จักรวาลแห่งภาพโฮโลแกรม - โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 2 เมษายน 2012.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    พอดีผมไปเจอบทความหนึ่งมาน่าสนใจมากๆเลยครับ
    คิดว่าเนื้อหาในนี้ น่าจะช่วยอธิบายปรากฎการณ์ต่างๆ
    ที่เราเรียกกันว่าเป็นเรื่องแปลก หรืออภินิหาร หรืออื่นๆได้

    และผมก็คิดว่า คนที่ชอบค้นคว้าหาคำตอบ
    และหาสัจธรรมในชีวิตทั้งหลาย
    น่าจะได้ประโยชน์จากมันไม่มากก็น้อย

    และแม้แต่ผู้เคร่งศาสนาก็ด้วย ผมก็ว่านะ..
    คงไม่มีคำแก้ตัวสำหรับพวกเขาอีกแล้ว
    ที่ชอบออกมาบอกว่า

    "อ่านไปทำไม?.. รู้ไปทำไมเรื่องพวกนี้?
    รู้ไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อการเข้าสู่มรรคผลนิพพานเลย"

    แต่เรื่องนี้แหละ..คือสิ่งที่จะพลิกความรู้และความเข้าใจของท่านหละ

    เนื้อหาในนี้ น่าจะเป็นการสรุปของใครสักคน
    ที่ย่อสรุปมาจากหนังสือเล่มนี้นะครับ


    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    ขอขอบพระคุณเจ้าของต้นฉบับภาคภาษาอังกฤษ
    จากทุกๆเวปไซต์ด้วยนะครับ ที่แบ่งปันความรู้นี้แก่พวกเรา

    .................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 1:


    ในปี 1982 เคยมีเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ที่มหาวิทยาลัยแห่งปารีส
    โดยทีมนักวิจัยซึ่งนำทีมโดยนักฟิสิกส์ชื่อ Alain Aspect ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง
    ที่ยังผลให้งานวิจัยชิ้นนั้นกลายเป็นงานวิจัยชิ้นสำคัญแห่งทศวรรษที่ 20 ไปแล้ว

    คุณอาจจะไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับมันเลยในข่าวภาคค่ำ อันที่จริงแล้ว ถ้าคุณไม่ชอบอ่านวารสารทางวิทยาศาสตร์หละก็
    คุณก็อาจจะไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อของนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ Aspect คนนี้ด้วยซ้ำไป
    แม้ว่าหลายคนอาจจะเชื่อว่าผลงานการค้นพบของเขาอาจจะพลิกโฉมหน้าของวิทยาศาสตร์ไปเลยก็ได้


    นาย Aspect และทีมงานของเขาได้ค้นพบว่า
    ภายใต้สภาวะบางอย่างอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่าอะตอมบางชนิด
    เช่น อิเล็กตรอน เป็นต้น สามารถสื่อสารกันได้ในทันทีทันใด
    โดยไม่ขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างพวกมันแต่อย่างใดเลย
    ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ห่างกันแค่ 10 ฟุต หรือว่า 10 ล้านไมล์ก็ตาม

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แต่ดูเหมือนว่า
    พวกมันแต่ละอนุภาคจะรู้ว่าอนุภาคอื่นๆกำลังทำอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ
    แต่ปัญหาก็คือพฤติกรรมดังกล่าวนี้
    มันจะไปแหกกฎของไอน์สไตที่เชื่อถือกันมานมนานแล้วว่า
    ไม่มีการสื่อสารชนิดใดที่จะไปได้เร็วกว่าความเร็วของแสงได้
    เพราะว่าถ้าเดินทางได้เร็วกว่าแสงแล้วหละก็
    ก็เท่ากับว่ามันไปทำลายกำแพงของกาลเวลาโดยสิ้นเชิง


    ซึ่งการคาดการณ์ที่น่าเป็นกังวลนี้เอง ที่ทำให้เหล่านักฟิสิกส์ทั้งหลายพยายามประดิษฐ์ประดอยคำพูดขึ้นมา
    เพื่อใช้อธิบายผลการค้นพบนี้ของนาย Aspect ไปต่างๆนาๆกัน แต่ในขณะเดียวกัน ผลการค้นพบนี้
    ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายๆคน ในอันที่จะค้นหาคำอธิบายที่เป็นสาเหตุมูลฐานที่แท้จริงของมันให้เจอด้วย

    ………………
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 2:

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต - นาย David Bohm)

    ตัวอย่างของคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลการค้นพบของนาย Aspect ก็คือ
    นาย David Bohm จากมหาวิทยาลัยแห่งลอนดอน เขาเชื่อว่าการค้นพบครั้งนี้

    มันแสดงให้เห็นว่า “โลกแห่งวัตถุธาตุ” (Objective reality) “ไม่มีอยู่จริง”

    เพราะว่า ถึงแม้ว่าพวกมันจะดูเหมือนว่าเป็นของแข็งๆและทึบตันก็ตาม
    แต่แก่นแท้ของจักรวาลแล้วก็คือ “ภาพลวงตา” หรือจักรวาลทั้งจักรวาลนี้
    ก็คือ “ภาพโฮโลแกรมสามมิติ” ขนาดใหญ่อันหนึ่ง
    ที่ถูกใส่รายละเอียดเอาไว้อย่างวิเศษและยอดเยี่ยมมากๆนั่นเอง



    เพื่อจะให้เข้าใจว่าทำไมนาย Bohm ถึงยืนยันน่าตกใจเช่นนั้น
    เราต้องเข้าใจหลักการณ์เบื้องต้นของภาพโฮโลแกรมซะก่อน


