ตาทิพย์เห็นยังไง จะเล่าให้ฟัง (ฟังเพลินๆไม่รับประกันความจริง)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somkiatfem, 3 มีนาคม 2017.

  1. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    การมีตาทิพย์ เริ่มจาก จิตเป็นทิพย์ จิตเป็นทิพย์ มาจากเริ่มจาก จิตเเยกจากกาย ในจุดที่เหมาะสมท่านเรียกว่าอุปจารสมาธิ จิตเเยกจากกายจาก การฝึกสมาธิ สมาธิเริ่มจาก ความพอใจเเละขยันในการทำ

    เมื่อทุกอย่างพอดีจะเกิดขึ้น ความพอดีเกิดจาก
    ความไม่พอดีมาก่อนผิดๆถูกๆมาก่อน เรียกลองผิดลองถูก

    ลองอย่างไรให้ถูกไวๆสำหรับผม เดิมผมเข้ามาศึกษาธรรมก็เหตุนี้จูงใจ เเต่พอศึกษาไปก็พบความรู้เกิดการรู้สุกทุกข์จากความอ้วนผอมของตนเองไม่ความไม่ทรางตัว ถ้าไม่ออกกำลังกายก็อ้วนก็จะเป็นโรคก็มีทุกข์ ออกก็เหนื่อยก็มีทุกข์สรุปเกิดเป็นทุกข์ ทุกข์หนอ ไม่ทรงตัวหนอ พ้นทุกข์ดีกว่า จึงทำให้ผมไปฝึก สมาธิอานาปาสติ เเละวิปัสนาควบคู่ ไม่ได้ฝึกกสิณเพื่อการู้หรือสมาธิ ส่วนตัวรู้สึกว่า เมื่อเรายังไม่เข้าถึงตัวสมาธิเเล้วไปจับภาพกสิณรู้สึกยากสับสน เเต่พอมีตัวสมาธิเเล้วอะไรมันก็ง่าย จะไปจดจ่อกับอะไรมันันก็ง่ายหัลงจากที่ฝึกสมาธิในตอนนี้ก็สัมผัสถึงการเเยกจิตจากปลายเท้าขึ้นมามีอาการชาวูบๆ 4-5 เดือนต่อมา จิตเริ่มเเยกขึ้นมาถึงปลายมือ มีอาการชา บางครั้งชาถึงปวด(ดึงสมาธิเร็วไปนิดนึง) 4-5 เดือนต่อมา เริ่มถึงบางอ้อที่ท่าน พ่อ หลวงพ่อฤาษีที่ รักยิ่ง พูดไว้ว่าสมาธิขั้นสูงหูจะไม่ได้ยินเสียงก็คือ จิตเริ่มเเยกจากหูนั้นเอง ซึ่งผมเริ่มรู้สึกได้ยินเสียงจีดๆอี้ดๆๆในหูสักระยะหูเริ่มอื้อ รู้สึกหูหนาๆ ชาๆ เเละบวกกับสมาธิก็ทรงตัวขึ้นตามลำดับ จึงพอใจอย่างมากที่สุด ซึ่งผมเองก็ วิปัสนาควบคู่ตลอด ยิ่งเกิดสุขยิ่งๆนัก เริ่มเห็นสติความทรงตัวในการดำรงค์ของจิตไปสู่ความสุขที่ยาวนาน ผมจึงเริ่มกลับมา ใช้กสิณเพื่ออยากรู้ว่ามันเห็นจริงไหม ก็นึกรู้ไว้ก่อนเเล้วดันจิตขึ้นสู่สมาธิเมื่อมันถึงจุด โดยใช้กสิณไฟ นึกเอาว่า เรานั่งในห้องมืดเเล้วจุดเทียน เราเอาภาพนั้นนั่งหลับตา ภาพมันจะนิ่งมากเพราะเราจะหลับตาหรือไม่หลับตาภาพมันก็มืดเหมือนกัน ทำให้ความไม่เเน่นอนมีน้อยเเละทรงตัวมากขึ้น ขณะที่ดันจิตเข้าสู้สมาธิ จิตนิ่มมากเนียนกายเบาไม่รู้สึกถึงกายเเละรู้สึกถึงการไล่ขั้นของสมาธิด้วยเก็นมันเเล่นของสมาธิ จู่ๆ ภาพอะไรก็ไม่ทราบได้ เเทรกขึ้นมา เป็นเหมือนเมืองเเละมีต้นไม้เเต่มืดมากเป็นเงาๆ เเต่ตอนนั้นเราจดจ่อที่เเสงไฟกสิณจิตเราวิ่งเข้าไปกลางดวงเเสง ภาพก็เเทรกขึ้นมา เรามั่นใจมากว่าใช้ เพราะว่า สติดีมากคล่องตัวเรีบกว่าจุดพีคของเรา ทำให้นึกถึงคำที่หลวงพ่อบอกว่า ความสว่างของทิพย์เเต่คนไม่เหมือนกัน เช่นในคืนเดือนมืด จุดเทียนห่างจากกายกี่วาก็ว่าไป ตอนนั้นเรานึกว่าเเค่นี้มันเหมือนไม่เห็นอะไรเลยนะ วันนี้ถึงบางอ้อ
    เเละภาพนั้นไม่ใช้คิดเองเพราะลืมตาเเล้วหลับตาใหม่ก็ยังเห็นเหมือนเดิม ซึ่งเเบบนี้เเต่ก่อนก็เคยเห็นเเต่ไม่รู้อะไรเลยไม่สนใจ เเละหลังๆจะเห็นอีกแบบ คือเห็นแบบชัดมากเเค่เเว้ปเข้ามา ภาพโครตๆชัดเเบบรูปถ่ายเลย ทั้งคน สถานที่ คนเเก่ อะไรต่อมิอะไร เเต่เราไม่รู้มันคืออะไร เกี่ยวอะไรกับเรา เราเลยไม่ให้คะเเนนเลยคือไม่สนใจเลย สรุปจริงหรือไม่ก็ไม่รู้นะ เล่าให้ฟังเพื่อมีคนคล้ายๆ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ก็ ต้องจัดว่าถูก

