ตัวกระทำไม่ตายเวรกรรมมีจริงทุกสิ่งเป็นกลางตามธรรมชาติ

[FONT=&quot]หลักของทาน อันมั่นคง ตรงตามหลักธรรมสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมนำให้เกิด หลักของศีลอันมั่นคง ตรงตามหลักธรรมสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า [/FONT]
[FONT=&quot] ย่อมนำให้เกิด หลักของภาวนาอันมั่นคง ตรงตามหลักธรรมสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า [/FONT]
[FONT=&quot] ย่อมนำให้เกิด หลักของสมาธิอันมั่นคง ตรงตามหลักธรรมสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า [/FONT]
[FONT=&quot] ย่อมนำให้เกิด หลักของปัญญาอันมั่นคง ตรงตามหลักธรรมสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า [/FONT]
[FONT=&quot] ส่วนหลักของสมาธิ และหลักของปัญญา ที่อวดอ้างกันว่า ฉันมีสมาธิอันล้นฟ้า ฉันมีปัญญา อันยิ่งใหญ่ล้นดิน ล้วนแต่เป็นคำกล่าว ที่ชอบยกมากล่าวอ้าง ให้ตนเหนือกว่าผู้อื่น สมาธิขั้นต่างๆเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนั้น ปัญญาความรอบรู้ต่างๆ เป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนั้น ยกมาพูดกันสนั่นเมือง ตัวเองได้อย่างนั้น ได้อย่างนี้ โฆษณาชวนเชื่อ ไปเลื่อยเปื่อย แท้จริงแล้ว ปัญญาก็คือปัญญา สมาธิก็คือสมาธิ แค่นั้นเอง [/FONT]
[FONT=&quot] ส่วนหลักของทาน หลักของศีล หลักของภาวนา กลับขาดหายไป ไม่มีใครอวดอ้าง แท้จริงแล้ว พระสัทธรรม คำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงสั่งสอนนั้น ครบองค์ประชุม 5อย่าง พร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน [/FONT]
[FONT=&quot]1 การให้ทาน 2 การรักษาศีล 3 การเจริญภาวนา 4 การทำสมาธิ ให้มั่นคง 5 การทำปัญญาให้แจ้ง อยู่ในเรื่องเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน ทุกคนที่ได้ฟัง พระสัทธรรม คำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม อันเกิดจาก ทาน ศีล ภาวนา สมาธิ ปัญญา ครบองค์ประชุม ตามหลักธรรม หัวใจของพระพุทธศาสนา อย่างแท้จริง อย่างถูกตรง ในเวลาเดียวกัน ในเรื่องเดียวกัน พรหมวิหารธรรม4 สติปัฏฐาน4 อริยะสัจจ์4 มรรค์ มีองค์8 กฎไตรลักษณ์3 ตามความเป็นจริง จะเกิดขึ้นได้ โดยอาศัย ทาน ศีล ภาวนา สมาธิ ปัญญา นั้นแลคือพระสัทธรรมอันบริสุทธิ์ ย่อมเป็นของอันประเสริฐ เป็นหลักธรรมคำสอน อันบริสุทธิ์ สะอาดหมดจด บริสุทธิ์ผุดผ่อง สว่างไสว ดวงใจจิตทั้งภายนอก และภายใน สว่างไสวกว้างไกลไปทุกทิศ ทุกทาง [/FONT]

 

