ตามหลักกรรมในพุทธศาสนา เกย์มีเนื้อคู่เป็นของตัวเองเหมือนชายหญิงไหมครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย เจ้าพระญา, 7 กรกฎาคม 2016.

  1. เจ้าพระญา

    เจ้าพระญา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +6
    คือผมเป็นเกย์ครับ สงสัย


    ว่าเป็นเพศแบบนี้มีเนื้อคู่ กำหนดมาให้คู่กันเหมือนชายหญิงไหม


    หรือไม่มี มีโอกาสแค่ชดใช้กรรมเรื่องที่เคยผิดศีลข้อ 3 อย่างเดียวเลย


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2016
  2. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    เรื่องของพรหม เป็นเรื่องที่นอกเหตุเหนือผลของปุถุชน จัดอยู่ในเรื่องอจินไตย คือเรื่องของ ฌาน
    จะมานั่งใช้สมองคิดพิจรณาไตร่ตรองในเรื่องของพรหมหละก็ไม่สามารถทำได้

    พรหมลิขิต จึงเป็นเรื่องที่ถูกขีดเขียนโดยความรู้สึกซะมากกว่าเหตุผลที่จะมาตอบ
    แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ใช้ความคิดหรือใช้เหตุผลเลย เพราะมิฉะนั้นก็จะกลายเป็นทำอะไรๆไปตามใจชอบ
    ไปชอบคนที่มีครอบครัวอยู่แล้วหรือมีแฟนแล้ว ก็ชอบซะอย่างจะเอาซะอย่างหละจะทำไม
    ฟังด้วยใจ คิดด้วยสมองแล้วนำมาโยโสมนสิการ เพื่อความแยบคายของใจอีกทีว่าเป็นคุณเป็นโทษยังไง
    เรื่องศีลข้อ 3 ก็เป็นเรื่องของกฏหมาย แต่เรื่องของพรหมลิขิต นี้มันเป็นเรื่องนอกกฏหมาย
    ถึงแม้จะมีครอบครัวแล้วอะไรแล้ว ก็ใช่ว่าความรักนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับคนอื่นได้อีก
    เราจึงต้องมาทำความรู้จักกับศีลข้อ 3 เพื่อให้รักของเรามันถูกกฏหมาย
    แล้วลักษณะของรักที่ผิดกฏหมายนี้เป็นยังไง ก็ต้องแอบๆรัก แอบๆทำ
    หากรักแบบผิดกฏหมายกันโจ่งแจ้ง เราก็ไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์เดรัจฉาน
    รักปุถุชนยังไงๆก็เจือด้วยกาม คงไม่ต้องแต่งนิยามรักให้เลิศหรูเป็นนิยายน้ำเน่าแบบไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร
    วกมาที่คำถาม เกย์มีเนื้อคู่ใหม ก็อย่างที่ได้อธิบายเรื่อง พรหมลิขิตแล้วว่ามันนอกกฏหมาย
    เพราะฉะนั้น จะชายกับชาย หรือ หญิงกับหญิง ก็สามารถมีได้ ไม่ได้จำกัดกฏหมายว่าต้องแค่ชายกับหญิงเท่านั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  3. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +529
    ประพฤติศีล8 สัก1ปี แล้วอธิฐานขอให้จิตเป็นเพศชายที่แท้จริง
     
  4. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,882
    มีสิ แต่ต้องเคยทำบุญ เคยอธิษฐานร่วมกันมา แต่อย่าลืมว่ากรรมต่างๆมันซับซ้อน

    ส่วนมากมาเจอเพื่อใช้กรรมต่อกัน แล้วก็จากไป ไม่ต่างอะไรกับชายหญิงนั่นล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เคยเห็น เกย์มีแฟนรักกันจนตายไหมครับ คำตอบอยู่ในคำถามนั้นละครับ
     
  6. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    อ่านนี่ดูครับ

    ::
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  7. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    อน่านี่ดูครับ

    ::
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  8. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    อ่านดูครับ
    ::
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  9. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ตามหลักพุทธศาสนา ไม่มีใครมีเนื้อคู่ครับ มีแต่คู่บุญ-คู่บาป
    กันคนที่มีพันธะสัญญาว่าจะกลับมาครองคู่กันอีก เช่นคู่บารมี

    ถาม – คู่เวรมีจริงหรือไม่? แบบที่พออยู่ด้วยกันแล้วมีแต่ความวิบัติ และความหมายของคู่แท้หมายถึงอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่ความสุขความเจริญใช่ไหม? หากเป็นเช่นนั้นต้องเชื่อเกณฑ์ของดวงชะตาราศีที่ว่าจะเจอคู่แท้เมื่อนั่นเมื่อนี่ใช่ไหม? ถ้าหากว่าเรามีวิบากที่ต้องเจอคู่ที่ทำให้เราไม่มีความสุขเราจะหลีกหนีได้หรือไม่?

