@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974


    ---------------------------------------------





    สวดมนต์ไม่เพลินเป็นไปไม่ได้หรอก สวดแล้วก็อยู่กับภาพ อยู่กับหลวงปู่
    อยู่กับบทสวด อยู่กับความหมายของบทสวด ไม่จำเป็นหรอกต้องไปเห็นนู่นเห็นนี่ อย่างคนอื่นเค้าอ่ะ แต่มองไปจะมีความรู้สึกแล้วล่ะ ใช้ความรู้สึก
    ความรู้สึกนี่มันเป็น #มันเป็นจริงมากกว่านิมิตนะฮะความรู้สึกเนี่ย
    เทศน์ ณ วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2559
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    เรื่อง "เหตุที่บรรลุธรรมได้อย่างรวดเร็ว เมื่อฟังธรรมเทศนาเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า"

    (โอวาทธรรม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

    ท่านผู้อ่านทั้งหลายคงเคยได้ทราบเรื่องของพระสาวกบางรูปมาแล้วว่า ท่านได้บรรลุพระอรหัตตผลในขณะที่ท่านนั่งฟังพระธรรมเทศนาเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธองค์นั่นเอง แล้วท่านเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมท่านจึงสำเร็จง่ายดายนัก ท่านไม่ได้เจริญ ฌาน-สมาธิ-วิปัสสนา และมรรค ๘ บ้างหรือ

    หากท่านตั้งใจคิดและพิจารณาด้วยใจอันเป็นธรรมแล้ว คงจะเห็นชัดด้วยใจของตนเองว่า ท่านเหล่านั้นในขณะนั้นท่านไม่ได้เจริญฌาน หรือหากบางท่านจะเคยได้เจริญฌานมาก่อนแล้วก็ตาม แต่ในขณะที่ท่านนั่งฟังพระธรรมเทศนาอยู่นั้น ท่านไม่ได้เจริญฌาน ท่านเจริญสัมมาทิฏฐิ อันมีสัมมาสมาธิเป็นรากฐาน คือดำเนินตามองค์มรรค ๘ ทีเดียว มีวิปัสสนาคือ พระไตรลักษณญาณเป็นผู้อุดหนุน

    หากจะมีความสงสัยว่าสมาธิในขณะนั้นจะมีได้อย่างไร ขอเฉลยไว้ ณ โอกาสนี้เลยว่า สมาธิ ไม่ต้องดับรูป-เสียง-กลิ่น-รส-สัมผัส เหมือนฌาน แต่สมาธิจะยึดเอาอารมณ์ทั้ง ๖ นั่นแหละมาเป็นเครื่องพิจารณาจนเห็นอารมณ์ทั้ง ๖ นั้นชัดตามเป็นจริงว่า อายตนะ ๖ มีตาเป็นต้น เป็นบ่อเกิดของอารมณ์ ๖ มีรูปเป็นต้น กิเลสจะเกิดขึ้นที่อายตนะ ๖ นี้เพราะความไม่รู้ตามเป็นจริง แล้วเข้าไปยึดอารมณ์ ๖ นั้นมาไว้เป็นของตัวจึงเดือดร้อนเป็นทุกข์

    ความจริงแล้ว อายตนะ ๖ ก็มีไว้สำหรับรับรู้ทำหน้าที่ของตนๆเป็นธรรมดาอยู่แล้ว อายตนะมิได้มาไหว้วอนหรือร้องขอให้ใครๆ มาหลงรักหลงชอบหรือเกลียดชังอะไร แต่ใจของเราต่างหาก แส่ไปยึดไปถือเอาอารมณ์นั้นมาเป็นตน เป็นของตน ทั้งๆที่อารมณ์เหล่านั้นก็หาได้เป็นไปตามปรารถนาไม่ มันเกิดขึ้น ณ ที่ใด มันก็ดับลง ณ ที่นั้น มันเกิดๆ ดับๆ อยู่อย่างนี้ตลอดกาล

    ผู้มาพิจารณาเห็นชัดแจ้งอย่างนี้ด้วยใจด้วยปัญญาอันชอบแล้ว จิตจะไม่แส่ส่ายลังเลไปในอารมณ์นั้นๆ แล้วจะตั้งมั่นแน่แน่วอยู่ในความจริงใจว่า อายตนะทั้ง ๖ จะเป็นกิเลส และเป็นภัยก็แต่ผู้ที่ไม่เข้าใจตามเป็นจริง แล้วเข้าไปยึดถือ เอามาเป็นตนเป็นของตนเท่านั้น ผู้ที่รู้เห็นตามเป็นจริงแล้วอายตนะทั้งหลายก็จะเป็นอายตนะอยู่ตามเดิม และทำหน้าที่อยู่ตามเคย ใจก็จะไม่หลงเข้าไปยึดเอามาเป็นตนของตนเลย ที่เรียกว่าสมาธิเกิดขึ้นเพราะเอาความเห็นอันเป็นจริงในสัจจธรรมมาเป็นอารมณ์ ต่อนั้นไป หากมีผู้มาแสดงสัจจธรรมอันเนื่องมาจากอายตนะ-ขันธ์ เป็นต้น อันมีมูลฐานอันเดียวกัน ท่านผู้นั้นก็จะส่องแสงปัญญาตามรู้ตามเห็นไปตามทุกแง่ทุกมุมจนสิ้นสงสัยในธรรมนั้นๆ ที่เรียกว่าได้บรรลุธรรม

    สมมติว่า หากท่านผู้อ่านสนใจในธรรมอยู่ ได้ไปเฝ้าฟังธรรมของพระพุทธเจ้าผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาฉลาดเฉียบแหลมลึกล้ำ สรรเอาแต่ถ้อยคำที่เป็นอรรถเป็นธรรมนำมาซึ่งประโยชน์ เสียงก็ไพเราะเพราะพริ้ง ตรัสคำใดออกมาก็เป็นที่น่าจับใจ พระรูปพระโฉมผิวก็ผุดผ่อง นิ่มนวลชวนให้เกิดความเลื่อมใส จรณธรรมทั้งหลายของพระองค์ไม่มีบกพร่อง ทั้งด้านน้ำพระทัยของพระองค์เล่าก็เปี่ยมไปด้วยพรหมวิหารทั้งสี่เช่นนี้แล้ว ท่านจะทำอย่างไร หากท่านไปเฝ้าพระพุทธเจ้าดังนั้นเข้าแล้วท่านจะนั่งภาวนากรรมฐาน เจริญฌานกสิณ ดับอารมณ์ภายนอก มีรูปเป็นต้น เสวยความสุขยึดเอาเอกัคคตารมณ์ชมไม่รู้อิ่มไม่รู้เบื่อ จนเกิดวิปัสสนาญาณ ๙ แล้วจึงจะเข้าถึงมรรคผลนิพพานอย่างนั้นหรือ หากท่านมัวทำเช่นนั้นอยู่ เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าคงจะต้องเสด็จหนีก่อนเป็นแน่

