คุณธรรมต้องถึงโสดาบันจึงจะพ้นนรกอบายภูมิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 8 กรกฎาคม 2017.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ท่านใดหยั่งทราบเรื่องนี้ด้วยตนเอง
    หรือมีครูบาอาจารย์กำชับ
    เช่นนี้ช่วยยืนยันด้วยครับ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาท แต่ควรใส่ใจอย่างยิ่ง
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ปกติดวงจิตพวกนี้ ถ้าไปนรกได้
    พวกที่เฝ้าจะไม่ให้เข้าครับ(แต่มัน
    นามธรรมมากไปพิสูจน์ยากคับ)
    ปกติดวงจิตที่เข้าสู่ระดับที่ว่าได้
    คือดวงจิตที่คลายตัวเองได้แล้วครับ
    หรือดวงจิตที่แยกรูปแยกนามธรรมได้
    หรือดวงจิตที่เห็น จิต เห็นความคิดจากจิต
    เห็นความคิดจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม
    หรือความคิดที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
    เห็นพวกนี้ได้เป็น ๓ ส่วนชัดเจนครับ
    ซึ่งกิริยาตรงนี้ จะทำให้ความเห็นชอบ
    หรือการรู้เห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญา
    หรืออริยมรรค ๘ ข้อนี้เปิดทางให้ครับ
    จะทำให้สามารถที่
    จะเดินปัญญาเพื่อลดละ โลภะ โทสะ โมหะ
    ที่จะไปดึงเอาสิ่งต่างๆภายนอกเข้ามา
    จนกลายเป็นกิเลสลดน้อยลงเรื่อยๆ
    ตลอดจนมีความเข้าใจนามธรรมที่ถูกต้อง
    เป็นเหตุที่ทำให้เชื่อว่าเมื่อมีเช่นนี้
    โอกาสจะพ้นอบายภูมิสูงครับ

    แต่ต้องไม่ไปสร้าง
    วิบากกรรมหนักต่างๆร่วมด้วยนะครับ

    ปล ย้ำว่าแค่เริ่มต้นเดินปัญญาได้นะครับ
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ไม่อยากไปนรกก็กำจัดพวกนี้ก่อน

    กิเลส สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง, ความชั่วที่แฝงอยู่ในความรู้สึกนึกคิด ทำให้จิตใจขุ่นมัวไม่บริสุทธิ์ และเป็นเครื่องปรุงแต่งความคิดให้ทำกรรม ซึ่งนำไปสู่ปัญหา ความยุ่งยากเดือดร้อนและความทุกข์,

    กิเลส ๑๐ (ในบาลีเดิม เรียกว่ากิเลสวัตถุ คือ สิ่งก่อความเศร้าหมอง ๑๐) ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา ถีนะ อุทธัจจะ อหิริกะ อโนตตัปปะ,
     
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    พวกนี้ ทำให้ไปนรกทั้งนั้น


    ศัตรูของสมาธิ

    สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นปฏิปักษ์ เป็นศัตรูของสมาธิ เป็นสิ่งที่ต้องกำจัดเสีย จึงจะเกิดสมาธิได้ หรือจะพูดว่า เป็นสิ่งที่ต้องกำจัดเสียด้วยสมาธิก็ได้ สิ่งเหล่านี้ มีชื่อเฉพาะเรียกว่า นิวรณ์

    นิวรณ์
    แปลว่า เครื่องกีดกั้น เครื่องขัดขวาง แปลเอาความตามหลักวิชาว่า สิ่งที่กีดกั้นการทำงานของจิตไม่ให้ก้าวหน้าในกุศลธรรม ธรรมฝ่ายชั่วที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุคุณความดี หรืออกุศลธรรมที่ทำจิตให้เศร้าหมองและทำปัญญาให้อ่อนกำลัง


    คำอธิบายลักษณะของนิวรณ์ ที่เป็นพุทธพจน์มีว่า

    "ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการเหล่านี้ เป็นเครื่องปิดกั้น (กุศลธรรม) เป็นเครื่องห้าม (ความเจริญงอกงาม) ขึ้นกดทับจิตไว้ ทำปัญญาให้อ่อนกำลัง"

