จิตหนึ่งของท่านฮวงโปเป็นไฉน?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วิมลเกียรติ์, 7 กรกฎาคม 2010.

  1. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ธรรมะแนวเซนของท่านฮวงโปกล่าวถึง "จิตหนึ่ง"
    ทว่า เรากลับได้เรียนรู้ว่าจิตมี ๑๒๑ หรือ ๘๙ ดวง


    อืม? ขัดแย้งไหมเอ่ย...
     
  2. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคได้กล่าวถึงจิตไว้ว่า


    จิตแท้แล้วก็มีเพียง 1 แต่เมื่อรับอารมณ์แล้วเกิดผลได้มากมาย
    นับได้ ๘๙ หรือ ๑๒๑ ดวง ดังนี้ จิตจึงเกิดขึ้นกลายเป็นไม่ใช่หนึ่ง


    ก็เพราะมี "อวิชชา" จึงมีสังขาร
    ก็สังขารนั้นแล เป็นแดนเกิดแห่งจิต ที่เรียกว่า "จิตสังขาร"
    ก็จิตสังขารนี้ มิใช่ "จิตประภัสสร" มิใช่จิตเดิมแท้แต่ก่อน
    ก่อนที่จะรับอารมณ์มายึดไว้ว่าเป็นตัวกูของกู


    ดังนี้ จิตสังขารเกิดแล้ว จิตสังขารย่อมดับไป นับเป็นดวงๆ
    เมื่อจิตไม่ปรุงแต่งเสีย จิตสังขารจะหาแดนเกิดจากใดหรือ?
    เมื่อไม่เกิดจิตสังขารเสียแล้ว จิตสังขารย่อมไม่ต้องดับ
    ด้วยเหตุนี้ จึงมีแต่ "จิตหนึ่ง" ค่อ "พุทธะ" หรือ "จิตประภัสสร"
     
  3. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    จิตสังขารเป็นผลจากอวิชชา


    แล้วอย่างนี้ เราจะสนใจกับจิตสังขารไปไย ในเมื่อมันพลาดไปแล้ว
    มันยึดไปแล้ว มันเกิดไปแล้ว ก็ปล่อยมันไป ให้มันดับไปเอง ไม่ต้อง
    สนใจ ยิ่งสนใจ ยิ่งไปดู มันยิ่งแสดงให้เราดู ประดุจดังเด็กน้อยเรียกร้อง
    ความสนใจจากบิดาฉะนั้น


    ดูจิตไปไย? ในเมื่อจิตสังขารนั้นได้เอา
    อารมณ์เป็นตัวตนของตนไปเสียแล้ว
    สายเกินการณ์ไปแล้ว แล้วไปดูอีกทำไม
    น้ำลายที่ถ่มไปแล้ว สนใจอีกทำไม?
     
  4. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    จิตประภัสสร คือ จิตเดิมแท้ คือ จิตบริสุทธิ์ รู้อยู่แล้วคือพุทธะ


    รู้อยู่แล้ว ใครบ้างไม่รู้ว่าสรรพสิ่งอนิจจัง? รู้กันทุกคน แม้แต่
    เด็กอายุ 7 ขวบยังอรหันต์ได้ ธรรมะยากมากหรือ? ลึกซึ้งไปหรือ?
    ถ้าธรรมะยากขนาดนั้น ก็ไม่ใช่สัจธรรมแล้ว อันสัจธรรมเป็นสากล
    ย่อมปรากฏอยู่ว่า "จริงทุกที่ ทุกเวลา" แล้วจะไปหาธรรมะทำไม?
    ธรรมะในตำราก็คับแคบอยู่แต่ในตำรา ธรรมะในครูบาก็คับแคบอยู่แต่ในครูบา
    ธรรมะคับแคบแบบนี้หรือ จักเรียกได้ว่า "สัจธรรม" อันเป็นสากล?
     
