ฉบับที่ ๓๕ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

ในห้อง 'กระโถนข้างธรรมาสน์' ตั้งกระทู้โดย paang, 2 มกราคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    [​IMG][​IMG] <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=680 align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=15 height=21></TD><TD align=middle width="100%" background=images/up.gif height=21></TD><TD></TD></TR><TR><TD width=15 background=images/left.gif> </TD><TD width="100%" background=images/glass.gif bgColor=#fefefe><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 width=680 align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมิถุนายน ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ถาม : (มีผู้ถวายตู้พร้อมยารักษาโรค)
    ตอบ: อยากมีอานิสงส์แบบพระพากุละเถระไหม? ท่านบอกว่าตลอดชีวิต แม้แต่สมอที่จะฉันเพื่อรักษาโรคสักชิ้นหนึ่งก็ไม่เคย ท่านเป็นผู้เอตทัคคะ คือเป็นผู้เลิศในทางไม่มีโรคเลยหรือมีโรคน้อย แต่นั้นท่านไม่ได้ถวายยานะ ถ้ายาน่าจะเจ๋งกว่านั้น ของท่านในอดีตท่านเคยสร้างส้วมถวายพระ ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริง ๆ ใช่ไหม อะโรคยา ปะระมา ลาภา พระพากุละเถระ ชื่อพากุละ แปลว่าจากตระกูลสู่ตระกูลวันที่ท่านคลอด พี่เลี้ยงเอาไปล้างตัวที่แม่น้ำ ปลาใหญ่ฮุบตูมเดียวไปเลย

    ถาม: เอามาคืนไหมคะ ?
    ตอบ: เสร็จแล้วกลายเป็นว่าปลาตัวนั้นไปโดนจับได้ที่เมืองหนึ่ง คนใช้เศรษฐีเห็นปลามันตัวใหญ่ อ้วนน่ากินจังเลย ซื้อไปให้เจ้านายดีกว่า พอจะเอาปลามากิน ผ่าท้องออกมา เด็กดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่ในท้อง ไม่น่าจะเป็นไปได้ ระยะเวลาจากเมืองหนึ่งถึงเมืองหนึ่ง กว่าจะขายนี้หลายวันนา

    แต่ว่าเรื่องของบุญรักษาก็อยู่ได้ เศรษฐีเมืองนั้นก็บังเอิญไม่มีลูก โห...เห็นเข้า เทวดาประทานมา แก้บนกันยกใหญ่ พอข่าวรั่วกลับมาถึงเมืองเดิม ทางด้านนี้ยกพหลพลโยธาไปเอาลูกคืน ก็อ้างเหตุอ้างผลว่า ปลาชนิดนั้นฮุบลูกไป ทางนี้ก็ไม่เชื่อ กูผ่าท้องปลามาได้ก็ต้องเป็นลูกกู ก็ทะเลาะกัน พระราชาท่านก็เลยต้องตัดสิน ผลัดกันเลี้ยงคนละ ๓ เดือน ท่านก็เลยชื่อพากุละ จากตระกูลสู่ตระกูล

    ถาม: ขอความเมตตาหลวงพี่ช่วยไขปัญหา ผมฟังเทปหลวงพ่อเยอะ ได้ยินว่า ท่านแม่ ท่านย่า ผมก็มีความเคารพในท่าน แต่ไม่รู้จักเลย ?
    ตอบ: ที่ท่านเรียกท่านแม่ ท่านย่า จริง ๆ ก็เคยเป็นแม่ เป็นย่ามาจริง ๆ อย่างท่านปู่ ท่านย่า หมายถึง ท่านปู่พระอินทร์ ท่านย่าที่เป็นชายาของพระอินทร์ ท่านปู่ท่านย่าที่เป็นพระอินทร์นี้ ในอดีตสมัยเชียงแสน เคยเป็นพ่อเป็นแม่ของหลวงพ่ออยู่ ท่านปู่คือพระเจ้าพังคราช ท่านย่าก็คือพระนางพังครานี ส่วนท่านแม่เกิดเป็นคู่บารมีหลวงพ่อ เรียกสั้น ๆ ว่า แม่ศรี ส่วนท่านมเหสักข์ ก็พี่ชายพวกเราเองปัจจุบัน ท่านรับตำแหน่งเป็นพระนารายณ์ นอกจากมีอาชีพเป็นพระนารายณ์ให้พวกฮินดูกราบไหว้บูชา ก็อำนวยความสะดวกให้เขาแล้ว ยังรับหน้าที่เฝ้าปากทางเข้า จุฬามณีด้วย