ศรัทธาหนุน บุญส่งเสริม เพิ่มพูนบารมี
ความดีสร้าง สว่างใจ ใสดวงจิต
พิจารณา หาเหตุผล สิ่งตนคิด
เห็นถูกผิด เป็นสุขทุกข์ ตามความจริง
หนทางสู่ความรู้ สำหรับผู้ปฏิบัติ
สว่างชัดที่ใจจิต คิดรู้เห็น
ธรรมทั้งหลายเกิดใจจิต ใจจิตเกิดเป็น
สิ่งรู้เห็นใจจิตว่าง สว่างแจ้งจิตปัญญาใจ
อันสุขทุกข์ นั้นมากหลาย สิ่งกลายกลับ
สิ่งเกิดดับ นั้นมากล้น ค้นให้เห็น
ความพอใจ ไม่พอใจ ในสิ่งเป็น
เกิดรู้เห็น ตามเป็นจริง สิ่งทั้งปวง
ขอทานข้างถนน ยาจกผู้ยากไร้ ตาบอดหูหนวก แขนขาด ขาขาด แต่เขาก็มีความพอใจ ในสิ่งที่เขา มีอยู่ เป็นอยู่ ทำอยู่ เขาก็มีความสุขได้ โดยธรรม
เศรษฐีร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน แสนล้าน ล้านๆ ล้านๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่เขาไม่มีความพอใจ ในสิ่งที่เขา มีอยู่ เป็นอยู่ และทำอยู่ เขาก็จะหาความสุข ไม่ได้เลย ความไม่รู้จากสิ่งที่พอ นั่นแหละคือตัวทุกข์ ที่ไม่จบสิ้น

 

ทาน ศีล ภาวนา สมาธิ ปัญญา อย่าได้ขาดหาย เป็นองค์รวมของสำคัญ เพื่อนำทาง เป็นแสงสว่างของนักปราชฌ์ อริยะชาติ สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้รับใช้ในพระพุทธศาสนา อย่างเที่ยงตรง อย่างแท้จริง พรหมวิหารธรรม4 สติปัฏฐาน4 คือศาสตราอาวุธใหญ่ ช่วยคุ้มภัย ท่องเที่ยวไป ค้นหาธรรม อริยะสัจจ์4 เพื่อนช่วยคิด ชี้ทางให้สว่างใจในแสงธรรม มรรคมีองค์8 คือสิ่งที่ต้องปฏิบัติ เกิดเห็นชัด สว่างใจ ในความจริงสิ่งทั้งหลาย ก็จะได้เห็นความจริง ทุกข์ขัง อนิจจัง อนัตตา ทุกข์ภัยมีมา แก้ได้ทุกข์ประการ
สวรรค์อยู่ที่อก นรกอยู่ที่ใจ พระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย เกิดจากที่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่ใจจิตของเรา ตามดูใจจิตให้แจ่มแจ้ง ก็จะพบแสงแห่งธรรม แห่งปัญญา รู้มากใน แปดหมื่นสี่พัน พระธรรมขันธ์ รู้มากไปเพื่ออะไร รู้มากแล้วได้อะไร ถ้าไม่ใช่ที่ใจจิตเรา ฉลาดในทุกๆสิ่ง ทั้งหลายทั้งปวง ในพระไตรปิฎก ฉลาดเพื่อใคร ฉลาดแล้วได้อะไร ถ้าไม่ใช่ที่ใจจิตเรา อวดอ้างกันทำไม ฉันเก่งฉันฉลาด ฉันรู้ฉันมีปัญญา มากกว่าพวกท่านทั้งหลาย ในพุทธศาสนานี้ รู้มากรู้น้อย รู้แล้วได้อะไร ถ้าไม่ใช่ที่ใจจิตเรา ของจริงอยู่กับเรา ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นบุญหรือบาป ดีหรือชั่ว นรกหรือสวรรค์ โง่หรือฉลาด เข้าถึงธรรมหรือไม่เข้าถึงธรรม กล่าวตู่คนอื่น อวดอ้างคนอื่นแล้วจะได้อะไร ถ้าไม่ใช่ที่ใจจิตเรา เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดที่ฉันเกิดที่ท่าน รู้ที่ฉันรู้ที่ท่าน เห็นที่ฉัน เห็นที่ท่าน ปัญญาฉัน ปัญญาท่าน สว่างแจ้งจิตใจฉัน สว่างแจ้งจิตใจท่าน ธรรมชาติของใจจิตนี้ ของทุกๆคน ที่เกิดมาในโลกนี้ ล้วนเป็นใจจิตที่เป็นปรกติ ตามธรรมชาติดีอยู่แล้ว ในทุกๆคน เสมอเหมือนกันหมด ไม่มีใครแตกต่างใคร เป็นใจจิตตามธรรมชาติ ที่มีความเป็นปรกติอยู่ในตัว ส่วนใจจิตที่มีความแตกต่าง วุ่นวายเต็มไปด้วยสุขทุกข์ เหตุเกิดเพราะว่า มันไม่มีความเป็น ปรกติตามธรรมชาติ มันผิดปรกติไป ผิดธรรมชาติไป เพราะโลกธรรม8เบียดเบียนอยู่ แผดเผาอยู่ มันจึงไม่เป็นปรกติ แปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ที่สับสนวุ่นวายตลอดไป ในที่สุดก็ค้นหาใจจิต ที่เป็นปรกติของตนเองไม่เจอ ใจจิตนี้จึงหลงทาง เห็นสุขเป็นทุกข์บ้าง เห็นทุกข์เป็นสุขบ้าง เพราะมันไม่เป็นปรกติ มันจึงเป็นอย่างนั้น

