@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/g2PKoRqNlAo?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

***สรุปคร่าวๆ เดือนธันวาคม 2559

วันที่ 1-4 หลวงตาม้าเดินทางนอกสถานที่ เนื่องจากศาสนกิจ
วันที่ 5 สถานธรรมพุทธพรหมปัญโญ สาขา สันกำแพง จ.เชียงใหม่
วันที่ 6 ช่วงบ่าย ที่ศูนย์แพทย์ทางเลือกขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่/ ช่วงเย็น ที่สาขาสันป่าตอง จ.เชียงใหม่
วันที่ 7 สวนปฏิบัติธรรมสุสานท่าจักร อ.เมือง จ.ลำพูน
วันที่ 8 เช้าและค่ำ ที่วัดป่าธาราภิรมย์ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
วันที่ 9 สถานธรรมพุทธพรหมปัญโญ สาขาเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
วันที่ 10 สถานอมตะธรรมพุทธพรหมปัญโญ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
วันที่ 11 สถานธรรมพุทธพรหมปัญโญ สาขา สันกำแพง จ.เชียงใหม่
วันที่ 17-18 สถานปฏิบัติธรรมพุทธพรหมปัญโญ (ดู่) สาขายางงาม อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
วันที่ 24 ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ หนองฮ่อ จ.เชียงใหม่ (อยู่ข้างสนามกีฬา 700 ปี)
วันที่ 28 วัดอรุณ กรุงเทพฯ
==========
รายละเอียดมีดังนี้
══════════

วันที่ : วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2559
เวลา : 18:00 - 21:00 น.
กิจกรรม : สวดมนต์รอบเย็น และถาม-ตอบธรรมะ พร้อมสวดมนต์รอบค่ำ
สถานที่ : สถานธรรมพุทธพรหมปัญโญ สาขา สันกำแพง จ.เชียงใหม่

-->>แผนที่ https://goo.gl/maps/qyiEdQdZUeN2
(เมื่อถึงจุดที่ปักหมุดในแผนที่ ให้เลี้ยวซ้ายจะเจอสถานธรรมฯ)

-->>พิกัด GPS 18°45'59.0"N 99°03'54.5"E
(เมื่อถึงจุดที่ปักหมุดในแผนที่ ให้เลี้ยวซ้ายจะเจอสถานธรรมฯ)

สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : 087-163-8391/ 083-567-5149
══════════

วันที่ : วันอังคารที่ 6 ธันวาคม 2559
(เดินทาง 2 สถานที่)
เวลา : 13:00 น.- 14:00 น.
กิจกรรม : สวดมนต์กับหลวงตาม้า
สถานที่ : ศูนย์แพทย์ทางเลือกขัวมุง ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่

-->>แผนที่ https://goo.gl/maps/t4atP4oGS342

-->>พิกัด GPS 18°39'52.1"N 98°59'10.0"E

สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : 089-433-9513

*** ช่วงเย็น-ค่ำ
เวลา : 18:00 - 21:00 น.
กิจกรรม : สวดมนต์รอบเย็น และถาม-ตอบธรรมะ พร้อมสวดมนต์รอบค่ำ
สถานที่ : สถานธรรมพุทธพรหมปัญโญ สาขาสันป่าตอง ต.ยุหว่า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
(สถานที่นี้จะเป็นที่ประดิษฐาน หลวงปู่ดู่ "เนื้อทองเหลือง" หน้าตัก 5 เมตร "ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างเนื้อทองเหลืองมา" และกำลังดำเนินสร้างวิหารครอบองค์หลวงปู่ดู่ สามารถร่วมบุญได้ตลอดจนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ)

-->>แผนที่ http://goo.gl/maps/MzvqK

-->>พิกัด GPS 18°36'35.0"N 98°52'33.2"E

สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : 098-001-4986/ 096-854-5192
══════════

วันที่ : วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2559
เวลา : 18:00 - 21:00 น.
กิจกรรม : สวดมนต์รอบเย็น และถาม-ตอบธรรมะ พร้อมสวดมนต์รอบค่ำ
สถานที่ : สวนปฏิบัติธรรมสุสานท่าจักร วิริยธโร สาขา ๙ (ครูบาสุวัจน์) ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน

-->>แผนที่ https://goo.gl/maps/PQ6egq8hwgL2

-->>พิกัด GPS 18°32'35.3"N 98°58'08.7"E

สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : 089-433-3315
══════════

วันที่ : วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2559
เวลา : 09:00 - 21:00 น.
กิจกรรม : เทปูนหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ เนื้อปูน หน้าตัก 5 เมตร มีจัดกิจกรรมเทปูนทุกเดือนจนกว่าจะสร้างสำเร็จ

*** ช่วงเย็น-ค่ำ
เวลา : 18:00 - 21:00 น.
กิจกรรม : สวดมนต์รอบเย็น และถาม-ตอบธรรมะ พร้อมสวดมนต์รอบค่ำ
สถานที่ : วัดป่าธาราภิรมย์ ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
และที่วัดป่าฯมีจัดกิจกรรม อบรมการปฏิบัติแนวทางของหลวงปู่ดู่แบบง่ายๆ ทุกวันที่ 7-8-9 ของทุกเดือน
-->>แผนที่ https://goo.gl/maps/gLadYcp9LMM2

-->>พิกัด GPS 19°24'49.6"N 99°00'04.8"E

สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : พระครูบาโยธิน 087-936-0899/ 084-480-4499
══════════