    ถาม: ผมเคยฟังข่าวที่เขาจับโต๊ะพนันบอลแล้วก็ถูกยิง เอาระเบิดมาขว้างที่บ้าน ลูกเมียเสียกำลังใจหมด ฟังแล้วสงสาร ?
    ตอบ: ของอย่างนี้ถ้าไม่มีกำลังใจขนาดท่านฮิตเลอร์ เอาไม่อยู่หรอก อาตมาเองบางทียังคิดบ้า ๆ บอ ๆ อยู่ในใจคนเดียวเลย ถ้าไม่ใช่พระคงสนุกน่าดู ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรระบบมันไม่ดี เราจะทำให้คนรุ่นใหม่เป็นคนดีขึ้นมาก็ไม่อยากจะดีอีก นักเรียนนายร้อยมีเหมือนกัน มีตั้งแต่ขั้นตอนของการโกงข้อสอบ ประเภทซื้อข้อสอบให้คนสอบแทน แต่ว่าสำคัญตรงว่าคุณผ่านข้อเขียนได้หรือเปล่า ถ้าผ่านข้อเขียนได้ และถ้ากลัวว่าเทสต์ร่างกายไม่ผ่านตอนนี้แหละที่สารพัดจะโกงกันเลย

    สมัยที่อาตมาเป็นแค่นักเรีียนนายสิบแค่นี้ยังโกงน้ำหนักตัวกันเลย ซึ่งดูดี ๆ แล้ว ก็เป็นลูกนายทหารดี ๆ นี่เอง สูงประมาณ ๑๕๕ ซม. ถามว่าเอ็งผ่านมาได้ยังไง ? มันบอกว่าถึงเวลาก็เขย่งตัวขึ้นไปหน่อย เขาไม่ว่าหรอก แล้วน้ำหนักตัวล่ะ ? มันบอกว่ากำลูกเหล็กไป ๒ ลูก มันเอาของมันจนได้ เสร็จแล้วก็สมน้ำหน้าเพราะว่าหัวแถวคุณศิลปะชัย บำรุงกิจ เขาเรียกไอ้ยักษ์ สูงจนโหนบาร์ไม่ได้ นึกออกไหมบาร์มาตรฐาน ที่ทหารเขาโหนกัน จับเอาคางเกยแล้วนึกซิว่ามัุนสูงแค่ไหน สูงเกือบ ๒ เมตรเต็ม ๆ ในขณะเดียวกันท้ายแถวที่สูงประมาณ ๑๕๐ ซม. พอถึงเวลาเขาเรียกหน้ากระดานแถวเดี่ยวเปิดระยะ คือต้องเข้าแถวเดียวยาวไปเลยแล้วเอามือยันบ่าอีกคนเอาไว้ คือเปิดระยะแล้วมันจะยาวแค่ไหน แต่ไอ้ลูกทหารวิ่งแทบตายเพราะว่ามันอยู่ท้ายแถว ครูฝึกหันหน้าชี้มือไปด้านไหน มันก็ต้องเล็งไว้แล้วว่าท้ายแถวอยู่ไหน แล้วก็ควบฝุ่นตลบไปเลย
    เพราะว่าเขาจะนับเลยว่ากี่วินาที ถ้าตั้งแถวไม่เสร็จก็จะโดนลงโทษพร้อมกัน ส่วนไอ้ยักษ์หัวแถวแทนที่จะได้ออกกำลังบ้าง...เปล่าหรอก มีหน้าที่อย่างเดียวคือยืนห่างครูฝึกไม่เกิน ๖ ก้าว ตั้งหัวแถวไว้ มันก็สมควรอยู่หรอก

