเหล่านี้มากขึ้น
    แล้วมันจึง มีการพัฒนามากขึ้น พร้อมกันไปในทุกทาง โดยอิทธิพลของจิต เมื่อจิต
    น้อมไปอย่างไร กายก็จะน้อมไปตาม

    นี่เรื่องพัฒนาจิต หรือจิตตภาวนานี้ เป็นสิ่งที่มีหวังจะทำได้ ด้วยเหตุผลอย่างที่กล่าวมา
    ฉะนั้นขอให้เราสามารถที่จะถือเอาประโยชน์อันนี้ให้ได้ คือ พัฒนาสิ่งที่เรียกว่าจิต
    ให้ได้
    ของเราเองโดยตรง และของผู้อื่นโดยอ้อม, โดยเฉพาะของลูกหลานที่จะเกิด
    ตามมา เพราะว่าถ้าไม่พัฒนามันก็เปะปะ, ถ้าพัฒนาผิดมันก็เดินทางผิด ก็กลายเป็น
    มิจฉาทิฏฐิ เป็นอันตรายแก่ตัวมันเองหรือแก่ทุกคน

    ฉะนั้น จึงเป็นสิ่งที่จะต้องรู้ จะต้องเข้าใจ จะต้องพยายามในการที่จะพัฒนาจิต
    ให้ถูกวิธี
    แล้วมันก็จะได้สิ่งที่เรียกว่า มรรค ผล นิพพาน ในทุกความหมาย ในทุกชั้น
    ในทุกระดับ ที่เราจะได้กล่าวกันต่อไป

    "การพัฒนาผิดทาง, หลงวัตถุ จึงต้องศึกษาธรรมะให้พอ"

    ดูให้ดีว่า ถ้าจิตของมนุษย์ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง ถ้าได้รับการพัฒนาจิตให้
    ถูกต้อง และเรื่อยๆมา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้แล้ว, โลกนี้ก็จะดีกว่านี้มาก จะประเสริฐ
    กว่าที่มีอยู่ในบัดนี้มาก ซึ่งเต็มไปด้วยความเลวร้าย

    มนุษย์มันมีขึ้นมาในโลกแล้ว มันก็พัฒนาตามธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่, พัฒนาโดย
    สติปัญญาของมนุษย์เองนั้นมันมีน้อย
    แล้วมันยังผิดทางเสียอีก ที่มันน่าเศร้าน่าเสียใจ
    ก็คือว่ามันพัฒนาผิดทาง มนุษย์มันก็หลงใหลแต่ในด้านฝ่ายวัตถุ ไม่ได้หลงใหลใน
    ด้านฝ่ายพัฒนาจิตใจ, มนุษย์ก็เลยพัฒนามาแต่ในทางวัตถุ โดยไม่รู้สึกตัว คือบูชา
    เรื่องทางวัตถุโดยไม่รู้สึกตัว, ยิ่งถูกใจยิ่งเอาใหญ่ จนมนุษย์มันหลง แม้จะมีการพัฒนา
    ทางจิตใจก็น้อย หรือจะมีผู้ค้นคว้าการพัฒนาทางจิตใจ มันก็สู้พวกที่พัฒนาทางวัตถุ
    ไม่ได้

    แม้ว่าจะมีคนบางคน หรือคนบางพวกในยุคที่แล้วมานั้น เขาพิจารณารู้สึกได้เองว่า
    ความสุขสนุกทางวัตถุนี้เป็นเรื่องหลอกๆ เขาไปค้นคว้าทางจิตใจ เป็นฤษีเป็นมุนีอะไร
    ขึ้นมา พบความสุขทางจิตใจก็มีเหมือนกัน แต่แล้วมันก็สู้การพัฒนาทางวัตถุไม่ได้
    เมื่อเป็นดังนี้ การพัฒนาทางวัตถุมันก็เหนือกว่า มีอำนาจกว่า มีความดึงดูดมาก
    เอร็ดอร่อยสนุกสนาน มีความยั่วยวนมากกว่า จนกระทั่งบัดนี้ แล้วก็ไม่มีใครชอบ
    ความสุขทางจิตใจ ซึ่งมันสงบเงียบ มันไม่เร้าระบบประสาท มันไม่ปลุกความรู้สึก
    ของกิเลสตัณหา
    มันสู้กันไม่ได้ (โว้ย)

    ฉะนั้น เราจะต้องหาวิธีสักอย่างหนึ่ง ที่เราจะต้องไม่ถูกพ่วงติดเข้าไปในพวงใหญ่นั้น
    เราจะมีวิธีทำจิตใจของเราให้ปลีกออกมาได้ และแม้ว่าทุกคนมันจะเป็นบ้ากันไปหมด
    เราก็ไม่บ้า
    เราก็ยังอยู่ให้เป็นคนที่ถูกต้องได้ต่อไปเหมือนเดิม นี่มีความจำเป็นที่จะต้อง
    รู้ธรรมะให้เพียงพอ
    ถ้ามีธรรมะพอ มันก็ได้ มันก็แก้ปัญหาได้, ถ้ามีธรรมะไม่พอ มันก็
    ต้องกระโจนตามเขาไป

    นี่เป็นปัญหา หรืออุปสรรคของการที่จะมีจิตตภาวนา, คือการที่จะทำจิตให้เจริญยิ่งๆ
    ขึ้นไป มันมีปัญหาและอุปสรรคอย่างนี้ แต่แล้วมันก็ต้องสู้ จะยอมแพ้ไม่ได้ พุทธบริษัท
    ของพระพุทธเจ้าจะยอมแพ้ไม่ได้
    มันจะต้องรักษาไว้ ซึ่งความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    ไว้ให้ได้อยู่ตลอดไป