วันที่ : วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2559
เวลา : 18:00 - 21:00 น.
กิจกรรม : สวดมนต์รอบเย็น และถาม-ตอบธรรมะ พร้อมสวดมนต์รอบค่ำ
สถานที่ : สถานปฏิบัติธรรมพุทธพรหมปัญโญ สาขาเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
(สถานที่นี้กำลังดำเนินการสร้าง สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาพระจักรพรรดิ ปางเปิดโลก เนื้อปูน ความสูง 59 เมตร สามารถร่วมบุญได้ตลอดจนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ)

-->>แผนที่ https://goo.gl/maps/HJykBRMExVz

-->>พิกัด GPS 19°23'56.1"N 98°56'32.4"E

สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : 081-595-4937
══════════

วันที่ : วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2559
เวลา : 18:00 - 21:00 น.
กิจกรรม : สวดมนต์รอบเย็น และถาม-ตอบธรรมะ พร้อมสวดมนต์รอบค่ำ และหล่อพระมหามัยมุนี เนื้อทองเหลือง หน้าตัก 60 นิ้ว
สถานที่ : สถานอมตะธรรมพุทธพรหมปัญโญ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : 099-909-5141/ 082-890-8886/

-->>แผนที่การเดินทางมา สถานอมตะธรรมพุทธพรหมปัญโญ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
https://goo.gl/maps/RpmNDwFRunm

-->>พิกัด GPS ของ สถานอมตะธรรมพุทธพรหมปัญโญ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
15°19'35.4"N 100°19'27.3"E
════════════

วันที่ : วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม 2559
เวลา : 18:00 - 21:00 น.
กิจกรรม : สวดมนต์รอบเย็น และถาม-ตอบธรรมะ พร้อมสวดมนต์รอบค่ำ
สถานที่ : สถานธรรมพุทธพรหมปัญโญ สาขา สันกำแพง จ.เชียงใหม่

-->>แผนที่ https://goo.gl/maps/qyiEdQdZUeN2
(เมื่อถึงจุดที่ปักหมุดในแผนที่ ให้เลี้ยวซ้ายจะเจอสถานธรรมฯ)

-->>พิกัด GPS 18°45'59.0"N 99°03'54.5"E
(เมื่อถึงจุดที่ปักหมุดในแผนที่ ให้เลี้ยวซ้ายจะเจอสถานธรรมฯ)

สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : 087-163-8391/ 083-567-5149
══════════

วันที่ 17-18 ธันวาคม 2559
กิจกรรม : บรรจุฐานหลวงปู่ดู่นั่งคอยลูกหลาน สูงประมาณตึก 2 ชั้น สวดมนต์บทจักรพรรดิ ถาม-ตอบธรรมะ พร้อมสวดมนต์รอบค่ำ
สถานที่ : สถานปฏิบัติธรรมพุทธพรหมปัญโญ (ดู่) สาขายางงาม อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
(อยู่ฝั่งเดียวกันกับ "ปั้มปตท. หนองไผ่" ห่างจากปั้มเพียง 1 กิโลเมตร เท่านั้น จะมาจากทางไหนก็ต้องเริ่มต้นที่ปั้มนี้)

-->>แผนที่ https://goo.gl/maps/w3dKfh8fc3F2
(เมื่อถึงจุดที่ปักหมุด ให้เลี้ยวขวา ไปตามป้าย "ทางเข้า" เรื่อยๆ จะเจอสถานธรรมฯ)

-->>พิกัด 16°01'54.5"N 101°03'44.8"E
(เมื่อถึงจุดที่ปักหมุด ให้เลี้ยวขวา ไปตามป้าย "ทางเข้า" เรื่อยๆ จะเจอสถานธรรมฯ)

สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : 085-280-8084
══════════

วันที่ : วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม 2559
เวลา : 18:00 - 21:00 น.
กิจกรรม : สวดมนต์รอบเย็น และถาม-ตอบธรรมะ พร้อมสวดมนต์รอบค่ำ
สถานที่ : ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ หนองฮ่อ จ.เชียงใหม่ (อยู่ข้างสนามกีฬา 700 ปี)

-->>แผนที่ https://goo.gl/maps/WHiBWcwWXv62

-->>พิกัด GPS 18°49'38.0"N 98°57'36.8"E

สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : 081-716-3960/ 081-530-6525
═════════

วันที่ : วันพุธที่ 28 ธันวาคม 2559
เวลา : 18:00 - 21:00 น.
กิจกรรม : สวดมนต์รอบเย็น และถาม-ตอบธรรมะ พร้อมสวดมนต์รอบค่ำ
สถานที่ : วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) บริเวณลานกลางแจ้ง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าพระปรางค์วัดอรุณฯกรุงเทพมหานคร
สอบถามเพิ่มเติม โทรฯ : 083-644-5162/ 096-242-3959

-->>แผนที่ https://goo.gl/maps/rFnf4aD2TQz

-->>พิกัด 13°44'37.1"N 100°29'20.6"E
═════════

หมายเหตุ : อาจมีเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ได้ตามความเหมาะสม

ติดตามอ่านตารางการเดินทาง ของหลวงตาม้า ได้ที่
กำหนดการ สวดมนต์ และถามตอบธรรมะ ของหลวงตาม้า เดือน ธันวาคม 2559
══════════

กระทู้ วัดถ้ำเมืองนะ คลิก
วัดพุทธพรหมปัญโญ:วัดถ้ำเมืองนะ - Index

 

การเดินปราณวิชาฉัตร 9ชั้น ท่าน อ.ศุภกฤษชัยวงค์ แสงจันทร์ (อ.ศุภรัตน์)ได้รับการถ่ายทอด จากหลวงปู่ดู่

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/KmrA76BG1HU?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ภาพหลวงปู่ดู่ สลับ พระแก้วแดง(องค์จำลองบนถ้ำฯ)

[VDO]http://palungjit.org/attachments/a.3768979/[/VDO]



...............

