ค่อนข้างเบื่อครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์โง่ V2, 4 ตุลาคม 2017.

  1. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    สมัยนี้มีการจดบันทึกมากมาย
    ผมก็เอาผลการปฏิบัติส่วนตัวมาลงบันทึกไว้บ้าง
    เพื่อให้ผู้อ่าน พิจารณากันเอาเอง

    เช่นนาย A มีผลปฏิบัติบันทึกเอาไว้แบบนี้ สร้างเว็บบล๊อกเผยแพร่เอาไว้แบบนี้
    ส่วนนาย B เอาผลบันทึกจากตำรา สร้างเว็บบล๊อกเผยแพร่ตามตำรา

    ส่วนตัวไม่ได้ซีเรียสนักดอก ว่าใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ
    ในสิ่งที่ผมบรรยายออกมาในกระทู้นี้
    บางคนก็อาจจะคิดว่า ปฏิบัติผิดทาง มิจฉาสมาธิ มิจฉามรรค ก็ว่ากันไป
    หรืออาจจะกล่าวว่า จขกท ขี้โม้ เบเบ๋
    จขกท ก็คงจะได้รับผลกรรมนั้นเองในอนาคต

    ยังไงก็ลองเอาไปเทียบเคียงกับตำราของนาย B หรือ ผลการปฏิบัติของนาย A

    ก็น่าจะพอทราบพระสัทธธรรมคร่าวๆ ควรโยนิโสมนสิการแต่ส่วนดีๆ
    หรือเอาไว้เป็นไกด์

    นี่คือจุดประสงค์ของการตั้งกระทู้นี้
    .
    .
    .
    นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2017
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    การแสดงธรรม ไม่ใช่ของง่าย

    การที่ ไม่มีเหตุให้แสดง ( ไม่ทราบ คนรับประโยชน์ ที่จะผลิกเข้ามา สัมมาทิฏฐิ )

    แล้วไป แสดงธรรม

    ธรรมที่แสดงนั้น จัดเป็น คำจริง ที่แสดงไม่ถูกกาละ เทศะ

    จัดเป็น ผิดศีล มุสาวาทา

    ปฏิบัติไปเขียนไป นึกว่า ทำประโยชน์


    .....อุ๊ยต๊าย!!! โดนกิเลสมันหลอกให้ติดตาย 230313.png
     
  3. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    ผมมองยังงี้นะ

    1. กระทู้ไม่ได้โพสวันนี้ แล้วพรุ่งนี้ถูกลบหาย อนาคตยังมีคนมาค้นเจอ

    2. ถ้าเช่นนั้น ธรรมคงแสดงได้แค่ตอนมีกระทู้คำถาม หรือกระทู้อาการหนักเท่านั้น
    กระทู้สนทนาธรรมดา ก็คงห้ามแสดงธรรม เพราะยังไม่เกิดประโยชน์ในตอนนั้น!!?

    3. สมัยนี้มีการจดบันทึก แสดงธรรมกาลไหน เวลาผ่านไปถ้ามีคนอ่าน ธรรมในกาลนั้นก็ได้ถูกแสดงขึ้นมาอีกผ่านตัวอักษร ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการแสดงธรรม

    4. ปรมัตธรรม ที่แสดงมาเหมือนจะลึกซึ้ง ว่าแสดงธรรมให้ถูกกาล ถ้าเป็นการพูดปากเปล่าก็คงไม่เถียงอะไร เพราะไปพูดผิดกาละเทศะเอง แต่ในเว็บบอร์ดการปรารภเช่นนี้ถ้ามองมุมกลับ

    เป็นการไปสอนคนให้ปิดกั้นธรรมมะ ขัดขวางการบรรยายธรรมหรือไม่ เพราะกลัวผิดศีลกันหมด บาปกรรมหรือไม่?
    อย่าลืมว่าคลิปการบรรยายธรรมมีเต็มอินเตอร์เน็ตไปหมด อยู่ที่ว่าเราๆ จะไปโหลดฟังกันตอนไหน

    เพราะอย่างที่บอก เว็บบอร์ดคือการจดบันทึก สามารถนำมาอ้างอิงได้ทุกกาล ตามเท่าที่เซิฟเวอร์ยังมีอยู่

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อยู่ที่ตัวผู้แสดงเอง ว่าอยากแสดง หรืออยากอยู่เงียบๆ
    .
    .
    .
    นะครับ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ไม่เคย ไปหา พระ หรอ

