ติดตามสถานะการณ์

สะดุดคำ J-Alert : ถ้า “คิม จองอึน” กดปุ่มขีปนาวุธยิงใส่ญี่ปุ่นจะเกิดอะไรขึ้น? โดย โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ 24 เมษายน 2560 12:05 น.





ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
Tokyo University of Foreign Studies


สะดุดคำ คือ มุมพิเศษซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึกที่ลงทุกวันจันทร์ มุมนี้จะเป็นการบอกเล่า ‘ความเคลื่อนไหว’ หรือ ‘สิ่งที่อยู่ในความสนใจ’ ของคนญี่ปุ่นตามโอกาสพิเศษผ่าน ‘คำสำคัญ’ หรือ ‘คำเด่น’ ในช่วงเวลาหรือฤดูกาลนั้น มีกำหนดนำเสนอเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถติดตามสิ่งที่เป็นปัจจุบันหรือร่วมสมัยได้ในเวลาใกล้เคียงกับคนญี่ปุ่น อีกทั้งยังต้องการให้ผู้ที่เรียนหรือสนใจภาษาญี่ปุ่นได้นำคำหลักและคำที่เกี่ยวข้องไปใช้พูดคุยกับคนญี่ปุ่นหากมีโอกาสเพื่อให้บทสนทนาน่าสนใจและมีชีวิตชีวา โดยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อคนหรือคำญี่ปุ่นไว้ในระดับหนึ่งเพื่ออำนวยประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการค้นคว้าเพิ่มเติม อนึ่ง การถ่ายเสียงจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยในทุกบทความอิงหลักการเขียนคำทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่นของราชบัณฑิตยสภาเป็นหลักแม้ไม่ทั้งหมดก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องการใช้เสียงสั้นและเสียงยาวตามหลักภาษาญี่ปุ่น

ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ข้อมูลมีความสำคัญสูง ยิ่งเข้าใจไวเท่าไร ก็หมายถึงการเอาตัวรอดได้ดีขึ้นเท่านั้น ใครที่จำเป็นต้องอยู่ในญี่ปุ่นระยะนี้ก็น่าจะทำความคุ้นเคยกับคำว่า “เจ-อะเลิร์ต (J-Alert)” ไว้หน่อย เผื่อดูโทรทัศน์ หรือได้ยินเสียงสัญญาณ หรือไปอยู่ในวงสนทนาใดๆ จะได้มีแนวทางทำความเข้าใจเพื่อการเอาตัวรอดในกรณีที่มีภัย

วงสนทนาในญี่ปุ่นตอนนี้มีเรื่องเกาหลีเหนือผุดขึ้นมาถี่ๆ เพราะความเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นแถวนี้ด้วยท่าทีของอเมริกากับเกาหลีเหนือนั้นไม่น่าไว้ใจ บางคนวิเคราะห์ว่าต่างฝ่ายต่างขู่กันไปขู่กันมา ไม่กล้าลงมือร้อก! แต่จะมีใครกล้ายืนยันบ้างเล่า?

ขณะที่คุยกันในวง บ้างก็วิจารณ์โดนัลด์ ทรัมป์ว่าป่วนโลก บ้างก็ค่อนขอดความอ้วนของคิม จอง อึนว่าปล่อยให้ประชาชนอดอยาก แต่ขุนตัวเองจนน้ำหนักพุ่งไปถึง 130 กิโล บางเสียงจึงให้ข้อมูลเสริมว่าแท้จริงแล้วนั่นคือความอ้วนเชิงยุทธศาสตร์ เป็นการอ้วนเบ่งพลังเพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่ามีราศี มีอันจะกิน น่าเกรงขามตามค่านิยมของเกาหลีเหนือ

แต่ไม่ว่าจะยกเรื่องอะไรขึ้นมาพูดก็ตาม คำถามหนึ่งที่มักปรากฏก็คือ “เอ...ว่าแต่ ถ้าเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธใส่ญี่ปุ่นจริงๆ ล่ะ จะทำยังไง” ของแบบนี้ใครจะตอบได้แน่ชัด? บ้างก็พูดเหมือนปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเอาอยู่แน่ๆ...ก็แค่ยิงจรวดสกัดขีปนาวุธ บ้างก็ตอบแบบทำใจ เอ้า...ยิงก็ยิงสิ ตายแบบนี้ไม่ทันรู้สึกว่าเจ็บด้วยซ้ำ




แผนผังระบบเตือนภัย J-Alert ของญี่ปุ่น


ทว่าเรื่องความรุนแรง ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกไม่ว่าผลจะลงเอยอย่างไร แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ต้องมาคิดกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินน้อยที่สุด ทุกวันนี้คนญี่ปุ่นยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติก็จริง แต่ในใจก็หวั่นๆ อยู่เหมือนกันว่าจะป้องกันตัวอย่างไร เมื่อวันศุกร์ที่ 21 เมษายน นายโยะชิฮิเดะ ซุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีซึ่งทำหน้าที่เป็นโฆษกรัฐบาลด้วย จึงออกมาแถลงในเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งก็ดีเพราะอย่างน้อยก็ทำให้ประชาชนอุ่นใจได้บ้างว่ารัฐบาลพร้อมจะหาวิธีปกป้องประชาชน

“ในกรณีที่ขีปนาวุธซึ่งถูกยิงจากเกาหลีเหนือส่อเค้าว่าอาจจะตกสู่ญี่ปุ่น รัฐบาลร่วมกับหน่วยงานสาธารณะในท้องถิ่น จะใช้ “ระบบเตือนภัยฉับพลันทั่วประเทศ” หรือที่เรียกว่า “เจ-อะเลิร์ต” ดำเนินการส่งข้อมูลฉุกเฉินแจ้งประชาชน

ในระยะนี้ จำนวนครั้งของการเข้าสู่ “เว็บท่าเพื่อการพิทักษ์ประชาชน” ซึ่งมีข่าวสารต่าง ๆ เช่น กระแสการส่งข้อมูลจากระบบ “เจ-อะเลิร์ต” นั้น เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และประชาชนทั้งหลายก็แสดงความสนใจมากขึ้น เช่น ด้วยการสอบถามเข้ามามากมายที่สำนักคณะรัฐมนตรีเป็นต้น จากสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อให้ประชาชนทุกคนพิทักษ์ความปลอดภัยของตนเมื่อมีการส่งสัญญาณแจ้งข้อมูลฉุกเฉินจากระบบ “เจ-อะเลิร์ต” ทางรัฐบาลจึงประมวลสิ่งที่ควรปฏิบัติและนำออกเผยแพร่แล้วในวันนี้ที่ “เว็บท่าเพื่อการพิทักษ์ประชาชน” ซึ่งอยู่ในโฮมเพจของสำนักคณะรัฐมนตรี