    แต่ถ้าท่านไม่ดับอารมณ์เหล่านั้น แต่มายึดเอาอารมณ์เหล่านั้นขึ้นมาพิจารณาให้เห็นตามเป็นจริงดังแสดงมาแล้ว เมื่อพระพุทธเจ้าเป็นผู้มีจิตใจอันบริสุทธิ์ กลั่นกรองเอาธรรมที่เป็นของบริสุทธิ์มาแสดงให้ท่านผู้มีความเห็นอันบริสุทธิ์ คือสัมมาทิฏฐิและมีสัมมาสมาธิ เป็นผู้อุดหนุนนั่งฟังธรรมอยู่นั้น เมื่อถึงพร้อมเช่นนั้น ขอให้ท่านพิจารณาดูว่าจะมีอะไรเกิดตามมา เท่าที่แสดงมานี้ เข้าใจว่าท่านผู้อ่านทั้งหลาย พอจะเข้าใจเนื้อความที่ว่า ผู้นั่งฟังธรรมของพระพุทธเจ้าได้บรรลุมรรคผลนิพพานในขณะนั้นจะมี ฌาน-สมาธิ หรือไม่

    ขอเฉลยว่า ฌานเป็นของเล็กน้อย ฌานเป็นเครื่องอยู่เครื่องเล่นของท่านผู้ที่ได้บรรลุธรรมชั้นสูงสุดแล้ว ท่านจะเจริญให้เกิดให้มีขึ้นเมื่อไรก็ได้ไม่เป็นของยาก เหมือนคนผู้มีความฉลาดเฉียบแหลมสมบูรณ์แล้ว จะทำตนเป็นคนโง่ย่อมง่ายดาย แต่ถ้าคนโง่นี่ซิ จะทำตนให้เป็นคนฉลาดเปรื่องปราดมันยากนัก ถึงจะทำได้ก็ไม่เหมือน ขอย้ำอีกว่า ถ้าหากท่านยังเห็นว่า ฌาน สมาธิเป็นอันเดียวกันอยู่แล้ว ข้อความที่แสดงมาข้างต้นนั้นก็จะไม่สามารถซึมซาบเข้าไปถึงใจของท่านได้เลย

    อนึ่ง มติของบางท่านยึดเอาตัวหนังสือเป็นหลักว่าพระอรหันต์สุขวิปัสสกไม่มีสมถะ เจริญวิปัสสนาล้วนๆ คำว่า สมถะใครๆ ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ได้แก่ฌานหรือสมาธิ ถ้าพระสุขวิปัสสกไม่มีสมถะ มันจะไม่ขัดกันกับพระพุทธพจน์ที่ว่า ผู้เจริญสมาธิดีแล้วย่อมมีปัญญาเป็นผลเป็นอานิสงส์ใหญ่หรือ ที่ว่าผู้ที่จะถึงมรรคผลนิพพานต้องดำเนินอัฏฐังคิกมรรค มรรค ๘ ก็มีสมาธิอยู่ด้วย มรรค ๘ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เท่านั้น เป็นทางเอกอันจะนำสัตว์ให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสได้

    ท่านผู้รู้ทั้งหลายทำไมไม่หยิบยกเอาคำเหล่านั้นขึ้นมาพิจารณาดูบ้าง หรือมิฉะนั้นก็ขอให้ลงมือปฏิบัติจนให้จิตเป็นสมถะ วางความยึดมั่นถือมั่นตัวหนังสือแล้วเกิดความรู้จากสมถะนั้น ภายหลังจึงเอาความรู้ทั้งสองอย่างนั้นมาเทียบเคียงกัน ท่านก็จะหายความสงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างน่าอัศจรรย์

    น้ำใสแสนใสถ้าไม่นิ่งจะเห็นตัวปลาและเม็ดทรายอยู่ใต้น้ำได้อย่างไร ใจไม่สงบจะเห็นกิเลสและอารมณ์ภายในของตนได้อย่างไร



    เปิดดูไฟล์ 3780799




    -----------------------------------------------------------------------


    เครดิต
    https://www.facebook.com/dhammagraphic/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    16105664_1896514147236337_2700783525292663529_n.jpg



    15941361_1280601478645654_1113094382731105582_n.jpg



    ทุกอิริยาบถ ถ้าเราเห็นพระได้ จิตของเราจะไม่ฟุ้งซ่าน ไม่เคลื่อนจากความดี พระมีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง ไหว้ตรงไหนก็เจอ


    คติธรรมคำสอนโดย... หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    Graphics by... ชยปุญฺโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ) Athinan Aumboon
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2017
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    15941266_1907492256147731_2222749407619804094_n.jpg
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    15940641_1850609495228560_573694146712011572_n.jpg



    15941446_1844080792498495_5830734815571761884_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    15966206_627301254120508_8051796612378627957_n.jpg


    คำพูดใครจะคิดค้นประดิษฐ์ให้สวยหรูทำได้ อยู่ที่ใจเข้าถึงถ้าไม่ได้ถือว่าเป็นมายาสาไถย คนทั่วไปอาจไม่รู้มีแต่ใจเจ้าของรู้ สิ่งลึกลับรู้ เขาถึงบอกความลับไม่มีในโลก
    รอการแสดงผลไม่ชาตินี้ก็ชาติต่อไป
    เพราะกรรมได้ถูกบันทึกไว้ด้วยตัวเอง

    จงเป็นผู้แสดงธรรม อย่าเป็นนักแสดงธรรม




    -----------------------------------------------


    เครดิต

     
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    15977173_1076588739136127_7788645134927409376_n.jpg
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    15977779_393272747685596_7983441695843353175_n.jpg
     
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    พระศุภกิจ ปภัสฺสโร



    ❖ ให้นึกถึงหลวงปู่ ๆ จะมาช่วยทีเดียวพร้อมกัน 200 กายทิพย์ ช่วยศิษย์พร้อม ๆ กันคราวละ 2000 คน ...หลวงปู่หงษ์เมตตาเล่าไว้.....วันหน้าถ้าศิษย์ ลูกหลานมีเหตุ เภทภัยนึกถึงหลวงปู่หงษ์ หลวงปู่จะมาช่วยทีละ 200 กายทิพย์ คำกล่าวหลวงปู่เล่าไว้นี้หวังให้เป็นขวัญกำลังใจ เป็นอนุสติ เป็นคำของครูบาอาจารย์ หลวงปู่เล่าไว้เมื่อครั้งหลวงปู่หงษ์ ท่านอาพาธหนักเมื่อปี 52 เมื่อหลวงปู่หงษ์หายจากอาพาธหนักในครั้งนั้น หลวงปู่ได้เล่าว่า ขณะป่วยนั้น..ได้ขึ้นไปเบื้องบนและครูบาอาจารย์หลวงปู่หงษ์ได้พยากรณ์หลวงปู่ว่า บุญกุศลที่บำเพ็ญพุทธภูมิได้เต็มเปี่ยม สมบูรณ์ด้วยบารมี 30 ทัศแล้ว ครูบาอาจารย์ เทพ-พรหม จึงทำพิธีพร้อมกับยกหลวงปู่หงษ์ขึ้นเป็นบรมโพธิสัตว์ และพยากรณ์หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ไว้ว่า...หากละขันธ์ 5 กลับขึ้นมาเบื้องบน สามารถช่วยศิษย์ได้พร้อม ๆ กันทีละ 2000 คน ช่วยศิษย์ 1 คนทีละ 200 กายทิพย์


