ติดตามกิจกรรมพระกรรมฐาน

เขาพอใจ ก็ชม
เขาไม่พอใจ ก็ตำหนิ
อุเบกขาธรรม ย่อมรักษา
เมื่ออยู่ท่ามกลาง "สนามแห่งโลกธรรม"

 

ถึงแม้ชราภาพ ก็ต้องลงทำวัตร แม้อาพาธหนัก ก็ต้องนอนภาวนา ดูก้นของกู เป็นอย่างไร? ด้านใช่ไหม? ปฏิบัติอย่างนี้ ไม่ได้ดี แล้วจะดีเมื่อไหร่ "จริง" อย่างเดียวไม่พอ ต้อง "จัง" ด้วย คือ ทั้งจริงและจังควบคู่กันไป ต้องปฏิบัติจริงจัง ภาวนาจริงจัง ต้องทำจริงจัง (พระธรรมคำสอน...หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร)[/IMG]

 

เงินทอง ... ส่งถึง โรงพยาบาล
ลูกหลาน ... ส่งถึง หลุมศพ
บุญกุศล ... ส่งถึง ภพหน้า
ภาวนา ... ส่งถึง นิพพาน


(พระธรรมคำสอน...หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)

 

เรื่องราวพระอรหันต์ทั้งสอง กับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่หลุยท่านได้มาพักที่วัดดอยแม่ปั๋ง กะว่าจะอยู่กับหลวงปู่แหวนไปสักพักนึงก่อน เพราะว่าเป็นคนจังหวัดเลยด้วยกัน พออยู่ต่อมาหลวงปู่หลุยได้ยินข่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จมากราบหลวงปู่แหวน หลวงปู่หลุยได้ยินดังนั้นก็รีบไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่ที่อำเภอแม่แตง หลวงปู่หลุยท่านกลัวพูดกับพระราชามหากษัตริย์ไม่เป็น หลวงปู่หลุยท่านพูดว่า "พูดกับพระราชาไม่เป็น นี่คอขาดบาดตายนะเรา เป็นพระป่าพระดงไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร"

ท่านพูดเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมากราบหลวงปู่แหวนแล้ว หลวงปู่แหวนท่านก็พูดกับในหลวงว่า...
"ท่านหลุยก็มาอยู่นี่แหละ แต่หนีไปอยู่ที่แม่แตงแล้ว กลัวพูดกับพระราชามหากษัตริย์ไม่เป็น กลัวคอขาดบาดตาย ว่าอย่างนั้น"

สมเด็จพระราชินีก็พูดออกมาว่า...
"ไม่เป็นอย่างนั้นดอกพระเจ้าข้า พวกดิฉันไม่ได้ถือยศฐาบรรดาศักดิ์อะไรหรอกเจ้าข้า พูดแบบนี้เป็นกันเองนี้แหละเจ้าข้า" แล้วพระราชินีก็พูดกับหลวงปู่แหวนว่า "เมื่อดิฉันกลับจากที่นี้ไปแล้ว จะไปกราบหลวงปู่หลุยให้ได้ ไม่ต้องกลัวเจ้าข้า"

ในหลวงท่านเสด็จมากราบหลวงปู่แหวนแต่ละครั้ง ตั้งแต่บ่ายสองโมง จนถึงหนึ่งทุ่มสองทุ่มเป็นประจำ การเสด็จมาวัดดอยแม่ปั๋ง แต่ละครั้ง ถือเป็นการส่วนตัวพระองค์เอง

ครั้นต่อมาสมเด็จพระราชินีได้ให้ราชเลขาไปตามหาหลวงปู่หลุย ว่าท่านอยู่ที่ไหน ก็ทราบว่าหลวงปู่หลุยท่านไปพักอยู่ที่วัดหลวงปู่ตื้อ หรือว่าวัดพระอาจารย์เปลี่ยน ผู้เขียนก็จำไม่ค่อยได้ สมเด็จพระราชินีก็ได้เสด็จไปกราบหลวงปู่หลุย ตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่หลุยก็ได้เข้าๆ ออกๆ อยู่กับพระราชวังตลอดมา ตราบเท่าหลวงปู่หลุยมรณภาพ

