ดอกบัวแห่งแสงพระนิพพาน คือ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วรณ์นิ, 7 มกราคม 2017.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    มาว่าด้วยเรื่องของ โลกุตรธรรม..ธรรมเหนือโลก หรือ ธรรมเหนือมนุษย์ หรือธรรมของภพภูมิอื่นๆที่ไม่ไช่มนุษย์เช่น เทวดาพรหมเทพ ทั้งหลายนั่นเอง หรือจะเรียกอีกอย่างว่า อรูปธรรม...ธรรมที่มองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ด้วยตาหูจมูกลิ้นกาย...แต่จะเห็นหรือสัมผัสได้ด้วยใจ...หรือ ที่เรียกว่า นามธรรม...(ธรรมที่เห็นหรือสัมผัสได้ด้วยตาหูจมูกลิ้นกายเรียกรูปธรรม เป็นธรรมของมนุษย์)...ธรรมของมนุษย์เอาไว้ให้มนุษย์พูดคุยกัน สื่อสารกัน แสดงต่อกัน....ส่วนธรรมเหนือมนุษย์หรือธรรมของอรูปธรรมที่ต้องสัมผัสด้วยใจนั้น ก็ต้องเอาไว้คุยกันสำหรับพวกที่ฝึกจิตฝึกใจมาถึงขั้นนี้ได้แล้ว ถึงจะคุยกันรู้เรื่อง...แต่ต้องแยกให้ชัดเจนกว่านี้ก็คือ คนที่ฝึกสติจนเข้าถึงสภาวะอรูป กับคนที่นั่งสมาธิจนเข้าถึงสภาวะอรูป จะไม่เหมือนกัน เพราะคนที่นั่งสมาธิ มันจะคุยกับคนอื่นได้ก็ตอนออกมาจากสมาธิแล้ว...แต่คนที่ฝึกสติปัฏฐานสี่ เมื่อเข้าถึงสภาวะอรูป เขาจะยังคงทำกิจกรรมของมนุษย์ได้ตามปกติ คุยได้เดินได้กินได้ตามปกติ..ดังนั้น คนที่นั่งสมาธิถึงอรูป เวลาออกมาจากสมาธิ จะถือว่า ยังไม่ได้ทรงสภาวะอรูปแต่อย่างใด แปลว่า ไม่มีปัญญาปล่อยวางหรือเข้าใจในรูปธรรมใดใดนั่นเอง เป็นอรูปที่ไม่จริง

