จิต-ใจ-มโน-มันมาจากไหนครับ เมื่อขันธ์5 มีแค่ ..

รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ..นี่ ขันธ์5

แล้ว จิตมั่ง-ใจมั่ง-มโนมั่ง..มันคืออะไร ตั้งอยู่ตรงไหน-ส่วนไหน-ของขันธ์5...พุทธวจน.. ท่่านหมายถึง จิต นั่นเอง..
หลวงปู่-หลวงตา-หลวงพ่อ-หลวงพี่ ..บัญญัติขึ้นมาเอง-จนคนอ่าน-ทะเลาะกันทุกครั้ง เพราะมาคนละสำนัก-ตีกันจะตายแล้วในทุกบอร์ดศาสนา-พระไตรปิฏก มีปัญหาครับ -คุยกันไม่รู้เรื่องครับ-เพราะสมาธินำ แล้วบัญญัติคำขึ้นใหม่ ตามความรู้สึกของตนเองไง
เอาไงครับ ตกลง จิต-ใจ-มโน- อันเดียวกันไหมครับ คือ วิญญาณ ในขันธ์5 ใช่ไหมครับ พวกดูจิต ว่าไงครับ

 

พุทธวจน-จิต(วิญญาณ) ในขันธ์5..จะโคจรออกจากธาตุทั้ง4..นี้เป็นฐานนะที่จะเป็นไปไม่ได้..แล้วใจ ล่ะ มันมาจากไหนอีก-อาศัยอยู่ตรงไหน ในขันธ์5 ครับ ใครแต่งขึ้นมาใหม่ครับ ..ยอมรับไหมว่าใจก็คือ จิต- มโน-วิญญาณ-นั่นเอง

 

ขันธ์ ๕ เพียงทำไปตามหน้าที่ แล้วไอ้ตัวที่สงสัยๆอยู่นี่มันคืออะไร เกี่ยวข้องอะไรด้วย ต้องเรียกชื่อมันด้วยไหม เดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มีเนี่ย พระพุทธองค์เปรียบจิตเหมือนลิง (ใช่ป่าว?) เดี๋ยวโผไปเกาะกิ่งโน้นทีกิ่งนี้ที จิตมันมักแสวงหาที่ยึดที่เกาะไปเรื่อยๆ อะไรยังไงหว่า ขันธ์ ๕ ก็แค่ขันธ์ ๕ ทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้บอกให้งง บอกให้รู้ไปตามความเป็นจริง จบข่าว.

 

ถ้าเหมารวมว่า จิต ตามที่นำมากล่าวมันกว้างไปครับ
ถ้ามาดูที่กิริยาทางด้านนามธรรม
เราถึงจะเข้าใจสภาวะมันได้ครับ

รูป คือ หนึ่งในขันธ์ ๕
ที่เหลือ(เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาน)
คือ ขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมครับ.เป็นฝ่ายอารมย์ครับ..
ซึ่งสามารถมารวมกับตัวจิตได้ครับ


จิตกับใจ บอกไม่ได้ว่า คือตัวเดียวกันหรือไม่
นอกจากจะบอกกิริยามันก่อนครับ...บางที่มักเรียกว่าตัวเดียวกัน
ขึ้นอยู่กับการให้ความหมายเชิงกิริยาของมันครับ
ว่าเป็นตัวจิตโดดๆแบบที่อะไรมาร่วม เช่น กริยาจิตคลายตัว ไร้รูปร่าง
หรือว่ามีอะไรมาร่วมกับมันแล้วเรียกมันเรียกว่า จิต
หรือ กิริยาที่จิตยังเป็นวงกลมอยู่
มักจะเรียกว่าใจครับ


ส่วนมโน เป็นกิริยาคือจิตทำงานร่วมกับสัญญาบางอย่างอยู่ครับ
ปล. เล่าให้ฟังนะครับ

 