    "...เป็นอุปกิเลสแห่งจิต (สนิมใจ หรือสิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมอง) ทำปัญญาให้อ่อนกำลัง"

    "ธรรม ๕ ประการเหล่านี้ เป็นนิวรณ์ ทำให้มืดบอด ทำให้ไร้จักษุ ทำให้ไม่มีญาณ (สร้างความไม่รู้) ทำให้ปัญญาดับ ส่งเสริมความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน"

    นิวรณ์ ๕ อย่าง คือ

    ๑. กามฉันท์ ความอยากได้ อยากเอา (แปลตามศัพท์ว่า ความพอใจในกาม) หรืออภิชฌา ความเพ่งเล็งอยากได้ หรือจ้องจะเอา หมายถึง ความอยากได้กามคุณทั้ง ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นกิเลสพวกโลภะ จิตที่ถูกล่อด้วยอารมณ์ต่างๆ คิดอยากได้โน่นอยากได้นี่ ติดใจโน่นติดใจนี่ คอยเขวออกไปหาอารมณ์อื่น ครุ่นข้องอยู่ ย่อมไม่ตั้งมั่น ไม่เดินเรียบไป ไม่อาจเป็นสมาธิได้

    ๒. พยาบาท ความ ขัดเคืองแค้นใจ ได้แก่ ความขัดใจ แค้นเคือง เกลียดชัง ความผูกใจเจ็บ การมองในแง่ร้าย การคิดร้าย มองเห็นคนอื่นเป็นศัตรู ตลอดจนความโกรธ ความหงุดหงิด ฉุนเฉียว ความรู้สึกขัดใจ ไม่พอใจต่างๆ จิตที่มัวกระทบนั่นกระทบนี่ สะดุดนั่นสะดุดนี่ เดินไม่เรียบ ไม่ไหลเนื่อง ย่อมไม่อาจเป็นสมาธิ

    ๓. ถีนมิทธะ ความหดหู่และเซื่องซึม หรือเซ็งและซึม แยกเป็นถีนะ ความหดหู่ ห่อเหี่ยว ถอดถอย ระย่อ ท้อแท้ ความซบเซา เหงาหงอย ละเหี่ย ที่เป็นอาการของจิตใจ กับ มิทธะ ความเซื่องซึม เฉื่อยเฉา ง่วงเหงา อืดอาด มึนมัว ตื้อตัน อาการซึมๆ เฉาๆ ที่เป็นไปทางกาย (ท่านหมายถึงนามกาย คือกองเจตสิก) จิตที่ถูกอาการอย่างนี้ครอบงำ ย่อมไม่เข็มแข็ง ไม่คล่องตัว ไม่เหมาะแก่การใช้งาน จึงไม่อาจเป็นสมาธิได้

    ๔. อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านและเดือดร้อนใจ แยกเป็นอุทธัจจะ ความที่จิตฟุ้งซ่าน ไม่สงบ ส่ายพร่า พล่านไป กับ กุกกุจจะ ความวุ่นวายใจ รำคาญใจ ระแวง เดือดร้อนใจ ยุ่งใจ กลุ้มใจ กังวลใจ จิตที่ถูกอุทธัจจกุกกุจจะครอบงำ ย่อมพล่าน งุ่นง่าน ย่อมคว้างไป ไม่อาจสงบได้ จึงไม่เป็นสมาธิ

    ๕. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ได้แก่ ความเคลือบแคลง ไม่แน่ใจ เกี่ยวกับพระศาสดา พระธรรม พระสงฆ์ เกี่ยวกับสิกขา เป็นต้น พูดสั้นๆว่า คลางแคลงในกุศลธรรมทั้งหลาย ตกลงใจไม่ได้ เช่นว่า ธรรมนี้ สมาธิภาวนานี้ ฯลฯ มีคุณค่า มีประโยชน์ควรแก่การปฏิบัติหรือไม่ จะได้ผลจริงไหม คิดแยกไปสองทาง วางใจไม่ลง จิตที่ถูกวิจิกิจฉาขัดไว้ กวนไว้ ให้ค้าง ให้พร่า ให้ว้าวุ่น ลังเลอยู่ มีแต่จะเครียด ไม่อาจแน่วแน่เป็นสมาธิ
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    หื๊ออออม์...แบกคัมภีร์มาโชว์อิ๊ก
    อ่านโจทย์ให้ดีๆ ก่อนว่าน่าลงทุนแบกคัมภีร์
    มาไม๊....เดี๊ยะเผลิ่ง!!!
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ไม่ว่าอาจารย์ไหนก็ตาม ถ้าสอนให้แสวงหาคุณธรรม หรือต้องการจะพ้นจากนรก โดยไม่แนะนำให้กำจัดกิเลส ให้คิดไว้ก่อนเลยว่า มั่วขอรับ ก็ในเมื่อกิเลสยังเต็มหัวใจ จะไปเอากุศลธรรม เอาคุณธรรมจากที่ไหน หือ
     
  7. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ พระโสดาบัน มีระบุไว้ชัดเจนว่า "พ้นสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส"

    +++ เฉพาะ "สักกายทิฏฐิ" ตรงนี้ ผู้ปฏิบัติในทาง "มหาสติปัฏฐาน 4" ที่สามารถ "ทำความรู้สึกตัวทั่วถึง" ได้แบบ ตจปริยันโต มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ จนได้นิสัย ก็จะรู้ได้ชัดเจนว่า "มีเวทนากายเป็นตน" พ้นจากการยึดเอา "กายเนื้อ เป็นกายเป็นตน" จากกายเนื้อ กลายเป็น กายเวทนาแทน (ตรงนี้เป็น ดำรงค์สติมั่น รู้ ระดับของกาย ในปัจจุบันขณะ)

    +++ เมื่อได้ "กายเวทนาเป็นตน" ไม่นานก็จะ รู้ ชัดเจนถึงอาการของ "สัมปชัญญะ 4 และ ปิติ 5" ซึ่งมันคือ อาการของ กายเวทนา รวมทั้งการแปรเปลี่ยนของกายจาก ปิติ5 สู่ สุข เอกัคตารมณ์ต่าง ๆ นั่นเอง และจะรู้ชัดเจนว่า กายคือฌาน หรือ ฌานคือกาย ในภายหลัง

    +++ ไม่นาน ก็จะได้ประสพการณ์ของ กายเวทนาที่ทับซ้อนกันอยู่กับกายเนื้อ และรู้จัก "กายในกาย" ตามความเป็นจริง

    +++ สรุปย่อ ๆ ได้ว่า เรื่องของ กายในกาย การกำหนดกายต่าง ๆ จะเป็นที่ "สิ้นสงสัย" ตรงนี้คือ "พ้นวิจิกิจฉา" และรู้ "หลักปฏิบัติของเฉพาะตนเอง" ตรงนี้ "พ้นสีลัพพตปรามาส"

    +++ จากการ รู้ชัด ว่า กายคือฌาน (ในระดับโสดา-สกิทา ยังไม่สิ้นสงสัยในฌาน ในระดับ อนาคา จะรู้ชัดว่า "ตน นี่แหละคือ ฌาน") ตรงนี้ จะทำให้มี "ขีดความสามารถในการ ปรับกาย ได้ในทุกขณะจิต" ให้เป็น กายสัมปชัญญะ หรือเป็น กายของโล่งโปร่งเบา (ฌาน 3) หรือให้เป็น กายแห่งเอกัคตารมณ์ ได้เป็นปกตินิสัย

    +++ ดังนั้น ในยามที่เกิด "กายที่ครองทุกข์เมื่อไร" ผู้ที่สามารถ ปรับกายได้ดั่งปรารถนา จึงสามารถ "ปรับกาย" ให้พ้นจาก ทุกข์ ได้ในทันที ตรงนี้คือ "ปิดอบาย" นั่นเอง