    ....ผู้เรียบเรียง...ขอให้ท่านผู้อ่านใช้วิจารณญาณ พิจารณา มิได้มีเจตนา ชวนเชื่อ บั่นทอนสติปัญญาท่านผู้อ่านแต่ได้นำเสนอเรื่องราวตามที่ไดสดับฟังมา จากบุคคลที่เชื่อถือได้ แม้มีความใดที่เจตนามา พูดมุสาโกหก ขอตกนรกหมกไหม้ได้ มิหวั่นเลย..ขอเจริญพร


    15965451_1181286781947222_5197462131060295913_n.jpg

    https://www.facebook.com/prasupakit
     
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2017
  11. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ปัจฉิมวาร


    (เรื่องนี้เขียนโดย อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ เมื่อปี 2534 เขียนในหนังสือพระผู้จุดประทีปในดวงใจครับ)
    นับเเต่พ.ศ.2525 เป็นต้นมาหลวงปู่ดู่ต้องรับภาระหนักในการรับเเขกจนกระทั้งสุขภาพของท่านทรุดโทรมขึ้นทุกวันโดยปรกติท่านจะอยู่ที่กุฏของท่านเพื่อโปรดญาติโยมโดยไม่รับกิจนิมนต์ไปที่ไหนๆเลยปีนึ่งๆท่านจะออกกุฏิเพียงลงอุโบสถเพียง3ครั้งเท่านั้นคือวันเข้าพรรษา วันออกพรรษา เเละวันอนุโมทนาผ้ากฐิน
    ด้วยปณิธานที่ตั้งไว้. สู้เเค่ตาย ท่านใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างสูงเเม้บางครั้งจะมีโรคมาเบียดเบียนอย่างหนักท่านก็สู้อุตส่าห์ออกโปรดญาติโยมเป็นปกติ พระที่อุปัฏฐากท่านได้เล่าให้ฟังว่าบางครั้งถึงเวลาที่ท่านต้องพยุงตัวเองขึ้นด้วยอาการสั่นเเละมีน้ำตาคลอเบ้าท่านก็ไม่เคยปริปากให้ใครต้องเป็นห่วงเเละกังวลเลยในปีท้ายๆท่านถูกตรวจพบว่าเป็นลิ้นหัวใจรั่วเเม้นายเเพทย์จะขอร้องให้ท่านเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลท่านก็ไม่ยอมไป ท่านเล่าให้ฟังว่า เเต่ก่อนเราเคยอยากดี เมื่อดีเเล้วก็เอาให้หายอยาก อย่างมากก็เเค่สู้ให้ตาย ใครจะเหมือนข้า ข้าบนตัวตาย
    มีบางครั้งที่ได้รับข่าวสารว่าท่านล้มขณะกำลังลุกเดินออกจากห้องเพื่อมาโปรดญาติโยมในตอนเช้าคือประมาณ6นาฬิกา อย่างที่เคยปฎิบัติทุกวันโดยปกติที่ท่านสุขภาพเเข็งเเรงดีท่านจะเข้าจำวัดประมาณ4-5ทุ่ม เเต่กว่าจะจำวัดจริงๆประมาณเที่ยงคืน ตีหนึ่ง เเล้วมาตื่นนอนตอนประมาณตีสามมาช่วงหลังที่สุขภาพไม่เเข็งเเรงจึงตื่นประมาณตีสี่หรือตีห้าเสร็จกิจการทำวัตรเช้า เเละธุระส่วนตัวเเล้วจึงออกมาโปรดญาติโยมที่หน้ากุฏิ
    ประมาณปี2532 หลวงปู่ดู่พูดหลายครั้งนความหมายว่าใกล้ถึงเวลาที่ท่านจะละสังขารนี้ไปเเล้ว จนกระทั้งถึงวันที่16 มกราคม 2533 ในตอนบ่ายขณะที่ท่านกำลังเอนกายพักผ่อนอยู่นั้นมีนายทหารอากาศผู้หนึ่งมากราบนมัสการท่านเป็นการมาครั้งเเรก หลวงปู่ได้ลุกขึ้นนั่งต้อนรับด้วยหน้าตาที่สดใสราศีเปล่งปลั่งเป็นพิเศษ กระทั้งบรรดาลูกศิษย์ ณ ที่นั้นเห็นผิดสังเกต หลวงปู่เเสดงอาการยินดีเหมือนรอคอยบุคคลผู้นี้มานาน ต่อไปนี้ข้าจะได้หายเจ็บหายไข้เสียที ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าท่านกำลังจะโปรดลูกศิษย์คนสุดท้ายของท่าน หลวงปู่ดู่ท่านได้เเนะนำการปฎิบัติพร้อมทั้งให้เขานั่งปฎิบัติต่อหน้าท่านซึ่งเขาก็สามารถปฎิบัติได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ท่านย้ำในตอนท้ายว่า ข้าขอฝากให้เเก่ไปปฎิบัติต่อ ในคืนนั้นก็ได้มีคณะศิษย์มานมัสการท่าน ซึ่งการมาในครั้งนี้ ไม่มีใครคาดมาก่อนเช่นกันว่าเป็นการมาพบกับสังขารธรรมของท่านเป็นครั้งสุดท้ายเเล้วหลวงปู่ดู่ได้เล่าให้ศิษย์คณะนี้ฟังด้วยสีหน้าปกติว่า ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดในร่างกายที่ไม่เจ็บปวดเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าห้องไอซียูไปนานเเล้ว พร้อมทั้งพูดหนักเเน่นว่าข้าจะไปเเล้วนะ ท้ายที่สุดท่านได้เมตตากล่าวย้ำให้ทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ถึงอย่างไรก็ขออย่าได้ทิ้งการปฏิบัติ นี้เป็นดุจปัจฉิมโอวาทของหลวงปู่ พระ.... ผู้เป็นดุจพ่อ พระ... ผู้เป็นดุจครูอาจารย์ พระ... ผู้จุดประทีปในดวงใจ ของผู้เป็นศิษย์ทุกคนอันจะไม่สามรถลืมเลือนได้เลย ท่านได้ละสังขารไปด้วยความสงบด้วยโรคหัวใจในกุฏิท่านเมื่อเวลาประมาณ5นาฬิกา ของวันอังคารที่17มกราคม พ.ศ.2533 อายุได้85 ปี 8เดือน อายุพรรษา65 พรรษา บัดนี้สิ่งที่คงอยู่มิใช่สังขารธรรมของท่านหากเเต่เป็นหลวงปู่ดู่องค์เเท้ที่เป็นนามธรรมซึ่งจะคงอยู่ตลอดไป ธรรมทั้งหลายที่ท่านได้พร่ำสอนทุกวรรคตอนเเห่งธรรม ที่บรรดาศิษย์ได้น้อมปฎิบัตินั้นคือการที่ท่านได้เพาะเมล็ดพันธุ์เเห่งความดีงามบนดวงใจของศิษย์ทุกคน ซึ่งนับวันจะเติบโตผลิดอกออกผลเป็นสติเเละปัญญาบนลำต้นที่เเข็งเเรงคือ สมาธิ เเละบนพื้นดินที่มั่นคงเเน่นหนาคือศีล สมดังเจตนารมณ์ที่ท่านได้ทุ่มเททั้งชีวิตด้วยเมตตาธรรมอันยิ่ง อันจักหาได้ยากทั้งในอดีตปัจุบันเละอนาคต ตราบใดก็ตามที่เเก่ยังไม่เห็นความดีในตัว ก็ไม่นับว่าเเก่รู้จักข้า เเต่ถ้าเมื่อใดที่เริ่มเห็น ความดีในตัวเองเเล้ว เมื่อนั้น ข้าว่าเเก่รู้จักข้าดีขึ้นเเล้ว
    เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
    ทำไมหลวงปู่ดู่ท่านถึงสั่งให้เผาท่านในลักษณะท่ายืน เพราะท่านบอกว่าจะต้องเดินจาริกโปรดคนอยู่
    พิธีสวดอภิธรรมท่าน มี ปีกว่า อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์เป็นเจ้าภาพ ๑ วัน
    หมอที่ดูแลอาการป่วยหลวงปู่ดู่ คือ หมอพิเชฐ และเป็นกรรมการวัด ตอนหลังได้ลาออกจากการเป็นกรรมการวัดพร้อมอาจารย์ ศุภรัตน์ แสงจันทร์
    ทางมูลนิธิ ที่อาจารย์ท่านร่วมอยู่ได้ดำเนินเรื่องของ ไฟพระราชทานให้หลวงปู่จนสำเร็จ โดยพระราชทานผู้แทนพระองค์พระเทพฯ