  5. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    กระจกใสแล้ว ไม่ต้องเช็ด



    ท่านเว่ยหลางกล่าวไว้เช่นนี้ ท่านเข้าใจว่าเป็นไฉน?
    เข้าใจว่าท่านเว่ยหลางบรรลุธรรมแล้วจึงได้ประกาศตน
    ว่าจิตของตนใสแล้วจึงไม่ต้องฝึกอีกเช่นนั้นหรือ?
    นี่ย่อมมิใช่วิสัยของพระอรหันต์แน่ แท้แล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่


    กระจกใสแล้วไม่ต้องเช็ด เป็นสัจธรรม เป็นธรรมสากล
    ไม่ใช่จริงเฉพาะท่านเว่ยหลาง แต่จริงสำหรับทุกคน
    จิตประภัสสรอยู่แล้ว บริสุทธิ์อยู่แล้ว เช็ดอะไรกันหรือ?
     
  6. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    กิเลสไม่ใช่ตัวตนของตน


    เมื่อใดที่จิตคิดไปว่า "กิเลส" นี้เป็นของเรา
    โกรธนี้เป็นของเรา นั่นคือ จิตได้รับอารมณ์นั้น
    เข้าไว้เป็นตัวตนของตนแล้ว ด้วยอำนาจแห่ง
    อวิชชานั้น จึงเกิดสังขาร คือ จิตสังขารขึ้น
    จิต ๘๙ ดวง หรือ ๑๒๑ ดวงก็ถือกำเนิดเช่นนี้


    จิตส่วนจิต กิเลสส่วนกิเลส ต่างทำกิจของตน
    หมดกิจก็ดับไปเองทั้งสิ้น ก็อะไรเล่าที่ไม่อนิจจัง?
     
  7. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    อาสวักขยญาณเข้าถึงได้ด้วยขณิกสมาธิ


    ไม่จำเป็นต้องฝึกสมาธิลึก หรือขั้นสูงก็ได้ นั่งทอผ้าอยู่ก็บรรลุธรรมได้
    ไม่ต้องเข้าฌานลึกก็ได้ การบรรลุธรรมย่อมไม่บรรลุขณะแช่อยู่ในองค์ฌานๆ
    ใดฌานหนึ่ง ด้วยเพราะในองค์ฌานนั้นไม่มีสภาวะอนิจจัง คือ ความดับ
    เมื่อพ้นจากฌานใดฌานหนึ่งแล้ว คือ ฌานหนึ่งดับไป เพื่อเข้าสู่ฌานต่อไป
    ช่วงรอยต่อระหว่างองค์ฌานนั้นเอง ที่จิตเห็นความดับไปไปเป็นอนิจจัง
    ย่อมทำนิพพานให้แจ้งได้โดยง่าย อนึ่ง เพียงขณิกสมาธิก็ทำนิพพานให้แจ้งได้
    ด้วย "ปัญญาวิมุติ" แล้ว ส่วนผู้สำเร็จด้วยฌานลึกเป็นบาทฐานก่อนแล้วออกจาก
    องค์ฌาน เห็นความดับไปในฉับพลันนั้น ยังมิได้ลงสู่องค์ฌานต่อไป ก็บรรลุธรรม
    ได้แบบ "เจโตวิมุติ" พร้อมได้ผลเป็นอภิญญาต่างๆ ด้วยอย่างใดในอภิญญาห้านั้น
     
  8. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ในเมื่อจิตบริสุทธิ์อยู่แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรเลยสิ?


    ผิดถนัด นั่นคือความสุดโต่งด้านเดียว "ด้านไม่ทำอะไรเลย"
    เมื่อเกิดปัญญาแล้ว ย่อมละวางอย่างเป็นธรรมชาติ มิใช่อุปทาน
    เอาว่าอย่างนั้นต้องละวาง อย่างนี้ต้องละวาง นี่จึงเป็น "สายกลางแท้"
    ไม่ใช่ "สายกลางอุปทาน" ที่คิดเอาว่าเราต้องจน เราต้องสมถะ หรือเราต้อง
    ฟุ่มเฟือยก้หาไม่ ใช่ได้สุดโต่งด้านใด แต่เป็นไปตาม "วิบากกรรม" วิบากให้
    รวยก็รวย วิบากให้จนก็จน รับได้ทั้งสิ้น ไม่ติดสองฝั่ง อะไรก็รับได้หมด
    ไม่ได้ก่อกรรม มิได้อุปทานเอาว่าต้องรวยหรือจน ต้องสมถะหรือไม่สมถะ
     
  9. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    จิตบริสุทธิ์อยู่แล้ว รู้อยู่แล้ว แล้วมาหาพุทธะทำไม?


