ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Thanong Fanclub

    3. ราชาแห่งโลก (Lord of the World)

    ดูเหมือนว่า โอบามาจะวางสนุ๊กในตะวันออกกลางเพื่อให้เกิดวิกฤติ และปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรง อันจะนำไปสู่ทางออกที่เตรียมเอาไว้แล้วให้ทรัมป์ที่จะเป็นราชาแห่งโลก

    ในวันที่23ธันวาคม โอบามาให้ทูตสหรัฐประจำยูเอ็นงดออกเสียงในเวทีประชุมของสภาความมั่นคงของยูเอ็นที่มีมติ14เสียงประนามอิสราเอลในการสร้างบ้านเรือนโดยรุกกินดินแดนของชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสแบงค์ และเยรูซาเลมตะวันออก

    พร้อมกันนั้นโอบามาจะจัดการประชุมนานาชาติในวันที่15มกราคมที่กรุงปารีสเพื่อหาแนวทางสันติภาพให้กับอิสราเอล-ปาเลสไตน์ โดยที่จะมีรัฐยิว และรัฐปาเลสไตน์อยู่คู่กันในดินแดนปาเลสไตน์หรืออิสราเอลในปัจจุบัน

    นายเบนจามิน เนธันยาฮูนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล เต้นเป็นเจ้าเข้าที่ถูกโอบามาหักหลัง เพราะว่าทางอิสราเอลไม่ต้องการให้มีรัฐปาเลสไตน์ และชาวปาเลสไตน์จะถูกลดชั้นลงเป็นเพียงพลเมืองชั้นสองเท่านั้น

    เนธันยาฮูส่งสัญญานว่าจะท้าทายต่อมติของยูเอ็น

    มันเป็นเรื่องผิดวิสัย
    มากที่สหรัฐไม่สนับสนุนอิสราเอลในเวทียูเอ็นเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติมา อิสราเอลอยู่ได้เพราะสหรัฐให้การหนุนหลังเต็มประตู การดัดหลังอิสราเอลในครั้งนี้ต้องมีวาระแอบแฝง

    วาะแอบแฝงนั้นคืออะไร?

    คงต้องจับตาดูว่า ใครจะเป็นโบรกเก้อร์ตัวจริงในการประชุมนานาชาติที่กรุงปารีสเพื่อหาทางออกให้อิสราเอลและปาเลสไตน์ ปัญหาอิสราเอล-ปาเลสไตน์จะเป็นตัวกำหนดว่าสงครามครูเสดยุคใหม่จะเกิดหรือไม่เกิด เพื่อที่จะตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองเยรูซาเลมเพื่อให้เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของโลกในวาระโลกใหม่

    มีต่อ

    15941161_561726650690380_997300048411801861_n.jpg
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    "อารีพงศ์"ผุดไอเดีย ตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าส่วนเกินจากSPP Date : 13/01/2017, 15:14.
    IMG_0250.JPG
    ปลัดพลังงาน ปิ๊งไอเดีย ตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า SPP ส่วนเกินรูปแบบประมูลแข่งขัน หวังได้ไฟฟ้าราคาถูกเข้าระบบ กระทรวงพลังงานเผย SPP หมดอายุทยอยต่อสัญญาตั้งแต่ปี 2560-2566 หลังจากนั้นจึงเริ่มตั้งตลาดกลางได้ คาดปริมาณสำรองไฟฟ้าประเทศสูงกว่า 30% อีก 4-5 ปี


    นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานมีแนวคิดจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าขึ้น เนื่องจากพบว่าโรงไฟฟ้ายังมีกำลังการผลิตเหลือจากที่ขายเข้าระบบไปแล้ว ซึ่งควรนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศสูงสุด และทำให้การผลิตไฟฟ้าเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด รวมถึงช่วยลดการสร้างโรงไฟฟ้าในอนาคตลงได้ด้วย ดังนั้นจึงควรนำไฟฟ้าที่เหลือมาเปิดซื้อขายในตลาดกลางเข้าต่อไป

    แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการศึกษาการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า สำหรับโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก(SPP) หรือ SPP Power pool โดยเบื้องต้นรูปแบบของตลาดกลางฯจะกำหนดให้ SPP ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเหลือจากการขายเข้าระบบ นำมาเสนอปริมาณขายรวมกันที่ตลาดกลาง และเมื่อภาครัฐเปิดรับซื้อไฟฟ้า ทาง SPP ก็จะต้องมาประมูลราคาขาย ซึ่งใครเสนอขายในราคาต่ำกว่าก็จะเป็นผู้ชนะไป

    อย่างไรก็ตามกลุ่ม SPP ที่จะนำรองแนวนโยบายดังกล่าว คือ กลุ่ม SPP ที่ขายไฟฟ้าในนิคมอุตสหกรรม เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเหลือปริมาณมากหลังจากที่ขายให้ลูกค้าในนิคมฯและขายให้การไฟฟ้าแล้ว รวมถึงโรงไฟฟ้าที่หมดอายุแต่ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ ก็สามารถนำมาเสนอขายในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าได้

    ทั้งนี้คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มนำร่องได้หลังปี 2566-2567 เนื่องจากปัจจุบัน SPP หลายรายกำลังจะหมดอายุสัญญาการขายไฟฟ้าเข้าระบบ ซึ่งเบื้องต้นมีจำนวน 25 โรงที่จะทยอยหมดอายุตั้งแต่ปี 2560-2566 ซึ่งต้องรอต่อสัญญาตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่ผ่านมา ที่ได้อนุมัติให้ SPP ดังกล่าวต่อสัญญาได้ แต่มีข้อกำหนดให้ขายไฟฟ้าเข้าระบบการไฟฟ้าได้ไม่เกิน 30 เมกะวัตต์ โดยต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนจึงจะทราบปริมาณไฟฟ้าที่เหลือของ SPP และเริ่มโครงการนำร่องได้

    สำหรับการตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า SPP ดังกล่าวจะส่งผลดี หากภาครัฐมีความต้องการไฟฟ้าก็สามารถเปิดประมูลให้เอกชนมาแข่งขันเสนอราคาได้ ซึ่งจะทำให้ได้ไฟฟ้าในราคาที่ถูกและเหมาะสม แต่ทั้งนี้ภาครัฐและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)รวมถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)จะต้องวางแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการฮั้วประมูลด้วย

    ดังนั้นการเปิดตลาดกลางฯ จึงต้องศึกษาอย่างรอบคอบและมีเวลาดำเนินการได้ถึงปี 2566-2567 ซึ่งจะไม่กระทบต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าในขณะนี้แน่นอน เนื่องจากปัจจุบันไทยมีสำรองไฟฟ้าเหลือมากกว่า 30% ของกำลังการผลิตทั้งประเทศที่มีกว่า 3 หมื่นเมกะวัตต์ จากปกติที่ควรมีสำรองเพียง 15%

    อย่างไรก็ตามคาดว่าปริมาณสำรองดังกล่าวจะสูงที่ระดับ 30% ต่อไปอีก 4-5 ปี เนื่องจากโรงไฟฟ้าที่จะเข้าระบบได้ทำสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าเอาไว้แล้ว ยกเว้นกรณีเศรษฐกิจประเทศเติบโตขึ้นมากก็จะช่วยให้เกิดการใช้ไฟฟ้าเพิ่มและปริมาณสำรองจะลดลงได้เอง หรือชะลอโครงการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ที่เกิดใน 7-8 ปีข้างหน้าไว้ก่อน ก็จะช่วยให้ปริมาณสำรองลดลงได้ ทั้งนี้ปริมาณสำรองไฟฟ้าที่สูงเกินยกว่า 15% จะกลายเป็นภาระค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายเพิ่มขึ้น

    http://energynewscenter.com/index.php/news/detail/538
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กลุ่มไอเอสรุกหนัก เปิดฉากโจมตีทหารซีเรีย ยิงจรวด ระเบิดอุโมงค์ แค้นหนักหลังฝ่ายต้านรัฐบาลซีเรียสนับสนุนเจรจาสันติภาพที่รัสเซียเป็นหัวหอกใหญ่ 16-01-2017 10:21 คอลัมน์ : ต่างประเทศ

    tnews_1484536901_6363.jpg

    isis.png

    องค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย ( เอสโอเอชอาร์ ) รายงานว่ากลุ่มไอเอสปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ในพื้นที่เมืองเดอีร์ เอส-ซอร์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในภาคตะวันออกของซีเรีย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหวังแย่งชิงฐานทัพขนาดใหญ่ในเมือง โดยใช้วิธีทั้งระเบิดฆ่าตัวตาย ยิงจรวด และระเบิดอุโมงค์ สังหารทหารรัฐบาลอย่างน้อย 12 นาย ขณะที่กองทัพตอบโต้ด้วยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศสังหารสมาชิกกลุ่มไอเอสอย่างน้อย 20 คน

    สถานการณ์สู้รบครั้งล่าสุดในเมืองเดอีร์ เอส-ซอร์ ซึ่งมีประชากรราว 200,000 คนและอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มไอเอสตั้งแต่ปี 2558 เกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังคณะกรรมาธิการเจรจาระดับสูง ( เอชเอ็นซี ) ซึ่งเป็นองค์กรกลางด้านการเมืองของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย และได้รับความสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบีย ประกาศสนับสนุนการเจรจาสันติภาพครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นที่กรุงอัสตานา เมืองหลวงของคาซัคสถาน ในวันที่ 23 ม.ค. นี้ โดยมีรัสเซีย ตุรกี และอิหร่านเป็นเจ้าภาพร่วมกัน แต่การหารือครั้งนี้ไม่นับรวมกลุ่มไอเอสและกลุ่มฟาเตะห์ อัล-ชาม หรืออดีตกลุ่มอัล-นุสราห์ ที่ถือเป็น "กลุ่มก่อการร้าย"