    ยกเว้นว่าเขาจะถอนสมาธิมาฝึกดูกายเวทนาจิตใจ จนเข้าถึงอรูปในเวลาปกติได้

    ดังนั้นธรรมเหนือมนุษย์ หรือธรรมของอรูป จึงมีเอาไว้ แก้ ชี้ ทางออก ทางเดิน เส้นทางแห่งการเกิดปัญญา จากสภาวะอรูป เพื่อเข้าใจเรื่องของจิต เจตสิก ขันธ์ และอุปทาน ภพชาติ วงจรสมุปจกิจบาท..โดยตรง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2017
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ดังนั้น โลกุตรธรรม จึงไม่ไช่ธรรมที่แปลกพิศดารอะไรเลย นอกเสียไปจากคนจะแต่งเติมเสริมแต่งเรื่องราวให้ดูลึกลับ น่าสนใจ ด้วยความไม่รู้ ของตน บวกกับอุปทานของอวิชชาที่มีอยู่เท่านั้น..จนกว่าจะชำระอวิชชาได้หมดนั้นแหล่ะ อุปทานทั้งหลายจึงจะหมดไป ดังนั้น ในสภาวะอรูปนี้ ถ้าตราบใดที่ วางกาย วางเวทนากาย วางจิต วางใจ ไม่ได้จริง ในการรับมิอกับสภาวะอรูปนี้ มันจึงจะเป็นสภาวะรบกับอุปทานหลายทางพร้อมกันเช่น กับอุปทานทางกาย ทางเวทนากาย ทางใจ ทางความคิดของใจ ไปพร้อมๆกับอุปทานของจิตอวิชชา อุปทานจากขันธ์...มันเลยยากมากที่จะผ่านด่าน นั่นเพราะยังปล่อบวางทางกายทางเวทนากายใจ ปล่อยวางทางอายตนะทางโลกไม่ได้..การที่จะเข้าสู้ด่านของอรูปธรรม..เปรียบเหมือนเป็นด่านของคนที่ตายแล้ว ปล่อยวางกายใจได้แล้ว ก็เข้าสู่สภาวะอรูป หรือ อุปทานขันธฺล้วนๆ และถือได้ว่า ได้สะสมปัญญาจากการปล่อยวางกายใจทางโลกมาได้แล้ว ถึงจะถือว่า มีอาวุธหรือปัญญาในการ สู้กับด่านอุปทานขันธ์หรือด่านอรูปได้ ต่อไป..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2017
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ดังนั้นการฝึกสติปัฏฐานสี่ ที่ถูกต้อง จึงมีผลมากมายกับการฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดปัญญาในการเข้าถึงความจริงของอริยสัจสี่ คือ
    1.ทุกข์(ตัวทุกข์ในขันธ์)
    2.สมุทัย(เหตุแห่งการเกิดกองขันธ์)
    3.นิโรธ (รู้และเข้าใจผลของการชำระปล่อยวางเหตุแห่งทุกข์เป็นขั้นตอนจากหยาบ ไปหาละเอียดจากรูปธรรมไปหาอรูปธรรม)
    4.มรรค (ทางแห่งความเป็นกลาง ทางแห่งการไม่สร้างทุกข์ ไม่สร้างเหตุแห่งทุกข์ ทางแห่งการพ้นไกลจากสิ่งที่เป็นทุกข์)

    ดังนั้น การฝึกสติปัฏฐานสี่ ที่ถูกต้อง จึงให้ผลจริง ได้ตาม พุทธพจน์ที่ว่า.มีผลใน 7 วัน 7เดือน 7ปี 7ชาติ....
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ส่วนต้นทุนอีกสิ่งหนึ่ง..ที่สำคัญมากมาก ในการ ที่จะมาฝึกปฏิบัติ สติปัฏฐานสี่นั้น..ก็คือ...ตัวของเราเอง...ทำไมมันจึงสำคัญ...เพราะ

    1.คนเราถ้าไม่ป่วยจะไปหาหมอไปโรงพยาบาลทำไม แปลว่า ถ้าคนเราไม่มีทุกข์ทางใจในชีวิต จะหันหน้าไปพึ่งพระธรรม ทำไม
    2.คนเราถ้าอยากพ้นทุกข์จากโลกวัฏะสงสาร พ้นจากทุกข์ของชีวิต จะต้องมีชีวิตผ่านการเป็นชนชาวโลกมาให้หมดก่อน เช่น ผ่านวัยเด็ก ผ่านวัยรุ่น ผ่านวัยเจริญพันธุ์ มีลูกมีครอบครัว สะสมทุกข์ของความเป็นมนุษย์โลกได้ก่อน ค่อยมาหาทางพ้นทุกข์ พ้นขากปัญหาของชีวิต..แปลว่า คนไหนโสด...ถือว่าเขาคนนั้น ไม่ได้พบเจอกับทุกข์ของชนชาวโลกเขาจริงๆ..ถือว่ายังไม่พร้อมที่จะหาทางพ้นทุกข์ เพราะประสบการณ์ของทุกข์ไม่เพียงพอ
    3.ความพร้อมในกรรม ในสัมมาทิฐิในจิตใจ หรือที่เรียกอีกอย่างนึงว่า สะสมบารมีมายังไม่เต็มที่ ไม่พร้อม ขาดเรี่ยวแรงทั้งทางกายและปัญญา หรือเลยวัยอันควร นั่นเอง นี่ก็สำคัญ มันเป็นเหตุปัจจัย ในการมาฝึกปฏิบัติด้วย