    16115068_629105577273409_8057414307627145029_n.jpg

    15965501_629105610606739_3410777922188869259_n.jpg

    16114065_629105643940069_7252329653126331336_n.jpg
     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    เคล็ดการสวดคาถาเงินล้าน โดย ท่านอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน

    เมื่อปี ๒๕๒๘ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้ขอให้บรรดาลูกหลานได้ใช้พระคาถาเงินล้าน เพื่อเสริมสร้างความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตพระท่านก็อนุญาตให้ เราจะสังเกตได้ว่าใครก็ตามที่ทำพระคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐานอย่างสม่ำเสมอ ความคล่องขัดในการดำเนินชีวิตจะมีน้อยกว่าคนอื่นเขา ขอยืนยันคำว่าจริงจังและสม่ำเสมอ เพราะว่าเรื่องคาถาเป็นพื้นฐานของอภิญญา คนจะเป็นอภิญญาได้จะต้องมีความจริงจังและสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำ ๆ ทิ้ง ๆ เมื่อท่านทั้งหลายได้ทำจริงจังและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะทำในจำนวนที่มาก อย่างเช่นว่าอาจจะภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ เป็นต้นก็จะมีความสะดวกคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา
    โดยเฉพาะอาตมานั้น ตั้งแต่ท่านบอกมา ใช้การภาวนาจากที่เคยใช้อยู่ ๙ จบก็เพิ่มมาเป็น ๓๐ จบ....
    จากที่ใช้ ๓๐ จบ แล้วรู้สึกว่าเวลาเหลืออีกเยอะ ก็เพิ่มเป็น ๓๐๐ จบ.......
    ไล่มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็น ๓๖๐ จบ เป็น ๖๐๐ จบ เป็น ๙๐๐ จบเป็น ๑,๒๐๐ จบ เป็นต้น

    การท่องใช้วิธีท่องอย่างช้า ๆ โดยจับลมหายใจภาวนาไปด้วย เป็นการเน้นคุณภาพ ไม่ใช่จ้ำ ๆ ให้จบไป สักแต่ว่าเอาปริมาณ เรื่องของคาถาถ้าทำด้วยความเคารพจริงจังและสม่ำเสมอแล้ว ไม่เกิน ๒ เดือนผลก็จะเกิดขึ้น


    พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านมาโปรด ท่านบอกว่า "ถ้าภาวนาคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐาน ทรงอารมณ์โดยไม่เคลื่อนเลยวันละ ๑ ชั่วโมง จะสร้างโบสถ์กี่หลังก็ทำได้"

    ญาติโยมทั้งหลายนั้น แม้จะทราบว่าคาถาเงินล้านเป็นของดี แต่ไม่ค่อยจะทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ค่อยต่อเนื่อง บางคนก็มาบ่น บอกว่ามีความลำบากในการทำมาหากินมาก อาตมาก็บอกคาถาเงินล้านให้ไปใช้ เขาบอกว่าเขาภาวนาเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ถามว่า "โยมภาวนาวันละกี่จบ ?" โยมบอกว่า"๑ จบ" อาตมาก็อยากจะบอกว่า "จบเห่" คนอยากรวยทำงานวันละ ๑ นาที ขนาด ๒๔ ชั่วโมงทำ ๘ ชั่วโมงยังไม่ค่อยจะพอกินเลย จึงได้บอกให้ญาติโยมทั้งหลายไปเพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้จริงจังและสม่ำเสมอ โดยให้ยึดที่ ๑๐๘ จบ เป็นหลัก เพราะว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่แต่บ้านเราเท่านั้น เศรษฐกิจโลกก็พลอยแย่ไปด้วย ถ้าหากว่าเราอาศัยบารมีพระโดยยึดท่านเป็นที่พึ่งสุดท้ายจริง ๆ ทำแบบมอบหมายถวายชีวิตจริง ๆ ขอยืนยันว่าทุกอย่างก็จะเป็นจริงไปด้วย

