เรื่องเด่น คุณกำลังดึงดูดอะไรเข้ามาในชีวิต?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 15 มกราคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    FB_IMG_1484458571813.jpg

    The Law of Attraction “กฎของการดึงดูด” มีอยู่ว่า “สิ่งที่เหมือนกัน ดึงดูด สิ่งที่เหมือนกัน” คลื่นพลังงานอะไรก็แล้วแต่ที่ใกล้เคียงกันจะดึงดูดกัน

    ทุกอย่างในจักรวาลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคลื่นพลังงานทั้งสิ้น เราคงไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เรามองไม่เห็น เช่น เรามองไม่เห็นกระแสไฟฟ้าด้วยตาเปล่า แต่เมื่อเรากดสวิชไฟ ความสว่างก็จะปรากฏขึ้นมาให้เราเห็น เรามองไม่เห็นหรือไม่ได้ยินคลื่นเสียง แต่เมื่อเราเปิดวิทยุ ก็จะมีเสียงโผล่ออกมา เรามองไม่เห็นคลื่นพลังงานอีกหลายๆ อย่าง แต่มันก็มีอยู่จริง เช่น คลื่นของโทรศัพท์มือถือ คลื่นของอินเตอร์เน็ต ฯลฯ ดังนั้นสิ่งที่เรามองไม่เห็น ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่

    มีศาสตร์อีกหลายแขนงที่บอกว่า “ความคิดของคนเรา เป็นคลื่นพลังงานชนิดหนึ่ง” ทุกครั้งที่เราคิด มันก็จะส่งคลื่นพลังงานออกไป เคยมีไหมที่เราคิดถึงใครบางคน ต่อมาไม่นานนัก เขาก็จะโทรมาหาหรือมีโอกาสได้เจอกัน เจอเรื่องแบบนี้บ่อยมากๆ

    เวลาที่เราคิด เราได้ปล่อยคลื่นพลังงานออกไปในจักรวาลแล้ว ไม่ว่าเราคิดอะไร เราก็จะได้สิ่งนั้น โลกภายนอกจะปรากฏกับเราเป็นอย่างไร มันขึ้นอยู่กับโลกภายในคือความคิดของเราเป็นจุดเริ่มต้น เช่น ถ้าเราคิดว่า ชีวิตของเราเจอแต่ปัญหาและอุปสรรค เราก็จะเจอแต่ปัญหาและอุปสรรคอยู่เป็นประจำ ถ้าเราคิดว่าเราเจอแต่คนนิสัยไม่ดี เราก็จะเจอคนนิสัยไม่ดีอยู่นั่นแหละ ถ้าเราคิดว่า ฉันไม่เก่งพอ ฉันทำไม่ได้หรอก เราก็จะทำอะไรไม่สำเร็จ เพราะเราเฝ้ามองแต่สิ่งที่ไม่ดี จิตใจก็ขุ่นมัว คลื่นพลังงานที่ส่งออกไปก็เป็นลบ แล้วเราก็จะดึงดูดแต่เรื่องลบๆ เข้ามา

    สำรวจดูสิว่า คุณกำลังดึงดูดอะไรเข้ามาในชีวิต?

    ถ้าคุณอยากให้ชีวิตของคุณเจอแต่เรื่องดีๆ คุณก็ต้องคิดแต่แง่มุมดีๆ คิด พูด เห็นภาพและกระทำแต่สิ่งดีๆ เพื่อดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต ไม่เชื่อคุณลองยิ้มให้คนอื่นก่อนสิ แล้วคุณคอยดูว่าเขาจะยิ้มกลับมาให้คุณหรือเปล่า ถ้าคุณบอกว่าชีวิตของคุณเจอแต่คนดี คุณก็จะเห็นแต่คนดีๆที่อยู่แวดล้อมตัวคุณเต็มไปหมด เวลาที่เราทำอะไรดีๆ ให้กับคนอื่น แล้วเขาขอบคุณเรา เราอยากทำดีให้กับเขาเพิ่มขึ้นไหม ในทำนองเดียวกัน ถ้าผู้อื่นทำดีกับคุณ แล้วคุณขอบคุณเขา เขาก็จะยิ่งทำดีกับคุณมากขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าคุณอยากได้อะไรดีๆ คุณก็ปล่อยคลื่นดีๆ ออกไปดึงดูดเข้ามาในชีวิตสิ

