จิต-ใจ-มโน-มันมาจากไหนครับ เมื่อขันธ์5 มีแค่ ..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เราโตมาคนละแบบ, 5 พฤษภาคม 2017.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า
    สัจธรรม ไม่ได้ หมายถึง ธรรมชาติทั้งหมดนะเว้ยเฮ้ย...อย่ามั่วสิวะ
    เหตุผลบ้านแกตรงไหนวะ....มันเป็นความโง่เง่าของแกล้วนๆ ชัดๆ
    โดนด่า แล้วยังหน้าด้าน ได้อีก
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    นั่นประไร

    ยังไม่ทันไรเลย กดหัวให้ไปดู เครื่องเครา แล้ว

    ก้บอกไปแล้ว นิพพานอะไร ยัง กระดกขึ้นมาโชว์

    ให้เข้าไป รับ

    ไกลแมลงวันทำ เหม้..เหม่...
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ไม่กล้าพูด หาว่า เป็นคำหยาบ....ตอแหล เนาะ

    แต่ที่แกหน้าด้านหน้าทน อยู่นี่ เรียกได้ว่า..โคตระชั่วกว่า พูดคำหยาบเสียอีก
     
  4. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    พูดธรรมะต้องประกอบด้วยความเมตตาค่ะ

    สิ่งที่ให้มาเป็นวิบากหมดค่ะ..มีผลกับท่านในอนาตตค่ะ

    ปราถนาดีค่ะ หากมีวิบากกรรมให้ธรรมแบบนี้

    ทำเรื่องง่าย แต่พูดให้ยาก

    เหมือนจะฉลาดมาก แต่ให้ธรรมสับสน
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    กั๊กๆๆๆ

    พุทธ เฮียอะไร ยกกริยา สาบแช่

    ปฏิบัติแทบตาย ฝงเมตตา สาบแช่ มายาหัววัวคันไถ อยู่นี่
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    FB_IMG_1490851306661.jpg
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เออ แล้วอย่าลืม ไส่ใจ กับ วิบากกรรม ที่ตนเองได้รับ ด้วยนะ

    ไม่ไช่ บอกแต่กับคนอื่น แต่ไม่ดู ความจริง ของตนเอง
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    สัปสน ให้รู้ว่า สับสน

    สับสน ต้องมีเหตุ ของความพอใจก่อนๆ มันมีอยู่

    ไม่ใช่ไปโทษ ผัสสะ ในปัจจุบัน
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เฮ้ย...บางคนมันหลงในธรรม หลงจนลืม ดู ความเป็นจริง ของ กายใจและ วิบาก ที่ตนเองได้รับอยู่ก็มีนะ...เช่น จิตยิ้มไง

    ยกธรรม หลวงปู่หลวงตานี่ ถนัด ตำราจากคนนั้นคนนี้ นี่ก็ถนัด...แต่ เสียอย่างเดียว...มันลืมดูตัวเองไง....ว่าเป็นแค่ผู้หญิงบาปหนา คนนึง...แค่นั้นเอง
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    จิตยิ้ม..เอย

    คราวก่อน มันบ้าเรื่องนางแก้ว ..เสาะหาผัวแก้ว..จนตัวสั่น
    ต่อมา มันบ้า จิตจักรวาล...
    ต่อมามันบ้า จิตคือพุทธะ
    ต่อมามันบ้า ธรรมลึกลับ
    ต่อมามันบ้า ไกวันทำ
    เมื่อสักครู่ มันบ้า ตรัสรู้ ของมันคนเดียว

    เออ...บ้าได้ทุกเรื่อง ที่ เป็นเรื่อง ที่มันอ่านมาทั้งนั้น

    อิอิ....
     