    ตอบ – คู่หญิงชายนั้นมีหลายแบบ ไม่ได้มีแต่คู่เวรกับคู่แท้ คำว่า ‘คู่แท้’ จะทำให้คุณนึกถึงเพศตรงข้ามที่ติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ เป็นตัวเป็นตนจับจองกันอย่างถาวรไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งธรรมชาติไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น ตามกฎเหล็กข้อแรกสุดคือ ‘ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป’

    หากหันมาใส่ใจกับคำว่า ‘คู่บุญ’ และ ‘คู่บาป’ แทน อย่างนี้จะเห็นอะไรกระจ่างขึ้น เพราะคนเราทำบุญทำบาปสลับกันได้ ไม่มีใครทำบุญทำบาปร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตลอดไป และนั่นก็แปลว่าคู่บุญอาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบุญกันมามากกว่าร่วมทำบาป ส่วนคู่บาปก็อาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบาปกันมากกว่าร่วมทำบุญ

    มองอย่างนี้อคติจะลดลงอย่างฮวบฮาบทันที ประเภทขัดเคืองใจนิดหน่อยก็เหมาว่านี่คู่เวรของเรา หรือประเภทต้องตาต้องใจเมื่อเริ่มพบก็เหมาว่านี่แหละคู่แท้ของฉัน เราจะเห็นตามจริงว่าถ้าต้องตาเมื่อเห็น ถ้าเย็นใจเมื่อใกล้ อันนั้นก็เป็นคะแนนทางความรู้สึกด้านดีชั้นแรก ต่อเมื่อมีความผูกพันผ่านเหตุการณ์ดีร้าย หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ตรงนั้นค่อยเป็นคะแนนสะสมในชั้นต่อๆ มา กระทั่งปักใจเชื่อได้ว่าเป็นคู่บุญกันจริงๆ

    ความรู้สึกด้านดีชั้นแรกในระยะแรกพบสบตานั้น เป็นผลบุญจากการอยู่ร่วมกันมาก่อนในอดีตชาติ ส่วนการร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆ มาด้วยกัน เป็นบุญใหม่ที่เกิดจากการเกื้อกูลในปัจจุบันชาติ พระพุทธเจ้าตรัสว่าความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน

    ไม่ว่าจะเป็นของเก่าหรือของใหม่ บุญที่สร้าง ‘คู่บุญ’ ขึ้นมาจะเหมือนๆ กัน พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ได้แก่

    ๑) มีศรัทธาไปในแนวทางเดียวกัน เช่นถือศาสดาองค์เดียวกัน เชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบากด้วยกัน เชื่อว่าโลกกลมหรือโลกแบนเหมือนๆ กัน เชื่อแนวทางในการดำรงชีวิตรูปแบบเดียวกัน เป็นต้น เมื่อศรัทธาไม่ตรงกันก็คุยเรื่องไม่ตรงกัน เมื่อคุยเรื่องไม่ตรงกันก็คุยกันได้ไม่นาน เมื่อคุยกันได้ไม่นานก็เบื่อกันเร็ว อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นกับทุกรูปนาม ไม่จำเพาะเฉพาะคู่รักเท่านั้น ขนาดเพื่อนกันแต่เชื่อไม่เหมือนกันยังยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทเลยครับ ศรัทธาที่ร่วมกันปลูกฝังให้มั่นคงย่อมทำหน้าที่สร้างสายตาที่มองไปในทิศเดียวกัน ไม่ก่อความรู้สึกเป็นอื่นจากกัน

    ๒) มีศีลอันเป็นเครื่องหอมทางใจเสมอกัน คือมีความคิดงดเว้นข้อประพฤติผิดแบบเดียวกัน เป็นเหตุให้ไม่รังเกียจหรือหมั่นไส้กัน พรานหนุ่มกับพรานสาวทนกลิ่นอายฆ่าฟันของกันและกันได้ แต่ให้หมอศัลย์ที่มีรังสีช่วยชีวิตมาเป็นคู่ผัวตัวเมียกับมือปืนร้อยศพที่ทะมึนด้วยรังสีเอาชีวิต อย่างไรก็คงทนกลิ่นอายที่เป็นตรงข้ามของกันและกันไม่ไหว และนั่นก็เช่นเดียวกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งเจ้าชู้ ร้อยลิ้นกะลาวน สำส่อนไปเรื่อยโดยไม่สนใจความสกปรกหมกมุ่น ย่อมน่ารังเกียจยิ่งสำหรับคนใจซื่อถือความสะอาดผัวเดียวเมียเดียว ศีลที่ร่วมรักษาให้บริสุทธิ์ดีแล้วย่อมทำหน้าที่สร้างความอบอุ่นเชื่อมั่นในกันและกัน สนิทใจ ไว้วางใจกันเป็นมั่นเหมาะ