    จิตตภาวนาจะต้องมีอยู่ตลอดไปสำหรับพุทธบริษัท ขาดจิตตภาวนาเมื่อใด ความเป็น
    พุทธบริษัทจะสูญหายไปหมด ไม่มีเหลือ
    ยิ่งมายุคนี้ สมัยนี้ จะต้องต่อสู้กับความ
    หลงผิดของคนในโลก ซึ่งมากขึ้นๆ นี้ มันก็ทำยากแหละ แต่มันก็ต้องทำได้ เพราะถ้า
    ไม่ได้ก็ตาย ถ้าทำไม่ได้มันก็ต้องตาย คือจิตเลว จิตทราม จิตต่ำไปตาม จนหมด
    ไม่มีเหลือ อย่างนี้เรียกว่าตาย ไม่ใช่ตายทางวัตถุ มันเป็นการตายทางจิต เราต้องอยู่
    อย่างไม่ตาย ยังเป็นพุทธบริษัทอยู่ได้ คือมีความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน รู้ว่าอะไร
    เป็นอย่างไร ไม่โง่ แล้วเอาชนะได้ มีความสุขอยู่ ก็เรียกว่าเบิกบาน
    มีชีวิตที่เย็นอยู่ก็เรียกว่าเป็นผู้เบิกบาน


    ปล. (โว้ย) ในวงเล็บ เราเติมเอง แทนท่าน

    กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  4. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    ธรรมะเล่มน้อย ธรรมโฆษณ์ หน้า 93-99

    .
    วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556 15:57:19
    เขียน พุธ 9/1/56 12.03 คลังปัญญาท่านพุทธทาส


    "ธรรมะเล่มน้อย" ธรรมโฆษณ์ หน้า 93-99 (ลอก-ย่อ-ย่น-ตัดต่อ)

    บรรยายวันเสาร์ แห่งภาคมาฆบูชา ครั้งที่ 3 15 มกราคม 2526

    "การพัฒนาจิต ต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา ไม่แยกกัน"


    ขอย้ำ การพัฒนาจิต หรือจิตตภาวนา ในรูปแบบของศีล สมาธิ ปัญญา ชนิดที่ไม่แยกกัน
    ซ้ำอีกทีหนึ่ง, จิตตภาวนาที่แท้จริง ที่จริงแท้ ที่เป็นพื้นฐานที่สุด ก็คือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา
    ชนิดที่ไม่แยกกัน
    เราเล่าเรียนจดจำไว้ชนิดที่มันแยกกัน เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา
    นั้นมันสำหรับเรียนและสำหรับพูด แต่ถ้าสำหรับการปฏิบัติแล้ว มันไม่อาจจะแยกกัน
    ถ้าแยกกัน มันก็เป็นไปไม่ได้ มันก็ล้มเหลวหมด

    ในชีวิตประจำวันของเราแต่ละวัน จะต้องอยู่ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ชนิดที่ไม่แยกกัน
    นับตั้งแต่ที่เป็นธรรมชาติธรรมดา ในบ้านเรือนชีวิตประจำวัน จะต้องมีความเป็นระเบียบ
    เรียบร้อยถูกต้อง

    ถูกต้องทางศีล คือ พัสดุสิ่งของ เนื้อหนังร่างกาย มารยาท การพูดจา นี้ต้องถูกต้องนะ
    นี่ส่วนศีล คือความถูกต้องของทุกเรื่องที่เป็นฝ่ายร่างกาย, วัตถุสิ่งของทรัพย์สมบัติที่มี
    ในบ้านแรือน ต้องมีอย่างถูกต้อง ใช้คำว่าถูกต้อง พอดีไม่มากไม่น้อย ไม่เกิน ไม่เป็นบ้า
    ต้องมีต้องกินต้องใช้อย่างถูกต้อง, บ้านเรือนต้องมีต้องใช้อย่างถูกต้อง เนื้อหนังร่างกาย
    ต้องบริหารอย่างถูกต้อง มารยาททางกาย มารยาททางวาจาต้องถูกต้อง นี่ขาดไม่ได้แน่
    ช่วยดูให้ดีว่าชีวิตประจำวันของคนระดับธรรมดาทั่วไปนี้ จะต้องมีศีลอย่างนี้,
    นี่ศีลจริง ไม่ใช่ศีลปาณาติปาตา ว่าตั้งร้อยครั้งพันครั้งแล้ว ไม่เห็นมีศีลสักที รับศีล
    ปาณาติปาตานี้กี่ร้อยครั้ง ไม่เห็นมีศีลสักที
    แล้วมันก็ไม่มีความถูกต้องทางวัตถุ ทาง
    บ้านเรือน ทางสิ่งของ ทางมารยาท ทางการพูดจา

    ถูกต้องทางสมาธิ คือคนธรรมดาในบ้านเรือนนี้ คนๆนี้ เจ้าของบ้านนี้ จะต้องมีจิตปรกติ
    เขาต้องมีจิตปรกติ มีจิตที่อยู่ในความถูกต้องของจิต มีความมั่นคงของจิตเพียงพอ
    มีสมาธิในการทำงานทุกๆอย่าง ไม่ว่างานเล็กงานใหญ่ มีสมาธิในการทำ แม้ที่สุดแต่
    ไถนากับควาย คนนั้นก็ต้องมีสมาธิเพียงพอสำหรับไถนาให้ดีที่สุด นี่มันแยกจากศีลไม่ได้
    ในส่วนศีลก็ถูกต้องอย่างที่ว่ามาแล้ว ในส่วนสมาธิก็ต้องถูกต้องอย่างที่กำลังว่า

