ดอกบัวแห่งแสงพระนิพพาน คือ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วรณ์นิ, 7 มกราคม 2017.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เมื่อพูดถึง มรรคาวิถีชีวิตอันเป็น สัมมา ทั้งแปดข้อแล้ว
    มีหลายคนที่พากันทองจำ อ่านรู้ เข้าใจในความหมาย ของมันดี ว่า มันหมายถึงอะไรอย่างไร แต่จะเข้าถึงได้ สักกี่คนนั้น จะเอาสิ่งใดมาเป็นเกณฑ์วัดนั้น ยิ่ง ตอบโดยเอาสมมุติทางโลก มาตอบยิ่ง แทบจะหาความเป็นกลางไม่ได้เลย ตราบใดที่ทุกคนเอาความคิดจิตใจตน เป็นบรรทัดฐานว่าตนเองถูกต้องเป็นกลาง
    แต่จะเอาธรรมชาติ มาวัดเอามาเป็นบรรทัดฐานในความเป็นกลาง ก็ไม่ได้อีกเพราะ คนเราที่จิตใจไม่เป็นกลาง มีอวิชชา ก็ไม่สามารถเข้าใจในธรรมชาติได้และไม่ยอมรับว่าธรรมชาตินั้นเป็นกลาง ไม่ยอมรับว่าตนเองผิด...

    ดังนั้นการที่จะนำพาชีวิต ให้คนคนนึง เข้าถึงธรรมชาติ และสามารถยอมรับในความเป็นจริง เป็นกลาง ความถูกต้องตามธรรมชาตินั้น จึงเป็นเรื่องที่ ไม่ง่ายเลย..
    ดังนั้นการ ฝึกอบรมศีลธรรมในจิตใจของคนเราจึง เป็นความจำเป็นและสำคัญมากในการ ปรับ ชำระ สะสาง ความเห็นผิด ทั้งหลาย ออกทิ้งไป ..เพื่อที่ทุกคน จะเป็นคนมีเหตุมีผล มีศีลธรรม ยอมรับ ในความเป็นจริงเป็นกลางของธรรมชาติ เพื่อ ที่ชีวิตจะได้ไม่ต้อง เดินผิดไปจากธรรมชาติ ออกทะเลไปเรื่อยๆ...เหมือน คนที่ลอยคอ ท่ามกลาง ความเวิ้งว้างแห่งทะเลจิตใจ....ที่ ล่องลอยหาหลักไม่เจอ

    ธรรมชาติคือหลัก แห่งการมีชีวิต...
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    หลักของ พุทธศาสนา ง่ายๆ ก็คือ....พุทธะเป็นผู้รู้ผู้เข้าใจ......ไม่ไข่ผู้มี ผู้เป็น ผู้ทำได้ แต่อย่างใด....รู้และเข้าใจในอะไร..ก็คือ รู้และเข้าใจในความจริงของชีวิต ที่ทุกคนต่างก็มีเหมือนกัน...เพื่อความเข้าใจตนเองเข้าใจคนอื่นเข้าใจชีวิตที่ เหมือนกัน จะได้ ไม่มีการเรียกร้องหา สิทธิเสรีภาพอันเป็นภาพลวงตาลวงใจ ของตนเองอีกต่อไป

    มันก็จะไม่มีความ แตกต่างกันในจิตใจ มันก็จะไม่มีการแบ่งแยกกันในจิตใจ เพราะต่างรู้และเข้าใจในชีวิต..อันเป็น ความจริงแห่งชีวิต อันเดียวกัน ความรัก เมตตา กรุณาต่อกัน จึงจะบังเกิด ในจิตใจ โดยเป็นไปตามธรรมชาติ โดยไม่ต้อง ให้ใครมาบอกมาเตือนกันและกันอีกเลย เพราะต่างรู้และเข้าใจ ในบทบาทหน้าที่ของตนเองและของคนอื่นตามธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ได้ เรียกว่า มันคือ ความสวยงามแห่งชีวิตนั่นเอง หรือ ความศิวิไลในชีวิตนั่นเอง ธรรมชาติที่งดงามของชีวิต
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ธรรมชาติที่งดงาม ของต้นไม้ในป่าใหญ่....มันอยู่ด้วยกัน ในป่าเดียวกัน ไม่เคยทุกข์ร้อน ใดใด...ไม่มีความคิดที่แตกต่างกัน