    มาเพื่อตัดความลังเลสงสัย ความเคลือบแคลงระแวง
    ไม่วางใจในธรรมที่ตนก็รู้อยู่แล้วนั้น ทำให้สิ้น "สงสัย"
    ไม่ใช่ "สิ้นกิเลส" หรือ "สิ้นความไม่รู้"


    สิ้นความสงัสยก็สิ้นวิจิกิจฉาสังโยชน์ ตัดสังโยชน์อีกสองตัวคือ
    สักกายทิฐิและสีลพรตปรามาส ก็บรรลุโสดาบันได้ จิตตรงนิพพาน


    ไม่มีใครไม่รู้ ทุกคนรู้ได้ทั้งสิ้น เพราะต่างก็มีจิตรู้อยู่แล้ว แต่ยังมี
    วิจิกิจฉาสังโยชน์, สีลพรตปรามาสจึงเกิด แลวส่งผลเสริมสักกายทิฐิ
    นี่คือกำแพงกั้นธรรม สิ้นลงเสียได้ ก็เข้าถึงประตูแห่งธรรมแล้ว
    ดังนี้ มิใช่ดับกิเลส มิใช่ดับความไม่รู้ แต่ทำให้ "สิ้นวิจิกิจฉา"
    แลสังโยชน์ต่างๆ ที่เหลือดังกล่าว
     
  10. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    เธอไม่รู้จริงๆ หรือว่าสรรพสิ่งอนิจจัง?...



    ใครยังสอนผู้อื่นอยู่ ยังคิดว่าผู้อื่นไม่รู้อยู่ ตั้งตนเป็นครูสอนธรรมอยู่
    ผู้นั้นย่อม "โง่เขลาเป็นที่สุด" เพราะไม่รู้เลยว่า "ทุกคนเขาก็รู้อยู่แล้ว"


    แต่เดิมนั้น "ครูไม่มี ศิษย์ก็ไม่มี" เมื่อมีอัตตา ตัวครูก็เกิด ตัวศิษย์ก็มี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2010
  11. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ธรรมะที่อธิบายได้เป็นสมมุติธรรมอันคับแคบ...


    ต้องอธิบายด้วยหรือ? ในเมื่อปรากฏอยู่แล้ว ทุกที่ ทุกเวลา
    ยิ่งอธิบายยิ่งเพี้ยน ยิ่งอธิบายยิ่งคับแคบอยู่ในใน "คำจำกัดความ" นั้น
    ธรรมะที่อธิบายได้ย่อมไม่ใช่สัจธรรม สัจธรรมปรากฏเองอยู่แล้ว
    ทุกที่ ทุกเวลา หาได้ต้องอธิบายอีกไม่...


    เกลือเค็มอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบาย กินแล้วก็รู้เอง...
     
  12. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ธรรมะอธิบายไม่ได้ แล้วจะพูดอะไรกัน?


    พูดเรื่องที่ควรพูด มีกิจอะไรเกี่ยวข้องกัน พูดให้จบกิจเสีย
    ถ้าจะพูดธรรมะ ก็ใช้อุปมาเอาบ้าง แต่อุปมานั้นไม่ใช่ธรรมะ
    แสดงความคิดเห็นอันตรงต่อนิพพานนั้น ย่อมมีฐานะที่จะเป็นไปได้
    เป็นวิสัยที่พระอริยะพึงมี คือ "สัมมาทิฐิ" แต่ธรรมะที่อธิบายได้นั้น "ไม่มี"
     
  13. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ธรรมะแสดงด้วยคำพูดไม่ได้ แต่สัมมาทิฐิแสดงทางสัมมาวาจาได้...
     
  14. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ไปรับธรรม? รับอะไร?