    ถูกที่หนึ่ง หรือ ถูกที่สุด ตรงที่ การเล่าออกมา แทบจะไม่มี จิตกระเดิด
    ทำนอง kuแน่ kuหนึ่ง ....เรียกว่า มีปัสสัทธิ พอตัว ที่อ้างว่า วิปัสสนา
    ไปด้วย ก็จะมี รสคือจริง

    พอมี สมถะ และ วิปัสสนา ที่มี ปัสสัทธิ การยกจิต ไปใน ญาณทัศนะ
    จะกลายเป็น กายคตาสติ

    ต่างจาก ทำกสิณ ทำฌาณแบบ ฤาษีเพียว ตรงที่เรา มี สัลเลขา
    มีเครื่อง ขัดเกลา

    ก่อนเห็น หลังเห็น ออกจากการเห็น กลับเข้าไปเห็น จิตจะ ราบบบบเรียบบบบ
    มี ธรรมเอก มีธรรมหนึ่ง

    ให้ยก จิตกลับมา พิจารณา เหตุของการมี ธรรมเอก ตรงนี้ไว้ด้วย

    แล้ว จะเกิดความ คล่องตัวในการ โน้มจิตไปในญาณทัศนะ

    พอมีความคล่องตัว จะไม่ต้องอาศัย กาละ เทศะ แต่ เมื่อไหร่ที
    ควรจะใช้ สมควรต้องใช้ จะโน้นจิตเห็นได้ทันที ไม่มีน้ำหนักเกิด
    ขึ้นทั้งก่อนตั้งท่า และ หลังการเห็น .... [ ความมืด สว่าง ของดวง
    เป็นเรื่อง อุปทาน เพราะถ้า ชำนาญจริงๆ ไม่ต้องให้สว่างอะไร เพียง
    แต่ ความสว่าง ก็ทำให้ มั่นใจได้มากขึ้น แต่ จะไม่ทันกิน ....แสงสว่างใดเสมอด้วย ปัญญา ไม่มี !!! ]

    เห็นแล้ว จริง หรือ ไม่จริง ไม่ใช่สาระ

    เห็นแล้ว มีประโยชน์ต่อการ ขัดเกลากิเลส ตน ก็ให้รับรู้ การน้อมไป
    ญาณทัศนะครั้งนั้น มีประโยชน์เฉพาะตน เพื่อการ สำรอก เพื่อเห็น
    ปัสสัทธิ ซึ่ง จะเห็น ธรรมวิจัยยะ