    หากเคยไปหา พระ จะ สังเกตเห็น อาการสดๆร้อนๆของคนถาม

    คือ คนถามคนแรก สมมติว่า ถามคำถามนึง ...พระตอบ จบไปแล้ว

    อีกคนถามต่อ .....เชื่อหมื่อไร่....คนถัดมา จะถามคำถามเดิม
    ที่คนก่อนหน้า พึ่งถาม .........อะไรแบบนี้ เจอบ่อยมาก

    จึง อนุมานว่า ไม่มีหรอก ที่จะมาค้นกระทู้ หาปัญหา ที่เหมือนกัน
    หรือ ใกล้เคียงกัน .....แล้ว จะ อะอื้ม

    เพราะอะไร

    สดๆ ร้อนๆ

    ธรรม ไม่สด ไม่ร้อน จึงมีแนวโน้ม เพ้อเจ้อ ละเมอ เพ้อพก ไปในอนาคต
    ล่วงไปในอดีต ภาวนาให้ตาย มันจะ หลุดออกมาจาก ปัจจุบัน เพราะ
    ตัวเอง หยอดยาพิษเอาไว้ ด้วย กรรมเวร บางประการ

    ฮิวววววววววววววววววววววววส์
     
  5. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    กระทู้นี้ต่อเนื่องจากกระทู้นั้น http://palungjit.org/threads/“เน้นท...ก-เพราะจะกลายเป็นสัญญา”.620280/#post-10542846


    เอาเป็นว่าถ้าผมเข้าใจอะไรผิดไป ผมขอโทษแล้วกัน
    เพราะผมก็เดาใจคุณไม่ถูก
    นะครับ
     
  6. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    ขอขุดขึ้นมาอ่านสร้างกำลังใจหน่อย
    จะได้มีแรงฮึดต่อ

    หมดเวลาคอฟฟี่เบรก


    ฮึบ ฮึบ..... ฟิ้ววว....... ขี้เกียจ 555
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,301
    ค่าพลัง:
    +12,628
    สักว่าเห็น สักว่าได้ยิน สักว่ารู้
    ไม่ใช่เราเห็น ไม่ใช่เราได้ยิน ไม่ใช่เรารู้
    เป็นอนัตตตา เป็นสภาวะธรรม
    จะเอามาให้ใครเซ็ง หรือใครเบื่อ
    ได้ล่ะคับ
     
  8. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    อึ้งทำไมคับ
     
  9. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ใกล้แล้ว
     
  10. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    อืม...คล้ายๆคนกำลังละเมอ
     
  11. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ก็ดีคับผมจะละเมอตามแบบเป็่นนิยายหรือเรื่องแต่ขึ้นตามที่รู้นะคับ ผมไม่รู้เรื่องกระแสหรืออะไรๆ ที่เกิดขึ้นหรอก พอตื่นลืมตาขึ้นมามันก็ไหลไปกลมกลืนกันไปหมดแต่ว่าที่ลืมตาขึ้นมามันจะไม่รู้ว่ากระแสมันเป็นยังไงเพราะเรายังไหลไปกับมันอยู่เหมือนโลกหรือของสองสิ่งที่เคลื้อนไหวไปตามกันด้วยแรงแบบเดียวกันจึงมองไม่เห็นว่ามันเคลื่อนไหว ต้องอาศัยพระอาทิตย์ อัฒจันทร์ ดวงดาวอันไกลโพ้นเป็นตัวชี้นำ ว่ามันมีการเคลื่อนไหว กลับมาที่เราตัวเราจิตใจของเรากับสิ่งที่เรียกว่าธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตและสังคม เราก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ากระแสนี้มายังไงเป็นยังไงเพราะเราเคลื่อนที่ปพร้อมๆกับมัน เราจะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อเราเคลื่อนไหวเร็วกว่ามันหรือเคลื่อนไหวช้ากว่ามัน แต่เราจะหยุดลงไม่ได้เพราะมันคือการต้านการเคลื่อนไหวจริงๆที่เกิดขึ้น...เพราะการต้านไม่ใช่ผลดีมองเห็นจากหลายๆอย่าง แต่มีวิธีที่จะต้านมันได้ถ้าเราทำให้ขนาดเล็กลงไป หรืออีกวิธีที่ดีที่สุดก็ออกมาจากกระแสนั้น แต่ว่าเงื่อนไขการออกจากกระแสนั้นสำคัญเลยคือเราไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหนของกระแส ถ้าเราพยยามออกมาโดยที่เราไม่รู้ เราจะต้องกลับลงไปที่เดิมหรือไปที่ใหม่ที่มีกระแสเบาลงหรือเพิ่มขึ้นก็อาจเป็นได้ จะว่าไปถ้าเรารู้ถึงกระแสที่ไหลวนในแนวระนาบหรือแนวต่างๆได้จริง การจะออกจากตรงนั้นคงไม่ยาก...ละเมอไม่ออกแล้วพอดีตื่น
     