นอกจากนี้ ยังได้แจ้งเรื่องดังกล่าวแก่หน่วยงานสาธารณะท้องถิ่น เรียกร้องขอความร่วมมือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบ ตลอดจนได้จัดการประชุมอบรมผู้ที่รับผิดชอบด้านการพิทักษ์ประชาชนของจังหวัดต่าง ๆ ในวันนี้ด้วย ทางรัฐบาลจะดำเนินการต่อเนื่อง โดยประสานกับอเมริกาและเกาหลีใต้อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็จะเตรียมพร้อมเต็มที่ในการเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูลด้วยความตระหนักตื่นตัว เพื่อให้สามารถรับมือเหตุการณ์ได้ทุกรูปแบบ” (http://www.kantei.go.jp/jp/tyoukanpress/201704/21_a.html)




โยะชิฮิเดะ ซุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี


จะเห็นได้ว่า เลขาธิการคณะรัฐมนตรีพูดถึงระบบเตือนภัยหลายครั้ง คำนี้ประชาชนได้ยินบ่อยขึ้นในช่วงนี้หลังจากที่ทางการได้ริเริ่มมาพักใหญ่แล้วตั้งแต่ปี 2547 โดยสำนักงานควบคุมอัคคีภัย ชื่อเต็มของระบบคือ “ระบบเตือนภัยฉับพลันทั่วประเทศ” (全国瞬時警報システム; Zenkoku Shunji Keihō System) เรียกสั้นๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “เจ-อะราโตะ” (ภาษาญี่ปุ่นไม่มีสระเออ คำว่า alert จึงออกเป็น “อะราโตะ”) หรือ J-Alert (ตัวอย่างเสียง)

ระบบนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนในแง่ของการใช้งาน พูดภาษาชาวบ้านคือ นี่คือเสียงหวอสัญญาณเตือนให้ประชาชนรีบหลบหนีไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อเกิดภัยพิบัติ ซึ่งรวมทั้งภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด และภัยจากการสู้รบด้วย แต่ระบบในปัจจุบันย่อมมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่เราอาจเคยเห็นในละครยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัยนั้นกว่าหวอจะดัง อันตรายก็มาประชิดตัวแล้ว แต่ระบบเจ-อะเลิร์ตใช้ดาวเทียมจับสัญญาณเหตุการณ์ แจ้งต่อไปยังส่วนกลางได้อย่างรวดเร็ว แล้วกระจายต่อไปยังทางการท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่มีลำโพงกระจายเสียงประจำชุมชน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะได้รับแจ้งในเวลาประมาณ 1 วินาที และใช้เวลากระจายข่าวสู่ประชาชน 4–20 วินาทีแล้วแต่พื้นที่ หลังจากเสียงสัญญาณดังแล้ว ก็มักจะมีคำประกาศตามมาว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะมีข้อความกำกับว่า “ขอให้ดำเนินการอย่างมีสติ”

กรณีที่เกิดภัยจากขีปนาวุธเกาหลีเหนือซึ่งมีพิสัยยิงระยะกลางหรือไกลแตกต่างกันไปนั้น แม้ขีปนาวุธจะมาถึงฝั่งญี่ปุ่นได้ในเวลาสั้นๆ แต่การเตือนภัยของระบบเจ-อะเลิร์ตจะทำให้พอมีเวลาหลบภัยได้บ้าง อย่างเมื่อครั้งที่เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธตอนเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วจากฝั่งตะวันตกของประเทศ ขีปนาวุธใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็พุ่งผ่านน่านฟ้าใกล้เกาะโอะกินะวะของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ยิงประมาณ 1,600 กิโลเมตร หากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริง ในช่วง 10 นาที ประชาชนยังพอจะเคลื่อนย้ายไปสู่ที่ปลอดภัยได้






รัฐบาลญี่ปุ่นจึงประกาศคำแนะนำทางเว็บไซต์ โดยมีหลักการสำคัญคือ 1) รีบหลบภัย และ 2) รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและรวดเร็ว (http://www.kokuminhogo.go.jp/) สำหรับการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ 1) กรณีที่อยู่นอกอาคาร ควรหลบหนีไปยังอาคารหรือสถานที่ใต้ดินที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่มีในบริเวณใกล้เคียง หากไม่มีอาคารที่เหมาะสมในบริเวณนั้น ให้หาที่กำบัง หรือหมอบลงที่พื้นและป้องกันศีรษะไว้ และ 2) กรณีที่อยู่ภายในอาคาร ควรอยู่ห่างจากหน้าต่างให้มากที่สุด (เพราะกระจกหรือเศษวัสดุอันตรายอาจกระเด็นใส่) ถ้าเป็นไปได้ ย้ายไปอยู่ในห้องที่ไม่มีหน้าต่าง หากอยู่ในบ้านไม้ ขอให้รีบย้ายไปยังอาคารที่แข็งแรงกว่า เช่น อาคารที่ทำการเขต หรือโรงเรียน ทั้งนี้ควรศึกษาไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าพื้นที่หลบภัยในชุมชนนั้นอยู่ที่ไหน

แม้ไม่มีหลักประกันความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การหลบไปยังที่กำบังที่แข็งแรงย่อมลดความเสี่ยงได้มากกว่า ด้วยความที่ญี่ปุ่นต้องผจญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติมายาวนาน การเตรียมพร้อมจึงกลายเป็นนิสัยประจำชาติแล้ว และแน่นอนว่าเมื่อเกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพและชีวิตของผู้คน ต่อให้มีคนโน้นคนนี้ออกมาคาดการณ์ต่าง ๆ นานาว่าอเมริกากับเกาหลีเหนือไม่กล้าปะทะกันหรอก แต่การเตรียมพร้อมของคนญี่ปุ่นย่อมไม่มีคำว่าทำเกินกว่าเหตุอย่างแน่นอน




โปสเตอร์คำแนะนำสำหรับการหลบภัยขีปนาวุธ







โปสเตอร์คำแนะนำสำหรับการหลบภัยขีปนาวุธ


**********
คอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึก โดย ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ แห่ง Tokyo University of Foreign Studies จะมาพบกับท่านผู้อ่านโต๊ะญี่ปุ่น ทุกๆ วันจันทร์ ทาง www.manager.co.th

https://manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9600000041182

 

ปอกเปลือก ทรราช
กองทัพเรือญี่ปุ่นแถลงกลุ่มบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ซ้อมรบร่วมกับกองทัพเรือญี่ปุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อไหร่จะถึงคาบสมุทรเกาหลีหนะนี่?
-----------

วันที่ 23 เม.ย.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "กรุงโตเกียวและกรุงวอชิงตันเริ่มซ้อมรบผสมในมหาสมุทรแปซิฟิก" (Tokyo, Washington Start Joint Drills in Pacific Ocean)

กองทัพเรือญี่ปุ่นประกาศว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐได้เริ่มการซ้อมรบทางทหารเรือร่วมกันในมหาสมุทรแปซิฟิกในวันอาทิตย์ โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของสหรัฐเข้าร่วมด้วย กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น (Japan Maritime Self-Defense Force - JMSDF) กล่าวในแถลงการณ์