 

ทานบารมีความดีที่เราสร้าง อันเต็มเปลี่ยมไปด้วย พรหมวิหารธรรม4 ไม่เอาดี ไม่เอาชั่ว ข้ามความดี ข้ามความชั่ว ไม่เอาบุญไม่เอาบาป เป็นทานบารมีอันประเสริฐ นำให้ก่อเกิดเป็นศีลธรรมอันบริสุทธิ์ สะอาดหมดจด ถึงกายวาจาใจ นำไปสู่ความหลุดพ้น ในสุขทั้งหลาย ในทุกข์ทั้งหลาย ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ศีลธรรมอันบริสุทธิ์ หมดจดถึงพร้อมไป ด้วยกาย วาจา ใจ ที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยพรหมวิหารธรรม4 สติปัฏฐาน4 ย่อมนำทาง ให้ก่อเกิด ภาวนาอันมั่นคง ยิ่งใหญ่เหนือภาวนาใดๆ ภาวนาที่เต็มเปลี่ยม ไปด้วยสติปัฏฐาน4 อริยะสัจจ์4 นำให้ก่อเกิด มีสมาธิอันหมดจด สะอาด ปล่อยวาง ว่างเย็นเบา เป็นสายแห่งสมาธิ อันประเสริฐ นำให้ก่อเกิด ปัญญาอันเที่ยงตรง ถูกตรง ตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง สมาธิที่ีเต็มเปลี่ยมไปด้วย สติปัฏฐาน4 อริยะสัจจ์4 มรรคมีองค์8 กฏไตรลักษณ์ทั้ง3 นำให้ก่อเกิด ปัญญาแจ้ง สว่างกาย ใจจิต ทั่วทั้งจักรวาลย์ อนันตมหาสากล เป็นปัญญาแห่งความหลุดพ้น ในโลกทั้ง3 เป็นปัญญาแห่งการตื่นรู้เบิกบาน กาย วาจา ใจ จิต อย่างถูกต้อง ถูกตรงตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ในอนันตมหาสากลจักรวาลย์ สุดรอบขอบจักรวาลย์ แห่งโลกทั้ง3 ยมโลก มนุษย์โลก สวรรค์โลก

 

พลังแห่งศรัทธา ทานศีลภาวนาอย่าได้ขาดหาย น้อมประดิษย์ฐานมาไว้ เต็มกายใจจิตในทุกเวลา น้อมพรหมวิหารธรรม4 คุ้มครองกายใจจิต ส่งความคิดเข้าค้นหา อริยะสัจจ์4 มรรคองค์8 น้อมเข้ามา เป็นสมาธิใจ ในปัญญาธรรม
ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา ทุกข์ภัยมีมาแก้ได้ทุกประการ
ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา ทุกสิ่งเกิดมาเป็นไปตามกรรม
ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา น้อมธรรมนำมา ดวงตาเห็นธรรม
ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา ภาวนาถึงจิต ได้ปัญญาใจ
ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา ภาวนาเข้าไว้ เข้าถึงพระพุทโธ
ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา ปัญญาแจ้งสว่างใจ เข้าถึงพระนิพพาน
ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา เข้าสู่มรรคคาได้อริยะผล
ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา หลุดพ้นได้อย่างแน่นอน
ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา ได้เข้าถึงพระพุทธศาสนา มีพระรัตนไตรเป็นที่พึ่งอย่างแน่นอน
ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา อมตะนครอจินไตย สว่างไสวทั่วกายใจจิต สงบว่างเย็นเบาสบาย ทั่วทั้งกายใจจิต สะอาดหมดจด ทั้งภายนอกภายใน ไม่มีอะไรในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่มีเกิดไม่มีตาย เป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบาน ท่องเที่ยวไป ทั่วแดนโดยความเป็นอิสระ เสรีตลอดกาล