    ดังนั้น คนที่เลยวัย หรือไม่พร้อม เมื่อรู้ตัวว่า ชาตินี้ไม่พร้อม ขาดความพร้อม ยึงต้อง รีบเรียนรู้ในการ รู้ถึงเหตุปัจจัย สะสมปัญญารู้ในสัญญาขันธ์ของตนเองไว้ให้มากมาก
    จะได้ไม่เสียเวลาในชาตินี้โดยเปล่าประโยชน์ โดยการหาฟังธรรม ที่ตนเองยังไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่เคยฟัง หาฟังเพื่อสะสมปัญญาความรู้ เอาไว้ในขันธ์...เพื่อความพร้อมก่อนในจิตใจ หรือที่เรียกว่า เป็นพุทธบริษัทคือ ชุมชนของผู้รู้...แห่งศาสดาที่เป็นเจ้าแห่งผู้รู้

    รู้เอาไว้ ดีกว่า ยังไม่รู้.....ปัญญาเปรียบเหมือนแสงสว่างส่องทางแก่ตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2017
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ดังนั้นชาตินี้ เมื่อเกิดมาแล้ว...เราได้พลาดที่จะได้รู้อะไรไป ในฐานะที่ได้พบกับพุทธศาสนา มีพระศาสดาที่เป็นเจ้าแห่งผู้รู้...แล้วแบบนี้ ยิ่งเมื่อเราได้ชื่อว่าเป็นพุทธบริษัทด้วยแล้ว ขีวิตนี้อย่าไห้เสียโอกาสสะสมปัญญาความรู้ ในสิ่งที่ควรจะรู้ เกี่ยวกับชีวิตเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองโดยตรง..อย่าให้เสียเวลาเปล่า..ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนากันเลย
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เราต้องมาเรียนรู้ตัวเราเองเสียก่อน ว่า ตัวเรานี้ได้เคยพลาดพลั้งในกรรมอะไรไปบ้างในชาตินี้ เราต้องมาเรียนรู้ในความถูกต้องที่จะแก้ไขเตรียมตัว สะสมปัญญาให้พร้อมในการที่จะ เป็นพุทธบริษัทจริงๆ ฟังธรรมความจริงความถูกต้อง เพื่อการเริ่มต้นที่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้น..ตั้งแต่เกิด..ฝึกคิด รู้ สร้าง สัมมาทิฐิในจิตใจตนเอง ให้ได้
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    การรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง รู้ในสัมมาทิฐิ ย่อมได้เปรียบในชีวิต กว่าพวกที่รู้ผิด เชื่อผิด คิดผิด เดินผิด มีมิจฉาทิฐิ...
    การรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง ของชีวิต การมีชีวิต การดำเนินชีวิต ตามธรรม ตามธรรม
    ชาติที่ถูกต้อง ย่อมส่งผลให้เรา เดินบนเส้นทางสู่การพ้นทุกข์ได้เร็วขึ้นนั่นเอง..
    ดังนั้น จึงถือว่า สัมมาทิฐิหรือปัญญารู้ในสิ่งที่ถูกต้องคือต้นทุนส่วนตัวโดยแท้จริง
    เรียกอีกอย่างว่า มันคือ บารมีที่ตนสะสมมานั่นเอง..ปัญญาบารมีนั่นเอง

    หวังว่า ท่านผู้อ่านทั้งหลาย คง ตระหนักรู้ในตนเอง ได้เองนะครับว่า ตนเองเคยพลาดพลั้งอะไร ผิดอะไร อยากแก้ไขชีวิตตนเอง ก็ รีบเร่ง ช่วยตนเองนะครับ หาฟังธรรมความจริง ธรรมที่ถูกต้องของชีวิต สะสมรู้ในสิ่งที่ควรรู้ รู้ในสิ่งที่ถูกต้อง นะครับ จะได้ไม่เสียเวลาในชาตินี้ครับ
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    สภาวะการณ์ทุกวันนี้ จะเห็นได้ว่า ชนชาวโลกล้วนเข้าถึง ความเท่าเทียมกัน..คนจนคนรวยมีสิทธิ์จับจ่ายใช้สอย ไปที่ต่างๆ เหมือนกัน มันแสดงถึง มัชฌิมโลกหรือชมพูทวีป โลกไร้พรมแดน อเมริกามีอะไร ไทยมีอันนั้น ชนชาวโลกต่าง เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทั่วโลก..มันแสดงถึง การรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทางด้าน ความคิด ความเห็น ความเชื่อ มุมมอง วัฒนธรรม ชีวิต...จะรวยจะจน ก็ร้อนเหมือนกัน นั่งรถแอร์ ห้องแอร์ได้เหมือนกัน..ความไม่แตกต่าง หรือ ความเป็นเรื่องปกติธรรมดา ของชีวิต เริ่มคิดเหมือนกัน รู้สึกเหมือนกัน..นั่นเพราะ ได้รับข่าวสารข้อมูลที่ รวดเร็วเหมือนกัน