    ว่ากันมาว่า เมื่อไหร่คนเรา จะไม่ต้องพูดจากันมากมาย ให้วุ่นวายด้วยเหตุผลมากมาย ทำไมคนเราไม่มองตาแล้วรู้ใจ หรือ..แค่คิดหรือรับรู้ด้วยใจก็สา ารถสื่อใจถึงใจกัน รับรู้ความคิดของการและกันได้....บางคนก็ฝันถึงเรื่องแบบนี้ แต่บางคนก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้ เพราะกลัวว่า คนอื่นจะมารู้ทุกความลับในใจตน..ซะงั้น

    การรู้ถึงจิตใจกัน ถ้าทุกคนมีศีลธรรมในใจจริงๆ ก็จะรู้ตนเองว่า สิ่งใดควรทำ ควรรู้ ควรคิด จะรู้ควรอันเป็นสัมมา ที่ถูกต้องที่เหมาะสมตามธรรม(กาละและเทศะ...เวลาและสถานที่) ดังนั้น การรู้ถึงขิตใจกันได้ จึงเป็นสังคมแห่งอารยะชนที่จิตใจเจริญด้วยศีลธรรมอันงดงามแล้ว นั่นเอง มันจึง เป็น อารยะสังคมที่ไร้ซึ่งคนจิตใจบาปชั่ว นั่นเอง

    ดังนั้น อารยะสังคมแบบนี้ ถ้ามันมีจริง มันย่อม กำจัดคนบาปคนชั่วไปก่อนหน้านั้นแล้ว ล่ะ
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ที่พูดถึง อารยะสังคม มานี้ ก็ เพื่อ แจกแจงให้รู้เอาไว้ว่า...ถ้าจะมีอารยะสังคมนี้เกิดมาจริงบนโลก คนบาปชั่วทั้งหลาย จะต้องถูกชำระ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดสิ้นไป...เหมือนกับ การ ก้าวไปสู่สังคมแห่งยุคพระศรีอาริย์...มันก็ย่อม ต้องเป็นไปเช่นนี้

    คนบาปคนชั่ว ก็ย่อมถูก เก็บออกไปจากโลกมนุษย์..เอาไปเก็บไว้ เป็น ไปตามกรรมต่อไป เมื่อ เวลาแห่งการชดใช้บาปกรรมมาถึงอีกรอบนึงของการเกิดมาที่ไม่ได้พบพระพุทธเจ้า ในกาลต่อไป..
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เมื่อคืน..ฝันว่าได้เดินไปแถวๆทุ่งนา แถวๆชายป่า เหมือนแบบนี้แหล่ะ เดินไป ไปพบหมู่พระสงฆ์จำนวนนึง นั่งกันอยู่ ...ในนั้น มีพระรูปนึง คล้ายพระธัมมไชโย นั่งอยู่ด้วย แล้วพระก็พูดขึ้นมาคล้ายทำนองว่า ตนเองทำผิดตรงไหน อะไรๆ ประมาณนี้แหล่ะ คล้ายๆเชิงตัดพ้อ กับตัวเอง...ผมได้ยิน ผมก็ได้ตอบคำถามและชี้แจง ทันที แล้วก็มีคำถาม ถามมาอีกหลายครั้ง ผมก็ได้ตอบ ชี้แจงกลับไปทุกครั้ง คล้ายๆจะเป็นเรื่อง ของของฉันทั้งนั้น ฉันหามาได้ทั้งนั้น...อะไรประมาณนี้แหล่ะ

    ผมก็ตอบไปชี้แจงไปถึง ภัยของการเป็นเจ้าของ สิ่งของที่จะนำภัยมาสู่พระ ที่ ไม่ควรเป็นเจ้าของทรัพย์ใดใด...ประมาณนี้แหล่ะ ผมเองก็จำไม่ได้หมด
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ความจริงในพระธรรมวินัย ก็บัญญัติเอาไว้แล้ว ว่านอกจาก อัฐบริขารแล้ว ที่จำเป็นที่อนุโลม แม้แต่เงินบาทเดียว ยังเป็นเจ้าของไม่ได้...เมื่อพระสงฆ์ และพุทธบริษัททั้งหลาย ล่วงละเมิด บัญญัติของพระศาสดา ..พระศาสดาก็ได้ บอกเตือนเอาไว้แล้วว่า มันจะเป็นภัยมาสู่ตนเอง ในฐานะที่เราเป็น สมณะสงฆ์....ผู้ประพฤติพรหมจรรย์..
     