 

บอดนำหน้า อย่าเอามา สว่างแจ้ง
ไม่มีแสง แห่งปัญญา น่าอดสู
เป็นนักปราชฌ์ ชาติอริยะ น่าจะรู้
เกิดเป็นอยู่ ผู้สร้างกรรม ใครรับผล
เกิดเป็นผู้รู้ อย่าเป็นอยู่ เหมือนคนหลงทาง
อย่ากล่าวอ้าง รู้หนทาง สว่างแจ้ง
บอดสนิด จิตดำมืด ทุกหนแห่ง
ไม่มีแรง อย่าอวดอ้าง กำลังตน
ตนพึ่งตน สิ่งหลุดพ้น หายไปไหน
ปัญญาใจ ปัญญาจิต คิดให้เห็น
สิ่งทั้งหลาย เกิดดับได้ ตนให้เป็น
ก็จะเห็น สิ่งทั้งหลาย เกิดจากเรา
จิตของคน ซุกซนนัก ประจักษ์แจ้ง
ทุกหนแห่ง สำแดงเดช เหตุสับสน
วุ่นไม่หาย หลงสุขทุกข์ ดีร้ายปน
จิตของคน ไม่เคยนิ่ง วิ่งร่ำไป
จิตเหนือจิต รู้ทันจิต คิดให้เห็น
จิตเกิดเป็น เห็นในจิต จับจิตมั่น
สิ่งทั้งหลาย จิตวิ่งเกาะ ตามรู้ทัน
เมื่อจิตพบ สงบนิ่ง หยุดวิ่งตาม
ตุ๊กตาเทพ ตุ๊กตาผี นั้นดีชั่ว
เกิดจากตัว ผู้คิดเห็น เป็นอย่างไหน
สิ่งดีชั่ว เกิดจากตัว เป็นเช่นไร
เหตุไฉน ไม่สังเกตุ เหตุผลเรา
อย่าโง่เขลา เบาปัญญา หาที่พึ่ง
ให้นึกถึง พุทธที่ใจ คลายเหตุผล
สิ่งทั้งหลาย เกิดขึ้นได้ ตนพึ่งตน
สิ่งหลุดพ้น ค้นหาเอา เราผู้ทำ
ตุ๊กตาเทพ ตุ๊กตาผี มีดีชั่ว
เกิดจากตัว ผู้กระทำ ย่อมรับผล
สิ่งทั้งหลาย เกิดดีชั่ว เกิดจากตน
ผู้รับผล หนีไม่พ้น คนกระทำ

 

จิตลัดเลาะ เที่ยววิ่งเกาะ ไปยึดมั่น
จิตรู้ทัน ไม่ยึดมั่น สิ่งทั้งหลาย
เกิดสุขทุกข์ ในทุกสิ่ง วิ่งวุ่นวาย
จิตดีร้าย เห็นตายเกิด รู้จิตเรา
จงตามเฝ้า ดูที่จิต เพ่งพิจธรรม
เกิดจากกรรม ตามลิขิต ที่จิตสร้าง
เกิดจิตไหน ในสุขทุกข์ จิตรู้ทาง
จิตสว่าง เห็นหนทาง ดับที่ใจ

 