    แต่ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรู้ตัวว่าเราปล่อยคลื่นอะไรออกไปเพราะเรามักจะทำอะไรโดยปราศจาก ”สติ” ที่จะรู้เท่าทันความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของตัวเราเอง เช่น เวลาที่เราโกรธ เราก็จะพูดจารุนแรง ระเบิดอารมณ์และพ่นพิษใส่คนอื่น แล้วเขาก็จะโต้ตอบกลับมาด้วยความรุนแรงเช่นกัน เพราะคลื่นพลังงานลบมันออกไปแรง จึงไปดึงดูดคลื่นลบที่แรงกลับเข้ามาเหมือนกัน แต่ถ้าเรามีสติยับยั้งได้ทัน เราก็อาจจะปล่อยคลื่นลบที่ไม่รุนแรงหรือเปลี่ยนจากพลังงานลบเป็นพลังงานบวกก็ยังได้ เช่น พูดจาออกไปแบบธรรมดา มีความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรืออาจถึงขั้นขอบคุณที่เขาชี้แนะอะไรดีๆ ให้กับเรา..ว้าว!

    ความยากจนก็มาจากคลื่นพลังงานทางความคิดที่ไม่ดี สังเกตุไหมคะว่าคนจนมักจะพร่ำบ่นถึงชีวิตที่มีปัญหา เงินไม่พอใช้ ไม่มีคนช่วยเหลือ ไม่มีโอกาส ฯลฯ ความคิดเหล่านี้ทำให้คลื่นพลังงานที่ออกมาจากตัวเขาเป็นคลื่นพลังงานลบตลอดเวลา คลื่นพลังงานลบหล่านี้ก็จะดึงดูดแต่คลื่นชนิดเดียวกันเข้ามาในชีวิต เขาก็ยังคงจะเจอแต่เรื่องแบบเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    วิธีที่จะช่วยให้คนยากจนออกจากความยากจน ไม่ใช่การหาสิ่งของไปบริจาคหรือการให้เงินช่วยเหลือ หรือการหางานให้ทำ เพราะสิ่งเหล่านี้ยังเป็นที่ปลายเหตุ ช่วยได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวและเป็นเรื่องทางกายภาพภายนอกเท่านั้น สิ่งที่สำคัญมากกว่า คือการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความคิดและคลื่นพลังงาน เพราะนี่คือต้นกำเนิดของการเปลี่ยนแปลงที่มาจากแก่นของมัน

    วิธีออกจากความยากจน คือ เขาจะต้องหัดคิดในเชิงบวกกับชีวิตในทุกๆ ด้านก่อน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับคนที่ยังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น แต่เขาต้องพยายามฝึกตัวเองที่จะมองในแง่ดีของชีวิต แล้วขอบคุณต่อสวรรค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นความเชื่อของเขา เช่น ขอบคุณที่เขามีร่างกายแข็งแรงกว่าเศรษฐีที่มีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน ขอบคุณที่มีครอบครัวที่น่ารัก ขอบคุณที่มีเพื่อนที่ดี ขอบคุณที่ยังมีบ้านให้หลบแดดหลบฝน ขอบคุณที่ยังมีรถเมล์ให้ขึ้นไปไหนมาไหน ขอบคุณที่ยังมีขาให้ก้าวเดิน ที่สำคัญคือ ขอบคุณที่ยังมีลมหายใจอยู่!!!



    - Coach Siriluck Tansiri -
     
  2. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,286
    ค่าพลัง:
    +1,507
    .
    เขียน ๑๔.๐๗

    แต่ถ้าฝึกอาณาปานสติ ได้ถึงขั้นที่สอง
    คือ เวทนานุปัสนา แล้วล่ะก็ นะ
    จะคุมเวทนาได้ง่าย ดังใจ
    จิตตามใจทันทุกก้าว
    เปลี่ยนทุกคิด
    ได้ทุกที่


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / เหล่าเต้บในสวน

    .
     
