ตามรอยพระยุคลบาทด้วยหลักธรรม

ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 31 สิงหาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    ตามรอยพระยุคลบาทด้วยหลักธรรม
    พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์
    -----------------------

    [​IMG]

    เป็นที่ยอมรับกันโดยพสกนิกรประชาชนคนไทยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระปรีชาญาณ ทรงมีพระราชอัจฉริยภาพในวิชาการแขนงต่างๆ มากมายหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นวิชาการวิศวกรรม เกษตรกรรม กสิกรรม ชลประทาน แผนที่ การสื่อสารโทรคมนาคม รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ อุตุนิยม ดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ การทหาร กีฬาแข่งเรือใบ แบดมินตัน ดนตรี ฯลฯ ซึ่งในโบราณกาลนั้น รัชทายาทของเจ้าผู้ครองนครต่างๆ ในอินเดียจะต้องไปศึกษาเล่าเรียนที่มหาวิทยาลัยตักสิลา ซึ่งเป็นตลาดวิชา ใช้เวลาเรียนถึง ๘ ปี มีหัวข้อวิชา ๑๘ หัวข้อ เสียค่าเล่าเรียนแพง คิดเป็นเงินตราปัจจุบันหลายล้านบาทต่อหลักสูตร
    แต่พระองค์ท่านมิได้มีโอกาสดังเช่นรัชทายาทเหล่านั้น เมื่อยังทรงพระเยาว์ ได้ทรงศึกษาเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยโลซาน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้ทรงตั้งพระทัยจะศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์เป็นหลัก แต่เมื่อมีเหตุการณ์มาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของพระองค์ท่านโดยฉับพลัน โดยสมเด็จพระเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ได้เสด็จสวรรคตก่อนกาลสมัยอันควร พระองค์ท่านจึงต้องเสด็จขึ้นครองราชย์ ตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ เป็นต้นมา ซึ่งขณะนั้นยังทรงมีพระชนมายุเพียง ๑๙ พรรษาเท่านั้น แผนการศึกษาเล่าเรียนของพระองค์ท่านจึงต้องเปลี่ยนแปลงทิศทางไป และประการสำคัญ คือ ไม่สามารถทรงเข้ารับการศึกษาเล่าเรียนในสถาบันการศึกษาใดๆ ได้ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ได้ทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธมามกะและได้ทรงเสด็จออกผนวช มีฉายาว่า “ภูมิพโลภิกขุ” ที่วัดบวรนิเวศฯในระยะเวลาอันสั้น ตลอดเวลาที่ทรงผนวช และหลังจากที่ได้ลาสิกขาสละสมณเพศแล้ว ได้ทรงศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาจนกระทั่งทุกวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงเข้าพระทัยในหลักธรรมที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกและที่ได้ทรงสดับตรับฟังจากพระภิกษุสงฆ์ ครูบาอาจารย์อย่างละเอียดลึกซึ้ง และได้ทรงน้อมนำเอาหลักธรรมต่างๆ มาใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาเล่าเรียน ค้นคว้า เพื่อพัฒนาพระปัญญาของพระองค์ท่านอยู่เป็นประจำ การที่ได้ทรงศึกษาปฏิบัติธรรมดังกล่าว จึงเป็นปัจจัยที่เกื้อหนุนให้พระองค์ท่านประสบความสำเร็จในวิชาการทุกแขนงที่ทรงตั้งพระทัยไว้
    องค์ธรรมสำคัญที่เกื้อหนุนให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบความสำเร็จในวิชาการแขนงต่างๆ ได้แก่ “อิทธิบาท ๔” คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา องค์ธรรมนี้ได้มีการกล่าวถึง มีการอบรมสั่งสอนในห้องเรียนหลักสูตรสามัญในโรงเรียนต่างๆ ผมเชื่อว่า ผู้อ่านคงเคยได้ยินได้เล่าเรียนมาแล้ว บางท่านคงยังจำได้ ระลึกได้แต่อาจไม่มีความรู้ความเข้าใจความหมายขององค์ธรรมนี้อย่างแท้จริง