ตั้งนะโม3จบ
นะมัสสัทธิตะวา สิทธิกาล ครูอาจาริยะ จงมาเป็นครูแห่งข้า ครูผู้เฒ่า ครูผู้แก่ แต่เดิมมา จงมาเป็นพระครู ราชครู ฤๅษีมีสิทธิ พระมนต์ อาคมทั่วโลกธาตุ มะยุมะวาจา ชัยยะ ชัยยะ ความจัญไรอย่าได้มีเลย พระศาสดาเจ้าเอ๋ย จงมาสิงสู่แห่งข้า อันล้ำยิ่ง ใต้ฟ้าประสิทธิทุกอัน สิทธิพุทธัง สิทธิธัมมัง สิทธิสังฆัง สิทธิเจระ สัพพะสัมมา ประสิทธิเม
พุทธังอาราธนานัง ธัมอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง คุณบิดามารดา อาราธนานัง คุณครูบาอาจารย์เจ้า ตลอดจน สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทั้งหลายทั้งปวง ในอนันต์มหาสากลจักรวาลย์ อาราธนานัง
พุทธะประสิทธิเม ธัมมะประสิทธิเม สังฆะประสิทธิเม นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ
โลกุตตะโร จะมหาเถโร อะหังวันทามิ
ตังสะทา เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ
นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
นะมัตถุพุทธานัง นะมัตถุโพธิยา
นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา
อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภูมิมะเทวา คะมามิหัง
มะอะอุสีวังอะจุตตัง พระอะระหังจุตติ โลกะอิทัง ยะธิระสังฆัง จุตติจุตติ

 

พระเวท พระมนต์ พระอาคม พระคาถา ล้วนเป็นหนทาง ส่องแสงสว่าง ให้เกิดสมาธิอันยิ่งใหญ่ นำไปสู่หนทางแห่งการรู้แจ้ง เป็นแสงแห่งปัญญา เกิดความรู้เห็นตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง

 

เกิดเป็นคน ผลกระทำ นำสนอง
ควรตรึกตรอง มองให้เห็น เป็นกรรมผล
สิ่งทั้งหลาย ทั้งดีร้าย เกิดจากตน
ผู้รับผล การกระทำ กรรมของเรา
ดีชั่วเรา คนอื่นเขา ไม่รู้เห็น
สิ่งเกิดเป็น การกระทำ นำรู้ผล
ทั้งสูงต่ำ การกระทำ เป็นของตน
กรรมส่งผล หมู่ชนเห็น เป็นกรรมเรา
เมื่อคิดดี ย่อมทำดี มีคนเห็น
คิดไม่เป็น เห็นดีชั่ว เป็นมัวหมอง
เห็นแก่ตัว มั่วสุขทุกข์ ใจครอบครอง
โลกทั้งผอง มองไม่เห็น ในเวรกรรม

 

ขนชูชัน ลุกตั้งเย็น เห็นสัมผัส
สิ่งลึกลับ ที่ผู้คน มองไม่เห็น
หาวตอบรับ ผู้สัมผัส เกิดมีเป็น
ได้รู้เห็น ในสิ่งอ๊วก เกิดจิตตน

 

อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโณ ท้าวเวสสุวัณโณ มะระณังสุขัง อะระหัง
สุคะโต นะโมพุทธายะ ท้าวเวสสุวัณโณ
จาตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทธะภูริโต เวสสะพุสะ พุทธังอะระหังพุทโธ ท้าวเวสสุวัณโณ นะโมพุทธายะ

 

