ดูง่ายๆการทำงานของ วงจรปฏิจจสมุปบาทครับ..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เราโตมาคนละแบบ, 20 มกราคม 2017.

  1. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    เฮ้อ..มือไม่พายมาอีกคนแล้ว เดี๋ยวนอนไม่หลับหรอก แก่แล้วโดนด่านี่ นอนไม่หลับง่ายๆนะครับ เอาความรู้มาโต้ อย่าเอาความรู้สึกตนเอง ที่ไม่มีหลักวิชามาโต้ อายเด็กมันครับ ยอมรับหรือไม่ก็โต้แบบมีหลักการซิครับ ธรรมกระแนะกระแหนเลิกเฮอะแก่แล้วพวกเราครับ..อิอิ
    อจ.คึกฤทธิ์ นี่ ท่านไมไ่ด้วางตัวเป็นอรหันต์สักนิด กริยา ท่าทาง ก็ไม่อวดตน วางตนให้ดูเข้มขลังค์เหมือน หลวงปู่ หลวงตา บางองค์เลย คุณผ่านยังไปมองท่านแบบอคติอีก..ท่านสอนผิดมั่งถูกมั่ง ท่านยังขึ้นโปรเจคเตอร์ ให้ญาติโยมเรียนไปพร้อมกันเลย ทักท้วงได้อีกตลอดเวลาว่าผิดถูก..ผมว่าท่านแฟรืดีนะ คุณผ่านคุณไปหาที่ศึกษา พุทธวจน มาก่อนแล้วค่อยมาออกความเห็นดีกว่า คุณกับพี่จรอยู่ด้วยกันได้ ฝาแฝดทางสมองเลย อิอิ
     
  2. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    คนแก่งอน อีกคนแล้วเห็นไหมผมยังหนุ่มอยู่เลย 60 กว่าๆเอง อิอิเชื่อไหมครับ ที่เปิดกะทู้ใหม่นี่เพราะกะทู้เก่ามันยาวเกิน เลยเปิดใหม่ มีปัญหารึครับ ..เดี๋ยวจับปรับทัศนะคติด่วนเลยนี่ อิอิ พี่ผ่านฯล
     
  3. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    คิดถึง ท่านขันธ์ ท่านเชน ขอสาธุครับ ขอท่านเจริญในธรรม
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็ผมไม่ได้ รู้แบบนี้ นี่..ผมรู้มาว่า จัดการชำระอวิชชาได้แล้ว..จิตที่ไหนจะมาสร้างวงจรได้อีกกันล่ะ...ก็คุณพูดมานี่ ยังชำระอวิชชาไม่ได้ คุณก็สร้างขันธ์ ของคุณต่อไปดิ..ผมสร้างขันธ์ไม่เป็น...คิดสร้างภพสร้างชาติสร้างขันธ์อย่างคุณไม่เป็น...อิอิ..ช่างคิดสร้าง เป็นเนาะ..สอนมั่งดิ สร้างยังไงภพชาติ ขันธ์น่ะ..
     
  5. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    ตอนนี้เกิดมาแล้วใช่ไหม..ชำระได้ไหมอวิชชา ชำระได้แล้วมาเกิดทำไมตอนนี้นะ..วงจรปฏิจจฯลนั้น จะตัดตรงข้อใดก็ตาม ห่วงโซ่ทั้ง12 จะหลุดทันที ก็บอกให้ไปค้นคว้ามาก่อนเล่นมาโต้แบบมวยวัดเดี๋ยวเสียมวย เดี๋ยวเสียมวย..ขอบอก ชอบเก๊กทำเป็นรู้ ทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย เก๊กซิม
     
  6. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    อ้อครับ เป็นเช่นนี้เอง
     