    ๓) มีจาคะอันเป็นวิธีคิดแบ่งปันเสมอกัน อย่างน้อยต้องเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกันในทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่มีแต่ฝ่ายหนึ่งคิดอยู่ข้างเดียว อีกฝ่ายเอาเปรียบตลอด เช่นอีกฝ่ายสละเงินให้ใช้ อีกฝ่ายสละแรงปรนนิบัติ เป็นต้น การเอารัดเอาเปรียบเกิดจากจาคะที่ไม่เสมอกันเป็นมูล ยิ่งหากต่างฝ่ายต่างคิดเจือจานคนอื่น เห็นข้าวของอะไรไม่ใช้แล้วก็คิดตรงกันว่าน่าบริจาคแก่คนที่เขาไม่มี อย่างนี้ยิ่งไปกันได้ มีโอกาสร่วมบุญกันบ่อยๆ ยิ่งให้คนอื่นมากก็ยิ่งได้ความสุขในการสละมาเสริมใยแก้วร้อยสัมพันธ์ให้กันแน่นแฟ้นขึ้น จาคะที่ร่วมกันยินดีโดยพร้อมเพรียงย่อมก่อความรู้สึกซึ้งใจอย่างใหญ่ เหมือนอยู่ด้วยกันจะเป็นที่พึ่งให้กัน ปลอดภัยร่วมกัน ประคับประคองกัน ไม่มีวันล้มพร้อมกัน

    ๔) มีปัญญาเสมอกัน กล่าวทางโลกคือคุยกันรู้เรื่อง กล่าวทางธรรมคือมีระดับการเห็นตามจริงใกล้เคียงกัน หรืออย่างน้อยเป็นไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่พูดคนละภาษา ฝ่ายหนึ่งทำก่อนคิด อีกฝ่ายคิดก่อนทำ หรือฝ่ายหนึ่งเอาอารมณ์พูด อีกฝ่ายพูดด้วยสติปัญญา หรือฝ่ายหนึ่งเห็นชัดว่าอะไรๆไม่เที่ยง ความยึดมั่นถือมั่นเหลือน้อย แต่อีกฝ่ายหนึ่งแค่เรื่องน้อยก็ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ก็คงนึกระอาหรือหมั่นไส้ในกันเป็นอย่างยิ่ง ปัญญาที่ร่วมเสริมส่งกันและกันย่อมทำหน้าที่สร้างความร่าเริงในการสนทนา และความไม่พรั่นที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน

    หากอดีตกาลคุณเคยครองเรือนกับผู้มีบุญเสมอกันทั้ง ๔ ข้อ (อาจหย่อนนิดหย่อนหน่อยได้) ขอเพียงได้มาพบกันในชาตินี้ ก็จะเกิดแรงดึงดูดที่ก่อความรู้สึกแสนดีอย่างประหลาด เหมือนเข้ากันได้ทุกอย่าง เหมือนเห็นกันได้ทุกแง่มุมด้วยความเข้าใจกระจ่าง

    และขอเพียงเกื้อกูลกันนิดๆ หน่อยๆ เช่นฝ่ายหนึ่งมาถามทาง อีกฝ่ายบอกทางให้ เท่านี้ก็จะเกิดแรงปฏิพัทธ์ขึ้นอย่างรุนแรง ชนิดที่ฝ่ายชาย (ซึ่งมีธรรมชาติเป็นรุก) อาจยื่นข้อเสนอเดินพาไปส่ง และฝ่ายหญิงก็ตกลงรับข้อเสนออย่างยินดีเต็มใจทันที แล้วการตกลงร่วมทางกันไปจนกว่าจะตายก็ติดตามมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีเหตุการณ์น่าปวดหัว ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคู่บุญประเภทนี้

    แน่นอนว่าสายตาทั่วไปมองแล้วย่อมนึกอิจฉา โดยไม่มีใครเข้าใจต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงว่าเหตุใดจึงมีคู่ที่น่าอิจฉาได้ปานนั้น รู้แต่ว่ามีจริง แต่ไม่รู้ว่ามีขึ้นมาได้อย่างไร ต้องต่อว่าใครที่แกล้งลำเอียง ความจริงคือคู่บุญได้รับความยุติธรรมจากธรรมชาติกรรมวิบากต่างหาก แต่อาจเป็นความยุติธรรมที่ลึกลับ เพราะนำอดีตชาติมาแสดงให้เห็นเป็นภาพยนตร์ตามโรงไม่ได้