    ขณะที่สถานการณ์โดยรวมในซีเรียยังถือว่าอยู่ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่รัสเซียและตุรกีร่วมกันผลักดันเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา ยกเว้นจังหวัดอิดลิบที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และหมู่บ้านวาดี บาราดา ชานกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นสมรภูมิสู้รบรุนแรงแห่งใหม่ โดยในส่วนของหมู่บ้านวาดี บาราดานั้นเป็นเป้าหมายที่กองทัพซีเรียต้องการชิงคืนจากฝ่ายกบฏ เนื่องจากเป็นสถานที่ตั้งของแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา แต่ไม่สามารถผลิตน้ำสะอาดได้ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพราะเกิดการปนเปื้อนและรัฐบาลเชื่อว่าเป็นฝีมือของฝ่ายกบฏ



    http://www.tnews.co.th/html/contents/bg/220357/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สิงคโปร์จับนักศึกษาอินโดนีเซีย มีธงไอซิสและเคยเข้าปัตตานี โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - 13 มกราคม 2017
    2017-01-13_12-41-35-696x404.jpg

    posttoday / irna – เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสิงคโปร์จับกุมกลุ่มนักศึกษาอินโดนีเซีย หลังพบภาพธงไอซิส และระเบิดแบบทำเอง นักศึกษาชาวอินโดนีเซีย 8 คน จะถูกส่งตัวไปสอบสวนยังอินโดนีเซียบ้านเกิด หลังทั้งหมดถูกทางการมาเลเซียเนรเทศเนื่องจากตรวจพบว่าพวกเขามีความฝักใฝ่ในกลุ่มก่อการร้ายไอซิส

    Sambudi Gusdian หัวหน้าตำรวจจากหมู่เกาะเรียว ในอินโดนีเซียรายงานว่า ทั้งหมดมีอายุอยู่ที่ 16 – 37 ปี และเป็นนักเรียนจากเมืองปาดัง เกาะสุมาตราตะวันตก พวกเขาถูกจับกุมที่ด่านตรวจคนข้าเมืองวู๊ดแลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างมาเลเซีย และสิงคโปร์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
    รายงานจากเจ้าหน้าที่สิงคโปร์ระบุว่า จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบภาพของธงไอซิส จำนวน 3 ภาพ นอกจากนั้นยังพบระเบิดชนิดทำขึ้นเองอีกด้วย ภายในโทรศัพท์มือถือของผู้ที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่ม ดังนั้นทางสิงคโปร์จึงปฏิเสธที่จะให้นักศึกษาชาวอินโดนีเซียทั้งหมดผ่านเข้าไปและได้ตีตราห้ามเข้าประเทศสิงคโปร์ ลงไปยังพาสปอร์ตของทั้งหมด รวมทั้งได้ส่งกลุ่มชาวอินโดนีเซียนี้ให้ทางการมาเลเซียตรวจสอบในขั้นตอนต่อไป
    ด้านมาเลเซียรายงาน ทางการได้คุมขังทั้งหมดไว้ตั้งแต่เวลา 02:30 น. ของวันอังคาร ตั้งแต่ได้รับตัวมาจากด่านตรวจ จนถึงเวลา 09:00 น. ซึ่งหลังการสอบสวนแล้ว ทั้งหมดถูกเนรเทศไปยังเกาะบาตัม ในอินโดนีเซีย ด้วยเรือเฟอร์รี่
    ทั้งนี้รายงานจากการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย ทั้งหมดเดินทางจากเมืองปาดัง ไปยังกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ด้วยเครื่องบิน และในวันที่ 7 มกราคมทั้งหมดได้เดินทางจากรัฐปะลิส ทางตอนเหนือของมาเลเซีย เข้าไปยังจังหวัดปัตตานี ประเทศไทย เพื่อเรียนรู้การศาสนาอิสลาม ก่อนจะตัดสินใจเดินทางเข้าไปในสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    http://www.abnewstoday.com
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่
    http://www.abnewstoday.com/9250
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อิสราเอลโจมตีสนามบินทหารในดามัสกัส
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - 13 มกราคม 2017



    manager / prees tv – กองทัพซีเรียกล่าววันนี้ (13 ม.ค.) ว่าอิสราเอลยิงจรวดถล่มฐานทัพอากาศสำคัญใกล้กรุงดามัสกัส ซึ่งถือเป็นการโจมตีอย่างซึ่งหน้า พร้อมเตือนรัฐบาลเทลอาวีฟให้ระวังจะถูกตอบโต้อย่างหนักหน่วงเช่นกัน

    ปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ทำให้มีเสียงระเบิดดังกึกก้องมาถึงกรุงดามัสกัส โดยประชาชนในฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองสามารถมองเห็นกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากบริเวณสนามบินทหารเมซซาห์ ขณะที่โลกออนไลน์ก็ได้แชร์คลิปวิดีโอซึ่งเผยให้เห็นเพลิงไหม้ในบริเวณฐานทัพด้วย

    สถานีโทรทัศน์แห่งชาติซีเรียอ้างคำแถลงจากกองทัพซึ่งระบุว่า จรวดหลายลูกถูกยิงมาจากพื้นที่ใกล้ๆ ทะเลสาบทิเบเรียส (Tiberias) ทางภาคเหนือของอิสราเอลเมื่อช่วงหลังเที่ยงคืน และมาตกบริเวณฐานทัพเมซซาห์ ซึ่งถูกใช้งานโดยกองกำลัง รีพับลิกัน การ์ด ของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด

    กองบัญชาการกองทัพซีเรีย ระบุ กองทัพซีเรียขอเตือนอิสราเอลให้ระวังผลสะท้อนกลับจากการโจมตีอย่างซึ่งหน้าเช่นนี้ และเราขอย้ำว่าจะเดินหน้าต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย และตัดแขนขาของพวกที่ก่อการโจมตีให้ได้
    คำแถลงนี้ไม่ได้เอ่ยถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ระบุว่าการยิงถล่มได้ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น

    ก่อนหน้านั้น สถานีโทรทัศน์ซีเรียรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายครั้งภายในบริเวณฐานทัพอากาศเมซซาห์ และมีการส่งรถพยาบาลเข้าไปยังพื้นที่

    สนามบินทหารแห่งนี้อยู่ห่างจากทำเนียบประธานาธิบดีไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร และเคยถูกใช้เป็นจุดยิงจรวดโจมตีเขตอิทธิพลของกบฏรอบๆ กรุงดามัสกัส

    อิสราเอลเคยยิงถล่มฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในซีเรียมาแล้วหลายครั้ง โดยกองกำลังที่มีอิหร่านหนุนหลังอยู่นี้มีส่วนสำคัญในการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทัพซีเรีย

    สนามบินเป็นสถานที่เชิงยุทธศาสตร์หลักที่ใช้โดยเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของซีเรียและเพื่อการสนับสนุนกำลังพลที่ซับซ้อนของกองทัพ รัฐบาลซีเรียยังใช้สนามบินเป็นเมืองหน้าด่านของทหารที่จะจัดส่งอาวุธกระสุนเข้าไปเสริมในพื้นที่กบฏยึดครองในเขตชานเมืองของเมืองดามัสกัสในอดีต ยอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตียังไม่มีรายงาน

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    http://www.abnewstoday.com
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่
    http://www.abnewstoday.com/9247
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ครั้งแรก! เปิดสถานทูตปาเลสไตน์ในวาติกัน
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ -13 มกราคม 2017

    2017-01-13_12-31-32-696x414.jpe

    isna – ครั้งแรกที่จะมีพิธีเปิดสถานทูตปาเลสไตน์ในวาติกันในวันนี้ 13 มกราคม 2560

    รายงานจากแหล่งข่าว อัลอะฮด์ ตามกำหนดการสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสผู้นำศาสนาแห่งนิกายคาทอลิก และมะฮ์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ จะร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดสถานทูตปาเลสไตน์ในวาติกันในวันนี้ (13 มกราคม 2560)

    มะฮ์มูดอับบาส แห่งปาเลสไตน์มีกำหนดการเยือนหลายประเทศ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา เริ่มจากประเทศอิตาลี วาติกันและฝรั่งเศส

    ในช่วงแรกของภารกิจครั้งนี้จะเยือนอิตาลี เพื่อพบปะกับประธานาธิบดีอิตาลี

    ริยาด อัลมาลีกี รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์เผยว่า ในการพบปะกับสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสจะมีการพิจารณาหารือผลกระทบที่จะติดตามมากรณีการย้ายเมืองหลวงของอิสราเอลมายังเยรุซาเล็ม (อัลกุดส์)

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    http://www.abnewstoday.com
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    http://www.abnewstoday.com/9244
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    tnews_1484563579_6118.jpg

    ความมั่นคงสหรัฐฯ กำลังตกในภาวะอันตราย!! "โดนัลด์ ทรัมป์" สั่งทูตสหรัฐฯกว่า 80 ประเทศต้องลาออก ภายในวันที่ 20 นี้ อาจรวมถึงประเทศไทย

    NBC NEWS รายงานข่าวว่า ในขณะที่ใกล้ถึงวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 45 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม นี้ แต่ทว่าจากการรายงานของโตรอนโต สตาร์ สื่อแคนาดา วันที่ 6 ม.ค ล่าสุดชี้ว่า บรูซ เฮย์แมน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำแคนาดา ที่ถูกแต่งในสมัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ปี 2014 ได้ยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่ง และจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ที่ 20 มกราคม นี้

    มีข่าวเล็ดลอดกันออกมาว่า ทีมงานจัดการเปลี่ยนผ่านอำนาจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้ทูตสหรัฐฯทั่วโลกที่ถูกแต่งตั้งภายใต้รัฐบาลพรรคเดโมแครตของ บารัค โอบามา ต้องลาออกจากตำแหน่งภายในวันพิธีสาบานตน

    ผลจากคำสั่งดังกล่าว จะมีผลกระทบต่อเอกอัครราชทูตอเมริกาใน 80 ประเทศทั่วโลก เช่น ทูตสหรัฐฯประจำจีน ญี่ปุ่น อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย อังกฤษ เยอรมัน และทั่วยุโรป รวมไปถึง แคนาดา นิวซีแลนด์ และประเทศไทย

    และสื่อแคนาดายังรายงานเพิ่มเติมว่า การประกาศลาออกของ บรูซ เฮย์แมน นั้นเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำนิวซีแลนด์ มาร์ก กิลเบิร์ต แถลงการณ์ผ่านทางทวิตเตอร์ไปยังรอยเตอร์แสดงความจำนงยื่นใบลาออก โดยระบุว่าผมจะลาออกในวันที่ 20 มกราคม นี้

    ทางด้าน มาร์ก กิลเบิร์ตเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า เป็นคำสั่งของทีมงานจัดการเปลี่ยนผ่านอำนาจ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งผ่านทางเคเบิลการติดต่อทางการทูตของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ โดยลงนามในวันที่ 23 ธ.ค 2016 สั่งการให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯทุกคนที่ถูกแต่งตั้งในสมัย บารัค โอบามา ลาออกภายในวันพิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยไม่มีข้อยกเว้น

    ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกมาเปิดเผยกับ NBC NEWS ล่าสุดในวันอาทิตย์ว่า อันตรายอย่างร้ายแรงต่อคำสั่งการปลดทูตสหรัฐฯทั่วโลกพร้อมกัน นั้นทำให้เกิดความไม่แน่นอนเป็นระยะเวลาร่วมเดือนต่อจุดที่อ่อนไหวในบางพื้นที่ของโลก และกระทบตรงไปยังสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    จุดยืนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการที่ต้องการให้เอกอัครราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางการเมืองต้องออกจากตำแหน่ง โดยไม่มีข้อยกเว้น เกิดขึ้นในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นเสี่ยงที่ สหรัฐฯจะถูกตัดช่องทางการสื่อสารทางตรงไปยังประธานาธิบดีสหรัฐฯในขณะที่รัฐสภาคองเกรสต้องอยู่กับกระบวนการที่ใช้ระยะเวลาในการแต่งตั้งผู้ที่จะมารับทำหน้าที่ต่อจากคนเหล่านั้น

    ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องกฎข้อบังคับที่ระบุว่า เอกอัครราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังจะสิ้นสุดจากสมัยการดำรงตำแหน่ง จะต้องลาออกภายในสมัยสุดท้ายของประธานาธิบดีคนนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องปฎิบัติทางพฤตินัยที่พบว่า มีนักการทูตสหรัฐฯบางส่วนใช้ระยะเวลาที่จะทำการลาออกจากตำแหน่งหลังจากนั้น โดยอาจจะยืดระยะเวลาออกไปเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน หลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่แล้ว

    เอกอัคคราชทูตใน 80 ประเทศที่ถูกแต่งตั้งภายใต้รัฐบาลของบารัค โอบามา ต้องลาออกจากตำแหน่งพร้อมกันภายในเที่ยงวันศุกร์นี้จริง จะทำให้ตำแหน่งผู้ควบคุมสถานทูตสหรัฐฯในประเทศสำคัญทั่วโลก รวมไปถึง จีน ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และประจำหน่วยงานระหว่างประเทศ เป็นต้นว่า ประจำองค์การหน่วยงานปัญหาด้านสตรี จะต้องว่างลงพร้อมกันในทันที

    ขณะที่การเลือกผู้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯคนใหม่ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาคองเกรส แต่ถึงแม้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พรรคการเมืองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ คุมทั้งสองสภา แต่กระนั้นเชื่อว่า นักการทูตเหล่านี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยร่วมเดือนจึงจะได้รับการเห็นชอบ”




    b(510).jpg

    เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์

    http://m.tnews.co.th/contents/bg/220455/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    tnews_1484607657_8140.jpg

    ชักจะผิดปกติ!!"สหรัฐฯ" ส่งนาวิโยธิน เข้าประจำการในนอร์เวย์ อ้าง มาเรียนรู้สงครามฤดูหนาว "รัสเซีย" จับตาใกล้ชิด

    สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว นาวิกโยธินสหรัฐฯ เดินทางถึงนอร์เวย์แล้วในวันจันทร์ที่ผ่านมา สำหรับการเข้าประจำการ 6 เดือน ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กองทหารต่างชาติได้รับอนุญาตประจำการในประเทศแห่งนี้ ขณะที่บรรดาชาติเพื่อนบ้านแถบอาร์คติก อ้างว่าถูกรัสเซีย นั้นคุกคาม โดยปฎิบัติการดังกล่าวนั้น ต่อเนื่องจากที่สหรัฐฯ เพิ่งจะส่งทหาร จำนวน 3,500 นาย รวมถึงรถถัง และยุทโธปกรณ์ อีกจำนวนมาก ไปยังโปแลนด์ เมื่อสัปดาห์ ที่ผ่านมา

    เหล่านาวิกโยธินจากค่ายเลอจูนส์ ในนอร์ทแคโรโลนา ของสหรัฐฯ เดินทางถึงนอร์เวย์ ณ ท่าอากาศยานแวร์เนส ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ใกล้ทรอนด์ไฮม์ ของนอร์เวย์ ท่ามกลางอุณหภูมิดำดิ่ง -2 องศาเซลเซียส

    กองทหารของสหรัฐฯจะอยู่ในนอร์เวย์เป็นเวลา 1 ปี ในรูปแบบสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลัง 6 เดือน โดยจะประจำการอยู่ที่ฐานทัพแวร์เนส ห่างจากชายแดนรัสเซีย ราว 1,500 กิโลเมตร ขณะที่โฆษกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของนอร์เวย์ บอกว่าทหารอเมริกาจะเข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับสงครามฤดูหนาว โดยช่วง 4 สัปดาห์แรก พวกเขาจะได้ฝึกฝนบนพื้นฐานของฤดูหนาว เรียนรู้วิธีใช้สกีและเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมแบบอาร์คติกมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัสเซียหรือสถานการณ์ปัจจุบัน


    จากนั้นในเดือนมีนาคม นาวิกโยธินเหล่านี้จะเข้าร่วมซ้อมรบ ซึ่งจะมีทหารจากกองทัพอังกฤษเข้าร่วมด้วย

    ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นขณะนี้ทางด้านรัสเซีย กำลังจับตาอย่างใกล้ชิด และมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือเช่นกัน


    2(4014).jpg


    1(4211).jpg

    5(2127).jpg

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นทางด้าน สหรัฐฯ ได้ทำการส่งทหารชุดแรกของทั้งหมด 3,500 นาย พร้อมด้วยรถถังและยานยนต์อื่นๆ ข้ามแดนจากเยอรมนี เข้าสู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของโปแลนด์ เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี ก่อนจะเดินทางต่อไปยังเมืองซาแกน ซึ่งจะเป็นฐานประจำการ การมาถึงของทหารสหรัฐฯ ชุดแรก จะมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ ที่จะถึงนี้ โดยจะมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมของโปแลนด์เข้าร่วมด้วย

    นับเป็นหนึ่งในการเคลื่อนย้ายกำลังพลครั้งใหญ่ที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ ในยุโรป นับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น และเป็นไปตามคำสั่งเมื่อปี พ.ศ. 2557 ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ที่กำลังจะพ้นวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. เพื่อสร้างความอุ่นใจแก่บรรดาประเทศพันธมิตรในยุโรปตะวันออก ที่เกิดความวิตกอย่างหนัก เมื่อรัสเซียผนวกดินแดนแคว้นไครเมียจากยูเครนในปี 2557 และเริ่มให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏแยกดินแดนภาคตะวันออกของยูเครน

    ปฏิบัติการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐในครั้งนี้ สร้างความโกรธเคืองแก่รัสเซียในทันทีทันใด โดยระบุว่า เป็นภัยคุกคามที่หน้าประตูบ้านของตน นายดมิตรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ปฏิบัติการนี้เป็นภัยต่อผลประโยชน์และความมั่นคงของรัสเซีย ขณะที่นายอเล็กซี เมชคอฟ รมช.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายกำลังพลของสหรัฐ เป็นปัจจัยบ่อนทำลายความมั่นคงในยุโรป
    อุปกรณ์หนักที่กองทัพสหรัฐจะส่งตามมาในชุดหลัง รวมถึงรถถังอบรามส์ 87 คัน และยานบรรทุกทหารกว่า 500 คัน รวมถึงรถฮัมวี่


    4(2535).jpg

    3(3263).jpg

    2(3977)(1).jpg

    ขณะที่ทางฝากฝั่งรัสเซียเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ทางด้านกระทรวงกลาโหมของรัสเซียออกแถลงการณ์ เรื่องการเตรียมนำระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ เอส-400 มาติดตั้งบริเวณ รอบนอกกรุงมอสโก และการเสริมกำลังพลกองทัพอากาศตามภูมิภาคที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์รอบเมืองหลวงอีกด้วย โดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กองทัพสหรัฐฯ เคลื่อนกำลังทหารมากกว่า 3,500 นาย พร้อมยานยนต์หุ้มเกราะและยุทโธปกรณ์อีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงอุปกรณ์หนักที่กองทัพสหรัฐจะส่งตามมาในชุดหลัง รวมถึงรถถังอบรามส์ 87 คัน และยานบรรทุกทหารกว่า 500 คัน รวมถึงรถฮัมวี่ เข้ามาประจำการในโปแลนด์ ตามแผนยุทธศาสตร์ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) เพื่อเตรียมรับมือ ภัยคุกคาม จากรัสเซีย

    ทั้งนี้ ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานเอส-400 ถือเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศทันสมัยที่สุดของกองทัพรัสเซีย เป็นระบบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากเอส-300 และมีพิสัยยิงไกลสูงสุด 400 กิโลเมตร เข้าประจำการในกองทัพรัสเซียตั้งแต่ปี 2550 โดยมีชื่อเรียกภายในกองทัพรัสเซียว่าไทรอัมพ์ และนาโตเรียกว่าโกรว์เลอร์

    tnews_1484437656_2176.jpg

    nymxzc4l8ZZTgqL9owh-o(1)(1).jpg

    tnews_1484521574_2453.jpg

    เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์


    http://m.tnews.co.th/contents/220486/





     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    InClips : ผู้เชี่ยวชาญเตือน ระทึก “แผนทรัมป์สั่งปลดทูตสหรัฐฯ พร้อมกันทั่วโลก 80 ประเทศรวมไทย” ภายในศุกร์นี้ สุดเสี่ยงต่อความมั่นคงวอชิงตัน
    เผยแพร่: 16 ม.ค. 2560 15:05:00 ปรับปรุง: 16 ม.ค. 2560 19:20:00 โดย: MGR Online
    [​IMG]

    เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - หลังจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำแคนาดา ยอมยื่นใบลาออกจากตำแหน่งต้นเดือนมกราคมนี้ ล่าสุดบรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างออกมายืนยันแผน “ทรัมป์” สั่งปลดทูตสหรัฐฯ ใน 80 ประเทศทั่วโลกภายใต้ประธานาธิบดีโอบามา รวมไปถึงอังกฤษ จีน เยอรมนี และกลิน ที เดวีส์ (Glyn T. Davies) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภูมิภาคที่อ่อนไหวของโลกที่อาจมีบางประเทศลุกขึ้นมาลองของท้าทายอำนาจใหม่ของวอชิงตัน