  7. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    สายหลวงปู่ ตัวผมเองฝึกมาขนาดไหน หลายคนที่ได้สนทนากันย่อมพอรู้ใช่ว่าผมไม่มีพื้นฐาน-เนื่องจาก พุทธวจน นี่มีแต่คนด่า ผมเลยเข้าไปศึกษาจนได้เปรียบเทียบผมเห็นด้วยจริงๆว่า พุทธวจน นี่น่าศึกษามาก ผมเหมือนเกิดใหม่เลย เบาสบาย ไม่เครียดในการปฏิบัติ เห็นผลดีหลายๆประการจึงนำมาแลกเปลี่ยนกันครับ ไม่ใช่มาอวดรู้ สาธุตรงไหนผิดชี้มาเลยครับ ผมรับฟัง แต่ต้องมีหลักการทางปริยัตินะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2017
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ทำไม พูดกันไม่รู้เรื่อง จั๊กกะที....ก็บอกแล้วว่าชำระอวิชชาแล้ว ที่เกิดมาชาตินี้ ชำระอวิชชาไปแล้ว..ยังจะมาให้ตัด เติด วงจรอะไรอีกล่ะเนี่ย..ไหนวงจรอยู่ไหน สร้างภพสร้างชาติ สร้างขันธ์ สร้างยังไง สอนหน่อยดิ...อิอิ
     
  9. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ผมมองว่าถ้าให้ความเห็นเป็นใหญ่แล้วเจ๊งหมดครับ จะเห็นถูกหรือไม่ถูก จะต้องระวังอย่างหนึ่ง คือความยึดมั่นถือมั่นครับ ทางสายกลางคือรู้ทัน อย่างพอปัญญาล้ำหน้า บางทีศรัทธามันหดครับ ศรัทธาที่มีต่อครูบาอาจารย์ ผู้หลักผู้ใหญ่บางทีหายจ้อยไปเลย ใครก็ไม่นับถือ นับถือยาก แล้วความอ่อนโยน ก็หายไป กลายเป็นความกร้าว ความแข็งกระด้าง มั่นใจในตนเอง อัตตาทั้งนั้น ผมโดนมากับตัวเองเหมือนกัน ขนาดที่เรียกว่าภพภูมิท่านมาเตือนมาสอนกันเลยทีเดียว จริงหรือไม่จริงไม่รู้ แต่ดีก็รับไว้ก่อน พระท่านเคยสอนว่า เรื่องไหนถ้าเป็นเรื่องดีใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน ถ้าไม่ดีตัดทิ้งไปเลย ก็ว่ากันไปตามเหตุตามปัจจัยครับ
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ลองพิจารณาที่ผมจะพูดให้ฟังก่อนนะครับ
    ถ้าเรื่องวงจรนี้ ส่วนตัวมองว่า ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจได้ง่ายๆเลยนะครับ
    ส่วนเจ้าใจว่าถ้าจิตใคร เข้าใจวงจรนี้
    แค่น้องๆพระอรหันต์แล้วหละครับ
    ซึ่งความสามารถทางจิตคงไม่ใช่ระดับธรรมดาๆ
    เพราะมันเป็นเรื่องนามธรรมมากและ
    มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดและอธิบายออกมาให้ได้ง่ายๆยากมาก
    ส่วนตัวมองว่า จะหาท่านที่เข้าใจวงจรนี้ในปัจจุบันที่จะสอนยังยาก
    เลยครับ เพราะการจะเข้าไปรู้ในวงจรนี้ได้
    มันต้องอาศัยระดับปัญญาญาณกันเลยที่เดียว
    พูดง่ายๆว่าท่านนั้นแถบจะรู้เท่าทันในกองสังขาร
    กันเลยทีเดียว ซึ่งคนไม่ใช่ฆารวาสไก่กาๆอย่างเราๆแน่ครับ
    ถ้าเป็นอย่างเราๆมาพูดคงไม่พ้น เป็นเรารู้แน่นอนครับ...
    เช่น เราเห็น บ้าน รถ ต้นไม้ พวกนี้เป็นเรารู้ทั้งนั้นครับ
    มันจะไม่ต่างอะไรกับกระบวนการทางจิต ที่คุณ เราโตพูดครับ