    ตอนนั้นมี นฤทธิ์ คงอยู่. บุญลือ พวงมาลัย. สุรสิทธิ์ ด่านบางภูมิ ๓-๔ คนนี้ลูกทหารทั้งนั้น เฉพาะนฤทธิ์เขาเรียกว่าไอ้จิ้งหรีดคือทั้งเล็กทั้งผอม คิดดูมันกำลูกเหล็กเข้าไป ๒ ลูก น้ำหนักยังจะไม่พอเสียด้วยซ้ำไป

    ถาม: แต่ก่อนผมก็เคยไปสอบ คือข้อเขียนก็ผ่าน เวลาวิ่งเขาได้ที่ ๓ เราได้ที่ ๒ แต่แล้วไป ๆ มา ๆ เราก็ได้สำรอง ?
    ตอบ: มันจะมีของมันอยู่ ถึงเวลาพวกเส้นพวกสายจะเสียบและเบียดเราร่วงไป

    ถาม: .......................................
    ตอบ: ก็มี บอกแล้วเมืองไทยมีทุกรูปแบบ มีเพื่อนร่วมรุ่นอยู่คนหนึ่งเรียนตั้งแต่ประถมมาด้วยกันชื่อสังวาลย์ แย้มสำราญ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นเจษฎาภรณ์ ในชั่วโมงอาวุธศึกษาเขามีปืนประจำตัวของใครของมัน ปรับดีแล้วก็เข้าแนวยิง เจ้าสำราญตะบันไปเรียบร้อยแล้ว ประเภทว่า ๓ ชุด ๙ นัด เป้าว่างชนิดที่เขาเรียกว่าเป้าสะอาดไม่มีติดสักนัดเลย เขาเลยให้ลองยิงอีกก็ไม่มีสักกะนัดหนึ่ง เราดูปืนมันก็ดี ให้คนอื่นยิงมันก็ดี ปรากฏว่ามาสังเกตอีกทีว่าตอเสาที่อยู่เยื้อง ๆ กับเป้าลงต่ำลงไปเยื้องซ้ายไปประมาณสัก ๕๐ ซม. แล้วต่ำลงไปเกือบเมตรครึ่งเสานั้นพรุนทั้งเสาเลย แสดงว่ายิงแม่นมาก แต่ตาเอียงขนาดนั้นแล้วเข้าไปได้ยังไง ผ่านตรวจโรคไปได้ยังไงถ้ามันไม่ยัดเงินน่ะ

    ถาม: ผมสมัยเป็น ร.ด. ได้ที่ ๒ ?
    ตอบ: อันนั้นไม่มีประโยชน์เพราะว่าถ้าหากของนักเรียนเขาจะตรวจรู้ รูที่กระสุนปืนมันจะกลม คมมากเลยขอบมันน่ะ ดินสอขอบมันจะเยิน เห็น ๆ อยู่ ยกเว้นว่าเขาแกล้งทำเป็นไม่รู้

    ถาม: ..................................
    ตอบ: ดูคนรุ่นนี้แล้วกลัวแทนเขา จะเรียกว่าภยตูปัฏฐานญาณ ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะว่าญาณตัวนี้จะพิจารณาว่าโลกนี้เป็นภัยอันน่ากลัวอย่างยิ่ง มันน่ากลัวตรงไหนรู้ไหม ? อันดับแรกอาศัยเครื่องมือเครื่องใช้อะไรต่าง ๆ มากจนเกินไป จนกระทั่งเสื่อมสมรรถภาพไปเลย

    โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ สังเกตว่าเด็กสมัยนี้ลายมือห่วยแตกมาก มันพิมพ์แต่คอมพิวเตอร์มากไปจนกระทั่งลายมือตัวเองไม่ได้ใช้ อันดับที่ ๒ ก็คือข้อมูลต่าง ๆ เขาจะค้นหาจากคอมพิวเตอร์ โดยตัวเองไม่ได้จำ พอถึงเวลาถ้าคอมฯ เจ๊งก็จะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในหัวตัวเองเลย และอันดับต่อไปพวกเครื่องอำนวยความสะดวกของเขาทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่พึ่งพาไฟฟ้า ถ้าไฟฟ้าดับเจ้าพวกนี้ตายก่อน แล้วระบบข้าวของที่เงินผ่อนทุกประเภทมันเอาเงินในอนาคตมาใช้ หลอกล่อให้เราซื้อโดยยื่นเงื่อนไขที่ล่อใจมาก ๆ ถ้าหากว่าคนไม่มีสติสัมปชัญญะโดนแรงโฆษณาโดยการชวนเชื่อจนเกิดความต้องการปลอมขึ้นมา คือว่ารู้สึกว่ามันจำเป็นทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วไม่จำเป็น ก็จะต้องไปดาวน์ไปผ่อนอะไรกัน มันเป็นการเอาเงินในอนาคตมาใช้ ทันทีที่ทำแปลว่าผูกขาเป็นทาสเขาเป็นเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๑ ปี ๓ ปี ๕ ปีข้างหน้า เงินที่หามาได้จะกลายเป็นของคนอื่นเขาไม่ใช่ของตัวเองแล้ว

    ยิ่งบัตรเครดิตยิ่งแย่ใหญ่เลย เพราะว่ามันใช้โดยไม่เห็นตัวเงิน กว่าจะรู้ตัวก็เข้าเนื้อไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ยิ่งปัจจุบันเขายื่นเงื่อนไข ดอกเบี้ย ๐% ใช่ไหม ? แต่ว่าบรรทัดสุดท้ายของสัญญา เขาจะมีว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยได้ตามใจของเขา ไม่ใช่ตามใจเรา เพราะฉะนั้นต่อไปมันขึ้นไป ๆ ก็เสร็จอีก และตัวบัตรเครดิตร้ายที่สุดคือมันเอาเงินของเราให้เรากู้ เราต้องมีเงินสำรองในธนาคารเพียงพอมันถึงออกบัตรเครดิตให้เรา แล้วในหนังสือสัญญาจะบอกเอาไว้เลยว่าทันทีที่ท่านเป็นสมาชิกของเรา ๆ จะสำรองไว้ให้ท่าน
    อย่างสมัยก่อนบัตรทองอเมริกันเอ็กเพรซ์มันตื๊ออาตมาให้เป็นสมาชิก ทันทีที่ท่านเป็นสมาชิกของเรา ๆ จะสำรองเงินไว้ให้ท่าน ๒๐๐,๐๐๐ บาท จะไม่คิดดอกเบึ้ยจนกว่าวันแรกที่ท่านใช้บัตร เรามานั่งดู อ้าว...แล้วเงินของเราก็มีทำไมไม่เอาเงินของเรามาให้เราใช้ล่ะ เลยกลายเป็นว่าเอาเงินของเรามาให้เรากู้ คือเราต้องมีเงินประกันอยู่ถึงจะยอมออกบัตรให้เรา เงินเราก็มีคาบัญชีอยู่แต่ไม่เอาเงินที่คาบัญชีอยู่มาให้เราใช้ แล้วเก็บค่าอำนวยความสะดวกไปเหมือนบัตรเอทีเอ็ม มันไม่ใช่ แต่ว่าเอาเงินตัวนี้มาให้เรากู้ ทันทีที่เรารูดบัตรปุ๊บก็คิดดอกเบี้ยเราเดี๋ยวนั้นเลย เรามีแต่เสียกับเสีย ได้อย่างเดียวคือความสะดวก


    อันนี้ลองมาคิดถึงว่าโลกข้างหน้าที่จะพาให้คนมาเป็นหนี้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไร แล้วก็จะมีแต่การอาศัยเครื่องมือต่าง ๆ อำนวยความสะดวกให้ แล้วลองคิดดูว่าคนเรามันจะเหลืออะไร ? คงหาตัวตนของตัวเองไม่เจอแล้วก็ร้อนรนอยู่กับมัน

