คิดอย่างไรกับวัดธรรมกาย ?

พระกิตติวุฑโฒ แสดงความคิดเห็นต่อพระภิกษุสามเณร ของวัดพระธรรมกายที่สอบผ่านบาลีธรรมมากที่สุด ของประเทศว่า เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่พระภิกษุของวัด พระธรรมกาย สอบเปรียญธรรม 9 ประโยค ได้ถึง 6 รูป นับว่า ได้แชมป์สอบผ่านได้มากที่สุด ทำให้เรามองเห็นว่า การศึกษาได้ประกาศความจริงให้คนทั่วไปได้เห็นว่า วัดพระธรรมกาย ได้สอนคนให้ได้ดี หรือสอนคนให้เลวอย่างไร ที่ผ่านมาเห็นมีแต่รุมจับผิดวัดพระธรรมกายกันทั้งนั้น แต่แล้วก็ได้ประกาศให้ได้รู้กันแล้วว่า วัดที่เขาว่ากันว่า ไม่ดีนั้น ทำไมเขาถึงเรียนธรรมะเปรียญธรรมชั้นสูงได้ดีที่สุด มากที่สุดของประเทศ

 

เวงกรรมหนอ เวงกรรมหนอ ใสร้ายพระ ใส่ร้ายวัด บาปหนอ บาปหนอ

ไปเอาเรื่องแต่ง ของพวกนอกพุทธศาสหนา มาลง มาใส่ร้าย บาปหนอ บาปหนอ

ดีนะ มีครูบาอาจารย์ดี ท่านบอกไม่ใช้เชื่ออะไรง่ายๆ แถมยังบอกเรื่อง แผนการของพวก ต่างศาสหนาจะมาล้มพุท และเล่าถึงพระหลายๆรูป ที่โดนจับศึกด้วยข้อ หาต่างๆ
ส่วนใหญ่มันจะจ่อง เล่นวัด เล่นพระ ที่ดังๆ ที่มีผลต่อจิตใจชาวพุท ถ้าหากล้มได้ คนพุทจะเลิกนับถือพระและเลิกเข้าวัด และจะได้ไปนับถือพระเจ้าของพวกเค้า เห็นบางข้อความของบางคน เขียนมาแต่ละตัว หยั่งกับ เกียดพระ เกียดวัด ( นี้หรือชาวพุท เคยบวชแล้วศึกษาพระวินัยมาบ้างรึเปร่าครับ ถึงได้มาเขียนกันแบบนี้ )

อ้อผมเคยไปหาหลวงปูละมัย ที่จ.เพรชบูร ที่อายุท่าน 160 กว่าปี ท่านก็เล่าให้ฟังนะ เรื่องวัดพระธรรมกายว่าท่านโดนใส่ร้าย หลวงปู่เองก็เคยนะ เค้าหาว่าหลวงปู่เป็นพระเถื่อน ท่านก็พูดให้ผมฟังหลายเรื่องนะ แต่พอดี นึกได้ว่าท่านก็พูดถึงวัดพระธรรมกายเหมือนกัน แปลกที่อยู่ๆท่านก็พูดมาไม่ได้ถามสักกะหน่อย สงสัยว่าคงจะได้มาเป็นข้อความให้ได้มาลงอ่านที่กระทู้นี้มั่ง

 

เวงกรรมหนอ เวงกรรมหนอ ใสร้ายพระ ใส่ร้ายวัด บาปหนอ บาปหนอ

ไปเอาเรื่องแต่ง ของพวกนอกพุทธศาสหนา มาลง มาใส่ร้าย บาปหนอ บาปหนอ

ดีนะ มีครูบาอาจารย์ดี ท่านบอกไม่ใช้เชื่ออะไรง่ายๆ แถมยังบอกเรื่อง แผนการของพวก ต่างศาสหนาจะมาล้มพุท และเล่าถึงพระหลายๆรูป ที่โดนจับศึกด้วยข้อ หาต่างๆ
ส่วนใหญ่มันจะจ่อง เล่นวัด เล่นพระ ที่ดังๆ ที่มีผลต่อจิตใจชาวพุท ถ้าหากล้มได้ คนพุทจะเลิกนับถือพระและเลิกเข้าวัด และจะได้ไปนับถือพระเจ้าของพวกเค้า เห็นบางข้อความของบางคน เขียนมาแต่ละตัว หยั่งกับ เกียดพระ เกียดวัด ( นี้หรือชาวพุท เคยบวชแล้วศึกษาพระวินัยมาบ้างรึเปร่าครับ ถึงได้มาเขียนกันแบบนี้ )