    ดังนั้น..ยุคนี้ จึงเป็นยุคที่ถือว่า เข้าสู่ความเท่าเทียมทางรูปธรรมหรือทางกายภาพได้ เกือบทั่วถึงกันแล้ว..ที่ยังแตกต่าง ก็ขึ้นอยู่กับ พฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ หรือ กรรมของคนคนนั้น ที่ นำพาให้เขา ได้พบทางที่มืดหรือทางที่สว่าง...ล้วนเพราะกรรมของตนเองทั้งนั้น
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    จากเรื่องที่พูดถึง ความพร้อมของตัวเราเอง ที่จะปฏิบัติธรรม วัยหรืออายุ หรือประสบการณ์ จึงเป็นความแตกต่าง ในเรื่องของปัญญารู้ ว่า รู้อะไรมา รู้ถูก รู้ผิดมาอย่างไร พบเจอกับปัญหาของชีวิตมาอย่างไร...กันบ้าง

    วัยรุ่นที่ไม่เคยมีลูกมีครอบครัว อยู่ในวัยผสมพันธุ์ จะให้มานั่งสมาธิ ฝึกสติระงับ กามมารมณ์ ระงับความคิดเรื่องกาม ได้อย่างไรกัน พระหนุ่ม จะก้าวข่ามอารมณ์กาม อารมณ์ทางเพศได้อย่างไร..แบบนี้ จึงเป็นต้นทุนที่สำคัญในการฝึกสติปัฏฐานสี่ ..

    คนที่ไม่เคยมีความรัก รักสาว รักแฟน รักสามีภรรยา รักลูก..จะเข้าถึง อารมณ์ความรัก ความหึงหวง การเป็นเจ้าของ การหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ในกามภพนี้ ได้อย่าวไร..ถ้าไม่เคยผ่านอารมณ์ แบบนี้มา
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    คนเรา มนุษย์...มีกรรมแตกต่างกัน แต่เมื่ออยากมีความเท่าเทียมกัน อยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากพบ อยากเจอ อะไรๆเหมือนกับคนอื่นๆ แล้ว อะไรจะเกิดขึ้น

    เมื่อพูดถึงความอยาก ในจิตใจของคนทั้งหลาย ที่ยังมีอวิชชาอยู่เต็มหัวใจนั้น มันย่อมไม่มีวันเพียงพอ ไม่มีวันพอ...แต่ทุกชีวิต ล้วนมีกรรมของตนเป็นเสมือนผู้กำหนดชะตากรรม ให้ต้องเกิดมาพบเจอในสิ่งที่แตกต่างกัน..แล้วเมื่อวันหนึ่ง มีคนที่กระเสือกกระสนไล่ตามความอยากของตนเอง เพื่อให้ตนเองใด้ มี ในสิ่งที่อยากมีเหมือนคนอื่นๆ เช่น อยากรวยกันทุกคน อยากมีรถกันทุกคน อยากเป็นเหมือนกันทุกคน...แล้วกรรมที่คอยจำแนกแจกแจงมานั้น จะยังสามารถกำหนดชะตาขีวิต ของคนคนนั้นได้อยู่อีกหรือไม่...เขาฝืนกรรมตนเองหรือไม่ เขาฝืนชะตาตนเองหรือไม่ เขาเบียดเบียนแย่งชิงในชะตากรรมของคนอื่นหรือไม่..เช่นว่า คนนี้เขาทำบุญมาดี เขาต้องเกิดมารวย เกิดมาสบาย อีกคนทำกรรมชั่วมาเยอะ ต้องเกิดมาจน ลำบากยากเข็ญ เพื่อตามกรรมที่เขาเคยทำมา พอเกิดมาจนแล้วอยากรวย อยากสบายเหมือนคนที่เขารวย แล้วพยายามทำทุกอย่างตามความอยากของตนเพื่อที่จะรวย เพื่อที่จะสบาย ...โดยจะโกงก็ยอมทำ จะปล้นฆ่าหลอกลวงก็ยอมทำ จะเบียดเบียนคนอื่นก็ยอมทำ จะแย่งชิงคนอื่นก็ยอมทำ คนอื่นจะเดือดร้อนก็ยอมทำ...ทั้งที่กรรมกำหนดให้เขาต้องเกิดมาจน กำหนดให้คนเกิดมาแตกต่างทางบทบาทและ ชนชั้นวรรณะ..เพื่อความมีความหลากหลายทางธรรมชาติ แต่ คนกลับไม่อยากจน อยากรวยเหมือนกัน อยากสบายเหมือนกัน อยากได้ อยากมีเหมือนกัน..โดย กระทำตนไร้ศีลธรรม ไร้กฏระเบียบประเพณี ไร้กฏหมายบ้านเมือง ไร้มนุษยธรรม เพียงเหตุผลเพื่อตนเอง อ้างว่าเพื่อความเท่าเทียมกับคนอื่น