    ท่านให้ภาวนาคาถาเงินล้านอย่างเดียว ตอนที่ภาวนาตามที่ท่านสั่ง ทำไป ๆ เหมือนกับตัวเองดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดลมหายใจก็ลึกเหมือนกับเหวที่ไม่มีก้น ญาติโยมทั้งหลายจำตรงนี้ไว้ให้แม่น ๆ หากว่าภาวนาจับลงที่ศูนย์กลางกายถ้าตรงจุดพอเหมาะพอดี เราจะรู้สึกว่าดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ เหมือนเหวที่ไม่มีก้น แบบที่หลวงปู่สด วัดปากน้ำท่านบอกว่า ให้หยุดลงตรงกลาง....ตรงกลางลงไป...ตรงกลางลงไป ก็จะไปได้เรื่อย ๆ อาตมาเองมีประสบการณ์หลายครั้งแล้วว่า ไม่ว่าภาวนาพระคาถาบทไหนก็ตาม ถ้าหากว่ามาถึงตรงจุดนี้ พระคาถาบทนั้นจะมีผลมากเพราะฉะนั้น...พวกเราทุกคนทำให้ถูกตรงนี้ ถ้าทำถูกไม่ต้องไปท่องเป็นร้อยเป็นพันจบก็ได้ เพราะว่าอารมณ์เต็มที่ก็จะไม่เกินนั้น
    **
    องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าต้องการให้พวกเราทุกคน เข้าใจถึงวิธีในการเจริญภาวนาคาถาเงินล้าน เพื่อให้เกิดผลสูงสุดที่จะพึงมีพึงได้ตามวาสนาบารมีของแต่ละคน ดังนั้นขอให้ทุกท่านตั้งกายให้ตรง แต่ไม่ใช่เกร็ง เวลาหายใจเข้า นึกถึงคาถาเงินล้านที่เราภาวนา ไหลตามลมหายใจเข้าไปจนสุดลมหายใจของเรา ให้จิตจับอยู่ตรงนั้น นั่นคือศูนย์กลางกาย
    ให้ทุกคนขยับโยกหน้าโยกหลัง หาความตรงพอดี ๆ ให้เป็นศูนย์กลางของเรา เสร็จแล้วคำภาวนาทั้งหมดของเรา ให้กำหนดจดจ่อลงตรงนั้น โดยใช้สมาธิเพียงเบา ๆ ท่านที่ทรงสมาธิในระดับใช้งานได้จะเข้าใจตรงจุดนี้เลย แต่ถ้าหากว่าท่านที่ยังไม่เข้าใจ ให้รู้สึกเหมือนลมหายใจแตะแผ่ว ๆ อยู่ตรงศูนย์กลางกาย แล้วภาวนาคาถาเงินล้านของเราไปเรื่อย ๆ
    องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า ถ้าใครสามารถทำอย่างนี้ได้ต่อเนื่องกัน วันละประมาณ ๑ ชั่วโมง จะมีความคล่องตัวมาก จะทำงานใหญ่ขนาดไหน เงินทองก็จะไม่ขาดมือ ยิ่งถ้าเป็นบุคคลที่เริ่มด้วยทานบารมีมาตั้งแต่อดีต ทรัพย์สินเงินทองจะไหลมาเทมามากเป็นพิเศษ

    ดังนั้น..ให้ทุกคนขยับหาจุดกึ่งกลางของเราที่พอดีโดยไม่ต้องเกร็งตัวเอง กำหนดความรู้สึกทั้งหมด พร้อมลมหายใจและคาถาเงินล้านของเราให้ลงไปที่กึ่งกลาง ให้ออกมาจากกึ่งกลาง โดยให้สัมผัสเพียงเบา ๆ เท่านั้นให้รักษาอารมณ์ใจอย่างนี้ไว้จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณบอกหมดเวลา
     
  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ***สัจจะวาจา นั้นเป็นรากฐานของการทำงาน หรือการดำรงชีวิตที่ดีที่งามที่มีความก้าวหน้า มีความสำเร็จ “สัจ” เป็นการตั้งใจ ตั้งจิตใจ “วาจา” เป็นคำพูดออกมา แสดงถึงคำพูดนั้นต้องออกมาจากใจ คือเป็นการตั้งใจที่จะทำอะไรเพื่อความสำเร็จในงานนั้น***

    พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร.๙ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ล้นเกล้าล้นกระหม่อม


    คิดถึงในหลวง



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    12509545_1657815581134042_5371831103473484382_n.jpg


    16002848_10154399165809091_14277780221677454_n.jpg

    16105655_1326187490777273_2693268132521730493_n.jpg

    15978110_10154395345599091_2292910832279053171_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2017
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    16105561_629388450578455_3862040919123033157_n.jpg

    หลวงปู่เคยสั่งเสียไว้ว่า ถ้าข้าตายให้เผาภายใน 3 วัน 7 วัน ในภาพ หมอพิเชฐ ได้มาทำการสำรวจร่างของหลวงปู่ หลังจากมรณภาพมา 3 วัน ท่านบอกร่างกายหลวงปู่นิ่มเหมือนคนนอนหลับเฉยๆ ไม่มีอาการกล้ามเนื้อเกร็ง หลังจากนั้น มีคนเสนอให้เก็บหลวงปู่ไว้ 1 ปี อีกวัน หลวงปู่ท่านส่งกลิ่นเลย คนก็ได้นำให้เอาปูนขาวมาใส่ หลังจากนั้น 1 ปี ถัดมา ร่างหลวงปู่แข็งเป็นหิน เผาไม่ไหม้ สุดท้ายเขาก็มีวิธีการอย่างหนึ่ง อัฐิหลวงปู่เลยกลายเป็นสีดำ

    https://www.facebook.com/kuntana.satterrawut?fref=nf
     
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    การถามคำถาม มีบุคคลหลายประเภทด้วยกัน ประเภทแรก...ถามเพื่อตั้งใจให้อาตมารับรองผลการปฏิบัติ เพื่อที่จะได้เอาไปอวดคนอื่นเขา ประเภทนี้จะเห็นว่าอาตมาจะไม่ตอบเลย ประเภทที่สอง...ถามให้คนอื่นรู้สึกว่าตนเองเป็นคนดี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจพอกัน ฉะนั้น...ในส่วนที่น่าตอบที่สุดคือ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ เราติดขัดตรงไหนแล้วสอบถามมา ไม่ใช่ถามเปะปะไปเรื่อยเปื่อย หรืออวดความรู้ของตนเอง แต่บุคคลที่ว่ามาก็ดันมีมากเสียอีก..!