อืม...ตั้งกระทู้ได้ดี...โป๊ะเชะ ?
แล้วที่ตั้งคำถามมาเนี่ย ความเข้าใจส่วนตัวของคุณ ยังไม่โตจากเด็ก ล่ะ เข้าใจถึงไหนแล้ว ในขันธ์5 ในจิต เนี่ย ฝึก ถึงไหนแล้วล่ะ
......
เอางี้นะ ผมจะอธิบาย ง่ายๆ (แล้วก็ ให้เข้าใจง่ายๆตามด้วยล่ะ อย่าคิดเอาเองเด็ดขาด)อ่านแล้ว ก็อ่านผ่านๆ พอ นะ
......
เรื่องมีอยู่ว่า ..เมื่อพระพุทธะระเบิดบิ๊กแบงสร้างจักรวาล ด้วยเจตนาพระพุทธะ (จากนิพพานธาตุ อย่าเรียกว่าจิตพุทธะนะ เพราะมันคือ มโนธาตุนิพพาน) ดังนั้นเมื่อสร้าง สิ่งมีชีวิต ขึ้นมา นอกจาก อายตนะ ในการรับรู้ เช่นตาหูจมูกปากกาย แล้ว...คำว่า มโนหรือใจ จึงย่อมต้อง เป็นสิ่งที่ต้องมี ในร่างกายของสัตว์ เรียกว่า เครื่องรับรู้ที่ มีเพราะ เกิดบน มโนธาตุหรือนิพพานธาตุหรือพุทธะธาตุ...นั่นเอง.... และมโน หรือใจ ก็ย่อมมีความละเอียดแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ประเภทของสัตว์ ที่ พุทธะธาตุจะสร้างขึ้นมา เช่น ร่างกาย สมอง ความซับซ้อนของสมอง...เป็นต้น..นี่คือ...มโนหรือใจ ของสัตว์ที่เกิด บนมโนนิพพานธาตุ...(พุทธะธาตุ แปลว่า ธาตุรู้ ..มโนก็แปลว่าเครื่องรู้)
....
ทีนี้ มาเรื่อง...จิต..
จิตมันคือ ชื่อเรียก ที่ตั้งขึ้น หลังจาก ในขันธ์5 เกิด หลงตน เมื่อ มีร่างกาย มีอายตนะ เครื่องรับรู้ หรือเครื่องเสพกาม ในโลก เช่น ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ...เมื่อเสพ..แล้ว เกิด...เวทนา กิเลสตัณหาอุปทาน ขึ้น ตามระบบวงจรปฏิจสมุปบาท..ตามกฏ มีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิด..ตามธรรมชาติ ...แต่เมื่อมีสัตว์หลายตัว ย่อมต้อง มีความคิด รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้น..อุปทานตามมา ต่อด้วย อดีต อนาคต ภพ ขึ้นมา..จึงมีการหลงว่า มีตัวมีตน ยึดมั่นถือมั่น เกิดขึ้น...อัตตาตัวตนหรือ จิต ...มันจึงเกิดมี..ได้ แบบนี้ นี่เอง...(เรียกว่าหลงยึดมั่นเพราะความไม่รู้ จึงเรียกมันว่า เป็น อวิชชา)
....
ถามว่า แล้ว จิต กับใจ..ถ้า แยกไม่ออก ชำระอวิชชาไม่ได้..มันก็ทำงานร่วมกัน แยกกันไม่ออก หลงว่าเป็นตัวเดียวกัน...

 

ส่วนคนที่แยกจิตกับใจได้ หมายถึง ..เข้าไปรู้เห็นความจริงของ การทำงานของขันธ์5 แล้วเลิกหลงยึดมั่นถือมั่น ว่ามีอัตตาตัวตนได้ ก็เหมือน จิตเข้าถึงอนัตตาธรรม...ก็เหมือน ไม่มีจิต....จะเหลือก็แค่เครื่องรับรู้ ของกายใจ เท่านั้น

ดังนั้น การ ชำระจิตให้ขาวรอบ ก็คือ พ้นจากการหลงยึดมั่นถือมั่นที่ผิดๆว่า มีตัวมีตน ในขันธ์5 ก็คือ เข้าใจในพระไตรลักษณ์ ..อนัตตาธรรม..ได้ ก็แปลว่า พ้นแล้วจากจิต นั่นเอง

 

ทีนี้ บางคนก็เรียก

พุทธะธาตุว่า จิต พุทธะ
เรียกมโน เครื่องรู้ว่า จิตใจ รวมกัน ก็มี
เริ่มแรก จิตบริสุทธิ์...แรกจุติ..คือมโน
พอมีอวิชชา ก็เกิดเรียก ว่าจิต

เมื่อชำระจิตให้ขาวรอบ....จะเรียกว่า ใจ หรือ จิต ตามเดิม ก็แล้วแต่จะเรียกตามที่ตนเองเช้าใจเถอะ

แต่ผมเรียก ..ใจหรือมโน...