    อย่างไรก็ตาม แม้วิบากเก่าบันดาลให้ช่วงแรกคบเกิดแต่เรื่องดีๆ ต่างฝ่ายต่างเป็นสุขชื่นมื่น ไปที่ไหนใครก็เชียร์ ทำอะไรร่วมกันก็รุ่งเรือง แต่ถ้าบุญเก่าแพ้บาปใหม่ ค่อยๆ สั่งสมบาปจนต้องทะเลาะเบาะแว้ง หรือเกิดการทำร้ายกันด้วยวิธีต่างๆ คู่บุญก็เปลี่ยนเป็นคู่ครึ่งบุญ (เก่า) ครึ่งบาป (ใหม่) ได้ ความหลงลืมอดีตชาติ ความประมาทในวัย และความไม่รู้จักบุญบาป ไม่เชื่อว่าบุญบาปมีผลนั่นแหละ ที่อาจเปลี่ยนคู่บุญให้เป็นคู่บาปได้ตลอดเวลา

    บาปนั้นแม้เล็กน้อยก็เหมือนเหรียญหยอดกระปุก เพียงสั่งสมให้มากวันละเล็กวันละน้อย เมื่อถึงวันหนึ่งลองยกกระปุกดู ก็อาจพบว่ามันหนักราวกับลูกเหล็กใหญ่ และถ้าเป็นบาปที่สะสมร่วมกัน ก็อาจถูกฉุดลากลงต่ำพร้อมกันได้

    บาปอันมีผลที่ทำร่วมกันแล้วหญิงชายกลายเป็นคู่บาปนั้น ยืนพื้นอยู่บนกิเลส ๓ ประการของมนุษย์ ได้แก่

    ๑) ราคะ คือทำเรื่องบาดใจกันทางเพศ ไปมองคนอื่น ไปคุยกับคนอื่น และกระทั่งไปมีคนอื่น กระแสกรรมอันสำเร็จด้วยการนอกใจ จะเป็นของแหลมคมที่กรีดใจผู้ทำให้เป็นทุกข์ก่อน ในรูปของความรู้สึกผิด และเมื่อประจวบกับความจริงที่ว่าความลับไม่มีในโลก วันหนึ่งเมื่อเรื่องแดง คู่ของตนทราบเรื่อง ก็ต้องเป็นทุกข์ตาม ในรูปของความผิดหวังเสียใจ ความร้าวฉานอันเกิดจากเรื่องทางเพศนั้น แม้คู่ครองไม่ผูกใจเจ็บ อย่างน้อยก็กลายเป็นเงามืดติดตามไปบนเส้นทางความสัมพันธ์ เมื่อเกิดชาติใหม่ความสัมพันธ์ทางเพศจะเป็นแรงดึงดูด แต่แรงดึงดูดนั้นแฝงความน่าคลางแคลงชอบกล อย่างน้อยก็มีเหตุน่าสับสน ทำให้คิดๆ ว่าจะเอาใครดี คนนี้ดีแน่ไหม หรือกระทั่งเกิดความรู้สึกสกปรกเมื่อถูกเนื้อต้องตัวในช่วงแรกๆ ขัดแย้งกันแปลกๆกับความวาบหวามเมื่อใกล้กัน

    รสนิยมทางเพศที่ไม่เสมอกันก็อาจเป็นชนวนได้ แต่มาในรูปของความหน่าย ไม่อยากไปด้วยกัน ไม่ใช่ความบาดใจเหมือนอย่างการนอกใจกัน แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งข่มเหงและเป็นโรคจิตวิปริตทางเพศ กระทำย่ำยีให้อีกฝ่ายเจ็บกายเจ็บใจเป็นประจำ ก็มีส่วนก่อกระแสภัยเวรขึ้นในสายสัมพันธ์ได้เช่นกัน

    ๒) โทสะ ส่วนใหญ่มักมีมูลจากช่องว่างระหว่างคน เมื่อทรรศนะต่างกัน เมื่อความอยากต่างกัน เมื่อรสนิยมต่างกัน เมื่อสำเนียงและภาษาต่างกัน อะไรๆ ในทางร้ายก็เกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะในรูปของการทะเลาะเบาะแว้ง เมื่อทะเลาะเบาะแว้งย่อมผูกใจเจ็บ คิดอาฆาตพยาบาท อยากแก้แค้น อยากเอาคืน ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง พูดไม่ได้ก็เย้ยหยันเหยียดหยามผ่านแววตาให้สะใจเสียหน่อยก็ยังดี กรรมร่วมกันที่ทำด้วยโทสะจะเป็นแรงผลักไส หรือดลใจให้นึกเกลียดกัน แต่โทสะนั้นเองก็เป็นพลังร้อยรัดให้ต้องอดรนทนไม่ได้ อยากวนเวียนมาทิ่มตำกันเสียหน่อย ได้ประชดประชัน ได้เอาชนะสำเร็จแล้วสะใจและเป็นสุขพิลึก ท้ายที่สุดพอร่วมหอลงโรงจริง ความสนุกจากการงอน การง้อ ก็แปรไปเป็นโศกนาฏกรรมได้ โดยเฉพาะเมื่ออิทธิพลทางเพศกลายเป็นเครื่องมือกดความรู้สึกให้ดูถูกกันและกัน เห็นอีกฝ่ายแต่ในทางต่ำ เรื่องเพียงเล็กน้อยก็เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว อาจบันดาลให้อยากส่งคู่ครองไปสู่ปรโลกได้ และถ้าฆ่ากันตายในชาติหนึ่ง ชาติถัดมาก็เกิดแรงยึดเหนี่ยวมาหากันอีกผ่านความดึงดูดทางเพศ แล้วต้องทำร้ายถึงเลือดถึงเนื้ออีก จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะอโหสิให้อย่างไม่มีเงื่อนไข