    แม้แต่ว่าเราจะฝึกสมาธิแบบเพ่งทั้งหลายจนเราเห็นผู้รู้ได้
    มันก็ยังเป็นการปรุงแต่งของสังขารจิตได้เหมือนเดิมครับ
    ส่วนตัวเรียกว่า มโน ถามว่าใช้ได้ไหม ใช้ได้
    แต่ยังไม่ใช่ครับ แต่คุณ เราโตเข้าใจนะครับ
    ว่าผู้รู้เนี่ยก็เห็นไม่ได้นะครับถ้าเรามาทางด้านการพิจารณา
    เพราะเป็นธรรมชาติของมัน

    เพราะแม้จะฝึกมาจนเห็น ผู้ดู ผู้รู้ได้ นี่ก็ยังเป็นการปรุงแต่งได้
    อยู่เลยครับ แม้การไปรู้อะไรได้
    ที่เริ่มต้นจากผู้ดูที่ปกติไม่ได้รู้อะไรนะครับ
    คือดูเฉยๆแต่ว่าผู้ดูมีตัวคล้ายๆตัวนำทางส่องออกไป
    ดูสิ่งต่างๆส่วนตัวเรียกเองว่าตัวไปเชื่อม(คืออุปโลกน์คำขึ้นมา)
    ไอ้ตัวผู้รู้มันก็แค่ไปรู้สิ่งที่ผู้ดูนำทางไปเชื่อม
    แต่ไม่ได้ไปดูว่าผู้ดูไปส่องไปเชื่อมอะไรนะครับ
    พอนึกภาพออกไหมครับ
    และไอ้ผู้ดูผู้รู้เนี่ย แม้ว่ามันคนละตัวกัน
    แต่ถ้ามันรวมตัวกันเราจะเผลอยึดกลายเป็นอัตตา
    ตัวตนขึ้นมาทันทีเลยครับ. ส่วนตัวถึงว่ามันเป็นเรื่อง
    ยากที่จะเข้าได้ครับ เพราะวงจรนี้มันมีกระบวณ
    การต่อจากนี้อีกเยอะครับ

    พูดตรงๆนะครับ เอานักปฏิบัติต่างๆ...
    แค่จะมาเข้าใจขบวณการผู้ดู ผู้รู้
    ที่สามารถใช้จิตได้ จิตทำงานได้นั้น
    ซึ่งยังถือว่าปรุงแต่งอยู่
    ยังหาได้น้อยเลยครับ
    ส่วนมากจะไม่เห็นแล้วยึดเป็นตัวตนทั้งนั้น
    และแม้ว่าจะเห็นก็ยังต้องอาศัญปัญญาญาน
    เข้าไปรู้ถึงขั้นตอนต่างๆของมันอีกหลายขั้น
    ที่ข้าพเจ้าพูดให้ฟังก่อนหน้านี่แค่หยาบๆนะครับ



    ที่คุณ เราโตเขียนๆอยู่ข้างบน
    ถ้าไล่กิริยาจากตัวผู้ดู ส่วนตัวมองว่าเป็น
    สัญญาปรุงแต่งจากเจตนาที่สร้างรูปนาม
    ของตัวรู้ขึ้นมาเฉยๆครับ ซึ่งตัวรู้แบบนี้มันก็แทรกเข้าไป
    ในตัววิญญานต่างๆเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้วครับ
    ซึ่งมันก็จะอาศัยการกระทบหรือผัสสะ(ไม่แน่ใจเรียกถูกเป่า)
    ในการปรุงแต่งต่อที่ทางโลกน่าจะเรียกหล่อๆ
    ว่าเจตสิกนามขันธ์อะไรนี่หละครับ
    เกิดเป็นอุปทานภพชาติด้วยสมมุติ
    ที่เป็นตัวเราเข้าไปปรุงแต่งจิตทั้งนั้นหละครับ