    ถูกต้องทางปัญญา ทีนี้ทางปัญญา เขาก็ต้องได้ยินได้ฟังมา ได้รับการศึกษาเล่าเรียนมา
    อย่างถูกต้อง ว่าเราจะต้องทำอย่างไร อย่าได้มีมิจฉาทิฏฐิ ชนิดเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
    แล้วก็ไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำ ไปสะสมสิ่งที่ไม่ควรสะสม ไม่ควรจะเอามา นี่เพราะว่า มันขาด
    ปัญญาสำหรับจะควบคุมการกระทำการงาน ในที่ทุกแห่งในที่ทุกสถาน ทุกเวลา เราจะ
    ต้องมีปัญญา รู้จักความถูกต้องทุกอย่างทุกประการ ที่มันเกี่ยวข้องกับบ้านเรือนของเรา
    ครอบครัวของเรา ชีวิตของเรา

    นี่คือศีล สมาธิ ปัญญา ที่แท้จริง จริงยิ่งกว่าที่พูดที่ท่องกันอยู่ สวดมนต์กันอยู่ นั้นก็เป็น
    เรื่องท่อง แล้วก็ไม่เห็นจะเอามาทำให้เป็นประโยชน์ได้, ส่วนที่จะทำให้เป็นประโยชน์ได้
    ในชีวิตประจำวัน ในบ้านเรือน มันก็ไม่ได้ทำ

    พุทธบริษัทที่ดีจงพยายามทำความเข้าใจในข้อนี้ ให้มีศีลจริง สมาธิจริง ปัญญาจริง
    ประกอบอยู่ในชีวิตประจำวัน ในบ้านในเรือนของเรา คือมีศีล สมาธิ ปัญญา ชนิดที่แฝด
    ติดกันอยู่ไม่แยกกันได้


    ชีวิตประจำวันจะต้องมีศีล เช่น มารยาทก็ดี การพูดจาก็ดี นี้เป็นศีล ต้องมี เว้นไม่ได้
    ขาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว แล้วมี สมาธิ มีจิตใจถูกต้อง มีจิตใจที่ถูกต้อง ไม่วิปริต
    ไม่บ้าบอ แล้วมีความแน่วแน่มั่นคง ไม่วอกแวกไม่ฟุ้งซ่าน แล้วก็มี ปัญญา หลักเกณฑ์
    ต่างๆ อย่างถูกต้อง ถือเป็นหลักประจำใจอยู่

    นี่ชีวิตชนิดนี้ เรียกว่ามีศีล สมาธิ ปัญญา แท้จริงครบถ้วนอยู่ในตัวมันเอง อันนี้เป็น
    จิตตภาวนาอยู่ในตัวมันเอง
    เมื่อเป็นอยู่อย่างนี้แล้ว มันก็มีความเจริญทางจิตใจ อยู่ใน
    ตัวมันเอง
    นี่คือศีล สมาธิปัญญาที่แท้จริง ไม่ใช่ที่สอนกันอยู่ตามโรงเรียน ตามวัด แล้วก็เลิกกันไป ไม่เอามาใช้อะไรได้

    นี่เราจะเรียกได้ว่า เรามีชีวิตพัฒนา มีการภาวนาของชีวิต จิตตภาวนาก็คือชีวิตพัฒนา
    การพัฒนาชีวิตก็คือการพัฒนาจิต การเจริญของจิตก็คือการเจริญของชีวิต
    มันประกอบ
    อยู่ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ที่ถูกต้อง เพียงพอ แล้วไม่แยกกัน, นี่เราจะได้ชีวิตที่ถูกต้อง
    จะเรียกว่าชีวิตใหม่ก็ได้ พระพุทธเจ้าท่านก็ได้ตรัส ข้อความไว้มากมายในความหมาย
    อย่างนี้ว่า เราจะบอกชีวิตใหม่ให้แก่พวกเธอ
    ชีวิตที่เต็มไปด้วยศีล สมาธิ ปัญญา อยู่ตาม
    ธรรมชาติ อย่างสมบูรณ์ อย่างถูกต้อง แล้วก็ได้ชีวิตใหม่

    ก่อนนี้ชีวิตไม่เป็นอิสระ กิเลสมาเรียกร้องมาเรียกตัว เอาไปให้ทำอะไรก็ได้ แม้แต่แค่
    นิวรณ์ ไม่ต้องถึงกับกิเลส เป็นโลภะ โทสะ โมหะ เต็มตัวดอก
    แม้แต่นิวรณ์ซึ่งเป็น
    อุปกิเลส เป็นเพียงอุปกิเลส เป็นเพียงธรรมดาสามัญตามธรรมชาติ มันยังเรียกร้องได้
    ยังมาสะกิดหลังรบกวนได้

    นิวรณ์เรื่องกามฉันทะ เดี๋ยวก็มาเรียกร้อง เอาจิตไปวุ่นอยู่กับเรื่องกามารมณ์ มันเรียกร้อง
    กิเลสมันเรียกร้องเอาตัวไปได้ ให้ไปขลุกอยู่กับกามารมณ์ เดี๋ยวก็เรียกร้องไปขลุกอยู่กับ
    ความพยาบาท เกลียดชังศัตรู, เดี๋ยวถีนมิทธะ ก็เอาไปทำให้จิตหดหู่ ห่อเหี่ยว แฟบเกือบ
    จะไม่มีอะไรเหลือ, เดี๋ยวอุทัจจะ กุกุกจะ ก็เรียกร้องเอาไปทำให้ฟุ้งซ่านเหมือนกับเป็นบ้า
    เดี๋ยววิจิกิจฉา ก็เรียกร้องเอาไปทำให้เป็นคนลังเล จนไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม, เกิดมาทำไม
    ก็ไม่รู้ จนไม่รู้ว่าจะทำอะไร นี่กิเลสชั้นเล็กตัวเล็กที่เรียกว่านิวรณ์นี้ ก็ยังมาเรียกร้องได้
    มาสะกิด มาบอก มาพาไป, เป็นชีวิตที่ไม่มีอิสระอย่างนี้ เดี๋ยวนี้เราจะอยู่เหนืออำนาจ
    ของสิ่งเหล่านี้ ไม่มีอะไรมารบกวนได้ แม้ในเวลาที่ควรจะเกิดกิเลส