    ทุกวันนี้ที่เห็นดาษดื่นคือการน้อยใจกันแล้วฆ่าตัวตาย นี่ก็เป็นกรรมร่วมที่อยู่ในหมวดของโทสะ เจอกันใหม่ในชาติถัดไปก็จะมีอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียว หรือเป็นเหตุบันดาลใจให้มักง่ายกับชีวิตอีก

    ๓) โมหะ หมายถึงทำกรรมแบบโง่ๆ ร่วมกัน โดยอาจสำคัญว่าได้ใช้ความฉลาดเฉียบแหลม ไม่มีใครจับได้ไล่ทัน เช่นเคยร่วมกันโกงสงฆ์ โกงเงินบริจาควัด โกงประชาชน โกงหมู่คณะ โกงเพื่อนฝูง หรือโกงคนแปลกหน้าเป็นรายตัว กรรมที่ทำร่วมกันแบบโง่ๆ นั้นกว้างขวางพิสดารไม่รู้จบ เอาเป็นว่าถ้าทำความเดือดเนื้อร้อนใจให้กันและกันด้วยเหตุเพียงเล็กน้อย หรือทำความเสียประโยชน์สุขแก่มวลชนเป็นอันมาก อันนั้นแหละกรรมร่วมกันที่ยืนพื้นอยู่บนโมหะ ไม่ต้องรอชาติหน้า เอาแค่ชาตินี้เมื่อถึงจังหวะที่กรรมเผล็ดผล ก็จะอยู่ร่วมกันอย่างไม่เป็นสุขสักนาที มีแต่เรื่องราวรุมเร้า หรือไม่มีเรื่องก็ก่อเรื่องให้กันเอง ความพินาศอันเกิดจากโมหะนั้น กล่าวได้ว่าน่ากลัวเหนือสิ่งอื่นใด เพราะราคะและโทสะนั้นยังเปิดโอกาสให้ตั้งสติคิดพิจารณาทบทวนและให้อภัยกัน แต่โมหะจะปิดกั้นสติปัญญาแทบทุกประตู มองทิศไหนเหมือนเจอแต่ทางตันทึบทึม นั่นเป็นลักษณะสะท้อนของการทำกรรมด้วยความหลงเขลามืดบอด

    แต่แม้เจอเรื่องร้ายรุมเร้า ก็ยังอุตส่าห์ปักใจเชื่อว่าต้องอยู่ร่วมกันถึงจะดี ทิ้งขว้างกันไม่ได้ ต้องทนทู่ซี้ทั้งอย่างนั้น นี่ก็เป็นภาคต่อยอดของโมหะด้วย

    ขอสรุปเพื่อให้เกิดความเข้าใจง่ายๆ และรวบรัด ถ้าชวนใครทำบุญได้สำเร็จ ทั้งทำต่อกัน ทั้งทำต่อคนอื่น ด้วยกาย วาจา และใจอันเป็นสุจริต คนนั้นมีแนวโน้มจะเป็นคู่บุญ และอยู่กับคุณได้อย่างแท้จริงในชาติปัจจุบัน แต่ถ้าเป็นตรงข้าม เจอกันมีแต่ชวนกันตกต่ำ ทำอะไรเหมือนเป็นบาปกับตัวเองและคนอื่นไปหมด อย่างนั้นก็ส่อเค้าว่าไปด้วยกันไม่รอดหรอกครับ ถึงแม้มีความดึงดูดทางเพศขนาดไหนก็ตาม