    คือจิตที่ปรุงแต่งแสดงออกมาเป็นเวทนา
    เวทนาปรุงจากที่มันกระทบกายจาก
    ทางอายตนะเกิดผลกระทบ พอกระทบแล้ว
    มันก็ปรุงเป็นเวทนาอีก พอเวทนาปรุง
    ผลของมันก็กายเป็นตัณหา จนท้าย
    ปรุงเป็นอุปาทาน ด้วยที่อุปทาน
    เป็นตัวแต่งภพ มันก็ปรุงต่อจนเป็นสมมุติบัญญัติ
    ที่มีตัวเราเข้าไปเป็นตัวตนครับ
    อย่างที่คุณ เราโตเข้าใจและนำมาถ่ายทอดนั่นหละครับ
    ไม่ทราบว่าไล่ตามกิริยาที่พูดแล้วพอจะเกทไหมครับ

    ส่วนตัวถึงได้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่เราจะเข้าใจได้ครับ
    เพราะท่านที่จะเข้าใจวงจรนี้
    ต้องมีปัญญาญานที่จะเข้าไปรู้
    ตั้งแต่ตนตอแห่งการปรุงแต่ง
    ที่เห็น ผู้ดู ผู้รู้ เวทนา สัญญา สังขารจิต ฯลฯ
    ได้จนรู้ว่า แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เราเลย
    มันไม่มีตัวเราเลยได้จริงๆนั้นหละครับ
    ผมถึงว่ามีแต่น้องๆพระอรหันต์นั่นหละครับ

    ถ้าสมมุติว่าใครอ่านการทำงาน
    หรือไม่เข้าใจกิริยาแบบหยาบๆ
    ของผู้ดู ผู้รู้ ว่ามันทำงานอย่างไรแบบที่ข้าพเจ้าเขียน
    หรือแม้แต่มีความสามารถทำงานได้ของจิต
    แบบพิเศษแต่ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องพื้นๆ
    ที่ข้าพเจ้าพูดให้ฟังแบบนี้
    ที่มันยังอยู่ภายใต้การปรุ่งแต่ง
    ของสังขารจิตอยู่ ถ้าไม่เห็นผู้ดู ผู้รู้
    หรือตัวต่างๆแยกกันได้ก่อน

    ส่วนตัวมองว่า เห้ย!! เราถอยกันออกมาคนละ
    ก้าวสองก้าวก่อนดีไหม แล้วเรามาปฏิบัติต่อไป
    กันต่อไปดีกว่าครับ
    เพราะเรื่องที่ผมพูดเป็นเพียงแค่
    ส่วนหยาบๆ ยังไม่ได้เข้าไปเห็นกระบวณ
    การทำงานของมันเลย ยังไม่เห็นเหตุที่
    มันก่อขึ้นได้เลย.....หยาบจริงๆครับ

    ไม่งั้นที่เราพูดๆกันพยายามถ่ายทอดกัน
    มันก็จะเป็นแค่เรารู้
    เป็นอุปทานการปรุงแต่งสร้างเป็น
    สมมุติบัญญิตเฉยๆครับ...

    มันจะทำให้เราหลงตัวเราเองได้
    อย่างคาดไม่ถึง แม้ว่าจิตยังทำงาน
    ในด้านพิเศษอะไรไม่ได้ ที่เป็นฐาน
    จะให้เข้าใจวงจรการทำงานของผู้ดู ผู้รู้นั้น
    ได้บ้างนั้น ไม่ต้องพูดถึงที่จิตทำงานไม่ได้
    แล้วมาแต่งตำราวงจรทำงานพิเศษแบบนี้เลยครับ
    ส่วนตัวมองว่า ยังอีกยาวไกลแสนไกลมากครับเผลอๆ
    มันจะเป็นอุปทานสร้างภพชาติ
    ด้วยสมมุติบัญญติที่เราเข้าไปปรุงแต่งจิตเรา
    วกเวียนไปเรื่อยๆตามแต่ที่สังขารจิตมันจะปรุงแต่งครับ
    จะทำให้เราหลงตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อครับ
    ยังไงก็พิจารณาสิ่งที่ผมพูดให้ดีๆนะครับ
    ปล.ด้วยความหวังดีครับ...
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    คุณเราโดนมากันคนละแแบบครับ
    แต่ก่อน คุณอ้างหลวงปู่หลวงตา เพราะอ่านมา แต่ไม่อ้างตัวเอง...มาทุกวันอ้างไม่ยึดแล้วตำรา จะมาอ้างพุทธวจนะ
    พอมาอ้างพุทธวจนะ ก็ตีความผสมปนความคิดของตนเองเข้าไปอีก..พอโดนว่า..ก็มาบ่นอีกเหมือนเดิม....ให้เอาที่ตนเองปฏิบัติได้จริงมาอ้างมาพูดสิครับ