    ปัจจุบันนี้เด็ก ๆ สมาธิสั้นมากเลย เพราะติดโทรทัศน์กดปุ่มเปลี่ยนไปเรื่อย โดยใช้รีโมทคอนโทรล เพราะฉะนั้นความทรงจำหรือสมาธิของเขาจะเป็นชิ้น ๆ เหมือนตัวต่อจิ๊กซอว์อะไรอย่างนั้น ไม่สามารถที่จะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ความจำและสมาธิของเขาไม่ได้ปักมั่นอยู่กับเรื่องเดียว

    เพราะฉะนั้น เด็กสมัยนี้สมาธิสั้นมาก คุยเรื่องหนึ่งยังไม่ทันได้ครึ่งมันก็เปลี่ยนไป ๓ เรื่องแล้ว เมื่อมองตรงจุดนี้แล้วเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก คนอื่น ๆ กลัวหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่อาตมาเห็นว่ามันน่ากลัวจริง ๆ ก็เลยคิดว่าภยตูปัฏฐานญาณนี้ เห็นเป็นโทษเป็นภัย เป็นสิ่งที่น่ากลัวน่าจะดูในลักษณะนี้ ลองดูบ้างแ้ล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าอยู่ ๆ เกิดพายุสุริยะขึ้นมาเป็นประเภทพายุแม่เหล็ก ลบข้อมูลเกลี้ยงไปเลย คอมพิวเตอร์ทุกตัวเดี้ยงพร้อมกัน โลกทั้งโลกจะไปรอดไหม ? อาตมาซื้อพิมพ์ดีดไปนั่งดีดป๊อกแป็ก ๆ แล้วท่านกอล์ฟ ก็ว่าอาจารย์จะซื้อคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ขนาดไหนก็มีปัญญาซื้อ ทำไมเอาพิมพ์ดีดเก่างั่กมากเลย พิมพ์ดีดไฟฟ้าก็ไม่เอา เลยบอกว่าแล้วถ้าไฟดับล่ะมึงพิมพ์ได้รึเปล่า แต่กูพิมพ์ได้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าเราขวางโลกหรือเปล่า ? ไฟฟ้าดับคุณทำได้ไหมล่ะ ? คุณมีคอมพิวเตอร์ แล้วพิมพ์ดีดอาตมาพิมพ์ได้ ถึงไม่มีพิมพ์ดีดก็เขียนเอาได้

    การถือมงคลตื่นข่าวเป็นวิสัยของปุถุชน อย่างที่โบราณบอกไว้ว่า ตื่นวัวตื่นควายพอรั้งได้ ตื่นคนรั้งไม่ไหว อันนี้พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่า บุคคลที่เริ่มเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันจะไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือกำลังใจเขาปักมั่นกับพระรัตนตรัยที่เป็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จริง ๆ จะยึดในตัวธรรมะ ยึดในตัวคุณพระรัตนตรัยที่เป็นส่วนของนามธรรม จะไม่ยึดตัวบุคคล ตัวบุคคลท่านก็ให้ความเคารพบูชา กราบไหว้บูชาตามปกติ แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุงท่าน ถึงเวลาท่านบอกว่าพระองค์นั้นดีพระองค์นี้ดีให้ไปหา ไปกราบไปทำบุญไปขอข้อธรรมของท่านมา แต่จริง ๆ ยังยึดหลวงพ่อเป็นหลักแน่นแฟ้นอยู่ในใจของเรา ไม่ได้ไหลตามเขาไป

    การถือมงคลนี้มันก็แย่เหมือนกัน ไม่กี่วันก่อนแห่ไปขอหวยแม่พวงกันซะจนผีนอนหลับหรือเปล่าก็ไม่รู้ นั่นแหละตื่นข่าวคนตายไปตั้งนานแล้ว การตื่นข่าวมีทั้งดีและไม่ดีคือถ้าเข้าไปในสถานที่ดีที่ถูกต้องมันก็เป็นคุณแ่ก่ตัวเขา ถ้าไปในสถานที่ที่เขาหลอกลวงหวังจะเอาประโยชน์จะเอาอะไรจะพลอยเสียไปเลย...ลำบาก

