คำขอขมาและอธิษฐานจิต (การสวดขอขมาเพื่อลดและปลดหนี้กรรมให้น้อยลง)

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย bannasanoo, 2 พฤศจิกายน 2016.

  1. bannasanoo

    bannasanoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +135
    คำขอขมาและอธิษฐานจิต

    อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือ สวดก่อนนอน (ตั้งนะโม 3 จบ)

    (นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ 3 จบ)

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต


    หากข้าพเจ้าจงใจ หรือ ประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยะสงค์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และ ท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วย กาย วาจา ใจ ก็ดี ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมาขออนุญาตมีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน

    ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติปัญญา ปฎิภาณ ธนสาร สมบัติ อุปสรรคใดๆ โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ

    ข้าพเจ้าขอถอนคำสัญญา คำสาบาน คำอธิษฐาน ที่ผูกมัดตัวเองและผู้อื่น ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระจากสัญญาทั้งปวง (หากข้าพเจ้าหมดอายุแล้ว ข้าพเจ้าขออยู่ต่อเพื่อสร้างบารมี) หากผู้ใดสร้างเวร สร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีจะอโหสิกรรมให้ ขอถอนคำพยาบาท ความอาฆาต และ คำสาปแช่งในทุกชาติทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชน ของเจ้ากรรมนายเวร ขอให้พ้นนรกภูมิ พบแสงสว่าง ทั้งทางโลก และ ทางธรรมเทอญ




    “คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ แต่ละคนมีเจ้ากรรมนายเวรที่แตกต่างกัน การสวดขอขมาเพื่อลดและปลดหนี้กรรมให้น้อยลง”

    **ขอให้ผู้ได้รับคำขอขมาและอธิษฐานจิตนี้ กรุณาส่งต่อเพื่อสร้างผลบุญบารมีต่อไป**

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2017
  2. bannasanoo

    bannasanoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +135
    เจ้ากรรมนายเวร

    ผู้ถาม : “หลวงพ่อครับ คำว่าเจ้ากรรมนายเวรนี่หมายถึงใครบ้างครับ....?”

    หลวงพ่อ : เจ้ากรรมนายเวรนี่ตัวตนมันไม่มีหรอก มันเป็นเรื่องของกรรมที่เป็น อกุศลกรรม ถ้าบอกว่าเจ้ากรรมนายเวร ก็หมายถึงบาปที่เป็นอกุศลที่เราทำไว้ ตัวจริงที่เราเคยทำเขาไม่มายุ่งกับเราหรอก
    อย่างเราฆ่าปลาตาย ปลาเขาก็ไม่มายุ่งกับเรา แต่ว่ากฎของกรรมมันเล่นงานเรา ถ้าปลามานั่งจองเวรคอยลงโทษเรา แกก็ไม่ต้องไปเกิดล่ะ
    คำว่าเจ้ากรรมนายเวรนี่นะ ถ้าพูดตามส่วนจะว่าไม่มีก็ไม่ได้ ถ้าหากเราปฏิบัติถึงขั้น สุกขวิปัสสโก เราจะบอกว่าไม่มีตัว เพราะไม่เคยเห็น แต่ว่าตั้งแต่ เตวิชโช ขึ้นไปเขาเห็น ต้องพูดตามขั้นนะ ถ้าเราว่ากันตามหนังสือก็คิดว่าจะไม่มี

    ผู้ถาม : “แล้วถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เขาจะได้รับไหมคะ....?”

    หลวงพ่อ : คือว่าอุทิศไปให้เขาจะได้รับหรือไม่ได้รับก็ตาม บุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข ไอ้กรรมต่าง ๆ ที่เป็นอกุศลที่เราทำไปแล้ว เราไปยั้งมันไม่ได้ แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีมีกำลังเหนือมันก็กวดไม่ทันเหมือนกัน