  7. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,286
    ค่าพลัง:
    +1,507
    เขียน ๑๑.๓๗

    ขอตัดแปะไปอ้างอิงหน่อยนะท่าน หวงป่ะ ๕๕๕
    http://palungjit.org/posts/10221773


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / แสงแห่งค้างคาว

    .
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ไม่หวงครับ เพราะเจตนาเผยแพร่ พลังงานแห่งพุทธะ อยู่แล้วครับ..ปกติ ผมก็ไม่อยากเอาพลังงานของพุทธะไปยุ่งกับกระทู้อื่นหรอกครับ เพราะมีคนเขาหาว่า โพสของผม ข้อความของผม มีพลังแฝง ไปทำอะไรบางอย่างกับคนอื่นเขา ซึ่ง ผมจะกลายเป็นที่ต้องให้คนอื่นสงสัยและกลัว ตามไปด้วย เดี๋ยวจะหาว่าผมเล่น ไสยศาสตร์ไปอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2017
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    จุดจบ..ไม่มีใน อดีต หรือ อนาคต......แปลว่าจุดจบหรือการจบของเรื่องราว สามารถทำให้มันจบได้ในปัจจุบันที่มีชีวิตเท่านั้น ถ้าหาก ชีวิตในปัจจุบันชอบสร้างแต่เรื่องที่มันค้างคา ค้างใจตนเอง ค้างคาใจคนอื่น ..มันก็จะยังคงค้างคาใจกันอยู่อย่างนั้น แต้ถ้าสามารถทำให้ทุกเรื่องราวจบลงได้ในเวลาปัจจุบัน อันได้แก่ ปัจจุบันชาตินี้ ปัจจุบันปีนี้ ปัจจุบันปีนี้ ปัจจุบันเดือนนี้ ปัจจุบันวันนี้.....จะเห็นว่า ปัจจุบันวันนี้ คือ สิ่งที่ไกล้กับความจริงของจิตใจและกายของเรา เป็นที่สุด เพราะมันเป็นการรับรู้ที่ เป็นปัจจุบันที่สุด ดังนั้น การกระทำ ทุกกรรรมของ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เมื่อกระทำกรรมสิ่งใดลงไป จึงควรจะให้เรื่องราวของมันจบลงในปัจจุบัน เรียก อีกแบบหนึ่งว่า มันสมบูรณ์แล้ว ดีแล้ว ควรแล้ว เหมาะสมแล้ว เป็นกลางแล้ว สวยงามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลางและ เบื้องปลาย...นั่นหมายความว่า..มันมีความสมบูรณ์ครบในกรรมนั้น โดยไม่ได้ไปค้างคาใจต่อใคร เลย....หมดพันธะต่อทุกสิ่ง ไม่กระทบต่อสิ่งใด ทุกสิ่งยังคงเป็นปกติตามธรรมชาติของใครของมัน อยู่อย่างนั้น...แบบนี้เรียกว่า ดีอยู่แล้ว นั่นเอง...