    ถาม: เหมือนคนสมัยนี้คนเขากำลังมีคนรุ่นใหม่ไฟแรงเสาะแสวงหาสิ่งที่จะอยากยึดเหนี่ยวสะเปะสะปะ เขาไม่รู้จะไปทางไหนดี แต่เขาเห็นมีใครบอกอะไรเขาก็รีบไป อยากจะพบอยากจะเจออยากจะยึดอะไรหรือเปล่า ?
    ตอบ: บางทีเหมือนอย่างกับไปดูสมบัติมหาเศรษฐี คนนั้นรวยเท่านั้น คนนี้รวยเท่านี้ มีสมบัติอย่างนั้นมีสมบัติอย่างนี้ ไปชื่นชมกับเขา แต่ถ้าตัวเองไม่ตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อให้ตัวเองมีสมบัตินั้นขึ้นมา ประโยชน์นั้นก็น้อยเต็มที สำคัญอยู่ตรงที่ว่าตัวเองเมื่อไปดูไปรู้ไปเห็นแล้ว ยึดเอาปฏิปทานั้นมาปฏิบัติเพื่อให้ตัวเองมีสมบัติเช่นนั้นบ้างหรือเปล่า ? ไปเฉย ๆ ประโยชน์มันน้อย ไปแค่ไปตื่นเต้นว่าเขารวยจังเลย

    ถาม: ช่วงนี้เห็นว่าที่อินเดียเขาอพยพกัน ?
    ตอบ: ปล่อยมันเหอะ

    ถาม: อันนี้คือหนึ่งในสงครามใหญ่หรือเปล่าคะ ?
    ตอบ: มันมีส่วนด้วยกันทั้งนั้น แรก ๆ จะเป็นจุด แต่พอนาน ๆ ไป ต่างคนต่างมีพวกมันก็เริ่มขยายตัว
    ถาม: ก็คือมอง ๆ แต่อิสราเอล ที่ไหนได้กลายเป็นอินเดีย ?
    ตอบ: ไม่ต้องไปกังวลมากหรอกจ้ะ ยังไง ๆ เขาก็ยื้อกันสุดชีวิตอยู่แล้วแหละ เพราะว่าถ้าพ้นเมษายนปีหน้าไปได้ ภาวะสงครามใหญ่จะไม่มี มันพ้นเกณฑ์ไปแล้ว

    ตอนแรกสงสัยว่าเกณฑ์จะเกิดสงครามใหญ่ตั้ง ๓ ปี ๔ ปีมาแล้ว ทำไมยังไม่เกิดสักที กว่าจะรู้ว่ากุศโลบายก็คือว่า ถ้าสามารถดึงถ่วงจนกระทั่งเลยเวลามันจะไม่เกิดอีก เพิ่งจะมาเข้าใจเอาตอนนี้เอง

    ถาม: แล้วอย่างนี้พุทธทำนายจริง ๆ แล้วเพื่อที่จะ...?
    ตอบ: นี่ก็ฝีมือพระองค์อีกแหละ เพื่อที่จะ่ช่วยกันยื้อให้มันผ่านไป

    ถาม: ที่ผ่านมาก็คือขึ้นอยู่กับการยื้อ ?
    ตอบ: พยายามดึงเกมส์ให้พ้นเวลาไปเหมือนกับให้มันสิ้นอายุรัฐบาล ถึงเวลาสิ้นอายุรัฐบาลนี้ก็จะไม่มีสิทธิ์จะนั่งเสวยสุขอยู่อีก ก็ไปให้พ้นหน้า เราก็หาใหม่ ลักษณะเรื่องของกฏของกรรมก็เหมือนกัน ถ้ามันพ้นวาระ พ้นเวลาก็รอรอบใหม่ เป็นอันว่าตอนนี้ช่วงนี้ก็พ้นไป