อ้อผมเคยไปหาหลวงปูละมัย ที่จ.เพรชบูร ที่อายุท่าน 160 กว่าปี ท่านก็เล่าให้ฟังนะ เรื่องวัดพระธรรมกายว่าท่านโดนใส่ร้าย หลวงปู่เองก็เคยนะ เค้าหาว่าหลวงปู่เป็นพระเถื่อน ท่านก็พูดให้ผมฟังหลายเรื่องนะ แต่พอดี นึกได้ว่าท่านก็พูดถึงวัดพระธรรมกายเหมือนกัน แปลกที่อยู่ๆท่านก็พูดมาไม่ได้ถามสักกะหน่อย สงสัยว่าคงจะได้มาเป็นข้อความให้ได้มาลงอ่านที่กระทู้นี้มั่ง

 

จากพันทิพครับ

[SIZE=-1]Y6927126[/SIZE] ข้อเท็จจริงกรณีวัดพระธรรมกาย อ่านแล้วตาสว่าง เรื่องที่หลายๆท่านอาจยังไม่ทราบ <!-- [15] -->
[SIZE=-1]Y6942447[/SIZE] หลวงพ่อฤาษีลิงดำให้ความเคารพต่อหลวงพ่อสดมาก แต่ไม่เคยกล่าวถึง “วัดพระธรรมกายเลย” ยกเว้นข้อความต่อไปนี้ <!-- [14] -->
[SIZE=-1]Y5779543[/SIZE] ธรรม(กลาย) เพื่อ(มอมเมา)ประชาชน ฉบับพระรัตนตรัย(เป็นอัตตา) <!-- [12] -->
[SIZE=-1]Y6632829[/SIZE] แท้จริงแล้ว “มหาลดาปสาธน์” ก็คือชุดเจ้าสาวของมหาอุบาสิกาวิสาขา <!-- [5] -->
[SIZE=-1]Y5804013[/SIZE] เครื่องประดับชาวสวรรค์......เห็นแล้วต้องติดใจครับ<!-- [5] -->
[SIZE=-1]Y6999073[/SIZE] สินเชื่อเพื่อการทำบุญ “ หล่อทองคำรูปเหมือนหลวงปู่ - พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ มุ นี ”
[SIZE=-1]X5729877[/SIZE] มาพิสูจน์ทฤษฎีปัดระเบิด ด้วยหลักฟิสิกข์กันเถอะ{แตกประเด็นจาก X5726802}

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านบอกไว้ชัดเจนครับ ว่าเจ้้าสำนักเป็นยังไง
โหลดฟังได้เลยครับ ลิงค์นี้

ถ้าฟังเนื้อๆ เริ่มที่ นาที่ที่ 3:50 นะครับ

http://www.luangpor.com/audio/SaveTh...B_Pakinaka.mp3

สำรอง 1 ถ้าโหลดไม่เป็น คลิ๊กอ่านวิธีโหลด วิธีโหลด kewlshare
KewlShare : Upload, Share & Earn Money with Your Files

สำรอง 2 ถ้าโหลดไม่เป็น คลิ๊กอ่านวิธีโหลด วิธีโหลด rapidshare
RapidShare: 1-CLICK Web hosting - Easy Filehosting

สำรอง 3
http://palungjit.org/attachments/a.678972/


ใครใคร่ศึกษา การปฎิบัติธรรมจริงๆ
ผมสนับสนุนให้ ศึกษาของจริงที่
"วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ" นะครับ

 

ปุถุชนคนหนาพัฒนาได้..แต่จะขึ้น..หรือจะลง..เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