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนอยู่ด้วยกันก็พอบอกเป็นเค้าๆ ได้ระดับหนึ่ง ถ้ามีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาก็น่าจะเคยทำบุญร่วมกันไว้ก่อน แต่ถ้ามีแต่เรื่องร้ายๆ ก็ให้สันนิษฐานว่าไปทำอะไรไม่ดีร่วมกันไว้ เพราะมีอยู่ครับ วิบากชนิดที่จ้องรอจังหวะตอนคู่บาปมาเจอกัน เจอเมื่อไหร่เกิดเรื่องแย่เมื่อนั้น อันนี้สะท้อนให้เห็นบาปแต่ปางก่อนค่อนข้างชัด (ยิ่งถ้าต่างฝ่ายต่างมีชีวิตเรียบง่ายดีๆ พอมาอยู่ด้วยกันค่อยเกิดเรื่องขรุขระร้ายแรงบ่อยๆ อันนั้นแหละฟันธงเลยครับ ใช่คู่บาปแน่)

    หลักการดูคู่ ขอแนะว่าลองชักชวนกันทำบุญ ดูความรู้สึกผูกพันด้านดี จะแน่นอนกว่าการดูฤกษ์ยามใดๆ ครับ แต่ผมก็เข้าใจและเห็นใจ บางคนไม่มีโอกาสเลือกมากนัก ถ้าใครคิดว่าตนเองมีบุญในเรื่องคู่น้อย ผมอยากแนะนำให้ตั้งใจรักษาศีล ๕ อย่างเข้มงวด ทำทานด้วยความเบิกบานอย่างเข้าใจสักพัก มนุษย์เรายกระดับความมีบุญได้ในชาติเดียว เดี๋ยวถ้าบุญถึงขีดบันดาลสุขในปัจจุบันทันตาเมื่อไหร่ บุญนั้นก็จะแปรสภาพเป็นแรงดึงดูดชักนำคนดีๆ ที่สมกันมาหาเราเองครับ หากถือหลักความจริงนี้ ก็คงเป็นคำตอบไปในตัว ว่าเราจำเป็นต้องเชื่อเกณฑ์ชะตาราศีไหม

    สำหรับการหลบหลีกคู่เวรหรือคู่บาป ให้ตอบตรงไปตรงมาคือยาก แต่เป็นไปได้ครับ คือเมื่อเจอแล้วเรามีสติตั้งมั่น ไม่หลงถลำไปตามแรงดึงดูดทางเพศ การหักห้ามใจได้ บวกกับการตั้งใจเป็นผู้ไม่มีเวร ให้อภัยได้ด้วยใจบริสุทธิ์แท้จริงในทุกเรื่องที่น่าขัดเคือง จะค่อยๆ แยกคุณออกห่างจากเขามาโดยดีในที่สุด


    คัดลอกมาจาก
    http://dungtrin.com/prepare
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    การสร้างบารมี ๓ ระดับ ๙ ขั้น

    ถาม
    : ถ้าเราอธิษฐานให้เกิดเป็นผู้ชายทุกชาติ ?

    ตอบ : โอกาสนั้นยาก การจะได้เกิดเป็นผู้ชาย ต้องสร้างบารมีจนถึงระดับอุปบารมีขั้นปลาย จำไว้ว่าผู้หญิงกับผู้ชายจะมีความต่างกันตรงจุดที่ว่า ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงที่ตั้งใจสร้างบารมีต่อกันมาจริงๆ ถ้ายังไม่ถึงอุปบารมีขั้นปลายเมื่อไรจะยังไม่เกิดเป็นผู้ชาย จะเกิดเป็นผู้หญิงเรื่อยไป

    ยกเว้น ผู้หญิงบางประเภท เช่น ผู้ที่ตั้งใจจะเป็นพุทธมารดาอย่างหนึ่ง ผู้ที่ตั้งใจจะเป็นเนื้อคู่ของพระโพธิสัตว์อย่างหนี่ง ท่านเหล่านี้สร้างบารมีถึงระดับปรมัตถบารมีแล้วก็ยังต้องเกิดเป็นผู้หญิง แต่ถ้าไม่ใช่ท่านทั้งหลายเหล่านี้แล้ว จะเกิดเป็นผู้ชายได้ต่อเมื่อเป็นอุปบารมีขั้นปลายไปแล้ว

    การสร้างบารมี มีอยู่ ๓ ระดับ ๙ ขั้น ก็คือ

    สามัญบารมี (ขั้นต้น) มีหยาบ กลาง ละเอียด

    อุปบารมี(ขั้นกลาง) มีหยาบ กลาง ละเอียด

    ปรมัตถบารมี (ขั้นสูงสุด) มีหยาบ กลาง ละเอียด

    ต้องสร้างบารมีถึงอุปบารมีขั้นกลาง ผู้หญิงจะเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนเป็นผู้ชาย คราวนี้ตอนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นผู้ชาย นิสัยห้าวเริ่มปรากฏ สมัยนี้เขาเลยเรียกกันว่า "ทอม" แล้วพอเริ่มเปลี่ยนเป็นผู้ชายใหม่ ๆ นิสัยผู้หญิงก็ยังอยู่ ก็เลยกลายเป็น"ตุ๊ด"ไป จริง ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพียงแต่ว่าระยะนี้พวกนี้เขามาเกิดกันมากหน่อยเท่านั้นเอง