กลุ่มเรือโจมตีบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของสหรัฐที่ได้รับคำสั่งให้มุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรเกาหลีท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาค

"การซ้อมรบร่วมกันกับกองทัพเรือสหรัฐกำลังเริ่มขึ้นในวันที่ 23 เมษายนนี้ การฝึกซ้อมต่างๆจัดขึ้นในส่วนตะวันตกของมหาสมุทรแฟซิฟิก... เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson และเรืออื่นๆ จากฝ่ายสหรัฐ [จะเข้าร่วมการซ้อมรบด้วย]" แถลงการณ์กล่าว

แถลงการณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า เรือพิฆาต Samidare และ Ashigara ของญี่ปุ่นก็กำลังเข้าร่วมซ้อมรบด้วยเช่นกัน

- วันที่ 8 เมษายน เรือ USS Carl Vinson อยู่ที่สิงคโปร
- วันที่ 9 เมษายน ปธน.ทรัมป์ประกาศทางโทรทัศน์ว่าได้มีคำสั่งให้เรือ USS Carl Vinson มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังคาบสมุทรเกาหลี เพื่อกดดันเกาหลีเหนือกรณีทดลองอาวุธนิวเคลียร์
- วันที่ 11 เมษายน เว็บไซต์ของเรือ USS Carl Vinson รายงานว่ากำลังออกเดินทางจากสิงคโปรมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรเกาหลี
- วันที่ 15 เมษายน ได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายกองเรือ USS Carl Vinson ว่าอยู่แถวช่องแถบ Sunda ของอินโดนีเซีย
- วันที่ 21 เมษายน กองทัพเรือสหรัฐยืนยันว่าเครื่องบินรบ F/A-18E Super Hornet ประจำเรือ USS Carl Vinson ตกในทะเลเซเลเบส (ส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแฟซิฟิกตะวันตก) ในขณะที่กำลังพยายาลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบิน
- วันที่ 23 เมษายน กองทัพเรือญี่ปุ่นประกาศว่าเรือ USS Carl Vinson ของสหรัฐกำลังซ้อมรบร่วมกับเรือพิฆาตของญี่ปุ่นสองลำในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก

คิมน้อยบอกเมื่อไหร่จะมาถึงซักที... รอนานแล้วนะ ปากก็บอกว่าจะขึ้นเหนือ แต่หันหัวเรือลงใต้มุ่งไปทางออสเตรเลีย ถูกจับได้แถวอินโดนีเซีย จากนั้นก็หันหัวเรือขึ้นเหนือออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือผ่านทะเลเซเลเบสของฟิลิปปินส์เลี่ยงเข้าทะเลจีนใต้ เสียเครื่องบินรบ F/A-18E ไปหนึ่งลำ และก็แวะซ้อมรบชิวๆกับญี่ปุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกอีก เจ้าบ้านเกาหลีเหนืออุตส่าห์เตรียมจัดปาตี้ต้อนรับ ก็ยังไม่เห็นมาซักที ยังไงกันหละนี่?

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
23/04/2560
------------
https://sputniknews.com/military/201704231052896540-tokyo-washington-start-join-drills/
http://www.telegraph.co.uk/news/201...-join-us-carrier-drills-nears-korean-waters2/
http://www.telegraph.co.uk/news/2017/04/19/trump-warned-north-korea-armada-headed-toward-australia/
http://news.mb.com.ph/2017/04/23/tokyo-washington-start-joint-drills-in-pacific-ocean/
http://in.reuters.com/article/northkorea-usa-japan-idINKBN17P020

 

ปอกเปลือก ทรราช
ออสเตรเลียแนะเกาหลีเหนือล้มเลิกความคิดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์หันไปให้ความสำคัญกับสวัสดิการของประชาชนตนเองจะดีกว่า หลังเกาหลีเหนือสวนกลับ หุบปากไปเลยนะ! พวกหลับหูหลับตาเขย่งเท้าตามก้นอเมริกาต้อยๆ เดี๋ยวพ่อจะล่อออสเตรเลียด้วยนิวเคลียร์ซะนี่ กรณีออสเตรเลียแกว่งปากหาเท้าก่อน และขู่ว่าจะถล่มเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของสหรัฐด้วย
-----------

ก็คิมน้อยไปขู่เขาแบบนี้ทุกวี่ทุกวัน เขาก็ไปไม่ถึงคาบสมุทรเกาซักทีสิครับ อ้างโน่นอ้างนี่ ระหว่างทางก็แวะซ้อมรบที่นั่นที่นี่ไปเรื่อย พอใกล้จะถึงคาบสมุทรเกาหลีอาจจะบอกว่า กระสุนหมดแล้ว เชื้อเพลิงไม่พอ ขอแวะเติมเสบียงที่ญี่ปุ่นก่อนก็ได้ เมื่อไหร่คำสั่งยกเลิกภารกิจบ้าๆนี้จะมาซักทีว้าาาาา?

วันที่ 23 เม.ย.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ออสเตรเลียเรียกร้องให้เกาหลีเหนือมุ่งไปที่เรื่องสวัสดิการแทนอาวุธนิวเคลียร์" (Australia Urges N Korea to Focus on Welfare Instead of Nuclear Weapons)

เมื่อวันอาทิตย์นี้ นาง Julie Bishop รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลียได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือให้ความสนใจที่เรื่องความเป็นอยู่ของพลเมืองของตนเองแทนการทุ่มเงินในการพัฒนาอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ในการตอบโต้ต่อการข่มขู่ของกรุงเปียงยาง

ในช่วงเช้าวันอาทิตย์นี้กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าวว่า เกาหลีเหนือจะโจมตีออสเตรเลียด้วยอาวุธนิวเคลียร์ หากกรุงแคนเบอร์ร่ายังคง "หลับหูหลับตาเขย่งเท้าตามก้นสหรัฐ" (blindly toeing the US line) และกล่าวว่านาง Bishop ควรจะมีความระมัดระวังในการออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกรุงเปียงยาง "หล่อนควรจะคิดซ้ำสองครั้งเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่จะตามมา"

"ถ้าออสเตรเลียยืนกรานในการเดินตามการเคลื่อนไหวของสหรัฐเพื่อโดดเดี่ยวปิดกั้นเกาหลีเหนือ (DPRK) และยังทำตัวเป็นกองพันสะดุ้ง (a shock brigade) ของเจ้านายสหรัฐอยู่อย่างนี้ นี่จะเป็นการฆ่าตัวตายที่กำลังจะมาถึงภายในรัศมีของการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากกองกำลังยุทธศาสตร์ของเกาหลีเหนือ แน่นอน" โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าว อ้างคำพูดโดยสำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ

การข่มขู่ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังกจากที่เมื่อต้นสัปดาห์นี้นาง Bishop (แกว่งปากหาเสี้ยน) กล่าวว่า "เกาหลีเหนือกำลังอยู่บนเส้นทางที่มีศักยภาพด้านอาวุธนิวเคลียร์ เป็นความเสี่ยงที่ไม่อาจจะยอมรับได้ต่อภูมิภาคนั้น จะต้องมีการหยุดยั้งความพยายามของเกาหลีเหนือโดยประชาคมนานาชาติ"