  3. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    มหาเวทย์ดูดดาว
     
  4. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231
    มนุษย์เรานั้น เมื่อแรกเกิดมาก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เหมือนผ้าขาวที่ไม่มีรอยเปื้อนและรอยขีดเขียนนใดๆ

    คนเรา เมื่อสิ่งแวดล้อมดี ได้ประสบการณ์ทีี่ดี ได้รับบทเรียนที่ดี เขาก็จะมองโลกในแง่ดี คิดแต่สิงที่ดีๆ

    เมื่อสิ่งแวดล้อมเลว ได้ประสบการณืที่เลว ได้รับบทเรียนที่เลว
    เขาก็จะมองโลกในแง่ร้าย คิดแต่สิ่งที่ร้าย เพราะประสบการณืสอนเขามาอย่างนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2017
  5. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,286
    ค่าพลัง:
    +1,507
    เขียน ๑๙.๒๒

    มันก็บ่แน่หรอกนาย
    ไม่ได้อยากจะตอบเล้ย
    แต่อีกใจก็อยากจะตอบนะ
    แต่เหมือนจะโดนย้ำ ให้ตอบ

    http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/222343
    ด้วยข้อเท็จจริงจากสมอง เรื่องนิวรอนและแอกซอน
    ทำให้ใครก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
    ด้วยการฝึกอาณาปานสติ นั่นเอง
    ด้วยขั้น ๓ จิตตานุปัสนา
    จึงคุมจิตได้ ดังใจ


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / ดร.ดิเรก ผัวประภาพี่ประไพ

    .
     
  6. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,286
    ค่าพลัง:
    +1,507
    .
    เขียน ๑๑.๒๘

    และแล้ว อาณาปาขั้นที่สี่ ก็ตามมา ไม่รู้ใครจัดให้นะ เนอะ
    ขั้นสี่ ธรรมมานุปัสนา คือขั้นสุดท้าย ของวิถีแห่งพุทธะ
    ความเชื่อมโยง ไปซ่อนอยู่ในกระทู้ของท่านวรณ์นิ
    ขอตัดแปะ เพื่อประโยชน์ของสัตว์โลกละกัน นะ

    http://palungjit.org/threads/ดอกบัวแห่งแสงพระนิพพาน-คือ.574090/page-3


    เรากะลังดึงดูดอะไรเข้ามาในชีวิต
    ยังอยู่ในหัวข้อกระทู้ไม๊หว่า
    ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะ
    วิถีแห่งพุทธะ


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / ชาวหมู่บ้านในนิทาน

    .
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    การดึงดูด....การที่จะเกิดการดึงดูด ในสิ่งต่างๆได้นั้น ในทางพุทธศาสนา เรียกเหตุปัจจัยนั้นว่า....เป็น เจตนา

    แล้วเจตนาก็มีสามแบบ
    1.เจตนาดี
    2.เจตนาไม่ดี
    3.ไม่รู้ แต่ยังฝีนทำ (ไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างใดจะดีหรือไม่ดีหรืออย่างไรแต่ลองดูก่อน)

    ดังนั้น กรรมการกระทำลงไปเพราะความไม่รู้ ก็ เป็นเจตนาอย่างนึงเหมือนกัน ตามหลักของพลังงานของจักรวาล หรือ หลักของความจริง การส่งคลื่นพลังงานจากคนคนนึงออกไป นั้น จะประกอบด้วย เจตนาเสมอ แม้แต่พลังงานแห่งนิพพานหรือพุทธะ หรือสัมมาทั้งหลาย ก็มีเจตนา แต่เจตนาเพื่อชำระความไม่รู้เท่านั้น

