ฉบับที่ ๕๖ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

ในห้อง 'กระโถนข้างธรรมาสน์' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 7 กุมภาพันธ์ 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ช่วงแรกของเล่ม "มิงกะละบา เมียนมาร์" สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ถาม: เห็นอยู่บนดินหรือ ?
    ตอบ: ไม่ใช่อยู่กลางอากาศนี่เลย ลักษณะเหมือนกับบินนี่แหละ แต่ว่ามันวิ่งของมันอยู่กลางอากาศ ถ้าเราดูเหมือนกับนกบินหรือว่าแมลงบิน แล้วเป็นเรื่องอัศจรรย์ว่ากลางคืนมืด ๆ แต่ว่าเห็นชัดมากเลย
    ถาม : แล้ววัวธนูที่บางสำนักปลุกเสกให้ศิษย์บูชา...?
    ตอบ: อันนั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าเอาไว้ป้องกันอันตรายอะไรหรือเปล่า ? แต่ถ้าหากเป็นของสมัยก่อนเขาจะมีคาถากำกับ เขาจะใช้ครั่งจากกิ่งพุทราตายพราย คือตายคาต้น แล้วต้องเป็นกิ่งที่ยื่นไปทางตะวันออกเท่านั้น เอามาปั้น กระทั่งวันเวลาที่จะไปเก็บครั่ง ก็ต้องเป็นวันที่ฤกษ์ดี เวลาที่จะมาทำ กำหนดเวลาเช่นเก้าโมงถึงบ่ายสอง พ้นจากนี้แล้วจะไม่มีอานุภาพ เวลาปั้นก็ต้องปั้นไปภาวนาไป แล้วถึงเวลาจะมีคาถากำกับในการใช้ด้วย
    ถ้าหากว่าทำตามวิธีนี้ ก็คือเอาไว้ป้องกันตัว ถึงเวลามีอันตรายอะไรเกิดขึ้นให้เขาเอาไปป้องกันเราได้ แต่ที่ทำ ๆ สมัยหลังนี่ ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าเขาทำเพื่ออะไร เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นการหล่อสำเร็จ ในเมื่อหล่อสำเร็จไม่ได้ทำตามแบบโบราณเราก็เลยไม่เข้าใจ วัวธนูมีหลายแบบ แบบที่ว่าเป็นตำราของหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง ที่นครปฐม ไอ้เรามันเด็กนครปฐม มันจะต้องประเภทเข้าใจ ใช่มั้ย? (หัวเราะ) ถัดมาที่ไม่มีเวลาฉุกเฉินเลย เขาจะใช้ไม่ไผ่ที่ล้มขวางทางเดิน จะต้องกลั้นใจฟันทีเดียวให้ขาด แล้วเอาส่วนปลายมาจักตอกสาน สานเป็นวัว ก็เป็นการทำหยาบ ๆ แบบเร่งรีบ อย่างน้อย ๆ ต้องทำให้เสร็จก่อนค่ำ
    เพราะว่าถ้าหากค่ำแล้ว อันตรายจากไสยศาสตร์มันจะทวีกำลังของมันเพิ่มขึ้น เพราะมันอาศัยความมืดช่วย วาระเวลามันช่วย แล้วเขาจะมีประเภทที่ทำด้วยสายสิณจน์จูงผี มีประเภทปั้นด้วยขี้ผึ้งปิดหน้าผี พวกอันนี้จะอยู่ไม่ทน แต่ว่าที่ทำด้วยครั่งพุทราตายพราย ตามตำราหลวงพ่อน้อยนี่ เห็นญาติโยมสมัยนี้ยังมีอยู่หลายคนเก่ามากเลย แต่ก็ยังอยู่
    ถาม : ตอนหนูอายุซัก ม.ปลาย ไปที่วัดที่นครปฐม ยังมีให้เช่าอยู่เลยวัวธนู?
    ตอบ: อันนั้นคงรุ่นใหม่ ไม่ใช่เก่าหรอก รุ่นของหลวงพ่อน้อยหายาก เพราะว่าอย่าลืมว่า ต้องเป็นครั่งต้นพุทราเท่านั้น แล้วต้องเป็นกิ่งที่ตายคาต้น และจะต้องหันตะวันออกด้วย ปีหนึ่งจะหาได้สักกิ่งมั้ย ?
    ถาม : ถ้าอย่างนั้นถ้าเกิดเราเช่ามา เอามาเลี้ยง ?
    ตอบ: ว่าไปเถอะตามสบาย แต่ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่เขาเอาไปเข้าพิธีของอาตมาก็เท่ากับว่าเป็นวัตถุมงคลชิ้นหนึ่ง ไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยงเขาหรอก เพียงแต่ว่าถึงเวลาของเราเองมีอะไร จะไปไหนฝากบ้านกับท่านได้ เพราะเท่ากับเทวดาองค์หนึ่งนั่นเอง
    ถาม : เราก็มีพระภูมิอยู่แล้ว ?