 

ของขวัญปีใหม่ครับ/ พระคาถาแก้วสารพัดนึก

ภาวนาระลึกถึงหลวงปู่โต๊ะ และก็นึกแต่สิ่งดีๆ ทำใจให้เย็นๆครับ
หลวงปู่โต๊ะ ท่านเด่นด้านให้โชค ลองเอาไปใช้ดูครับ
พระคาถาแก้วสารพัดนึก พระราชสังวราภิมณฑ์(หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวรรณโณ)
ฉบับพระวิโรจน์ญาณวงศ์ วัดประดู่ฉิมพลี
จัดดอกไม้ จุดธูปเทียนบูชาแล้วอธิษฐานจิตให้ผ่องใสเกิดสมาธิ



ตั้งนะโมสามจบ


ตามด้วยบทไตรสรณาคมน์

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ



(คำสวด) นะโม เม สัพพะพุทธานัง
อุปปันนานัง มะเหสินัง
ตัณหังกะโร มะหาวีโร
เมธังกะโร มะหายะโส
สะระณังกะโร โลกะหิโต
ทีปังกะโร ชุตินธะโร
โกณฑัญโญ ชะนะปาโมกโข
มังคะโล ปุริสาสะโภ
สุมะโน สุมะโน ธีโร
เรวะโต ระติวัฑฒะโน
โสภิโต คุณะสัมปันโน
อะโนมะทัสสี ชะนุตตะโม
ปะทุโม โลกะปัชโชโต
นาระโท วะระ สาระถี
ปะทุมุตตะโร สัตตะสาโร
สุเมโธ อัปปะฎิปุคคะโล
สุชาโต สัพพะ โลกัคโค
ปิยะทัสสี นะราสะโภ
อัตถะทัสสี การุณิโก
ธัมมะทัสสี ตะโมนุโท
สิทธัตโถ อะสะโม โลเก
ติสโส จะ วาทะตัง วะโร
ปุสโส จะ วะระโท พุทโธ
วิปัสสี จะ อะนูปะโม
สิขี สัพพะหิโต สัตถา
เวสสะภู สุขะทายะโก
กะกุสันโธ สัตถะวาโห
โกนาคะมะโน ระณัญชะโห
กัสสะโป สิริสัมปันโน
โคตะโม สักยะปุงคะโว
*พุทโธ สัพพัญญุตะญาโณ
มหาชนานุ กัมปะโก
ธัมโม โลกุตตะโร วะโร
สังโฆ มังคะผะลัฎโฐ จะ
อินทะสุวัณณะ ปารมี เถโร
อิจเจตัง ระตะนัตตะยัง
เอตัสสะ อานุภาเวนะ
สัพพะทุกขา อุปัททะวา
อันตะรายา จะ นัสสันตุ
ปุญญะลาภะ มะหาเตโช
สิทธิกิจจัง สิทธิลาโภ
สัพพะ โสตภี ภะวันตุเม ติ




* สวด ๓,๗ หรือ ๙ จบ
หรือจะสวดมากเท่าไรแล้วแต่สะดวกครับ





https://www.facebook.com/1444476475...476475850706/1662787267352958/?type=3&theater

 

...ไม่มีฐาน อันเป็นกรรมฐาน

คือ " ความสงบ" และ "ความสบายจากกิเลสหยาบๆ(นิวรณ์)อ่อนแรงลง" ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ แล้วจะไปรู้เรื่องอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น แบบ "ชัด" ในใจ ทำได้หรือ?????

 

โดยประมาณอายุคนยุคนี้ คือประมาณช่วง100ปีท่านจะเกิดครั้งหนึ่ง เกิดมาสร้างแล้วก็ทิ้งบุญบารมีไว้ในสามโลก ยังไม่รวมบารมี เกิดๆตายๆ ถี่มาก ทุกตารางนิ้วบนโลกนี้มีบารมีท่าน มีร่องรอยการเกิดของท่าน ยิ่งบารมีเต็มแล้ว มากขนาดนั้น ยากมากที่จะทราบว่าท่านมาเกิดเป็นใครบ้าง ถ้าท่านจะปิดไม่ให้ทราบ

...ที่เห็นดังๆ เก่งๆ เหมือนเป็นคนละองค์นั้น ที่แท้ ก็ใจดวงเดิมมาสร้างบารมีในร่างใหม่
บางทีเกิดมา เรื่องราวและบารมีร่างเก่าก็ยังอยู่ในโลก คนยังกราบไหว้เลย....

...เนื่องจากบารมีท่านสูงมาก และ พร้อมจะรวมบารมีในอีกไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่วันโลกทิพย์
เพื่อลงมาตรัสรู้ หลายท่านก็คิดว่าท่านเป็นพระอริยะเจ้า

 

ผู้ไม่โกรธ ฝึกฝนตนแล้ว มีความเป็นอยู่สม่ำเสมอ หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้ชอบ สงบ คงที่อยู่ ความโกรธจักมีมาแต่ที่ไหน
ผู้ใดโกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลนั้นแหละ เพราะการโกรธตอบนั้น
บุคคลไม่โกรธตอบ บุคคลผู้โกรธแล้ว ชื่อว่าย่อมชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก
ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติสงบเสียได้ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือ แก่ตน และ แก่บุคคลอื่น
เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย คือของตนและของบุคคลอื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรมย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า เป็นคนเขลา ดังนี้ ฯ

อักโกสกสูตรที่ ๒

 