    ถาม: มิใช่ว่าต้องเกิดก็ต้องเกิด สามารถจะ...?
    ตอบ: สิ่งที่มาแลกเปลี่ยนถ้ามีน้ำหนักเพียงพอก็ได้จ้ะ

    ถาม: อย่างนี้อาจต้องขึ้นอยู่กับใครอย่างนั้นหรือคะ ?
    ตอบ: ไม่ใช่จ้ะ อยู่ที่พวกเราต้องทำความดีให้มาก ๆ เ อาความดีมาแลก ในเมื่อเอาความดีมาแลกกำลังบุญที่สูงถึงแม้จะทำน้อย แต่กำลังสูงมีค่าเหมือนกับเพชร เอาไปแลกสตางค์ได้เป็นเข่ง
    ถาม: ต้องทำความดี ?
    ตอบ: ปัจจุบันนี้มันไม่ค่อยได้ทำ ไหลตามกระแสบอลไปหมด

    ถาม: มีคนนั่งสมาธิแล้วเห็นเป็นเงาดำ ๆ ?
    ตอบ: พวกนั้นเป็นฝ่ายอกุศล ฝ่ายไม่ดี คือพลังงานที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นดี หรือเป็นชั่วไม่ได้สูญหายไปไหน มันสะสมตัวของมันอยู่ ในเมื่อสะสมตัวพอมากเข้า ๆ ถึงวาระถึงเวลาก็จะแสดงผล ถ้าหากพวกอยู่ต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ มานี่สังเกตได้ชัดเลย ต่างจังหวัดเรื่องรัก โลภ โกรธ หลงยังเบากว่ายังน้อยกว่า พอทรงอารมณ์ดี ๆ มาอยู่กรุงเทพฯ พักเดียวโดนเบียดกลิ้งไม่เป็นท่าเลย

    คือลักษณะอย่างนี้กำลังงานส่วนนี้ก็จะคอยซ้ำเติมบุคคลที่รัก โลภ โกรธ หลง อยู่แล้วให้เป็นยิ่ง ๆ ขึ้นไป ขณะเดียวกันก็จะคอยทำให้พวกที่เขาทรงอารมณ์เอาไว้แล้วดี ๆ แต่ว่ายังไม่มั่นคงพังได้
    คราวนี้คนทั่วไปถ้าอยู่ในศีลในธรรม รักชั่วกลัวบาป มีหิริโอตัปปะ ก็ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าไปเจอพวกระดับผู้นำประเทศให้ผลต่อคนทั้งประเทศหรือคนทั้งโลกได้ ขณะเดียวกันว่าบังเอิญพลังงานส่วนนี้ชักนำให้เขาขาดสติสัมปชัญญะ เกิดก่อสงครามขึ้นมามันจะเป็นเรื่องที่น่ากลัว

    ถาม: ตอนที่เคยฟังตอนเกิดสงครามโลก แม่ชีจันทร์เพ็ญ นกยูง นั่งแล้วเป็นอานุภาพเป็นไปได้ไหมคะ ?
    ตอบ: มีส่วนที่เป็นไปได้ เพราะว่าอย่างที่ท่านบอกไว้ว่าถ้าวาระสงครามจริง ๆ บรรดาผู้ที่มีฤทธิ์ มีอภิญญา ไม่ว่าจะเป็นพระหรือว่าฆราวาส ถึงเวลาต้องเป็นที่พึ่งของคนในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ คือในเขตที่ตัวเองอยู่ อย่างน้อย ๆ ก็เป็นที่พึ่งเขาต้องให้ความปลอดภัย

    ถ้าอย่างพระถ้าโยมไม่ปลอดภัย ใครจะใส่บาตรให้กินล่ะ เลยกลายเป็นว่าถึงเวลาถึงวาระนี่มันจะรู้เองแหละว่าใคร เดี๋ยวเขาก็โผล่มาเอง ได้แต่ภาวนาว่าภายใน ๒ เดือนนี้ให้มันพ้น ๆ ไปเหอะ สายชนวนมันสั้นจังเลย จวนจะระเบิดเต็มที่แล้ว มิถุนายน กรกฎาคม คนมันเยอะไง ก่อสงครามให้มันตายเหลือน้อย ๆ หน่อย

