ความสุขทางใจที่แท้จริง อยู่ที่การทำบุญหรือให้ทาน?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย paang, 10 สิงหาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]
    </TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​

    คนทำงานกินเงินเดือนประจำอย่างสำลี เมื่อถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เธอจะกระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ เธอมักจะทำเรื่องอะไรตลก ๆ ให้กับตัวแองเสมอ อย่างเช่น ถ้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ไม่ต้องทำงาน เธอก็จะตั้งนาฬิกาปลุก ให้มันปลุกตามเวลาทำงานปกติ พอเสียงปลุกดังขึ้น เธอก็จะรีบกุลีกุจอขึ้นมา แล้วทำท่าจะไปอาบน้ำแต่งตัว สักพักหนึ่งเธอก็จะบอกกับตัวเองว่า
     
  2. บัณฑิตใหม่

    บัณฑิตใหม่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +3
    อืมมม อ่านคำถามแล้วงงๆนิดนึงค่ะ เพราะ ทั้งทำทานทั้งทำบุญ ก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน แต่พออ่านเรื่องราวก็เข้าใจมากหน่อยละค่ะ ว่าระหว่างการทำทาน ทั้งสองอย่าง ทานให้คุณยาย กับทานที่ใส่ซองให้หัวหน้า มันต่างกันยังไง ตามที่ผู้พูดคิดเห็นนะคะ คิดว่าทั้งการทำบุญ ทำทาน จะมีความสุข อิ่มเอิบใจขนาดไหน น่าจะอยู่ที่ ตรง เจตนาของผู้ให้ค่ะ คือก่อนในก็เห็นแล้วว่า บุคคลอื่นยังมีส่งที่ขาดแคลน หรือ ตัวเราเองอยากจะละความโลภ ความตระหนี่ของตนออกบ้าง จึงมีเจตนาที่จะสงเคราะห์ช่วยคนอื่น อย่างที่สำลีช่วยคุณยาย เพราะมีความกรุณา อยากเห็นคุณยายบรรเทาทุกข์ที่มีจากความหิวลงไป จึงเจตนาอย่างแท้จริง อย่างกรุณาจริงใจที่จะให้ทาน ขณะให้ก็มีเจตนาที่เป้นกุศล หลังให้ก็ไม่ได้เสียดายสิ่งที่ให้ได้ แต่ดีใจที่ได้ทำทานแด่ผุ้ที่ไม่มีเท่าเรา (แต่ถ้าจะให้ดีหน่อยนะคะ สำลีต้องไม่ไปกังวลใจต่อว่ามื้อต่อไปยายจะกินอะไร นั่นก่อทุกข์ใหม่ให้ใจแล้วค่ะ ต้องวางอุเบกขา และคิดว่าสัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรม ถ้าคุณยายทำกรรมมาดี พรุ่งนี้อาจจะเจอคนใจดีอย่างสำลีอีกก็ได้ วางใจแล้วจะได้ไม่ทุกข์หลังจากทำทานอิ่มบุญ อิ่มสุขไปแล้วไงคะ)

    คือสรุปแล้ว ทำอะไรอย่างไหนแล้วจะสุขใจกว่ากัน น่าจะขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ให้ ผู้ทำ ผู้ปฏิบัติ ทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ ก่อนทำก็มีสติสัมปชัญญะว่าสิ่งที่กำลังจะทำนั้น ทั้งทาน ทั้งบุญกุศลอื่นๆ เป็นสิ่งที่ดี อนุเคราะห้ผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น อยู่ในศีลธรรม ก็ทำไป ขณะทำก็มีความเบิกบานใจที่ได้ทำ หลังทำก็ไม่มานึกเสียดายว่าไม่น่าทำ หรือน่าจะทำให้มากให้น้อยกว่านี้ แต่ใจควรจะยังคงอิ่มเอิบ เบิกบานอยู่ อย่างนี้ผู้พูดคิดว่า จะทำทาน ห้า บาท หรือ ห้าร้อย ก็สุขใจแท้จริง ตามกำลังที่เราทำได้น่ะค่ะ :)
     
  3. แพร

    แพร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +79
    คุณ บัณฑิตใหม่พูดได้ตรงกับใจจังเลยค่ะ

    ทั้งทาน ทั้งบุญกุศลอื่นๆ เป็นสิ่งที่ดี อนุเคราะห้ผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น อยู่ในศีลธรรม ก็ทำไป ขณะทำก็มีความเบิกบานใจที่ได้ทำ หลังทำก็ไม่มานึกเสียดายว่าไม่น่าทำ หรือน่าจะทำให้มากให้น้อยกว่านี้ แต่ใจควรจะยังคงอิ่มเอิบ เบิกบานอยู่ อย่างนี้ผู้พูดคิดว่า จะทำทาน ห้า บาท หรือ ห้าร้อย ก็สุขใจแท้จริง ตามกำลังที่เราทำได้น่ะค่ะ [​IMG]<!-- / message -->
     
  4. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    เห็นด้วยกับคุณบัณฑิตใหม่ครับ :cool:
     
  5. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    ความสุขทางใจที่แท้จริงอยู่ที่การดับกิเลส
    บุญเป็นหนทางสู่การดับกิเลส
    ทานเป็นบุญชนิดหนึ่ง
    ที่ให้ทานคุณยายแล้วมีความสุขเพราะเห็นผลของบุญที่ทำอยู่คาตา
    ใส่ซองแล้วไม่รู้สึกอะไรเพราะจิตยังไม่ละเอียดพอที่จะเห็นผลบุญที่ทำครับ
    ค่อยๆศึกษาไปเรื่อยๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...