"สิ่งที่หล่อนได้เปล่งออกมานั้นไม่สามารถให้อภัยได้ เนื่องจากมันเป็นการขัดต่อสันติภาพที่เอื้อและปกป้องนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์แบบสุดโต่งของสหรัฐที่มีต่อเกาหลีเหนือ และภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และการแบล็คเมล์ต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของสถานการณ์ที่ร้ายแรงนี้ ที่แผ่คลุมคาบสมุทรเกาหลี และทำให้สหรัฐกล้าที่จะเลือกการดำเนินการทางทหารที่บุ่มบ่ามและมีความเสี่ยง" โฆษกก.ต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าว พร้อมกับพูดตบท้ายอีกว่า "ออสเตรเลียตาบอดและกระเหี้ยนกระหือรือเขย่งเท้าตามก้นสหรัฐ"

โฆษกกต.เกาหลีเหนือกล่าวสรุปว่า "รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลียจำเป็นต้องคิดทบทวนเกี่ยวกับผลที่จะตามมาหลังตวัดลิ้นโดยขาดการยั้งคิด (reckless tongue-lashing) ก่อนการประจบสอพลอสหรัฐ" (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ชะเลีย) [ว้าว! ฝีปากนักการทูตเกาหลีเหนือนี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะนี่ นี่ขนาดแค่ทำสงครามน้ำลายกันนะ ถ้าเป็นนิวเคลียร์จะขนาดไหนหละนี่? - ผู้แปล]

ต่อมานาง Julie Bishop ออกมาพูดแก้เก้อเพื่อรักษาหน้าของตนเองและออสเตรเลียหลังถูกตบกลับจากเกาหลีหนีอย่างไม่เกรงใจว่า "[แถลงการของเกาหลีเหนือ] เหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อเพื่อนบ้านของตนเองต่อภูมิภาคในวงกล้างและออสเตรเลียด้วย และหากไม่มีการตรวจสอบ... รัฐบาลเกาหลีเหนือควรจะลงทุนในเรื่องสวัสดิการของพลเมืองของตนเองที่ได้รับความทุกข์ยากมาเป็นเวลานาน มากกว่าเรื่องอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง" หนังสือพิมพ์ออสเตรเลียรายงาน

[ใครที่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน? สหรัฐ! นายทรัมป์สั่งให้กองเรือรบขนาดใหญ่ของตนเองมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรเกาหลี ส่วนนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐก็เดินสายปั่นหัวเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ให้เข้าร่วมโครงการสังหารหมู่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประชาชนชาวเกาหลีเหนือในครั้งนี้ด้วย

ออสเตรเลียอ้างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของตนเองและเสรีภาพในการรุกรานประเทศอื่นตามสไตล์พวกนักล่าตะวันตก ออกมาด่าเกาหลีเหนือก่อน เกาหลีเหนือก็ด่ากลับ ออสเตรเลียบอกว่าอย่าพัฒนาเลยอาวุธนิวเคลียร์หนะ หันไปให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของประชาชนตนเองดีกว่า ในขณะเดียวกันอัตราของคนไร้ที่พักอาศัยในประเทศสหรัฐก็เพิ่มขึ้นทุกปี บางปี บางรัฐถึงกับประกาศภาวะฉุกเฉินเนื่องจากปัญหาคนไร้ที่พักอาศัย แต่ทุกรัฐบาลสหรัฐก็ยังคงเดินหน้าเสริมและพัฒนาอาวุธของตนเอง และเที่ยวก่อสงครามในต่างแดนอย่างไม่ลดละ ซึ่งรวมทั้งออสเตรเลียด้วย

ออสเตรเลียก็เป็นหนึ่งประเทศที่รวมหัวกับสหรัฐรังแกประชาชนชาวเกาหลีเหนือทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยการแซงชั่นทางเศรษฐกิจต่างๆนานา ห้ามไม่ให้เกาหลีเหนือค้าขายกับระเทศต่างๆ โทษฐานไม่ยอมอยู่ใต้อุ้งตีนของสหรัฐเหมือนกับออสเตรเลียและอีกหลายประเทศ พอเกาหลีเหนือพัฒนาดาวเดียวมและจรวดได้เอง

สหรัฐและเดอะแก๊งก็ตกใจกลัวว่าเกาหลีเหนือมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขนาดนั้นได้อย่างไร เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐและพันธมิตรแน่ ต้องช่วยกันหักขาหักแขนเกาหลีเหนือต่อไป ทำให้ประชาชนของพวกเขายากจนยิ่งขึ้น จะได้มีการปลุกระดมต่อต้านรัฐบาลเกาหลีเหนือในที่สุด ผลไม่เป็นอย่างนั้น ปรากฎว่าประชาชนชาวเกาหลีเหนือก็ยังอยู่ดีกินดีตามปรกติ และอัตราการรู้หนังสือของพลเมืองเกาหลีเหนือสูงกว่าพลเมืองสหรัฐซะอีก - ผู้แปล]

อ้อ… เกือบลืมครับ ทางเกาหลีเหนือก็เล่นเกมจิตวิทยากับสหรัฐต่อ โดยล่าสุดฝ่ายเกาหลีเหนือออมากล่าวว่า จะจมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ด้วย ซึ่งตอนนี้กำลังซ้อมรบกับเรือรบของญี่ปุ่นในระหว่างการเดินทางไปยังคาบสมุทรเกาหลี รอยเตอร์สรายงาน จัดไปครับคิมน้อย!

มีรายงานข่าวเข้ามาอีกว่า ทางการของเกาหลีเหนือจับกุมพลเมืองอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเป็นคนที่ 3 ที่สนามบินนานาชาติในกรุงเปียงยางในขณะที่กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศเกาหลีเหนือ รายล่าสุดนี้ชื่อ "Kim" อายุ 50 ปี เป็นศาสตราจารย์จาก Yanbian University of Science and Technology (ในประเทศจีน) เข้าไปในเกาหลีเหนือเป็นเวลาหนึ่งเดือนอ้างว่าเพื่อเข้าร่วมในโครงการบรรเทาทุกข์ Yonhap รายงาน ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมามีชาวอเมริกันประมาณ 10 กว่าคนถูกจับกุมในเกาหลีเหนือ แต่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงถูกควบคุมตัว และรายนี้ก็เป็นรายที่สาม

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
23/04/2560
------------
https://sputniknews.com/politics/201704231052900562-north-korea-nuclear-weapons/
https://www.rt.com/news/385720-north-korea-australia-threat/
https://www.rt.com/news/385760-north-korea-ready-sink-carrier/
http://www.theaustralian.com.au/nat...s/news-story/f9e5b9d5b39226c5a8db23a175ebdcaa
https://www.theguardian.com/austral...h-korea-as-labor-backs-harder-edged-us-stance
http://irinakalashnikova.com/?portfolio=noth-korea-2