  11. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    ตรัสรู้ รู้แจ้ง หมายถึงรู้อริยสัจ ๔ คือ ๑. ทุกข์ (ทุกฺขํ อริยสจฺจํ) ๒. สมุทัย (ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ) ๓. นิโรธ (ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจํ) ๔. มรรค (ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสจฺจํ)
     
  13. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,756
    ค่าพลัง:
    +1,919
    อ่านแล้วก็งง ประเด็นคือ จะ บอกว่า วิญญาณในขันธ์ 5คือ จิต ใจ มโน ไรพวกนี้แบบนี้แบบนั้นหรอ

    ตอนแรกว่าจะเอาคำพระหลวงปู่ หลวงตา มาอธิบาย อ่านไปอ่านมา เอาในพระไตรปิฏกมาดีกว่า
    ลองไตร่ตรองดูเอง ว่าอันเดียวกันมั้ย

    [๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้
    ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสังขาร
    ทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ
    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น
    เมื่อจิตพ้นแล้ว
    ก็รู้ว่าพ้นแล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว
    กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
    [๒๔] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระสูตรนี้แล้ว พระปัญจวัคคีย์มีใจยินดี เพลิดเพลิน
    ภาษิตของพระผู้มีพระภาค. ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของพระปัญจวัคคีย์
    พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    https://selectcon.com/dharma_dule.asp

    ลองศึกษาคำพูดของกลวงปู่ที่กล่าวไว้ก่อนค่ะ เผื่อจะมองเห็นภาพได้

    จิตคือพุทธโนิอันบริสุทธิ์ซึ่งมีประจำอยู่แล้วทุกคน

    ปรัชญา คือ ความรูัแจ้ง คือ ต้นกำเนิดดั้งเดิม

    จิตหนึ่งเป็นธรรมชาติแห่งภูตัตถตา ในธรรมชาตินี้ไม่มีทั้งอวิชชา ไม่มีทั้งสัมมาทิฐิ มันเต็มอยู่ในความว่าง เป็นเนื้อหาอันแท้จริงของจิตหนึ่งนั้น เมื่อเป็นดังนี้แล้ว อารมณ์ต่างๆ ที่จิตของเราได้สร้างขึ้น ทั้งฝ่ายนามธรรมและฝ่ายรูปธรรม จะเป็นสิ่งซึ่งอยู่ภายนอกความว่างนั้นได้อย่างไร

    ความจริง รูปนามจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตมันก็เคลื่อนไหวได้ เพราะมันมีรูปกับนาม เป็นเหตุเป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาอยู่ในตัว ให้เคลื่อนไหวตลอดกาล และ(เกิด) การเปลี่ยนแปลง บางอย่างเรามองด้วยตาเนื้อไม่เห็น จึงเรียกกันว่าเป็นสิ่งไม่มีชีวิต


    เมื่อรูปนามของพืชเปลี่ยนมาเป็นรูปนามของสัตว์ เป็นจุดตั้งต้นชีวิตของสัตว์ และเป็น เหตุให้เกิด จิต วิญญาณ การแสดง การเคลื่อนไหว เป็นเหตุให้เกิดกรรม


    สัตว์ชาติแรกมีแต่สร้างกรรมชั่ว สัตว์กินสัตว์ และ(มี)ความโกรธ โลภ หลง ตามเหตุ ปัจจัย ภายนอกภายในที่มากระทบ กรรมที่สัตว์แสดง มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ๕ อย่าง ไปกระทบกับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ๕ อย่าง แล้วมาประทับ บรรจุ บันทึก ถ่ายภาพ ติดอยู่กับ รูปปรมาณู ซึ่งเป็น สุขุมรูป แฝงอยู่ในความว่าง เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาได้ ที่แฝงอยู่ในความว่างระวางคั่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั้นไว้ได้หมดสิ้น


    เมื่อสัตว์ชาติแรกเกิดนี้ ได้ตายลง มี กรรมชั่ว อย่างเดียว เป็น เหตุให้สัตว์ต้องเกิดอีก เพื่อให้สัตว์ต้อง ใช้หนี้ กรรมชั่วที่ได้ทำไว้ แต่สัตว์เกิดขึ้นมาแล้วหายอม ใช้หนี้เกิด กันไม่ มันกลับ เพิ่มหนี้ ให้เป็น เหตุเกิด ทวีคูณ ด้วยเพศผู้เพศเมียเกิดเป็น สุขุมรูป ติดอยู่ใน ๕ กองนี้ เป็นทวีคูณจนปัจจุบันชาติ