    เห็นแล้ว มีประโยชน์ต่อผู้อื่น อันนี้ ต้องดูกาละ เทศะ แล้ว เพราะถึง
    จะเห็น จริง แต่พูดออกไปแล้ว ผู้ฟังยังไม่ได้อยู่ในสภาวะ รู้ทุกข์(กิจในอริยสัจจ)
    หากกล่าวออกไป แทนที่เขาจะเข้าศาสนา เขาจะหนีศาสนา
    และหาก เขาหนีศาสนา เวรกรรมอันร้ายแรงมหาศาล จะรอ ทุบไม่ให้ผ่าน !!!
    [ เพราะ กรรมที่เกิด คือ ไปตัดผลมรรคผลนิพพาน ผู้อื่น โดยหลักการคือ
    เวลาไป กล่าวเรื่องเหนือโลกให้อนุสัมปันบันฟัง แล้วเขาเชื่อ คนที่เชื่อ
    จะเหมือน คนถูกสะกดจิต จิตเขาจะอ่อนแอ และ ไม่สามารถฟังธรรม
    ที่เป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพานได้อีก จะกระเดียดไปรับ เดรัจฉานกถา ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2017
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ยกตัวอย่าง พระอนุรุธธะ

    พระอนุรุธะ ทำการภาวนา โดยเอา ทิพย์จักขุ เป็น บาทในการภาวนา

    ภาวนาไป จะมืด จะสว่าง ก็ เห็น การเกิดดับของ สรรพสัตว์ ใน พันจักรวาล
    แต่ก็ไม่เกิด มรรคผล

    จึงไปถามพระ สารีบุตร ว่า กำหนดการภาวนาผิดตรงไหน

    พระสารีบุตร ก็บอกว่า ที่จิตมันเคลื่อนไปเห็น ภาพ แม้นจิตจะมืด
    หรือสว่าง เพราะ จิตมี " อุธธัจจะ " ให้วิจัย จิตที่มันเคลื่อนออก
    ฉวย อายตนะ เข้ามาเป็นตน ของตน

    ที่กำหนดรู้เห็นได้ขนาดนั้นแล้ว จริงหรือเท็จไม่รู้ แต่ที่ลืมไป
    คือ ทำไมไม่บรรลุอะไร ตรงที่ จิตปรารภไม่เห็นจะบรรลุอะไร
    นั่นเกิด กุกกุจจะ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อีกกรณีหนึ่ง

    พระอานนท์ ยังราตรีสุดท้าย ด้วย กายคตาเป็นส่วนมาก แต่ก็ไม่บรรลุธรรม

    พอ ละวางการปฏิบัติ กลับไป พักผ่อน หัวยังไม่ทันถึงหมอน ก็ เห็น อริยสัจจ
    บางประการ ที่จริงๆ กายคตาสติจำนวนมากนั้นก็แสดงความ.......ความ......
    ให้พิจารณา
     
  5. โอมมณีปัทเมฮุม

    โอมมณีปัทเมฮุม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +12
    ขออนุญาติ สมาธิไม่ได้วัดที่มีความรู้สึกต่อกายอย่างไรในระดับใหน
    แต่จำเป็นต้องมีสติรู้ตัวพร้อมทั่วทั้งกายอย่างยิ่ง เละรู้ทุกอาการของจิตด้วย เมื่อรู้ถ้วนทั่วพร้อมแล้วมั่นคงจึงเริ่มต้นเป็นอุปจารสมาธิ หากเลือนหายไปเรื่อยๆทีละสิ่งนั้นเรียกว่าขาดสติ เละสมาธิก้ไม่ได้ก่อเกิดแต่อย่างใด การกำหนดรูปกรรมฐานกองใดก้ตามใน 40 กอง ล้วนมีรูปที่ชัดเจนมั่นคงเพียงแตกต่างไปตามอาการ