 

ปอกเปลือก ทรราช
ส.ส.ญี่ปุ่นเสนอให้เพิ่มแสนยานุภาพทางกองทัพยิ่งขึ้น อ้างเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ที่อยากจะพูดก็คือว่า "ยังไม่พร้อมรบครับ ขอเพิ่มงบกลาโหมอีกครับ" อย่างนั้นใช่หรือเปล่า? กรรม!
-----------

วันที่ 23 เม.ย.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "Japan Should Boost Military Power to Respond to N Korean Threat - MP"

สมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติอาวุโสจากพรรค Liberal Democratic (พรรคของนายกฯซินโซะ อาเบะ) ของญี่ปุ่นคิดว่า ญี่ปุ่นควรจะเสริมสร้างแสนยานุภาพทางกองทัพเพื่อตอบโต้การยั่วยุที่อาจจะเป็นไปได้จากเกาหลีเหนือ [

ฮิ้ววววว สุดท้ายก็กลับมาที่ "เรืองเงิน" อีกแล้วครับท่าน เพนตากอนของสหรัฐได้งบประมาณ $133.4 ล้านเหรียญเพื่อสร้างฐานทัพใหม่สองแห่งในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นก็จะเอาบ้างสินะ - ผู้แปล]

นาย Toshimitsu Motegi ส.ส.อาวุโสจากพรรค LDP ฝ่ายรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่นว่า "การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามระดับสูงมากขึ้น พวกเราไม่สามารถที่ปฏิเสธความเป็นไปได้เกี่ยวกับการยั่วยุครั้งใหม่... มันจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างแสนยานุภาพทางหทารของญี่ปุ่น ไม่ใช่ผ่านเรือพิฆาตที่ติดตั้งระบบข้อมูลด้านยุทธศาสตร์ Aegis เท่านั้น"

ประธานสภาวิจัยด้านนโยบายของญี่ปุ่นได้เน้นยัำว่า แม้ว่าญี่ปุ่นจะแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญาทางการทูตของเกาหลีเหนือร่วมกับประชาคมนานาชาติก็ตาม แต่ญี่ปุ่นก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องมีกองทัพของตนเองและอำนาจทางทหารของสหรัฐหนุนหลัง

[โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือทำให้เศรษฐกิจโลกขับเคลื่อนได้ดียิ่งขึ้น สหรัฐ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นต่างก็พากันทุ่มเงนิในการเสริมสร้างกองทัพของตนเองให้เข้มแข็ง มีการสร้างงาน การจ้างงาน มีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น พวกนี้จะต้องพากันขอบคุณคิมน้อยถึงจะถูก โมเดลเดียวกันกับที่สหรัฐและแก๊งนาโต้ใช้ในยุโรปและกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกนั่นแหละครับ อ้างภัยคุกคามจากรัสเซีย จากนั้นก็สั่งให้ประเทศเหล่านั้นเพิ่มงบกลาโหมอีก 2% - ผู้แปล]
https://sputniknews.com/asia/201704231052904593-japan-korea-military-power/

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
23/04/2560
------------
https://sputniknews.com/asia/201704231052904593-japan-korea-military-power/

 

ปอกเปลือก ทรราช
ผลการนับคะแนนที่ 90% ของการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสปี 2017 รอบแรก นาย Emanuel Macron จากพรรค En Marche! (Forward!) ชนะการเลือกตั้งโดยได้คะแนนสูงสุดที่ 23.72% ส่วนนาง Marine Le Pen คู่แข่งจากพรรค National Front ที่ชูนโยบายชาตินิยม ต่อต้านผู้อพยพต่างชาติ คล้ายกับทรัมป์และนโยบาย Frexit (ฝรั่งเศสตอนตัวจากอียู) ได้อันดับที่สอง โดยได้คะแนน 21.90% (24 เม.ย.2560)
--------
https://sputniknews.com/europe/201704241052920440-macron-leads-election-ninety-percent/
https://sputniknews.com/europe/201704231052919141-le-pen-tailing-macron/
https://www.rt.com/news/385741-france-election-live-updates/

 

ปอกเปลือก ทรราช
เครื่องบินรบรัสเซียโจมตีรังใหญ่แห่งหนึ่งของขบวนการก่อการร้ายอัลเคด้า (อัลนุสราฟรอนท์) 10 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Khan Shaykhun จังหวัดอิดลิบ เมืองที่เกิดเหตุอาวุธเคมีเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา รอบนี้รัสเซียส่งโดรนสอดแนมติดตามดูพฤติกรรมของพวกผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ภายใต้หน้ากากกบฏสายกลางซีเรีย (FSA) รู้ว่าพวกผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่หลบอยู่ในรู จึงทิ้งระเบิดปลอมลงไปก่อนหนึ่งลูก พอพวกผู้ก่อการร้ายแห่กันออมาดูว่าเป็นระเบิดด้านไม่ทำงาน จากนั้นก็บอมบ์ของจริงตามไปอีกลูก อร่อยไหมหละ! ทั้งสหรัฐและตุรกีคงได้แต่นั่งทำตาปริบๆดูลูกสมุนของตนเองตายไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะว่าเครื่องบินรบของรัสเซียและฝ่ายรัฐบาลซีเรียครองน่านฟ้าแถวนั้น ส่วนกองกำลังภาคพื้นดินของฝ่ายรัฐบาลก็รุกหนักเข้าไปเรื่อยๆ ใกล้จะยึดพื้นที่ทางเหนือของจังหวัด Hama ซึี่งอยู่ติดกับจังหวัด Idlib ได้เกือบทั้งหมดอยู่แล้ว จากนั้นก็จะถึงคิวของอิดลิบบ้าง (24 เม.ย.2560)
--------

https://www.almasdarnews.com/articl...lates-al-qaeda-terrorists-near-khan-shaykhun/

 

ปอกเปลือก ทรราช
กองทัพอิหร่านประสบความสำเร็จในการพัฒนาจรวดร่อน (cruise missile) สำหรับโจมตีเรือรบของข้าศึก พร้อมสาธิตการทดลองประสิทธิภาพของขีปนาวุธของตนเองด้วย โชคดีนะครับเรือรบซาอุดิอาระเบีย อาจจะรวมถึงของสหรัฐด้วยก็ได้ (22 เม.ย.60)
--------------

.

 

ปอกเปลือก ทรราช
ประชาชนชาวอเมริกันฝ่ายโปร-ทรัมป์รวมตัวกันหน้าสำนักงานใหญ่ของสำนักข่าว The New York Times ประท้วงและเรียกร้องให้ปิดสำนักข่าวแห่งนี้เนื่องจากนำเสนอข่าวเท็จเป็นส่วนมาก และกระทำมาโดยตลอด นี่คนอเมริกันบางส่วนก็ทนไม่ได้กับสำนักข่าว Fake News ของอเมริกันด้วยกันเอง (22 เม.ย.60)
-------------

.