    ถ้ารวยเหมือนกัน...คนไม่รวยมันผิดตรงไหน
    ถ้าสุขสบายเหมือนกัน...คนที่ทำงานมันไม่ถูกตรงไหน
    ถ้าอยากได้อยากมีเหมือนกัน...คนที่ไม่มี มันแตกต่างตรงไหน
    ถ้าไม่มีกฏระเบียบเหมือนกัน...ความสงบสุขจะมีจริงหรือ
    ถ้าเป็นคนรวยเหมือนกัน..คนที่จะทำงานหนัก ใครจะมาทำ

    ทุกวันนี้ ในจิตใจคน มันเหมือนจะ ไม่ได้มีความสนใจในความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง แต่ ล้วนทำเพื่อให้ตนเองอยู่รอด ..หรือเพื่อให้ตนเอง มี เป็น ได้ เหมือนคนอื่นกันแน่...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เมื่อคนเต็มโลก
    เมื่อทรัพยากรไม่พอกัน
    เมื่อธรรมชาติถูกทำลาย
    เมื่ออาหารอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอ
    แต่ความอยากได้อยากมี เหมือนๆกันมีเต็มในจิตใจของทุกคน
    แล้ว สิ่งที่จะมาตอบสนองต่อความอยากทั้งหลายของทุกคน จะเอามาจากไหน
    เมื่อศีลธรรม กฏระเบียบ กฏหมาย ไร้ความหมาย
    เมื่อเอาความอยากเป็นใหญ่ เมื่ออ้างความเท่าเทียมว่าเป็นสิทธิเสรีภาพที่ถูกต้อง
    เมื่อทุกคนอ้างว่า ต้องเหมือนกัน...ธรรมชาติที่แตกต่างก็จะหายไป แล้วหายนะก็จะเข้ามาแทนที่....เพราะคำอ้างที่ว่าสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน...ต้องได้เหมือนกัน ต่องมีเหมือนกัน ต้องเป็นเหมือนกัน...

    แบบนี้แสดงว่า กรรมที่ส่งผล กรรมที่จำแนกแจกแจง กรรมที่ควรได้รับ..ก็เหมือนถูกความอยากในจิตใจคนที่ไร้มนุษยธรรม มันพากันทำลายกฏของธรรมชาติ

    มนุษย์พากัน ฝืนธรรมชาติมามากแล้ว...มนุษย์พากันเข้าก้าวก่ายเรื่องของธรรมชาติมามากแล้ว มนุษย์พากันทำลายความเป็นธรรมชาติมามากแล้ว...มนุษย์ฝืนชะตากรรมของตนเองมามากแล้ว....ถึงคราว...หยุด ได้หรือไม่
    จะพากันหยุดการฝืนชะตากรรมตามธรรมชาติ เมื่อไหร่