    NBC NEWS รายงานเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) ในขณะที่ใกล้ถึงวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 45 ของโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าไปทุกที ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันศุกร์นี้ (20) แต่ทว่าจากการรายงานของโทรอนโต สตาร์ สื่อแคนาดา วันที่ 6 ม.ค.ล่าสุดชี้ว่า บรูซ เฮย์แมน (Bruce Heyman) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำแคนาดา ที่ถูกแต่งในสมัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ปี 2014 ได้ยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่ง และจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ (20) นี้

    สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่ววงการทูตอเมริกัน และยังสามารถยืนยันการรายงานข่าวจากสื่อ MSN ที่ชี้ว่า ทีมงานจัดการเปลี่ยนผ่านอำนาจของทรัมป์ ได้สั่งการให้ทูตสหรัฐฯทั่วโลกที่ถูกแต่งตั้งภายใต้รัฐบาลพรรคเดโมแครตของโอบามา ต้องลาออกจากตำแหน่งภายในวันพิธีสาบานตน

    สื่อสหรัฐฯ NBC NEWS รายงานว่า ผลจากคำสั่งนี้คาดว่า จะมีผลกระทบต่อเอกอัครราชทูตอเมริกาใน 80 ประเทศทั่วโลก เช่น ทูตสหรัฐฯ ประจำจีน ญี่ปุ่น อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย อังกฤษ เยอรมนี และทั่วยุโรป รวมไปถึงแคนาดา นิวซีแลนด์ และประเทศไทย

    โดยพบว่าในส่วนของไทย MGR ออนไลน์ พบว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กลิน ที. เดวีส์ (Glyn T. Davies) ประจำราชอาณาจักรไทย ถูกแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีโอบามา และได้เข้าสาบานตนรับตำแหน่งวันที่ 14 ก.ย. 2015 ซึ่งเมื่อดูตามประวัติบนเว็บไซต์สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยแล้ว พบว่าก่อนหน้านี้ เดวีส์เคยดำรงตำแหน่งเป็นตัวแทนกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ด้านนโยบายเกาหลีเหนือ ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2012 - พฤศจิกายน 2014 ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งถูกส่งมาประจำที่ไทยโดยโอบามาในปีถัดมา

    นอกเหนือจากการโพสต์ภาพถ่ายคู่กับอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย คริสตี เคนนีย์ ผ่านทางแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ของตัวเองแล้ว เดวีส์กล่าวโดยเปิดเผยว่า “เป็นเพื่อนรู้จักกันมาร่วม 30 ปีกับที่ปรึกษาเคนนีย์”

    และยังพบว่าเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยรายนี้ ได้เคยโพสต์แสดงความยินดีต่อว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ในวันที่ 9 พ.ย ถึงชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการโพสต์ที่เกิดขึ้น 1 วันหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย. 2016 แต่อย่างไรก็ตาม MGR ออนไลนส์ไม่พบว่า เดวีส์จะโพสต์ส่งสัญญาณผ่านทางทวิตเตอร์ประกาศการลาออกจากตำแหน่งเหมือนเช่น เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำแคนาดา เฮย์แมน ที่ได้แถลงผ่านทวิตเตอร์ จากการรายงานของโตรอนโต สตาร์ โดยในขณะนั้น (จากการรายงานในวันที่ 6 ม.ค. 2016)

    โดยเฮย์แมนได้แถลงว่า “จากการร้องขอ ผมได้ลาออกจากตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำแคนาดา ซึ่งจะมีผลใน 1/20 (วันที่ 20 ม.ค. 2017)นี้”

    สื่อแคนาดายังรายงานเพิ่มเติมว่า การประกาศลาออกของเฮย์แมนนั้นเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำนิวซีแลนด์ มาร์ก กิลเบิร์ต (Mark Gilbert) แถลงการณ์ผ่านทางทวิตเตอร์ไปยังรอยเตอรแสดงความจำนงยื่นใบลาออก โดยระบุว่า “ผมจะลาออกในวันที่ 20 ม.ค.นี้”

    โดยในการรายงานของโทรอนโตสตาร์เมื่อต้นเดือนนี้ กิลเบิร์ตเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า เป็นคำสั่งของทีมงานจัดการเปลี่ยนผ่านอำนาจทรัมป์ ได้ส่งผ่านทางเคเบิลการติดต่อทางการทูตของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ โดยลงนามในวันที่ 23 ธ.ค. 2016 สั่งการให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯทุกคนที่ถูกแต่งตั้งในสมัยโอบามาลาออกภายในวันพิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งสื่อวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯอื่นๆ เช่น โพลิติโกชี้ว่า เท่ากับว่าเป็นการปิดกั้นไม่ให้ทูตเหล่านั้นใช้สิทธิ “ระยะเวลาแห่งเกียร์ติยศ” ได้

    สื่อแคนาดาชี้ต่อว่า เอกอัครราชทูตกิลเบิร์ตได้ยืนยัน การรายงาน ที่ได้อ้างอิงมาจากแหล่งข่าวนักการทูตสหรัฐฯจากการรายงานหนังสือพิมพ์สหรัฐฯ นิวยอร์กไทม์ โดยชี้ว่า ข้อธรรมเนียมปฎิบัติจากรัฐบาลสหรัฐฯชุดก่อนหน้านี้ทั้งในฝั่งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน อนุญาตให้เอกอัคคราชทูตสหรัฐฯในบางกรณี โดยเฉพาะในส่วนที่มีบุตรที่อยู่ในวัยชั้นเรียน ***สามารถยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ตั้งแต่สัปดาห์ ไปจนถึงเดือน***

    แต่อย่างไรก็ตาม ในการรายงานของ VOA สื่อสหรัฐฯ ในวันที่ 6 ม.ค.เช่นกัน ทางแหล่งข่าวทีมงานการเปลี่ยนผ่านอำนาจทรัมป์อ้างว่า คำสั่งที่ออกมานี้เพื่อทำให้แน่ใจว่า ตัวแทนจากรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามาในต่างประเทศจะลาออกจากตำแหน่งตามข้อกำหนดที่ได้วางไว้ และยืนยันว่าไม่มีความมุ่งร้ายซ่อนอยู่ในคำสั่งนี้ เพราะเป็นคำสั่งที่เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวและสำนักงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯต้องปฎิบัติตาม

    โดยทาง VOA ชี้ว่า การที่ทรัมป์ออกคำสั่งให้ตัวแทนเอกอัคคราชทูตทั่วโลกใน 80 ประเทศลาออกพร้อมกัน*** แสดงให้เห็นถึงสัญญาณความพยายามที่จะทำลายนโยบายหลักทางต่างประเทศที่สำคัญในรอบ 8 ปีของโอบามา *** ซึ่งแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐฯ ได้เปิดเผยกับนิวยอร์กไทม์สว่า คำสั่งปลดทูตสหรัฐฯ ทำให้ชีวิตส่วนตัวของบรรดานักการทูตเหล่านั้นประสบกับความยุ่งยาก ที่พบว่ามีนักการทูตบางส่วนต้องรีบหาข้อตกลงพิเศษ และวีซ่า เพื่อสามารถอนุญาตให้คนเหล่านั้นยังคงสามารถอยู่ในประเทศได้ต่อไปเพื่อให้ลูกๆ ของพวกเขายังคงสามารถเข้าชั้นเรียนได้ตามปกติ

    บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกมาเปิดเผยกับ NBC NEWS ล่าสุดในวันอาทิตย์ (15) ว่า อันตรายอย่างร้ายแรงต่อคำสั่งการปลดทูตสหรัฐฯ ทั่วโลกพร้อมกัน นั้นทำให้เกิดความไม่แน่นอนเป็นระยะเวลาร่วมเดือนต่อจุดที่อ่อนไหวในบางพื้นที่ของโลก และกระทบตรงไปยังวอชิงตันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    โดย NBC NEWS ชี้ว่า ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้เตือนว่า จุดยืนของทรัมป์ในการที่ต้องการให้เอกอัครราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางการเมืองต้องออกจากตำแหน่ง โดยไม่มีข้อยกเว้น เกิดขึ้นในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์นั้นเสี่ยงที่ ***สหรัฐฯ จะถูกตัดช่องทางการสื่อสารทางตรงไปยังประธานาธิบดีสหรัฐฯ *** ในขณะที่รัฐสภาคองเกรสต้องอยู่กับกระบวนการที่ใช้ระยะเวลาในการแต่งตั้งผู้ที่จะมารับทำหน้าที่ต่อจากคนเหล่านั้น” นักวิเคราะห์ชี้

    และกล่าวต่อว่า “คุณไม่ต้องการมีสถานการณ์ที่ประเทศต้องตกอยู่ในจุดที่ไม่มีช่องทางติดต่อโดยตรงไปยังประธานาธิบดีในระยะเวลาที่นานขนาดนั้นได้” จูลิแอน สมิธ (Julianne Smith) ผู้อำนวยการโครงการนโยบายรัฐและยุทธศาสตร์ (Strategy and Statecraft Program) ประจำธิงแทงก์ ศูนย์ความมั่นคงอเมริกาใหม่ที่มีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวให้ความเห็น

    สื่อสหรัฐฯ รายงานตรงกันกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สที่ว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องกฎข้อบังคับที่ระบุว่า เอกอัครราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะสิ้นสุดจากสมัยการดำรงตำแหน่ง จะต้องลาออกภายในสมัยสุดท้ายของประธานาธิบดีคนนั้น

    แต่อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องปฎิบัติทางพฤตินัยที่พบว่า มีนักการทูตสหรัฐฯบางส่วนใช้ระยะเวลาแห่งเกียรติยศ (grace period) ที่จะทำการลาออกจากตำแหน่งหลังจากนั้น โดยอาจจะยืดระยะเวลาออกไปเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน หลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่แล้ว NBC NEWS รายงาน

    และหากว่า เอกอัคคราชทูตใน 80 ประเทศที่ถูกแต่งตั้งภายใต้รัฐบาลโอบามาต้องลาออกจากตำแหน่งพร้อมกันภายในเที่ยงวันศุกร์ (20) นี้จริง จะทำให้ตำแหน่งผู้ควบคุมสถานทูตสหรัฐฯในประเทศสำคัญทั่วโลก รวมไปถึงจีน ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และประจำหน่วยงานระหว่างประเทศ เป็นต้นว่า ประจำองค์การหน่วยงานปัญหาด้านสตรี จะต้องว่างลงพร้อมกันในทันที