  12. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412

    กุศลมูล

    ส่วนกุศลมูล มูลเหตุของกุศลนั้น ก็ได้แก่

    อโลภะความไม่โลภอยากได้ โดยมีสันโดษความพอใจอยู่ในทรัพย์สมบัติเฉพาะที่เป็นของตนเท่านั้น เป็นต้น

    อโทสะความไม่โกรธแค้นขัดเคือง ก็โดยที่มีเมตตา กรุณา เป็นต้น

    อโมหะความไม่หลง ก็คือความที่มีปัญญารู้ตามเป็นจริง อันทำไม่ให้หลงไหล ไม่ให้ถือเอาผิด

    สัมมาทิฏฐิความเห็นชอบก็คือรู้จักกุศลมูลเหล่านี้ว่า ทุก ๆ ข้อเป็นมูลเหตุของกุศลจริง



    สัมมัปปัญญา

    สัมมาทิฏฐิคือความเห็นชอบดั่งนี้เป็นทิฏฐิคือความเห็น เป็นทัศนะคือความเห็น เป็นญาณะคือความรู้ หรือเป็นปัญญาคือความรู้ทั่วถึง ที่จำต้องการเป็นขั้นต้นของทุก ๆ คนในโลก แต่ว่าจะได้สัมมาทิฏฐิคือความเห็นชอบดั่งนี้ได้ ก็ต้องอาศัยความที่ใช้ปัญญาที่มีอยู่เป็นพื้น ในการประกอบปลูกปัญญาให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยการฟังการเรียน อันรวมในคำว่า สุตะ ด้วยการคิดพินิจพิจารณา อันรวมเรียกว่า จินตา และด้วยการปฏิบัติอบรมต่าง ๆ ในข้อที่พึงปฏิบัติอบรมนั้น ๆ อันเรียกว่า ภาวนา และเมื่อได้ประกอบปฏิบัติปลูกปัญญาอบรมปัญญา เพิ่มพูนปัญญาในทางที่ถูกต้องอยู่เสมอ ก็ย่อมจะได้ปัญญาที่เป็นปัญญาถูกต้อง อันเรียกว่า สัมมัปปัญญา ได้สัมมาทิฏฐิคือความเห็นชอบ ดังกล่าว


    มิตตสัมปทา โยนิโสมนสิการ

    และข้อนี้ได้มีพระพุทธภาษิตตรัสไว้ในที่อื่นอีกว่า ก็ต้องอาศัย มิตตสัมปทา คือความถึงพร้อมด้วยมิตร อันหมายความว่าได้มิตรที่ดีงาม อันเรียกว่า กัลยาณมิตร พระพุทธเป็นยอดของกัลยาณมิตร มารดาบิดาครูอาจารย์ทั้งหลายก็เป็นกัลยาณมิตร เพื่อนมิตรทั้งหลายซึ่งเป็นผู้ทรงปัญญา สามารถที่จะให้คำแนะนำอบรมอันถูกต้องได้ ก็เรียกว่ากัลยาณมิตร ต้องอาศัยกัลยาณมิตรนี้ ประการหนึ่ง

    อีกประการหนึ่งก็คือ โยนิโสมนสิการ ที่แปลว่าการทำไว้ในใจ จับให้ถึงต้นเหตุ ดังเช่น เมื่อกำหนดเพื่อรู้จัก อกุศล ก็ต้องจับให้ถึงต้นเหตุ ว่ามีมูลเหตุมาจาก โลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งเป็นอกุศลมูล และเมื่อกำหนดเพื่อรู้จัก กุศล ก็ต้องจับให้ถึงต้นเหตุ ว่ามีต้นเหตุหรือมูลเหตุมาจากกุศลมูล คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ดังกล่าว ความใส่ใจคือความกำหนดใจพินิจพิจารณาจับเหตุของผลให้ได้ดั่งนี้ คือ โยนิโสมนสิการ ก็ต้องอาศัยโยนิโสมนสิการนี้อีกข้อหนึ่ง


