จะไปสวรรค์แล้วโว้ย ๆ

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 13 ตุลาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ตัดเอามาลงบ้างส่วน ส่วนที่เหลือติดตามต่อที่ PANTIP.COM : Y12766236 [˹ѧ
     
  2. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,687
    ค่าพลัง:
    +12,591
    เพิ่งลงมาเนี้ย ไม่อยากกลับไปละ ชาตินี้จะไปนิพพาน
     
  3. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,931
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ไม่มี จะไปที่ชอบๆแล้วโว้ยยยยย บ้างหรือค่ะ
     
  4. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    สวรรค์มีเกมกดเล่นรึเปล่าอะ
     
  5. Inwpower

    Inwpower เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +105
    เห็นชื่อกระทู้แล้วผมคิดไปไกลเลยฮะ =='
     
  6. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,612
    ขอไปนิพพานดีกว่าค่ะ เขาให้เราเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมและสะสมบุญ ซึ่งคงต้องใช้ความเพียรและบารมีอันเป็นผลจากการปฏิบัติธรรมของตนเอง จะได้มากหรือน้อยก็อยู่ที่เราปฏิบัติเพื่อจะได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ไม่อยากหลุดพ้นจากความทุกข์กันหรือคะ ไม่อยากหลุดพ้นจากกิเลสกันหรือคะ ไปสวรรค์ก็ยังมีกิเลสและไม่พ้นจากทุกข์อยู่ดี มาร่วมสร้างบุญกันดีกว่าค่ะ สาธุ
     
  7. ญาณพัฒน์

    ญาณพัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +201
    ชาตินี้ อย่างน้อย ขอให้ได้พรหมบุรีเถอะ!!!
     
  8. ใบไม้ร่วง

    ใบไม้ร่วง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +13
    ลาก่องน๊าาา

    จาก ลูกหมี


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2012
  9. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ผมเข้าใจสิ่งที่จขกท.ต้องการนำเสนอนะ
    จริงๆประเด็นคือข้อความนี้เท่านั้น
    ...การทำความดีแบบหลงผิด คือทำบุญแบบหลงงมงาย เช่น การไหว้พระ บูชาพระเหมือนอย่างภูตผีปีศาจ มีการติดสินบน แก้บน อย่างนี้เป็นต้น....

    จขกท.ก็ยังพยายามหาหลักฐานมาสนับสนุนว่าการกราบไหว้พระพุทธรูปเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

    แต่
    จขกท.อ่านแล้วตีความผิดไปครับ
    (จากรูปประโยคคำว่า เหมือน มาขยายประธานคือ การไหว้พระ และ การบูชาพระ จึงไม่ได้แปลว่า การทำความดีแบบหลงผิดคือการไหว้พระและการบูชาพระ แต่ต้องแปลว่า การทำความดีแบบหลงผิดคือการไหว้พระและบูชาพระเหมือนอย่างภูตผีปีศาจ)

    ดังนั้น ในประโยคนี้จึงหมายถึงการทำความดี เช่น การกราบไหว้พระพุทธรูปเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าทำแบบผิดๆ คือ ไม่ได้เคารพศรัทธาแบบพระรัตนตรัย ไปเคารพเหมือนการเคารพภูตผีปิศาจโดยหวังจะบนบานศาลกล่าว แบบนั้นผิดครับ

    สรุป - การกราบไหว้พระพุทธรูปเป็นสิ่งที่ดีเพราะเป็นการแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า แต่ถ้ากราบแล้วไม่ได้นึกถึงพระพุทธเจ้า ไม่ได้ระลึกถึงพระธรรม มัวไปนึกถึงเรื่องราวที่ส่งเสริมกิเลสตัณหาหรืออกุศลกรรมก็เป็นบาปเสียมากกว่า

    ปล. การทำบุญอื่นๆก็เช่นกัน ถ้าทำถูกต้องก็ได้บุญ ถ้าไม่ถูกต้องหรือแสวงหาผลประโยชน์ก็เป็นบาป
    ปล.2 ถ้าจขกท.ยังพยายามให้คนเลิกกราบไหว้พระพุทธรูป ผมคิดว่าจขกท.ก็คงไปไม่ถึงสวรรค์หรอกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2012
  10. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002