 

และในโลก นอกจากสัตว์ ชนิดต่างๆ ก็ยังมีพืช
แม้พืชเอง ยังรู้จักโต หันหน้ารับแสง ยืดต้น งอกยอด ออกดอก ออกผล..มันก็ เกิดในมโนธาตุ เช่นกัน เพียงแต่ มีขันธ์ ไม่เหมือนสัตว์

สำหรับผม การเรียกว่า รู้...เกิดจาก ..ความเปลี่ยนแปลง การเคลื่อน ไม่คงที่ เป็นปฏิกิริยาธาตุ..ที่มีต่อกัน เมื่อมีการทำปฏิกิริยา ทั้ง รวมกัน ต้านกัน กินกัน แบบนี้เรียกว่า...เปลี่ยน เคลื่อน หรือ...รู้ นั่นเอง

 

เอาเป็นว่า ฝึกชำระจิต ชำระอวิชชา ได้จริงๆ ให้เหลือเพียง กายใจ
หนือ กายกับมโน...แล้ว มโนหรือเครื่องรู้ มันจะ ถึงกันเอง กับ มโนธาตุนิพพาน จะเข้าใจเองครับ

 

ชีวิตเราชีวิตเดียวนี่แหละ แต่ท่านเรียกหลายชื่อ เหมือนกับภาษาไทยนั่นแล ดูนี่ก่อน

“ภิกษุทั้งหลาย การที่ปุถุชน ผู้มิได้เรียนรู้ จะเข้าไปยึดถือร่างกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ ว่าเป็นตัวตน ยังดีกว่า จะยึดถือจิตว่าเป็นตัวตน เพราะว่า กายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้ ยังปรากฏให้เห็นว่าดำรงอยู่ ปีหนึ่งบ้าง ๒ ปีบ้าง ๓-๔-๕ ปีบ้าง ๑๐-๒๐-๓๐-๔๐-๕๐ปีบ้าง เกินกว่านั้นบ้าง แต่สิ่งที่เรียกว่า จิต มโน หรือวิญญาณนี้ เกิด ดับ อยู่เรื่อย ทั้งคืน ทั้งวัน” (สํ.นิ.๑๖/๒๓๑/๑๑๔)

 

ถ้าจำแนกชีวิตแบบพระอภิธรรมท่านใช้คำว่า จิต (จิต เจตสิก รูป = นามรูป)
ถ้าจำแนกชีวิตแบบพระสูตร ท่านใช้คำว่า วิญญาณ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ = รูปนาม)

ที่เรียกมโน ก็เช่น (กายกรรม วจีกรรม) มโนกรรม

มีอีก ที่มีความหมายเดียวกันใช้แทนกันได้ เช่น มน ใจ มานัส เป็นต้น

ฯลฯ

อย่างภาษาไทยที่มีความหมายเดียวกัน แต่ใช้ถ้อยคำต่างกัน ก็เช่น รับประทาน ทาน กิน แดก ยัดห่า (หมายถึงกินอาหาร)

 

หลวงปู่-หลวงตา-หลวงพ่อ-หลวงพี่ ..บัญญัติขึ้นมาเอง-จนคนอ่าน-ทะเลาะกันทุกครั้ง เพราะมาคนละสำนัก-ตีกันจะตายแล้วในทุกบอร์ดศาสนา-พระไตรปิฏก มีปัญหาครับ -คุยกันไม่รู้เรื่องครับ-เพราะสมาธินำ แล้วบัญญัติคำขึ้นใหม่ ตามความรู้สึกของตนเองไง

พระไตรปิฎก ไม่มีปัญหาหรอก เราจะโต กับ อ.คึกริด นี่แหละมีปัญหา ที่รู้ไม่ถึงไม่ทันบูรพาจารย์รุ่นก่อนๆ จริงไม่จริง

 

อภิธรรม ทั้ง 12 เล่ม..สาวกแต่งใหม่หมดเลย..อจ.คึกฤทธิ์ -ท่านพุทธทาส ตัดทิ้งหมด อิอิ

 

ดีนะ ที่ผม...ไม่ได้ หลงอ่าน ของคึกริด ของพุดทาทาด...ผมว่า มันก็ เจือปน เหมือนกันแหล่ะ....

พระธรรม มาจาก ธรรมชาติ ธรรมชาติของ กาย เวทนา จิต ธรรม....ทุกคนมีตำราอยู่กับตัว แท้ๆ แต่ดัน...ไปอ่าน ตำรามาซี้ซั้ว เอง..สมนาน่า อิอิ

 

ถ้าท่านนั่งสมาธิแล้วเกิดความสงบ
ในรูปนิมิตที่ปรากฎในสมาธิจะมีรูปทรงกลม
ข้างในสุดเป็นดวงกลมแสงสว่างสีขาวจ้า
มีความว่างขั้นอยู่ภายใน
และวงกลมรอบนอกสุดอีกที
นึกภาพออกไหมค่ะ ...นั่นคือนิมิตของจิตวิญญาณ

สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตในจักรวาล ที่มีนับไม่ถ้วน รวมแล้วมีรูปกับนามเท่านั้น