    เบื้องต้นของสัมมาปฏิบัติ

    ได้มีพระพุทธภาษิตตรัสไว้ว่า กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการนี้ ย่อมเป็นเบื้องต้นของสัมมาปฏิบัติทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นปัญญา หรือคลุมไปได้จนถึงศีลทั้งหมด ต้องอาศัยมีกัลยาณมิตร และมีโยนิโสมนสิการ มาตั้งแต่เบื้องต้น เหมือนอย่างอรุณเป็นเบื้องต้นของวัน กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการก็เปรียบเหมือนว่า เป็นอรุณเป็นเบื้องต้นของความสว่าง ของสัมมาปฏิบัติคุณงามความดีทั้งสิ้น อันนับว่าเป็นความสว่าง จึงต้องอาศัยกัลยาณมิตร และโยนิโสมนสิการ ดั่งนี้

    และในหมวดธรรมบางหมวด ก็ได้ตรัสอธิบายขยายความออกไปในทางปฏิบัติ ว่าส้องเสพคบหาสัตตบุรุษคือคนดีก็ได้แก่กัลยาณมิตรนี้เอง ฟังธรรมของคนดี มีโยนิโสมนสิการ ใส่ใจ คือนำเอาธรรมะที่ฟังมาใส่ไว้ในใจ ตั้งต้นแต่ตั้งใจฟัง ตั้งใจพิจารณาจับเหตุจับผล และปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ข้อใดที่พึงละก็ละ ข้อใดที่พึงปฏิบัติก็พึงปฏิบัติ ข้อใดที่พึงปฏิบัติก่อนก็ปฏิบัติก่อน ข้อใดที่ปฏิบัติภายหลังก็ปฏิบัติภายหลัง ดั่งนี้เป็นต้น เรียกว่าปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

    และเมื่อมีทั้ง ๔ ข้อนี้ก็เป็นอันว่านำให้ได้สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นชอบความเห็นตรง นำให้ได้ความเลื่อมใสที่ไม่หวั่นไหวในพระธรรม นำเข้ามาสู่สัทธรรมคือธรรมะของสัตตบุรุษ หรือธรรมะที่ดีที่ถูกต้อง คือพระธรรมวินัยนี้ ดั่งนี้

    เพราะฉะนั้น การปฏิบัติเพื่อให้ได้สัมมาทิฏฐิดังกล่าวนี้ พระสารีบุตรจึงได้นำมาอธิบายไว้เป็นประการแรก และท่านยังได้กล่าวไว้ด้วยว่า เมื่อได้สัมมาทิฏฐิคือความเห็นชอบ รู้จักอกุศล รู้จักอกุศลมูล รู้จักกุศล รู้จักกุศลมูล อันนำให้ได้สัมมาทิฏฐิคือความเห็นชอบ ความเห็นตรง ก็ย่อมจะนำให้ได้ความเลื่อมใสที่ไม่หวั่นไหวในพระธรรม นำเข้ามาสู่พระธรรมวินัยนี้

    ที่ท่านเรียกว่านำเข้ามาสู่สัทธรรมนี้ ก็คือนำเข้ามาสู่พระพุทธศาสนา คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านี้นั่นเอง และเมื่อเป็นดั่งนี้ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้ปฏิบัติละกิเลส ที่นอนจมหมักหมมดองจิตสันดาน อันเรียกว่าอาสวะหรือเรียกว่าอนุสัย อันยกขึ้นมาก็คือว่า เป็นเหตุให้ละ ราคานุสัย กิเลสที่นอนจมหมักหมมจิตสันดานคือราคะ บันเทา ปฏิฆานุสัย อนุสัยคือปฏิฆะความกระทบกระทั่ง อันเป็นเบื้องต้นของกิเลสกองโทสะ ถอน ทิฏฐิมานานุสัย อนุสัยคือทิฏฐิมานะ ละอวิชชา ทำวิชชาให้บังเกิดขึ้น จึงเป็นไปเพื่อการกระทำความสิ้นสุดแห่งกองทุกข์ได้ ดั่งนี้

    ปัญญาขั้นต้น

    เพราะฉะนั้น ปัญญาที่ต้องการในทางพุทธศาสนา อันเป็นขั้นต้นที่ต้องการทั่วไป ก็คือปัญญาที่ทำให้เป็นสัมมาทิฏฐิความเห็นชอบดังกล่าว ก็คือให้รู้จักอกุศล ให้รู้จักอกุศลมูล ให้รู้จักกุศล ให้รู้จักกุศลมูล