 

ปอกเปลือก ทรราช
ประชาชนชาวซีเรียราว 10,000 คนอพยพออกจากเมือง Raqqa รังใหญ่ของพวกไอซิส หลังกองทัพฝ่ายเคิร์ดซึ่งมีสหรัฐหนุนหลังโจมตี Raqqa ตอนนี้กองกำลังฝ่ายเคิร์ดสามารถยึดถนนสายหลักรอบเมืองแห่งนี้ได้หมดแล้ว รายงานข่าวบอกว่า พวกไอซิสได้ย้ายกองบัญชาการใหญ่ของตนเองไปตั้งอยู่ในเขตจังหวัด Deir ez-Zor แล้ว สังเกตที่พักของผู้ลี้ภัยในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้ซึ่งจัดให้โดยยูเอ็น จะเป็นเต้นท์ผ้าใบชั่วคราว ส่วนค่ายผู้ลี้ภัยของฝ่ายรัฐบาลซีเรียนั้น จะเป็นอาคารคอนกรีต สภาพความเป็นอยู่แตกต่างกันมาก (22 เม.ย.60)
---------------

.

 

ปอกเปลือก ทรราช
สภาพรถถัง M1 Abrams ของกองทัพซาอุดิอาระเบียหลังโดนโจมตีด้วยจรวดต่อต้านรถถังของนักรบฮูติแห่งเยเมน เขตชนบทจังหวัด Najran ประเทศซาอุดิอาระเบีย ทหารซาอุฯเสียชีวิต 4 นาย (19 เม.ย.60)
------------
https://www.almasdarnews.com/articl...ew-burnt-alive-houthi-ambush-najran-province/

 

InClip : “ทาโร อาโซะ” รมว.เศรษฐกิจญี่ปุ่นตอก “สหรัฐฯ” กลางที่ประชุม IMF บีบสถาบันการเงินโลก “มอนิเตอร์สกุลเงินคนอื่น” แก้ปัญหาขาดดุลการค้าตัวเอง โดย MGR Online 24 เมษายน 2560 14:11 น. (แก้ไขล่าสุด 24 เมษายน 2560 16:51 น.)



เอเจนซีส์ - ทาโร อาโซะ (Taro Aso) รัฐมนตรีการคลังญี่ปุ่นกล่าวกลางที่ประชุม IMF ประจำฤดูใบไม้ผลิ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันนเสาร์ (22 เม.ย.) ยืนยันชัดเจน ปฏิเสธข้อเสนอรัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ คนใหม่ สตีเวน มนูชิน ที่ให้สถาบันการเงินโลก IMF จับตาความเคลื่อนไหวการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รับลูกจากผู้นำสหรัฐฯ ที่เคยกล่าวหา “ญี่ปุ่น” และ “จีน” ใช้นโยบายการคลังทำให้ค่าเงินตัวเองต่ำเพื่อประโยชน์ทางการค้า

หนังสือพิมพ์เจแปนไทม์สรายงานเมื่อวานนี้ (23 เม.ย.) ว่า ในที่ประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF ทาโร อาโซะ (Taro Aso) รัฐมนตรีการคลังญี่ปุ่น ออกมาต่อต้านข้อกล่าวหาสหรัฐฯ เรื่องการใช้มาตรการทางการคลังเพื่อกดค่าสกุลเงินเยนไว้ให้ต่ำเพื่อทำให้ญี่ปุ่นได้เปรียบทางการค้ากับชาติต่างๆ

ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีสหรัฐฯ สตีเวน มนูชิน ที่ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งแรก เรียกร้องให้ IMF และเวิลด์แบงก์ “เข้มงวดในการจับตาระบบแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศของชาติสมาชิกและความไม่สมดุลทางภายนอก” เนื่องจากสหรัฐฯ เชื่อว่าการไม่สมดุลทางการค้าจำนวนมหาศาลนั้น ส่งผลกระทบต่อการค้าที่เสรีและเป็นธรรม

อาโซะออกมาระบุว่า ข้อเสนอของรัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯใช้ไม่ได้กับญี่ปุ่น โดยชี้แจงว่า มีข้อจำกัดในการใช้มาตรการประเมินระบบอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อแก้ปัญหาการดุลทางการค้า ซึ่งรัฐมนตรีการคลังแดนอาทิตย์อุทัยกล่าวถึงการเกินดุลทางการค้าของญี่ปุ่นล่าสุดนั้น ***ไม่ได้เกิดจากการโตขึ้นของการส่งออกเนื่องมาจากค่าสกุลเงินเยนที่อ่อนตัว แต่มาจากการเพิ่มขึ้นของเงินปันผลและรายได้จากการลงทุนในต่างแดนที่กลับเข้าญี่ปุ่น***

“ในกรณีที่มีการไม่สมดุลทางการค้าจำนวนมากเกิดขึ้น เห็นสมควรให้ใช้มาตรการนโยบายทางโครงสร้างและระบบเศรษฐกิจมหภาคช่วย” รายงานจากแถลงการณ์ของทาโร อาโซะต่อที่ประชุม IMF

ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจอเมริกา “อเมริกาเฟิสต์” หรืออเมริกาต้องมาก่อน ได้ออกมาโจมตี ญี่ปุ่น จีน และเยอรมนี ว่าได้เปรียบทางการค้ากับอเมริกาจำนวนมหาศาล โดยพยายามทำให้ค่าเงินของตัวเองอ่อนลงเพื่อทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมทางการค้ากับอเมริกา แต่ได้ประโยชน์กับประเทศตัวเอง

แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้เยอรมนีเป็นประเทศเดียวในจำนวนทั้งหมด 3 ประเทศที่ใช้สกุลเงินกลาง คือ เงินยูโร ที่ใช้ภายในสหภาพยุโรป ยกเว้นอังกฤษ

อาโซะยังกล่าวต่อว่า “ดังนั้นการใช้การปรับเปลี่ยนผ่านการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินนั้นจึงไม่จำเป็น”

ทั้งนี้ ผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายญี่ปุ่นต่างเกรงว่า ทรัมป์จะใช้ข้อกล่าวหาในการมัดมือญี่ปุ่นด้วยการใช้มาตรการแทรกแซงทางอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหาค่าสกุลเงินเยนที่ไม่ปกติ

ในที่ประชุม IMF รัฐมนตรีการคลังญี่ปุ่นยืนยันว่า “จากบรรยากาศความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ เสถียรภาพของตลาดอัตราและเปลี่ยนและการเงินถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก” ชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงในระบบอัตราแลกเปลี่ยนอาจส่งผลร้ายต่อเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของโลก

สื่อ DW ของเยอรมนีรายงานเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ IMF ได้เปลี่ยนจุดยืนของตัวเองต่อนโยบายต้านการปกป้องทางการค้า และหันมาใช้ภาษาตามอย่างรัฐบาลทรัมป์แทน ซึ่งในที่ประชุม มนูชินได้หว่านล้อม คริสตีน ลาร์การ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF โดยกล่าวว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์เชื่อมั่นในหลักการข้อตกลงการค้าร่วม และการค้าเสรีร่วม ซึ่งหมายความว่า หากตลาดการค้าสหรัฐฯ เปิด นั้นในทางเดียวกันอย่างที่ควรจะเป็นตลาดการค้าของคนอื่นสมควรต้องเปิดด้วยเช่นกัน”

โดยที่ประชุมใหญ่ IMF ที่มีระดับรัฐมนตรีการคลังชาติสมาชิก และผู้ว่าการธนาคารชาติเข้าร่วม ไม่มีการระบุการประณามอย่างรุนแรงต่อการกีดกันทางการค้า รวมไปถึงภัยต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)จากแถลงการณ์ปิดการประชุมในวันเสาร์ (23 เม.ย.) เจแปนไทม์สชี้

ในปีนี้ IMF ให้ความสำคัญต่อปัญหาการตอบโต้ต่อการผงาดขึ้นมาของกระแสต้านโลกาภิวัตน์ (Anti-Globalization Sentiment) เกิดขึ้นหลังจากชัยชนะการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหัวหอก และรวมไปถึงชัยชนะของ มารีน เลอ แปน หัวหน้าพรรคชาตินิยมฝรั่งเศส FN ในการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศสในวันอาทิตย์ (23 เม.ย.)

โดยในแถลงการณ์ทางการของที่ประชุม IMF ออกมาเรียกร้องให้ชาติสมาชิกหลีกเลี่ยง นโยบายการมองเข้ามาภายใน (Inward looking policy) ที่มีมาตรการภาษีการค้าเป็นเพื่อตั้งกำแพงกีดกัน แต่ทว่าในแถลงการณ์ ไม่ใช้ภาษาที่รุนแรงของกลุ่มในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ที่ออกมาเรียกร้องให้ทุกประเทศ “ต่อต้านทุกรูปแบบของการกีดกันทางการค้า”

แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอาโซะ สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐมนตรีการคลังญี่ปุ่นเลือกที่จะไม่แสดงความเห็นต่อกระแสความเคลื่อนไหวการปกป้องการค้า โดยกล่าวเพียงว่า เขาเชื่อมั่นในหลักการค้าเสรี ซึ่งเป็นแรงผลักดันในการเติบโตเศรษฐกิจโลกนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1

สื่อญี่ปุ่นกล่าวว่า ในการแถลงร่วมปิดการประชุม ลาการ์ด และออกุซติน คาร์สเตินส์ (Agustin Carstens) ผู้ว่าการธนาคารกลางเม็กซิโก ที่นั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการด้านนโยบายของ IMF เลือกที่จะไม่แสดงออกอย่างชัดเจนในเหตุผลที่ต้องใช้ภาษาที่อ่อน และการตัดปฏิญญาว่าด้วยการปกป้องการค้าและสภาวะโลกร้อนออกไปในปีนี้

โดยลาการ์ดแก้ตัวว่า ภาษาที่รุนแรงในการประณามการปกป้องการค้า และการสนับสนุนในความพยายามเพื่อแก้ไขสภาวะโลกร้อนนั้นยังคงมีอยู่ แต่ถูกระบุไว้ในเอกสารวาระทางนโยบาย IMF ที่ถูกแยกออกมาจากแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ

ส่วนคาร์สเตินส์ออกมาเสริมว่า มีความสำคัญมากกว่าทางการค้าที่ต้องรับฟังแนวความคิดที่ต่างของแต่ละชาติ ซึ่งผู้ว่าการธนาคารกลางเม็กซิโกกล่าวต่อนักข่าวว่า “เราทุกคนต่างต้องการค้าที่เสรีและยุติธรรม และแสดงออกไว้ในคอมมูนิเก้ครั้งนี้” หลังจากถูกถามจากผู้สื่อข่าวว่าเหตุใดภาษาที่ใช้ในการแสดงออกถึงการต่อต้านการปกป้องการค้าภายในจึงถูกตัดออกไป

การประชุมของ IMF และเวิลด์แบงก์เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศสดใสทางเศรษฐกิจที่เป็นผลจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของสหรัฐฯ และจีน สองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก และการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าคอมโมดิตี ซึ่งส่งผลดีต่อชาติเศรษฐกิจกำลังพัฒนาจำนวนมาก

สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF ได้ออกมาคาดการณ์การเติบโตโลกอยู่ที่ 3.5% ประจำปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดในรอบ 5 ปี และเพิ่มจาก 3.1% ในปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ปิดการประชุม IMF ได้เตือนไปถึงความเสี่ยงในด้านต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่การเติบโตการผลิตที่อ่อนตัวไปจนถึงระดับหนี้สูง และความไม่แน่นอนทางนโยบายและการเมือง










http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000041267

 

คว่ำบาตรเอาไม่อยู่! ผลวิจัยชี้ “รัสเซีย” จ่ายเงินอุดหนุนกองทัพมากเป็นอันดับ 3 ของโลกในปีที่แล้ว โดย MGR Online 24 เมษายน 2560 14:35 น. (แก้ไขล่าสุด 24 เมษายน 2560 16:47 น.)


ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย

เอเอฟพี - รัสเซียกลายเป็นประเทศที่ทุ่มเงินเสริมเขี้ยวเล็บกองทัพมากเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2016 แม้จะถูกบีบคั้นจากวิกฤตราคาน้ำมันตกต่ำและมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตกก็ตาม ขณะที่ยอดงบประมาณกลาโหมที่รัฐบาลทั่วโลกใช้จ่ายรวมกันยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

รายงานของสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) ที่เผยแพร่วันนี้ (24 เม.ย.) ระบุว่า มอสโกจ่ายงบอุดหนุนกองทัพไปมากถึง 69,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2016 เพิ่มขึ้น 5.9% จากปี 2015 และถือเป็นสัดส่วนต่อจีดีพีที่สูงที่สุด นับตั้งแต่รัสเซียกลายเป็นรัฐเอกราช

“การเพิ่มงบกลาโหมซึ่งกลายเป็นภาระหนักอึ้งต่อเศรษฐกิจนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจรัสเซียกำลังย่ำแย่หนักจากผลของราคาน้ำมันและก๊าซที่ตกต่ำ และยังถูกตะวันตกคว่ำบาตรมาตั้งแต่ปี 2014 (เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียแทรกแซงความขัดแย้งในยูเครน)” SIPRI ระบุ

ซาอุดีอาระเบียเคยเป็นประเทศที่ใช้จ่ายงบการทหารมากเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2015 ทว่าปีล่าสุดนี้กลับหล่นมาอยู่อันดับ 4 เนื่องจากตัวเลขลดลง 30% เหลือเพียง 63,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ “แม้ว่าริยาดจะยังคงพัวพันกับสงครามในภูมิภาคอยู่ก็ตาม”