    ในขณะที่การเลือกผู้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ คนใหม่ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาคองเกรส แต่ถึงแม้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พรรคการเมืองของทรัมป์คุมทั้งสองสภา แต่กระนั้นสื่อสหรัฐฯ เชื่อว่านักการทูตเหล่านี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยร่วมเดือนจึงจะได้รับการเห็นชอบ

    และปัญหาสำคัญจะตกอยู่กับสถานทูตสหรัฐฯ ที่ไม่มีเอกอัครราชทูตประจำอยู่ชั่วคราว ซึ่งสื่อสหรัฐฯ ชี้ต่อว่า เมื่อในขณะที่ไม่มีเอกอัครราชทูตประจำอยู่ เจ้าหน้าที่ตำแหน่ง “the deputy mission chief” จะทำหน้าที่รักษาการแทน ที่รู้จักในนามอุปทูต (chargé d'affaires)

    โดยสมิธกล่าวเตือนต่อว่า “หากเป็นประเทศอยู่ในระหว่างการมีความสัมพันธ์ไม่สู้ดีกับสหรัฐฯ ประเทศเหล่านี้อาจต้องเกิดปัญหาในการที่ไม่สามารถหาตัวแทนเจรจาด้วยได้” และกล่าวต่อว่า “บุคคลหมายเลขสองมักจะเป็นเจ้าหน้าที่การทูตอาวุโสที่มีประสบการณ์ แต่ในสถานการณ์ล่อแหลม ประเทศเหล่านี้ต้องการคนที่สามารถติดต่อสายตรงถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯได้”

    ทั้งนี้ DCM หรือ Deputy Chief ofMission อัครราชทูต ที่รู้จักในนามของบุคคลหมายเลข 2 ของสถานเอกอัครราชทูต

    สมิธยังให้ความเห็นถึงการได้รับข้อมูลที่ขัดแย้ง ซึ่งอาจเป็นอันตรายทางความสัมพันธ์ทางการทูตว่า ถึงแม้ปัจจุบันนี้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯสามารถส่งแถลงการณ์ของวอชิตันผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ แต่ทว่าข้อความที่ส่งออกไปทั่วโลกนั้นย่อมแตกต่างจากข้อความที่ที่ต้องการส่งให้ในระดับบุคคล

    และได้เตือนต่อว่า “สัญญาณที่สับสนอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน แต่เอกอัครราชทูตสามารถจะแก้ไขสถานการณ์คับขันเหล่านี้ได้และทำให้เรื่องสงบลง” และกล่าวต่อว่า “แต่หากไม่มีตัวแทนจากสหรัฐฯประจำอยู่ ประเทศเป้าหมายเหล่านี้อาจต้องถูกปล่อยให้อยู่กับการตีความจากแถลงการณ์ที่ส่งตรงมาจากวอชิงตันด้วยตัวเอง”

    ทั้งนี้ ความเห็นในเรื่องความเสี่ยงต่อการไม่มีเอกอัคคราชทูตสหรัฐฯประจำนั้นได้รับการเห็นด้วยจาก ศาสตราจารย์ สกอตต์ ลูคาส (Scott Lucas) ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯประจำมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม อังกฤษ ที่ได้ออกมายืนยันเช่นกันว่า คำสั่งในการบังคับให้เอกอัคคราชทูตอเมริกันต้องลาออกพร้อมกันในวันเดียวกันนั้น ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สุดอันตราย

    โดยทางให้ความเห็นถึงทรัมป์ว่า “ดูเหมือนว่าจะเป็นไปในแนวทางที่ว่า ทางของผม หรือเส้นทางไฮย์เวย์ ที่เป็นไปในทิศทางที่ว่า เราเข้ากุมอำนาจ เราตั้งกฎใหม่ แต่ทว่าเป็นสิ่งที่กระทำแบบไม่ค่อยดีเท่าใดนัก”

    ลูคาสกล่าวให้ความเห็นต่อถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่อีกว่า และเหมือนกับการให้ความเห็นเกี่ยวกับหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเรื่องการแอกข้อมูลของรัสเซีย ทรัมป์ใช้วิธีการถอนรากถอนโคนต่อบรรดานักการทูต ซึ่งถือเป็นเรื่องเลวร้ายต่อขวัญกำลังใจ

    “คุณกำลังมีว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ไม่ให้ความนับถือต่อเจ้าหน้าที่ผู้อยู่ในหน้าที่ปฎิบัติงาน” ลูคาสชี้

    แต่อย่างไรก็ตาม NBC NEWS ระบุว่า ยังเป็นที่ยากจะคาดเดาว่า ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของทรัมป์จะมีปฎิกริยาเช่นใดต่อการที่ไม่มีเอกอัครราชทูตอเมริกาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในกรณีของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ต่างหวาดวิตกต่อท่าทีของเกาหลีเหนือมาโดยตลอด ซึ่งทั้งสองชาตินี้จะไม่มีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำชั่วคราว เหมือนเช่นเดียวกับที่จะเกิดขึ้นในประเทศจีน

    โดย จูลิแอน สมิธ (Julianne Smith) ผู้อำนวยการโครงการนโยบายรัฐและยุทธศาสตร์ได้กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า “ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการไม่มีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอยู่ จะตกอยู่ในความมืด และอาจเลือกที่จะใช้ช่องว่างที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์โดยการเคลื่อนไหวอย่างหนึ่งอย่างใดที่สุ่มเสี่ยงต่อวอชิงตัน” และกล่าวต่อว่า “หากประเทศเหล่านั้นไม่ได้รับสัญญาณอย่างทันท่วงที บางทีประเทศเหล่านี้อาจใช้โอกาสนี้ทดสอบรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ก็เป็นได้”

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    http://m.manager.co.th/Around/detail/9600000005014
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2017
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    tnews_1484608898_5286.jpg

    ทรัมป์ ไม่เอาเยอรมัน - นาโต!! ผู้นำหญิงเยอรมัน ประกาศ ถึงเวลาแล้วที่ยุโรป ต้องดูแลตัวเอง อย่าหวังพึ่งสหรัฐฯ

    สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานข่าว ว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ยุโรป 2 ฉบับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวโจมตียุโรปต่างๆนานา และยกย่องการตัดสินใจของสหราชอาณาจักรที่แยกตัวจากสหภาพุโรป พร้อมคาดหมายว่าคงมีอีกหลายประเทศที่จะออกจากอียู เช่นกัน

    จากความกังวลที่มากขึ้นในยุโรปเกี่ยวกับพันธสัญญาต่อพันธมิตรข้ามแอตแลนติกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และต่อสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเขาจะปักหมุดรัสเซีย ทางด้านนาง อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี จึงออกมาเตือนว่า ณ ตอนนี้ทวีปยุโรปต้องรับผิดชอบตัวเองแล้ว ตัวเธอจะเดินหน้าทำงานเพื่อนำพายุโรปสู่ความแข้มแข็งทางเศรษฐกิจและต่อสู้กับก่อการร้าย

    แฟรงก์ วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี บอกว่ายุโรปตกใจกับคำพูดเกี่ยวกับนาโตของ นายโดนัลด์ ทรัมป์

    แต่ทางด้าน เจนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ย้ำว่าเขายังคงมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมต่อพันธสัญญาสหรัฐฯในยุโรปเขามั่นใจว่า ว่าที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯจะยังคงมีภาระหน้าที่ต่อนาโต


    Clip_14(14).jpg


    Image(164).jpg

    นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้ยื่นสัมพันธไมตรี ต่อรัสเซียมากขึ้น ขณะที่ รัสเซียถูกมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานมาแล้วหลายระลอกภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ต่อความเกี่ยวข้องในยูเครน สงครามซีเรียและจากข้อสงสัยที่ว่าโจมตีทางไซเบอร์แทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ

    ท่าทีดังกล่าวย้ำถึงจุดยืนที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับรัฐบาลของ บารัค โอบามา ด้วย โจ ไบเดน รองประธานาธิบดีหสรัฐฯ ในวันจันทร์ได้เดินทางเยือนยูเครน ในวาระอำลาตำแหน่งและแสดงความสนับสนุนประเทศแห่งนี้

    อีกหนึ่งความคิดเห็นที่สร้างความตื่นตกใจแก่ยุโรป นายโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะพูดว่าเขาไว้ใจ นางอังเกลา แมร์เคิล มากกว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ผมเริ่มต้นด้วยความเชื่อใจทั้งคู่ แต่คอยดูกันว่ามันจะอยู่ได้นานแค่ไหน บางทีมันอาจอยู่ไม่ได้นานก็ได้

    นอกจากนั้นแล้ว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังวิจารณ์นโยบายเปิดพรมแดนรับผู้อพยพไร้ทะเบียนของ ผู้นำเยอรมนี ซึ่งทำให้เยอรมนีต้องเสี่ยงภัยด้านความมั่นคง


    560000000526902.JPE





    เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์


    http://m.tnews.co.th/contents/220487/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2017
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ปูตินจวกแหลกอเมริกา พวกที่อยู่เบื้องหลังข่าวเท็จเกี่ยวกับทรัมป์เลวยิ่งกว่าโสเภณีซะอีก

    [​IMG]

    ----------

    วันที่ 17 ม.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "'เลวกว่าโสเภณีซะอีก': ปูตินจวกพวกที่อยู่เบื่องหลังการปล่อยข่าวเกี่ยวกับทรัมป์" (‘Worse than prostitutes’: Putin slams those behind Trump ‘leak’)

    ในการแถลงข่าวร่วมกับผู้นำประเทศมอลโดวา ในกรุงมอสโคว์เมื่อวันอังคารนี้ นักข่าวได้ตั้งคำถามกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียว่า "ท่านรู้สึกอย่างไรบ้างกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งกำลังจะหมดวาระลงในไม่กี่วันนี้ ได้ทำการคว่ำบาตรครั้งให่ต่อต้านรัสเซีย โดยไม่รอให้การคว่ำบาตรครั้งก่อนหมดอายุซะก่อน? ร่างกฎหมายดังกล่าวกำลังอยู่ในสภาคองเกรส และหากมีการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ มันก็จะยิ่งทำให้ทรัมป์ยุ่งยากมากขึ้นในการยกเลิกมัน หากเขาตัดสินใจ ท่านไม่เคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานที่ว่าพวกเราในรัสเซียได้รวบรวมข้อมูลสำหรับประนีประนอมกับทรัมป์ในเรื่องต่างๆ ในช่วงที่เขามาเยือนกรุงมอสโคว์ พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับอเมริกาต่อนะครับ การตั้งข้อสังเกตบางอย่างของทรัมป์ได้สร้างความไม่พอใจให้กับคุณแมร์เคิล (ผู้นำเยอรมัน) และคุณออลลองด์ (ผู้นำฝรั่งเศส) ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับยุโรปเลวร้ายลง"