    "สัตว์บางพวกเกิดในครรภ์ สัตว์บางพวกที่ทำกรรมชั่วไว้
    ย่อมไปเกิดในนรก สัตว์บางพวกทำกรรมดีไว้ ย่อมไปสู่สวรรค์
    ส่วนท่านที่หมดกิเลสแล้วทั้งหลาย ย่อมนิพพาน"


    อยากไหว้อะไร ไหว้แล้วสบายใจ ก็ไหว้ไปเถิด ไม่มีใครห้าม อยากไปนรก สวรรค์ นิพพาน เลือกเอาเอง ไม่มีใครเลือกให้ใครได้ เอาสวรรค์ เอานิพพานมาเสนอ ทิฐิอะไรหนอถึงคิดว่า ผมให้คนเลิกกราบไหว้พระพุทธรูป สรุปเอาเองทั้งนั้น พระรัตนตรัยคือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระพุทธรูป สมมติขึ้นมาแล้วอยากไหว้ก็ไหว้ไป ไหว้พระพุทธรูปก็พอ อย่างมงายเป็นพอ

    พระพุทธเจ้าไม่เคยสร้างพระพุทธรูปแม้แต่องค์เดียว พระองค์มอบพระธรรมให้เป็นศาสดาแทนพระองค์ พระธรรมไม่ใช่พระพุทธรูป อย่าหลงงมงายแต่สิ่งสมมติกันนักเลย
     
  11. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ไปวัดไหว้พระในโบสถ์ ขอให้โชคดี ขอให้พ้นทุกข์ ขอให้หายป่วย ขอให้ร่ำให้รวย
    ถูกหวย ขอพระไม่พอ ไปเสี่ยงเซียมซี เสี่ยงเซียมได้ใบดีก็ดีไป ได้ใบไม่ดี ทุกข์หนัก
    เข้าไปอีก ต้องวิ่งไปให้พระรดน้ำมนต์ บังสกุลเป็น บังสกุลตาย บางคนไม่พอ
    ไปพึ่งหมอดูต่อ ดีไม่ดีมันไม่ได้เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระในโบสถ์ หรือหลวงปู่
    หลวงตา หลวงพ่อที่ไหน ดีไม่ดี มันอยู่ที่มือสองข้าง ขาสองข้าง มันอยู่ที่ "ใจ"
     
  12. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    - ปากบอกอยากไหว้ก็ไหว้ไป แต่กลับบอกว่า
    ตัวคุณเองย่อมรู้แก่ใจว่าคิดอะไรอยู่ ผมเพียงแค่มาสะท้อนให้คุณเห็น

    - ตราบใดที่ยังไม่ได้นิพพานก็ยังต้องข้องเกี่ยวกับสมมติ การอยู่เหนือสมมติไม่ได้แปลว่าจะต้องมาแสดงทีท่ารังเกียจหรือไม่ข้องเกี่ยวกับสมมติ
    ภาษา อาหาร เครื่องนุ่งห่ม แม้แต่ร่างกายก็เป็นสมมติไม่ใช่หรือครับ จะให้เดินแก้ผ้า อดอาหารหรืออย่างไร

    ยกตัวอย่างเรื่องเจดีย์ก็ได้
    พระพุทธเจ้าท่านให้สร้างเจดีย์เพื่อเคารพบูชาบุคคลที่ควรสักการะของมหาชน 4 พวก เรียกว่า ถูปารหบุคคล ได้แก่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก และพระเจ้าจักรพรรดิ์
    แบบนี้ถือว่าหลงงมงายสมมติหรือยึดติดวัตถุหรือไม่ครับ

    - การมีไม่มีพระพุทธรูปในสมัยพุทธกาลไม่ได้แปลว่าพระพุทธเจ้าห้ามหรือไม่ เพราะแม้แต่พระไตรปิฎกก็เกิดภายหลัง จุดประสงค์ก็บอกไปแล้วว่าพระพุทธรูปสร้างเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า ตอนพระองค์ยังอยู่ไม่ได้สร้างแล้วมาสร้างภายหลังก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