    ธรรมะปรากฏอยู่แล้วทุกที่ ทุกเวลา จริงแท้ทุกที่ ทุกเวลา
    จึงเรียกว่า "สัจธรรม" ไม่จำกัดด้วยกาลหรือสถานที่ คือ
    "อกาลิโก" อันบุคคลพึงเข้าถึงได้ด้วยตนเอง "ปัจจัตตัง"


    ไปรับธรรม? ก็คือรับ "ความคับแคบ" รับมาแล้วก็คับแคบ
    ต้องทำอย่างนี้ ต้องกินเจอย่างนั้น ไม่เช่นนั้นไม่เป็นอย่างนี้ ฯลฯ
    "พระไม่ได้เรื่อง วัดห่วยแตก สถานธรรมเจของเราเท่านั้นที่ถูกต้อง"
    ธรรมะแบบนี้ใช่ไหมที่ไปรับกัน? รับความคับแคบนี้หรือ ที่เรียกว่า


    "รับธรรมะ"?...
     
  15. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ต้องกินเจ ไม่กินไม่ได้ ต้องกินเท่านั้น?


    นี่แหละธรรมะคับแคบ ครับสอนไป กินเจ เลิกฆ่าสัตว์
    โรงฆ่าสัตว์จะได้มาฆ่าเราแทน ข้อหา "ขัดผลประโยชน์"
    ธรรมะที่ขัดแย้งกับสมมุติทางโลกนี้หรือที่เรียกว่า "ธรรมะ"?


    ใครจะกินเจ ก็กินไป ตามคัมภีร์ลังกาวตารสูตรที่พระพุทธองค์
    ทรงเลือกสอนสัตว์เฉพาะใน "ลังกา" ไม่ใช่มาตรฐานที่กำหนด
    บังคับคนทุกคนก็หาไม่


    พระเทวทัตพยายามแล้ว ขอให้พระเลิกกินเนื้อสัตว์ แต่พระพุทธองค์
    ทรงปฏิเสธ ไม่ใช้เป็น "ศีล" บังคับใคร แต่ได้เทศน์ไว้ที่ลังกา เพื่อ
    คนบางกลุ่มจะได้บำเพ็ญ แต่ "ไม่ใช่บังคับคนทุกคนให้ต้องทำ"...
     
  16. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +457
    ไม่ทราบได้ไปคุยกับสถานธรรมไหรนมาครับ
     
  17. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ถ้าผมพูดว่า ท่านฮวงโปพูดว่า "จุดหนึ่ง" ไม่ใช่ "จิตหนึ่ง" ล่ะ ที่ท่านคิดมาก็ผิดหมดใหม??

    สถานธรรมรับธรรม แต่ปฏิบัติแบบบัญญัติ ไม่ได้ปฎิบัติแบบเหนือบัญญัติเหมือนผู้ใหญ่
    สอนมาล่ะจะว่ายังไงดี เอ..น่าคิดนะครับ
     
  18. สุปราณี (ปู)

    สุปราณี (ปู) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +1,296
    นิ่ง อ่าน ทำความเข้าใจ ทำใจให้เป็นกลาง ตัดสินโดยใช้พิจารณา ในข้อความที่ดี เรานับถือ ข้อความไม่พึงพอใจเราเก็บไว้ วิเคราะห์ ตัดสินใจทำสิ่งใดก็ได้ ที่ไม่เดือดร้อนใคร และไม่ปรามาส สิ่งที่ผู้อื่นคิดว่าดีแล้ว ก็ทำไปเถิด อนุโมทนา
     
  19. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,359
    ค่าพลัง:
    +6,493
    หากจะเข้าใจสิ่งใดอย่างแท้จริง ต้องใช้สติพิจารณาประกอบด้วยปัญญาของตัวจิต จิตเดิมแท้มีเพียงหนึ่ง บุคคลใดที่คิดว่าตัวเองนั้นรู้แล้วหรือสิ่งที่ตัวเองรู้นั้นคือรู้จริง จริงๆแล้วบุคคลนั้นยังไม่รู้อะไรเลย ทำจิตให้นิ่ง พิจารณาตามตัวอักษรที่เขาถ่ายทอด เขาต้องการสื่อบอกอะไรเรา เขามีเจตนาอย่างไร เขาพูดถึงอะไร? ท่านเข้าใจอะไร?ถามตัวเองดู
     
  20. แสงอุ่น

    แสงอุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    613
    ค่าพลัง:
    +1,036
    เคยอ่านครับ ในหนังสือปรัชญา ของท่าน ฮวงโป และ ท่านเหลี่ยวฝาน แต่ผ่านมานานมากแล้ว จำรายละเอียดได้บางอย่างเท่านั้น
    อนุโมธนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...