    ภาพโฮโลแกรม ก็คือ ภาพสามมิติที่ถูกสร้างขึ้นมาจากแสงเลเซอร์ ซึ่งในการสร้างภาพโฮโลแกรมนั้น
    เราต้องยิงลำแสงเลเซอร์อันแรกไปอาบวัตถุที่เราจะนำมาสร้างเป็นภาพสามมิติซะก่อน
    จากนั้นเราก็จะใช้ลำแสงเลเซอร์ชุดที่สองยิงไปที่ภาพที่ได้จากการยิงเลเซอร์ชุดแรก
    และภาพที่เกิดจากการแทรกแซงกันของลำแสงเลเซอร์ทั้งสอง
    (ตรงบริเวณที่ลำแสงเลเซอร์ทั้งสองมาผสมผสานกัน) ก็จะถูกบันทึกไว้บนฟิล์ม

    และเมื่อฟิล์มถูกล้างออกมาแล้ว มันก็จะดูเหมือนเป็นภาพของลำแสงที่หมุนวน และเส้นสีดำๆมากมาย
    ซึ่งอาจจะดูไม่มีความหมายอะไร แต่พอเอาฟิล์มมาทำให้สว่างเรืองรองขึ้นด้วยลำแสงเลเซอร์อีกชุดหนึ่งแล้ว
    มันก็จะได้ภาพ 3 มิติของวัตถุที่นำมาใช้เป็นแบบอันนั้น

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    (ตัวอย่างของโฮโลแกรมทีวี)

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=thOxW19vsTg&feature=player_embedded#]CNN Hologram TV First - YouTube[/ame]!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=81r4wNBF68s&feature=related]hologramas REALES!!!!!!!! - YouTube[/ame]

    iPad 2 Hologram Setting - YouTube

    ………………….
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • David_bohm.jpg
      David_bohm.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.1 KB
      เปิดดู:
      2,544
    • Hologram-00.jpg
      Hologram-00.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.5 KB
      เปิดดู:
      2,639
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 3:



    ความเป็น 3 มิติของภาพดังกล่าวไม่ได้เป็นแค่คุณลักษณะพิเศษเฉพาะที่สำคัญเพียงอย่างเดียวของภาพโฮโลแกรมเท่านั้น
    แต่ภาพโฮโลแกรม มันยังมีคุณลักษณะพิเศษเฉพาะอย่างอื่นอยู่อีก คือ

    ถ้านำเอาฟิล์มของภาพโฮโลแกรมของดอกกุหลาบมาตัดแบ่งครึ่ง
    แล้วนำเอาฟิล์มชุดนั้นไปทำให้เรืองแสงขึ้นด้วยลำแสงเลเซอร์
    ก็จะพบว่า แต่ละครึ่งของฟิล์มชุดนั้น
    ก็ยังจะแสดงภาพของดอกกุหลาบทั้งดอกออกมาอยู่ดี!


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    อันที่จริงแล้ว แม้แต่การที่เราจะเอาฟิล์มครึ่งหนึ่ง
    ของภาพดอกกุหลาบชุดนั้นไปตัดแบ่งครึ่งอีกทีก็ตาม
    เราก็ยังจะพบว่า แต่ละส่วนของฟิล์มชุดนั้น
    ก็ยังจะแสดงภาพของดอกกุหลาบทั้งดอกออกมาอยู่ดี
    แม้ว่าภาพที่ได้จะเล็กกว่าภาพที่เกิดจากฟิล์มแบบเต็มฟิล์มก็ตาม

    ซึ่งต่างจากภาพถ่ายธรรมดาทั่วไป เพราะว่า

    “ทุกๆส่วนของภาพโฮโลแกรม
    จะมีข้อมูลข่าวสารของส่วนรวมทั้งหมด
    อยู่ในนั้นอย่างครบถ้วนเสมอ”

    การ “มีทั้งหมดอยู่ในทุกๆส่วนย่อย” ของภาพโฮโลแกรม ทำให้พวกเรามีความเข้าใจใหม่อย่างสิ้นเชิง
    เกี่ยวกับการจัดองค์ประกอบและการจัดระเบียบของสิ่งต่างๆ เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบทั้งหมด
    ของประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์ของซีกโลกตะวันตก มักจะปักใจเชื่ออยู่แต่ว่า
    วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เข้าใจพฤติกรรมด้านกายภาพของอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นกบหรืออะตอมก็ตาม
    ก็คือการผ่าหรือชำแหละมันออกมาดูเท่านั้น แล้วจากนั้น จึงค่อยศึกษาชิ้นส่วนของมัน ทีละชิ้นๆไป

    แต่ภาพโฮโลแกรมสอนเราใหม่ว่า บางสิ่งบางอย่างในจักรวาลนี้
    อาจจะไม่เหมาะสมกับวิธีนี้ก็ได้

    ดังนั้น ถ้าเราพยายามที่จะไปตัดแยกชิ้นส่วนของอะไรก็ตาม
    ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการเดียวกันกับภาพโฮโลแกรมนี้
    เราก็จะไม่ได้ชิ้นส่วนย่อยที่ถูกประกอบเข้ามาเป็นมัน
    แต่เราจะได้ชิ้นส่วนที่เป็นทั้งหมดแต่เล็กกว่าแทน

    ……………..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • hologram-6.gif
      hologram-6.gif
      ขนาดไฟล์:
      19.8 KB
      เปิดดู:
      2,476
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 4:


    ความเข้าใจนี้ทำให้ Bohm พยายามที่จะอธิบายผลการค้นพบของ Aspect ด้วยวิธีการใหม่

    Bohm เชื่อว่าเหตุผลที่อนุภาคระดับที่เล็กกว่าอะตอมทั้งหลายนั้น
    ยังสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อยู่ แม้ว่าระยะห่างของพวกมัน
    จะเป็นเท่าไหร่ก็ตามนั้น นั่นก็เพราะว่า
    ไม่ใช่เพราะว่าพวกมันส่งสัญญาณลึกลับบางอย่างไปมาหากันหรอก
    แต่เป็นเพราะว่า “ภาวะการแยกจากกันของพวกมันนั้น คือมายา”

    เขาให้เหตุผลว่าในระดับที่ลึกยิ่งกว่าของโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว
    อนุภาคเหล่านั้นไม่ได้มีการอยู่กันเป็นแบบตัวใครตัวมันเลย
    แต่แท้ที่จริงแล้ว พวกมันคือส่วนขยายของสิ่งๆเดียวกัน
    ที่เป็นสิ่งมูลฐานอะไรซักอย่าง


    และเพื่อที่จะช่วยให้คนทั่วไปสามารถมองเห็นภาพได้ว่าเขาหมายถึงอะไร
    Bohm จึงใช้วิธีเปรียบเทียบตัวอย่างดังต่อไปนี้


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ลองจินตนาการไปว่ามีตู้ปลาอยู่ตู้หนึ่ง ซึ่งในนั้นมีปลาอยู่ 1 ตัว
    และสมมุติว่า คุณไม่สามารถมองเห็นตู้ปลาได้โดยตรง
    ดังนั้น ความรู้ที่คุณมีเกี่ยวกับตู้ปลาตู้นั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในนั้นทั้งหมด
    ล้วนมาจากกล้องวงจรปิด 2 ตัวทั้งสิ้น

    ซึ่งกล้องวงจรปิดทั้งสองตัวที่ว่านี้ ตัวหนึ่งติดตั้งไว้ด้านหน้าของตู้ปลา
    ส่วนอีกตัวหนึ่งติดตั้งไว้ที่ด้านข้างของตู้ปลา

    ดังนั้นเมื่อคุณจ้องมองดูที่หน้าจอมอนิเตอร์ของกล้องวงจรปิดทั้งสอง
    คุณอาจจะคิดไปว่าปลาที่เห็นอยู่ในหน้าจอทั้งสองนั้นเป็นคนละตัวกัน
    แต่อย่างไรก็ตาม เพราะว่ามุมของกล้องทั้งสองตัวนั้นต่างกัน
    ดังนั้น ภาพที่เห็นจากหน้าจอทั้งสองนั้น จึงแตกต่างกันเล็กน้อย

    แต่เมื่อคุณจ้องมองดูปลาทั้งสองตัว ในหน้าจอมอนิเตอร์ทั้งสองนั้นต่อไป
    ในที่สุดแล้ว คุณก็ตระหนักได้ว่าปลาทั้งสองตัวนั้น
    พวกมันมีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่ซักอย่าง

    เพราะว่าเมื่อปลาตัวหนึ่งเลี้ยวกลับ ปลาอีกตัวหนึ่งก็เลี้ยวกลับด้วยเหมือนกัน
    แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างก็ตาม และเมื่อปลาตัวหนึ่งหันหน้ามา
    อีกตัวหนึ่งก็จะหันด้านข้างมาเสมอ

    ดังนั้น ถ้าเรายังไม่รู้ถึงภาพรวมของสถานการณ์นี้อยู่ต่อไป
    คุณอาจจะถึงกับสรุปไปว่าปลาทั้งสองตัวนี้มีการติดต่อสื่อสารกันอยู่แบบทันทีทันใด
    แต่แน่นอนว่า มันไม่ใช่แบบนั้นเลย

    …………….
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • aquarium.jpg
      aquarium.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.1 KB
      เปิดดู:
      2,552
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 5:


    ตัวอย่างที่ Bohm ยกมานี้ คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่กับอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมทั้งหลาย
    จากการทดลองของ Aspect นั่นเอง

    ดังนั้น ถ้าตามนัยยะที่ Bohm หมายถึงนี้ ปรากฎการณ์ที่ดูเหมือนว่า
    คือ “การสื่อสารกันด้วยความเร็วกว่าแสง”
    ระหว่างอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมทั้งหลายเหล่านั้น
    จริงๆแล้วมันกำลังบอกเราว่า

    “มันมีโลกแห่งความเป็นจริง
    ในระดับที่ลึกลงไปกว่านี้อยู่อีก ที่พวกเรายังไม่รู้”


    ซึ่งหมายถึงมิติที่ซับซ้อนยิ่งกว่ามิติที่เราอยู่นี้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นตู้ปลานั่นเอง
    และ Bohm ยังเพิ่มเติมอีกว่า


    ที่พวกเรามองเห็นสิ่งต่างๆ เช่นอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมเหล่านี้
    ว่าพวกมันอยู่กันแบบแยกขาดจากกันนั้น
    ก็เพราะว่าพวกเรามองเห็นเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง
    ของโลกแห่งความเป็นจริงของพวกมันเท่านั้นเอง


    อันที่จริงแล้ว อนุภาคเหล่านั้นไม่ได้อยู่แบบแยกขาดจากกันเลย
    แต่พวกมันคือ “เหลี่ยมมุมหนึ่ง” ของ “องค์รวม” ที่สำคัญกว่า
    และอยู่ลึกมากกว่านั่นเอง ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว
    พวกมันก็เหมือนกับภาพโฮโลแกรมสามมิติ
    ที่ไม่อาจแบ่งแยกออกจากกันได้
    เหมือนกับตัวอย่างของฟิล์มภาพสามมิติของดอกกุหลาบ
    ที่กล่าวถึงไปแล้วนั่นเอง

    และเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงของวัตถุธาตุทางกายภาพนี้
    ล้วนประกอบไปด้วย “ผี” เหล่านี้ด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น จักรวาลทั้งจักรวาลนี้
    ก็คือภาพที่ถูกฉายขึ้นมาอย่างหนึ่งนั่นเอง หรือก็คือภาพโฮโลแกรมอย่างหนึ่งนั่นเอง

    นอกจากจักรวาลจะมีธรรมชาติที่เหมือนผีแล้ว มันก็อาจจะยังมีสิ่งอื่นๆที่จะทำให้เราตกใจอยู่อีกก็ได้
    เพราะว่าถ้าสิ่งที่ดูเหมือนว่าคือ “ความแบ่งแยก” ของอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมที่ว่านี้
    คือ “มายา” แล้วหละก็ มันก็จะหมายความว่า ในระดับที่ลึกลงไปกว่านี้อีกของโลกแห่งความเป็นจริงนี้
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในจักรวาลนี้ ล้วนมีความเชื่อมโยงกันอยู่ทั้งหมดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    เพราะฉะนั้น อิเล็กตรอนในอะตอมของธาตุคาร์บอนที่อยู่ในสมองของมนุษย์
    จึงกำลังเชื่อมต่ออยู่กับอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมทั้งหลายที่อยู่ในปลาซาลมอนที่กำลังว่ายน้ำอยู่
    และก็กำลังเชื่อมต่ออยู่กับหัวใจทุกๆดวงที่กำลังเต้นอยู่ และกำลังเชื่อมต่ออยู่กับดวงดาวทุกๆดวง
    ที่กำลังส่องแสงแวววาวระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้านั้นด้วย

    ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจึงกำลังแทรกซึมอยู่ในซึ่งกันและกันอยู่
    และแม้ว่ามนุษย์จะมีธรรมชาติที่ชอบไปจัดหมวดหมู่, จำแนกแยกแยะ
    และแบ่งประเภทย่อยๆให้กับปรากฎการณ์ต่างๆของจักรวาลก็ตาม
    แต่การแบ่งประเภทเหล่านั้นก็หาได้มีความจำเป็นอย่างแท้จริงตามธรรมชาติไม่

    เพราะว่าในท้ายที่สุดแล้ว ธรรมชาติทุกๆชนิด
    ล้วนมีความเชื่อมโยงกันอยู่แบบใยแมงมุมและแบบไร้รอยต่อทั้งสิ้น

    ........................
     
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 6:


    ในจักรวาลที่เป็นภาพโฮโลแกรมนี้ แม้แต่ช่องว่างและกาลเวลาเอง
    ก็ยังไม่อาจจะถูกมองแบบปกติธรรมดาได้อีกต่อไปแล้ว
    เพราะว่าหลักการณ์เกี่ยวกับสถานที่ก็จะนำมาใช้ไม่ได้ด้วย
    เพราะว่าไม่มีสิ่งใดเลยที่อยู่แบบแยกขาดจากสิ่งอื่นๆอย่างแท้จริง
    ดังนั้น ช่องว่าง และ กาลเวลา แบบ 3 มิตินี้ จึงเหมือนกับภาพของปลา
    ในหน้าจอมอนิเตอร์ ที่ควรจะถูกมองว่ามันคือภาพที่ถูกฉายออกมา
    จากระดับที่อยู่ลึกลงไปอีก ของโลกแห่งความเป็นจริงนี้ด้วย

    ในโลกแห่งความเป็นจริงที่อยู่ในระดับที่ลึกลงไปกว่านั้นของมัน
    มันจะเป็นอะไรที่คล้ายๆกับ “ซูเปอร์โฮโลแกรม”
    ที่อดีต-ปัจจุบัน-และอนาคต จะดำรงอยู่พร้อมกันหมด

    ซึ่งนี่ก็หมายความว่า ถ้าเรามีอุปกรณ์ที่เหมาะสม มันก็เป็นไปได้แม้กระทั่งว่า
    ซักวันหนึ่งเราจะสามารถเข้าไปในโลกแห่งความเป็นจริงระดับซูเปอร์โฮลโลแกรมได้
    และไปดึงเอาบางฉากบางตอนของอดีตที่ลูกลืมไปนานแล้วออกมาได้ด้วยซ้ำ

    ถ้าถามว่ามีอะไรอีกไหมที่อยู่ในซูเปอร์โฮโลแกรม ก็จะเป็นคำถามปลายเปิด
    ทำให้ต้องหาเหตุผลมาตอบว่า


    "ซูเปอร์โฮโลแกรม" คือ เมตริกซ์ที่เป็นผู้ให้กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลของเรา
    เพราะว่าอย่างน้อยที่สุด มันก็ได้ให้กำเนิดอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมทุกๆชนิด
    ที่มีอยู่แล้ว หรือที่จะถูกให้กำเนิดต่อไปในอนาคตหละ
    มันประกอบไปด้วยสสารและพลังงานทุกๆชนิดที่เป็นไปได้
    ตั้งแต่เกล็ดหิมะ ไปจนถึงควอซ่าร์ (quasar) ไปจนถึงปลาวาฬสีน้ำเงิน
    ไปจนถึงรังสีแกรมม่า

    มันจะต้องถูกมองว่าเป็นคลังเก็บสินค้าของเอกภพ
    หรือของ “ทุกสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่” (All That Is) อย่างหนึ่ง


    แม้ว่า Bohm จะยอมรับว่าพวกเราไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่า ยังมีอะไรอีกบ้างที่ซ่อนอยู่ในซูเปอร์โฮโลแกรมนี้
    แต่เขาก็กล้าเสี่ยงที่จะพูดว่า พวกเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปคิดว่ามันไม่มีอะไรอยู่ในนั้นมากกว่านั้น
    หรืออย่างที่เขาบอกออกมาว่า

    บางทีในระดับที่เป็นซูเปอร์โฮโลแกรมของโลกแห่งความเป็นจริงนี้
    อาจจะเป็น “สภาวะแห่งความบริสุทธิ์” ก็ได้นะ
    ซึ่งเป็นระดับที่อยู่เหนือกว่าระดับที่มีการพัฒนาขึ้นของอนาคตอย่างไร้ขีดจำกัด

    …………………..
     