    แต่ว่าพึงทำความเข้าใจด้วยอีกว่า ความรู้จักที่เป็นตัวปัญญาที่เป็นสัมมาทิฏฐิดังกล่าวนี้ ไม่ใช่สัญญาคือความทรงจำ ความทรงจำนั้นก็คือความทรงจำตามที่ฟัง ตามที่อ่าน ตามที่เล่าเรียน ก็จำได้ ว่าอกุศลกรรมบถ ๑๐ อกุศลมูล ๓ มีอะไรบ้าง กุศลกรรมบถ ๑๐ กุศลมูล ๓ มีอะไรบ้าง ก็จำได้ ความจำได้ดั่งนี้ยังไม่เป็นปัญญา ยังไม่เป็นสัมมาทิฏฐิดังกล่าว ต้องอาศัยความคิดพินิจพิจารณา และการปฏิบัติอีกด้วย คือว่าต้องคิดพิจารณาไป และต้องปฏิบัติไป การปฏิบัติไปนั้นก็คือ ปหานะ ละ อย่าง ๑ ภาวนา ทำให้มีขึ้นให้เป็นขึ้น ๑

    ละ ก็คือว่าต้องฝึกละอกุศลกรรมบถทั้ง ๑๐ ละอกุศลมูลทั้ง ๓ นี่เป็นข้อที่ต้องปฏิบัติฝึกหัดละ

    ภาวนาคือทำให้มีขึ้นให้เป็นขึ้นนั้น คือต้องปฏิบัติฝึกที่จะประกอบกุศลกรรมบถทั้ง ๑๐ และอบรมกุศลมูล อโลภะ อโทสะ อโมหะ ให้มีขึ้นให้บังเกิดขึ้นในจิตใจ นี้ก็รวมเข้าในคำว่าภาวนา

    ญาณทัสสนะ

    ในข้อ ๓ นี้ ก็ต้องประกอบด้วยทั้งละ และทั้งทำให้มีขึ้น ให้เป็นขึ้น ดังกล่าวนั้น แต่เมื่อปฏิบัติไป ๆ อาศัยสุตะ อาศัยจินตา อาศัยภาวนาทั้ง ๓ นี้ ก็ย่อมจะได้ปัญญา ที่เป็นตัวความรู้ขึ้นของตัวเอง ได้ความเห็นขึ้นของตัวเอง ซึ่งมีคำเรียกว่า ญาณทัสสนะ ความรู้ความเห็น รู้เห็นว่าข้อนี้ ๆ เป็นอกุศลจริง ข้อนี้ ๆ เป็นอกุศลมูลจริง ข้อนี้ ๆ เป็นกุศลจริง ข้อนี้ ๆ เป็นกุศลมูลจริง

    ในการที่จะปฏิบัติประกอบปัญญาในทางทั้ง ๓ ดังกล่าวนั้น ก็ต้องอาศัยกัลยาณมิตร และอาศัยโยนิโสมนสิการดังกล่าวมานั้น ประกอบกันอยู่ตลอดเวลา

    ฉะนั้นผู้มุ่งจะได้ปัญญาที่เป็นสัมมาทิฏฐิ จึงต้องปฏิบัติตามมงคลสูตรคาถาแรกของพระพุทธเจ้าอยู่ให้เป็นประจำ คือ ไม่เสวนาคบหาคนพาลทั้งหลาย เสวนาคบหาบัณฑิตทั้งหลาย และบูชาผู้ที่ควรบูชาทั้งหลาย เมื่อปฏิบัติอยู่ดั่งนี้แล้วจึงจะได้กัลยาณมิตร และเมื่อมีโยนิโสมนสิการประกอบอยู่ตลอด ก็ย่อมจะเจริญปัญญาขึ้นโดยตลอด ทำให้เกิดความรู้ของตัวเองขึ้นรับรอง ว่านี่เป็นอย่างนี้จริง นี่เป็นอย่างนี้จริง ตามความเป็นจริง โดยที่จับเหตุจับผลได้ถูก จับได้ว่าอกุศลมูลนั้นเป็นตัวเหตุ ตัวอกุศลนั้นเป็นตัวผล กุศลมูลนั้นเป็นตัวเหตุ ตัวกุศลนั้นเป็นตัวผล ซึ่งการที่จะจับเหตุจับผลได้ถูกต้องดั่งนี้ ก็เกิดจากโยนิโสมนสิการ ใส่ใจ ตั้งแต่ตั้งใจฟังคำสอนของกัลยาณมิตร มาจนถึงพินิจพิจารณาขบเจาะ จับเหตุแห่งผลให้ได้ หรือว่าจับผลสาวหาเหตุให้ได้ จับเหตุที่จะส่งผลให้ได้ นี่แหละคือโยนิโสมนสิการ ให้ความรู้ของตัวเองบังเกิดขึ้นรับรอง ว่าข้อนี้เป็นความจริง ข้อนี้เป็นความจริง