    - ทางที่ดีควรแนะนำการเคารพพระรัตนตรัยที่ถูกต้อง การกราบไหว้พระพุทธรูปอย่างถูกต้องจะเป็นประโยชน์กว่า เหมือนมีดใช้ให้เป็นประโยชน์ก็เกิดคุณค่า ใช้ในทางเป็นโทษก็เป็นอันตราย อย่ามองอะไรแค่ด้านเดียวแล้วด่วนสรุปสิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2012
  13. ญาณพัฒน์

    ญาณพัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +201
    เท่าที่ข้าพเจ้าเข้าใจ เขาน่าจะบอกว่า ไม่ควรบนบานสารกล่าวพระพุทธรูปเหมือนภูติผี ใช่ไหมอ่ะ
     
  14. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    หลวงตาท่านว่า พระพุทธเจ้าไม่พาแบกพาหามรูปไปนิพพาน
    เมื่อพระพุทธเจ้าไม่สร้าง ไม่แบก ผมก็ไม่สร้าง ไม่แบก
    ใครสร้าง ใครสมมติ ใครกราบไหว้ก็ไหว้ไป ใครยึดแล้วดี ดีแล้ว

    พระรัตนตรัยคือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า
    ไม่ใช่พระพุทธรูป นั่นเขาสมมติขึ้นมา เข้าใจนะครับ สมมติครับ
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    <table id="post6848016" class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_6848016" style="border-right: 1px solid #FFFFFF">กล่าว เรื่องคือไปอีก ปฏิปทาของหลวงปู่ทอดสะพานให้ลูก ๆ หลาน ๆ ยังมีอยู่อีกมากมายนัก การเรี่ยไรแผ่ ๆ ขอ ๆ ในทางตรงและทางอ้อม และจัดงานขึ้นในวัด เพื่อหารายได้สมทบการก่อสร้างหรือซ่อมแซมที่เกี่ยวกับตัวเงิน ๆ ไม่มีในขันธสันดานขององค์หลวงปู่เลย ของรางของขลังไม่มีในปฏิปทาเลย รูปเหรียญ ขายพระเล็กพระน้อย พุทธาภิเษกก็ไม่มีในปฏิปทาขององค์ท่านเลยนา วิชาปลุกเสก แกะหู แกะตา แคะหู แคะตา ให้พระพุทธรูปหรือทำพิธีบวชให้พระพุทธรูปก็ไม่มีในสันติวิธีขององค์ท่าน

    องค์ท่านกล่าวว่า

    สมมุติ เป็นพระพุทธ รูปแล้วก็เสร็จกัน เราดีอย่างไรจึงจะไปบวชให้องค์ท่าน องค์ท่านบวชก่อนเราแล้ว เราดีอย่างไรจึงจะไปปลุกท่านให้ตื่น ท่านตื่นก่อนเราเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานแล้ว เราดีอย่างไรจึงจะไปแคะหูแคะตาให้องค์ท่าน ตานอก ตาใน หูนอก หูในขององค์ท่านดีกว่าเราแล้ว จะภิเษกภิษันให้องค์ท่านเป็นอะไรอีก องค์ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเต็มภูมิแล้ว จะเอาไสยศาสตร์ไปพอกไปทาองค์ท่านทำไม นั้นแหละตัวบาป นั้นแหละขุมนรกขุมมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดเต็มภูมิแล้วยังสำคัญว่าเห็นชอบ เข้าข้างตัวแต่ไม่เข้าข้างธรรมวินัย เพียงเท่านี้ก็ยังไม่รู้จักผิดรู้จักถูกแล้ว ธรรมอันละเอียดลออก็ยังมีขึ้นไปกว่านี้มาก ไฉนจะรู้ได้”

    อัตตโนประวัติหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ๐๗
    วัดบรรพตคีรี ( ภูจ้อก้อ ) อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
    คัดลอกมาจาก http://www.dharma-gateway.com/monk/m...ah-hist-07.htm
    </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px"> [​IMG] [​IMG] [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px; border-top: 0px" align="right"> [​IMG]</td></tr></tbody></table>
     
  16. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ผมขอแยกเป็น 2 ประเด็นนะครับ
    1. การกราบไหว้พระพุทธรูปที่ถูกต้อง --> ได้บุญ
    2. การกราบไหว้พระพุทธรูปที่ไม่ถูกต้อง หรือการหลอกลวงเรี่ยไรที่ไม่ถูกต้อง --> เป็นบาป

    ตอนนี้คุณอุรุเวลามองแต่เพียงวัดที่เรี่ยไรหลอกลวง หากินกับพระพุทธรูป จนดูเหมือนเป็นอคติให้คิดว่าการสร้างพระพุทธรูปเป็นบาป หรือเรื่องข้อความในพระไตรปิฎกที่คุณอุรุเวลายกมาบ่อยๆเกี่ยวกับพราหมณ์ผู้หนึ่งชื่นชมความงดงามของร่างกายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าสังขารนั้นย่อมต้องเสื่อมไปเป็นธรรมดา ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมายินดีในพระพุทธรูป ซึ่งข้อความนี้เคยได้พูดคุยกันมาแล้วในกระทู้หนึ่งว่า พระพุทธรูปในข้อความนั้นหมายถึงร่างกายของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ พระพุทธรูปที่เป็นวัตถุเพื่อระลึกถึงพระองค์

    แต่หากคุณอุรุเวลายังเห็นว่าตนเองเข้าใจถูกต้องแล้ว ผมก็ขออนุญาตให้วางเรื่องตำรา ความรู้ต่างๆไว้ก่อนแล้วมาใช้หลักกาลามสูตรเพื่อพิจารณาถึงสิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ว่าเห็นด้วยหรือเห็นต่างอย่างไร

    ประเด็นที่ 1
    - เมื่อพูดถึงบุญในแง่การทำประโยชน์ให้เกิดขึ้น การช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่น
    การสร้างพระพุทธรูปนั้นหากมีประโยชน์ต่อผู้อื่นก็ย่อมเป็นบุญใช่หรือไม่


    ผมขอย้อนไปในวัยเด็ก หรือใครมีลูกมีหลานก็สังเกตเอาก็ได้ เวลาเราสอนให้เขารู้จักสิ่งของต่างๆทำอย่างไร เวลาเราสอนให้เขารู้จักสีต่างๆทำอย่างไร
    การที่เด็กจะรู้จักสีแดง เขาต้องเคยเห็นสีนั้นมาก่อน เมื่อรู้จักแล้วต่อให้ไม่เห็นสีแดง แต่เมื่อได้ยินคำว่า แดง ก็รู้ว่าสีแดงเป็นยังไง

    เช่นเดียวกัน ธรรมมะก็เป็นลำดับขั้นตอน จากต่ำไปสูง จากหยาบไปละเอียด แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ต้องพิจารณาร่างกายหรือสังขารก่อนจึงจะเข้าใจเรื่องวิสังขาร ไม่มีใครที่อยู่ดีๆจะเข้าใจวิสังขารได้เลยโดยไม่ได้เข้าใจเรื่องสังขารมาก่อน ยิ่งเป็นปุถุชนธรรมดาที่ไปนิพพานเองไม่ได้ต้องอาศัยผู้ชี้แนะคือพระพุทธเจ้า จึงต้องรู้จักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าเป็นยุคที่พระพุทธเจ้ายังอยู่คงได้เสาะแสวงหา แต่ในเมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้วการจะรู้จักก็ต้องสร้างสิ่งทดแทนให้ระลึกว่าพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร พระธรรมของท่านก็รวบรวมเป็นพระไตรปิฎกขึ้นมาให้ผู้คนได้ศึกษาสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งสอน