...ทุกวัน ก่อนนอน หรือเวลาประมาณ20.30 น.ไทย ที่สวดมนต์ภาวนาพร้อมกันทั่วโลก ให้อธิษฐานขอกำลังพระ เชื่อมต่อหรือรวมกำลังบุญที่ทำไว้ บันทึกไว้ในแต่ละวันตั้งแต่ตื่นนอนมา ให้บันทึกเรื่องราวและบุญกุศลในแต่ละวันให้ชัดเจน

 

ทำไม ความรู้สึกถึงกระแส สัมผัส แต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/2S-daKuaVck?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

การสร้างพระคือสื่อของพลังงานที่ดี...ถ้าเป็นรูปลักษณ์โพธิสัตว์...หลวงปู่ทวดหลวงปู่ดู่...รูปลักษณ์ท่านก็คือสื่อบารมีของท่าน...ท่านอธิษฐานรวมบารมีพระพุทธเจ้าโพธิสัตว์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคตรวมไว้หมด....เมื่อเรานึกถึงท่านบ่อยๆความขัดข้องทางโลก...ความขัดข้องทางธรรมเราจะรู้(ที่มา ที่ไป และทางแก้ไข )จากท่าน


(หลวงตาตอบปัญหาธรรม 10/12/59)

 

พลังบารมี

อจินไตย เป็นสิ่งที่เกินกว่าวิสัยของปุถุชนจะสามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง สามารถนำเหตุผลทางโลกมาอธิบายได้ วิสัยพระพุทธเจ้านั้นเป็นอจินไตยอย่างหนึ่ง ผู้ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้น ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า "พระโพธิสัตว์ " แต่หลวงปู่ดู่ท่านมักใช้คำว่า " หน่อพุทธภูมิ"โดยท่านกล่าวว่า "หน่อนั้นใกล้จะเป็นต้นแล้ว"ซึ่งได้แก่ พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญปรมัตบารมี รอการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด เป็นหน่อพุทธภูมิองค์หนึ่ง กระแสเมตตาของท่านกว้างใหญ่ไพศาล หาปริมาณไม่ได้คือ เป็นพุทโธ อัปมาโณ ธัมโม อัปมาโณ สังโฆ อัปมาโณ ผู้ที่ระลึกนึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ย่อมได้รับพลังบารมีของพระรัตนตรัยอยู่เสมอ วัตถุมงคลที่ได้รับการอธิษฐาน จากท่านผู้วิสุทธิ์ย่อมมีกระแสของพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพบรรจุไว้ ซึ่งพลังเหล่านี้ไม่มีการเสื่อมเหมือนพลังทางไสยศาสตร์ มวลสารที่นำมาผสมในองค์พระมาจากที่ต่างๆกันประสงค์ให้มีพลังความศักดิ์สิทธิ์ปรากฎอยู่ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านบอกไว้ว่า " ผงพุทธคุณที่มอบให้นั้นแม้เพียงอณูเดียวก็มีพลัง มหาศาล ก่อนที่จะทำอะไรก็ตาม ให้นึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ หลวงปู่ทวด หรือข้าก็ได้ แม้นข้าตายก็เหมือนยังอยู่ข้าจะมาเสกให้แกเอง"
ข้าพเจ้ายึดมั่น เชื่อมั่นในคำพูดหลวงปู่ดู่ จึงปฏิบัติเสมอมา มิเคยขาด เพื่อประสงค์ให้วัตถุมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์ เปี่ยมด้วย พลังบารมี เพื่อให้เป็นศิริมงคลแก่ผู้นำมา สักการะบูชา ยิ่งยืนนาน สืบต่อไป

ศุภรัตน์ แสงจันทร์

 