    ระดับของณานในสมาธิเกิดหลังจากที่สติมั่นคงแล้วยังให้สมาธิตั้งมั่นขึ้นได้ ผลของมันนั้นจะชัดเจนซึ่งแตกต่างจากผลที่กล่าวมามากนัก การที่ถาพที่เห็นก่อนหลับตาเละหลังหลับตาชัดเจนนั้นเป็นเพียงการเริ่มต้นเพื่อพิจารนา ในวิตกวิจาร อารมในสมาธินั้นต้องมีสุขสงบ ท่ายังมีอาการใดๆอื่นไ ไม่ว่าจะเป็นตื่นเต้น วูปวาบ ร้อนผ่าว ลอยๆ หรืออื่นใดให้รุ้ว่าปิติเกิด ให้รู้อาการของมันเพื่อให้ปิตินั้นๆดับลงและลงสู่ความสงบระงับ แต่ความสงบระวับนั้นไม่ใช่ความแน่นิ่ง แต่เป้นการรู้ถ้วนทั่วชัดเจน เละเมื่อกองรุปใดที่ตั้งขึ้นนั้นปรากดชัดเจนองแห่งกองรุแนั้นจึงเริ่มต้นเติบโตเละดำเนินไปตามณานใดๆได้

    ผลขององณานในกองรูปใดๆที่กำหนดจะไม่เหมือนกันแต่อารมนั้นเหมือนกันคือสุขสงบรู้ตัวเละต้องมีสติมีสมาธิ แต่ความแตกต่างในการพิจารนาตรงนี้ที่ทำไห้เกิดความแตกต่างของสมถะเละวิปัสนาคือตัวปัญญา หากเรามองกองรูปนั้นด้วยการเพ่งเพื่อให้เกิดกำลังของสมาธิที่กล้าแข็งชัดเจนมากขึ้นจิตจะลงสู่การรวมตัวเป็นหนึ่งชัดเจนเละมีกำลังอย่างนั้นสมถะ แต่ท่าเรายกจิตออกจากการเพ่งมาพิจารนาด้วยปัญญาจัดเป็นวิปัสนา แต่ทั้งสองสิ่งนี้เกื้อกูลกันได้ วิปัสนานั้นใช้สมาธิในระดับปฐมณาน หรือเมื่อจิตมีความตั้งมั่นแล้วควรแก่การใช้งานแล้วไม่ไหลไปตามความนึกคิดใดๆอันฟุ่งซ่านแล้วหรือดเรียกว่ากำจัดนิวรได้แล้วตรงนี้จึงเหมาะแก่การพิจารนามาก จิตปฐมนี้เหมาะแก่การงานทุกสิ่ง ไม่ว่าจะใช้พิจารนาสิ่งใดๆในชีวิตประจำวันหรือใช้วอปัสนาญาน หากมีปัญญา วิชาก้จะเกิด จะพิจารนาให้เกิดปัญญาหรือแก้ปัญหาใดๆ หรือจะเพ่งเพื่อหยุดความคิดก้เลือกได้ตามใจปราถนา สมถะ ไม่ใช่สิ่งกีดขวางเพราะไม่ใช่อยู่ในยุคก่อนมีพระพุททธเจ้ามาตรัสรู้ เรารุ้ในสิ่งที่ท่านตรัสรู้แล้วว่าเราต้องพิจารนาอย่างไร

    ภาพอาไรที่เกิดจากสมาธินั้นจะชัดเจน ท่าได้เจอกับอาไร หรือใคร ล้วนพูดคุยได้ รับรุ้ได้ชัดเจนท่าแวบไปแวบมาแสดงว่าองสมาธินั้นยังไม่รวมตัว

    จะเซียน จะเทวดา หรือโอปปาติกะ ก้ชอบมาทักทายผู้มีณานสมาธิทั้งนั้น ท่าคุรฝึกจิตดีแล้วก้ย่อมได้เจอได้พูดคุยเป็นธรรมดา
     
  6. โอมมณีปัทเมฮุม

    โอมมณีปัทเมฮุม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +12
    ณานสมาธืนั้นไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจ กลับเป็นสิ่งที่ควรทำให้เจริญ แต่ต้องรู้จักใช้ให้ถูกจริตถูกปัญหา ถูกเวลา เมื่อเจอทุขเวทนา เจออกุศลจิต เจอสิ่งใดๆก้ตามที่เป็นทุขทำไห้เกิดทุข ส่งต่อให้อาจทำเหตุแห่งทุข หายใจครั้งเดียวดับลงได้ ไม่ดีหรือ แต่มันเพียงแค่กดข่มกิเลสลงหากต้องการหลุดพ้นก้ต้องเจริฐวิปัสนาให้ธรรมเจริญขึ้นไปตามลำดับ
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ผมว่า...ตาทิพย์ กายทิพย์ มโนมานึกยึด กสิณ ธรรมกลาย ทั้งหลายเหล่านี้