    ไปนึกถึงแม่ชีท่านหนึ่งไปพักที่วัดท่าซุงราว ๆ ปี ๒๕๒๘ ประมาณหกโมงเช้าก็ไปทุบประตูศาลานวราช บอกว่า "ท่าน..เทปที่เปิดเมื่อเช้ามืด มีขายไหม ?" พระก็ตั้งหลักไม่ทัน ถามว่าเทปไหน ? แม่ชีก็ว่า "เทปที่ด่าฉันน่ะ" พระก็บอกว่า "ไม่มีนะ...เทปที่ด่าโยม" เขายืนยันว่ามี พระท่านถามว่า "โยมได้ยินเสียงด่าหรือ ?" เขายืนยันว่าหลวงพ่อด่าเขาตลอดครึ่งชั่วโมงที่ฟังเทป

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นพระท่านก็ถามต่อว่า "เกิดอะไรขึ้นถึงโดนด่าอย่างนั้น หลวงพ่อท่านด่าด้วยเรื่องอะไร ?" เขาตอบว่า ได้ปฏิบัติธรรมไปจนถึงระดับหนึ่งแล้วรู้สึกว่าตัวเองดี ก็เลยตั้งใจจะมาสนทนาธรรมกับหลวงพ่อ แต่ความตั้งใจอยู่ในลักษณะที่จะอวดว่าตัวเองดีแล้ว เวลาฟังเทปตอนเช้ามืดก็เลยได้ยินหลวงพ่อท่านด่า "อวดดี..ความรู้มีแค่หางอึ่ง ปฏิบัติได้นิดหน่อย ตั้งใจจะมาหาเรื่องคุยอวดชาวบ้านเขา หาเรื่องลงนรกชัด ๆ...ฯลฯ" หลวงพ่อท่านก็ว่าของท่านไปเรื่อย

    สรุปได้ความว่า เทปที่เปิดตอนเช้ามืดนั้น เป็นเทปปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ตั้งแต่ต้นจนท้ายไม่มีคำด่าสักคำเดียว แสดงว่าหูดีมาก สามารถได้ยินในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน..!

    สมัยก่อนพอเลิกกรรมฐานทุ่มครึ่ง พวกเราก็มาจับกลุ่มสนทนาธรรมกัน พอสองทุ่มทางวัดจะเปิดเสียงตามสายของหลวงพ่อ หลวงตาวัชรชัยก็ยกมือไหว้อย่างดี แล้วก็ปิดเสียงที่ลำโพง ปรากฏว่าวันนั้นดวงเฮงทั้งคณะเลย พอยกมือไหว้ เอื้อมมือจะไปปิดเสียงลำโพง ก็มีเสียงหลวงพ่อดังออกมาว่า "ไอ้พวกชอบคุยแข่งเสียงธรรมะ แถมยังชอบปิดเสียงลำโพงด้วย หาเรื่องไปอเวจีทั้งก๊วน...!" สรุปแล้วเทปของหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านด่าได้จริง ๆ..!
    __________________
    ........................
    อาตมาก็เจอมากับตัวเอง หลวงพ่อท่านเทศน์ว่าพระนางโรหิณีเกิดมาสวยมาก แต่ไม่กล้าที่จะไปพบพระพุทธเจ้า เพราะได้ยินว่าพระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญเรื่องความงาม อาตมาก็นึกในใจว่า "ไม่น่าจะใช่ เพราะตามที่เคยอ่านมาเป็นพระนางรูปนันทา" เสียงหลวงพ่อในเทปบอกว่า "ถ้าในพระสูตรเป็นพระนางรูปนันทา แต่ในธรรมบทบอกว่าเป็นพระนางโรหิณี" อ้าว...แค่คิดในใจท่านก็เถียงแล้ว แสดงว่าเทปเสียงหลวงพ่อวัดท่าซุงเถียงเก่งทุกม้วน...!
    __________________

    ประสบการณ์ที่พบบ่อยก็คือ เวลาตั้งใจฟังเสียงสอนธรรมของหลวงพ่อวัดท่าซุง โดยปกติอาตมาจะฟังตั้งแต่ต้นจนจบ โดยขยับขาเปลี่ยนท่านั่งเพียงครั้งเดียว บางวันฟังไปพลิกขาไปสองครั้งก็แล้ว สามครั้งก็แล้ว ไม่จบสักที จนในที่สุดก็เกิดความสงสัยว่าทำไมวันนี้ท่านเทศน์ยาวแท้ ? จึงลืมตาขึ้นมาดู ปรากฏว่าทันทีที่ลืมตามา เสียงก็หายวับไปเลย เทปที่ตั้งใจเปิดฟังดีดจบไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมได้ยินเสียงต่อเนื่องตลอดเวลาก็ไม่รู้ ? เนื้อหาก็ต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกันอีกด้วย
    __________________
    ........................
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๙ หน้า ๒
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
     
  17. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    การเจริญภาวนาสมาธิ ต้องการให้ถีนมิทธะ ความง่วง ความซึม ความขี้เกียจนี่ หมดไป

    วิจิกิจฉา ลังเลสงสัยข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่ใจที่สงบเป็นสมาธิแนบแน่นมั่นคง แล้วเกิดองค์คุณ มีวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา เป็นธรรมคู่แข่งกับกิเลสนิวรณ์

    เมื่อองค์คุณนี้เกิด กิเลสนิวรณ์ก็หมดไป

    ถ้ากิเลสนิวรณ์ยังอยู่ องค์คุณนี้ก็ไม่เกิด

    เพราะฉะนั้น ๒ อย่างนี้ คือ ธรรมคู่แข่ง

    เราต้องการกำจัดกิเลสนิวรณ์ ต้องพยายามทำให้องค์คุณหรือองค์แห่งฌาน หรือเรียกว่า องค์ ๕ นี้..เกิด จึงจะเป็นคู่ปรับ กำจัดหรือระงับกิเลสนิวรณ์ไป อันนี้ก็ให้เข้าใจไว้ด้วย....

    ________________
    ________________

    (ธรรมบรรยายจากหลวงป๋าที่ละเอียดและสำคัญในวิชชาธรรมกาย ที่สาธุชนพึงศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ กระผม(แอดมิน)ได้นำมาลงค์ไว้ 10 ลิ้งค์ ให้ท่านทั้งหลายได้ศึกษา ขอให้มีความสุขจากการศึกษาธรรมะนี้ สาธุ.)