อันนี้คือด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมที่เป็นพระมหากษัตริย์ไทยของเรา ได้เข้าไปถึงประชาชนทุกที่ทุกแห่งหนตำบลใดก็ตาม มีพระเจ้าพระสงฆ์ที่ท่านได้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในป่าในเขาที่ไหนๆ ก็ตาม ท่านก็ย่อมเข้าถึงที่ทุกๆแห่ง

คัดจากหนังสือชีวประวัติหลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต
วัดอรัญญวิเวก (ป่าลัน) ต.ปงน้อย กิ่ง อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย

 

พุทธธัมมคัมภีระ พาสู่ มัคคะ... ผละ... นิพพานะ
คำถาม – คำตอบ.....(๙๗)
คำถาม : น้ำตาไหลมาจากไหน?.....(๑)

คำตอบ : เราโมโหก็น้ำตาไหล เราเสียใจก็น้ำตาไหล ทุกข์ใจก็น้ำตาไหล ฯลฯ น้ำตาไหลมาจากไหน? ทำไมจึงมีน้ำออกที่ตาของเราเรียกว่า “น้ำตา”

พระพุทธเจ้าตรัสว่า เหตุที่น้ำตาไหลมาจากโทสะ โทสะไปเผาอุตุ (อุตุชรูป) โทสะเผาปฐวีมหาภูตรูป โทสะเผาอาโปมหาภูตรูป และโทสะเผาวาโยมหาภูตรูป ซึ่งเป็นมหาภูตรูปทั้ง ๔ โทสะมีเตโชไปเผาน้ำซึ่งหล่อเลี้ยงร่างกายให้เดือด น้ำเดือดก็ไหลออกทางตา เพราะตามีปริจเฉทรูป เราโมโหแล้วร้องไห้น้ำตาไหล แสดงว่าโทสะนี้มันร้อนแรง แม้แต่น้ำยังเดือด แทนที่น้ำจะไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ดับความร้อนในร่างกายให้ร่างกายเย็น แต่เมื่อเกิดโทสะจะไปเพิ่มความร้อน เราจะเห็นว่าเราจะรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว หน้าแดง ตาแดง บางครั้งรู้สึกโมโหจนตัวสั่น เวลาโมโหมีความโกรธ เขาจะสร้างรูปโทสะพาไปเกิดเป็นสัตว์นรก

โทสะจะไปเก็บไว้ที่ อุเปกขาสันตีรณ อกุสลวิปากจิตต นำไปเกิดเป็น สัตว์นรกในอปายภูมิ สัตว์นรกแต่ละขุมจะกินไฟเป็นอาหารสำหรับการทรมาน มีคมหอกคมดาบล้วนแต่เป็นอาหารที่เราได้สร้างไว้เอง เมื่อเราเกิดโทสะ รูปเราจะเดือด เราแก้ไขไม่ได้ เพราะเวลาเกิดความคิด จะคิดแล้วเครียดขึ้นมาทันที รูปเราเหมือนลวดทองแดงที่รับกระแสไฟ พอรับอารมณ์ไม่พอใจมีโทสะ รูปเขาจะสะเทือนทั่วกันไปหมด เราจะปวดศีรษะ ปวดไปหมดทั้งตัว ปวดหัวตัวร้อน หน้าแดง ตาแดง เขาวิ่งพล่านทั่วไปหมด เขาสร้างเป็นระบบในรูปของเรา เขาจะเชื่อมโยงกันไปหมด

จริงๆ แล้วในรูปเรามี อตุชรูป ๑๓ คือ :
ปฐวีมหาภูตรูป ๑…อาโปมหาภูตรูป ๑...เตโชมหาภูตรูป ๑…วาโยมหาภูตรูป ๑...รูปวิสยรูป ๑...สัททวิสยรูป ๑ ...คันธวิสยรูป ๑…
รสวิสยรูป ๑...ปริจเฉทรูป ๑…อาหารรูป ๑…รูปัสสลหุตา ๑...รูปัสสมุทุตา ๑ ...รูปัสสกัมมัญญตา ๑