    +++ ที่กล่าวมาโดยคร่าว ๆ นี้ ต้อง "ทำ" เอาเท่านั้นจึงจะ "รู้" ได้ การ "พิจารณาแบบฝรั่ง (ตรรกะ) จะเป็น อจินไตย และ วิปลาส เอาได้ง่าย ๆ" นะครับ
     
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ชัวร์ครับ
     
  9. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ขอให้พวกคุณมีความสุขเข้าถึงความเจริญยิ่งๆสูงๆ

    จะได้มาอ่านการสนทนาธรรมได้ความรู้ดี จงรวยๆความสุขกันจร้า:D:D:D (สงบสุขเป็นพอ)

    คุณมาจากดิน ขอโมทนาความหวังดีในการให้ความรู้ด้วยนะครับ มีความขยันมากครับ
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    พวกจิตยังแยกรูปแยกนามไม่ได้
    แค่พอได้สมาธิเล็กๆน้อยพอระดับหางอึ่งอ่าง
    แล้วอ่านตำราประกอบมามาก อย่าหวังว่าชาตินี้
    จะพ้นอบายภูมินะครับ....หรือคิดว่าต้นเองอยู่ระดับไหนนะครับ

    ปล.เข้ามาคุยกับลุงแมวเล่นๆครับ
    พอดี ช่วงนี้เจอนักปฏิบัติ พึ่งนั่งสมาธิเป็น
    มีปัญญาแบบปนตำรา เที่ยวไปแนะไปเตือนคนอื่นๆ
    โดยไม่รู้จักแยกแยะ แล้วก็ยกประหนึ่งว่าตนเองบรรลุ
    เก่งกว่าคนที่ตนไปแนะนำครับ
    พวกสภาวะทางจิตแบบเด็กพึ่งเริ่มเดินแบบนี้
    ส่วนมากจะ หลงตัวเองเยอะครับลุงแมว
    ไม่ใช่ คุณธรรมชาติ และ มจด นะที่พูดถึง....

    พอดีต้องเล่นมุขนี้ครับ พูดลอยๆไม่ต้องอ้างอิง
    ว่ากล่าวถึงใครครับลุง...
     
  11. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ลมเพ ลมพัด ดีครับ อิอิอิอิ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เหอะ เหอะ เหอะ ได้ยินเสียงสุนัขแว่วๆ
    เด่วอนาคต
    จะรู้เองว่าอะไรเป็นอะไร
    อิอิอิ
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ส่วนมากจะ หลงตัวเองเยอะครับลุงแมว
    ไม่ใช่ คุณธรรมชาติ และ มจด นะที่พูดถึง....


    มจด.รอดตัวไป เอ๊ะ แล้วใคร มองไม่ออก
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    มีอยู่ตัวหนึ่ง ที่ชอบมาพูดให้ตัวเองดูหล่อ
    นิสัยเหมือนตาอยู่นะ..
    แต่ยืนยันว่า กรณีนี้ไม่ได้พูดถึงคุณ
    ว่าแต่คุณไม่ได้ยินเสียงสุนัขแว่วๆในกระทู้นี้หรือ
    ที่ไม่ใช่ ลุงแมว ไม่ใช่ผม ไม่ใช่คุณธรรมชาติ
    ไม่ใช่คุณ เอ่อว่าแต่เหลือใครน้อ..
     
  15. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    คุณมาจากดิน ขอโมทนาความหวังดีในการให้ความรู้ด้วยนะครับ มีความขยันมากครับ

    ขอบพระคุณขอรับที่ชม เก็บไว้ในใจก็ได้ครับ มจด.กลัวมีคนพูดค่อนแคะอีกครับ เพิ่งโดนมาหยกๆเนี่ย :D
     
  16. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    อ้าว มีคำว่า มจด ด้วย แปลว่า มาจากดินผมก็อ่านผ่านๆ

    งั้นก็ มีลุ้นว่าเป็นผมด้วยนะเนี่ย ถ้าเป็นผมขอน้อมรับเลยครับสำหรับคำเตือนยินดีมากครับ
    ใช้เลยครับคุณ นพผมนั้นยังไม่บรรลุสิ่งใดเลย เเละสมาธิก็เด็กๆอย่างคุณว่าผมขอยอมรับครับผม