    ปูติน: คุณรู้ไหมครับว่า มีคนอยู่ประเภทหนึ่งที่จากไปโดยไม่ได้กล่าวคำอำลา ขาดความเคารพต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้นจึงไม่สร้างความหงุดหงิดใดๆขึ้นมา และดังนั้น ก็มีคนอยู่อีกกลุ่มหนึ่งที่เที่ยวกล่าวคำอำลา แต่ก็ไม่ได้จากไปจริงๆ ผมเชื่อว่ารัฐบาลที่กำลังจะจากไปจัดอยู่ในประเภทหลังนะครับ

    ปูติน: เราเห็นอะไรในประเทศสหรัฐหนะหรือ? เรากำลังเห็นปัญหาทางการเมืองภายในที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว การเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ผ่านไปแล้ว และมันก็จบลงที่ชัยชนะที่น่าเชื่อถือของคุณทรัมป์ก็ตาม กระนั้น ในความคิดเห็นของผมนั้น ได้มีการกำหนดเป้าหมายหลายอย่างเอาไว้เพื่อสร้างความยุ่งยากนี้ขึ้นมา ซึ่งบางทีอาจจุมีมาก แต่บางอย่างก็ชัดเจนมากที่เดียว

    ปูติน: อนึ่ง ในแง่นี้ผมใคร่จะชี้ให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นการจงใจหรือไม่ก็ตาม คนเหล่านี้กำลังพากันทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อผลประโยชน์ของสหรัฐ ความประทับใจก็คือว่า หลังจากที่ได้กระทำในกรุงเคียฟแล้ว ขณะนี้พวกเขาก็พร้อมที่จะสร้างวิกฤตไมดาน (Maidan) ขึ้นในกรุงวอชิงตันเพื่อขัดขวางไม่ให้ทรัมป์เข้าทำงานในทำเนียบ

    ปูติน: คิดว่า จะมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียขึ้นมาได้อย่างไร หากยังมีสิ่งที่ชวนให้ไขว้เขวหลายอย่าง (red herrings) เช่นการแทรกแซงโดยพวกแฮ็กเกอร์ในการจัดการเลือกตั้งปรากฎออกมาเรื่อยๆอยู่แบบนี้? แม้จะมีการกล่าวย้ำกันอยู่บ่อยๆว่า พวกแฮ็กเกอร์ - ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร - ไม่ได้รวบรวมอะไร พวกเขาไม่ได้แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา พวกเขาเพียงแค่เปิดเผยข้อมูลออกมาเท่านั้นเอง

    ปูติน: หรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเจ้าหน้าที่พิเศษของรัสเซียมีข้อมูลสำหรับประนีประนอมกับว่าที่ประธานาธิบดี ผมก็ไม่ทราบว่าเขาจะทำอะไรได้ในเวทีนานาชาติ ดังนั้นผมจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะโจมตีเขาหรือวิพากษ์วิจารณ์เขาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามหรือเพื่อปกป้องเขา ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งนั้น

    ปูติน: เราจะไม่ขอให้คณะกรรมการรางวัลโนเบลมอบรางวัลโนเบลด้านคณิตศาสตร์หรือฟิสิกหรือสาขาอื่นๆให้เขา อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าการปล่อยข่าวเหล่านี้เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา ในตอนที่คุณทรัมป์มาที่กรุงมอสโคว์เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว - ผมก็จำไม่ได้ว่าปีไหน - ตอนนั้นเขาไม่ได้เป็นนักการเมือง พวกเราไม่ได้ตระหนักถึงความทะเยอทะยานทางการเมืองของเขาเลยด้วยซ้ำ มีบางคนเชื่ออยู่หรือว่าเจ้าหน้าที่พิเศษของพวกเรากำลังไล่ตามอภิมหาเศรษฐีชาวอเมริกันทุกคน?

    ปูติน: ประการที่สอง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่า คุณทรัมป์ได้เดินทางมาถึงกรุงมอสโคว์และอย่างแรกที่เขาทำก็คือไปพบกับโสเภณีกรุงมอสโคว์ อย่างแรกนะครับ เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และอย่างที่สองเขาได้เป็นสปอนเซอร์ให้กับการจัดประกวดนางงามมาเป็นเวลาหลายปี และมีโอกาสที่จะได้พบกับบรรดาผู้หญิงที่สวยมากที่สุดในโลกด้วย ทำไมเขาจะต้องวิ่งไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อพบกับเด็กๆของเราที่มีข้อจำกัดด้านความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย?

    ปูติน: ประการสุดท้าย ยังมีข้อควรพิจารณาอีกอย่างหนึ่งในหลายๆอย่าง พวกสาวๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็เนื่องมาจากว่าพวกเขาไม่สามารถดำรงชีวิตแบบอื่นที่เหมาะสมในระดับที่ดีได้ ความรู้สึกผิดจึงตกอยู่ที่สังคมและประเทศ พวกที่พากันแต่งเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันนี้ถูกนำไปใช้เพื่อป้ายสีว่าที่ประธานาธิบดี และใช้มันเพื่อให้ได้เปรียบในวาระทางการเมืองของพวกเขานั้น "เลวยิ่งกว่าโสเภณีซะอีก"

    ปูติน: อย่างไรก็ตาม รัสเซียก็เจอกับผู้คนแบบนั้นมาโดยตลอด ซึ่งก็คือพวกฝ่ายค้านของพวกเราเอง ข้อเท็จจริงที่ว่าวิธีการเหล่านั้นถูกนำมาใช้เพื่อต่อต้านว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรเสมอเหมือนและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นถึงระดับของความต่ำทรามในกลุ่มพวกอีลีททางการเมืองในตะวันตก ซึ่งรวมทั้งสหรัฐด้วย อย่างชัดเจน

    ปูติน: แต่ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสามัญสำนึกจะได้รับชัยชนะ (common sense will prevail) สิ่งนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและพันธมิตรต่างของเขา ซึ่งรวมทั้งยุโรปด้วย เหนือสิ่งอื่นใด ก็รัฐบาลชุดปัจจุับที่กำลังจะหมดอำนาจนี้แหละที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบรรดาผู้จำทางการเมืองชาวยุโรปจำนวนมากในการต่อสู้ทางการเมืองภายในของสหรัฐ ปัญหาต่างๆในปัจจุบันนี้เป็นผลมาจากกิจกรรมเหล่านั้นทั้งสิ้น

    ปูติน: ผมมั่นใจว่าผลประโยชน์ร่วมกันที่สำคัญนั้นจะทำให้สิ่งต่างๆมีความถูกต้อง แน่นอนว่าอาจจะมีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย และมันอาจจะทิ้งบางอย่างที่แย่ๆไว้หลังจากนั้น แต่ในที่สุดแล้วก็ยังมีหลายอย่างที่จะเข้าที่เข้าทางบ้าง (fall into place) ด้วยสัญลักษณ์นี้ผมมั่นใจว่าในที่สุดแล้วพวกเราจะสามารถกลับคืนสู่ความสัมพันธ์แบบรัฐ-ต่อ-ต่อได้อีกเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนชาวยุโรปและประชาชนชาวรัสเซียและสหรัฐด้วย ซึ่งจะนำไปสู่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้สถานการณ์ระหว่างประเทศมีเสถียรภาพ และมีความมั่นคง ขอบคุณมากครับ

    ป.ล.แกะจาก sub title ภาษาอังกฤษจากคลิปข่าวของ Russia Insider

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    18/01/2560
    ----------

    https://sputniknews.com/politics/201701171049680533-putin-trump-legitimacy/
    https://www.rt.com/news/373951-putin-trump-attack-protect/


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    พิธีอำลา: รัสเซียลดกำลังและสับเปลี่ยนกำลังพลฝูงบินรบ Su-24 และเจ้าหน้าที่เทคนิกจากฐานทัพอากาศ Hmeymim ของรัสเซียในจังหวัด Latakia ประเทศซีเรียกลับบ้านที่รัสเซีย (17 ม.ค.60)
    -----------------

    .
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โอบามาทำแปลกใจ จู่ๆ ลดโทษอดีตนายทหารผู้แพร่เอกสารลับแก่วิกิลีกส์ โดย MGR Online . (แก้ไขล่าสุด 18 มกราคม 2560 09:01 น.)
    blank.gif
    560000000593501.JPE
    แบรดลีย์ แมนนิง ถูกกล่าวหาว่า ส่งโทรเลขทูต วิดีโอ และรายงานทางการทหารในสงครามอัฟกานิสถาน-อิรัก ของสหรัฐฯ ให้วิกิลีกส์นำไปเผยแพร่ต่อ ระหว่างประจำการในอิรัก ขณะทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข่าวกรอง ช่วงพฤศจิกายน 2009 ถึง พฤษภาคม 2010
    blank.gif
    เอเอฟพี/MGR Online - วิกิลีกส์อ้างชัยชนะในวันอังคาร (17 ม.ค.) หลังทำเนียบขาวแถลงว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้ลดหย่อนโทษอดีตพลทหาร เชลซี แมนนิง ซึ่งถูกจำคุกฐานเผยแพร่เอกสารลับให้แก่เว็บไซต์จอมแฉ จาก 35 ปีเหลือเพียง 7 ปี ความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นไม่กี่วันก่อนหน้าผู้นำรายนี้จะหมดวาระดำรงตำแหน่งและไม่นานหลังจากจูเลียน แอสซานจ์ ประกาศจะยอมถูกส่งตัวไปสหรัฐฯ หากผู้นำอเมริกายอมลดโทษให้แมนนิง

    “ชัยชนะ : โอบามาลดโทษให้ เชลซี แมนนิง จาก 35 ปีเหลือ 7 ปี วันปล่อยตัวตอนนี้คือ พฤษภาคม 2017” วิกิลีกส์เขียนบนทวิตเตอร์ ทั้งนี้โทษปล่อยตัวเดิมของเธอคือปี 2045