เวลาทำงาน อุตุจะเป็นความร้อน ความเย็น เวลามีโทสะเขาจะวิ่งไปทั่วตัว เพราะกายเราเป็นกัมมชรูป มีโทสะฝังมาอยู่แล้วในอดีต เสียใจจนร้องไห้ โทสะมีเตโชไปเผาจนน้ำตาเดือด ขณะที่รูปเดือดเราจะไม่ค่อยรู้สึกว่าเดือด เรารู้แต่ว่ามีน้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ น้ำตาไหลไม่หยุด เพียงเราได้ฟังคำพูดผิดหูเพียงนิดเดียว เราก็น้ำตาไหล

น้ำตาไหลนี้มาจากโทสะ เราจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดโทสะ บังเอิญในตัวเรามีชนวนของโทสะ เรามีโทสะฝังมาแล้วในกัมมชรูปมาแต่อดีต ถ้าไม่มีชนวนของโทสะ เราจะไม่ร้องไห้ โทสจิตอยู่ในชวนจิต ถ้าจิตตตรงนี้ไม่ส่งไปที่รูป รูปก็จะไม่ทำงาน น้ำตาก็จะไม่ไหลออกมา

น้ำตาออกจากจิตสั่ง น้ำตามีมาตั้งแต่สุกกะ (อสุจิ) เมื่อมาผสมกับไข่มีปฏิสนธิ น้ำตาก็ไหลแล้ว น้ำตาคือ อาโปมหาภูตรูป บางครั้งเราดีใจเราก็ร้องไห้ บางครั้งเราเสียใจเราก็ร้องไห้ และบางครั้งเราเห็นคนอื่นร้องไห้เราก็ร้องไห้ตามด้วย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน ติโรกุฑฑสูตรว่า : เมื่อมีผู้ล่วงลับ (คนตาย) ห้ามร้องไห้สำหรับผู้ล่วงลับ เพราะการร้องไห้ไม่เป็นผลดีต่อผู้ล่วงลับ เรารวมกลุ่มกันร้องไห้ ผู้ล่วงลับพลอยเศร้าหมองไปด้วย การร้องไห้เศร้าโศกเป็นโทสะ เมื่อจิตเป็นโทสะก็ตก “อปายภูมิ” ไปเป็น “สัตว์นรก” เท่านั้นเอง.
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
วิเสสลกฺขณมิตฺตา
ชมรมสิกขาธัมมะตามพระไตรปิฎก ๘๔๐๐๐ พระธัมมขันธะ.
https://www.facebook.com/groups/285252774825165/permalink/789349761082128/

 

จิตกาธานปราสาทพญานกหัสดีลิงค์ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ในงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงปู่จาม มหาปุญโญ

ในวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2557 เวลา 17.00 น.

ภาพจาก พระธมฺมธโร ครูบาแจ๋ว

 

​

หลวงพ่อประสงค์ หลวงพ่อประสิทธิ์ หลวงพ่อกวง ช่วงไปอินเดีย ปี ๒๒๕๐
​

หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ วันที่ ๒๘ ก.ค. และ ๒๙ ก.ค. ๒๕๕๗..

เรียนถามถึงสุขภาพขององค์ท่าน ท่านบอก “ ร่างกายอ่อนแรงไปเรื่อยๆตามอายุขัยของมัน ถึงเวลามันอยากจะพักแล้ว ทุกวันนี้อยู่เพราะเมตตาลูกศิษย์เท่านั้น... บ่เคยคิดที่จะอยู่เพื่อตนเองเลย เรื่องของตนเองมันจบไปนานแล้ว ”..