“รายได้จากการขายน้ำมันที่ลดลง บวกกับปัญหาเศรษฐกิจที่ตามมา ทำให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันจำเป็นต้องลดงบประมาณกองทัพลง” แนน เทียน นักวิเคราะห์ของ SIPRI อธิบาย พร้อมระบุว่า งบกลาโหมของริยาดลดลงอย่างฮวบฮาบยิ่งกว่าประเทศใดๆ ในช่วงระหว่างปี 2015-2016

สหรัฐฯ ยังคงรั้งแชมป์ประเทศที่ใช้งบด้านการทหารสูงที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.7% ในช่วงปี 2015-2016 มาอยู่ที่ 611,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่จีนก็อัดฉีดงบส่วนนี้เพิ่มขึ้น 5.4% เป็น 215,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังถือว่าเพิ่มน้อยกว่าปีก่อนๆ

SIPRI ชี้ว่า การที่สหรัฐฯ เพิ่มงบกองทัพในปี 2016 “อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกการสิ้นสุดแนวโน้มลดรายจ่ายกลาโหม” ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2008 รวมถึงแผนถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานและอิรัก

เมื่อวันที่ 13 เม.ย. กองทัพสหรัฐฯ ได้ทิ้ง “โคตรระเบิด” ที่มิใช่นิวเคลียร์ลูกใหญ่ที่สุดถล่มรังของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในจังหวัดนันการ์ฮาร์ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน

“รูปแบบการใช้จ่ายในอนาคตยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากการเมืองในสหรัฐฯ ยังไม่นิ่ง” โอด เฟลอรองต์ ผู้อำนวยการโครงการค่าใช้จ่ายด้านอาวุธและการทหาร (AMEX) ของ SIPRI แถลง

ยุโรปตะวันตกใช้จ่ายงบกลาโหมเพิ่มขึ้น 2.6% ในปี 2016 ซึ่งถือเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่อง หลังจากที่กลุ่มก่อการร้ายได้ลงมือโจมตีเมืองสำคัญๆ ไม่หยุดหย่อนมาตั้งแต่ปี 2015

กลุ่มประเทศยุโรปตอนกลางใช้จ่ายงบด้านการทหารเพิ่มขึ้น 2.4% ในปีที่แล้ว “ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากความหวาดระแวงรัสเซีย” ไซมอน เวเซมาน นักวิจัยอาวุโสของ SIPRI ให้ความเห็น

“ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว รัสเซียใช้จ่ายงบกองทัพในปี 2016 แค่ 27% ของกลุ่มรัฐนาโตในยุโรปรวมกัน” เขากล่าว



http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000041284

 

รมว.กลาโหมอัฟกัน-เสธ.กองทัพ “ยื่นใบลาออก” หลังตอลิบานถล่มฐานทัพฆ่าทหารตายกว่า 140 ศพ โดย MGR Online 24 เมษายน 2560 16:37 น. (แก้ไขล่าสุด 24 เมษายน 2560 16:44 น.)


ประธานาธิบดี อัชรอฟ ฆอนี แห่งอัฟกานิสถาน เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจทหารที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุนักรบตอลิบานบุกโจมตีฐานทัพที่เมือง มาซาร์-อี-ชารีฟ เมื่อวันที่ 22 เม.ย.

รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และเสนาธิการกองทัพบกอัฟกานิสถานได้ยื่นหนังสือลาออกต่อประธานาธิบดีอัชรอฟ ฆอนี ในวันนี้ (24 เม.ย.) หลังจากทหารกว่า 140 นายถูกนักรบตอลิบานบุกสังหารหมู่ในเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับฐานทัพอัฟกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

“รัฐมนตรีกลาโหม อับดุลเลาะห์ ฮาบิบี และเสนาธิการกองทัพบก กอดัม ชาห์ ชาฮิม ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง โดยมีผลในทันที” ทำเนียบประธานาธิบดีอัฟกันแถลงผ่านทวิตเตอร์

ชาห์ ฮุสเซน มุรตาซาวี รักษาการโฆษกประธานาธิบดีบอกกับรอยเตอร์ว่า การลาออกครั้งนี้เป็นผลมาจากเหตุโจมตีซึ่งเกิดขึ้นที่ฐานทัพสำคัญในเมือง มาซาร์-อี-ชารีฟ ทางภาคเหนือของประเทศ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (21)

นักรบตอลิบาน 10 คนซึ่งแต่งเครื่องแบบทหารและใช้ยานพาหนะของทหารสามารถเล็ดรอดเข้าไปภายในฐานทัพแห่งนี้ ก่อนจะใช้ทั้งอาวุธปืนและระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีทหารที่กำลังรับประทานอาหารเที่ยง หรือกำลังเดินออกจากมัสยิดหลังเสร็จสิ้นพิธีละหมาดวันศุกร์ ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนว่ามาตรการรักษาความมั่นคงของกองทัพล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

เจ้าหน้าที่อัฟกันระบุว่า นักรบตอลิบานกลุ่มนี้ใช้ทั้งจรวดอาร์พีจีและปืนไรเฟิล บางคนได้กดระเบิดเสื้อกั๊กฆ่าตัวตาย และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจจะเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้

ประธานาธิบดีฆอนีได้ประกาศให้มีการไว้อาลัยทั่วประเทศ และลดธงครึ่งเสาในวันอาทิตย์ (23)

เช้าวันนี้ (24) ผู้ประท้วงกลุ่มเล็กๆ ได้ไปรวมตัวที่หน้าทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงคาบูล และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหมลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

เหตุโจมตีซึ่งส่งผลให้มีการเปลี่ยนตัวผู้นำกองทัพในครั้งนี้เกิดขึ้น ขณะที่กองทัพอัฟกันกำลังเตรียมรับมือปีหฤโหดที่คาดว่าจะต้องมีการทำสงครามอย่างดุเดือดกับกลุ่มตอลิบาน ซึ่งเวลานี้มีอิทธิพลหรือกำลังช่วงชิงดินแดนมากกว่า 40% ของพื้นที่ทั้งประเทศ

ปัจจุบันยังมีทหารอเมริกันเกือบ 9,000 นายประจำการอยู่ในอัฟกานิสถาน ไม่รวมทหารนานาชาติอีกหลายพันนายที่ปฏิบัติภารกิจภายใต้ธงนาโต

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ระหว่างพิจารณาปรับเปลี่ยนภารกิจของทหารสหรัฐฯ ที่เข้าไปช่วยฝึกซ้อมและให้คำปรึกษาแก่กองทัพคาบูล และเริ่มใช้ปฏิบัติการจู่โจมเพื่อกวาดล้างฐานที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธ เช่น ไอเอส

กองทัพเยอรมนีซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้คำแนะนำแก่ทหารอัฟกันทางภาคเหนือ แถลงยืนยันหลังเกิดเหตุโจมตีฐานทัพที่เมืองมาซาร์-อี-ชารีฟ ว่า พวกเขายังพร้อมที่จะทำงานร่วมกับชาวอัