คาถาเงินล้าน (ข้องสงสัย)

คาถาเงินล้าน

(ตั้งนโม 3 จบ)
สัมปจิตฉามิ นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ
พรหมมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม
มิเตพาหุหะติ
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม
สัมปติจฉามิ
เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ

*ตามที่ได้ฟังจาก Youtube เสียงสวดไม่มี "สัมปจิตฉามิ" ในข่วงต้น
และช่วงปลาย "สัมปติจฉามิ ในเสียงสวดเป็น สัมปจิตฉามิ"

จึงขอวอนผู้รู้ช่วยตอบหน่อยครับ ขอบคุณครับ

 

คำว่า สัมปจิตฉามิ เป็นคาถาสนองกลับ เป็นคาถาผลัก ผลักทุกอย่าง เหตุร้ายใด ๆ ที่เขาจะเข้ามาหาเรา จะถูกผลักไปหาเจ้าของ คือการปัดอุปสรรคไม่ให้กล้ำกรายเข้ามา กล่าวตอนคำขึ้นต้นของบทคาถาใด ๆ ก็ได้ หรือจะภาวนาตอนกำหนดลมหายใจให้เป็นสมาธิแทนคำว่า พุท โธ ก็ได้เช่นกัน
ส่วนคำว่า สัมปติจฉามิ เป็นคาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น เป็นบทเร่งรัด

ความหมายของตัวคาถาทั้งหมด

สัมปจิตฉามิ คาถาสนองกลับ

นาสังสิโม คาถาพระพุทธกัสสป

บทแรก "พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ" ตัดอุปสรรค ที่ลาภจะมา

บทที่สอง "พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม" คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินแสนของท่าน

บทที่สาม "มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม" บทนี้เป็นคาถาปลุกพระวัดพนัญเชิง

บทที่สี่ "มิเตพาหุหะติ" เป็นคาถาเงินล้าน

บทที่ห้า "พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม" เป็นคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า

บทที่หก "สัมปติจฉามิ" บทนี้เป็นบทเร่งรัดบทสุดท้าย

บทที่เจ็ด "เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ" เป็นคาถามหาลาภ

มีผลยิ่งใหญ่มาก ทั้งหมดนี้ต้องสวดเป็นบทเดียวกัน บูชาเรื่อย ๆ ไป การบูชา ถ้าบูชาเฉย ๆ มันเป็นเบี้ยต่อไส้ หมายความว่าถ้าจะหมดตัวจริง ๆ ก็จะหาได้ทัน

ต้องท่องทั้งหมดทุกบทด้วยใจเคารพและเป็นสมาธิ ให้ว่าคาถานี้ทั้งหมดทุกบทว่า 30 จบต่อวัน แต่ถ้าเป็นไปได้ควรทำให้ได้มากกว่าอายุหรือท่องไปตลอดวันด้วยใจเป็นสมาธิ ไม่มีความโลภในใจ และมีจิตเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้ผลเร็วขึ้น เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ ท่านบอกว่าคนที่สวดคาถานี้เป็นประจำจะมีความคล่องตัว ใครจะตกต่ำเราไม่ตกต่ำ การทำมาหากินคล่องตัว เพราะฉะนั้นจงอย่าประมาท เร่งภาวนาสั่งสมความดี ช่วยงานพระศาสนา จะเป็นมงคลแก่ตนและครอบครัว

 

หลังหลวงพ่อสิ้นมีการเพิ่มเติมโดยผู้ได้มโนยิทธิจำชื่อไม่ได้ เสียงอัดคงเป็นเสียงเดิม ก่อนปี 35 ส่วนด้านบนพอดีอาตมาถ่ายจากวัดท่าซุงตอนงานธุดงค์ปีนี้
เจริญพร ​

 

ขอบคุณครับ
แต่ยังสงสัยอีกอย่างครับ ทำไมเวลาพระท่านสวด ไม่ขึ้นต้นด้วย
"สัมปจิตฉามิ"

 

เพราะพระท่านไม่ได้สวดเพื่อตัวเอง แต่ท่านสวดให้ผู้อื่น จึงไม่จำเป็นต้องสวดขึ้นต้นด้วย "สัมปจิตฉามิ" เพราะไม่จำเป็นต้องใช้คาถาสนองกลับ ท่านสวดคาถาให้ผู้รับได้เลยโดยตรง

"สัมปจิตฉามิ" สำหรับการสวดเพื่อตัวเอง จึงต้องเริ่มต้นด้วย "สัมปจิตฉามิ"
เพื่อปัดอุปสรรคต่าง ๆ ที่ส่งเข้ากระทบตัวเราให้สะท้อนออกไปก่อน ก่อนจะเรียกลาภเข้ามาสู่ตัวเองเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด

หากผู้สวดไม่อยากปัดอุปสรรคให้พ้นตัวก่อนเรียกลาภก็ไม่จำเป็นต้องสวดคำว่า "สัมปจิตฉามิ" ก่อนก็ได้ เพราะคำนี้จะสวดหรือไม่ท่านก็ไม่ได้กำหนดไว้ บอกแล้วว่าเป็นส่วนหนึ่งสำหรับท่องก่อนจะสวดพระคาถาบทใดก็ได้ หรือจะใช้เวลานั่งสมาธิกำหนดลมหายใจก็ได้ เข้าใจหรือยังคะ

 

ขอบคุณมากครับ เข้าใจชัดเจนเลยครับ
ที่สงสัยเพราะว่าพึ่งรู้จักพระคาถานี้ หลังจากได้ไปบวชเนกขัมมะ
ที่สำนักปฎิบัติธรรม สาขาของวัดท่าซุง

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะกับการได้ไปบวชเนกขัมมะที่วัดท่าซุง
ถ้ามีโอกาสก็ไปถือศีลบ่อย ๆ นะคะ วัดไหนมีปฏิบัติก็ไปได้ทุกวัดเลยค่ะ

 

สวดคาถานี้แล้วจิตสงบดี

 

ขอขอบพระคุณสำหรับคำถามและคำตอบที่ชัดเจนดีมาก
เป็นประโยชน์มากค่ะ