    แมนนิงถูกพิพากษาในเดือนสิงหาคม 2013 ว่ามีความผิดฐานจารกรรมและความผิดอื่นๆ ต่อการมอบเอกสารที่อ่อนไหวด้านการทหารและการทูตแก่เว็บไซต์จอมแฉของวิกิลีกส์

    หนึ่งในการดำเนินการท้ายๆ ในฐานะประธานาธิบดี โอบามาได้อภัยโทษผู้ต้องขัง 64 คนและลดโทษคนอื่นๆ อีก 209 ราย ในนั้นรวมถึงอดีตนายทหารรายนี้

    แบรดลีย์ แมนนิง ถูกกล่าวหาว่าส่งโทรเลขทูต วิดีโอ และรายงานทางการทหารในสงครามอัฟกานิสถาน-อิรัก ของสหรัฐฯ ให้วิกิลีกส์นำไปเผยแพร่ต่อระหว่างประจำการในอิรัก ขณะทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข่าวกรองช่วงพฤศจิกายน 2009 ถึง พฤษภาคม 2010

    เธอถูกจับกุมวันที่ 26 พฤษภาคม 2010 และถูกกองทัพสหรัฐฯ ควบคุมตัวในคูเวต ก่อนย้ายมายังค่ายนาวิกโยธินในรัฐเวอร์จิเนีย และมีการส่งตัวมายังค่ายทหารฟอร์ตลีเวนเวิร์ทในรัฐแคนซัส

    560000000593502.JPE
    ปัจจุบัน แบรดลีย์ แมนนิง กลายเป็น เชลซี แมนนิง เรียบร้อยแล้ว
    blank.gif
    ระหว่างถูกควบคุมตัว แมนนิงประกาศว่าอยากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงตามอัตลักษณ์ทางเพศ ดังที่ตัวเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กๆ และอยากจะเริ่มใช้ฮอร์โมนและขอพบแพทย์เพื่อปรับร่างกาย ซึ่งต่อมาก็ได้รับความยินยอมจากกองทัพ และปัจจุบันได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ เชลซี แมนนิง แล้ว

    ในบรรดาของผู้ได้รับอภัยโทษนั้น ได้แก่เจมส์ คาร์ทไรท์ อดีตนายพลที่โกหกเอฟบีไอ เกี่ยวกับคำสนทนาระหว่างเขากับพวกผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน แต่แมนนิงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในรายชื่อของโอบามา

    แมนนิงสารภาพว่าส่งมอบเอกสารลับด้านการทูตและด้านการทหารกว่า 700,000 ฉบับแก่วิกิลีกส์ แต่พวกนักเคลื่อนไหวโต้แย้งว่าบทลงโทษเธอนั้นรุนแรงเกินไปและชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางทางจิตของอดีตนายทหารข้ามเพศรายนี้

    ความเคลื่อนไหวของโอบามาสร้างความประหลาดใจไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการแฮกข้อมูลและเผยแพร่อีเมลของพรรคเดโมแครต ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2016

    ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน จูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ ซึ่งหลบอยู่ภายในสถานทูตเอกวาดอร์ประจำกรุงลอนดอนมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2012 บอกว่าจะยอมถูกส่งตัวไปสหรัฐฯ หากผู้นำอเมริกายอมลดโทษให้แมนนิง

    ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวปฏิเสธวาดภาพความเป็นไปได้ของการลดโทษหรืออภัยโทษ แต่แสดงจุดยืนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างแมนนิงที่ยอมขึ้นศาลและยอมรับผิด กับ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน

    ทั้งนี้ สโนว์เดน ซึ่งหลบหนีไปยังฮ่องกง จากนั้นก็เข้าไปลี้ภัยในรัสเซีย หลังจากเปิดโปงโครงการสอดแนมของสหรัฐฯ ไม่ได้อยู่ในรายชื่อของโอบามา


    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000005695
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เจ้าพ่อวิกิลีกส์ชื่นชม “โอบามา” ลดโทษให้ “เชลซี แมนนิง” ผู้แพร่เอกสารลับ แต่ไม่ฟันธงจะยอมถูกส่งตัวไปสหรัฐฯ โดย MGR Online (แก้ไขล่าสุด 18 มกราคม 2560 13:33 น.)
    blank.gif
    560000000596301.JPE
    จูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์
    blank.gif
    เอเอฟพี - จูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ แถลงชื่นชมประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ที่ประกาศลดหย่อนโทษจำคุกให้แก่พลทหารข้ามเพศผู้เผยแพร่ข้อมูลลับให้วิกิลีกส์ พร้อมเรียกร้องให้อเมริกาเลิกทำสงครามกับบรรดาผู้เปิดโปงความจริง (whistleblowers) แต่ยังไม่รับปากว่าจะเดินทางไปสหรัฐฯ ตามที่สัญญาหรือไม่

    “ผมขอชื่นชมการตัดสินใจของประธานาธิบดีโอบามา ที่ลดเวลาจำคุกให้แก่ น.ส.เชลซี แมนนิง จาก 35 ปี เหลือเพียงเท่าที่ได้รับโทษไปแล้ว” คำแถลงซึ่งทีมทนายของแอสซานจ์ ส่งถึงผู้สื่อข่าวเอเอฟพี ระบุ

    แอสซานจ์ชี้ว่า แมนนิงไม่ควรถูกตัดสินว่ามีความผิดเลยด้วยซ้ำ และเธอเป็น “วีรสตรีผู้กล้าที่สมควรได้รับการชื่นชม มิใช่ถูกประณาม”

    “เพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมอยู่รอดต่อไป รัฐบาลสหรัฐฯ ควรยุติการทำสงครามกับผู้เปิดโปงความจริง รวมถึงสื่อซึ่งทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล เช่น วิกิลีกส์ และตัวผม”

    สิบตรี แบรดลีย์ แมนนิง หรือ “เชลซี แมนนิง” ถูกศาลทหารพิพากษาเมื่อเดือน ส.ค.ปี 2013 ว่ามีความผิดฐานจารกรรมและอื่นๆ อีกหลายข้อหา หลังจากที่เขาส่งมอบเอกสารลับทางทหารและโทรเลขการทูตของสหรัฐฯ ราว 700,000 ฉบับให้แก่วิกิลีกส์

    แมนนิงซึ่งเป็นบุคคลข้ามเพศถูกส่งไปคุมขังในเรือนจำชายล้วน และเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วถึง 2 ครั้ง

    เมื่อต้นเดือนนี้ วิกิลีกส์ได้แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า แอสซานจ์จะยินยอมถูกส่งตัวไปสหรัฐฯ หาก โอบามา ลดหย่อนโทษให้แก่ แมนนิง

    แอสซานจ์กบดานอยู่ภายในสถานทูตเอกวาดอร์ ณ กรุงลอนดอน มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.ปี 2012 เพื่อหลบเลี่ยงการถูกส่งตัวไปดำเนินคดีฐานล่วงละเมิดทางเพศในสวีเดน

    อดีตแฮกเกอร์ชาวออสเตรเลียเกรงว่า รัฐบาลสตอกโฮล์มอาจจะส่งตนให้กับสหรัฐฯ ซึ่งต้องการเอาผิดวิกิลีกส์ฐานนำเอกสารลับที่ได้จากแมนนิงไปเผยแพร่ให้สาธารณชนรับรู้

    หลังจากทำเนียบขาวประกาศจะคืนอิสรภาพให้แก่ แมนนิง ในเดือน พ.ค.ปีนี้ ทีมกฎหมายของ แอสซานจ์ก็ยังไม่ออกมายืนยันว่าเจ้าพ่อวิกิลีกส์จะยังรักษาสัญญายอมเดินทางไปสหรัฐฯ หรือไม่

    “ทีมทนายเคยร้องขอไปแล้วหลายครั้งให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ชี้แจงสถานะของจูเลียน แอสซานจ์ ให้ชัดเจน และหวังว่าสหรัฐฯ จะปฏิบัติตามทันที โดยสั่งปิดการสอบสวน และยืนยันว่าจะไม่เอาผิดใดๆ กับเขา” เมลินดา เทย์เลอร์ ทนายของแอสซานจ์ บอกกับเอเอฟพี

    แม้สหรัฐฯ จะยืนยันว่าต้องการได้ตัว แอสซานจ์ มารับผิดชอบต่อการเผยแพร่ข้อมูลลับเมื่อปี 2010 แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ

    560000000596302.JPE
    สิบตรี แบรดลีย์ แมนนิง หรือ "เชลซี แมนนิง" อดีตเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลของสหรัฐฯ ที่เคยแอบเผยแพร่เอกสารลับให้แก่วิกิลีกส์
    blank.gif


    560000000596303.JPE
    สิบตรี แบรดลีย์ แมนนิง หรือ "เชลซี แมนนิง" อดีตเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลของสหรัฐฯ ที่เคยแอบเผยแพร่เอกสารลับให้แก่วิกิลีกส์
    blank.gif
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เร่งแก้ปัญหาโรฮิงญาในเมียนมาร์
    Written by: newmedia
    2017/01/18 7:56 PM

