เรื่องเด่น ตำรวจหนังเหนียวและเคล็ดลับของเสือ -เรื่องเล่าจากตา

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย เก่ง พุทธสาวก 13, 12 กรกฎาคม 2017.

  1. เก่ง พุทธสาวก 13

    เก่ง พุทธสาวก 13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    17
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +56
    เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่ตาผมเคยเล่าให้ฟังในตอนที่ผมได้เคยอ่านหนังสือที่ชื่อ " ขุนพันธ์ มือปราบสี่แผ่นดิน "

    แล้วผมก็ได้ถามตาถึงในสมัยอดีตยุคของขุนพันธ์นั้นมีพวกตำรวจที่มีวิชาหนังเหนียวอะไรแบบนี้อยู่จริงมั้ย ?

    ขุนพันธ์.jpg


    ตาของผมท่านก็บอกว่าไอ้ว่ามีมันก็มีอยู่หรอกแต่มันไม่เหมือนกับในหนังในละครหรอกนะที่ว่าเวลาพอโดนฟันโดนยิงแล้วจะยืนนิ่งไร้ความรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้พวกหนังเหนียวนั้นคือแค่เวลาโดนยิงแล้วไม่ทะลุเนื้อหนังแต่ก็จุกและเจ็บรวมถึงอาจมีรอยช้ำรอยเขียวเกิดขึ้นตามแรงอัดของปืนนั้นๆ ไม่ต้องพูดถึงลูกซองที่แรงอัดหนักๆขนาดนั้น ต่อให้หนังเหนียวถ้าโดนลูกซองเป่าเข้าเต็มๆก็กระเด็นและจุกจนสลบไปก็มี

    ตาผมเล่าต่อว่า ตำรวจที่ว่ามีวิชามีของดีในยุคสมัยก่อนนั้นมีจริง !! เพราะยุคสมัยนั้นมันคือยุคเสือยุคโจรถ้าไม่แน่จริงก็ตายอย่างเดียวน่ะตำรวจ ฉะนั้นตำรวจจึงมักตระเวนเสาะหาของดีมาติดตัว บ้างก็ลงทุนไปสักยันต์ตามร่างกายกันเลยทีเดียว

    แต่ก็ใช่ว่ารอดเสมอไป ตำรวจบางคนถึงแม้จะมีตะกรุดจากวัดดัง หรือ ยันต์เสือเผ่นที่กลางหลังพอถึงเวลาสู้กับโจรตัวต่อตัวเห็นถูกโจรเป่าสมองตายอนาถไปก็หลายรายแต่โจรเองกลับลุกขึ้นมายืนเฉยเหมือนไม่ได้โดนอะไรทั้งที่เพิ่งจะถูกตำรวจยิงอัดไปเต็มๆ ไอ้ของแบบนี้ถ้าผิดหลักข้อปฏิบัติที่ครูบาอาจารย์เขาห้ามเอาไว้ไปแม้แต่ข้อเดียวของมันก็เสื่อมไปได้ หรือ ของที่มีอาจจะปลอม หรือ ของที่อีกฝ่ายมีนั้นเหนือกว่าตน

    อย่างเสือยอดที่เป็นเพื่อนกับตานั้นก็เคยถูกซุ่มยิงมาตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้เป็นอะไร ตาผมก็เคยถามว่ารอดมาได้อย่างไรแต่ละครั้ง เสือยอดก็ได้ถอดเสื้อออกให้ตาดู ทั้งแผ่นหลังของเสือยอดนั้นมีแต่ยันต์ทั้งนั้น ครอบคลุมทั้งคงกระพัน แคล้วคลาด จนถึง มหาอุตม์
    แต่เสือยอดบอกกับตาว่า สิ่งที่คุ้มหัวคนเราจริงๆก็คือคุณงามความดี ต่อให้เราเป็นเสือเป็นโจรแต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่าเราจะต้องลืมสิ่งดีงามที่เคยมีไปด้วย เสือยอดบอกไว้ว่าทุกครั้งก่อนจะออกจากเรือนเขามักจะสวดมนต์บูชากราบไหว้พระรัตนตรัยก่อนเสมอแล้วค่อยร่ายกำกับคาถาบทอื่นๆต่อไป
    ตาของผมเองบอกว่าเสือยอดนั้นจริงๆไม่ใช่คนเลวอะไรหรอกแต่เป็นเสือออกปล้นเพราะโชคชะตามันได้ลิขิตเอาไว้และบีบบังคับให้คนดีคนนึงต้องกลายมาเป็นเสือ