    ใครจะให้คำตอบ...
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    มนุษย์...มี สองเพศ...เพศหญิง และ เพศชาย
    เพศ ..สามารบ่งบอก บทบาทและหน้าที่ ของการที่ได้เกิดมา เป็นเพศนั้นๆ
    ส่วนเพศอื่นๆ เพศที่สาม เพศที่สี่ ห้า หก..แล้วแต่จะเรียกชื่อ..แต่เกิดมาแล้ว แทนที่จะรู้เพศของตน ว่าตนเป็นเพศแบบไหน กลับมาเรียกร้องขอความเท่าเทียมทางด้านเรื่องเพศ หญิงกับหญิง ชายกับชาย ทั้งมีลูกด้วยกันไม่ได้ แต่ยังเรียกร้อง อยากได้รับความเท่าเทียม อยากแต่งงาน อยากมีลูก อยากได้การยอมรับ....ฝืนชะตากรรม ตนเองไปเพื่อสิ่งใด

    เพศหญิง....เปรียบเป็นเพศที่สวยงาม อ่อนหวาน งดงาม ต้องดูแลรักษา..แต่อยาก แข็งแกร่ง เหมือนเพศชาย อยากทำหน้าที่ ที่เพศชายเขาทำกัน..ฝืนชะตากรรมตนเอง ทำไปเพื่อสิ่งใด เมื่อ..ธรรมชาติ ให้เกิดมาทำหน้าที่ ตามบทบาท ตามเพศ แต่ไม่ยอมทำตามกฏของธรรมชาติ ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ที่ไม่สมบทบาท ไม่ถูกต้อง ดังนั้น ครอบครัว ที่เป็นพี้นฐานของความสุขสงบในชีวิต จึงผิดธรรมชาติไป..พ่อแม่ไปทาง พ่อไปทำงาน แม่ไปทำงาน ลูกไปทาง ครอบครัวไม่เป็นครอบครัว....แล้วชีวิตจิตใจของคน ที่เกิดมา ...จะเอาสิ่งใดเป็นต้นทุน ความสงบสุขของชีวิตกันล่ะ พลังแรงกายแรงใจของการมีชีวิต...จะมีจากไหนและเพื่ออะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    การใช้ชีวิตที่ผิดธรรมชาติ มากมาย ที่มันเริ่มต้นไม่ถูกต้องตั้งแต่ สถาบันของครอบครัว..อันเป็นความสงบสุขของชีวิต ยังไม่มี แล้วชีวิตนี้ จะมีความสงบสุขที่ถูกต้องของชีวิตตามธรรมชาติ จะเป็นไปได้อย่างไร

    ซึ่งถ้าจะพูดถึงการฝืนชะตาชีวิต ไม่ยอมเป็นไปตามธรรมชาติ..ว่าแย่ ว่าไม่ถูกต้องแล้ว
    แต่การเข้าไปแทรกแซง เปลี่ยนแปลง ฝืนธรรมชาติ ในหลายด้าน ยิ่งหนักกว่า ..เมื่อธรรมชาติมันส่งผลมาถึง ...ทำลาย ทำลาย และทำลาย ...ทำลายหลายสิ่งหลายอย่างตามธรรมชาติ เพื่อที่จะทำอะไรสักอย่างนึง..แต่อ้างว่า นี่คือการพัฒนาด้านวัตถุ...ทำลายวัตถุดิบทางธรรมชาติหลายอย่าง เพื่อมาผลิตวัตถุดิบที่เป็นขยะต่อธรรมชาติ หรือผลิตเป็นวัตถุที่เอามาทำลายธรรมชาติอีกต่อหนึ่ง

    จะเห็นว่า การทำลายแหล่ง...ต่างๆของธรรมชาติ ที่ควรจะมี ก็ไม่มีอีกแล้ว สิ่งสวยงามตามธรรมชาติไม่มีอีกแล้ว ...ระบบเสียหมด จนไม่เหลือระบบอะไร..ในธรรมชาติให้ชีวิตได้พึ่งพาอาศัย...