    ดังนั้น ด้วยอำนาจกรรมชั่วในสุขุมรูป ๕ กอง ก็เกิดหมุนรวมกันเข้าเป็น รูปปรมาณูกลม คงรูปอยู่ได้ด้วยการหมุนรอบตัวเอง มิหยุดนิ่ง เป็นคูหาให้จิตใจได้อาศัยอยู่ข้างใน เรียกว่า รูปวิญญาณ หรือจะเรียกว่า รูปถอด ก็ได้ เพราะถอดมาจากนามระวางคั่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั่นเอง ซึ่งเป็นสุขุมรูปแฝงอยู่ในความว่าง รูปวิญญาณ จึงมีชีวิตอยู่คงทนอยู่ ยืนนานกว่า รูปหยาบ มีกรรมชั่วคอยรักษาให้หมุนคงรูปอยู่ ไม่มีเทพเจ้าองค์ใดฆ่าให้ตายได้ นอกจาก นิพพาน เท่านั้น รูปวิญญาณจึงจะสลาย


    ส่วนการแสดงกรรมของสัตว์ที่ประทับอยู่ในสุขุมรูป มีรูป ตา หู จมูก ลิ้น กาย ๕ กองนั้นรวมกันเข้าเรียกว่า จิต จึงมี สำนักงานจิต ติดอยู่ในวิญญาณ ๕ กอง รวมกันเป็นที่ทำงานของ จิตกลาง แล้วไปติดต่อกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ภายนอก ซึ่งเป็นสื่อติดต่อของจิต ดังนั้น จิต กับ วิญญาณ จึงไม่เหมือนกัน จิตเป็นผู้รู้สึกนึกคิด ส่วนวิญญาณเป็นคูหาให้จิตได้อาศัยอยู่ และเป็นยานพาหนะพาจิตไปเกิด หรือจะไปไหนๆ ก็ได้ เป็นผู้รักษา สุขุมรูป รูปที่ถอดจากรูปหยาบ มีรูปเพศผู้ เพศเมีย รูป ตา หู จมูก ลิ้น กาย อยู่ในวิญญาณไว้ได้เป็นเหตุเกิดสืบภพต่อชาติ


    เมื่อสัตว์ตาย ชีวิตร่างกายหยาบของภพภูมิชาตินั้นๆ ก็หมดไปตามอายุขัย (ของ) ชีวิตร่างกายหยาบของภูมิชาตินั้นๆ ส่วนชีวิตแท้ รูป ปรมาณู วิญญาณ จะไม่ตายสลายตาม จะต้องไปเกิดตามภพภูมิต่างๆ ตามเหตุปัจจัยของวัฏฏะหมุนเวียนเปลี่ยนไปด้วย


    ชีวิตแท้-รูปถอดหรือวิญญาณหมุนรอบตัวเอง นี้เอง เป็นเหตุให้จิตเกิดดับ สืบต่อ คอยรับเหตุการณ์ภายนอกภายในที่มากระทบ จะดีหรือชั่วก็สะสมเข้าไว้ เป็นทุน เหตุเกิด เหตุดับ หรือปรุงแต่งต่อไป จนกว่า กรรมชั่ว-เหตุเกิด จะหมดไป ชีวิตแท้-รูปถอดหรือวิญญาณ ก็จะหยุดการหมุน รูปสุขุม-รูปวิญญาณ ซึ่งเกิดมาจากกรรมชั่ว สืบต่อมาแต่ชาติแรกเกิด ก็จะสลายแยกออกจากกันไป คงรูปอยู่ไม่ได้ มันก็กระจายไป ส่วนกิจกรรมดี ธรรมะที่ติดอยู่กับวิญญาณ มันก็จะกระจายไปกับรูปปรมาณู คงเหลือแต่ความว่างที่คั่นช่องว่างของรูปปรมาณูทุกๆ ช่อง ฉะนั้น โดยปราศจากรูปปรมาณู ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน
     