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"


    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 7:


    แต่ Bohm ก็ไม่ใช่นักวิจัยเพียงคนเดียวที่ค้นพบหลักฐานว่าจักรวาลนี้คือโฮโลแกรม
    เพราะว่ายังมีนักวิจัยอีกคน หนึ่งคือ Karl Pribram ซึ่งเป็นนักประสาทสรีรวิทยา
    จากมหาวิทยาลัย Stanford ที่ทำงานวิจัยอิสระด้านสมอง
    เขาก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าโลกแห่งความเป็นจริงนี้
    มีธรรมชาติเป็นแบบภาพโฮโลแกรมด้วยเช่นกัน

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต - นาย Karl Pribram)

    Pribram เริ่มหันมาให้ความสนใจในแบบจำลองด้านโฮโลแกรมนี้ ตั้งแต่ตอนที่เขามีคำถามว่า

    “ความทรงจำถูกเก็บเอาไว้ในสมองได้อย่างไร และถูกเก็บเอาไว้ที่ไหน”

    เพราะเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้วที่ผลการศึกษาและวิจัยทั้งหลายชี้บ่งว่า
    ความทรงจำไม่ได้ถูกเก็บไว้ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในสมองเป็นการเฉพาะ
    แต่มันถูกเก็บไว้แบบกระจายอยู่ทั่วทั้งสมองเลยทีเดียว


    มีการทดลองที่สำคัญอยู่ชุดหนึ่งที่เกิดขึ้นในราวๆปี 1920 โดย Karl Lashley
    เขาได้ค้นพบว่า ไม่ว่าเขาจะตัดชิ้นส่วนของสมองของหนูทดลองทิ้งไปมากเท่าไหร่ก็ตาม
    แต่เขาก็ยังมิอาจที่จะกำจัดความทรงจำของมัน ที่เกี่ยวกับวิธีการทำงานบางอย่าง
    ที่มีความซับซ้อน ที่มันเคยเรียนรู้มาก่อน ก่อนการผ่าตัด ให้หมดสิ้นไปได้


    ปัญหาเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่ในตอนนั้นก็คือ
    ไม่มีใครสามารถอธิบายกลไกการเกิดของปรากฎการณ์ประหลาด
    เกี่ยวกับการบันทึกความทรงจำของสมอง
    ที่เรียกว่า “มีองค์รวมอยู่ในทุกๆส่วนย่อย” (Whole in every part) ได้


    …………….
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 8:

    จากนั้น ในราวปี 1960 Pribram ก็ได้มาพบกับหลักการณ์ของภาพโฮโลแกรมโดยบังเอิญ
    และเขาก็ได้ประจักษ์ว่าเขาได้ค้นพบคำอธิบายที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองทั้งหลายกำลังค้นหากันอยู่นั้นแล้ว

    Pribram เชื่อว่าความทรงจำทั้งหลายถูกเข้ารหัสไว้ไม่ใช่ในเซลประสาท
    หรือในกลุ่มของเซลประสาทกลุ่มเล็กๆกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเลย
    แต่อยู่ในรูปแบบของระลอกคลื่นประสาท ที่เคลื่อนที่ไขว้กันสลับไปมาอยู่ทั่วทั้งสมอง
    ซึ่งเหมือนกันกับรูปแบบของแสงเลเซอร์ ที่ไขว้กันไปมาอยู่ทั่วทั้งพื้นที่
    ของชิ้นงานบนฟิล์มที่มีรูปภาพโฮโลแกรมอยู่

    หรือถ้าจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ Pribram เชื่อว่า
    “สมองเองก็เป็นโฮโลแกรมอย่างหนึ่งด้วย!”


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ทฤษฎีของ Pribram สามารถอธิบายได้ด้วยว่า สมองของมนุษย์
    สามารถเก็บความทรงจำจำนวนมากมายไว้ภายในพื้นที่เล็กๆได้อย่างไร
    ซึ่งโดยประมาณแล้ว สมองของมนุษย์มีความสามารถในการเก็บความทรงจำ
    ได้ราวๆ 1 หมื่นล้านบิตส์ ตลอดช่วงอายุขัยของมนุษย์โดยเฉลี่ย
    (หรือพอๆกับข้อมูลที่บรรจุอยู่ในหนังสือสารานุกรม Britannica จำนวน 5 ชุด)


    ในทำนองเดียวกัน ยังมีการค้นพบอีกว่า นอกจากโฮโลแกรม
    จะมีความสามารถอย่างอื่นอยู่อีกแล้ว
    มันยังมีความจุในการเก็บข้อมูลมากจนน่าทึ่งอีกด้วย


    เพราะว่าเพียงแค่เราเปลี่ยนมุมของการตกกระทบของแสงเลเซอร์ทั้ง 2 ชุด
    ที่จะมาปะทะแผ่นฟิล์มเท่านั้น มันก็เป็นไปได้ว่า
    เราจะสามารถบันทึกภาพอื่นๆลงไปในพื้นที่เดียวกันของฟิล์มแผ่นนี้ได้ด้วย