    อิทธิบาท ๔ เป็นองค์ธรรมง่ายๆ เป็นองค์ธรรมสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยเกื้อหนุนให้การดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การทำงานบรรลุเป้าหมายตามที่ได้วางไว้ ประกอบด้วย
    ๑. ฉันทะ คือ ความยินดีพอใจใฝ่ที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่เป็นบุญเป็นกุศลไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเล่าเรียน การทำงานทั้งที่เป็นงานใหม่ และการแก้ไขอุปสรรคปัญหาของงานเก่าที่สะสมคั่งค้างอยู่ให้ประสบความสำเร็จลุล่วงไปตามเป้าหมายที่วางไว้
    ๒. วิริยะ คือ ความเพียรพยายามที่จะกระทำสิ่งที่ตนมีความยินดีพอใจให้สำเร็จลุล่วงไปตามที่ตนได้ตั้งใจปรารถนาไว้ วิริยะนี้จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติติดตามมาพร้อมกับความฉันทะ
    ๓. จิตตะ คือ ความสนใจเอาใจใส่ในเรื่องราวข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่ตนกำลังพอใจใฝ่ศึกษา ซึ่งจะหาได้จากการที่ได้ยิน ได้ฟังจากกัลยาณมิตร คือ ครูบาอาจารย์ ผู้ที่ทรงคุณวุฒิต่างๆ ทั้งทางตรง หรือ ผ่านทางสื่อมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ การอ่านศึกษาจากหนังสือตำราต่างๆ ทั้งที่มีอยู่ในห้องสมุด ผ่าน Internet แล้วจดจำเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ให้แม่นยำฝังใจ เมื่อได้ยินผู้ใดกล่าวถึงเรื่องนั้น ก็ระลึกได้ฉับพลัน สามารถเรียกความจำมาคุยสนทนากันได้อย่างติดปาก จิตตะนี้จะมีพลังมากเมื่อจิตใจอยู่ในภาวะที่เป็นสมาธิ
    ๔. วิมังสา คือ การเรียกข้อมูลที่รวบรวมไว้ในหน่วยความจำของสมอง ซึ่งพระท่านเรียกว่า “สัญญา” มาวิเคราะห์ทดลองปฏิบัติค้นคว้าหาความจริงโดยนำเอาเหตุมาวิเคราะห์หาผลด้วยตนเองจนเกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ตนกำลังสนใจอยู่อย่างลึกซึ้ง
    ผู้ที่เจริญในอิทธิบาท ๔ พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า จะมีอายุยืนนานได้ชั่วอายุกัป (อายุกัปของมนุษย์ประมาณ ๑๐๐ ปี) ผู้ใดก็ตามไม่เจริญในอิทธิบาท ๔ แล้วอย่าหวังเลยว่า จะประสบความสำเร็จในเรื่องที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานตั้งใจปรารถนาไว้
    การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประสบความสำเร็จในวิชาการแขนงต่างๆ นั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่พระองค์ท่านได้ยึดถือปฏิบัติตามองค์ธรรม คือ อิทธิบาท ๔ อย่างจริงจังต่อเนื่องซึ่งผมขอยกตัวอย่างมาเพียงหนึ่งเรื่องคือ พระราชอัจฉริยภาพในด้านการสื่อสารโทรคมนาคม เนื่องจากผมได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่สนองพระเดชพระคุณในด้านนี้อย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๑ จึงได้มีโอกาสรับทราบว่า พระองค์ท่านทรงประสบความสำเร็จในวิชาการแขนงนี้ได้อย่างไร
    เหตุปัจจัยที่เกื้อกูลให้พระองค์ท่านทรงประสบความสำเร็จในด้านการสื่อสารอย่างแท้จริง เนื่องจากได้ทรงยึดหลักธรรม “อิทธิบาท ๔” ซึ่งได้แก่