ไขปริศนาธรรมตอนที่ 2


จากที่เมื่อวานผมได้โพสต์ปริศนาธรรมที่ผมเคลิ้มๆฝันถึงหลวงปู่ดู่ไว้ให้ทุกท่านได้ลองพิจารณากันดู ก็มี่ผํ้เข้ามาช่วยกันแก้ปริศนาไว้ได้อย่างลึกซึ้งน่าสนใจกันหลายท่านเลยครับ
วันนี้ผมเลยจะมาเล่าประสบการณ์ที่ผมได้เคลิ้มฝันว่าท่านมาตอบปัญหาให้ผมในวันต่อมา หลังจากวันแรกผมพยายามคิดยังไงก็ไม่เข้าใจปริศนาธรรมข้อนี้ี่ ลองดูครับว่าตรงกับใจใครบ้าง
(ไม่มีคำตอบไหนถูกต้องที่สุดนะครับ เพราะปริศนาธรรมนั้น สามารถแก้ได้หลายแบบ ตามจริต ภูมิธรรม ความคิดของแต่ละคนที่ได้รับปริศนามา ขอแค่แก้แล้ว ช่วยยกระดับจิตใจตนเองให้โลภ โกรธ หลง น้อยลง ถือว่าแก้ถูกต้องทั้งสิ้น ที่ผมจะโพสต์นี้จึงเป็นแค่การที่ท่านมาแก้ให้ตามจริตของผมเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการเฉลยปริศนาที่ถูกต้องที่สุดแต่อย่างใด ขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการอ่าน และอย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลงมือปฏิบัติให้เห็นเองนะครับ ผมอาจจะแค่กินเยอะแล้วฝันไปเรื่อยเปื่อยก็ได้)
ขอย้อนความฝันให้อ่านก่อนนะครับ สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านในกระทู้ปริศนาธรรมอันแรก
"วันก่อน ระหว่างที่ผมนั่งสวดมนต์อยู่จนเคลิ้มๆไป ก็เห็นหลวงปู่ดู่็ท่านนั่งอุ้มบาตรอยู่ ในบาตรนั้นมีน้ำอยู่เกือบเต็ม พอผมเดินเข้าไปกำลังจะกราบท่าน มือ 2 ข้างของท่านก็เขย่าบาตรนั้น จนน้ำกระฉอกทะลักออกมาเปื้อนตัวผมเต็มไปหมด
หลังจากนั้น ท่านก็ยกบาตรขึ้นมาเหนือหัว แล้วก็เทน้ำในบาตรนั้น ดื่มเข้าไป พอดื่มไปสักพัก ท่านก็พ่นน้ำนั้นมาใส่ผมอีกรอบหนึ่ง จนเปียกไปหมด แล้วท่านก็หันไปเขียนอักขระอะไรบางอย่างลงบนกระดานชนวนที่วางอยู่ข้างๆท่าน
จากนั้น ผมก็ตื่นลืมตาขึ้นมาจากอาการเคลิ้มๆนั้น มาพยายามนั่งพิจารณาภาพที่เห็นอยู่เป็นวันๆก็ยังไม่เข้าใจความหมาย..."
วันต่อมา หลังจากผมนั่งสวดมนต์อยู่ ผมก็เห็นภาพหลวงปู่ดู่อีกครั้ง ท่านเดินมานั่งตรงข้างหน้าผม ผมก็เลยตั้งจิตก้มกราบท่านแล้วถามปัญหาที่คิดไม่ออกมาเมื่อวานนี้
ผม - หลวงปู๋ครับ ที่หลวงปู๋มาแสดงภาพเมื่อวานหมายถึงอะไรกันแน่ครับ ผมคิดมาทั้งวันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
หลวงปู่ - มันคือสภาวะจิตนะ
ผม - หมายถึงอะไรครับ สภาวะจิต เกี่ยวอะไรกับน้ำในบาตร
หลวงปู่ - มันคือการทรงอารมณ์ไง น้ำในบาตรนั่นคืออารมณ์ของแก เมื่อใจแกไม่นิ่ง ใจแกโดนกระทบ อารมณ์มันก็จะกระฉอกออกมาเหมือนน้ำในบาตรที่กระฉอกออกมา พออารมณ์กระฉอกออกมา แกเห็นไหม มันไม่ได้เปื้อนเปรอะแค่ตัวเรา มันกระฉอกไปเปื้อนเลอะคนอื่นด้วย เวลาแกมีอารมณ์โกรธ แกเห็นใช่ไหม ความโกรธนั่นก็เผาธาตุขันธ์แกให้ร้อนรุ้มเป็นไฟ แล้มันยังกระฉอกออกมากระทบคนอื่น แกก็ไปด่าคนอื่น ไปตีคนอื่นต่อ เกิดเป็นกรรมร่วมกันเพิ่มไปอีก นั่นล่ะอารมณ์กระฉอกล่ะ
ผม - อ๋อ เข้าใจล่ะครับ แปลว่าผมต้องพยายามทำใจให้นิ่ง เวลามีอารมณ์อะไรมากระทบ อารมณ์จะได้ไม่ไปสร้างโทษให้แก่ตนเองและผู้อื่นใช่ไหมครับ
หลวงปู่ - ใช่ อารมณ์มันไม่ได้มีโทษอะไร เหมือนน้ำที่อยู่ในบาตรมันก็ไม่มีโทษอะไร แต่ถ้ามือแกสั่น ใจแกไม่มั่นคง น้ำนั้น อารมณ์นั้นมันก็จะกระฉอกมาเลอะทั้งตัวเองและผู้อื่น น้ำไม่ได้ผิด อารมณ์ไม่ได้ผิด ความไม่มั่นคงของตัวแกเองต่างหากที่สรา้งปัญหา ต้องแก้ตรงนี้ ไม่ใช่ไปทิ้งอารมณ์ แต่ต้องคงบคุมและใช้มันให้เป็น
ผม - แต่อารมณืเค้าว่ากันว่าเป็นของไม่ดีไม่ใช่เหรอครับ อารมณ์โลภ โกรธ หลง ต่างๆ เราควรทิ้งมัน วางมันนี่ครับ ตามที่เคยได้ยินมา แต่ผมเห็นหลวงปู๋ยกน้ำนั้นดื่มเข้าไปเลย แถมยังพ่นใส่ผมด้วย หลวงปู๋ทำไมไปดื่มอารมณ์ล่ะครับ มันไม่ดีไม่ใช่เหรอครับ
หลวงปู่ - แกเข้าใจผิดแล้วล่ะ ใครเขาสอนให้ทิ้งอารมณ์กัน แกเห็นตอนข้ายกน้ำดื่มเข้าไปไหมว่าแขนข้าเป็นยังไง
ผม - ก็ดูสั่นๆครับ เพราะบาตรมันหนักมาก เวลาหลวงปู่ยกก็เลยสั่นๆ
หลวงปู่ - เอ้อ ใช่ล่ะ นั่นล่ะคือจุดสำคัญ การที่ข้าพ่นน้ำออกมานั่น ก็เพราะว่า แขนข้ามันสั่น คือจิตมันประคองอารมณืไว้ได้ไม่มั่นคง เมื่ออารมณืไม่มั่นคง อารมณ์สั่นไหว ไม่เป็นกลาง ไมาเบา ไม่นิ่ง หากเรายกกินเข้าไป มันก็กระฉอกหมดล่ะ สำลักน้ำหมดล่ะ ไม่ต้องกินกัน น้ำไม่ได้ผิดเลยนะ เราต่างหากที่ยกไม่ดี ไม่ระมัดระวัง น้ำมันก็เลยหก ก็เลยดื่มแล้วสำลักพ่นออกมา
ผม - แปลว่าเราควรกินอารมณื ยึดอารมณ์ได้เหรอครับ
หลวงปู่ - อารมณ์นั้นเป็นของธรรมชาติ แม้พระอรหันต์ก็มีการเสวยอารมณ์เป็นปกติ สุขเวทนา ทุกขเวทนา ท่านก็รู้ แต่ท่านไม่ยึดมันไง ท่านเข้าใจมัน รู้วิธียกมัน ไม่ให้มันสั่นไหว ท่านก็สามารถเสวยอารมณ์เหล่านั้นได้ โดยมันไม่ทำร้ายท่าน ไม่หกรดท่าน ไม่กระฉอกไปรดคนอื่น ท่านแค่เสวยอารมณ์ไปตามสังขารขันธ์ตามธรรมชาติ
ผม - โอ้โห ยากนะครับ เสวยอารมณ์ โดยไม่ยึดอารมณ์ ผมนึกวา่เราต้องล้างอารมณ์ให้หมดไป ใจจะได้ใสสว่างซะอีก
หลวงปู๋ - ไม่ต้อง อารมณ์โดยปกติเขาเป็นแค่สังขารขันธ์ มันไม่ได้สกปรกอะไร มันเป็นธรรมชาติของเขาที่เรารับรู้ เพียงแต่เรารับรู้มันผิด เราไปเขย่ามัน ไปกระทบมันด้วยกิเลสของเราที่นอนเนื่องอยู่ในใจ ด้วยตัวตนที่ไปยึดอารมณ์นั้น มันก็เลยไปกระทบอารมณ์ให้สั่นไหว ให้มันกระฉอกออกมาทำร้ายตัวเองและคนอื่น โดยธรรมชาติแบ้วอารมณืไม่ได้มีอะไร เขาอยู่ตามปกติของเขา เราถือไม่เป็นเองต่างหาก ถึงเป็นโทษ
ผม - แล้วจะถืออารมณ์ยังไงไม่ให้เป็นโทษครับ
หลวงปู๋ - แกเห็นข้าอุ้มบาตรไหม ข้าอุ้มกี่มือ
ผม - 2 มือสิครับ
หลวงปู่ - นั่นล่ะ เครื่องรักษาอารมณ์ล่ะ มันก็มี 2 อย่าง ธรรม 2 อย่างที่รักษาอารมณ์แกรู้ไหมคืออะไร
ผม - เอ่อ นาม-รูป ไหมครับ อารมณ์ก็เกิดจากการกระทบกันของผัสสะในส่วนนาม-รูป
หลวงปู่ - เอ้ ใช่ล่ะ ไม่เสียแรงมาสอนนะ พอมีความรู้อยู่บ้าง นาม กับ รูป นั่นล่ะ คือคำตอบ ก็เพราะเราประคองนามกับรูปให้นิ่งไม่ได้ อารมณ์มันเลยเขย่า มันเลยกระฉอกมาทำร้ายตัวเองและผู้อื่นนี่ละ สำคัญ
ผม - แล้วจะประคองนาม-รูปยังไงครับ
หลวงปู่ - นามกบัรูป เค้าส่งผลกระทบกันไปมาไม่หยุดนะ มันเนื่องกันอยู่ พอนามกระทบรูป รูปก็ย้อนกลับมากระทบนาม นามก็กลับไปกระทบรูปใหม่ นั่นล่ะ อารมณ์มันกระฉอกตรงนั้น
ผม - ยังไงครับยหลวงปู๋ เริ่มยากแล้ว นามกระทบรูปย้อนไปย้อนมา มันกระทบสะท้อนกันยังไงเหรอครับ