    ดังนั้น ผลแห่ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ ไม่ค้างคาในจิตใจของใคร จึงเป็นกรรมที่เรียกว่า มันดีแล้ว ถูกต้องแล้ว สมบูรณ์แล้ว ผ่านไปแล้ว จบไปแล้ว...จึงเรียกว่ามันเป็นสัมมา ความเป็นธรรมชาติที่ เป็นกลางด้วยตัวของมันเอง...ไม่เข้าใคร ไม่เบียดเบียนใคร ใครก็เอาไปไม่ได้ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เพราะมันคือธรรมชาติที่แท้จริง

    นี่คือ มรรค วิถึ แปดข้อ แห่ง ความพ้นทุกข์ได้อย่าง สิ้นเชิง...เมื่อคนคนนึง คนใด ทำได้เข้าถึง มรรควิถีทั้งแปดข้อนี้ได้แล้ว คนคนนั้น กายใจของคนคนนั้น คือการรวมกรรมทั้งแปดสัมมา ให้รวมกันเป็นหนึ่ง ในความเป็น มนุษย์คนนั้น เรียกว่า มนุษย์พุทธะ หรือ...สัมมาสัมพุทธะ (มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวที่เรียกท่านเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า)...ดังนั้น หลักสูตร หรือ จุดมุ่งหมายของ พุทธะศาสนา จึงเน้นที่ สอนคนให้เข้าถึง ความเป็นมนุษย์พุทธะ หรือ มนุษย์ผู้ประเสริฐนั่นเอง
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ความดีความถูกต้อง ทำได้ในปัจจุบัน เท่านั้น........เห มือนกับ ความหิว จะประทังความหิวให้ดับหายไปด้วยความอิ่มได้ใน เวลาปัจจุบันเท่านั้น จะเอาความอิ่มของอดีตที่ผ่านมา มาดับความหิวในปัจจุบันย่อมไม่ได้ หรือคิดว่าจะเอาความอิ่มในอนาคตกาลข้างหน้าที่หวังไว้คาดไว้ มาดับความหิวในปัจจุบัน ก็ย่อมดับไม่ได้..นั่นเอง

    ดังเดียวกัน ความดีความถูกต้อง ถ้ายังไม่ดีในปัจจุบันนี้ ถ้ายังไม่ถูกต้องได้ในปัจจุบันนี้ ก็ไม่สามารถหวังถึงความดีความถูกต้องจากอดีตที่ผ่านมาหรือจากอนาคตที่ยังไม่มีถึง จะเอามาทำให้ปัจจุบันมันดึหรือถูกต้อง ย่อมทำไม่ได้ ...เพราะความดีและความถูกต้อง มันต้องทำ พยายามทำ ใช้สติปัญญาทำ ยอมรับที่จะทำ ให้มันดีได้ถูกได้ ก็ในปัจจุบันกาล ปัจจุบันของกายใจ นี้เท่านั้น....
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    สิ่งที่จะทำให้ดีได้ สิ่งที่จะทำให้ถูกต้องได้..อันได้แก่ ความคิดและการกระทำ นั่นคือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม..รวมความคือ ชีวิตของเรา..นั่นเอง ที่จะต้อง เข้าถึงสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้อง เป็นจริงตามธรรมชาติ ...ที่ควรจะเป็น..มันจึงเป็น จุดมุ่งหมายเดียวของพุทธศาสนา ...ที่พระพุทธเจ้าท่าน นำมาชี้แนวทางแห่ง ปัญญาที่จะนำพาชีวิตของสัตว์โลก เข้าถึง ความจริงอันเป็นที่สุดแห่งรูปนามหรือที่สุดแห่งชีวิต...เพื่อเข้าถึงความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่ พ้นจากความไม่รู้ทั้งปวงของชีวิตจิตใจของตนเอง จะได้ไม่เป็นผู้หลง ตาม ความไม่จริงทั้งหลายแห่งโลกวัฏะสงสาร...อยู่ต่อไป..
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    สติปัฏฐานสี่....นำไปสู่การเข้าถึง ความจริงแห่งโลกวัฏะสงสาร (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)...ซึ่งก็คือ อริยสัจสี่ ประการ คือ ตัวทุกข์ ตัวต้นเหตุแห่งทุกข์ เข้าถึงผลแห่งการดับทุกข์ และเส้นทางอมตะธรรมแห่งการพ้นทุกข์คือมรรคาวิธีแห่งพุทธะ นั่นเอง