    เคยมีการประมาณการกันเอาไว้ว่าพื้นที่ 1 ลูกบาศก์เซนติเมตรของแผ่นฟิล์ม
    สามารถที่จะเก็บข้อมูลได้มากถึง 1 หมื่นบิตส์เลยทีเดียว


    ……………..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • hologram05.jpg
      hologram05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.8 KB
      เปิดดู:
      2,522
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 9:


    ความสามารถที่แปลกประหลาดจนไม่สามารถอธิบายได้ของพวกเรา
    ที่สามารถเรียกเอาข้อมูลอะไรก็ตาม ที่ต้องการ ออกมาดูได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
    ท่ามกลางข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในความทรงจำของเราจำนวนมากมายมหาศาลนั้น
    ตอนนี้ เรื่องนี้เป็นที่เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว ถ้าสมองทำงานบนหลักการณ์ของโฮโลแกรมอยู่จริง


    ถ้ามีเพื่อนมาถามคุณว่า คุณคิดถึงอะไรถ้าได้ยินคำว่า “ม้าลาย” คุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลา
    เข้าไปค้นหาข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ถูกจัดเก็บเป็นไฟล์ไว้ในสมองของคุณก่อนเลย
    เพื่อให้ได้คำตอบนั้นมา เพราะว่ามันจะมีความคิดเชื่อมโยงต่างๆผุดขึ้นมาในหัวคุณในทันทีทันใดนั้น

    เช่น คำว่า “แถบลายๆ” หรือ “เหมือนกับม้า” หรือ “สัตว์พื้นเมืองในทวีปแอฟริกา” เป็นต้น


    อันที่จริงแล้ว สิ่งที่น่าทึ่งมากที่สุดเกี่ยวกับกระบวนการคิดของมนุษย์
    ก็คือ ทุกๆส่วนของข้อมูล ดูเหมือนว่ามันจะมีความเกี่ยวข้อง
    และเชื่อมโยงซึ่งกันและกันอยู่อย่างทันทีทันใด
    ซึ่งนี่ก็คือลักษณะเฉพาะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของภาพโฮโลแกรมหละ

    เพราะว่าทุกๆส่วนของภาพโอโลแกรม ก็มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันอยู่
    แบบไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
    หรือว่านี่คือตัวอย่างอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
    ที่ต้องการแสดงให้เราเห็นถึง “ระบบความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน”

    เรื่องเกี่ยวกับการเก็บความทรงจำที่ว่านี้ ไม่ใช่ปริศนาด้านประสาทสรีรวิทยาเพียงปริศนาเดียว
    ที่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้มากขึ้น โดยใช้แบบจำลองของ Pribram ที่ว่าสมองคือโฮโลแกรมเท่านั้น
    เพราะว่าปริศนาอีกข้อหนึ่งที่สามารถอธิบายได้โดยแบบจำลองนี้ก็คือ

    เรื่อง สมองสามารถแปลสัญญาณคลื่นความถี่ที่ทะลักทะลายเข้ามามากมายผ่านทางประสาทสัมผัสต่างๆ
    (เช่น คลื่นแสง, คลื่นเสียง และอื่นๆ) ให้ไปเป็นการรับรู้ของเรา ภายในโลกที่เป็นรูปธรรมนี้ได้อย่างไร

    “การเข้ารหัส” และ “การถอดรหัส” คลื่นความถี่ นั่นแหละคือสิ่งที่โฮโลแกรมทำได้ดีที่สุดหละ
    มันเหมือนกับว่าโฮโลแกรมทำตัวเหมือนเป็นเลนส์ชนิดหนึ่ง ซึ่งก็คืออุปกรณ์ในการแปลข้อมูล
    ที่สามารถแปลสัญญาณคลื่นความถี่ที่เบลอๆ และดูเหมือนว่าจะไม่มีความหมายอะไรเลย
    ให้ออกมาเป็นภาพที่สอดคล้องกันได้

    Pribram เชื่อว่าสมองก็ประกอบด้วยเลนส์แบบนี้เหมือนกัน
    และก็ใช้หลักการณ์ของภาพโฮโลแกรมนี้
    ในการแปลงสัญญาณทางคณิตศาสตร์ของคลื่นความถี่
    ที่มันได้รับมาผ่านทางประสาทสัมผัสทั้งหลาย
    ให้กลายไปเป็นโลกแห่งการรับรู้ภายในของเราเองเหมือนกัน

    หลักฐานที่น่าประทับใจชิ้นหนึ่งชี้ว่า สมองทำงานโดยใช้หลักการณ์ของภาพโฮโลแกรม
    อันที่จริงแล้ว ทฤษฎีของ Pribram กำลังได้รับการสนับสนุน
    จากบรรดานักประสาทสรีรวิทยาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอยู่

    …………………
     
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 10:

    นักวิจัยชาวอาร์เจนตินา-อิตาเลี่ยน ชื่อ Hugo Zucarelli
    ได้ขยายขอบเขตการทำงานของแบบจำลองโฮโลแกรมนี้ไปสู่พฤติกรรมด้านเสียงด้วย
    ปริศนามันมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า มนุษย์สามารถระบุที่มาของเสียงต่างๆได้อย่างไร
    โดยที่ไม่ต้องขยับศรีษะไปไหนเลย (แม้แต่ตอนที่พวกเขาฟังด้วยหูเพียงข้างเดียวก็ตาม)

    Zucarelli ได้ค้นพบว่าหลักการณ์ของโฮโลแกรมนี้
    สามารถนำมาใช้อธิบายความสามารถนี้ได้