    ครั้งหนึ่งเสือยอดเคยพลาดท่าถูกตำรวจ 4 นาย ล้อมจับเอาไว้ เสือยอดจึงยิงนายตำรวจนายหนึ่งแต่กะเอาแค่บาดเจ็บเพราะไม่ได้ต้องการจะฆ่า เพื่อหวังจะเปิดโอกาสให้ตนได้พอจะหนีออกไปได้ แต่กลับเป็นว่า นายตำรวจนายนั้นยืนนิ่งกระสุนที่เสือยอดได้ยิงออกไปนั้นพุ่งเลยไปอีกทาง ในตอนแรกเสือยอดคิดว่าตนคงจะเล็งพลาดจึงยิงไปใหม่ แต่กระสุนก็พุ่งเลยไปอีกทาง เสือยอดจึงยิงใหม่เป็นนัดที่ 3 แต่ก็เป็นเหมือนเดิมคือพุ่งเลยไปอีกทาง เสือยอดจึงมั่นใจว่านายตำรวจนายนั้นน่าจะพกของดีติดตัวไว้เป็นแน่ เพราะเสือยอดเองนั้นก็นับว่าเป็นเสือที่แม่นปืนคนหนึ่งจึงยอมทิ้งปืนลงและยอมให้ตำรวจจับแต่โดยดีเพราะอย่างไรก็หนีไม่พ้น โดยก่อนจะไปเสือยอดได้กล่าวชื่นชมนายตำรวจนายนั้นว่าเป็นคนมีวิชามีของดีติดตัวคนนึง

    และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ ตาของผมเคยเห็นมีเหตุกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นจากอีกตำบลหนึ่งที่เดินทางกันมาเที่ยวงานวัดแล้วเกิดมีปัญหาปากเสียงกัน จนถึงกับใช้ไม้ตะลุมพุกและใช้ดาบที่เหน็บพกติดตัวกันมาเข้าตะลุมบอนกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย
    และได้มีตำรวจนายหนึ่งได้เข้ามาห้ามปรามแต่เกิดพลาดโดนลูกหลงโดนวัยรุ่นคนหนึ่งจากอีกตำบลง้างดาบขึ้นฟันลงบนบ่าขวาเต็มๆ เมื่อวัยรุ่นทั้งสองกลุ่มเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งหนีละจากกันไป
    ทันที ตาของผมพร้อมกับชาวบ้านที่อยู่ ณ บริเวณนั้นต่างคิดตรงกันว่านายตำรวจนายนั้นไม่รอดแน่ๆเพราะโดนฟันเต็มๆเน้นๆไปแบบนั้น แต่ตรงกันข้ามตำรวจนายนั้นลุกขึ้นมายืนและจัดเครื่องแบบที่หลุดรุ่ยให้เรียบร้อยเสมือนไม่ได้เป็นอะไร
    ตาของผมท่านสงสัยมากๆจึงเดินเข้าไปหาและถามตำรวจนายนั้นว่าเมื่อสักครู่นี้ได้ถูกดาบของวัยรุ่นคนนั้นฟันเข้าไปหรือไม่ ตำรวจนายนั้นก็บอกว่าใช่
    โดนฟันเข้าที่บ่าขวาตนจึงเสียหลักล้มลง

    แต่ตาของผมกลับเห็นว่าที่บ่าของตำรวจนายนั้นมีรอยถูกฟันจริงโดยเสื้อนั้นขาดวิ่นตามรอยฟันแต่พอให้ตำรวจนายนั้นช่วยถอดเสื้อออกให้ดูบาดแผล ปรากฎว่าที่บ่าขวานั้นกลับไม่มีเลือดไม่มีบาดแผลใดๆเลย มีเพียงแค่รอยช้ำจางๆเท่านั้น

    นับเป็นครั้งแรกที่ตาของผมท่านได้เห็นด้วยตาตัวเองถึงพวกวิชาหนังเหนียว แต่คุณตาบอกว่าพวกวิชาเหล่านี้ทั้งคงกระพัน หนังเหนียว และอื่นๆ ในปัจจุบันมันไม่หลงเหลืออยู่แล้ว เพราะข้อห้ามของครูบาอาจารย์มันยากที่จะรักษากันเอาไว้ได้ในยุคสมัยที่กิเลสมันแสนจะยั่วยวนและมีมากเช่นทุกวันนี้ และ ปัจจัยภายนอกมากมายทั้งสิ่งปลูกสร้างอาคารต่างๆที่คอยจะทำลายความขลังความศักดิ์สิทธ์ของสิ่งที่มีติดตัวกันไว้อยู่

    แต่ตาของผมบอกไว้ว่า " แต่อย่าไ่ปยึดติดกับวัตถุสิ่งของอะไรมากแต่ให้ยึดถือในคุณงามความดีและพระรัตนตรัยอันคือสิ่งสูงสุดและประเสริฐเป็นที่สุดเอาไว้ก็พอ "

    และ คุณตาเวลาท่านเล่าเรื่องราวอะไรทำนองนี้ให้ฟังจบ ท่านมักจะคอยสอนคอยย้ำเตือนทิ้งท้ายให้ฟังอยู่เสมอว่า " ต่อให้มีวิชา มีของดีของขลังขนาดไหน แต่เมื่อได้ขึ้นชื่อว่าเกิดมามีชีวิตแล้วนั้นก็ไม่อาจจะหลีกหนีความตายและกฎแห่งกรรมพ้นไปได้ ของดีมีวันเสื่อม แต่คุณความดีสิที่คงทนไร้ความเสื่อม "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กรกฎาคม 2017
  2. อิติปิโสภะคะวือ

    อิติปิโสภะคะวือ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    17
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +26
    สนุกมากๆครับ
     
  3. keena

    keena สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    สุดยอดมากครับ :)
     

แชร์หน้านี้

Loading...