ถามองค์ท่านว่าหลวงพ่อดูผอม เสียงพูดก็แหบพร่า องค์ท่านบอก “ ตอนนี้น้ำหนักเหลือ ๕๓.๒ กิโล พอดีกับกำลัง หนักกว่านี้ก็เดินลำบาก ขารับน้ำหนักบ่ไหว ”..

ถามองค์ท่านทุกวันนี้หลวงพ่อฉันยาเป็นฟาร์มาซีวันละสิบกว่าเม็ดเหมือนแต่ก่อนหรือเปล่า องค์ท่านบอก “ ตอนนี้หมอให้ฉันวันละ ๔ เม็ด หลังอาหารเวลาเดียว ตอนเย็นฉันเคลเซี่ยมอีก ๒ เม็ด รักษากระดูก หมอบอกกระดูกเริ่มมีปัญหาตามอายุ ”..

องค์ท่านถามถึง หลวงปู่สอน อนุสาสโก สำนักสงฆ์ถ้ำผาล้อมปีนี้ท่านจำพรรษากี่องค์ กราบเรียนองค์ท่านว่า ปีนี้หลวงปู่ท่านสอนก็ยังเป็นผู้เดียวดายเหมือนเดิม กระผมเอารถกอล์ฟของหลวงพ่อไปถวายท่านแล้ว เพื่อให้ท่านใช้บิณฑบาตรับกิจนิมนต์แถวบ้านโคกมน..

องค์ท่านบอก “ อือ..ดีแล้ว กระจายบุญ คนถวายเขาจะได้บุญหลายทาง ”..

เรียนถามหลวงพ่อประสิทธิ์ว่าจะฝากอะไรไปให้ท่านอาจารย์สมศรีผาน้อยมั๊ย.

หลวงพ่อประสิทธิ์ท่านบอกว่า “ บ่ฝากอีหยังไปดอก ท่านศรีบารมีหลายอยู่แล้ว เฮาบ่ห่วงเพิ่น ฝากความเมตตาไปบอกเพิ่นกะพอ จิตใจเมตตาถึงกันทุกวันอยู่แล้ว ”..

ลูกศิษย์ทางเมืองเลยหลวงพ่อจะฝากอะไรไปให้หรือเปล่า ท่านบอก “ ไม่มีสิ่งของอะไรจะให้ หลวงพ่อเมตตาลูกศิษย์เมืองเลยทุกคนเสมอ ”..

ถามองค์ท่านว่า เมื่อไหร่หลวงพ่อจะลงมาอีสานอีก..

ท่านบอก “ แล้วแต่วาระกับสังขาร ต้องดูความพร้อมของตนเอง ทุกวันนี้อยากอยู่เงียบๆคนเดียว ไม่จำเป็นจะไม่ออกมายุ่งเกี่ยวกับใคร คนมาหาก็เอาแต่เรื่องกิเลสมาเล่าให้ฟัง ถามแต่เรื่องกิเลส เราเบื่อไม่อยากตอบ เสียเวลานั่งฟัง ถ้าถามเรื่องธรรมเรื่องปฏิบัติเราถึงอยากจะตอบ ถ้ามาถามเรื่องไม่เป็นสาระเราจะลุกเดินหนีเลย รับแขกทุกวันนี้เราเอาตามสภาพความพร้อมของร่างกายว่า ถ้าวันไหนร่างกายไม่ไหวเราก็ไม่ออกมาพบกับผู้คน ”..

บางส่วนในการสนทนากับ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่..

จากคำสนทนาและบอกเล่า ของอ.วีรศักดิ์ โพธิสัตย์(อดีตครูบากล้วย )

 

หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ เมื่อครั้งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดบ้านตาด จ.อุดรธานี มาที่วัดป่าหมุ่ใหม่


ช่วยกันเช็ดเท้าหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่หลังจากสรงน้ำ วันสงกรานต์

 