    พอไม่ได้ปฏิบัติจริง..ก็อ้างว่า งั้นไม่เอาตามตำรา...เก่าๆทั้งหลาย...มาคิดเอาเอง ค้นคว้าเอาเอง...ไปโน่นนนนนนนนนนนเลย

    อิอิ ยิ่งแก่..ยิ่งเอาแต่ใจตนเอง...
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เรื่องของวงจร สมุปกิจบาท..อย่าเอามาคุยเลยนะครับ
    เพราะคุยเรื่อง สติปัฏฐานสี่ รู้เรื่องได้...ก็เข้าใจเรื่องวงจรได้เองแหล่ะครับ

    มาคุยเรื่อง วิธีการฝึกสติปัฏฐานเพื่อรู้ความจริงของ กาย เวทนามจิต ธรรม พระไตรลักษณ์ อริยสัจสี่กันจะดีกว่าครับ

    เรื่องไร้สาระอื่นๆเช่น มโนมายึดนึก ธรรมกลาย กสิณ ตาทิพย์ ถอดจิต ไร้สาระในการรู้ความจริงครับ.....เดี๋ยวมันพาหลง.ไปอีก..เสียเวลาครับ
     
  13. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    ไม่ผิดหรอกครับที่คุณ TBOON คิดมา เพราะคุณยังติดในจริยะธรรมมากศรัทธาจึงนำจิต เดิมอยู่-มันก็ดีครับ การยึดติดความดีของครู อจ.นี่มันเป็นพื้นฐานทาง จริยธรรม ประเพณี ของแต่โบราณมาไม่ผิดเลยที่คุณจะมองในแง่ต้องเคารพ สัญลักษณ์นี้ ด้วยความเคารพ ห้ามละเมิด..แต่คุณต้องไม่ละเลยในองค์ความรู้ใหม่ๆที่ไม่เหมือนเดิม ฟังแล้วเอามาเปรียบเทียบ ใช้มหาประเทศ4 ของ พจ.เป็นหลัก เรายกครูอาจารย์ไว้ข้างบนไม่วิจารย์ แต่ความรู้ที่ท่านสอนเรานั้นเราต้องตรวจสอบครับ ว่าถูกต้องรึไม่ เมื่อฟ้าเปิดแล้ว..ศึกษาอย่างปราศจากอคติ และไม่ดูถูกครูอาจารย์เดิม เราก็ทำได้นิครับ ไม่ตีโพยตีพายไปก่อนหน้าว่า อัตตา จะเล่นงานเราจนไม่รู้ตัว..
    :) ในโลกของความเป็นจริง ยุคนี้ฟ้าสว่าง ฟ้าเปิด ความจริงปรากฏมากมายทำให้ความรู้อยู่เหนือ ศรัทธา..ผู้ที่ต้องการความจริง เขาจะแสวงหา การเคารพ-อัตตา ต้องยกไว้ แต่ความรู้เราต้องมีการตรวจสอบ ของจริงหรือปลอม เพราะอรหันต์ก็คือคนธรรมดาที่ทำความดีเฉพาะตน ที่เราเองนี่แหละสามารถปั้นหรือใฝฝึกตนเองให้เป็นอริยะชนได้ ตามตำรา พระไตรปิฏกหรือ พุทธวจน ..ไม่ใช่ฝึกมาเพื่อหาลาภสักการะ หรือตั้งตนเป็นศาสดาใหม่
    :) มันมีแต่ประเทศไทยนี่แหละเท่านั้น ที่ยกอรหันต์ซะเกินพอดี จนใครก็ไม่กล้า "คิด-นึก"..ในทางลบ เป็นบาป ตกนรก นี่เป็นวิธีทางการปกครองให้เชื่อ โดยใช้บาปกรรม นรกสวรรค์ มาปิดสมองเราครับ