    จบตอนที่สามซึ่งยังไม่จบ ของธรรมะเล่มน้อย
    ชื่อตอน ผลของจิตตภาวนา คือมรรค ผล นิพพาน


    ธรรมโฆษณ์เล่มนี้ ท่านพุทธทาสบรรยายมุ่งหมายให้เป็นธรรมะเล่มน้อย
    เล่มเดียวจบ คือได้สรุปรวมหลักการศึกษาพุทธธรรมไว้อย่างรวบรัด
    ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
    ท่านผู้ใช้หนังสือเล่มนี้ จะได้รับประโยชน์สะดวกในการค้นคว้าต่อไป


    กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  5. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    ผลรวมของจิตตภาวนา คือมรรค ผล นิพพาน

    .
    วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556 12:16:22
    เขียน อาทิตย์ 13/1/56 1.51 ที่คลังปัญญา เชิญมาชั้นสอง


    "ผลรวมของจิตตภาวนา คือมรรค ผล นิพพาน"

    (ต่อ เพราะเสาร์เดียวไม่จบ)

    ธรรมโฆษณ์ เรื่อง "ธรรมะเล่มน้อย" หน้า ๑๐๐-๑๐๒
    บรรยายวันเสาร์แห่งภาคมาฆบูชา ครั้งที่๔ วันที่๒๒ มค.๒๖

    (ลอก-ย่อ-ตัดต่อ-แต่งเติม เพิ่มด้วยหัวใจ)

    ขอซ้อมความเข้าใจไว้ตลอดเวลาว่า การบรรยายชุดนี้ ต้องการจะพูดอย่างง่าย อย่าง
    ธรรมดาสามัญ ที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ ให้ครบทุกเรื่องที่ควรจะศึกษา จึงเรียกการบรรยาย
    ชุดนี้ว่า ธรรมะเล่มเดียวจบ ที่ว่าเล่มเดียวจบ ก็เพราะว่า อ่านเล่มเดียวให้ทั่วถึงกันจริงๆ
    ก็จะพอ
    พระไตรปิฏกนั้นตั้งหลายสิบเล่ม เรื่องต่างๆ ที่ออกมาจากพระไตรปิฏก ก็นับ
    ด้วยสิบๆ เล่ม ร้อยๆ เล่ม แล้วจะอ่านกันอย่างไรไหว จะจดจำกันอย่างไรไหว มันจะ
    ไม่ตรงกับที่ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ธรรมะที่เอามาสอนนั้นกำมือเดียว ธรรมะทั้งหมด
    เท่ากับใบไม้ทั้งป่า ความพยายามนี้ ก็เพื่อจะแก้ปัญหาที่กำลังมีอยู่จริง คือ พวกพุทธ-
    บริษัทเรา ยังไม่รู้ธรรมะสมควรแก่ความเป็นพุทธบริษัทของตน
    อาตมานึกถึงแต่เรื่องนี้
    เป็นเวลานานแล้ว เป็นสิบๆ ปีก็ว่าได้ ว่าทำอย่างไร เราจึงจะมีธรรมะที่ศึกษากันในเวลา
    อันสมควร จะไม่เรียกว่าสั้นเกินไป ในเวลาอันสมควร แล้วก็รู้ธรรมะเพียงพอสำหรับ
    ความเป็นพุทธบริษัท

    การที่มีความรู้ไม่เพียงพอสำหรับการเป็นพุทธบริษัทนั้น ต้องนับว่าเป็นความเสียหาย
    อย่างยิ่ง ไม่สมกับที่เป็นพุทธบริษัทและเป็นที่น่าละอาย สำหรับคนที่รู้จักละอาย
    คนโง่คนหน้าด้านนั้นมันไม่รู้จักละอาย มันก็ช่วยไม่ได้


    การที่พยายามบรรยาย ให้มารวมอยู่ในเรื่องชุดเดียวกันนี้ จะเรียกว่าธรรมะเล่มเดียวจบ
    มันไม่เคยสำเร็จเหมือนกัน แม้ครั้งนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่า มันจะสำเร็จตามความประสงค์
    ว่ามันเล่มเดียวจบ แต่ถึงอย่างไรก็จะได้พยายาม คือจะคัดเอาแต่เนื้อหาที่สำคัญๆ ซึ่งเมื่อ
    รู้แล้ว จะเพียงพอต่อความเป็นพุทธบริษัทของตน