    สู้....ภาพ รส กลื่น เสียง...ในความฝัน ของผมไม่ได้หรอก...
    ในความฝันของผม....มันส์กว่าเยอะเลย
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ทำยังไงก็ได้ ให้มันเกิดปัญญา เพื่อชำระอวิชชาได้....อย่างนี้ น่าจะมีประโยชน์กว่า ...เรื่องไร้สาระเรื่องอื่นนะ
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    จิต มันไม่เป็นทิพย์หรอก....แค่วัฏะสงสารนี้ จักรวาลนี้ ภพภูมิทั้งหลาย มันเป็นโลกแห่งความคิด โลกแห่งจิต ....แค่ สิ่งที่ถูกสร้างภาพ สร้างธาตุขึ้นมา ให้ ...เป็น แค่ ละครโรงใหญ่ โรงหนึ่งเท่านั้นเอง

    จิต ไม่มีที่สิ้นสุด (จินตนาการไม่มีที่สิ้นสุด)...เมื่อหลง
    แต่ จิต มีที่ สุด ของมัน คือ เมื่อรู้ตัวเอง
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ทุกคนมีจิต มีอวิชชาเป็นของของตน ล้วนเป็นโลกแห่งจิตของใครของมัน
    มีโลก เป็นแดนเกิด แดนรู้...แต่ ทุกคนล้วนมี อายตนะ กาย ใจ และ มีจิต...เป็น เสมือน พ่อครัว ผู้ปรุงแต่ง จิต...ได้หลากหลาย มุมมอง ของใครของมัน แล้วแต่ว่าใครจะ ...ชอบไม่ชอบ..แบบไหน

    มันมี แบบ ตามจริง กับ แบบ อุปทาน ได้มากมายหลากหลายภพภูมิ...ตามเหตุปัจจัย ของจิต...ก็เท่านั้น

    พระพุทธเจ้าท่าน เอามาเล่า มาบอก มาเปิด ให้รับรู้ กันหมดแล้ว เรื่อง โลกแห่งจิต ภพภูมิ จักรวาล พวกนี้...

    ยัง..ไม่เลิกบ้า กันอีกหรือ
     
  11. ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่

    ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +29
    กสิณ หรือ อิทธิฤทธิ์ ต่างๆนาๆ มีไว้เพื่ออะไรหรอครับ ผมไม่อยากรู้อยากได้หรอกครับ เพียงแต่เห็นท่านหลายๆท่านพูดคุยกันเลยอยากจะอ่านให้เข้าใจเพราะผมขอบพิจารณาอันไหนจริงไม่จริง ใช่หรือไม่ใช่ ถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดีและเกิดจนดับ ขอบพระคุณครับ
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เดี๋ยว คุณจะรับรู้สัมผัสได้เองแหล่ะ ตามวาระจิต แต่...เมื่อถึงคราวที่ตนเองได้รับรู้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว....อย่าลืมตัว จนลืมดู ลืมพิจารณา มันก็แล้วกัน...เพราะมันสามารถ บอกถึง ระดับสมาธิของเราได้ว่า...เราจะหลง หรือไม่หลง(รู้ตัวทัน หรือไม่รู้ตัว) เหมือนว่า จะร่วมเล่นเป็นตัวละครในนั้นหรือแค่ เป็นผู้เข้าชมโรงละคร...จะรู้เองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2017
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    อย่าง
    อย่างยกตัวอย่างที่คุณเล่าว่า กว่าจะออกมาจากนิมิตร แห่งเส้นแสงนั้นมาได้..ก็ใช้เวลานาน อยู่ แต่ ก็ ออกมาจนได้