หลวงปู่ - เอ้ เอ็งไม่น่าเข้าใจยากนี่ นามคือใจใช่ไหม รูปก็คือกายใช่ไหม พอมีคนเอาไม้มาตีหัวแก รูปก็โดนกระทบ ใจหรือนามของแกก็เข้าไปรับมาว่า ไอ้นี่มันตีข้า พอรูปกระทบนาม คราวนี้ อารมณ์กระแฮกล่ะ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟล่ะ ใจก็ไปสั่งร่างกายว่าฉันแค้นนะ ฉันจะเอาคืนนะ นี่เห็นไหม รูปกระทบนาม แล้วนามก็ย้อนกลับไปกระทบรูปอีก พอกายถูกใจสั่งอย่างนั้นก็ร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว พอมันร้อนรุ่ม ทีนี้ใจก็ไปรับกระทบความร้อนจากกายนั่นมาใหม่ ใจก็เลยร้อนขึ้นไปอีกเราะกายมันเครียด มันร้อน ใจก็เลยทนไม่ไหว สั่งกายให้ไปหาไม้มา ไปไล่ตีเขาคืน เอาล่ะคราวนี้ กระฉอกออกไปหาคนอื่นล่ะนะ ไปไล่ตีเขา คราวนี้กรรมร่วมกันล่ะ ลงอบายด้วยกันเลย อารมณ์มันกระฉอกไง ใจร้อน กายร้อน แล้วใจก็ร้อยน แล้วกายก็ร้อน แล้วก็กระฉอกออกไปร้อนถึงคนอื่น เอ็งเห็นไหมล่ะ มันต่อเนื่องกันแบบนี้นะ เหมือนมือ 2 ข้างที่มันถือบาตรนัี่นไง พอมือเขย่าพร้อมกัน คราวนี้น้ำในบาตรก็หกหมดล่ะ รดทั้งตัวเรา กระฉอกไปโดนทั้งคนอื่น
ผม - แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราจะประคองอารมณืยังไงล่ะครับ ก็ในเมื่อรูปมันโดนตี ใจมันก็ต้องโกรธ ก็ต้องสั่งให้กายร้อน ให้กายไปตีเขา มันก็ไม่จบสิครับ
หลวงปู่ - เราหยุดมันได้นี่ เรามี 2 มือใช่ไหม มือหนึ่งโดนตีให้สั่น แต่ถ้าอีกมือมั่นคง ประคองไว้ มันก็ช่วยกันได้ น้ำมันก็ไม่หก รูปน่ะเราไปคุมมันไม่ได้ มันโดนตี มันก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา แต่ นาม เราคุมได้นี่ พอโดนตี ใจก็ไปรับรู้อาหารเจ็บนั้น เราก็รู็ว่าเจ็บเฉยๆ วางมันตรงนั้น ไม่ไปกระทบต่อ พอใจมันหยุด มันก็ไม่สะท้นกลับไปกระทบรูป กายมันก็ไม่เครียดไม่ร้อน มันก็ไม่สะท้อนความเครียดความร้อนมาให้ใจเรา ใจก็ไม่เครียดเพิ่ม หยุดเลยนะ หยุดเลย หยุดได้ที่นามนี่้เองเลย เราก็ไม่ไปตีเขาล่ะ เรารู้แค่ว่าเจ็บ แต่ไม่โกรธ เพราะมันแค่เจ็บ ไม่ใช่กูเจ็บ เมื่อไม่มีกูให้เจ็บ ก็ไม่มีใครให้โกรธ ก็แคการกระทบกันของรูป ของไม้กับเนื้อเราเฉยๆ ไม่มีอะไรให้โกรธนี่ เราก็เสวยอารมณืนั้นได้สบายๆ อารมณ์ไม่เ็นโทษกับเราล่ะ เพราะเราไม่เขย่ามัน
ผม - โอ้โห มันยากนะครับ ตามทฤษฎีก็พอเข้าใจได้ แต่พอเจอของจริง พอโดนตีมาปุ๊บ ใจมันแทบจะคิดในทันทีว่า กูเจ็บ แล้วหลังจากนั้นก็ร้อนรุ่ม ยกไม้มาตีคนเลย มันเอาไว้ไม่ทันนะครับ มันละเอียดมากๆ
หลวงปู๋ - นี่ไง ข้าถึงสั่งถึงสอนเรื่องไหว้พระสวดมนต์เอาไว้ เมื่อเอ็งไหสพระสวดมนต์อยู่เสมอ ใจมันอยู่กับพระ อนู่กับไตรสรณคมน์นะ มันเบานะ แต่มีกำลังมาก ใจที่อยู่กับพระน่ะ อะไรมากระทบก็เหมือนตีนุ่น มันไม่เจ็บล่ะ เขาตีมา ใจเราอยู่กับพระ มันก็จบล่ะ พระท่านไม่พาเขย่าอารมณ์นะ พระท่านยิ้มเฉยๆ ใครจะด่าจะชมท่าน ท่านก็ยิ่มรับ แกไม่เห็นเหรอ ในวัดในโบสถ์น่ะ ท่านยิ้มรับหมดนะ ใครจะมาขออะไร จะด่าจะชม จะตัดเศียรท่าน ท่านก็ยิ้ม
ผม - แต่นั่นเป็นพระอิฐพระปูนนี่ครับ ท่านก็เลยยิ้มตลอด ท่านไม่เจ็บ
หลวงปู่ - ข้าเทียบให้ฟังเฉยๆ ไม่ได้ให้แกเป็นอิฐเป็นปูน นั่นมันผิดทางแล้ว ถ้าเป็นอิฐเป็นปูน มีอะไรมากระทบ แกก็ต้องอดทนกับมัน แข็งขืนกับมัน พอทนไม่ไหว ก็ตบะแตก ปูนแตกปูนพังหมด แต่พระท่านไม่ใช่แบบนั้น ท่านเหมือนลมล่ะ ตีไปเถอะลมน่ะ ท่านไม่หวั่นไหวไม่พังหรอก เพราะท่านเบา คนตีจะเหนือยเองเปล่าๆ นั่นล่ะยิ้มแบบอารมณ์เบาๆ แบบใจอยู่กับพระ ไม่ใช่ยิ้มแบบพระอิฐพระปูนนะ
ผม - แปลว่าทั้งหมดที่ยากๆนี่ สรุปลงที่ใจอยู่กับพระเฉยๆก็พอเหรอครับ