    ดังนั้นการยึดติดครู อจ.ในเชิงสัยลักษณ์ที่ต้องเคารพบูชานั้นจึงติดตัวคนรุ่นก่อนทุกคนมาจนปัจจุบัน ไปจนตาย..จนกว่าคุณจะได้เกิด "ความรู้จริง" ที่ถูกปิดมานาน และได้เรียนรู้สิ่งที่สามารถทำให้คุณมองว่า อรหันต์ หรือ อริย นี่ก็คือคนธรรมดาที่ท่านฝึกตนเองให้เป็นไปตามตำรา ไม่ใช่ผู้วิเศษที่แตะต้องไม่ได้ จิตคุณยกสูงกว่าเดิมได้เมื่อได้รู้ ความจริงเท่านั้นครับ ไม่มีใครบังคับ
    :) วันข้างหน้าหากคุณได้เรียนรู้ เปรียบเทียบ-กับความรู้ใหม่ที่ถูกต้องจาก อานารยะประเทศ ให้กว้างขวาง จากตำราแหล่งอื่นๆไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย หรือ มหามงกุฏ มหาจุฬา หรือพระไตรปิฏกฉบับปัจจุบันนี้ จิตคุณจะหลุดพ้นจาก จริยธรรมที่แฝงความกลัวและการปิดกั้นสมองเรากลายๆ เพราะถูกตบแต่งขึ้นเพื่อรับใช้ ผู้ปกครองในแต่ละยุค จนใครก็แตะไม่ได้เอง
    ผมแค่แสดงความเห็น และชี้บอกมากไมไ่ด้ ตัวใครตัวมัน คงต้องแสวงหากันเอาเองครับ ไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อ ผมมาแลกเปลี่ยน..
    :mad: ในสมัยพุทธกาล พจ.ท่านก็โดนเดียร์ถีย์ มากมาย ด่าว่าท่านแม้ต่อหน้าและลับหลัง อย่างสุนัขขัตตะ กับพวก โอรสกษัตย์แค้วนลิจฉวี ที่ประพฤตนเยี่ยงสุนัข-และวัว ยังขอบวชกับ พจ.แล้วบรรลุอรหันต์ (ลองไหาอ่านนะครับ)-ส่วนหลาน พระสาลีบุตร ที่ต่อว่า พจ.ต่อหน้าพระสาลีบุตร คุณก็คงได้อ่านผ่านมาแล้วนั่นก็อีกเรื่อง ทำไมคนเหล่านี้ไม่ตกนรก แถมสำเร็จอริยะด้วย..แต่จริยธรรม ปรพเพณี ในไทย แค่สาวก- เรายังนึก-คิด ทางเชิงสอบสวนไมไ่ด้เลย ตกนรกตายทั้งเป็น..คุณต้องหาทางคิดเองครับ
    เรื่องที่คุณโพสต์และยกมาข้างต้น -มันไม่ใช่ประเด็นที่เราถกธรรมกัน คุณออกไปแนวจริยธรรม อัตตายึดติดครูอจ.ซะแล้ว-มันคนละประเด็น ที่เราสนทนากันแต่ก็ไม่เป็นไรครับ คุณคนมีความรู้อยู่แล้วสนทนาด้วยเหตุผลสมภูมิครับ สาธุ
     
  14. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    ของคุณ nop ยาวมากเดี๋ยวผมต้องมาอ่านใหม่ จะได้จับประเด็นถูก แล้วจะมาตอบนะคัรบ
     
  15. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    คุณนี่ ไร้สาระจริงๆ ตรวจสอบตนเองบ้าง ไม่ดูคนอื่นเลย มีแต่คุณนี่ไม่เข้าใจ..อยากโดนด่าอีกรึ อิอิ
     