    สัมมาปฏิบัติไตรสิกขา ตอนที่ 1


    สัมมาปฏิบัติไตรสิกขา ตอนที่ 2


    สัมมาปฏิบัติไตรสิกขา ตอนที่ 3


    สัมมาปฏิบัติไตรสิกขา ตอนที่ 4
    https://youtu.be/GXS7kpVDZmw

    สัมมาปฏิบัติไตรสิกขา ตอนที่ 5
    https://youtu.be/boLZ-ijXjd4

    สัมมาปฏิบัติไตรสิกขา ตอนที่ 6
    https://youtu.be/KNA1EPGJlyc

    สัมมาปฏิบัติไตรสิกขา ตอนที่ 7
    https://youtu.be/XQIhviIo0wY

    สัมมาปฏิบัติไตรสิกขา ตอนที่ 8
    https://youtu.be/gHmtJnsLODw

    สัมมาปฏิบัติไตรสิกขา ตอนที่ 9
    https://youtu.be/QwLrQAnfam8

    สัมมาปฏิบัติไตรสิกขา ตอนที่ 10
     
  18. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
     
  19. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ทานในพระปรมัตถ์ ๖




    วันนี้ท่านเจ้าภาพได้บริจาคทาน ถูกทักขิไณยบุคคล ผู้มี
    ธรรมกายมากด้วยกัน บุญกุศลจึงยิ่งใหญ่ไพศาลไหลมาสู่
    สันดานของเจ้าภาพ ติดอยู่ท่ามกลางศูนย์กลางที่ทำให้เป็นกาย
    มนุษย์ ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่อยู่กลางดวงนั้น ฯ

    ถ้าบุคคลทำบุญได้อย่างนี้แล้ว ให้เอาใจไปจรดอยู่ศูนย์
    กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ สะดือทะลุหลัง ขวาทะลุ
    ซ้าย กลางกั๊กนั้น ให้เอาใจจรดให้ถูกต้องตรงกลางดวงนั้น เมื่อ
    ต้องทุกข์ภัยอย่างหนึ่งอย่างใด ให้ระลึกถึงดวงบุญที่ตนได้
    กระทำไว้ อย่าไประลึกนึกถึงสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ดวงบุญของตน ฯ

    เมื่อเราบริจาคทานและตามระลึกถึงบุญอย่างนี้แล้ว ภัย
    อันตรายอย่างหนึ่งอย่างใดทำอะไรไม่ได้จะประกอบกิจการ
    งานอย่างใด ก็เกิดลาภและสักการะยิ่งใหญ่ไพศาลก็เพราะนึกถึง
    บุญนั้น บุญย่อมนำผลสมบัติมาให้ในปัจจุบันนี้เชียว ฯ


    ทานในพระปรมัตถ์ ๖ คือมีอายตนะ ๖
    คือ ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์
    ถอนความยินดีในอารมณ์เหล่านี้ออกเสียได้ สละความ
    ยินดีในอารมณ์เหล่านี้เสียได้ ก่อนเราเกิดมาเขาก็ยินดีกันอยู่
    อย่างนี้ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์เหล่านี้
    ครั้นเราจะตายเขาก็ยินดีใน รูปเสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
    ธรรมารมณ์ อย่างนี้เหมือนกัน ความยินดี เหล่านี้ หากถอน
    อารมณ์ออกเสียได้ไม่ให้มาเสียดแทงเราได้พิจารณาว่านี้เป็น
    อารมณ์ของชาวโลก ไม่ใช่อารมณ์ของธรรม ปล่อยอารมณ์
    เหล่านั้นเสีย ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ให้เข้าไปเสียดแทงใจ ทำใจให้
    หยุด ให้นิ่ง นี่เขาเรียกว่า ให้ธรรมารมณ์ เป็นทาน ย่อมมีกุศล
    ใหญ่ เป็นทางไปแห่งพระนิพพานโดยแท้ และเป็นทานอันยิ่ง
    ใหญ่ทางปรมัตถ์ ฯ

    รู้จักพระรัตนตรัย

    เราเป็นพุทธศาสนิกชน หญิงก็ดี ชายก็ดี เป็นคฤหัสน์หรือ
    บรรพชิตก็ตาม ต้องรู้จักพระรัตนตรัยนี้ ถ้าไม่รู้จักรัตนตรัยทั้ง
    สามนี้แล้ว การนับถือศาสนาปฏิบัติในศาสนาเอาตัวรอดไม่ได้
    ถ้าได้เข้าถึงพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ แล้วก็แก้
    โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆให้หายได้บ้าง ทำอะไรได้ผลอันศักดิ์สิทธิ์
    บ้าง นั่นก็เพราะคุณของรัตนตรัยที่มีอยู่ในตัวเรา แต่หากใช้ไม่
    เป็นก็ไม่ปรากฏเหมือนกัน ถ้าใช้เป็นทำเป็นถูกส่วนเข้าแล้วเห็น
    ปรากฏ จริงแต่ว่าเป็นชั้น ๆ เข้าไป ไม่ใช่เป็นของง่าย เป็นของ
    ยากลำบากอยู่ จะว่ายากก็ไม่ยากจนเกินไป จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย
    จนเกินไป หรือว่าไม่ยากไม่ง่ายนั้นก็ถูก คือ ไม่ยากสำหรับคนที่
    ทำได้ ปฏิบัติได้ ไม่ง่ายสำหรับคนที่ทำไม่เป็นปฏิบัติไม่ถูก คน
    ทำไม่ได้ ปฏิบัติไม่เป็นก็บอกว่ายาก แต่คนทำได้ ปฏิบัติถูกก็
    บอกว่าง่าย เพราะฉะนั้นจึงว่าไม่ยากไม่ง่าย ไม่ยากแก่คนทำ
    ได้ ไม่ง่ายแก่คนที่ทำไม่ได้ หลักนี้เป็นของสำคัญนัก เพราะเป็น
    ชั้น ๆ เข้าไปให้รู้จักกายเหล่านี้เสียก่อน ให้รู้จักพระรัตนตรัยเสีย
    ก่อน ถ้าไม่รู้จักพระรัตนตรัยเสียก่อนแล้วเอาหลักไม่ได้ ถึงจะฟัง
    ธรรมฟังเทศน์ไปสักเท่าใด ก็จับจุดเอาหลักไม่ได้

    พระรัตนตรัยนั้นอยู่ในตัวของเรานี่เอง อยู่ตรงไหน อยากจะ
    พบ ตัวของเรามีศูนย์กลางอยู่คือ สะดือทะลุหลัง ขวาทะลุซ้าย
    สมมติว่าเราขึงด้ายกลุ่มเส้นหนึ่ง จากหน้าท้องตรงสะดือทะลุ
    หลัง และอีกเส้นหนึ่งจาก กึ่งกลางสีข้าง ขวาทะลุซ้าย ถึงตรง
    กลางกั๊ก ที่ด้ายกลุ่มนั้นจด จุดที่กลางได้ กลุ่มสองเส้นจดกันนั้น
    แหละเรียกว่า กลางกั๊ก ตรงกลางกั๊กนั้นถูกดวงธรรมที่ทำให้เป็น
    กายมนุษย์ ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่ ให้เอาใจไปหยุด
    อยู่ตรงกลางกายมนุษย์นั้น ตรงกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกาย
    มนุษย์ ที่ตรงนั้นแหละเป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ ที่ตื่น มีแห่งเดียว
    ก่อนมนุษย์จะมาเกิด หญิงก็ดี ชายก็ดี ต้องเอาใจไปจรดตรงนั้น
    จึงเกิดได้ ถ้าไม่หยุด ไม่นิ่ง เกิดไม่ได้ พอหยุดถูกส่วนเข้า เกิด
    ได้ทันที ตรงนั้นแหละ เป็นที่หยุดและเป็นที่เกิด ที่ตาย พอใจ
    หยุดถูกส่วนเข้า ก็เกิดและตาย ตรงนั้นเป็นที่เกิด ที่ดับ แห่ง
    เดียว ไม่ใช่แต่ที่เกิด ที่ดับเท่านั้น ตรงกลางนั้นเวลาจะนอน
    หลับ ใจก็ตรงไปหยุดอยู่ที่ตรงกลางนั้น หยุดนิ่งพอถูกส่วนเข้าก็
    หลับ ถ้าไม่ถูกส่วนตรงนั้นก็ไม่หลับอีกเหมือนกัน หลับตรงไหน
    ตื่นขึ้นก็ตรงนั้น ตรงศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์
    ในบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่ นั่นแหละเป็นที่เกิด ที่ดับ ที
    หลับ ที่ตื่น แห่งเดียว อย่าได้เอาใจไปไว้ที่อื่น ให้เอาใจไปจรด
    ไว้ตรงนั้น จึงจะถูกต้อง พอใจหยุดถูกที่เท่านั้น เราจะรู้สึกตัวที
    เดียวว่า ช่างเป็นสุขอะไรอย่างนี้หนอ ฯ
     