    ตามหลักจักรวาลทุกพลังที่ส่งออกไป จะหวนคืนกลับสู่ต้นกำเนิดเสมอ แต่จะกลับคืนมาแบบเดิมเหมือนตอนที่ส่งออก หรือจะกลับมาในรูปแบบใหม่ที่มีสิ่งอื่นเจือปนมาด้วย อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเจตนาแห่งการส่งออก นั้น เสมอ..ไม่มียกเว้น...เพราะเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า กรรม และ ทุกกรรมในจักรวาลก็มีกฏ ของมันอยู่ครับ..กฏแห่งกรรม
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ดังนั้น กฏแห่งการดึงดูด ความจริงมันก็คือ ความเป็นจริงของกฏแห่งกรรม กฏแห่งพลังงานของจักรวาล ที่ เมื่อ กายใจจิต ได้กระทำ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ใดๆออกไป มันจึงมีผลกระทบได้ กับทุกสิ่งที่ เคลื่อน ที่เปลี่ยนแปลงได้...นั่นเอง

    และที่สำคัญยิ่ง เมื่อ ในจิตใจคนมีอวิชชาความไม่รู้ กิเลสตัณหา..อุปทานเป็นทุนเป็นเชื้อที่มีอยู่แล้วนั้น ดังนั้นเจตนาที่ส่งออกมาย่อมต้อง มีผลกระทบต่อผู้มีอวิชชา ไม่มากก็น้อย จะโดยเจตนาดีหรือไม่ดีหรือไม่เจตนา ก็ตาม...ย่อมต้องควรระวัง คำนึงถึงผลกระทบ ที่อาจจะเกิดขึ้น ที่มัน ให้ผลตอบกลับมาด้วย เสมอๆ เป็นเหมือนผู้ไม่ประมาท ในกรรม นั่นเอง

    ยกเว้น ว่าคุณจะเป็นคนสามารถยอมรับ ในผลแห่งกรรมนั้นได้ทุกอย่าง ที่ให้ผลออกมา มีความรับผิดชอบได้ ทุกผลกรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2017
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    กฏแห่งแรงดึงดูด หรือกฏแห่งกรรม มันส่งผลให้ผล มากมายได้เกินกว่าที่คนมีอวิชชาจะจินตนาการได้ หรือมากเกินกว่าผู้มีอวิชชาจะคิดได้รู้ได้....เพราะ ในความคิดความอยากของคนคนนึงนั้น จะสื่อถึงสิ่งที่เขาคิดเขาอยาก ถึงสิ่งที่มันมีอยู่ในโลกหรือในจักรวาลนั้นแน่นอน...ไช่ แค่คิด มันก็ถึงแล้ว จะรู้หรือไม่รู้ มันถึงแล้ว

    ส่วนมากความคิดที่เจือปนด้วยความอยาก มันย่อมต้องเป็นไปเพื่อให้ได้สิ่งนั้น มีสิ่งนั้น เอาสิ่งนั้น เบียดเบียนสื่งนั้น แต่ที่สำคัญที่สุด ก็คือ เมื่อสิ่งนั้นอยู่กับใคร มันก็จะเบียดเบียนคนที่มีสิ่งนั้นตามไปด้วย ไม่ยกเว้นว่าจะเป็น รูปธรรม หรือนามธรรม มันจึงเป็นกรรม โดยเจตนานั่นเอง และกรรม ก็ย่อมเป็นไปตามกฏแห่งกรรมของจักรวาล นั่นคือ

    สัตว์โลก เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้พาไป มีกรรมเป็นผู้จำแนกแจกแจง มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2017
  10. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231
    คือผมอยากให้พวกที่บ้าการเมืองที่อยู่ในห้องหลุมดำได้มาอ่านกระทู้นี้จังเลย
    พวกเขาชอบด่าว่า นักการเมืองไม่ดีอย่างนั้น นักการเมืองไม่ดีอย่างนี้ นักการเมืองโกง
    นักการเมืองโหก
    พวกเข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วจะได้เข้าใจว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันล้วนแล้วแต่เกิดมาจากความคิดของเขาทั้งนั้น
    ถ้าเขาเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ มองการเมือง การประชาธิปไตย์ในแง่ดีบ้าง
    การเมืองและประเทศชาติคงต้องดีขึ้น(รึเปล่าหว่า ?)
    ประเทศชาติจะปราศจากนักการเมืองที่โกงกิน ประชาธิปไตย์จะไม่มีใครเดินขบวน(ยังงั้นรึเปล่า ?)
     

แชร์หน้านี้

Loading...