  16. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :) แค่ของเก่าที่ปฏิบัติมา ปัจจุบันหากนำมาเทียบกับกริยาของคุณเวลานี้ ก็ห่างกับคุณหลายขุมแล้วครับ เพราะผมเอาของเก่านี่แหละมาตรวจสอบ พุทธวจน..จนผมไปไกลเกินกว่าที่จะคุยกับคุณได้เข้าใจแล้ว
    :( คุณน่าสงสารแต่ผมไม่มีเวลามาโปรดคุณบ่อยๆหรอก น้าจร .. ต้องรอ อาจารย์ นิวรณ์ ผมเท่านั้นจึงจะโปรดและปราบคุณได้ อิอิ
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็รอดู คุณโดนมาหลายแบบอยู่นี่แหล่ะ ว่า จะจับประเด็น อะไรมาให้ คุ้ยเขี่ย กันอีก

    ด่าคนแก่ บาปนะ...อิอิ ถ้าคนแก่ นอนไม่หลับ
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เออ อันนี้ ถือว่า โม้ได้เก่งกว่าผมจริงๆ..เรื่องขี้โม้น่ะ
    ส่วนน่าสงสารผม แต่ไม่มีเวลามาโปรด ก็ไม่เป็นไร งั้นผมขอยกเวทนาและโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายที่ผมมี..ผมยกให้คุณเอาไปจัดการเองเลยแล้วกันนะ ..ห้ามปฏิเสธล่ะ
    ช่วยโปรดและปราบมันด้วยนะ โรคภัยไข้เจ็บเนี่ย...อิอิ..อยากเก่งหลายขุมดีนัก
    อิอิ
     
  19. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    เอาละ ผมเข้าใจเรื่องที่คุณ nop บรรยายมาแล้วครับ ..วงจรนี้ทำให้ พจ.ท่านถึงกับเปล่งอุทานว่า เราเห็นเรือนเจ้าแล้ว..เราจะรื้อเรือนเจ้าทิ้งเสีย ..(ตัณหา).จึงเกิดการตรัสรู้ขึ้นมา
    :)หากใครไม่สั่งสมสุตตะ บทนี้ไว้ในใจ ใครจะรื้อเรือนเหล่านี้ทิ้งได้เล่าครับ และหากคิดว่าเราปรุงแต่งเอง-เป็นอุปทาน-สังขาร แล้วเราจะเอาอะไรมาปฏิบัติเล่าครับ-เอาองค์ความรู้อะไรมาปฏิบัติ สั่งสมสุตตะ นะครับต้องทำ
    วงจรปฏิจจสมุปบาท เริ่มที่.. อวิชชา-สังขาร-วิญญาณ-นามรูป-สฬายตนะ-ผัสสะ-เวทนา-ตัณหา-อุปทาน-ภพ-ชาติ-ชรา มรณะ (12 ห่วงโซ่) ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ที่ "จิต" เราอยู่แล้วทุกตัวตน (ในขันธ์5) เมื่อเกิดการ นึก-คิด ถึงอะไร วงจรก็เดินทำงานแล้วเพราะจิตจับอารมณ์เกิดแล้วไวจนกลายเป็นเวทนาสามแล้วครับ..
    :mad: เราตัดผัสสะ(คุมอายตนะ6) ตรงนี้เพื่อไม่ให้ มโนวิญญาณ และวิญญาณอื่นๆอีก5 ตัว ออกทำงาน คิดฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อ-โดยผลัดกันออกไปกะทบทำให้ความคิดเดิมๆ- ย้อนกลับมาทำร้ายเราอยู่เสมอๆตลอดชีวิต-หากเราตัดได้ด้วยจิตที่ทรงสมาธิ การทรงสมาธิทำให้จิต ทรงสติปัฏฏฐาน4 ไปในตัวด้วย การรู้ตัวทั่วพร้อม-การทรงฌาน จะเกิดพร้อมกันด้วยหากใครทำได้ต่อเนื่องครับ
    :);):mad: ยากซิครับ-เราจึงต้องท่องไว้ในใจเสมอๆแล้วค่อยๆปฏิบัติไป ธรรมทุกบทที่ พจ. ท่านสอนนั้น ล้วนออกไปจากวงจรนี้ทั้งสิ้น มันคือจุดศูนย์กลางธรรมทั้งปวงครับ ของ พจ.
    :):) ครั้งหนึ่งพระอานนท์ ทูลกับ พจ.ว่าอัศจรรย์จริงพระเจ้าข้า วงจรปฏิจจสมุปบาทนี้ เป็นเรื่องง่ายดายต่อข้าพเจ้ามากเหลือเกิน ข้าพพระองค์เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ช่างง่ายเหลือเกิน..
    พจ.ท่านทรงตำหนิ พระอานนท์ว่า เธออย่ากล่าวเช่นนั้น อานนท์ เราต้องสร้างบารมีมากี่อสงไขย์ เราจึงตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าได้ ด้วยการตัดรื้อ วงจรปฏิจจสมุปบาทนี้ แล้วกล่าวต่อว่า เหตุที่เธอเข้าใจง่ายเพราะเธอสั่งสมบารมีมากเช่นกัน อีกทั้งเป็นพหูสูตรในชาตินี้ ที่ฟังมามาก ได้ยินมามาก สะสมสุตตะไว้มากนั่นเอง จึงทำให้เธอเข้าใจได้ง่าย
    :eek::eek::rolleyes: ทำได้ทุกคนครับ แค่จดจำและท่องไว้ในใจ เรื่อยๆครับ อย่าลืมนะครับ ผม-*เรา-ท่านปฏิบัติธรรม กันมากี่สิบปีแล้วครับ เหตุใดยังอยู่กับที่ ยำ่อยู่กับที่-ไม่มีครู อจ.เราองค์ไหน เอาวงจรนี้มาสอนเราเลย..พวกท่าน ไม่มีทางพ้นทุกข์หากไม่รู้จักวงจรปฏิจจสมุปบาทนี้ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2017
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เห็นมั้ย...ตัดวงจรใหม่ๆ รื้อเรือนใหม่ๆ...พูดแต่เรื่องนี้...