องค์ความรู้ ดูปัญญา หาใจจิต
เพ่งพินิจ พิจารณา หาเหตุผล
สิ่งทั้งหลาย ดีหรือร้าย เกิดจากตน
หนีไม่พ้น กุศลกรรม นำผลเป็น
อยากจะเห็น แสงสว่าง ทางสดใส
เปิดจิตใจ ให้นำสร้าง ทางกุศล
สิ่งดีร้าย สิ่งทั้งหลาย เกิดจากตน
เห็นเหตุผล ในทุกสิ่ง จริงตามกรรม
ปฏิบัติเป็น เห็นชั่วดี มีสุขทุกข์
ใจจิตปลุก พิจารณาธรรม กรรมเหตุผล
เห็นกระทำ กรรมทั้งหลาย เกิดจากตน
สิ่งหลุดพ้น ต้องพาตน ค้นเห็นจริง
เมาทุกสิ่ง วิ่งวุ่นวาย ไม่คลายหยุด
เมาสมมุติ หยุดที่ตาย คลายลุ่มหลง
รู้ทันจิต คิดเห็นใจ ในถูกตรง
ไม่ลุ่มหลง ตามใจจิต พิชิตตน
รู้อะไร ก็ไม่สู้ รู้แบกหาม
จิตใจตาม ถามความรู้ ดูเหตุผล
สิ่งทั้งหลาย หนักหรือเบา เกิดจากตน
เกิดเหตุผล ตนกระทำ กรรมของเรา
เราไม่หลง ในทุกสิ่ง จิตนิ่งเบา
เราไม่เอา ในทุกสิ่ง จิตนิ่งเฉย
สิ่งทั้งหลาย ในสุขทุกข์ จิตคุ้นเคย
จิตก็เลย เห็นจิตว่าง สว่างใจ
สุขอันใด ไม่ยิ่งใหญ่ เท่าสุขธรรม
สุขจากกรรม ปฏิบัติธรรม ชัดแจ้งเห็น
สิ่งทั้งหลาย เกิดจากกรรม จึงเกิดเป็น
จึงรู้เห็น เป็นดีชั่ว ตัวกระทำ
แสงแห่งธรรม ส่องสว่าง ที่กลางใจ
แสงแห่งไฟ ส่องสว่าง ที่กลางทาง
แสงดีชั่ว เห็นสุขทุกข์ อยู่ตรงกลาง
รู้หนทาง เปิดแสงสว่าง ปัญญาใจ
ในทุกสิ่ง จริงสู้ได้ ไม่ลุ่มหลง
จิตมั่นคง ผลแห่งกรรม นำสนอง
สิ่งดีชั่ว เกิดจากตัว ไม่หลงตรอง
จิตใสส่อง มองเห็นกรรม กระทำมา
ดีชั่วเลิศ เกิดสุขทุกข์ ปลุกให้เห็น
ทุกสิ่งเป็น เห็นตามกรรม นำสนอง
สิ่งดีชั่ว เกิดจากตน รับผลครอง
สิ่งมัวหมอง ครอบครองใจ ในจิตตน
สิ่งหลุดพ้น ค้นให้เห็น ที่ใจจิต
ควรพินิจ ที่ใจจิต คิดเหตุผล
สิ่งทั้งหลาย เกิดขึ้นได้ ในจิตตน
สิ่งหลุดพ้น ค้นหาได้ ในจิตเรา

 

ธรรมมะเกิด เลิศดีจริง ทุกสิ่งตรอง
ธรรมมะส่อง มองเห็นจิต สว่างใส
ธรรมมะให้ แสงสว่าง ว่างจิตใจ
ธรรมมะใส ได้เหตุผล ล้นปัญญา
แสงสว่าง ทางสุขล้น ค้นให้เห็น
เกิดมีเป็น ในทุกสิ่ง ไม่จริงหนอ
มีความตาย อยู่เบื้องหน้า ที่เฝ้ารอ
เหตุผลพอ วางทุกสิ่ง สงบนิ่งใจ

 

ข้าพเจ้า นาย วิชัย มณีรัมย์ เป็นตัวแทน ในนาม วัดป่าแสงมณี สามัคคีธรรม
บ้านแจ่มอารมณ์ ตำบลดงครั้งใหญ่ อำเภอ เกษตรวิสัย จังหวัด ร้อยเอ็ด
ขอเรียนเชิญ พลังจิตทุกท่าน ร่วมเป็นเจ้าภาพ สมทบทุน นำไฟฟ้า เข้าวัดป่า
แสงมณี สามัคคีธรรม ห่างจากหมู่บ้าน ราวๆ3 ถึง 4 ก.ม.
ขอเรียนเชิญ พุทธศาสนิกชน ผู้เจริญทุกท่าน ร่วมเป็นเจ้าภาพ สร้างผ้าป่าสามัคคี
ร่วมสมทบทุน นำไฟฟ้า เข้าวัดป่า แสงมณี สามัคคีธรรม งบประมาณ ในการติดตั้ง
สามแสนบาท บุญกุศลในครั้งนี้ เพื่อเป็นทานบารมีอันยี่งใหญ่ เป็นแสงไฟส่องสว่างไสว เกริกไกลทั้งสี่ทิศ เพื่อเกื้อหนุน ให้บัณฑิต ทั้งหลาย ได้ปฏิบัติธรรม ตามสมควร ในอนาคตกาลเบื้องหน้า ขอความเจริญในธรรม จงมีแก่ทุกท่าน
อายุ วรรณะ สุขะ พละ จงงอกงามไพบูรณ์ เกื้อหนุนท่าน ทุกกาลเทอญ
กำหนดงาน วันที่ 11 - 12 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2559
ประธานดำเนินงาน นายวิชัย มณีรัมย์ เบอร์โทรศัพท์ 085-666-2917
นาย สมส่วน ทองสุขนอก เบอร์โทรศัพท์ 089-916-2411