    สำหรับคำอุทิศส่วนกุศลที่ใช้อยู่เดี๋ยวนี้ก็ยาวเหมือนกัน แต่ยาวตามท่านบอก บทอุทิศส่วนกุศลท่อนแรก ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรนั่น หลวงปู่โต มาบอก แล้วก็บทอุทิศส่วนกุศลอีก ๓ ท่อน พระยายมราช มาบอก สำหรับตอนที่สองที่ให้เทวดาโมทนา ท่านบอกว่าเวลาอุทิศส่วนกุศลน่ะ ขอบอกให้ผมเป็นพยานด้วย ท่านบอกว่า “ลูกหลานของท่าน ก็คือลูกหลานของผม และมันก็ไม่แน่นักหรอก บางทีไปอยู่สำนักผมมันอาจจะลืมก็ได้ เขาอาจจะนึกถึงบุญไม่ออก ถ้านึกถึงบุญไม่ออก ผมก็จะได้บอกว่าเขาสั่งให้เป็นพยาน”
    มันเป็นธรรมดา ถ้าทำทั้งบุญทั้งบาป บางทีกรรมบางอย่างมันปกปิด เวลาถามเรื่องบุญนี่มันนึกไม่ออก ถ้านึกไม่ออกก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องปล่อยให้ตกนรก หากว่าถาม ๓ เที่ยวนึกไม่ออก ผมจะได้ประกาศว่า
    “นี่เขาเคยบอกฉันไว้ เวลาทำบุญเขาบอกให้ฉันเป็นพยาน แล้วก็ประกาศกุศลนั้น ก็ได้ไปสวรรค์”


    นายเวร

    เรื่องมันมีอยู่ อย่างพระถูกหอกตาย เรื่องนี้มีอยู่ในพระสูตร คือว่ามีพระอยู่องค์หนึ่ง ท่านกำลังเย็บจีวร เย็บไปๆ ไอ้ตัวเรือดมันอยู่ในตะเข็บจีวร ท่านไม่เห็น เข็มก็ไปทิ่มเรือดตาย อย่างนี้ถือว่าเป็นบาปลงนรกไม่ได้ เพราะเจตนาไม่มี ไม่รู้ว่าอยู่ใช่ไหม

    แต่ก็เป็นการบังเอิญเมื่อต่างคนต่างตาย เจ้าเรือดก็ตายไปก่อน พระก็อยู่นานไม่ได้หรอกนะ ไปเกิดชาติหลังเป็นคนด้วยกันทั้งคู่ เจ้าเรือดไปเกิดเป็นพรานป่าฆ่าเนื้อ พระก็ไปเกิดเป็นคน แต่ว่าบวชพระ

    ต่อมาวันหนึ่ง พระเดินสวนทางมาเจอพราน เห็นพรานถือหอกเกะกะๆ ท่านก็นึกหวาดเสียว ดีไม่ดีแกบ้าๆ บวมๆจิ้มตายใช่ไหม ก็เลยหลบเข้าไปในพุ่มไม้

    พรานแกฆ่าสัตว์ก็จริงแต่จิตแกก็ดี ถือว่าพระเป็นพระแกเดินเข้าไปก็นึก เอ๊ะ..พระนี่น่าจะสวนกับเราตอนนี้ เวลานี้ท่านไปไหน หรือบางทีท่านเห็นเราถือหอกเดินมาท่านจะกลัวเรามั้ง ไอ้หอกจัญไรนี่ พุ่งไว้ตรงนี้ก่อน เลยพุ่งหอกเข้าไปในพุ่มไม้ แล้วเดินมือเปล่าไป ไอ้หอกระยำดันจิ้มมาที่อกพระพอดี นี่ไอ้นี่จะถือว่าเป็นกรรมไม่ได้ ต้องถือว่าเป็นเวร ถ้ากรรมก็ดึงลงอบายภูมิ นี่เป็นเวรมาสนองกัน



    จากหนังสือการอุทิศส่วนกุศล
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง


    ------------------------------------------------------------


    เมื่อไหร่เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรมให้เรา ?

    ถาม : บทอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร ที่บอกว่าให้เจ้ากรรมนายเวรจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ไปจนกว่าจะเข้าพระนิพพาน อันนี้ผมก็สงสัยว่าเราท่องทุกครั้งนั้น เมื่อไรเจ้ากรรมนายเวรเขาจะอโหสิกรรมให้เรา ?

    ตอบ : จริง ๆ แล้วเจ้ากรรมนายเวรตามความหมายของเรานั้น หมายความว่า คนหรือสัตว์ที่เราได้ฆ่าเขาไว้ ทำร้ายเขาไว้..ใช่ไหม ? ถ้าหากว่าเราฆ่าเขาตาย เขาไปรับบุญรับบาปตามกรรมของเขาอยู่แล้ว ที่จะมาคอยจองเราอยู่นั้นมีน้อยมาก ยกเว้นพวกตายโหงที่ยังไม่หมดอายุขัย ซึ่งมีน้อยเต็มที

    แล้วทำไมถึงมีการจองเวรใช้เวรกัน ? เป็นเรื่องกฎของกรรมว่าใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ได้ชั่ว เหมือนกับว่าเราฆ่าคนตายเขาไม่ได้มาล้างแค้นเรา ไม่ได้มาจัดการอะไรกับเรา แต่ว่ากฎหมายจัดการเราเอง

    คราวนี้ว่าทำไมถึงต้องอโหสิกรรม ?