    เปรียบเหมือนการที่เด็กจะรู้จักบรรพบุรุษหรือบุคคลสำคัญในทางประวัติศาสตร์ที่ล่วงลับไปแล้วก็อาศัยรูปภาพที่เคยถ่าย รูปปั้น อ่านจากหนังสือชีวประวัติต่างๆ

    ดังนั้นการสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คนได้รู้จักพระพุทธศาสนา คิดว่ามีประโยชน์ต่อผู้อื่นเพียงพอที่จะเรียกว่าเป็นบุญได้หรือไม่

    - เมื่อพระพุทธรูปเปรียบเหมือนสิ่งทดแทนให้รำลึกถึงพระองค์ ผู้ที่พบเห็นพระพุทธรูปก็แสดงความเคารพกราบไหว้ ซึ่งเป็นการคารวะหรือแสดงการสักการะบูชาด้วยวิธีต่างๆ เหมือนวันสำคัญต่างๆเช่นวันจักรี วันปิยมหาราช ก็มีการนำพวงมาลาไปสักการะ ถือเป็นความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งก็เป็นกุศลกรรมใช่หรือไม่
    เมื่อประพฤติดี - กายก้มกราบอย่างนอบน้อม วาจากล่าวบทสวดสรรเสริญ หรือกล่าวทบทวนธรรมที่ท่านสอนก็ย่อมนำไปสู่จิตใจที่ดี ผ่องใส เป็นสุขใช่หรือไม่ นี่ก็คือบุญไม่ใช่หรือ

    - แม้ว่าเราจะถูกสอนมาให้มีพุทธานุสติระลึกถึงพุทโธอยู่เสมอ แต่ก็เป็นธรรมดาที่อาจขาดสติ พลั้งเผลอไปตามอารมณ์ ปัจจัยภายนอก ก็ด้วยพระพุทธรูปไม่ใช่หรือที่ทำให้เกิดสติระลึกถึงพระองค์รวมถึงคำสั่งสอนของท่านขึ้นมา

    นี่เป็นเพียงตัวอย่างให้เห็นถึงประโยชน์ของพระพุทธรูปที่มีต่อศาสนาพุทธของเรา ก็ด้วยประโยชน์ต่างๆเหล่านี้ก็คงพอจะให้เกิดเป็นบุญเป็นกุศลไม่ใช่เหรอครับ

    ประเด็นที่ 2
    - เรื่องการนำพระพุทธรูปมาหากิน การนำไปใช้เป็นเครื่องรางของขลัง การอวดอ้างอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์เกินจริงก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากน่าจะมีให้เห็นอยู่ทั่วไป จะรู้เท่าทันหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
    อย่างที่พระท่านหนึ่งท่านพิจารณาว่าทำไมคนไทยทำบุญเยอะแต่ประเทศกลับไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนประเทศที่นับถือศาสนาอื่น สาเหตุหนึ่ง(นอกเหนือไปจากเรื่องที่นักการเมืองคดโกงภาษี หรือการไม่มีวินัยและกฎหมายย่อหย่อนทำให้เก็บภาษีได้ไม่เต็มที่) ก็เป็นเรื่องที่ชาวพุทธทำบุญกับผู้ที่ไม่ใช่เนื้อนาบุญอย่างแท้จริง (เหมือนหว่านข้าวลงไปในนาที่แห้งแล้งย่อมไม่เกิดดอกออกผลอย่างที่ตั้งใจ) เมื่อทำบุญกับพระที่ไม่ดีขาดศีลขาดธรรมหรือพวกที่แอบอ้างหากินกับศาสนา เงินที่ทำบุญไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม กลับเอาไปบำรุงบำเรอตนหรือคนที่รักชอบ ต่างกับการทำบุญกับพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่มักน้อยสันโดษ ไม่คิดหาเงินเข้าตัว เงินต่างๆที่ได้มาก็กลับคืนไปสู่สังคม อย่างหลวงตาบัวที่เงินทองหลั่งไหลเท่าไหร่ก็ช่วยเหลือสงเคราะห์โรงพยาบาล โรงเรียน หรือแม้แต่อาศัยความรู้แจ้งนำเงินบริจาคมาซื้อทองคำช่วยเหลือชาติให้พ้นภัยไปได้