ประชาสัมพันธ์งานบุญใส่บาตรพระกรรมฐาน 15 รูป ทอดผ้าป่าสร้างตึกสงฆ์อาพาธ ร.พ.วานรนิวาส เตียงผู้ป่วย เครื่องกระตุ้นหัวใจ เครื่องฟอกไต มอบให้โรงพยาบาล ไถ่ชีวิตโค-กระบือถวายพระราชกุศล วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2557 ณ ซอยจรัญฯ 57 บางพลัด กทม
สอบถาเพิ่มเติมได้ที่ ผศ.ยุวดี ชาติไทย 089-816-4343

https://www.facebook.com/kusolmongk...set?set=a.10202722597935205.1506975463&type=3

 

ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญกุศล
-เป็นเจ้าภาพทอดกฐินปลดหนี้ศาลาเอนกประสงค์ ซึ่งมีหนี้ค้างชำระอยู่เป็นจำนวนเงิน2,000,000บาท
-เป็นเจ้าภาพร่วมหล่อสมเด็จพระเจ้าทันใจสัมฤทธิผล ซึ่งเป็นพระชำระหนี้สงฆ์ และพระอธิษฐาน ขอพรประทานความสำเร็จดังประสงค์ เป็นพระหน้าตัก4ศอก ติดทองประดับเพชร
-เป็นเจ้าภาพหล่อพระประทานหลวงพ่อเงินสบายหน้าตัก99นิ้วเป็นปางสุโขทัยเป็นพระที่สร้างด้วยเงินแท้ทั้งองค์ ประดิษฐานไว้ในศาลาเอนกประสงค์ เป็นพระประธานในศาลาที่จะช่วยปลดหนี้ดังกล่าว
-.เป็นเจ้าภาพร่วมทอดกฐินสามัคคี ตามจังหวัดต่างๆกระจายทั่วประเทศ

กำหนดการพิธีบวงสรวง เวลา09.00น.พิธีหล่อสมเด็จพระเจ้าทันใจสัมฤทธิผล10.30น.ร่วมทอดกฐิน ณ วัดควนสบาย อ.เมือง จังหวัดกระบี่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ 089-488-5819

https://www.facebook.com/kusolmongk...set?set=a.10202722721538295.1506975463&type=3

 

...การเห็นพระพุทธเจ้าเต็มพระองค์ พระพุทธเจ้าแท้ ธรรมแท้อยู่ที่ใจ การอุปัฏฐากใจตัวเอง คือการอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า การเฝ้าดูใจตัวเองด้วยสติปัญญา คือการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง...

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙

 

เนื่องจากกระผมจะได้อัญเชิญผ้าขาวอย่างดีพร้อมสีย้อมผ้าสีแก่นขนุน ด้ายขาว2หลอดใหญ่ และเข็ม 1ชุด ตามแบบการจัดผ้ากฐินสายหลวงปู่มั่นฯ ไปร่วมทอดถวายกฐินสามัคคี ณ วัดป่าภูหายหลง บ้านซับสำราญ หมู่ที่11 ตำบลวังกระทะ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา มีพระอธิการสงฆ์เจ้าคณะตำบล หลวงพ่อประพันธ์ เป็นเจ้าอาวาส


ปัจจัยหรือบริวารกฐินที่ได้ ทางวัดจะนำไปใช้บำรุงวัด โดยกำลังดำเนินการปรับปรุงระบบส่ง-จ่ายน้ำประปา ซื้อที่ดินขุดสระน้ำให้มีมากเพียงพอต่อการบริโภคใช้สอยภายในวัด จำนวน2ไร่ๆละ 1,200,000บาท รวมเป็นเงิน2ล้าน4แสนบาท เพื่อเป็นนิมิตหมายของชีวิตสาธุชนผู้ร่วมบุญกุศลสัมพันธ์ให้ประสบความสุขเจริญรุ่งเรือง ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีโชคลาภร่ำรวย เป็นปัจจัยเกื้อหนุนได้สร้างบารมีต่อๆไปให้ถึงซึ่งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ ตลอดไปจนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพานโดยดีงาม ด้วยเทอญฯสมปรารถนาในสิ่งที่ดีงามทุกประการ (นอกจากอานิสงส์กฐิน กาลเวลาทานแล้ว ยังได้บุญเสนาสนะ วิหารทาน(ให้ที่อยู่อาศัยชื่อว่าให้ทั้งหมด) วิทยาทานกลวิธีการบริหารจัดการน้ำเย็นใจใสสะอาดใช้สอยอุปโภคบริโภค ซื้อที่ดินเป็นธรณีสงฆ์ ฯลฯ) สาธุๆๆ