    ขอให้พยายามฟัง (อ่าน) ให้ดีกว่าที่ผ่านมา อาตมาไม่ขออภัยล่ะ เพราะส่วนมากไม่ได้
    ฟัง (อ่าน) อย่างดีที่สุด ฟัง (อ่าน) อย่างอวดดี เดินไปเดินมาก็มี นั่งฟัง (อ่าน) อย่างเหม่อๆ
    ก็มี หรือความรู้สึกมันดันขึ้นมาว่า รู้แล้ว พอแล้ว (อวดดีมากไปแล้ว) แบบที่เขาเรียกว่า
    มันใส่เติมลงอีกไม่ได้ (ไอ้พวกน้ำชาเต็มแก้ว แล้วดันไม่เททิ้งก่อนอ่าน) ถ้ายังอยู่อย่างนี้
    ถ้ายังเป็นกันอยู่อย่างนี้ เรื่องมันก็จะไม่สำเร็จตามที่มุ่งหมายไว้ เราไม่อาจจะมีธรรมะ
    เล่มเดียวจบ หรือธรรมะเล่มเดียวไม่อาจจะพอ สำหรับคนชนิดนี้

    ขอให้ช่วยกันปรับปรุงในข้อที่ว่าฟัง (อ่าน) ให้ดีที่สุด บาลีมีว่า ฟัง (อ่าน) อย่างดี ย่อมได้
    ซึ่งปัญญา ถ้ามันฟัง (อ่าน) แล้วยังโง่เท่าเดิม มันก็พิสูจน์ว่าไม่ได้ฟัง (อ่าน) ด้วยดี เพราะ
    ท่านได้ตรัสไว้ว่า ถ้าฟัง (อ่าน) ด้วยดี ย่อมได้ปัญญา เมื่อมันไม่ได้ปัญญา มันไม่มีปัญญา
    เพิ่มขึ้น (ซ.ต.พ. ว่า) ไม่ได้ฟัง (อ่าน) ด้วยดี

    อาตมาพยายามที่จะแสดงให้ดีที่สุด สุดความสามารถ แต่คนฟัง(อ่าน) เขาไม่ได้ฟัง (อ่าน)
    อย่างดีที่สุด พูดให้ตรงกว่านั้นก็ว่า คนแสดงเหนื่อยมาก แล้วคนฟัง (อ่าน) เหนื่อยนิดเดียว
    เพราะว่าเขาไม่ได้ฟัง (อ่าน) ให้ดี แล้วเรื่องมันก็คาราคาซังกันมาเป็นปีๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้ว
    สวนโมกข์นี้สี่สิบปีแล้ว ยังไม่มีอะไรที่ก้าวหน้าเป็นที่พอใจ (เศร้าใจจัง)

    ปล. ในวงเล็บเราเติมเองทั้งหมด ท่านไม่ว่าแน่ๆ ใครอย่าบ่นนะ ขอบอก


    กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  6. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    .
    เขียน ศุกร์ 18/1/56 15.49 คลังปัญญา


    คู่มือมนุษย์ ปกแข็ง เล่มเล็ก (ลอก ย่อ ย่น)

    "การทำให้รู้แจ้ง ตามวิธีธรรมชาติ"



    หน้า 81 - สมาธิโดยธรรมชาติ และสมาธิที่มีการปฏิบัติตามหลักวิชา มีผลอย่าง
    เดียวกันคือ เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว ก็นำไปเพ่งพิจารณาวิปัสสนา

    แต่มีข้อควรสังเกตุอย่างหนึ่งว่า สมาธิที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้น มันมักจะพอเหมาะ
    พอควรแก่กำลังของปัญญา ที่จะใช้ทำการพิจารณา
    // ส่วนสมาธิที่เกิดจากการฝึก
    ตามหลักวิชาการนั้น มันมักจะเป็นสมาธิที่มากเกินไป หรือเหลือใช้ และยังเป็นเหตุ
    ให้คนหลงผิด พอใจเพียงแค่สมาธินั้นก็ได้ เพราะว่าในขณะที่จิตเป็นสมาธิเต็มที่นั้น
    ย่อมเป็นความสุข ความสบายชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดความพอใจ จนหลงติด หรือหลง
    คิดว่าเป็นมรรคเป็นผล (เป็นวรรค เป็นเวร (เติมเอง))

    โดยเหตุนี้ สมาธิที่เป็นไปตามทางธรรมชาติ ที่พอเหมาะพอสมกับการใช้พิจารณานั้น
    จึงไม่เสียหลาย ไม่เสียเปรียบ สมาธิตามแบบ ที่ฝึกตามแนววิธีเทคนิคนัก ขอเพียง
    ให้รู้จักประคับประคอง ทำให้สมาธิเกิด และให้เป็นไปด้วยดีก็แล้วกัน

    หน้า 82 - ข้อความต่างๆ ในพระไตรปิฏก ก็มีเล่าแต่เรื่องการบรรลุมรรคผลทุกชั้นตาม
    วิธีธรรมชาติ ในที่เฉพาะพระพักตร์ของ พระผู้มีพระภาคเจ้าเอ
    ง หรือต่อหน้าท่าน
    ที่สั่งสอนคนอื่นๆ โดยไม่ได้ไปสู่ป่า นั่งทำความเพียรอย่างมีพิธีรีตรอง กำหนดเพ่ง
    อะไรต่างๆ ตามอย่างคัมภีร์ที่แต่งกันใหม่ในชั้นหลังๆ โดยเฉพาะในกรณี
    แห่งการบรรลุอรหันตผลของภิกษุปัจจวัคคีย์ หรือฤษี 1,000 รูป ด้วยการนั่งฟัง
    อนัตตลักขณสูตร และอทิตยปริยายสูตรด้วยแล้ว จะยิ่งเห็นว่าไม่มีการพยายาม
    ตามหลักวิชาใดๆ เลย แต่เป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดตามวิธีของธรรมชาติแท้ๆ