    ที่ยกเรื่องนี้มาเพื่อจะบอกว่าการจะทำบุญก็ต้องรู้จักพิจารณาถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น พิจารณาผู้ที่จะร่วมทำบุญด้วย ไม่เช่นนั้ก็ไม่ต่างกับตอนน้ำท่วมที่ของบริจาคมากมายแต่ไปไม่ถึงมือของผู้เดือดร้อน

    ปล. นอกเรื่องไปหน่อย แต่น่าจะพอเห็นภาพถึงประโยชน์และโทษที่เกิดขึ้น ศรัทธาอย่างไรจึงจะถือเป็นสัมมาทิฏฐิ ไม่งมงายก็ต้องพิจารณาให้ดี ยังไงก็อย่าไปโทษพระพุทธรูปเลย โทษกิเลสคนเราดีกว่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2012
  17. ผู้ผ่านทาง

    ผู้ผ่านทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +51
    ศรัทธาด้วยศรัทธา

    มิหลงไหล มิติดข้อง ให้หมองมัว

    ศรัทธาด้วยตัวตน สิผิดพลั้งเผลอ ตนให้มัวเมา

    ศรัทธา ด้วยศรัทธา ก้าวเดินด้วย มั่นจิต เดินตามด้วยจิต ที่ใฝ่ถึง

    ศรัทธาด้วยศรัทธา ก้าวตามพุทธะ ด้วยสติ มิลืมตน

    -----------------------------

    สวรรค์คือที่พำนักพักพิง

    นรก คือที่ขัดเกลาจิต ในผ่องแผ้ว สิติดตราฝังจิต มิคิดย้อน

    บ้างมิติด มิคิด มิเข็ดหลาบ มิหลาบจำ

    สิซ้ำแล้วซ้ำอีก มิผ่องใส

    ด้วยจิตมิใฝ่ดี สิชั่วชาติ มิเกรงบาป

    -------------------------------

    สักการะด้วยจิต คาราวะด้วยศรัทธา มิยึดลักษณ์ แม้อิฐ ผา
     
  18. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    คุณใช้ตรรกะแบบนี้ เขาเรียกว่าตรรกะวิบัติ ประเด็นที่คุณว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สร้างพระพุทธรูป คุณก็เลยต่อต้าน มันก็เหมือนว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ใช้่อินเตอร์เน็ต แล้วทำไมคุณใช้อินเตอร์เน็ต ตรรกะแบบเดียวกัน ตัวอาจารย์ที่ถ่ายทอดทิฐิแบบนี้ให้คุณก็เขียนหนังสือตั้งหลายเล่ม ก็พระพุทธเจ้าไม่ทรงเคยเขียนหนังสือสักเล่ม ถ้าใช้ตรรกะแบบที่คุณอ้างนี้ หนังสือที่อาจารย์คุณเขียนมันก็ไม่ถูกต้องนะสิเพราะพระพุทธเจ้าไม่เคยเขียนหนังสือสักเล่ม พระสาวกก็ไม่เขียน สมัยพุทธกาลเขาใช้มุขปาฐะสอนแบบปากต่อปาก แนวคิดแบบนี้มันจึงเป็นตรรกะวิบัติ ที่ไม่ได้ประกอบด้วยอรรถด้วยธรรมอะไรเลย
    ก็สิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงสอนไว้โดยตรง เราจะมีหลักวินิจฉัยอย่างไร เรื่องนี้ก็มีหลัก 2 ประการ คือ ยึดถือพระพุทธคือเทียบเคียงกับพระสูตรต่างๆซึ่งถือเป็นคำำที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้โดยตรง ถ้าสอดคล้องไปกันได้ก็ใช้ได้ หลักอีกอย่างคือยึดถือพระธรรม คือสิ่งใดที่ทำให้กุศลเจริญก็ควรทำ แต่สิ่งใดที่ทำแล้วอกุศลเจริญก็ควรละเว้น การเขียนหนังสือก็ดี การท่องอินเตอร์เน็ตก็ดี ย่อมสามารถอ้างหลักการในข้อนี้ได้
    ซึ่งเรื่องของพระพุทธรูป ท่านผู้รู้ก็วินิจฉัยถูกต้องแล้วว่าเป็นอุทิสกเจดีย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอนให้สร้างเจดีย์เพื่อบูชาบุคคลที่ควรบูชาคือพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระอริยเจ้าและพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งเจดีย์จะเป็นอะไรก็ได้ รูปทรงอย่างไรก็ได้ พระไตรปิฎกไม่ได้บอกไว้ แม้แต่ต้นโพธิ์ก็ยังถือว่าเป็นเจดีย์เลย ขอเพียงมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธองค์ก็เป็นอันใช้ได้ ส่วนของธรรม ก็การสร้างพระพุทธรูปหรือเจดีย์ทั้งหลายให้มหาชนกราบไหว้ ก็เป็นส่วนทำให้กุศลของคนดีเจริญขึ้น ส่วนอกุศลเสื่อมไปจากสังคมแม้จะชั่วขณะก็ตามที การสร้างพระพุทธรูปจึงมีทั้งพระพุทธและพระธรรมรองรับหลักการอยู่