อริยบุคคล..มีแต่เจริญ..ไม่มีเสื่อมถอย

 

ศาสนาพุทธในประเทศไทยมี ๒ นิกาย(หลัก) คือธรรมยุต กับ มหานิกาย อันที่จริงความแตกต่างก็เล็กน้อย ที่ชัดๆก็แค่เรื่องข้อวัตร ส่วนเรื่องหลักธรรมนั้นสอดคล้อง

แต่ธรรมกาย นั้นไม่ใช่นิกาย แต่พยายามตั้งตนเอง เพราะมีคำสอนที่ขัดแย้งเพื่อสร้างเรื่องผลประโยชน์ โดยบิดเบือนคำสอน อย่างชัดเจนแล้วก็เถียงแบบข้างๆคูๆ เช่น ทำบุญยิ่งมากก็ยิ่งได้บุญมาก เงินไม่มียังต้องหยิบยืมกู้หนี้เขามาทำ ทั้งๆที่ในหลักธรรมนั้นสอนไว้ชัดเจนว่าการสร้างทานมีมากมายหลายวิธี หลายระดับ ไม่มีเงินก็ทำได้ ยังไม่รวมการอวดอุตตริอีกมากมาย เห็นได้ชัดว่าสอนให้คนทำดีแบบผิดๆ เพื่อผลประโยชน์ที่แอบแฝง

 

วันพระผมสมาทานศีล ๘ อุโบสถ


นอนฟังเพลงต่าง ๆ ดูการ์ตูนสวยใน DMC ศีลมันจะขาดไหมครับ ?

 

ผมก็ทำบุญกับวัดธรรมกาย ครับ และก็วัดอื่นๆอีกด้วย

ผมว่าเขาก็ปกติน่ะครับ

 

อันนี้ผมก็พูดอะไรไม่ค่อยได้อ่ะคับ เพราะไม่เคยเข้า ไม่ใช่คนที่มีโอกาสตระเวนฟังธรมม _ _"

แต่ก็อยากจะรู้ให้แน่น่ะคับ ว่าเป็นยังไงกันแน่ บางคนก็ว่าดี บางคนก็ว่าร้าย ค่อนข้างสับสนเอาการ

 

เอหะลัทธิจานบิน แบบว่า ขายบ้านขายช่องกันทำบุญ ทำบุญเพื่อเอาหน้ากันวัดนี้ น่าเลื่อมใสมั้ยล่ะ มีชุดเทพเฉพาะอีกนะ

 

ถึงผู้ที่ชอบเอากลามะสูตรมาอ้างนะครับ

ในกลามะสูตรมีต่อไปอีกครับว่า อะไรควรเชื่อ

ชอบตัดเอามาขยายความ แล้วก็มานั่งงงกับชีวิต

ศึกษาให้ถ่องแท้ก่อนนะครับ

จะให้ดีกลับไปอ่านบทเต็มๆของกลามะสูตรจะได้เข้าใจว่าจริงๆแล้ว

พระพุทธเจ้าจะสอนอะไร

ตัดมาพูดมันจะเป็นการบิดเบือนคำสอนครับ

 

คุง ฮีโล่

แล้ว ศีล แปด ที่ สมาทาน น่ะ

อะไรบ้างล่ะ

ทำไมต้องถาม

ถ้า เพื่อ บันเทิง ก็ ผิด อะดิ

 