    นี่แหละเป็นลักษณะของสมาธิ ที่เป็นไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งตามปกติถูกมองข้าม
    ไปเสีย เพราะมีลักษณะดูมันไม่ค่อยจะขลัง
    จะศักดิ์สิทธิ์ ไม่ค่อยจะเป็นปาฏิหารย์
    เป็นที่น่าอัศจรรย์ แม้การบรรลุ มรรค ผล นิพพาน เป็นพระอรหันต์ ก็อาศัยสมาธิ
    ตามธรรมชาติ ทำนองนี้เป็นส่วนมาก

    หน้า 83 - ฉะนั้น ขอท่านทั้งหลาย อย่าได้มองข้ามเรื่องของสมาธิ ที่เป็นไปตาม
    ธรรมชาติ มันเป็นเรื่องที่เราอาจทำได้มาก่อน หรือทำได้อยู่แล้วเป็นส่วนมาก
    เหมือนกับผู้ที่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ไปแล้วเป็นส่วนมาก ซึ่งไม่เคยรู้จักนั่งสมาธิ
    แบบใหม่ๆ อย่างที่กำลังตื่นๆ กันอยู่ในขณะนี้เลย


    ปล.ในวงเล็บเราเติมเองนะ อย่าโวยวายไปล่ะ
    ไม่ได้ปั่นกระทู้นะครับ ขออภัยด้วย
    ต้องการรวบรวมไว้ในกระทู้เดียวกันครับ

    กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  7. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    มีอุปกรณ์การเดินทางค้นหานิพพาน มาฝากอีกชิ้นนึงครับ
    เช่นเคย จากผู้มีปกติฝึกฝนจิต ที่ใจกว้างมากกกก
    แจกฟรี!!! ให้ทุกท่านครับ
    โดยเฉพาะ แฟนขับหมายเลยสาม ที่บ่นว่าสมาธิไม่ค่อยดี

    จริงๆ แล้วการค้นหานิพพาน ไม่จำเป็นต้องใช้สมาธิชั้นสูงอะไรมากมายนัก
    ดูตัวอย่างข้างบนแล้ว ในสมัยนู้น เค้าก็ไม่เห็นต้องฝึกกันมาก
    แค่สมาธิตามธรรมชาติ ก็เหลือกินเหลือใช้แล้วครับ

    ถ้าท่านอ่านหนังสือได้นานๆ เกินกว่าแปดหน้าต่อปี เอ้ย...ไม่ใช่
    แปดหน้าต่อครั้ง ก็แสดงว่าสมาธิตามธรรมชาติมีพอใช้ไปนิพพานได้แล้วครับ
    พวกฌาน หรือสมาบัติ ให้มืออาชีพด้านนี้เค้าฝึกกันไปเหอะ

    พวกเราชาวบ้านธรรมดา จะไปนิพพานกัน ด้วยสมาธิตามธรรมชาติกันครับ
    แค่เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ซักหน่อย
    ฝึกฝนเพิ่มเล็กน้อย
    เติมทักษะเฉพาะด้านอีกนิดนึง
    แล้วประยุกต์ปฏิบัติ ให้เข้ากับตัวเอง ก็แค่เนี้ย พอแล้ว

    เหมือนตัดเสื้อน่ะครับ จะได้ของที่พอดีกับตัวเองใช่ม๊า
    แต่ถ้าซื้อเค้า ก็อาจจะพอดีหรือไม่ ก็ออกได้ทั้งสองหน้า

    ดูเราเป็นตัวอย่างเถอะ เค้ามีเสื้อให้เลือกตั้ง แปดหมื่นสี่พันแบบ
    แต่เราไม่ชอบ ไม่ถูกใจ ไม่เก็ท เบื่อพวกเจ้าของร้านดังๆ
    พวกนั้นเค้าพูดมาก เรื่องมาก ชอบติ
    ข้อเรียกร้องก็แยะ เกินความจำเป็นของการบรรลุธรรม

    เราเลยต้องสร้างแพทเทิร์นใหม่ ในแบบของตัวเอง
    เป็นแบบที่ แปดหมื่นสี่พันหนึ่ง แปดหมื่นสี่พันสอง
    แปดหมื่นสี่พันสาม จนไปถึงแปดหมื่นสี่พันเอ็กซ์
    (เอ็กซ์ คือค่าตัวแปร เท่าไหร่ก็ได้ ค้นหาจนกว่าจะพอใจ)

    ก็หวังว่าของกำนัลชิ้นนี้ คงจะถูกใจหลายท่านได้มากพอ
    พอที่จะเข้ามาโพสท์อะไรกันบ้าง สิโว้ยเฮ้ย (๕๕๕ ขออภัย หลุด)

    ออกพรรษาแล้ว ท่านทั้งหลายก็ออกจากปลอกหรือเปลือกกันได้แล้ว
    เรามานิพพานกันเหอะ ไม่ยากอย่างที่คิดหรอกน่า ถ้าแบบชั่วคราวน่ะนะ ๕๕๕


    นาคราข้างวัด / ลูกนาฬิเกร์

    .
     