    แสดงว่า บททดสอบ นี้คุณผ่านมาได้....มันจะมีบทที่ยากกว่าขึ้นเรื่อยๆ ครับ

    ฝึกรู้ตัว เตรียม เอาไว้รับมือเถอะ...ถึงจะสนุกครับ
     
  14. โอมมณีปัทเมฮุม

    โอมมณีปัทเมฮุม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +12
    อยู่ที่ว่าคุณต้องการสิ่งเหล่านั้นไปทำไม จำเป็นต้องใช้หรือไม่ เละรู้จักมันดีมากพอหรือไม่ ท่าหากว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่สำคัยใดๆกับคุณเลยมันก้ไม่จำเป็นเพียงแค่ธรรมอย่างใดอย่างนึงรวมลงในอนิจจัง ทุขขัง อนัตา พระพุทธเจ้าก้บอกว่าทำให้เจริญก้สามารถพ้นทุขได้

    หากแต่ท่าคุณมีเมตตาจิตต่อผู้อื่นด้วยธรรมบางประการก้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการงาน หากแม้แต่ตัวเองยังไม่เจริญจะพาผู้อื่นเจริญได้อย่างไร ถึงเจริญแล้วก้ยังต้องมีมากมายพอเพื่อแจกจ่ายจึงสามารถเอื้อเฝื้อแก่ผู้อื่นได้ มากเท่าใดเล่าจึงจะพอ ก้เป็นสิ่งที่ต้องสร้างสะสมกันต่อไป ทั้งบุญ บารมี วิชา ปัญญา
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    คุง สักสิทธิ อัลลอย ลุยไปตามทางของตนเลยฮับ

    พวก จานลาย ไม่เคยสัมผัส สมาธิ จะชวนไป สะสม บารมี สำเร็จความใคร่ใคร

    อมเม็ดมณีติ่งแตดหนังฮุ้ม อะไร ปล่อยมันไป
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    นี่ไง ตัวอย่างของคนมีตาทิพย์....มีเอาไว่ส่องดู ผัวเมีย เขา ปรี้กัน
    เอาไปส่องดูสาวๆอาบน้ำ.. ดูหนุ่มสาวเขาปรี้กัน.....ไงล่ะตาทิพย์

    ตาทิพย์กับ คนโรคจิต.....นิวรณ์ คือตัวอย่างครับ
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    อ่านดูแล้ว เหมือนจะมีอารมณ์ อิจฉา...เจือปนนะ....อยากทำตามเขาล่ะสิ
    แต่ไม่กล้า กลัว....ขันธ์5 มันเอาไปแหลก..ตามเคย อิ
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    กรณี เจ้าของกระทู้

    เจ้าของกระทู้ ต้องเฝ้นให้ดีๆ ถึง แม้นอรรถ สาระ ในการ บรรยาย
    มันจะเหมือน เรื่อง ฝึกฌาณฤาษี ที่น่าอิดหนา ระอา พระพุทธองค์
    ทรงอึดอัดระอา

    แต่ เราฝึกแล้ว มันมี อรรถสารบางอย่าง ไปแฉลบเหมือนกัน แต่มันต่างกันตรงเหตุ

    สังเกต ตรงความเบา ก่อน ระหว่าง ท่ามกลาง และ จบ เราจะมีของเราตลอด

    ดังนั้น " เหตุ " ของการ ไปเห็น ไปเล่น ไปอะไรๆ จะต่างกับ ฌาณฤาษี แบบ
    ฟ้ากับเหว

    เรายิ่งฝึก ยิ่งเห็น ยิ่งสำรอกออก สละออก ไม่ว่าจะประโยชน์ใน ประโยชน์นอก

    ส่วนพวก อมเม็ดมณีติ่งแตด ยิ่งอม ยิ่งเหนียว อ้างโน้น อ้างนี้ ช่วยอะไรของมัน
    แท้จริงหรือ หลอกแหลก
     
  19. โอมมณีปัทเมฮุม

    โอมมณีปัทเมฮุม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +12
    ถูกแล้วล่ะครับ ชอบอย่างไรปราถนาอย่างไรทำอย่างนั้น
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ไช่ๆๆๆ พวกหลอกแดก เนี่ย ผมจำได้....ว่ามีคนคนนึง เหมือนจะเป็นนิวรณ์นี่แหล่ะ จะไปหลอกแดกคู่หมั้น คนอื่น เขา....ไช่มั้ย

    เห็นสาวสวยๆหน่อยไม่ได้ น้ำลายฟูมปากเชียว..อิ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...