    ส่วนเรื่องการหลงสมมติ มันลึกซึ้งกว่าที่คุณจะเข้าใจได้ ทุกอย่างในภพสามมันก็สมมติทั้งนั้นแหละ พ่อแม่ก็สมมติทั้งนั้น แต่ทำไมพระพุทธเจ้ายังทรงต้องเสด็จไปโปรดพุทธมารดาและพุทธบิดาเล่า แล้ัวตัวคุณเองที่ยังเป็นปุถุชน มีความกตัญญูต่อบิดามารดาหรือไม่ ก็พ่อแม่เป็นสิ่งสมมติทั้งนั้น ละสมมติจึงมิใช่ละเพื่อติดกับทิฐิใหม่ที่แย่กว่าเดิมแบบที่คุณทำ
     
  19. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธเจ้าไม่เคยสร้างพระเครื่อง พระบูชา วัตถุมงคลของคลังใดๆ
    ก่อนปรินิพพาน พระพุทธเจ้ามอบพระธรรมเป็นศาสดาแทนพระพุทธเจ้า
    ห้ามสงฆ์บัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรม พระพุทธเจ้าทรงอาศัยธรรม สักการะธรรม
    เคารพธรรม รูปกายของพระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ให้บูชา พระองค์ว่าเป็นรูปที่น่าเกลียด
    พระพุทธรูปเป็นสิ่งสมมติมีขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ไม่ใช่พระธรรมวินัย
     
  20. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ๕. มิจฉาทิฏฐิสูตร
    ว่าด้วยเหตุแห่งมิจฉาทิฏฐิ
    [๓๕๔] พระนครสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่ออะไรมีอยู่
    เพราะอาศัยอะไร เพราะยึดมั่นอะไร จึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ? ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ธรรมของ
    ข้าพระองค์ทั้งหลาย มีพระผู้มีพระภาคเป็นรากฐาน ฯลฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อรูปแลมีอยู่ เพราะอาศัยรูป เพราะยึดมั่นรูป จึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ.
    เมื่อเวทนามีอยู่ ... เมื่อสัญญามีอยู่ ... เมื่อสังขารมีอยู่ ... เมื่อวิญญาณมีอยู่ เพราะอาศัยวิญญาณ
    เพราะยึดมั่นวิญญาณ จึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ.

    [๓๕๕] พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยง
    หรือไม่เที่ยง?
    ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
    ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนธรรมดา พึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ เพราะไม่
    อาศัยสิ่งนั้นบ้างหรือ?
    ภิ. ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.
    พ. เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
    ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
    ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา พึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ
    เพราะไม่อาศัยสิ่งนั้นบ้างหรือ?
    ภิ. ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความ
    เป็นอย่างนี้มิได้มี.

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๗ หน้าที่ ๑๘๒/๓๑๐
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...