    ด้วยอำนาจแห่ง พระพุทธะเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า..จงดลบันดาลให้ สรรพชีวิต สรรพจิตวิญญาณ สรรพสัตว์ ทั้งหลายที่ปรารถนาถึงซึ่งพระนิพพาน ขอจงให้พวกเขาเหล่านั้น ได้เดินทางที่ถูกเส้นทาง ได้เข้าถึงซึ่งนิพพานในกาลอันรวดเร็วด้วยเถิด..สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2017
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ต้องการถามถึงเวลาที่แท้จริง ของใครล่ะ ของคุณ ของคนอื่น ของชีวิตคุณ ของชีวิตคนอื่น.......ถามตรงนี้หรือเปล่า

    แต่ถ้าถามถึงตัวผม ชีวิตของผม...มันไม่มีเวลาครับ.....เวลาไม่เคยมี ถ้าไม่กำหนดนับขึ้นมา เพราะ เวลา ก็เป็น สมมุติที่ถูกบัญญัติขึ้นมาเรียก เท่านั้น ธรรมชาติ ไม่เคยมีเวลาครับ

    ส่วนคนที่เขายึดมั่น อยากรู้ ว่าเวลาที่แท้จริงคืออะไร ก็คือ เวลาที่คุณยังมีลมหายใจอยู่นั่นเองครับ หมดลมหายใจก็คือ หมดเวลา ...ที่จะทำกรรมในโลกได้แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2017
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    จินตนาการ ความคิด หรือ จะกลายไปเป็น อุปทาน ความเพ้อเจ้อ ไปสู่ความเพี้ยน ของการที่ไม่สามารถยับยั้ง อุปทานในความคิดของตัวเองได้

    มีมานานแล้ว มีมาตลอดกาล ที่ คนทั้งหลายต่างก็ตกอยู่ภายไต้ความกดดัน ของความคิด ความเชื่อความวิตกกังวล ...ถูกความคิดมันบีบคั้น กดดัน ทั้งจากความคิดความเชื่อจากคนอื่นรอบข้าง เช่น พ่อแม่ ญาติ ครูอาจารย์ เพื่อน ทั้งที่เป็นมิตรและไม่เป็นมิตร....ทั้งหมดมันมารวมปน ถกเถียง กันกับความคิด ความเชื่อ ความชอบความไม่ชอบของตนเอง...จนตีกันวุ่นวาย จนหาคำตอบไม่ได้ ว่าจะเลือกทางออกทางไหนดี

    นี่คือ มโนกรรม ที่มีมาช้านาน ในโลกมนุษย์....ซึ่ง ในการตัดสินใจเลือกทางออกของแต่ละคน จึงไม่ค่อยจะเหมือนกัน...เพราะ เหตุแห่ง ว่ามีความคิดความเชื่อ ของแต่ละคน และปัญญาที่มีในแต่ละคน หรือที่รู้ของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน

    ดังนั้น...จึงมีหลายคนที่ พยายามหาทางออกจากความคิดของตน ด้วยวิธีการที่ ด้วยความจำเป็นที่ต้องรีบเลือก เพราะ ไม่สามารถ พูด บอก กล่าว ให้คนอื่น มารับรู้ เรื่องราวในความคิด ความเชื่อในจิตใจของตนให้คนอื่น เข้าใจได้ ทางออกจึง อาจมีทั้ง ..เลือกถูก หรือเลือกผิด...หรือ ทำๆไปซักอย่าง ดีกว่าไม่ทำอะไร...นั่นเพราะ การโดนบีบคั้น จากความคิดของตนเองนั้น ..มันทรมานกว่า แผลทางกาย มากมายนัก

    จึงอาจมีบางคนที่เลือกทางออก ที่ผิด ๆ ในการที่ อยากออกไปให้พ้นจากความคิดที่ตนเองไม่ชอบ หรืออยาก ลบความคิด ความจำ ที่ตนไม่ชอบ..คือ อยากลืม...ไม่อยากมี ไม่อยากจำได้...พราะไม่ชอบอย่างแรง ถึงขั้นเกลียด ขยาด หรือ กลายมาเป็น ความหลอนในจิตใจ ยิ่งน่ากลัวไปใหญ่