    นอกจากนี้ Zucarelli ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีด้าน “holophonic sound” ขึ้นมาอีกด้วย
    ซึ่งมันก็คือเทคนิกในการบันทึกเสียง ที่สามารถเลียนแบบสถานการณ์ต่างๆได้เหมือนจริงมากๆจนแทบไม่น่าเชื่อ


    (หมายเหตุ: ข้างล่างนี้ เป็นตัวอย่างของไฟล์เสียง Holophobic sound
    ที่เลียนแบบเสียงใกล้ - ไกล, ด้านซ้าย – ด้านขวา และอื่นๆ ได้เหมือนมาก
    ซึ่งผู้บรรยายอธิบายว่า สิ่งที่ทำให้เราได้ยินว่าเสียงมันมาจากทางนั้นทางนี้
    ก็คือสมองของเราเองนั่นเอง ทั้งๆที่จริงแล้ว เสียงมันแค่ถูกทำให้มีความแตกต่างกัน
    ในด้านความถี่เท่านั้นเอง

    ลองฟังกันดูนะครับ แต่ต้องใช้หูฟังด้วยนะ เสียงถึงจะคมชัดครับ – ผู้แปล)

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=U3MvVPgLJWc]Holophonic Audio Illusions - YouTube[/ame]

    …………………….
     
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอพักก่อนนะครับ..แล้วค่อยมาต่อทีหลัง

    ..........................................
     
  13. nickybamby

    nickybamby เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +174
    อ่านตอน1ได้แค่2ย่อหน้า โอ้วว้าว !!
    ค่อยหาเวลาว่างมาอ่านให้หมด ขอบคุณ คุณChayutt ที่นำมาให้อ่านครับ:cool:
     
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 11:

    Pribram มีความเชื่อว่าสมองของคนเรา คือผู้คิดคำนวณและสร้างโลกแห่งความเป็นจริง
    ในแบบที่เป็นของแข็งและจับต้องได้แบบนี้ขึ้นมา โดยขึ้นอยู่กับ Input ที่ป้อนเข้ามา
    จากขอบเขตของความถี่นั้นๆ ซึ่งแนวความเชื่อนี้ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
    และมีผลการทดลองสนับสนุนมากมายด้วยเช่นเดียวกัน


    เช่น มีการค้นพบว่าประสาทสัมผัสของคนเราแต่ละอย่าง
    มีความไวต่อช่วงคลื่นความถี่มากกว่าที่พวกเราเคยเข้าใจกันมากมายนัก


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ตัวอย่างเช่น นักวิจัยหลายคนได้ค้นพบว่าระบบการมองเห็นของคนเรา
    มีความไวต่อคลื่นความถี่ของเสียงด้วย,
    และระบบการรับกลิ่นของคนเราส่วนหนึ่ง
    ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตอนนี้ถูกเรียกว่า “คลื่นความถี่เอกภพ” ด้วย,
    และมีการค้นพบว่า แม้แต่เซลในร่างกายของคนเรา
    ก็ยังมีความไวต่อคลื่นความถี่ในช่วงที่กว้างด้วย


    การค้นพบเหล่านี้ชี้บ่งว่า มีเพียงในขอบเขตของโฮโลแกรม
    ของความตระหนักรู้เท่านั้น ที่คลื่นความถี่เหล่านี้
    จะถูกคัดแยกออกมา และถูกแบ่งแยกออกมาเป็นส่วนที่เราจะรับรู้ได้ตามปกติ

    (สรุปว่าความตระหนักรู้ของคนเรา คือตัวคัดกรอง, คัดแยก และตัดแบ่งคลื่นความถี่ออกมา
    เพื่อป้อนเข้าสู่ระบบการรับรู้ตามปกติของเรา เท่าที่ขอบเขตโฮโลแกรมของมันจะยินยอมได้
    แม้ว่าจริงๆแล้วประสาทสัมผัสของคนเรา จะสามารถรับคลื่นความถี่
    ในช่วงที่กว้างกว่าที่เราสามารถ “รับรู้” ได้นั้นมากมายนักก็ตาม – ผู้แปล)

    .........................

    1:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  15. Uaychai

    Uaychai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +231
    สุดยอดเลยครับคุณชยุต มันลึกซึ้งเกินกว่าที่วิทยาศาสตร์จะอธิบายได้ วิทยาศาสตร์มาถึงทางตันแล้ว สิ่งต่างๆบางอย่างไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน
     
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"

    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 12:


    แต่คุณสมบัติที่ทำให้งุนงงมากที่สุดของแบบจำลองโฮโลแกรมของสมองของ Pribram
    ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมันถูกนำมารวมเข้าด้วยกันกับทฤษฎีของ Bohm!

    เพราะว่าถ้าความเป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องได้ของโลกใบนี้
    เป็นแค่โลกแห่งความเป็นจริงชั้นรองเท่านั้นหละ?
    และถ้าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในโลกใบนี้
    จริงๆแล้วพวกมันก็คือภาพโฮโลแกรมที่เบลอๆของคลื่นความถี่ต่างๆเท่านั้นหละ?

    และถ้าสมองก็คือโฮโลแกรมอย่างหนึ่งด้วยหละ?
    ที่ทำหน้าที่คัดเลือกช่วงคลื่นความถี่แค่บางคลื่นออกมาจากภาพเบลอๆที่ว่านี้
    แล้วแปลงพวกมันโดยอาศัยหลักการด้านคณิตศาสตร์
    ไปเป็นการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสของเราหละ?

    แล้วอะไรหละคือ “โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้” ?


    คำตอบมันค่อนข้างง่าย คือ.. “มันก็ไม่มีอยู่จริงหนะสิ”

    ก็อย่างที่ศาสนาทางซีกโลกตะวันออกทั้งหลายได้พร่ำสอนกันมานานแล้วว่า

    “โลกนี้คือมายา” ไง!