    ๑. ฉันทะ : ความพอพระทัยและสนพระทัยในกิจการวิทยุสื่อสารมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ ได้ทรงตระหนักในความสำคัญของการสื่อสารทางวิทยุว่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้พระองค์ท่านรับทราบข่าวสารความทุกข์สุขของพสกนิกรได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีเหตุภัยพิบัติเกิดขึ้น ด้วยพระมหากรุณาธิคุณพระองค์ท่านจะทรงสั่งการให้หน่วยงานในพระองค์ เช่น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯลฯ ดำเนินการช่วยเหลือไปก่อนให้ทันต่อเหตุการณ์
    ๒. วิริยะ : ธรรมฉันทะดังกล่าวในข้อ ๑ จึงกระตุ้นให้ทรงมีความเพียรพยายามศึกษาค้นคว้าให้เกิดความรู้ความเข้าใจ รู้จักธรรมชาติของคลื่นความถี่วิทยุซึ่งเป็นแก่นแท้ของวิชาการแขนงนี้ให้มากที่สุด รวมทั้งยังทรงเพียรพยายามศึกษาติดตามวิวัฒนาการเทคโนโลยีของเครื่องมืออุปกรณ์ในระบบวิทยุสื่อสารที่ทรงใช้งานอยู่อย่างใกล้ชิดเพื่อนำมาพัฒนาระบบที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
    ๓. จิตตะ : ทรงใฝ่พระทัยสดับตรับฟังความเห็น ทฤษฎีเกี่ยวกับกิจการวิทยุสื่อสารจากผู้ที่ทรงคุณวุฒิในวิชาการแขนงนี้จากสถาบันต่างๆ เก็บรวบรวมข้อมูลทางวิชาการสื่อสารโทรคมนาคมจากหนังสือ ตำรา และจากสื่อต่างๆ อาทิ หนังสือพิมพ์ บทความ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อประกอบการศึกษาด้วยพระองค์เองเป็นการพัฒนาพระปัญญาคุณ
    ๔. วิมังสา : ทรงหมั่นสืบสวนทดลองค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย หาความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติของคลื่นความถี่วิทยุด้วยพระองค์เองมาโดยตลอดบนรากฐานข้อมูลที่ได้ทรงสะสมไว้ดังกล่าวในข้อ ๓ จนกระทั่งได้คำตอบที่ถูกต้องอย่างแน่ชัด
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิดทุกประเภทที่มีอยู่ในโลก ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรที่ไม่มีใจครอง ได้แก่ แหล่งน้ำ ป่าไม้ แผ่นดิน พืชพันธุ์ธัญญาหารทั้งปวง และทรัพยากรที่มีใจครอง ได้แก่ มนุษย์และสัตว์โลกต่างๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องนำมาใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ผู้ที่จะนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ก็คือ มนุษย์ หากไม่รู้ไม่เข้าใจในธรรมชาติที่แท้จริง ย่อมเป็นเหตุให้ธรรมชาตินั้นถูกทำลายไป สร้างผลให้เกิดภัยพิบัติ สร้างปัญหาให้แก่ธรรมชาติส่วนรวมคือโลกด้วย เสมือนกับไฟ ถ้าเรารู้จักใช้ก็นำมาใช้ในการประกอบหุงหาอาหาร ใช้เป็นพลังงานได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราใช้ไม่เป็น ไฟก็จะเผาผลาญทำลายทุกอย่าง ไม่ใช้เฉพาะบ้านเรือน แต่ลุกลามไปทั่วชุมชนสังคม สร้างความเดือดร้อนไปอย่างกว้างขวางได้ ป่าไม้ก็เช่นกัน ธรรมชาติสร้างมาเพื่อให้ความร่มเย็นและเอื้ออำนวยในการดำรงชีวิตของสัตว์ป่ากับความเจริญของพืชพรรณไม้ดอกผล ทั้งเป็นเครื่องควบคุมป้องกันกระแสของน้ำป่าที่เพิ่มปริมาณขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฝนตกมากเกินไป ถ้าเราไม่รู้จักอนุรักษ์ป่าไม้ไว้ให้ถูกต้องตามหลักวิชา จะเกิดอุทกภัยพิบัติ เกิดน้ำป่าไหลหลาก ท่วมทำลายอาคารบ้านเรือน สูญเสียทั้งทรัพย์สมบัติและชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก
    ดังกล่าวข้างต้น ทรัพยากรที่มีใจครอง คือ มนุษย์ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นผู้ควบคุมกลไกการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพที่สุด
    ทรัพยากรบุคคลหรือทรัพยากรมนุษย์นั้น พระพุทธเจ้าสอนว่า เป็นสัตว์โลกที่ฝึกอบรมได้นับตั้งแต่วาระแรกที่ลืมตาขึ้นมาดูโลกจนถึงวาระสุดท้ายคือปิดตาลงเพื่อไปปฏิสนธิในชาติภพต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงให้ความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีแขนงต่างๆ
    ตามหลักพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนให้เราน้อมนำเอาหลักธรรมมาใช้ประโยชน์ มิใช่เฉพาะตนเอง เมื่อตนเองประสบความสำเร็จแล้ว จะต้องนำองค์ธรรมไปเผยแพร่ให้คำแนะนำอบรมสั่งสอนแก่บุคลอื่น ทั้งในครอบครัว และในชุมชนสังคมที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้ครอบครัวชุมชนสังคมนั้นมีความเจริญก้าวหน้า ครอบครัวใด ชุมชนสังคมใดมีหัวหน้าและสมาชิกเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมแล้ว จะอยู่ร่วมกันด้วยความสุข สงบ สันติภาพ มีแต่ความเจริญก้าวหน้า ครอบครัวชุมชนสังคมใดมีพฤติกรรมตรงกันข้าม มีการเบียดเบียนข่มเหงรังแกกัน ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป มีความประพฤติไม่ชอบ ประกอบอาชีพไม่ชอบ เป็นแหล่งอบายมุข มั่วโลกีย์ เสพสุรายาเสพติด เล่นการพนัน ย่อมจะไม่มีความสุขสงบ มีแต่ความวิบัติ
    ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเข้าพระทัยในหลักธรรมต่างๆ ในฐานะองค์พระประมุขของชาติจึงได้ทรงน้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้เพื่อให้พสกนิกรดำเนินชีวิตอยู่ได้โดยมีความทุกข์น้อยมีความสุขมากตามสมควรแก่ฐานะ พระองค์ท่านทรงให้ความสำคัญแก่ประชาชนคนไทยทุกรูปนาม ไม่ว่าจะเป็นเพศใด นับถือศาสนาใด มีวุฒิภาวะเพียงใด เสมอกันทั่วถ้วนหน้า ผู้ใดที่ด้อยโอกาสในด้านใด ก็จะทรงมีพระมหากรุณาธิคุณช่วยเหลือให้เขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีโอกาส ผู้ที่มีโอกาสอยู่แล้ว จะทรงสนับสนุนให้เขามีโอกาสดียิ่งขึ้น ผู้ที่มีโอกาสและได้ประสบความสำเร็จก็จะทรงให้กำลังใจ เป็นไปตามหลักธรรมที่เรียกว่า “พรหมวิหาร ๔” คือ
    เมตตา : ผู้ที่มีโอกาสอยู่แล้วก็จะทรงสนับสนุนให้เขามีโอกาสมากยิ่งขึ้นไป
    กรุณา : ผู้ที่ด้อยโอกาสก็จะทรงช่วยเหลือ มีพระบรมราชานุเคราะห์ให้เขามีโอกาส
    มุทิตา : ผู้ที่มีโอกาสและได้ประสบความสำเร็จก็จะทรงให้กำลังใจ
    อุเบกขา : ไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีอคติด้วยความรัก โลภ โกรธ หลง ไม่ทรงเลือกปฏิบัติ ทรงถือปฏิบัติต่อพสกนิกรประชาชนทั่วถ้วนหน้าโดยทัดเทียมกัน
    หลักธรรมเรื่อง “พรหมวิหาร ๔” นี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในโบราณกาลนั้น บุคคลที่มีความยินดีพอใจใฝ่ศึกษา มีความเพียรเดินทางดั้นด้นขึ้นเขาลงห้วยเป็นระยะทางแสนไกลด้วยความอดทนมาพบพระดาบสเพื่อขอศึกษาเล่าเรียนศิลปศาสตร์ เมื่อพระดาบสเจริญด้วยคุณธรรม คือ พรหมวิหาร ๔ รับตัวไว้เป็นศิษย์ ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้อย่างเต็มที่ไม่มีปิดบังด้วยความยินดีเต็มใจ ให้ด้วยความเมตตากรุณา เมื่อศิษย์นั้นเป็นผู้ที่เจริญในคุณธรรม คือ อิทธิบาท ๔ การประสิทธิประสาทวิชาการของพระดาบสจึงประสบความสำเร็จ ทำให้ลูกศิษย์เป็นคนเก่งในวิชาอาชีพ เป็นคนดีมีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น มีความเกรงกลัวและละอายต่อบาป มีความคิดชอบ ดำริชอบ ปฏิบัติชอบ เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองต่อไป ดังนั้น ผู้ที่จะอาสาสมัครปฏิบัติหน้าที่เป็นครูอาจารย์ที่เรียกว่า “ดาบส” ปฏิบัติหน้าที่สนองพระราชดำริโครงการพระดาบส นอกจากจะมีศิลปะในการถ่ายทอดวิชาความรู้ยังจะต้องเจริญด้วยพรหมวิหาร ๔ ด้วย เมื่อผู้ให้คือดาบส เจริญด้วยคุณธรรมดังกล่าว และผู้รับหรือนักเรียนโรงเรียนพระดาบสเจริญด้วยคุณธรรม อิทธิบาท ๔ การพัฒนาทรัพยากรบุคคลย่อมประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
    จะเห็นได้ว่า การพัฒนาทรัพยากรบุคคลตามแนวกระแสพระราชดำริโครงการพระดาบสดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นระบบการศึกษาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงน้อมนำเอาหลักธรรมที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้งานจนประสบความสำเร็จแตกต่างจากระบบการศึกษาที่รัฐเป็นผู้จัดการ ซึ่งผู้บริหารการศึกษาจำนวนไม่น้อยที่มิได้มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมที่เกี่ยวข้องมากเพียงพอ ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการปฏิรูปการศึกษากันมาแล้วมากมายหลายครั้งก็ตามแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ยังคงล้มลุกคลุกคลานกันมาอยู่จนทุกวันนี้
    ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสมาไม่น้อยกว่าสิบปีแล้ว ผมเชื่อว่า พระองค์ท่านได้ทรงน้อมนำองค์ธรรมหนึ่งของ ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ คือ สมชีวิตา แปลว่า มีความเป็นอยู่ที่เหมาะสม คือ รู้จักกำหนดรายได้และรายจ่ายเลี้ยงชีวิตแต่พอดี มิให้ฝืดเคืองหรือฟุ่มเฟือย ให้มีรายได้เหนือรายจ่าย เก็บรวบรวมส่วนที่เหลือประหยัดไว้ มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม กล่าวคือ ทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วให้รู้จักรักษาไว้ และเพียรพยายามหาสะสมเพิ่มเติมให้มากยิ่งๆ ขึ้นไป ให้หมั่นพัฒนาตนเองให้มีปัญญารู้จักทรัพยากรธรรมชาติที่เกี่ยวข้องในการดำเนินชีวิตประจำวันของตน และวิธีการนำเอาทรัพยากรนั้นมาใช้ประโยชน์และมีประสิทธิภาพ เช่น ผู้ที่เป็นเกษตรกรผู้มีความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์ในเรื่องพืชพันธุ์ธัญญาหารซึ่งใช้ในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองอยู่แล้ว ก็ไม่ควรหยุดยั้งอยู่เพียงนั้น พึงหมั่นสนใจศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอให้เกิดปัญญาว่า จะสามารถนำเอาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ อาทิ ที่ดินไร่นา มาใช้ประโยชน์เพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มเติมขึ้นมาในกรณีที่สิ้นฤดูกาลเพาะปลูกเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารที่มีอยู่แล้ว โดยการนำพืชพันธุ์อื่นๆ มาเพาะปลูกทดแทน ทำการประมง หรือเลี้ยงปศุสัตว์ แทนที่จะปล่อยให้ที่ดินไร่นานั้นว่างเปล่าโดยไร้ประโยชน์ ใช้เวลานั้นมั่วสุมอยู่กับอบายมุข หรือเที่ยวเตร่ใช้ชีวิตอย่างขาดสติฟุ่มเฟือย เป็นต้น ในปัจจุบันนี้ ได้มีการศึกษาค้นคว้ากันอย่างจริงจังทั้งภายในและนอกประเทศ เพื่อเสาะหาพืชพันธุ์ที่เป็นสมุนไพร มีคุณสมบัติในการบำบัดโรคภัยบางประเภทตามหลักวิชาการแพทย์แผนโบราณได้ มาจัดทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะดวกในการบริโภค เช่น บรรจุในแคปซูล ฯลฯ ออกมาจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ก่อให้เกิดรายได้เสริมขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง
    ในการใช้จ่ายเพื่อการเสพบริโภคในการดำเนินชีวิตประจำวันก็จะต้องรู้จักประมาณให้เหมาะสม ถ้ามีหนี้สินอยู่ ก็ต้องเพียรพยายามหาวิธีผ่อนชำระตามกำลังให้หมดสิ้น ที่สำคัญก็คือ จะต้องไม่สร้างหนี้สินใหม่ขึ้นมาอีก
    ยอดเงินคงเหลือจากการหักรายจ่ายจากรายได้แล้วให้พึงสะสมเก็บรักษาไว้ และเมื่อถึงโอกาสที่เหมาะสมให้พิจารณานำเอาเงินส่วนนั้นมาใช้จ่ายในการลงทุนขยายกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ตนมีความรู้ความเข้าใจในลักษณะงานหรือธรรมชาติของงานมากเพียงพอ มีเป้าหมายของงานซึ่งอยู่ในวิสัยที่เราและผู้ร่วมงาน (ถ้ามี) จะสามารถดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายได้ หากกำหนดเป้าหมายของงานไกล หรือ เกินกำลังความสามารถของเรามากเกินไป จะทำให้เราประสบความล้มเหลว ไม่บรรลุประโยชน์ดังที่คาดหวังไว้
    ยังมีหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามากมายที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงศึกษาทั้งภาคทฤษฎี (ปริยัติ) และทรงทำการทดลองค้นคว้าด้วยพระองค์เอง (ปฏิบัติ) จนกระทั่งทรงมีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมนั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง (ปฏิเวธ) และได้ทรงน้อมนำมาใช้ในพระราชกรณียกิจประจำวัน อาทิ ทศพิศราชธรรม ราชสังคหวัตถุ จักรวรรดิวัตร เป็นต้น ดังนั้น หากผู้บริหารประเทศและผู้นำองค์กรต่างๆ ทุกระดับชั้นได้ให้ความสำคัญสละเวลาหาโอกาสศึกษาพัฒนาปัญญาของตนเจริญรอยตามพระยุคลบาทด้วยหลักธรรมต่างๆ ที่พระองค์ท่านทรงถือปฏิบัติอยู่ ประชาชนคนไทยทุกสังคมชุมชนจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสงบ เป็นกลไกสำคัญผลักดันให้ประเทศชาติบ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าอย่างแน่นอน
    เนื่องในวโรกาสที่สำคัญยิ่งที่วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ท่านได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่พวกเราชาวไทยทุกคนจะได้ร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานและตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณด้วยการพัฒนาตนเองให้เป็นพลเมืองดีของประเทศ เป็นคนเก่งในวิชาอาชีพให้สามารถช่วยเหลือตนเองและครอบครัวได้บนรากฐานของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดีมีศิลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีความเกรงกลัวต่อบาปและละอายต่อบาป มีความคิดชอบปฏิบัติชอบ มีสติตั้งอยู่บนความไม่ประมาทอยู่เสมอ รวมทั้งทำตนให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาและช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาของชุมชนและสังคมเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติตลอดไป

    -------------
    ขอบคุณที่มาของบทความ:
    ตามรอยพระยุคลบาทด้วยหลักธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...