    ถ้าเรารู้ในเรื่องของกรรมด้วย "ยถากัมมุตาญาณ" ก็จะทราบว่า คนเราทำอะไรแล้วจะได้ผลอะไร การกระทำทุกอย่างจะส่งผลแบบไหน จะเห็นเป็นเรื่องปกติ คืออยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง ถ้าหากว่าทั่ว ๆ ไป อันดับแรกไม่ใช่ผู้หญิงที่ตั้งใจจะเกิดเป็นพุทธมารดา ไม่ใช่ผู้อธิษฐานจะเกิดเป็นเนื้อคู่พระโพธิสัตว์โดยตรงแล้ว ถ้าถึงอุปบารมีขั้นกลางก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นผู้ชาย ดังนั้น..ถ้าจะว่าไปแล้ว ผู้หญิงจะสร้างบารมีมาน้อยกว่า


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕



    ที่มา : การสร้างบารมี ๓ ระดับ ๙ ขั้น - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน
     
  11. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +875
    มีพี่ที่รู้จักกันในออสเตรเลียเป็นเกย์แต่แต่งตัวเป็นผู้ชายปกติและอยู่กินกับสามีฝรั่งที่แต่งตัวเป็นผู้ชายปกติมากว่า 20 ปีแล้ว ขยันทำงานหาเงินทั้งคู่จนซื้อบ้านสามหลังและก็ยังเห็นรักกันดีจนทุกวันนี้ค่ะ
     
  12. you da one

    you da one Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +72
    ความเชื่อเรื่องเนื้อคู่ ดั้งเดิมมาจากกรีกนะคะ เขาเชื่อกันว่า ชีวิตของเราถูกลิขิตให้มีคู่กันมาตั้งแต่ยังไม่เกิด ส่วนทางพุทธ ไม่ได้มองเรื่องนี้สำคัญมาก เพราะทางพุทธ สอนให้คนละคู่ เพื่อหาทางเข้านิพพานโดยไว และไม่ได้คิดว่า คนเราะมีเนื้อคู่ เพียง 1 ไม่ผันแปรตลอดกาล เพราะความเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นตลอดเวลา รวมถึงคนรักของเรา ไม่มีอะไรยั่งยืน

    ความเชื่อเรื่องเนื้อคู่มาจากไหน

    ทำไมเมื่อโสดบางครั้งจึงรู้สึกเหงา แต่เมื่อมีคนรักชีวิตเหมือนถูกเติมเต็ม?
    เคยสงสัยบ้างไหมว่าทำไมเราถึงรู้สึกขาดหายเมื่อไม่มีคนรัก หรืออยู่กับคนรักแต่กลับรู้สึกว่า “ไม่ใช่” ? เพลโต (Plato) ยอดนักปรัชญาชาวกรีกโบราณได้บันทึกสาเหตุของเรื่องนี้ไว้ในหนังสือชื่อ Symposium ซึ่งตอนหนึ่งในผลงานของเขาได้กล่าวถึงทฤษฎีที่ศิษย์รักอย่าง อะริสโตเฟนีส (Aristophanes) ได้คิดค้นไว้ว่าตอนแรกเริ่มมนุษย์เกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสี่มือสี่ขา มีหัวเดียวพร้อมใบหน้าสองใบ

    มีสามเพศคือ ชายแท้ (ลูกของพระอาทิตย์) หญิงแทั (ลูกของโลก) และกะเทย (ลูกของพระจันทร์)

    ตำนานเล่าว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากจนถึงขั้นข่มขู่เหล่าทวยเทพว่าจะแย่งชิงอำนาจไป ด้วยความหวาดหวั่นเหล่าทวยเทพจึงคิดจะทำลายมนุษย์ด้วยสายฟ้าอย่างที่เคยทำกับเหล่าไททัน แต่ถ้าทำลายมนุษย์ซะพวกท่านก็จะไม่ได้รับเครื่องเส้นไหว้อีกต่อไป เทพซูส (Zeus) จึงตัดสินใจผ่าแบ่งมนุษย์ออกเป็นสอง วิธีนี้นอกจากจะเป็นการลงโทษฐานที่อุตริจองหองจะสู้กับเทพแล้ว ยังเป็นการเพิ่มจำนวนมนุษย์เป็นสองเท่าจะได้มีเครื่องเส้นไหว้มากขึ้นด้วย