ลองศึกษาเรื่องนี้ดูครับแล้วค่อยตัดสินใจจะกล่าวหาใคร
เศรษฐียอดนักบุญ
ในสมัยหนึ่ง หลังจากที่พระกัสสปพุทธเจ้า ดับขันธปรินิพพาน มหาชนชาวชมพูทวีปได้พร้อมใจ กันสร้างมหาเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ได้ปรึกษา กันว่าทำอย่างไรมหาเจดีย์ถึงจะยิ่งใหญ่สมกับที่เป็น เจดีย์ของบุคคลผู้เลิศที่สุด จึงตกลงกันว่าจะต้องหา ทองคำแท่งบริสุทธิ์มาทำเป็นอิฐทองคำในการก่อเป็น พระเจดีย์ ซึ่งแต่ละก้อนมีราคาถึงหนึ่งแสนกหาปณะ รวมทั้งยังให้ช่างเขียนจิตรกรรมงดงามวิจิตรมากมาย ไว้ที่หน้ามุขด้านนอก ทำให้มหาเจดีย์นี้งดงามสุกปลั่ง ด้วยทองคำและหาค่าประมาณมิได้
เมื่อพุทธศาสนิกชนช่วยกันสร้างเจดีย์สำเร็จแล้ว ก็ถึงคราวที่จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ภายในมหาเจดีย์ จึงตั้งกติกาขึ้นมาว่า ถ้าใครบริจาค ทรัพย์มากที่สุดจะได้เป็นประธานใหญ่ในการบรรจุ และเป็นประธานฉลองพระเจดีย์ ครั้งนั้นมีเศรษฐีชนบทท่านหนึ่ง อยากจะได้บุญใหญ่ในการเป็นประธานฉลอง จึงได้มอบทรัพย์จำนวน ๑ โกฏิเพื่อบูชาพระเจดีย์ มหาชนต่างก็อนุโมทนาในความใจบุญ ของท่านเศรษฐี ฝ่ายเศรษฐีในเมืองเมื่อทราบข่าวก็อดรนทนอยู่ไม่ได้ อยากเป็นประธานใหญ่อย่างนั้นบ้าง จึงมอบทรัพย์ให้มากกว่าเศรษฐีชนบทเป็นจำนวน ๒ โกฏิ
เศรษฐีชนบทรู้ดีว่านี่เป็นบุญพิเศษ ตลอดชีวิต นี้ไม่รู้จะหาโอกาสอย่างนี้ได้อีกหรือไม่ จึงเพิ่มทรัพย์ ให้มากขึ้นเป็น ๓ โกฏิ เศรษฐีในเมืองก็ไม่ยอมแพ้ เพิ่มทรัพย์เข้าไปอีกเป็น ๔ โกฏิ ต่างฝ่ายต่างก็แข่งกันเพิ่มทรัพย์ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเศรษฐีในเมืองใหทรัพย์ สูงถึง ๘ โกฏิ
แต่ทว่าเศรษฐีชนบทมีทรัพย์ทั้งสิ้นอยู่ ๙ โกฏิเท่านั้น ส่วนเศรษฐีในเมืองมีทรัพย์ถึง ๔๐ โกฏิ ถึงกระนั้นเศรษฐีชนบท ก็ไม่ละความพยายาม ไฉนเลย เรื่องทำความดีจะยอมแพ้กันได้ ท่านจึงคิดว่า ถ้าเราให้ทรัพย์ ๙ โกฏิไป ทรัพย์ในเรือนของเรา ก็จะไม่มีอีกต่อไป จากนั้นท่านตัดสินใจแน่วแน่โดยทุ่มทรัพย์หมดทั้ง ๙ โกฏินั้น พร้อมกับประกาศว่า ทั้งตนเองและครอบครัว คือ ภรรยา ลูกชาย ๗ คน และสะใภ้อีก ๗ คน รวมเป็น ๑๖ คน จะขอมอบกายถวายชีวิต ยอมตนเป็นทาสของพระเจดีย์ คอยปัดกวาด ทำความสะอาดดูแลมหาเจดีย์ไปจนชั่วชีวิต
โอกาสเป็นของผู้กล้า
มหาชนได้ฟังแล้วต่างปลื้มปีติใจ พร้อมใจกันยกตำแหน่งประธานใหญ่ให้แก่เศรษฐีชนบท เพราะ เห็นความตั้งใจจริงในการทุ่มเททำบุญกุศลของท่าน จึงกล่าวตกลงมอบตำแหน่งให้ว่า "ขึ้นชื่อว่าทรัพย์สมบัติเป็นของนอกกาย หากยังมีลมหายใจอยู่ ก็สามารถหาใหม่ได้ แต่เศรษฐีชนบทพร้อมทั้งลูกและ ภรรยามอบตัวรับใช้พระเจดีย์ไปตลอดชาติเช่นนี้ เป็นความมหัศจรรย์ที่หาได้ยากยิ่ง ผู้มีใจกล้าเช่นนี้จึงเป็นผู้ที่สมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นประธานใหญ่ในงานฉลองพระเจดีย์"
หลังจากงานฉลองพระเจดีย์และการบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว มหาชนพร้อมใจกัน ให้ท่านเศรษฐีและครอบครัวยกเลิก การเป็นผู้เฝ้าดูแลทำความสะอาดพระเจดีย์ เพื่อไม่ให้ต้องมาลำบาก แต่ถึงกระนั้น ท่านเศรษฐีก็ยังเต็มใจ ที่จะมาปัดกวาดลานพระเจดีย์ตามปกติ เพราะรู้ว่า เป็นบุญพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง
เมื่อเศรษฐีละโลกไปแล้วได้ไปบังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติยาวนานถึง ๑ พุทธันดร ครั้นมาถึง สมัยของ พระพุทธเจ้าของเรา ท่านเศรษฐีพร้อมทั้งครอบครัวรวม ๑๖ คนนั้น ได้มาเกิดร่วมกันอีก ซึ่งทั้งหมดมีโอกาสฟังธรรม จากพระพุทธองค์ ในที่สุดก็ ได้ดวงตาเห็นธรรมบรรลุเป็นพระโสดาบันกันหมด ยกครอบครัว<!-- google_ad_section_end -->