นามเดิมก็คือ ความว่างของจักรวาลเข้าคู่กันเป็นเหตุให้เกิดอวิชชา

จิต ใจ มโน เป็น เป็นนามว่างของจักรวาล

ส่วนวิญญาณ เป็น รูป หรือ สุขุมรูป รูปปรมาณูละเอียด

จิต วิญญาณ จึงมีหน้าที่แตกต่างกัน

จิต ว่าง สะอาด สงบ บริสุทธิ์
วิญญาณ เป็นผู้รู้แจ้งอารมณ์

แต่จิตและวิญญาณที่ว่าเป็นสิ่งเดียวกัน
ก็เพราะว่า วิญญาณห่อหุ้มจิตไว้ภายในอีกทีนึง

วิญญาณที่หมุนรอบตัวเองนี้ วิญญาณเป็นเหตุให้จิตเกิดดับ สืบต่อคอยรับเหตุการณ์ภานนอกภายในที่มากระทบ. จะดีจะชั่วก็สะสมเข้าไว้ เป็นทุนเหตุเกิด เหตุดับ หรือปรุงแต่งต่อไป จนกว่ากรรมชั่วจะหมดไป วิญญาณก็จะหยุดหมุน คงรูปอยู่ไม่ได้ มันก็กระจายไป คงเหลือแต่ความว่าง บริสุทธิ์สว่างนั้น

นำมาจากคำสอนหลวงปู่ดุลย์ ค่ะ

จะว่าเป็นสิ่งเดียวกันก็ใช่เพราะอยู่ด้วยกัน เกี่ยวเนื่องกัน. มาจากสิ่งเดียวกัน คือ ความว่าง แต่มีหน้าที่ต่างกัน

 

ทีนี้ชวนสนทนาหาความรู้เพิ่มเติมค่ะ

ขันธ์5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

แยกออกเป็น. รูป จิต เจตสิก นิพพาน

รูป มาจากธาตุมูลฐานทั้ง4 ประกอบด้วยดินน้ำลมไฟ

วิญญาณ มาจากธาตุมูลฐานทั้ง 5 ตา หู จมูก ลิ้นกาย เช่น จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ขิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ

ในกายวิญญาณนั้น มีวิญญาณขันธ์อยู่ภายในกาย

วิญญาณขันธ์ ห่อมหุ้ม เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ (ซึ่งทั้งสามตัวนี้เรียกว่า"เจตสิก") และจิตอยู่ในภายในสุด

เจตสิกนั้น ที่เราเคยคุยกันไว้ในกระทู้ของท่านปราบเทวดา ที่ผ่านมาว่า เป็น สิ่งที่อยู่ข้างๆจิต สิ่งที่อยู่รอบๆจิต

จึงเป็นคำตอบว่า วิญญาณขันธ์อยู่ตรงส่วนไหนของขันธ์5 ค่ะ

 

เอาอีกและ....ไอ้คำว่า...นามเดิมคือความว่างของจักรวาล...(จักรวาล ชื่อมันก็บอกอยู่ทนโท่ว่า เป็นจักรวาล...แล้วมันจะเอาว่างมาจากไหน)

แกไปศึกษา ที่ไป ที่มา ที่มีของ เรื่องของ...วิญญาณมาก่อนนะ ว่า วิญญาณคืออะไร (วิญญาณที่ไหนวะ ห่อหุ้มจิต อย่าเอานิมิตรที่เห็น มาตีความ ว่าเป็นความเข้าใจสิฟะ)....

 

ถามว่า jityim. เอามาจากไหนเนี๊ยะ

ถ้าใครอยากรู้ว่าจริงหรือไม่?

ศึกษาคำสอนของหลวงปู่ดุลย์ เรื่อง"จิตคือพุทธะ"แล้วนำมาสนทนากันค่ะ ว่าความรู้จากการปฏิบัติที่เราได้มาตรงกันไหม กับความรู้ต่างๆ ที่เราได้มาเพื่อพิจารณาหาเหตุผลกันค่ะ

 

จะสนทนาได้ยังไง...ก็คนอื่นไม่ได้ บ้าตามพระเหมือนแก
อ่านของพระมา แล้ว มาตีความแสดง อ้างอิง ตามที่ตนเองตีความได้

จิตคือพุทธะ...ใครพูด..พระพูด แล้วแกก็มาพูดตามพระ
แล้วแก เข้าใจด้วยตัวเองว่ายังไง..ถ้าไม่ลอกตามพระ

ถามหน่อย สำหรับแก จิตคืออะไร

 

ถ้าไม่ใช่แล้วสิ่งที่คิดว่าใช่คืออะไรค่ะ

เชื่อคำสอนหลวงปู่ดุลย์ไหมค่ะ

ถ้าเชื่อก็จะนำมาลงตามที่เข้าใจค่ะ

ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร

ใครมีความเห็นด้วยและเห็นต่างชวนสนทนาค่ะจะได้รู้ด้วยค่ะ