    ส่วนวงจรจริงๆ ในขันธ์ห้า...เรือนเก่าๆในขันธ์ห้า...คือบ่อเว้าเถิงล่ะ ทีเนี้ย....อิอิ

    เริ่มต้นพูด ถึงอวิชขาในวงจรเก่า....แต่มาพูดถึงการตัดวงจรใหม่ๆในปัจจุบัน...จะต้องตัดไปตลอดทั้งชีวิตงั้นเหรอ วงจรใหม่เนี่ย ไม่ต้องทำอย่างอื่นแล้วเหรอ ฮะ คะ ครับ

    ก็ไหนว่า ก้าวหน้าไปได้ตั้งหลายขุม ไง...ไรว้า..ยังหลงขุม อยู่เลย

    เขาตัดดับเชื้ออวิชชาในวงจรเก่าได้...ก็คือ ดับอวิชชาไปเลย..ก็ไม่ต้อง มาคอยนั่งเฝ้า จะตัด จะตัด..วงจรใหม่กันอยู่แบบนี้หรอกครับ..คุณโดนมากันคนละแบบครับ

    พูดอะไร..อายคนแก่ ที่ตามไม่ทัน มั่งสิครับ...อิอิ

    ไม่เห็นต้องมาคอยนั่งตัดวงจร อะไรเล๊ยยยย
    แค่พาสติให้เข้าไปรู้ตามจริงในวงจรให้ได้ อย่างแจ่มแจ้ง..เดี๋ยวปัญญาไตรลักษณ์ญาณ..มันจะเป็นตัวบอกเองแหล่ะว่า....จะอยากชำระมั้ย...แล้วมันถึง จะไฟลามก้น ด้น ดั้น เดินทาง ตามหาพระพุทธเจ้า เองแหล่ะ เมื่อนั้น ก็จะยกมือ อธิฐานร้องหา พระพุทธเจ้า เองแหล่ะ...นะ อานนท์
     

แชร์หน้านี้

Loading...