    แล้วทุกวันนี้ ความสงบสุขของชีวิต....มันยังมีเหลืออยู่อีกหรือ..ในความมีชีวิต...ที่ไร้ความหมาย...ไร้จุดหมายปลายทาง ไร้เป้าหมาย เหมือนชีวิตที่ไร้ทางเดิน...ไม่มีคุณค่าใดใดเหลืออยู่อีกเลย ในชีวิต ชีวิตจากที่เคยอยู่กับธรรมชาติ..กลับกลายเป็นชีวิตที่อยู่กับ ของปลอม ของไม่มีชีวิต ..ของหลอกลวงตนเอง..ของหลอกลวงกันและกัน..โลกหุ่นยนต์ โลกเครื่องจักร..โลกแห่งเกมส์ โลกแห่งจินตนาการ..โลกเสมือนจริง...แต่ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมชาติของจริง

    น่า..สมเพช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ใครที่อ้าง เสรีภาพ สิทธิเท่าเทียมกัน โดยไม่เข้าใจตนเอง ไม่รู้ตนเอง ไม่สนใจบทบาทหน้าที่ เพศ สถานะภาพ วัย ปัญญา ของตนเอง เป็นผู้ที่ทำลายธรรมชาติโดยตรง

    เรื่องนี้ ถ้าไม่มีการแก้ไข โดยต้องเริ่มแก้ไข ที่ ครอบครัวก่อน..ถ้าไม่แก้ไข มันคือ หายนะ อันจะนำมาซึ่ง...การไร้คุณค่าของชีวิตไปเลยทันที..เป็นเสมือนเป็นการทำลาย ทุกระบบในธรรมชาติ...มันจะกลายเป็นจุดจบที่.ไม่มีคุณค่าใดใดเหลืออยู่เลย...เกิดมา ก็ จะเป็นได้แค่ ได้เหมือน สัตว์เดรัจฉานเข้าไปทุกวัน..ไร้กฏเกณฑ์ ไร้ระเบียบ ไร้ประเพณี ไร้วัฒนธรรม ไร้ศีลธรรม ไร้กฏหมาย ไร้จุดหมายของชีวิต

    ไร้ค่า ไร้ราคา คนจะกลายมาเป็นแค่...สัตว์ตัวนึง...เพราะ เป็นเพราะ ขาดการมองเห็นคุณค่าในตัวเองและของคนอื่น...ลืมคุณค่าในตนเองและของคนอื่น

    เห็น เงิน สิ่งของ อาหาร การเอาตัวรอด ของตนเอง เป็นเรื่องใหญ่..เรื่องเดียว เรื่องอื่นๆจะหมดความสำคัญไปหมด...ก็แค่ หากินไปวันวัน..เหมือน..มด
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ลองถามคนในปัจจุบันดูสิ ว่า....ครอบครัว คืออะไร..เขาจะพากันตอบยังไง
    หรือลองถามตนเองดูว่า...ครอบครัวสำหรับคุณแล้ว คืออะไร
    บางคนอยู่เป็นโสด อ้างว่าการมีครอบครัวคือภาระและปัญหา(มันมองไม่เห็นแม้ความสุขของครอบครัว แล้วมันจะมีชีวิตอยู่ร่วมกับสังคมคนอื่นๆให้มีความสุขได้อย่างไร..จริงมั้ย)

    คนโสด..ลองถามตนเองดูว่า ครอบครัวคืออะไร
    พวกทอม ดี้ เกย์ รักร่วมเพศ ลองถามพวกเขาดูว่า ครอบครัวสำหรับพวกเขา คืออะไร