    ความเห็นชอบที่เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ

    และเมื่อได้ปัญญาคือความรู้ของตัวเองให้เกิดขึ้นรับรองขึ้นตามเป็นจริง ดั่งนี้ จึงจะชื่อว่ามีความเห็นชอบที่เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ ความเห็นตรงที่เรียกว่าอุชุทิฏฐิ ทำให้มีความเลื่อมใสมิหวั่นไหวในพระธรรม โดยตรงก็คือในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ว่า สวากขาโต ภควตา ธัมโม ธรรมะอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว คือดีจริงถูกต้องจริง งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์คือศาสนาคำสั่งสอน ที่แสดงความประพฤติอันประเสริฐ พร้อมทั้งอรรถะคือเนื้อความ พร้อมทั้งพยัญชนะคือถ้อยคำ บริบูรณ์คือไม่บกพร่อง บริสุทธิ์คือไม่มีผิดพลาด สิ้นเชิง ย่อมจะได้ความเลื่อมใสที่ไม่หวั่นไหวในพระธรรม อันเป็นสวากขาตธรรมของพระพุทธเจ้า ดั่งนี้

    และเมื่อเป็นดั่งนี้แหละ จึงจะชื่อว่าได้เข้ามาสู่พระสัทธรรมนี้ ได้เข้ามาสู่พระศาสนานี้ ได้เข้ามาสู่พระธรรมวินัยนี้ ถ้าหากว่ายังไม่ได้สัมมาทิฏฐิแม้ในขั้นต้นดังกล่าว จึงยังหาชื่อว่าได้เข้ามาสู่พระสัทธรรมนี้ไม่ หาได้ชื่อว่ามีความเลื่อมใสที่ไม่หวั่นไหว ในพระธรรมไม่ เพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อที่ควรปฏิบัติ ตั้งใจที่จะสดับตรับฟัง ที่จะพินิจพิจารณา ที่จะปฏิบัติอบรม เพื่อให้ได้ปัญญาที่เป็นสัมมาทิฏฐิดังกล่าว

    ยกมาจาก
    สัมมาทิฏฐิ ๑
    เบื้องต้นของสัมมาปฏิบัติ
    สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    วัดบวรนิเวศวิหาร

     
  13. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    อนุปุพพิกถา
     
  14. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    สักพัก จขกท จะเห็นโลกอัปรีย์
     
  15. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    พระอนาคามีเขาจะเห็นอย่างนั้นหรือ
     
  16. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    เหมือนจะเก็บกดเป็นหินทับหญ้านะ..แบบนี้
     
  17. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    . คงไม่เข้าใจใช่มั้ย. เป็นธรรมดาครับ. ญานแบบนี้. น้อยคนจะเกิด. เชื้อเพลิงอย่างดีเลยล่ะที่จะพลักวห้ออกจากวัฎฎะเลย
     
  18. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ยานอวกาศเหรอแน่สิต้องมีเชื้อเพลิงเขายิงทิ้งขว้างไปตั้งเท่าไหร่ ระเบิดตอนยังไม่ออกนอกโลกก็มากโข ยานพวกนั้นเขาก็ทำตามวัตถุประสงค์ ยานที่พูดมานี่คืออะไร หย่อนยานหรือเหี่ยวยาน
     
  19. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    คงอีกนานถ้าไม่เข้าใจว่าที่กล่าวคือญานอะไร
     
  20. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    รู้ได้ยังไงละ ถ้ารู้แต่อริยสัจเรียกญาน เด็กประถมเขาก็รู้ได้นี่ เพราะถูกบังคับให้สอบให้เรียน จริงไหม เอาทีให้สมกับการปาวารนาตนหน่อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...