    เมียนมาร์ 18 ม.ค.-ปัญหาชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา ในเมียนมาร์นับวันจะรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดทูตพิเศษจากองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC ประจำเมียนมาร์ ได้ออกมาเรียกร้องให้สหประชาชาติเข้าแทรกแซงยุติเหตุรุนแรงในรัฐยะไข่ หลังกองทัพเมียนมาร์ กวาดล้างชาวมุสลิมโรฮิงญาอย่างหนักจนทำให้ชาวโรฮิงญาต้องหลบหนีข้ามพรมแดนเข้าไปในบังคลาเทศ และจำนวนไม่น้อยต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่น

    r1-300x169.jpg r2-300x169.jpg

    ทูตพิเศษ OIC ประจำเมียนมาร์ ระบุว่าถ้าสหประชาชาติไม่เข้าแทรกแซงรัฐยะไข่ ก็คงเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในกัมพูชา และรวันด้า นายไซเอด ฮามิด อัลบาร์ ทูตพิเศษ OIC ประจำเมียนมาร์ กล่าวว่านับตั้งแต่เหตุรุนแรงปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมปีที่แล้ว มีชาวมุสลิมโรฮิงญา ถูกสังหารไปแล้วอย่างน้อย 86 คน และอีกราว 66,000 คน ต้องหนีอพยพข้ามแดนทะลักเข้าไปยังพรมแดนบังคลาเทศ และในวันพรุ่งนี้ OIC จะจัดการประชุม สมัยพิเศษขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ตามการเรียกร้องของมาเลเซีย เพื่อหารือมาตรการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ในรัฐยะไข่ ที่มาเลเซียมองว่าชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญากำลังถูกรังแกอย่างน่าเวทนา และว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาภายในของเมียนมาร์ แต่ได้กลายเป็น
    ปัญหาระหว่างประเทศไปแล้ว

    r3-300x169.jpg r4-300x169.jpg

    ทั้งนี้ OIC ปัจจุบันมีสมาชิก 57 ประเทศ และทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงให้ชาวมุสลิมทั่วโลก ทั้งนี้กลุ่มผู้อพยพและกลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชน กล่าวหาว่า ทหารเมียนมาร์ได้เข่นฆ่า ข่มขืน และเผาบ้านของชาวโรฮิงญาไปมากมาย แต่รัฐบาลเมียนมาร์ ภายใต้การนำของนางอองซาน ซูจี ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยระบุว่าเป็นการพูดเกินจริง และว่าปัญหาความขัดแย้งในรัฐยะไข่เป็นปัญหาภายในของเมียนมาร์ รัฐบาลเมียนมาร์เชื่อด้วยว่ามีกลุ่มกองกำลังมุสลิมต่างชาติให้การสนับสนุนชาวโรฮิงญาในเมียนมา และเปิดการโจมตีขึ้นในรัฐยะไข่ จนนำไปสู่การกวาดล้างชาวโรฮิงญาของทหารพม่า OIC ระบุว่าชาวโรฮิงญาเป็นพลเมืองพม่า พวกเขาจึงสมควรได้รับสถานภาพพลเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเมียนมาร์ ประกาศจะไม่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ และว่าหากสหประชาชาติเข้าแทรกแซงกิจการภายในของเมียนมาร์ สหประชาชาติ ก็จะถูกคนในพื้นที่ตอบโต้อย่างรุนแรง.-สำนักข่าวไทย

    r5-300x169.jpg r6-300x169.jpg

    http://www.tnamcot.com/content/637751
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    พวกไอซิปิดล้อมสนามบินแห่งหนึ่งที่จังหวัด Deir ez-Zor ทางตะวันออกของซีเรีย มีอากาศยานของกองทัพซีเรียหลายลำอยู่ข้างในพร้อมกับทหารของฝ่ายรัฐบาลซีเรียด้วย กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตีฝ่าการปิดล้อมให้ได้ มีการส่งเครื่องบินทั้งจากภายในและภายนอกเข้าไปโจมตีพวกไอซิสอย่างหนัก
    ------------
    https://www.almasdarnews.com/article/syrian-army-attempts-lift-siege-deir-ezzor-airport/
    http://en.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13951029001119

    .
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    CNN กระบอกเสียงของรัฐบาลโอบามาที่เคยทำโพลว่านางฮิลลารี่มีคะแนนนำโด่งนายทรัมป์ในช่วงเลือกตั้ง ยังไงซะฮิลลารี่ก็ต้องชนะทรัมป์แน่ๆ ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนชาวอเมริกันและบอกว่า ประชาชนยอมรับว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาประสบความสำเร็จสูงสุดถึง 60%
    ------------
    http://edition.cnn.com/2017/01/18/politics/obama-approval-rating-cnn-orc-poll/index.html
    .
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    จอมแหลเบอร์หนึ่งของสหรัฐโฮ่งครั้งสุดท้ายก่อนถูกถีบออกจากตำแหน่ง: นักการทูตในกรุงมอสโคว์ถูกล่วงละเมิด (ไร้สาระ!)
    ----------

    วันที่ 18 ม.ค.60 TASS พาดหัวข่าวว่า "ก.ต่างปรเทศสหรัฐเน้นย้ำว่านักการทูต 'กำลังถูกคุกคาม' ในกรุงมอสโคว์" (US State Department reiterates diplomats 'being harassed' in Moscow)

    นายจอห์น เคอร์บี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐยืนยันอีกครั้งว่าในการแถลงข่าวเมื่อวันอังคารนี้ว่า นักการทูตสหรัฐในประเทศรัสเซียถูกคุกคาม หลังจากนักข่าวถามความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียที่กล่าวก่อนหน้านี้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นไม่มีมูล

    "สิ่งเดียวที่ผมจะพูด และนั่นก็คือสิ่งที่พวกเราได้พูดมาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ว่า เมื่อปีที่แล้วหรือย้อนหลังไปมากกว่านั้นพวกเราได้เห็นการเพิ่มขึ้นของการล่วงละเมิดต่อบรรดานักการทูตของพวกเรา" นายจอห์น เคอร์บี้กล่าว

    เคอร์บี้กล่าวอีกว่า "และมันเป็นเพราะการล่วงละเมิดที่เพิ่มขึ้นนั่นแหละ หนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไม ประธานาธิบดีถึงได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อชาวรัสเซียบางคนในประเทศรัสเซียเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และประกาศว่านักการทูตของรัสเซียจำนวน 35 คนเป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา (ในสหรัฐ) และสั่งปิดบ้านพักตากอากาศสองแห่ง (ของรัสเซีย) ซึ่งพวกเรารู้ว่าอยู่ที่ไหน มีสายลับ และมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับงานข่าวกอรงในที่เหล่านั้นด้วย"

    เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียแถลงข่าวประจำปีโดยกล่าวตอนหนึ่งว่า มีเจัาหน้าที่นักการทูตสหรัฐจำนวนมากซึ่งทำงานอยู่ในกรุงมอสโคว์ถูกขัดขวางจากการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับข่าวกรองในรัสเซีย

    "ข้อวกล่าวหาที่ว่าในช่วงการดำรงค์ตำแหน่งประธานาธิบดีของนายบารัค โอบามานั้น นักการทูตสหรัฐถูกล่วงละเมิด แต่ผมเชื่อว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่มีมูล" รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าว โดยได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า "การกล่าวว่าบางส่วนประจักษ์ต่อสาธารณะเนื่องจากชาวอเมริกันได้พยายามจะแสดงตนว่ามีการไล่ล่าบางรูปแบบต่อนักการทูตสหรัฐ แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งต่างๆนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง"

    [วันที่ 29 ธันวาคม 2559 ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐได้มีคำสั่งให้เนรเทศนักการทูตสหรัฐจำนวน 35 คนออกจากแผ่นดินสหรัฐภายใน 3 วันและได้มีการสั่งปิดบ้านพักตากอากาศสองแห่งของทางการรัสเซียในประเทศสหรัฐด้วย โดยให้เหตุผลว่านักการทูตเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกสายลับและพวกแฮ็กเกอร์ชาวรัสเซียในการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้นางฮิลลารี่และพรรคเดโมแครทของนายโอบามาและนางฮิลลารี่ต้องพ่ายแพ้ให้กับนายทรัมป์อย่างยับเยิน

    ทั้งๆที่บรรดาสื่อฯหลัก สำนักโพล และพวกนักวิชาเกินเติมเงินทั้งหลายฝ่ายโปรฮิลลารี่ต่างก็พากันฟันธงว่าฮิลลารี่ต้องได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐต่อจากโอบามาแน่ๆ ผลกลับไม่เป็นเช่นนั้น รัฐบาลโอบามาและนางฮิลลารี่จึงมาระบายอารมณ์ที่ปูตินและรัสเซีย รวมทั้งนักการทูตของรัสเซียและสมาชิกครอบครัวของพวกเขาร่วมเกือบ 100 ชีวิตในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประมาณว่าเป็นความสะใจของพวกโรคจิตบางคนที่เห็นคนอื่นได้รับความเดือดร้อนวุ่นวาย

    คงคาดว่ารัสเซียจะต้องตอบโต้สหรัฐอย่างหนักแน่นอน ซึ่งมันจะทำให้การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐกับรัสเซียในยุคของทรัมป์มีความยากลำบากมากขึ้น แต่การตอบโต้ของปูตินทำให้รัฐบาลโอบามาถึงกับอ้าปากค้าง ทั่วโลกรวมทั้งว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต่างพากันยกย่องและปรบมือให้กับการเดินเกมแบบเซียนเหยีบเมฆของปูติน เนื่องจากปูตินประกาศว่าแม้ว่าสหรัฐจะขับไล่นักการทูตของรัสเซียถึง 35 คนออกนอกประเทศก็ตาม แต่รัสเซียจะไม่กระทำแบบนั้นกับนักการทูตของสหรัฐ แต่จะออกบัตรเชิญเด็กนักเรียนชาวอเมริกันในสหรัฐพร้อมทั้งนักการทูตสหรัฐในประเทศรัสเซียให้เข้าร่วมการงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ในกรุงมอสโคว์ด้วย

    คนหน้าหนาอย่างนายเคอร์บี้ จึงออกมาแหลแทนนายของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตกเก้าอี้กรณีนายโอบามาขับไล่นักการทูตรัสเซียและคว่าบาตรบุคคลสำคัญของรัฐบาลรัสเซียว่า "รัสเซียล่วงละเมิดนักการทูตสหรัฐ" การพูดให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำคือหนึ่งในเอกลักษณ์ของรัฐบาลโอบามา - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    18/01/2560
    ----------
    http://tass.com/world/925661
    http://tass.com/politics/923478
    http://www.bbc.com/news/world-us-canada-38484735
    http://edition.cnn.com/2016/12/29/politics/russia-sanctions-announced-by-white-house/
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    หลังจากอะเลปโปได้รับการปลดปล่อยจากพวกกบฏและผู้ก่อการร้ายโดยกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียและพันธมิตรนำโดยรัสเซียแล้ว พวกสื่อฯหลักของตะวันตกนำโดยสหรัฐหรือแม้กระทั่งพวกที่อ้างว่าเป็นสื่อมวลชนของพวกฝ่ายค้านต่างก็พากันหายหัวไปหมด ไม่สนใจประชาชนชาวซีเรียในพื้นที่อีกต่อไป คาดว่าคงพากันย้ายไปอยู่ร่วมกับพวกผู้ก่อการร้ายที่อื่นแล้ว (17 ม.ค.60)
    ---------------

    .
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ตอนนี้กองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียด้วยการสนับสนุนทางอากาศจากเครื่องบินรบของรัสเซียกำลังปะทะกันอย่างดุเดือดกับกองทัพของพวกไอซิสที่จังหวัด Deir ez-Zor (18 ม.ค.60)
    ---------------

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...