 

ทำบุญทำได้... สังเกตดูที่เจตนาตนว่าทำเพื่ออะไร???

ทำเพราะศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ - คือตั้งใจจริง เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา
ทำเพราะหวังสวรรค์ ทิพยสมบัติทั้งหลาย - ทำเพราะความงมงาย ด้วยความที่ไม่รู้ ดังนั้นจึงไม่ได้อะไรเลย

แม้ทำบุญแค่ ๑ บาท หากท่านตั้งใจจริง ก็มีค่าเท่ากับทำบุญ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ด้วยความตั้งใจเช่นกัน

การตั้งจิตอธิษฐานไม่ควรเป็นไปในทางที่เพิ่มกิเลสให้พอกพูนมากขึ้น เช่น ทำบุญแล้วอธิษฐานว่า "เกิดชาติหน้าของให้สวย รวย หล่อ ทรัพย์กองเป็นภูเขา ฯลฯ" อย่างนี้ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์อันใด ยังแต่เพิ่มความอยากให้มากขึ้น ทำให้คนหลงมัวเมาในการทำบุญ บางคนถึงกับไม่มีอันจะกินเพราะทำบุญอย่างไม่ลืมหูลืมตา ว่าตนเองอยู่ในฐานะที่จะทำได้แค่ไหน

ก็ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะต้องให้สิ่งของเงินทอง เราอาจจะให้ความรู้ ให้อภัย ให้ความรัก(ที่ไม่ลุ่มหลง) ฯลฯ เช่นนี้เป็นต้น

นี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนหนึ่งของผมนะครับ ผิดถูกก็ขออภัย....

 

แม้ทำบุญแค่ ๑ บาท หากท่านตั้งใจจริง ก็มีค่าเท่ากับทำบุญ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ด้วยความตั้งใจเช่นกัน


ข้อนี้ผิดนะครับ

การที่คนคนหนึ่งจะตั้งใจทำบุญ 1 บาท
กับคนคนหนึ่งที่จะตั้งใจทำบุญ 100,000บาทนั้น

หากจะคุยกันว่าใครจะได้บุญมากกว่ากัน หรือจะได้บุญเท่ากันหรือไม่
ลองพิจารณาแบบนี้ครับ

เราสมมุติว่าเป็นบุญเดียวกัน ให้แก่ผู้รับคนเดียวกันนะครับ
เพื่อตัดตัวแปรที่เป็นผู้รับออกไป

และคิดในกรณีที่ทั้ง2คนมีทรัพย์อยู่เท่ากัน

คนที่ทำบุญ100,000บาท ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าศรัทธามากกว่า
คนที่ทำบุญ 1 บาทแน่นอนแม้จะตั้งใจเหมือนกัน