 

พลังมหาศาล เหนือจักรวาลย์ใดๆ คือพลังจิตพลังใจ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เห็นตามธรรมชาติ รู้ตามธรรมชาติ เป็นตามธรรมชาติ คือธรรมชาติ อันยิ่งใหญ่ ดินไฟก่อเกิด ทุกสรรพสิ่งสรรพชีวิต สิ่งรองรับตาม น้ำลม รักษาทุกสรรพสิ่ง ให้สรรพชีวิต ดำรงค์อยู่ได้ โดยพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและ น้ำลมให้ชีวิต ดินไฟรักษาชีวิต ดินไฟให้ชีวิต น้ำลมรักษาชีวิต ทุกสรรพสิ่ง สรรพชีวิต เกิดจากธรรมชาติ ก็คือธรรมชาติ เป็นได้ในทุกสรรพสิ่ง ทุกสรรพชีวิต ธรรมชาติคือเรา เราคือธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ คือธรรมชาติผู้ให้ ในทุกสรรพสิ่ง ในทุกสรรพชีวิต เกิดดับ ตั้งอยู่ ดับไป ในธรรมชาติ ตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งปวง

 

กรรมชั่วอยู่ล่าง ข้างบนกรรมดี
กรรมมีสองอย่าง ขนาบข้างให้รับผล
ดีชั่วเกิดขึ้นกับเรา เฝ้ารอรับเกิดกับตน
ต่ำชั่วโผล่พ้น สูงบนทับไว้คุ้มภัย
เข้าใจในดีชั่ว ตัวเราอยู่ตรงกลาง
ชั่วร้ายวิ่งเข้าหา ความดีกันภัยไม่หายห่าง
ผลกรรมสองอย่าง กระจ่างแจ้งกฏแห่งกรรม
สูงต่ำดำขาว อยู่ที่เราปฏิบัติ
ดีชั่วเห็นชัด กรรมปฏิบัติแจ้งใจ
กรรมมีสองอย่าง สร้างกรรมสิ่งใด
ดีชั่วตัวจิตตัวใจ ผลที่สร้างไว้ย่อมเกิดที่เรา

 

ธรรมทั้งหลาย ร้ายดีชั่ว ตัวกระทำ
เป็นผลกรรม นำสนอง มองให้เห็น
อโหสิกรรม ชี้นำทาง จิตใจเย็น
สว่างเห็น รู้คุณค่า ว่างจิตใจ
สละวาง ปล่อยคืนไป ว่างใจจิต
ไม่ยึดติด มิตรศัตรู รู้ความหมาย
ปล่อยวางได้ ในทุกสิ่ง ยิ่งเบาสบาย
รู้เห็นได้ ใจจิตเรา อโหสิกรรม
บุญกุศล หลุดพ้นว่าง กลางใจจิต
ตรึกตรองคิด พิจารณา หาให้เห็น
สุขทุกข์โศก โลกหนักเบา สิ่งเกิดเป็น
รู้ค่าเห็น ปล่อยวางเป็น อโหสิกรรม
อโหสิกรรม นำพาเรา ข้ามสุขทุกข์
ปล่อยวางทุกข์ สรรพสิ่ง ส่งคืนเขา
ทุกสิ่งอย่าง ของคนอื่น เราไม่เอา
เราตามเฝ้า รู้ของจริง ว่างจิตใจ
ในทุกสิ่ง จริงมีอยู่ คู่ใจจิต
ในทุกสิ่ง มิตรศัตรู คู่หลอกหลอน
ในทุกสิ่ง ไม่มีอะไร ในความแน่นอน
ในทุกสิ่ง เกิดขึ้นได้ ใจจิตเรา
วิบากกรรม - กรรมวิบาก = คืออะไร
ตอบ=วิบากกรรม คือการกระทำจากอดีต ส่งผลให้เป็นปัจจุบัน
ตอบ=กรรมวิบาก คือการกระทำในปัจจุบัน ส่งผลให้เป็นอนาคต
อโหสิกรรมในทุกสิ่ง สงบนิ่งเบาเย็นใจจิต
ปัจจุบันส่งผลแรงฤทธิ์ อดีตร้ายหายสิ้นหมดไป
อนาคตสิ่งโหดร้ายก็ดับศูนย์ = วิบากกรรม กรรมวิบาก
ปล่อยวางได้ ในทุกสิ่ง จิตนิ่งเบา
โลกหนักเบา ในทุกสิ่ง จิตนิ่งเห็น
สิ่งทั้งหลาย เกิดขึ้นได้ ใจจิตเป็น
สิ่งรู้เห็น เกิดคุณค่า การปล่อยวาง