    และแม้ว่าพวกเราอาจจะคิดว่าพวกเราคือสิ่งมีชีวิตทางกายภาพ
    ที่กำลังไปไหนมาไหนอยู่ในโลกทางกายภาพใบนี้อยู่ก็เถอะ

    ..นี่ก็ด้วย..มันคือมายา..


    จริงๆแล้วพวกเราคือ “ตัวรับสัญญาณ” ที่กำลังล่องลอย
    อยู่ในท้องทะเลคาลิโดสโคปแห่งคลื่นความถี่
    (Kaleidoscopic sea of frequency)


    และสิ่งที่เราแบ่งรับเอามาจากทะเลนี้ และแปลงรูปมันไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพของเรา
    ก็เป็นแค่ช่องสัญญาณเพียงช่องเดียว ท่ามกลางช่องสัญญาณจำนวนมากมาย
    ที่มีอยู่ในซูเปอร์โฮโลแกรมนี้เท่านั้นเอง

    (หมายเหตุ: Kaleidoscope คือ กล้องภาพลวงตาที่เกิดจากการสะท้อนภาพ
    ของแผ่นกระจกหลายแผ่นประกบกันในกล้อง – ผู้แปล)


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต - ตัวอย่างภาพที่มองจากกล้อง Kaleidoscope - ผู้แปล)

    ………………..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จักรวาลแห่งภาพสามมิติ -
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้ มันมีอยู่จริงหรือเปล่า?"


    โดย: Michael Talbot
    12/3/2006


    ที่มา:

    Science

    ..................................................................

    ตอนที่ 13:

    การปะติดปะต่อเรื่องราวของ Bohm และทัศนคติของ Pribram
    ได้นำไปสู่ภาพลักษณ์ใหม่ของโลกแห่งความเป็นจริง
    และได้กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า

    “กระบวนทัศน์แห่งภาพโฮโลแกรม” (Holographic paradigm)

    และแม้ว่าจะมีนักวิทยาศาสตร์หลายคน ให้การต้อนรับมันแบบทั้งๆที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ก็ตาม
    แต่มันก็ได้ช่วยไปกระตุ้นนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆที่เหลือด้วย


    กลุ่มของนักวิจัยเล็กๆแต่กำลังเจริญเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆกลุ่มหนึ่ง
    เชื่อกันว่ามันอาจจะเป็นแบบจำลองที่ถูกต้องมากที่สุด
    เท่าที่เคยมีมา ของวิทยาศาสตร์แห่งความเป็นจริง (reality science) ก็ได้


    ยิ่งกว่านั้น บางคนยังเชื่ออีกว่า มันอาจจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความลึกลับบางอย่าง
    ที่ยังไม่เคยมีใครอธิบายได้ด้วยหลักการณ์ทางวิทยาศาสตร์มาก่อนก็ได้
    และมันอาจจะช่วยให้เราสามารถสถาปนาเรื่องที่เป็นปาฏิหาริย์ (paranormal) ทั้งหลาย
    ให้เป็นส่วนหนึ่งของ “ธรรมชาติ” ก็ได้


    มีนักวิจัยมากมาย ซึ่งรวมถึง Bohm และ Pribram ด้วย ที่ระบุว่า
    ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติด้านจิตทั้งหลาย ตอนนี้สามารถเข้าใจได้มากขึ้นแล้ว
    เมื่ออธิบายด้วย “กระบวนทัศน์แห่งภาพโฮโลแกรม”


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    เพราะว่าในจักรวาลแห่งนี้ สมองของมนุษย์แต่ละคน แท้ที่จริงแล้ว
    คือส่วนที่ไม่อาจแยกขาดจากส่วนของโฮโลแกรมที่ใหญ่กว่าได้


    และเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
    ล้วนมีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันอยู่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    ดังนั้น การสื่อสารทางโทรจิต จึงอาจจะเป็นแค่การเข้าไปรับรู้ข้อมูล
    ที่อยู่ในระดับโฮโลแกรมนั้นเฉยๆก็ได้


    มันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่ามาก ที่จะเข้าใจว่า ข้อมูลข่าวสาร
    สามารถเดินทางจากจิตใจของคนหนึ่ง ไปยังอีกคนหนึ่งได้อย่างไร
    ในระยะทางที่ห่างกันปานนั้น และมันยังช่วยให้เราเข้าใจปริศนาหลายๆข้อ
    ที่เกี่ยวกับด้านจิตวิทยา ที่ยังหาคำอธิบายไม่ได้ด้วย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Stansilov Grof รู้สึกว่า “กระบวนทัศน์แห่งภาพโฮโลแกรม” นี้
    ช่วยให้เกิดความเข้าใจในปรากฎการณ์ที่ทำให้งุนงงหลายอย่าง
    ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ใน “สภาวะที่ความตระหนักรู้ถูกปรับเปลี่ยน” ด้วย
    (altered states of consciousness)


    ...........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • hologram18.jpg
      hologram18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.2 KB
      เปิดดู:
      2,320
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เดี๋ยวค่อยมาต่อวันหลังนะครับ
    ยังมีข้อมูลเหลืออยู่อีกเยอะพอสมควรครับ

    ...................................
     
  19. wuttstock

    wuttstock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +132
    ขอบคุณครับ คุณ Chayutt แปลได้สุดยอดจริงๆ
     
  20. Duangchan Rach

    Duangchan Rach Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +28
    โอ.....สุดยอดมากเลยค่ะ การต่อจิกซอเริ่มชัดมากขึ้นทุกที น่าตื่นเต้น จะติดตามอ่านต่อไปค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...