หลวงปู่ - เออ ทั้งหมดนั่นข้าแจกแจงกระบวนการในสภาวะจิตให้แกเข้าใจเฉยๆ แต่ถ้าเอาไปสอนคนอื่น มันเข้าใจยากนะ เอาแค่ให้ใจอยู่กับพระเสมอๆ ให้ใจอยู๋กับไตรสรณคมน์นั่นล่ะพอแล้ว พอใจหรอืยามเราอยู่กับพระ รูปอะไรมากระทบ ใจเราก็ไม่หวั่นไหวไง เพราะใจเรามันเบา อารมณ์ก็เลยไม่เขย่า ไม่ขุ่น เราก็เลยเสวยอารมณ์ได้เป็นปกติ โดยไม่มีโทษกับเรา เพราะเราหยุดที่พระแล้วนี่ เขาตีเรามา เรานึกถึงพระ จบเลย มันกไม่มีการต่อกรรม ใจเราก็ไม่ไปสั่งให้กายมันร้อนรุ่ม เพราะใจอยู่กับพระแล้ว พอกายไม่ร้อน มันก็ไม่ส่งความร้อนมาบีบให้ใจเครียดกว่าเดิมจนต้องสั่งกายให้ยกไม้ไปตีใคร มันจบที่ใจ จบที่พระนี่เลยนะ นี่ล่ะ การเข้าถึงไตรสรณคมน์ล่ะ มันคือการประคองนาม-รูปได้ทั้งหมด อารมณ์โทษก็จะไม่เกิด ไม่กระฉอกมาทำร้ายตัวเองและผู้อื่น ทา่นถึงบอกว่าผู้ถึงไตรสรณคมน์คือ ผู้ปิดอบายภูมิได้ ก็ในเมื่อใจแกอยู่กับพระ อารมณ์มันก็ไม่กระฉอก มันก็แค่นาม-รูปกระทบกัน มันก็ไม่สรา้งความขุ่นมัวให้ใจตัวเอง ไม่สรา้งกรรมกับผู้อื่นต่อ ใจมันหยุดอยู๋ที่พระแล้วไง มันจะไปนรกได้ที่ไหน ใจอยู่กับพระ เราก็มีแต่ไปกับพระนี่ล่ะ ไปอบายไม่ได้ ปิดอบายเลย
ผม - อ้อ ลึกซึ้งมากเลยนะครับ กระบวนการของ นาม-รูป อารมณ์ กระทบกันไปมาไม่หมดสิ้น แต่หยุดกันง่ายๆแค่ทำใจอยู่กับพระ
หลวงปู๋ -ใช่ ของพูดง่ายแต่ทำยากนะ ต้องเพียรทำไป ไม่ต้องไปนั่งดูการกระทบที่ละครั้งนะ มันดูยาก นั่นมันขั้นสูง ต้องเห็นจิตแล้วถึงทำได้ เราเอาแค่หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ ทำใจนึกถงพระเสมอๆไว้ ผมมันได้เท่ากัน ไม่ต้องไปเอาปัญญาวิปัสสนาขั้นสูงอะไรอย่างใครเขา เอาแค่ใจอยู่กับพระให้ได้เสมอ แค่นั้นจบนะ แกจะเอาอะไรล่ะ พระท่านมีหมอล่ะ สวรรค์ พรหม นิพพาน โพธิญาณ พระท่านมีหมด ขอแค่หมั่นเพียรทำใจอยู่กับพระจริง ท่านมีให้แกหมด อยู่ที่แกจะทำจริง เชื่อจริงไหม วิธีการง่ายๆมีแค่นี้ แต่ที่เล่ามาซับซ็อนนั่นมันกระบวนการเชิงพลังงาน เพราะแกอธิษฐานเรียนพลังงาน ข้าเลยต้องเล่าละเอียดด้วย แต่เวบลาปฏิบัติไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เอาแค่ใจอยู่กับพระนี่ล่ะ จบล่ะ
ผม - ขอบพระคุณครับหลวงปู่ เป็นความรู้มากจริงๆครับ จะพยยามเอาไปปฏิบัติไม่ให้เสียแรงที่หลวงปู่มาสอนครับ อ้อ ว่าแต่ยันต์ที่หลวงปู๋เขียนไว้ในกระดานชนวนนี่ มันยันต์อะไรครับ ผมดูมันเหมือนตัว "นะ" แต่เป็นตัว "นะ" ที่ดูจะผิดอักขระกับตัวนะทั่วไปอยู่นะครับ ผมไม่เคยเห็นในตำราไหนเลย เส้นมันเดินทับซ้อนกันยังไงชอบกล ปกติเขาว่าจะเป็นอักขระวิบัตินี่ครัย (ตัวนะดังในรูปที่เขียนไว้ข้างล่างครับ)
หลวงปู่ - เอ็งไม่รู้อะไร นี่เป็น "นะไตรสรณคมน์" นะ ตัว "นะ" เขาหมายถึงกำเนิดของรูป ปกติเขาเอาไว้กำเนิดยันต์ แต่ข้าทำให้ดูว่า พอรูปเกิดแล้ว เอ็งต้องเอานาม 3 อย่างเข้าประกบ เหมือนที่ข้าลงท้ายด้วยเส้น 3 ยอดแหลมๆซ้อนเข้าไปในตัวนะนั่นล่ะ นั่นคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เอ็งต้องเอาซ้อนเข้าไปในกำเนิดรูป คือ ให้พระไตรสรณคมน์ประคองรูป-นามของเอ็งไว้ ถ้าำได้ เอ็งจะเสกอะไรก็ขลังหมดล่ะ อธิษฐานเอาเลย ไรสรณคมน์เค้าเป็นแก้วสารพัดนึกนะ
ผม - แต่เส้นซ้อนทับกันมันไม่ผิดหลักยันต์เหรอครับ
หลวงปู่ - ซ้อนทับกันคือกระทบไงล่ะ ข้าลงไว้ให้หมายถึงว่า เมื่อนาม-รูปกระทบกัน แกต้องประคองเอาไว้ด้วยไตรสรณคมน์ อย่าให้นามรูปเขย่าจนอารมณ์กระฉอก เอาไตรสรณคมน์รองจิตรองใจไว้เป็นฐาน คราวนี้แกทำได้ทุกอย่างล่ะ ที่ข้าเล่ามายืดยาวทั้งหมด จบที่นะตัวนี้เลยนะ สรุปไว้ทุกอย่าง ไปศึกษาดูเถอะ ข้าให้ไว้แล้ว


https://www.facebook.com/photo.php?...41556181.53691.100001197925342&type=3&theater