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198


    http://palungjit.org/threads/อาการของสมาธิที่มีลักษณะจิตรวมเป็นหนึ่ง.611320/


    เป็นพระสูตรที่น่าสนใจค่ะ เห็นว่าเกี่ยวเนื่องกันกับกระทู้นี้ เกี่ยวกับการทำจิตให้ว่างเฉยต่ออารมณ์ ..


    http://www.buddha-quote.com/?p=1581

    พุทธวจน อริยสัจจากพระโอษฐ์

    ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่


    ภิกษุทั้งหลาย !
    ถ้าบุคคลย่อมคิดถึงสิ่งใดอยู่
    ย่อมดำริถึงสิ่งใดอยู่
    และย่อมมีจิตฝังลงไปในสิ่งใดอยู่


    สิ่งนั้นย่อมเป็นอารมณ์
    เพื่อการตั้งอยู่แห่งวิญญาณ



    เมื่ออารมณ์มีอยู่
    ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวิญญาณ ย่อมมี

    ******************

    เมื่อทำสภาวะจิตให้อยู่กับรูั (อัญญา) คือ อยู่กับสติ ไม่มีแม้แต่กิริยาจิต ไม่มีการปรุงแต่ง

    นำสภาวะจิตที่ว่าง สงบนั้นมาดูจิต พิจารณาจิตในขณะที่จิตเคลื่อนไหว ก็จะเห็นความจริงว่า สิ่งที่มาปรุงแต่งจิต ก็คืออารมณ์ หากจิตมีสติไม่ไหลไปร่วมกับวิญญาณ เพื่อเป็นอารมณ์ จิตว่าง. นิ่ง สงบ จิตรู้อยู่ เห็นอยู่ อารมณ์ก็ดับไป ไม่เกิดเป็นกิริยา 3 มีการกระทำเกิดขึ้น เมื่อจิตละวางอารมณ์ได้แล้ว อารมณ์ดับไป จิตก็ว่างเหมือนเดิม

    เมื่อจิตเห็นอารมณ์เป็นทุกข์ เห็นร่างกายเป็นทุกข์

    สิ่งที่จิตยึดถือเนื่องมาจากสาเหตุที่จิตหลงขาดสติไหลไปเป็นอารมณ์ร่วมกับวิญญาณ

    วิญญาณคือ ผู้รู้ รู้แจ้งในอารมณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหลาย

    เมื่อมีอารมณ์เกิดขึ้น ย่อมเป็นที่ตั้งอยู่ของวิญญาณ

    เมื่อจิตไม่ฝังลงไปในสิ่งใด อยู่กับรู้(อัญญา) อารมณ์ย่อมไม่เกิดขึ้น การตั้งอยู่แห่งวิญญาณย่อมไม่มี ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ย่อมไม่มี

    จิตย่อมเบื่อหน่ายในวิญญาณ เมื่อจิตเบื่อหน่ายย่อมหลุดพ้น. เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็รู้ว่าหลุดพ้น
     
  16. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,756
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ที่ผมงง ผมหมายถึง ข้อความ 3 โผสแรก ของเจ้าของกระทู้ครับ :)

    ถ้าจะให้ผมอธิบาย จขกท ทำนองว่า

    แต่เดิม มีจิต มาจากไหน ก็ไม่รู้ ช่างมัน แต่เอาเป็นว่าเป็น จิตที่ยังไม่รู้ ยังโง่ ถึงแม้จะสว่างสะอาด ยังไงก็เหอะ (มีอวิชชาอยู่)

    แล้วจิตนั้น ก็มีการปรุงแต่ง มีความรับรู้เกิดขึ้น มีนาม-รูป ไล่เรียงยาว ตาม ปฏิจจสมุปบาท (โดยต้องมีขันธ์ 5 เกิดขึ้น อยู่รวมๆในกระบวบการ นั้นด้วยแหละ)


    คงดูไม่มีเหตุผล + เขาคงไม่ยอมรับ แน่แท้

    แต่เห็นบางลัทธิ เขาก็เอา ปฏิจจสมุปบาท มาเป็นบทสวดกันนะ
    ไม่รู้ เขาแยก คำว่า วิญญาณ กับ ใจ(ส่วนนึงใน สฬายตนะ หรือ อายตนะ ภายใน ) ว่ายังไง
     