  8. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +1,919
    จัดไป
    อ้าวว ดูเหมือนจะหากินกับ นิพพาน แล้วเหรอ อิอิ road map to นิพพาน
    84000 แบบลองใส่ดูหมดยัง ศึกษาดูหมดยัง หรือเบื่อขี้เกียจลอง ไม่เก็ท ตัดเองมันเลย
    ระวังตัดไปตัดมา ใส่แบบเสื้อขาดๆแหว่งๆ กางเกงเป้าขาด ไข่โผล่ นะฮาา

     
  9. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    นิพพานไม่ใช่ของกิน และอยู่ในนั้นแล้ว ก็ไม่ต้องการอะไร ไม่ต้องหา
    แต่ถ้าจะหา ก็อาจจะเป็นหาเรื่องล่ะมั้ง นะ

    แปดหมื่นสี่พันแบบนั้น ปัจจุบันลิขสิทธิ์ตกอยู่ในมือของผู้ที่ไม่เหมาะสม
    แค่เดินเปิดๆ ดู ไม่กี่ตัว ก็ทราบกระจ่างกลางใจ แล้วว่าไม่ใช่ มันไม่ใช่ ไม่เก็ท

    เมื่อสิกขามากเข้า จนรู้จักตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว และเข้าใจโลกอย่างที่มันเป็น
    ก็ถึงเวลามองหาสิ่งที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง ด้วยตัวเอง เพื่อตัวเอง
    ไม่ใช่มองหาจากในตลาด ที่มีการครอบงำหมดสิ้น โดยผู้ค้ารายใหญ่ๆ ไม่กี่เจ้า

    เมื่อรู้ใจตัวเองเป็นอย่างดี และสินค้าในตลาดไม่อาจตอบสนองความต้องการได้
    บวกกับมีความสามารถที่จะออกแบบ และตัดเย็บขึ้นมาได้ ตามใจปราถนาแล้ว
    ก็ลงมือทำตามนั้น ทำในสิ่งที่เหมาะสม ถูกต้อง สมควรแก่กาละเทศะ

    ถึงแม้ตัวแรกๆ มันอาจจะขาด จะแหว่ง จะไม่สวย ไม่สมบูรณ์
    มากพอที่จะนำไปอวด ไปโชว์ใครได้ ไม่เหมือนกับที่ไปซื้อมาจากร้าน
    จากอาจารย์ หรือดีไซเนอร์ดังๆ เด่นๆ ที่มีฐานลูกค้ากว้างขวาง

    แต่ถ้าเราไม่ท้อถอย ไม่เบื่อ ไม่เลิกล้ม ไม่อับอายขายหน้าใคร ล่ะก็นะ
    ด้วยอำนาจแห่งอิทธิบาทสี่แล้ว ก็ต้องสามารถพัฒนาและสร้างสรรค์ไปได้เรื่อย
    จนในที่สุด ก็จะต้องได้พบกับสิ่งที่ตนปราถนา
    และสมบูรณ์ เหมาะสมกับตัวเองได้ ในที่สุด

    ธรรมชาติคือความหลากหลาย สลับซับซ้อน และซุกซ่อนความลับไว้มาก
    จนเมื่อถึงกาละเทศะ ที่ถูกต้อง จึงจะแสดงความจริงที่ซ่อนเร้นออกมาได้

    ดอกไม้จะบานเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ที่ถูกที่ควร
    ลูกไก่ก็เช่นกัน พวกเค้าจะไม่ออกมาก่อนกำหนด
    จะไม่ก้าวร้าวรุนแรง ทุบเจาะเปลือกไข่ออกมา ด้วยอาการที่ไม่สมควร เนอะ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ลูกนาฬิเกร์

    .
     
  10. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    .
    เขียน ๒๒.๐๒

    มีโอกาสขุดกระทู้นี้ออกมาซะที รอตั้งหลายวันแน่ะ เนอะ

    ใครแง้มมิติให้นิดนึง เปิดช่องให้องค์ความรู้สำคัญ กลับมาทำหน้าที่ อีกครั้ง
    ก็หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ชาวโลกได้ ไม่มาก ก็มากกว่า หรือมากที่สุด หึหึหึ
    เชื่อมโยงมาจาก
    จะภาวนาจำเป็นต้องรู้มากขนาดไหน

    จึงอยากได้ความเห็นว่าควรรู้แค่ไหน ก่อนลงมือปฏิบัติ
    เพื่อไม่ให้เกิดสภาวะ "ความรู้เกิน"
    [/quote]

    เขียน ๒๑.๔๐

    วิธีที่ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป

    ถ้าแบ่งความรู้ออกเป็นสิบระดับ ตั้งกะหนึ่งถึงสิบ
    ทั้งสิบระดับ ล้วนสามารถทำจิตตภาวนาได้ทั้งสิ้น

    ไม่มั่นใจนะ ว่าข้อกำหนดของคำว่า ภาวนา ของท่านคืออย่างไร
    เราขอใช้คำว่า จิตตภาวนา แทนละกัน ท่านเจ้าเกาะนาฬิเกร์ให้มาอย่างเนี้ย

    แปลสั้นๆ ว่าคือการทำจิตให้ดีขึ้น ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกวันทุกคืน
    เราไม่มีปัญญาอธิบายหรอก ขอยกตำราจากเกาะนาฬิเกร์ มาละกันนะ เนอะ

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%86%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2.406792/


    จากกระทู้นั้น เราจดมาจากหนังสือ เมื่อเกือบสามปีก่อนน่ะครับ
    คิดเอาเองนะ ว่าเป็นการโดนเรียกตัวไปติวเข้ม ทบทวนวิชา ก่อนไต่ระดับครั้งใหญ่ มากกก

    พวกแมงโม้ที่ยังเป็นตัวอ่อน มักจะบอกว่าต้องนิพพาน ต้องให้สูงๆ เข้าไว้
    แต่เราเป็นแมงโม้ตัวเต็มวัย เปี่ยมด้วยประสบการณ์ เทคนิคและแทคติกเพียบ
    ขอบอกว่า ต้องเริ่มจากตรงที่ตัวเองยืนอยู่ก่อน ถึงจะถูกต้อง เหมาะควร