กำหนดการ

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม 2557 (ตรงกับแรม 4ค่ำ เดือน11 ปีมะเมีย)

เวลา 09.00น. เจ้าภาพกฐินสามัคคีทุกสาย ร่วมกันตั้งองค์กฐินโดยพร้อมเพรียงกัน

เวลา 10.00น. ฟังพระธรรมเทศนาอานิสงส์แห่งการทอดกฐิน

เวลา 10.40น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์

เวลา 11.30น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนตร์สมโภชน์องค์กฐิน ทำพิธีถวายกฐินสามัคคี

รับพรพระ เป็นเสร็จพิธี

เชิญร่วมรับประทานอาหารเที่ยง แล้วไหว้พระชมสถานที่ตามอัธยาศัย เดินทางกลับบ้านโดยความปลอดภัยและโชคดีทุกท่าน



การจัดเตรียมชุดผ้ากฐิน มีราคาเบื้องต้นประมาณ 4พัน4ร้อยบาทครับ เป็นผ้าขนาดใหญ่สุด ผ้าขาวยาว 30หลา 56"/57" 100% Cotton (U.S.Pima) สีย้อมสีแก่นขนุน ด้ายขาว2หลอดใหญ่ และเข็ม 1ชุดครับ

หากท่านผู้ใดสนใจมีจิตศรัทธาร่วมบุญบริจาคในผ้ากฐิน(และหากได้ปัจจัยเกินจะได้เข้าร่วมเป็นบริวารกฐิน สำหรับบำรุงกิจการสงฆ์ตามวัตถุประสงค์ของวัดต่อไปครับ) ขอเชิญร่วมบุญกับผมได้ตามหมายเลขบัญชีธนาคารดังนี้ครับ


ธนาคารกรุงไทย

ออมทรัพย์เลขที่ 066-0-05973-8

ชื่อ กุศลมงคล สุวรรณกูฏ

 

สาธุๆๆ อนุโมทามิทุกบุญกุศลสัมพันธ์โดยดีงาม น้อมกราบสาธุการ พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป และหมู่คณะสงฆ์วัดอรัญญวิเวก พระอาจารย์ประสิทธิ์ และหมู่คณะสงฆ์วัดป่าหมู่ใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ครับ ขอบคุณคุณนักรบเงามากครับ ที่แจ้งข่าวงานบุญทั้ง2อันเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งครับ สาธุๆๆ

 

​

ฉันฟังมาตั้งนาน โลกอุดร โลกอุดรใครหนอ มีวันหนึ่งก็เลยนั่งอยู่ ใครกันหนอ...? อ้อ...พอเจอหน้าก็ร้องอ้อเลย แต่ว่าท่านพวกนี้ทั้งหมด เดิมทีต้องมาจากพุทธภูมิก่อน พอใกล้จะเต็มก็ลา ลาจากพุทธภูมิเป็นสาวก ก็เลยต้องทำงานพุทธภูมิ

ถ้าสาวกจริง เขาไม่เอาด้วยหรอก เขาทำงานเฉพาะเรื่องของเขา ที่เห็นว่ามีเยอะๆ ทำได้ก็เงียบฉี่ คืองานของเขาไม่มี พวกนี้ถ้าถึงจุดเขาเว้นงาน คือต้องทำงานตามหน้าที่

มันมีเรื่องหนึ่งที่เราพูดกันแล้วเหมือนคนบ้า...