  17. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ผมอ่านไปถึงบทที่ ๓ ครับ และไม่ได้ติดใจเรื่องนิพพานเป็น sub set ของไกวัลยธรรมอะไร คุณเข้าใจเรื่องศาสนาพุทธไหมครับ ศาสนาพุทธ ศาสนาแห่งพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ศาสนาแห่งการปฏิบัติให้ถึงซึ่งความพ้นทุกข์อย่างแท้จริงได้ ศาสนาที่เข้าถึงความจริงอันประเสริฐ ความจริงมีอยู่ก่อนแล้ว ที่ประเสริฐเพราะพระพุทธองค์ทรงสอนให้เข้าถึงเห็นจริงได้ ใช่ไหมครับ แต่ในส่วนของความจริงจะเป็นของศาสนาใดศาสนาหนึ่งก็คงไม่ใช่ ถูกมั้ยครับ

    ต้องแยกให้ออกครับเรื่องของสัจจะความจริงที่มีอยู่ก่อนแล้ว กับ หลักคำสอนและวิธีการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงความจริงอันนั้น (ใครจะประเสริฐกว่าใคร) ไอ้ตัวหลังนี่ต่างหากถึงจะเป็นเรื่องของแต่ละศาสนาจะว่ากันไปครับ
     
  18. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ผมอ่านที่หลวงพ่อท่านสอน เห็นในลักษณะเป็นนัยแห่งอริยสัจ ๔ ชี้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคแบบเนียนๆ ตลอด อ่านมา 3 ตอนยังเห็นเป็นเช่นนั้นอยู่ครับ ดูเหมือนท่านจะพยายามขยายความให้ใครก็ตามที่ได้ฟังได้อ่าน เข้าใจในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ไปแบบกรายๆ ถึงมากขึ้นๆ ให้เห็นความจริง ส่วนที่เป็นเรื่องของโลกๆ เรื่องวัฏฏะ และส่วนที่เป็นวิวัฏฏะ การหลุดพ้น พ้นทุกข์อย่างแท้จริง นี่ต้องถือว่า เผื่อแผ่ความเข้าใจสู่สากล ชนทุกศาสนาเลยก็ว่าได้นะครับ
     
  19. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ไม่มีอะไรจะแย้งหรอกครับ ถ้าเห็นตรงลงทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ไม่มีอะไรจะแย้งเลย มันมีแค่นั้น อย่างอื่นก็อนุโลมลงนี้หมดครับ
     
  20. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :);)ในโลกของสิ่งมีชีวิต คนหรือมนุษย์นี้ มีแค่2 สิ่งตามแบบ คือ รูป-กับ นาม..
    จิต-มโน-วิญญาณ ในขั้นธ์5 เป็นฝ่ายนาม- มีพระสูตรที่ พจ.ท่านบัญญัติไว้ชัดเจนคือ จิต นั่นเอง-กายคือ รูป แต่.. ใจ
    ใจ..ไม่มีพระสูตรใดบัญญัติ โดดๆออกไปว่า คืออะไร มีแต่ สาวก..ไปคิดขึ้นมาเองแล้วบัญญัติซ้อนลงไปจากศัพย์เดิมคือ จิตนั่นเอง..เพราะสาวก ไม่ได้เรียน พุทธวจน ไม่รู้จักคำว่า สัตตานัง-สัตตา-ใครมีพระสูตรเรื่อง ใจ ยกมาดูกันหน่อยครับ เป็นความรู้..สาธุ (หากอ้าง ต้องไม่ใช่ความหมายเดียวกับจิต-มโน-วิญญาณ- นะครับ)
    :mad::) สัตตา-สัตโต-สัตตานัง คือสิ่งๆหนึ่ง ที่มีตัณหาเป็นเครื่องผูก มีอวิชชาเป็นตัวกั้น จึงเกาะติดครอบงำจิตอยู่ทุกวินาที..เป็นตัวพาจิต ท่องเที่ยว ไปเกิดทุกภพ-ทุกภูมิ-พุทธวจน
     

แชร์หน้านี้

Loading...