    ชีวิต ที่เกิดมาแล้ว..ใช้ชีวิตไม่ถูกต้องตามบทบาทหน้าที่.....นั่นคือความผิดพลาดของชีวิต ความไม่สมบูรณ์ของชีวิต ความไม่ถูกต้องของชีวิต..ถ้ายังปล่อยปะละเลยแถมยัง สนับสนุนส่งเสริมกันไปในทางที่ไม่ถูกต้อง...ความผิดธรรมชาติทั้งหลายนี่แหล่ะ คือหายนะของชีวิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ดังนั้น..ชีวิตที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ เมื่อจะมาปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์หรือเพื่อพ้นจากธรรมชาติที่เรียกว่า วัฏะสงสาร แล้ว...ก็เหมือนมีต้นทุนที่ผิดตั้งแต่เริ่มต้น
    เพราะต้นทุนชีวิตที่ถูกต้อง จะต้องมีความผิดพลาดที่น้อยมากมาก พอที่จะแก้ไข ได้ ถ้าแก้ไขไม่ได้ในชาตินี้ ก็ต้องมาเรียนรู้ รับฟัง สะสมปัญญา ในสิ่งที่ถูกต้องให้ได้เสียก่อน..อันนี้ สำคัญมาก...เพราะ ถ้าพระสัทธรรมเปรียบคือความจริง ความบริสุทธิ์ ความถูกต้อง...คนที่จะเข้าถึงพระสัทธรรมได้ จึงต้องเป็นคนที่ยอมรับความจริง มีความบริสุทธิ์ ยอมรับความถูกต้อง...จึงจะเข้าถึงกันได้...ตามเหตุและผล ตามธรรมชาติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    พระพุทธเจ้า ท่านได้แสดงธรรม..มนุษยธรรม เอาไว้มากมาย เช่น
    ธรรมของฆราวาส ธรรมของคฤหัสถ์ ธรรมของสามีภรรยา ธรรมของบุตร ธรรมของผู้นำ ธรรมของผู้ตาม ธรรมของหัวหน้า ธรรมของลูกน้อง ธรรมของประชาชน ธรรมของข้าราชการ ธรรมของหนุ่มสาว..ธรรมของพระมหากษัตริย์ ธรรมของนักบวช

    ทุกอย่าง ที่ว่าเป็นธรรม ก็หมายถึง ธรรมชาติที่ควรจะเป็นไปตามบทบาทหน่าที่นั้นๆ
    เพื่ออะไร ก็เพื่อความสงบสุข ของขีวิต ของครอบครัว ของสังคมประเทศชาติ และทั้งโลก
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ถึงเวลาหรือยังที่ทุกคน ทุกฝ่าย จะหันหน้ามาให้ความร่วมมือ ร่วมกันแก้ไข ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้มันกลับมาเป็นธรรมชาติที่ถูกต้อง ตาม มรรคแปด....
    เพื่อชีวิตลูกหลาน เพื่อมนุษยชาติ จะได้เดินตามธรรมชาติที่ถูกต้องกันเสียที
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เมื่อคนเราเริ่มเห็นแก่ตัว เพราะ ความอยาก
    เมื่อเราส่วนมากเห็นแก่ตัวมากขึ้น เพราะเอาตัวรอด
    เมื่อคนเราต่างก็เป็นคนเห็นแก่ตัวเพราะ อ้างสิทธิเสรีภาพความเท่าเทียมกัน แต่ไม่ดูตนเอง ไม่เข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของตนเอง ไม่ดูเพศของตนเอง
    เมื่อคนเราต่างเห็นแก่ตัวกันทุกคน เมื่อ ไร้ศีลธรรม ไร้กฏหมาย ไร้คุณค่าในชีวิต....หายนะแห่งมนุษยชาติ จึง...เป็นสิ่งที่ น่าอับอาย..ต่อสัตว์อื่นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ที่ผมกล่าวมา ไม่ได้มีอะไรที่พูดเกินเลยในเหตุในผล ในความจริงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่เลย เพราะชะตาชีวิตของมนุษยชาติ ในขณะนี้...มันไกล้ถึงที่สุดเข้าไปทุกด้านแล้ว ตั้งแต่...
    1.ธรรมชาติที่เปลี่ยนไป ธรรมชาติที่ขาดหายไป ธรรมชาติที่ผิดธรรมชาต
    2.ธรรมชาติเริ่มส่งผลร้าย ต่อชีวิต ทั้งทางด้าน ดิน น้ำ ลม ไฟ พลังงาน อาหาร ที่อยู่ ความร้อน
    3.ศีลธรรม สามัญสำนึก ความรับผิดชอบ บทบาทหน้าที่ของ คนเราเริ่ม เพี้ยน ผิดธรรมชาติ ความคิดความเชื่อที่ เห็นแก่ตัวกันมากขึ้น ทุกวัน

    จะแก้ไขกันได้มั้ย จะแก้ไขกันได้ทันมั้ย จะเริ่มลงแก้ไขกันเมื่อไหร่
    จะพากันปล่อยเลยตามเลย ไปอีกนานแค่ไหน..

    รีบพากันรักษา..โรคร้ายแห่งหายนะนี่ กันเถิด...
     

แชร์หน้านี้

Loading...