    ถาม: สงครามนี่เป็นกรรมของโลกหรือเป็นกรรมของคน ?
    ตอบ: เป็นเฉพาะตนของใครของมัน แต่ว่าถ้าเป็นกรรมใหญ่ที่ร่วมกันทำมา อย่างเช่นว่า ในอดีตเคยไปตีบ้านตีเมืองใครเขามา ถึงเวลาต้องชดใช้ก็ต้องใช้พร้อม ๆ กัน

    ถาม: อย่างนี้ต้องจ่ายค่าชดเชยกี่ปีในการตีบ้านตีเมืองใครมา ?
    ตอบ: ของเราไม่ได้ไปตีเมืองเขาอย่างเดียว ถึงเวลาก็เลี้ยงดูให้สุขให้สบาย ถึงเวลาเราก็ช่วยเขาบูรณะ๋ซ่อมแซมอะไรขึ้นมา ลำบากหน่อยแล้วก็สบาย

    ถาม: กลัวจะเกิดสงคราม ?
    ตอบ: ไม่ต้องกลัว คิดว่ามันเกิดแน่แต่ถ้าไม่เกิดก็กำไร

    ถาม: คิดว่าประเทศไทยจะโดนเยอะไหมคะ ?
    ตอบ: ไม่ถึงกับทั่วประเทศ (พูดเล่น) ของเรามันสำคัญแค่ภาคใต้ ถ้าคุมภาคใต้ได้จุดอื่นก็ไม่ค่อยมีอะไร

    ถาม: ถ้าการที่เราพยายามที่จะละนิวรณ์ ละกิเลส บางทีมันก็ท้อถอยในเรื่องของแต่ละคนจุดของการที่จะจับกำลังใจไม่ให้ท้อถอยไม่เหมือนกัน ?
    ตอบ: ไม่เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับกุศโลบายส่วนตัวของแต่ละคน เป็นอย่างไร ท้อได้แต่ห้ามถอย ถ้าถอยเมื่อไหร่เราจะแพ้ยาวไปเลย

    เรื่องของกำลังในการต่อสู้กับกิเลสมันเหมือนกับว่ายทวนน้ำ ถึงแม้จะไม่ได้ระยะทางเพิ่มขึ้นให้ย่ำอยู่กับที่ก็ยังดี ถ้าหมดกำลังใจเมื่อไหร่มันไหลยาว ตานี้เอาึืคืนได้ยากมาก เพราะกระแสโลกมันแรงกว่า ถึงเวลาตะเกียกตะกายขึ้นมาอย่างดีก็แค่เดิม แล้วก็หมดแรงปล่อยลอยตามน้ำไปอีก สรุปแล้วขยันมากทำได้แต่งาน แต่ไม่ได้ผลงานเพิ่มขึ้นเลย

    เพราะฉะนั้น มันสำคัญตรงจุดที่ว่าเราทำได้แล้วต้องรักษากำลังใจของเราให้ทรงตัวเอาไว้ พอกำลังใจมันทรงตัว เราทำต่อมันเท่ากับเราก้าวขึ้นหน้าไป

    ปัจจุบันที่เจอร้อยละ ๙๙ ก็คือลุกจากการภาวนาแล้วก็เลิกเลย มันต้องรักษาอารมณ์ที่ได้ในตอนภาวนาให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพื่อความเคยชิน การที่จิตจะละ รัก โลภ โกรธ หลง พอมันชินนาน ๆ เข้า รัก โลภ โกรธ หลง มันหมดกำลังลงเราก็ชนะเหนือมันได้


    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. suthamma

    suthamma ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,440
    ค่าพลัง:
    +36,485
    (good) ขออนุโมทนากับความเพียรของผู้พิมพ์ด้วยครับ (good)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...