 

เกิดเป็นคนมาหลายชาติ
จงอย่าประมาทในชาตินี้
หมั่นพิจารณากรรมชั่วดี
ปัญญาจักเกิดมีหนีพ้นกรรม
สิ่งหลุดพ้นเกิดกับตนทุกเวลา
จงค้นหาทุกเวลาที่ใจจิต
กรรมทั้งหลายชั่วดีทั้งถูกผิด
ตามใจจิตเห็นการกระทำกรรมของเรา

ในจิตนี้ มีดวงใจ ใสส่องเห็น
ใจที่เป็น ดวงจิตเห็น ในทุกสิ่ง
ใจรู้จิต จิตเห็นใจ ในความจริง
ในทุกสิ่ง จิตนิ่งเบา เราเบาใจ
จิตรู้ใจ ให้รวมหนึ่ง สิ่งรู้เห็น
จึงเกิดเป็น สมาธิมั่น ไม่หวั่นไหว
รู้เห็นคิด จิตรู้ทาง ปัญญาใจ
ปัญญาใส เกิดขึ้นได้ ใจจิตเรา
จิตเย็นใส นำสู่ใจ ให้ใสแจ้ง
เป็นดั่งแสง แห่งสีทอง ผ่องจิตใจ
ปล่อยวางได้ เกิดพลัง ทั้งจิตใจ
ทางสดใส สู่จิตใจ สงบนิ่งเบาเย็น

 

ช่วยเหลือคน พ้นทุกข์เข็ญ เป็นบุญแท้
วิธีแก้ กฏแห่งกรรม นำเหตุผล
ชี้ทางบอก สายปฏิบัติ ชัดแจ้งตน
บุญกุศล ตนพึ่งตน พาพ้นภัย
เชิญผู้รู้ ช่วยกอบกู้ หลักธรรมสอน
ในบวร พุทธศาสน์ ที่ขาดหาย
ทานศีลภาวนา สมาธิปัญญา มาอธิบาย
มาขยาย แจ่มชัดใน ปัจจัยธรรม
สิ่งนี้มี ก็จีงมี ในสิ่งนี้
ธรรมวิธี ปฏิบัติ ชัดแจ้งใส
ทั้งดีชั่ว ตัวเหตุผล เกิดจิตใจ
มีสิ่งใด ในดีชั่ว ปัจจัยธรรม
ธรรมฝ่ายดี ชี้ให้เป็น เห็นความว่าง
แสงนำทาง สว่างแจ้ง ทุกแห่งหน
ทั้งใจจิต ทั้งจิตใจ สว่างตน
เกิดเหตุผล ปัญญาแจ้ง กฏแห่งกรรม
ธรรมฝ่ายชั่ว ตัวถูกผิด คิดให้เห็น
กรรมผูกเวร ตามสนอง ต้องรับผล
กรรมทั้งหลาย ในดีชั่ว เกิดกับตน
เกิดเหตุผล ตนกระทำ กรรมของเรา