    เมื่อมนุษย์โดนแยกออกเป็นสองร่างก็เกิดอาการซึมเศร้าจนไม่ยอมกินไม่ยอมนอน เทพอพอลโล่ (Apollo) จึงต้องเย็บแผลปิดให้ เหลือเพียงสะดือที่เป็นปมหลงเหลือจากสภาพร่างที่เคยเป็น จากวันนั้นมนุษย์จึงมีอวัยวะเพศเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น พวกที่เป็นชายแท้ หญิงแท้กลายเป็นกลุ่มชายรักชายและหญิงรักหญิง ส่วนกะเทยก็เป็นกลุ่มรักเพศตรงข้าม มนุษย์จึงรู้สึกว้าเหว่และคอยตามหาอีกครึ่งที่หายไป

    ว่ากันว่าเมื่อทั้งสองครึ่งได้พบกันทั้งคู่จะเข้าใจ และรู้ใจกันอย่างประหลาด ส่งผลให้มนุษย์เหล่านั้นรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็ม หามีความสุขใดเปรียบ

    ...

    สำหรับที่เราคิดนะ พวกตุ๊ดกะเทยบางคนที่คิดว่าเกิดมามีกรรม อาจเพราะ จริงๆแล้ว มีจิตใจที่เป็น หญิงกะเทย(หญิงชอบชาย) ที่เป็นลูกพระจันทร์ ซึ่งนิยมความรักในแบบ heterosexual พอมาอยู่ในร่างกายผู้ชาย แล้วรักกับผู้ชาย มีภาวะ homosexual เกิดขึ้น ทำให้รู้สึกขัดกับจิตวิญญาณตัวเอง จึงดิ้นรน ในการพยายามทำให้ตัวเองดูเป็นผู้หญิง ทั้งแต่งหญิง ไว้ผมยาว เสริมหน้าอก ไปจนถึงขั้นแปลงเพศ
    เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองที่จะเป็น heterosexual หรือ เป็นพวกรักต่างเพศต่อ
    นี่แหละ คือการชดใช้กรรมอย่างนึง ที่จิตใจที่เป็น heterosexual ต้องมาอยู่ในร่างกายที่ขัดกับจิตวิญญาณตัวเอง

    แต่คนที่เขาเกิดมาเป็นเกย์ homosexual
    โดยไม่ได้เป็นกรรมก็มี
    เพราะจิตวิญญาณของเขา เป็นชายแท้ homosexual ลูกของพระอาทิตย์อยู่แล้ว
    เรียกได้ว่า เกิดตรงเพศแล้ว
    และมีความสุขกับการได้เกิดเป็นผู้ชายที่รักกับผู้ชาย พวกนี้จะมีเนื้อคู่เป็นผู้ชาย

    สรุปคือ เกย์กะเทย มีทั้งที่เกิดมาตรงเพศและผิดเพศ เราจึงไม่ควรเหมารวม ว่า เกย์นั้น ผิดเพศทั้งหมด เพราะเกย์ที่เกิดมาถูกเพศ ตรงตามจิตวิญญาณของตนก็มีอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  13. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +1,203
    ให้ใครทำนายก็มีแต่บอกว่าต้องอยู่คนเดียว
     
  14. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ก็ทุก ๆ คนที่ผ่านเข้ามาให้เราได้มีความสุข ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ล้วนบุญสัมพันกันมา เคยเป็นคู่กันมาก่อนทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าใครจะดำเนินชีวิตไปทางใด มีวาสนาต่อกันในปัจจุบันหรือไม่

    ดังนั้นไม่ต้องไปใส่ใจ อันดับแรกต้องเลิกคิดว่า ความผิดหวังในรักเป็นเรื่องของการชดใช้กรรม กรรมเก่าทำให้มีความผิดเพศ แต่ที่ผิดหวังในปัจจุบันคือกรรมที่กระทำด้วยตนเอง หากเราปรารถนาในสิ่งใดแล้วไม่ได้ย่อมเป็นทุกข์ ไม่จำเพาะแต่บุคคลที่มีความผิดปรกติทางรสนิยมทางเพศ แต่ทุกคนล้วนต้องทุกข์เพราะความผิดหวัง การเอาชนะความทุกข์ ต้องใช้ความคิด ความเข้าใจในการปล่อยวาง ปล่อยวางจากสิ่งที่กำลังทำให้เราเป็นทุกข์ ปล่อยวางได้เร็วก็เลิกทุกช์ได้ไว
     
  15. LovePig

    LovePig เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +283
    มีคู่ซิ สักวันคงเจอ มันอยู่ที่เราว่าจะเปิดใจแค่ไหน
     
  16. you da one

    you da one Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +72
    แนวความคิดที่ว่าเกย์เกิดจากกรรมเก่าที่ไม่ดี มันเป็นอคติแบบเหมารวมที่เหยียดเกย์ เพราะความจริงแล้วมันก็เป็นแค่รสนิยมทางเพศแบบหนึ่ง
     
  17. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +1,203
    ไม่เห็นจะมีเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...