    ผมจะนำไปปรับปรุงนะครับที่ช่วยบอก แยกรูปแยกนามไม่ได้ จริงครับผมไม่ค่อยได้สนอะไรพวกนี้เลย ขอบพระคุณครับผม:):):)

    มีอะไรอีกเเนะนำได้เลยนะครับใครก็ได้ครับผม ขอบพระคุณล่วงหน้าครับผม
     
  17. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ตอบช้าหน่อยโดนอีกเเล้ว เราปะเนี่ยอิอิอิ ไม่เป็นไรครับถ้าเป็นผมก็ไม่ว่ากันครับ
    ขอบพระคุณครับ
    หัวใจผมเต้นแบบดีใจมากเลยครับ เย้ๆๆๆๆ ดีใจมากๆๆๆๆเลยครับ คุณนพ
    ดีใจมากสติผมบอกผมอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
     
  18. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    จะดีใจอย่างไรดี ช่วยบอกผมทีซึ้งมากครับ ผมได้ประโยชน์จากเพจนี้เเล้วจริงๆกราบทุกท่านอาจารย์ ครับผม เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอสติหลุดหน่อย เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    แยกรูปแยกนามไม่ได้
    ชาตินี้ไม่ต้องไปพูดถึงวิปัสสนา
    ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องเดินปัญญาเพื่อลดละกิเลส
    กรุณาอย่าได้ฝันไปไกลกว่านี้
    ถ้าพื้นฐานตรงนี้ยังไม่ได้

    เมื่อวิปัสสนาไม่ได้ เดินปัญญาไม่ได้
    นั่นหมายความว่า ที่ตนพิจารณาเป็นแค่ปัญญาทางโลก
    เพราะว่า เมื่อจิตยังไม่แยกรูปแยกนาม
    ความเห็นชอบ ซึ่งเป็นมรรคข้อแรกจะยังไม่เปิดทางให้
    เมื่อความเห็นชอบ หรือ การรู้เห็นตามความเป็นจริง
    ด้วยปัญญาด้วยความเป็นกลางยังไม่มี

    ต่อไปต้องไปพูดถึง อริยะมรรคอีก ๗ ข้อที่เหลือ
    เมื่อจิตยังไม่มีความเห็นชอบด้วยความเป็นกลาง
    จิตก็ไม่มีทางคลายตัวด้วยตัวเองได้

    และติ่งสมองส่วนไหน ทำให้คิดลึกๆได้ว่าตัวเอง
    จะเป็นอริยะบุคคลได้ ติ่งสมองส่วนไหนคิดว่า
    ตนเองบรรลุธรรมได้

    อริ คือ ห่างไกล ยะคือกิเลส รวมความห่างไกลจากกิเลส
    ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ไม่ใช่กิเลส
    แต่โลภะ โทสะ โมหะ ที่อยู่ในจิตตนเองตัวใดตัวหนึ่ง
    ที่ดึงมันเข้ามา ร่วมกับจิต จึงกลายเป็นกิเลส....

    ถ้ายังติด สรรเสริญ ติดสุข ติดยศ ติดลาภอย่างใดอย่างหนึ่ง
    อย่าได้เผลอเอาติ่งสมองส่วนใด
    ไปคิดว่า ตนบรรลุ หรือ เป็นระดับใดๆ
    อายแทน พวกที่อยู่ในอเวจี....
    เด่วเค้าจะนึกว่า เจอเพื่อนบนโลกอีกแล้ว.....
     
  20. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ครับๆขอบคุณครับ

    คลายตัวด้วยตัวเองได้ คืออะไรครับ เข้าใจเเค่ว่าความโกรธไม่ดีด้วยประการทั่งปวง ผมจึงขี้เกลียดไปใส่ไปยุ่งกับความโกรธ ครับ รู้เเค่นี้ครับ

    อ้อพอเข้าใจที่ คุณนพสื่อครับ ในส่วนอื่นๆครับ ขอบคุณเสมอครับผม

     

แชร์หน้านี้

Loading...