    ลักษณะนี้เป็นการปลดใจของเราออกจากจุดยึดนั้นว่า เราได้ทำความชั่วอันนั้นไป ถ้าจิตใจไปยึดอยู่ตรงนั้นก็จะหมองอยู่ตลอด ในเมื่อหมองอยู่ตลอดโอกาสจะไปดีก็ไม่มี เมื่อเราทำความดีแล้วเราตั้งใจอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร เรารู้สึกว่าเราได้ทำอะไรเป็นการทดแทนแล้ว จิตของเราก็ปลดปล่อยออกจากจุดนั้นมา ทำให้เราไปดีได้

    ถามว่าเมื่อไรเขาจะอโหสิกรรมให้ ?
    ใจเราปลดออกเมื่อไรก็เมื่อนั้น หรือไม่ก็ เป็นพระอรหันต์เมื่อไรก็เมื่อนั้น เพราะการเป็นพระอรหันต์นั้น กรรมทุกอย่างที่ทำมาจะเป็นอโหสิกรรมหมด ผลกรรมจริง ๆ ทำอะไรท่านไม่ได้ เพราะท่านพ้นบุญพ้นบาปไปแล้ว ยกเว้นว่าถ้ายังครองสังขารอยู่ เศษกรรมก็จะตามเล่นงานกายสังขารของท่านได้ แต่กรรมใหญ่หมดสิทธิ์แล้ว

    ดูอย่างท่านองคุลีมาลสิ ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ผลกรรมที่ฆ่าคนมามากมายเอาท่านลงอบายภูมิไม่ได้ แต่ออกบิณฑบาตยังโดนชาวบ้านขว้างหัวร้างข้างแตกอยู่ตั้งหลายวัน

    ถาม : บางครั้งนั้นผมมีความรู้สึกว่า เมื่อเจอเหตุการณ์แล้วรู้สึกถึงในอดีตว่าเราได้เคยทำกรรมนี้ไว้ จะได้รับเหตุการณ์ที่เจอแบบนี้ แต่บางครั้งก็รู้สึกท้อแท้ว่าเมื่อไรจะหมดเสียที ?

    ตอบ : อ๋อ...เป็นพระอรหันต์เมื่อไรก็หมด..ขอยืนยัน เพราะเราเองเราก็ไม่ได้ทำความดีตลอด จึงมีสิ่งที่ไม่ดีแทรกอยู่ตลอด แต่ว่ายถากัมมุตาญาณนั้นดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ เราทำเราก็รับ เมื่อเรารู้ว่าเราทำเราต้องรับผลอันนั้น ฉะนั้น..เป็นสิ่งที่เราทำเอง ไม่ต้องไปตัดพ้อต่อว่าใคร ก็ก้มหน้ารับไป

    ถ้าจิตใจยอมรับอย่างนี้ได้ เรียกว่ายอมรับกฎของกรรม เมื่อยอมรับกฎของกรรม จิตใจจะมีความสุขมาก ยถากัมมุตาญาณจริง ๆ นั้นดีมาก ดีตรงที่ว่าเรายอมรับได้ ถ้าเรายอมรับไม่ได้ เมื่อรู้เข้า แหม...ไม่น่าไปทำอย่างนั้นเลย แล้วก็มานั่งหมองต่อ..ก็เสร็จ !

    ถาม : บางครั้งก็อยากจะหนีเลยครับ อย่างนี้ถูกหรือเปล่า ?

    ตอบ : หนีไปไหนก็ไม่พ้น พระพุทธเจ้าบอกแล้วจะหนีไปซ่อนอยู่ใต้เม็ดทราย ก้นมหาสมุทรหรือจะหนีไปในซอกเขาอันลึกล้ำหรือว่าจะหนีไปอยู่ในกลีบเมฆ กรรมก็ตามถึง เพราะว่าเป็นผลของการกระทำของเราเอง เป็นเหมือนเงาติดตัวของเราเอง หนีไปไหนก็หนีไม่พ้นหรอก ยกเว้นว่ายอมรับ ยอมรับแล้วก็ชดใช้เขาไป ถ้าหากว่าชดใช้ได้หมด ถ้าไม่ได้หมดไปพระนิพพานก่อนก็เลิกแล้วกันไป จำไว้ว่าพระอรหันต์ที่ไปพระนิพพานไม่มีใครใช้หนี้หมดสักองค์เดียว หนีหนี้ไปทั้งนั้น..!


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน กาญจนบุรี
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๔


    Credit : คุณ ooi2211
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...