  20. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ผังความแตกแยก โบราณว่า บาตรแตกเข้าบ้าน

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำกล่าวว่า..........
    บ้านไหนไม่ลงรอยกันอยู่ พ่อแม่ไม่ลงรอยกับลูก ลูกไม่ลงรอย
    กับพ่อแม่ ข้าทาส บริษัท บริวาร ไม่ลงรอยกันแล้วละก็ ไม่
    ช้าล่ะ บ้านนั้นต้องร้าง ไม่ร้างก็ต้องแตกสลาย ต้องฉิบหาย
    ต้องป่นปี้ เพราะมันแตกสามัคคีกันแล้ว ไม่เป็นสามัคคีกัน
    ข้อนี้สำคัญนะ

    ไปดูก็ได้....... ถ้าบ้านไหนทะเลาะกัน ระหองระแหง
    กันอยู่แล้วละก็ อ้ายบ้านนี้ต้องทะลายอุบาทว์ขึ้น มันต้องร้าง
    แน่ มันจะต้องทะลายกันแน่ ผัวเมียสองคนพยากรณ์ได้
    ลองไม่ลงรอยกันแล้ว บ้านนี้ไม่ต้องอยู่ด้วยกันละ แตกทะลาย
    แน่ เพราะไม่ลงรอยแล้วนี่ แตกสามัคคีแล้วนี่ นี่เป็นข้อสำคัญ
    นะจำไว้ ฯ

    ถ้ามองหาความเจริญ มุ่งความเจริญละก็ต้องมั่น
    สามัคคี สร้างสามัคคีไว้ ถ้าว่าทำลายสามัคคีแล้วล่ะก็ เป็นอัน
    แตกทะลายแน่ ต้องแยกจากกัน ลูกเต้าก็ต้องแยกไป พี่น้อง
    วงศาคณาญาติอยู่รวมกันไม่ได้ อัตคัดขัดสนขึ้นอีก เพราะ
    ความไม่สามัคคีนั้นมันฆ่าเสียแล้ว ทำลายเสียแล้ว

    นี่แหละ !! ตัวอุบาทว์ จำไว้เถอะ ที่เขาเรียกว่า
    บาตรแตกเข้าบ้าน นี่แหละบาตรแตกเข้าบ้านล่ะ หรือเรียกว่า
    กาลกิณี อยู่บ้านนี้แหละ อ้ายแตกสามัคคี นั่นแหละเป็นตัว
    กาลกิณี ให้จำไว้เป็นตำรับตำรา ถ้าต้องการความเจริญต้อง
    พร้อมเพรียงซึ่งกันและกัน น้ำหนึ่งใจเดียวกัน นั่นแหละ
    จึงจะเจริญได้ ฯ

    วิชชาตอนนี้ละเอียดมาก ต้องประกอบเข้าไปในกลางเครื่อง
    ใหม่ ในกลางเครื่องใหม่ก็มีเครื่องเก่าซ้อนอยู่ มีผู้ปกครอง
    เครื่องฝ่ายดำเครื่องนี้เขาส่งมาระเบิด เห็น จำ คิด รู้ และ
    ดวงธรรมที่เป็นกาย หัวต่อของกายทุกกาย เพื่อทำโรคระ
    บาด ผังการแตกแยก ผังวิบัติที่เขาจดเข้ามาในสัตว์โลก
    ขันธโลก อากาศโลก บังคับสัตว์โลกด้วยอำนาจฝ่ายต่ำ
    ด้วยบาปอกุศล และอวิชชาที่เขาส่งมาเท่าไร เราต้องทับทวี
    ให้เลยเหตุในเหตุ คำนวณถึงที่สุดของเขาที่ส่งมาแล้ว
    และที่กำลังส่งอยู่ ที่จะส่งต่อไป ผลิไปแล้ว และที่กำลังผลิ
    อยู่ ที่จะผลิต่อไป รวบรวมธาตุธรรมไว้แล้ว ที่กำลังรวบรวม
    อยู่ที่จะรวบรวมอยู่ต่อไป คำนวณไปให้ถึงเครื่องใหญ่ฝ่ายขาว
    คำนวณให้ถึงหัวแกสฝ่ายธรรม อาราธนาต้นธาตุ จักรพรรดิ
    ผู้รักษาธาตุธรรมเหล่านั้น เอาเข้ามาประจำรักษา เห็น จำ
    คิด รุ้ ดวงธรรมและกายทุกกาย ให้ส่งความสุขและความร่ม
    เย็นมาสู่สัตว์โลก

    และแก้แผนผังที่ฝ่ายดำทำมาใส่ปัจจุบัน ให้มนุษย์ทุกข์ ตก
    ยากลำบาก และได้รับวิบัติต่าง ๆ มีโรคภัย ไข้เจ็บ รบราฆ่า
    ฟัน อาฆาตพยาบาท การก่อการร้าย ข้าวยากหมากแพง
    ให้วิบัติไปด้วย ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้การค้า - ธุรกิจฝืดเคือง
    ผู้คนอยู่ในอบายมุข มิจฉาทิฐิ ทำเงินให้ต่ำ ของให้สูง
    ให้มีความชั่วร้ายต่าง ๆ แก้ให้หมด สะสางธาตุธรรมให้
    สะอาด งานตอนนี้หนักมาก ให้ทำทุก ๆ วัน
    อาราธนากำแพงแก้ว คุ้มครองปกปักรักษาประเทศชาติ
    ประชาชาติ ช่วยกันหมั่นทำวิชชา ทำมากได้มาก ท่านทำ
    ประเทศชาติและชาวโลก จะพบแต่ สุข สันติ ด้วยรัก -
    สันติ -สามัคคี นี้คือธรรม
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...