และคนที่ทำบุญ100,000บาท สามารถตัดความตระหนี่ในใจเขาได้มากกว่า
ศรัทธาของเขาสามารถเอาชนะกิเลสคือความตระหนี่ได้มากกว่า

ดังนั้นเขาต้องใด้บุญมากกว่าครับ

บุญเป็นเครื่องชำระล้างใจครับ

 

การทำบุญแล้วหวังผลเป็นทิพยสมบัตินั้น

ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด
อยู่ในอนุบุพพิกถาหัวข้อ
สัคคกถา ก็คือการพรรณาสวรรค์ ความสุขของสวรรค์ อันเป็นอานิสงส์ของทานและศีล

เป็นการสอนที่เป็นขั้นเป็นตอนไปกับคนทั่วไปครับ

คนมีศรัทธาต่างกันเหตุผลในการทำความดีก็แตกต่างกัน ขอให้หันมาขัดเกลากิเลสในใจ จะเข้าใจแค่ใหนก็แล้วแต่ปัญญาของแต่ละบุคคล

การทำความดีเพราะเป็นความดี เป็นสิ่งที่ยอดเยียมอยู่แล้วครับ

แต่จะมีสักกี่คนที่พิจารณาได้ถึงขั้นนั้น

บางคนต้องมีสิ่งล่อ เหมือนเด็กประถม

บางคนก็ต้องชมเชย เหมือนเด็กมัธยม

มีปนกันไป ไม่ว่าอย่างไรถึงแม้วันนี้จะเป็นเด็กประถม แต่สักวันก็จะจบปริญญาได้

เพราะเราทำบุญ อย่างไรเสียก็ต้องได้บุญ

กรรมที่ไม่มีผลนั้นเป็นไม่มี

เมื่อใดบุญในตัวมากขึ้นก็จะสอนตัวเองได้

มันจะยกระดับจิตใจเราขึ้นเอง

ขออย่างเดียวให้ได้ทำเถิดครับ

 

ตรงส่วนนี้เป็นไปได้ไหมครับที่เค้าหมายถึง....มีเงินอยู่1บาท"ทั้งเนื้อทั้งตัว"เค้าตั้งใจให้ทั้งหมดเท่าที่เค้ามีอยู่"ทั้งเนื้อทั้งตัวแค่(1บาท)" กำลังใจเค้าเต็มสมบูรณ์บริบูรณ์อนิสงฆ์จึงเกิดมากมายมหาศาล....อย่างต้นตระกูลของท่านแม่(วิสาขามหาอุบาสิกา) ทั้งเนื้อทั้งตัวมีสมบัติเพียง(ทองคำแค่ปลีกลิ้น"ทองคำแปลว") ชาวเมืองกำลังร่วมกันสร้างวิหารทาน2ผัวเมียได้ตัดสินใจนำเอาทองคำแปลวเพียงแผ่นเดียวที่มีอยู่ซึ่งเป็นสมบัติมีค่าที่มีอยู่ไปร่วมปิดหลุมอุจระด้วยกำลังใจอันเต็มเปลี่ยมไปด้วยความเคารพในพระศาสนา...เกิดชาติใหม่เป็นมหาเศรษฐีใหญ่ต้นตระกูลของท่านวิสาขา.... แบบนี้เป็นไปได้ไหมครับ? ส่วนเรื่องของวัตถุทานมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงข้อนี้ก็ถูก...แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ(เจตนาเป็นสำคัญ) ....แบบนี้เป็นไปได้ไหมครับ?

 

เห็นเขาพิมพ์ไว้อย่างนี้ครับ

 

ถ้าเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ

การทำทานครั้งนั้นก็ประเมินค่าไม่ได้ครับ

จะร้อยล้าน พันล้านก็สู้ไม่ได้

 

ผมไม่ออกความเห็นดีกว่า


แต่อยากจะบอก จะเป็นบุญ หรือ บาป อยู่ที่จิตที่เราคิดครับ

ทำไปทำมา คิดไปคิดมา พูดไปพูดมา

ระวัง

กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