    จะเห็นว่า อาจมีคน เพ้อเจ้อ เพี้ยน...ไป เพราะ การไปอ่านตำรา พระธรรมคำสอน โดยที่ ตนเองน้อยในปัญญาที่จะเข้าใจ ในสภาวะ ธรรม ที่ ตัวหนังสือนั้น สื่อออกมา ไม่ได้ เข้าใจไม่ได้...เพราะบางพระสูตร...จะเอาความคิด หรือใช้ความคิดเข้าไปรู้ ในสภาวะธรรมจริงๆนั้นไม่ได้...กรณีแบบนี้...จึงมีผลต่อบางคน ที่พยายาม ใช้สมองและพลังงานชีวิตทั้งหมดมี่มีอยู่ ของตนเอง..พยายามที่จะเข้าใจ เข้าถึง สภาวะธรรมในพระสูตร....จนทำให้...กลายเป็นคน เพ้อเจ้อ เพี้ยน..ไป...ด้วยเพราะปัญญาไม่ถึง ขาดการปฏิบัติ ..นี่จึงเป็น ความไม่รู้ของ คนที่คิดว่าตนเองฉลาด คิดว่าอ่านอะไร แล้ว ตนเองสามารถ ตีความ มโนมานึก ได้...

    จึงจะเห็น ว่า มีหลายคน ที่ เพี้ยนๆ..เพ้อเจ้อ.. เป็นคล้ายๆเป็นโรค จิต..กัน

    ปล.สังเกตกันเอาเองนะครับ...โดยเฉพาะบางคนที่ พูดไม่ค่อยสมบูรณ์ ในประโยค หรือ อวดภาษาบาลีสันสกฤต..เพื่อให้ดูว่าตนเอง รู้มามาก อ่านมามาก จำมามาก...แต่ ให่แปลความหมาย ก็แปลผิดแปลถูก สร้างกรรมไปเรื่อยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2017
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ความเพ้อเจ้อ ความเพี้ยน...เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คือความหลง....ความหลงเรียกให้มันไม่ดูดี เรียกว่า วิปลาส....วิปลาสเรียกให้มันดูซอฟๆ นุ่มนวลขึ้นมาหนอย เรียก..คลาดเคลื่อน พลาดไป..แต่ถ้าจะพูดให้ดูมีความผิดก็เรียกว่า...โกหก

    ดังนั้น..อาการของความหลง...หรือหลงไปเข้าใจผิดจากสิ่งที่ถูกต้อง..มันจึงมีกันทุกคนที่ตราบใดยังมีอวิชชาอยู่ในตน..นั่นเอง

    พระธรรมความจริง....อันที่จริง...พระธรรมเปรียบเหมือนคู่มือที่จะนำเราให้ไปถึงการรู้ความจริง....เปรียบเหมือนพระธรรมคือเรือที่จะนำเราข้ามห้วงแห่งทะเลใจ เพื่อไปให้ถึงฝั่ง...การถึงฝั่งหมายถึงการเข้าถึงความจริงแห่งพระไตรลักษณ์ หรืออริยสัจสี่ นั่นเอง...

    ดังนั้น ถ้าเปรียบพระธรรมคือคู่มือ หรือเครื่องมือ ที่ช่วยเราในการ ควานหาฝั่ง หรือ ค้นพบในความจริงแห่งอริยสัจสี่..มันจึงมีความจำเป็นที่จะต้อง ได้รับรู้ ดู อ่าน ฟัง..ในพระธรรม..หรือ เป็นการเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือ ให้เราถึงฝั่ง หรือพบกับความจริง..อย่างถูกต้องนั่นเอง

    ทีนี้..เรามา ลงที่ แต่ละคนกัน ว่า แต่ละคน..จะเริ่มต้น เพื่อการเข้าถึงความจริงของตนเอง อย่างไรกันบ้าง...จะเชื่อใครดี จะเอาตำราไหนดี จะปฏิบัติกรรมฐานไหนดี...
    บางคนเริ่มด้วยตนเอง ด้นสด งดเชื่อเบื่อถาม
    บางคนเอาตำราหลวงปู่หลวงตาเป็นหลัก อ่านมันทุกเล่ม
    บางคนอาจารย์ไหนชื่อเสียงโด่งดัง จึงจะไปกราบเรียน
    บางคนงมทางเอาเอง บางคนไม่มีแผนที่ เพราะไม่รู้จะเชิ่อใคร