    ตอบ: มีอยู่แล้ว แต่อย่างลืมว่าพระภูมิเจ้าที่ท่านเป็นภูมิเทวดา เทวดาที่รักษาวัตถุมงคลเป็นอากาศเทวดา อานุภาพเยอะกว่าเยอะเลย แล้วถ้าอยู่ในลักษณะนั้นก็เหมือนกับว่าท่านมาเพื่อทำหน้าที่อย่างนั้น ไม่ถือว่าเป็นการใช้ท่าน ไม่ถือว่าเป็นการปรามาสลบหลู่ท่าน
    ถาม : แล้วอย่างรับของที่พุทธาภิเษก มีหลายชิ้นอย่างนี้ท่านจะแบ่งเวรกันมาดูแลหรือว่า...?
    ตอบ: คุณก็อาราธนาท่านพร้อม ๆ กันสิ หมดเรื่องไป แหม! เทวดาไม่เหนื่อยอยู่แล้ว (หัวเราะ) ในความเป็นทิพย์เขาก็แค่รออยู่เท่านั้นเอง อะไรจะเกิดขึ้นเขารู้หมดอยู่แล้ว
    ถาม : พวกเครื่องราง ไสยศาสตร์ของขลังที่โบราณว่า ถ้าเผื่อไม่ได้ทำตามตำรา เก็บไว้เฉย ๆ นาน ๆ จะกลายเป็นปอบ พวกนั้นเป็นไปได้อย่างไร ?
    ตอบ: อันนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไปในลักษณะที่ว่า ตามตำราไสยศาสตร์ของเขาจะมีการปลุกเสก มีการปลุก มีการเสก มีการบูชาครู มีการเซ่นสรวง ตามวาระ ตามเวลาของเขา ถ้าหากว่าไม่ทำ บูชาอาจารย์ตามสายของเขาก็จะลงโทษกันมา
    ตัวอย่างชัด ที่เจ้าคุณเผด็จ ทัตตชีโว ทางวัดธรรมกาย ที่ท่านสมัยก่อนบวช ท่านเล่าให้ฟัง ท่านบอกว่าพอได้ธรรมกายก็ตรวจดูว่า บรรดาครูบาอาจารย์สำนักไสยศาสตร์เป็นใคร บอกส่วนใหญ่เป็นพวกเปรต อสุรกายทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้นถ้าหากไม่ไปทำตามรูปแบบของเขา เท่ากับไปฝืนคำสั่งเขา เขาลงโทษบ้างก็คงเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าบรรดาท่านทั้งหลายเหล่านั้น ยังคลุกคลีอยู่กับเรื่องรัก โลภ โกรธ หลง เต็มที่อยู่
    ถาม : แล้วเป็นเปรต อสุรกายอยู่ในอบายภูมิ แล้วจะมีฤทธิ์ มีเดชด้วยหรือ ?
    ตอบ: มันจะมีพวกมหิทธิกาเปรต กับ กาลกัญจิกอสุรกาย พวกนี้ในอดีตจะได้มิจฉาสมาธิมาก่อน อย่างพวกหมอผีใช้สมาธิในทางที่ผิด ตัวเองถึงเวลาตายตกนรกไป พอเศษกรรมมาเกิดเป็นเปรต หรืออสุรกาย ในจำพวกนี้เข้า อานุภาพของสมาธิที่เคยทำได้จะส่งผลให้ว่ามีศักดานุภาพสูงมาก ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเทวดาที่มีอานุภาพน้อย ๆ ยังต้องหลบให้ ส่วนใหญ่แล้วก็คือบรรดาเจ้าป่า เจ้าเขา ใหญ่ ๆ โต ๆ
    ถาม : แล้วมีลูกครึ่งของเปรตด้วยเหรอคะ ?
    ตอบ: เป็นอย่างไร ลูกครึ่ง ? ไม่เคยเจอ หน้าตาเป็นอย่างไร ? เปรตก็คือเปรต จะมีลูกครึ่งอย่างไร ?
    ถาม : สมมุติว่าเปรตมี ๑๒ จำพวก อาจจะหนึ่งกับสองปนกันอย่างนี้
    ตอบ: ยังไม่เคยเจอ ไม่รู้ตำราของใคร
    ถาม : (ถามเรื่องเกี่ยวกับเซน)
    ตอบ: แตกแขนงออกไปจากศาสนาพุทธ เซน ไปจากคำว่า ฌาน หรือธยาน ในภาษาสันสกฤต แต่คราวนี้เขาออกเสียไม่ชัด ก็เลยกลายเป็นเซน แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าหากว่าดูตามลักษณะของเขาแล้ว มันเป็นการรู้แจ้งฉับพลันแบบเดียวกับพระพาหิยะทารุจิริยะ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...