ไอ้ก่อนที่จะลงมานี่มันมีสัญญาใจ ว่าจะมาทำงานอะไร เวลาลงมาเกิดใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องหรอก จิตไม่ถึงที่สุด ถ้าจิตถึงที่สุดกระเทาะเปลือกสัญญา อีตอนนี้แหละงานอื่นที่เคยทำมาแล้วก็โยนทิ้งหมด เอาเฉพาะงานของตน

ไปๆ มาๆ ก็ไปเจอะท่าน ไปเจอะกับท่าน ฉันอยากนึกจะเจอก็ชนปั้งเลย เมื่อชนปั๊บ ถามว่า

"เป็นพุทธภูมิมาก่อนใช่ไหม"

คือว่าพวกนี้ถ้าไม่สงสัยแกก็ไม่รู้เรื่องฉัน ถ้าสงสัยก็ชนกันเมื่อนั้นแหละ ต่างคนต่างขี้เกียจด้วยกัน มันไม่เก่งแล้ว มันต้องเก่งมาตอนต้นๆ ตอนต้นก็อยากเก่ง

ไอ้นักมวยตอนที่หัดใหม่ๆ ไปไหนกำหมัดยิกๆๆ ฉันเป็นนักมวย เอาเข้าเป็นแชมป์แล้ว เขาก็เลิก พระก็เหมือนกัน แก่แล้วก็เลิก แก่ก็มีเรื่องเด็ก ขี้เกียจ จะรู้อะไรไปทางไหนก็ตายแหงๆๆ อย่างพวกนี้ ตายแล้วจะไปไหน หาทางให้มันให้ไปแล้วไม่มาใช่ไหม

อะไรบ้างที่เราจะเปลื้องความทุกข์ไอ้การเวียนว่ายตายเกิด ก็ภาวะจิตมุ่งตรงสู่นิพพาน คือไอ้การอยากรู้ อยากเห็นก็เลิกกัน แต่ว่าเหตุใหญ่มันชนกันเข้าก็ต้องรู้ สงสัยเขาก็พูดกันเรื่อยเลย โลกอุดรๆๆ คือใคร

ก็มีคนหนึ่งบังเอิญเข้าไปพบ และก็ขอถ่ายภาพ ภาพแรกเป็นพระ กล้องเดียวกันถ่ายทีเดียว ขอถ่ายอีกทีกันเสีย มีภาพนุ่งโสร่ง ผ้าขาวม้าคาดพุงมีดเหน็บข้างหลัง

ถามมึงถ่ายอะไร

ฟิลม์เดียวกันครับ

ขอถ่ายครั้งที่ ๒ แกร็ก...กันเสีย ก็ไม่เสีย ได้อีกภาพหนึ่ง ถ้าได้ซ้ำก็เสียฟิลม์เปล่าใช่ไหม

พวกตกใจใหญ่ เป็นไปได้รึ เขาเป็นจะถามทำเกลืออะไร ก็เพราะมันเอง มันเห็นเอง ถามเป็นไปได้หรือ เป็นไปได้แล้ว ไม่น่าจะมาถามเลย

โลกอุดร ชื่อจริงๆ ก็ อุตตระ พระที่นำพระไตรปิฎกเข้ามาสุวรรณภูมิ อุตตระกับโสณะ หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว...ถ้าถามว่าอยู่ได้ยังไง อย่าลืมคำหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า

"ผู้ใดถ้าคล่องอิทธิบาท ๔ สามารถจะอธิษฐานร่างกายอยู่ถึงกัปหนึ่ง"

อย่าลืมนะผู้ที่คล่องอิทธิบาท ๔ คือ พระอรหันต์ พระอนาคามีนี่ถือว่ายังไม่คล่อง เพราะอะไร ยังตัดสังโยชน์อีก ๕ ไม่ได้ ถ้าพระอรหันต็ก็ถือว่าคล่อง ไอ้คล่องไม่ใช่ว่าเฉยๆ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา อั๊วะก็ว่าได้นี่ นี่ไม่ได้นะ"

จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๕๖ หน้า ๔๗-๔๘