    ดังนั้นโอกาสของ แต่ละคน มันจึงขึ้นอยู่กับ กรรม.ของตนเองจริงๆ
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ปฏิบัติ ปริยัติ ปฏิเวธ

    ปฏิบัติ...คือเรื่องของตนเอง
    ปริยัติ คือเรื่องของ คำสอนของพระศาสดา
    ปฏิเวธ คือเรื่องของผลการปฏิบัติ ตามพระสูตร ที่มีเอาไว้เทียบเคียงกับที่ตนเองปฏิบัติได้

    ...
    ทีนี้ ก็ต้องมาดูที่ตัวเองกันแล้วล่ะ ว่า ตัวเรา เริ่มต้นมาทางไหนก่อน....
    บางคนอ่านคำสอนจากตำราอาจารย์ต่างๆ ที่ อาจคลาดเคลื่อนไปจาก ปริยัติ
    หรือไปอ่านผลการปฏิบัติต่างของ หลวงปู่หลวงตา แต่ก็แตกต่างกันไป..มากมาย เรื่องราว อันไหน ถูกต้องที่สุด...มันก็ย่อมอ่านเพื่อมาเทียบเคียงกับผบที่ตนเองกำลังปฏิบัติ

    ดังนั้น ความเสี่ยง ในการเริ่มต้นที่ จะถูกต้องหรือไม่ จึงเป็นการเอากายใจตนเอง เข้าไปเสี่ยง ดีดีนี่เอง
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ที่พูดถึงเรื่อง การเสี่ยงที่ จะเริ่มต้นถูกทางหรือไม่
    จะกลายเป็นเจอทางตันหรือไม่
    จะกลายเป็นเจอเขาวงกตหรือไม่
    จะกลายเป็นทางโค้งงอ รกชัฏหรือไม่
    จะกลายเป็นภูเขาสูงหรือไม่
    จะกลายเป็นหุบเหวที่มืดมิดหรือไม่
    จะกลายเป็นนรกอเวจีหรือไม่
    จะกลายเป็นสวรรค์ชั้นฟ้ามหาพรหมหรือไม่
    จะกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานไปหรือไม่
    จะกลายเป็นภพภูมิอื่นๆไปหรือไม่
    นี่คือ....ความเสี่ยงที่มีโอกาสได้เจอ

    ดังนั้น.ในห้วงแห่งทะเลจิตทะเลใจ มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ลุ่มลึก...คุณจะเปรียบตนเองได้เป็น ดอกบัวระดับไหน..ไต้โคลนตม เหนือโคลนตม ไต้น้ำปริ่มน้ำ หรือจะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำได้...มันคือการเสี่ยง...ชีวิตเป็นเดิมพัน
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    พุทธศาสนา.....ศรัทธาแห่งศาสตร์ของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    ศาสตร์แห่งชีวิตและจิตวิญญาณของ โลกแห่งวัฏะสงสาร
    ศาสตร์แห่ง พระศาสดาผู้ ประกาศ ความชนะเหนือ โลกแห่งวัฏะสงสาร
    ศาสตรแห่งความจริงแห่งโลกวัฏะสงสาร ที่ อยู่พ้นจากความไม่รู้


    ดังนั้น...ขอให้ทุกท่านทุกคนที่ปรารถนาเข้าถึงความจริงแห่งอริยสัจ ความจริงแห่งพระไตรลักษณ์..ขอให้จงสมปรารถนาด้วยเทอญ...สาธุ
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ท่านใดต้องการคุยเริ่อง การฝึกสติปัฏฐานสี่ ก็คุยกันได้นะครับ

    แต่ไม่รับคุยเรื่อง มโนมายึดนึก ธรรมกลาย กสิณ ตาทิพย์ กายทิพย์ ถอดจิต. แบบนี้ไม่สนันสนุนครับ เพราะมันไม่ไช่ เพื่อการเข้าไปรู้ความจริงของ กาย เวทนา จิต ธรรม พระไตรลักษณ์ อริยสัจสี่....

    เรื่องแผ่เมตตา พอคุยได้ครับ...อิอิ
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    แงวแงว อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...