    จะมีความรู้แค่ไหน ก็ล้วนต้องทำจิตตภาวนาทั้งหมดทั้งสิ้น
    แม้แต่ไม่มีความรู้เรื่องธรรมะเลย ก็ยังสามารถทำจิตตภาวนาได้นะ เนอะ
    ถ้าดูจากในคัมภีร์ "ธรรมโฆษณ์" แล้ว จะพบว่า ทำกันได้ทุกเพศทุกวัย

    รู้มากรู้น้อย รู้แค่ไหน ก็เริ่มจากตรงนั้นแหละ ไม่ต้องรอ ลุยได้เลย
    เป้าหมายคือการทำจิตให้ดีขึ้น สูงขึ้น งามขึ้น และเท่ห์ด้วย ถ้าเป็นไปได้ ๕๕๕

    ธรรมมะ เรียนด้วยใจ ผลการเรียนออกมาที่กาย
    เมื่อฝึกฝนและค้นหาไม่หยุดยั้ง ผลความก้าวหน้าควรออกมาที่การปฏิบัติตน

    ไม่ใช่รู้มากแล้วเอามาอวดกัน จะแบกเรือไปไหนวะเฮ้ย หึหึหึ
    ขอบ่นนิดนึง ไม่ได้ว่าลุงไม่เลี้ยงแมวนะครับ อย่าเข้าใจไม่ถูก ๕๕๕


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / เหล่าเต้บในสวน

    .
    [/QUOTE]


    พักหลังนี้ รู้สึกเหมือนเป็นคนวัยทองเลยแฮะ ไม่ค่อยมีอารมณ์
    คงต้องทบทวนเคล็ดวิชาอมตะซะหน่อย ย้อนยุค กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้งนึง เนอะ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  11. PShinex

    PShinex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +382
    เคล็ดวิชาอมตะ ถ้าไม่ลับจนเกินไป ก็ช่วยเอามาเผยแพร่เป็นธรรมทานให้หน่อยนะครับ อยากรู้เหมือนกัน นี่ก็อาศัยความรู้ที่สะสมได้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากมนุษย์ต่างดาวที่จะช่วยให้กลับเป็นหนุ่มได้เหมือนเดิม
     
  12. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    เขียน ๑๓.๔๓

    ท่านเข้าร้านผิดแล้วครับ หึหึหึ
    ร้านนี้ ขายแต่สินค้าในกำมือครับ

    "เคล็ดวิชาอมตะ" ของชาวหมู่บ้านในนิทานน่ะนะ
    เค้าประกอบขึ้นมาจากชิ้นส่วนของหลายสาขาวิชา
    ซึ่งส่วนใหญ่เก่าแก่ หลายร้อยปี จนถึงเป็นพันปีโน่นแน่ะ ที่เค้าคิดไว้อ่ะนะ

    ชิ้นส่วนหลักๆ ก็มาจาก เต๋า เป็นแกนหลัก
    เค้าเปลี่ยนสารอาหารเป็น จิง เปลี่ยน จิง เป็น ชี่
    เปลี่ยน ชี่ เป็น เสิน แล้วจึงเปลี่ยน เสิน เป็น จิตวิญญาน

    ก็ไม่รู้นะ ว่าจิง กะเสิน นี่มันแปลว่าอะไร หรือลืมไปแล้วก็ไม่ทราบได้
    แต่ตอนอ่าน แล้วฝึกฝน มันเข้าใจไปได้เอง

    อ้าว..ลืมไปเลย ว่าร้านนี้ไม่ได้ขาย ๕๕๕

    เกริ่นไว้อีกนิดละกันนะ ว่า ยังมีชิ้นส่วนจากวิชากำลังภายในอีกหลายชิ้น
    โดยเฉพาะการโคจรพลังไปทั่วร่าง และมีเน้นเน้นบางจุด บางเวลา บางจังหวะ
    วิชาจากโยคี ก็มีหลายชิ้นส่วนที่มาประกอบ ทั้งโยคะอาสนะ และปราณยาม
    เรื่องจักระก็แยะ อาณาปาก็ใช้ด้วย ทั้งสุญญตาและอนัตตา ก็ต้องใช้

    ไหนจะทางวิทยาศาสตร์การหายใจ สรีระ กายภาพ
    ระบบขับถ่ายของเสีย และหรือพิษ ระบบไหลเวียนของเหลวและไหล บลาๆๆๆๆ

    เรื่องมันยาว แยะ และยอกย้อน หยุมหยิม
    หลายชิ้นส่วน เราเคยผ่านตา ว่าอยู่ในกระทู้สองอันนี้นะ

    http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B9%89%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2.418338/page-17

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87-%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2.306574/page-27

    เค้าแทรกไว้หลายที่แล้ว ลองไปเดินหาดูก่อนไม๊ครับ ว่าถูกใจป่าว
    ถ้ารับได้ ค่อยไปคุยกันในสองกระทู้ข้างบน เลือกเอาอันไหนก็ได้

    แต่ท่านต้องบอกมาก่อน ว่าเคยผ่านวิชาไหนมาบ้าง
    ได้แค่ไหน ติดตรงไหน ที่ทำได้ผลมาแล้วอย่างไรบ้าง
    เรื่องจะได้ง่าย แนะได้สะดวก ต่อยอดหรือติดตา ตอน แตะ แต้ม หรือเติม
    ให้ท่านนำไปใช้ได้โดยละม่อม เอ้ย..โดยสะดวกเลย ครับ หึหึหึ

    อ้อ..อย่าคุยต่อร้านนี้นะ เค้าจะขายแต่สินค้าในกำมือน่ะนะ เนอะ ๕๕๕


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / เหล่าเต้บในสวน

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...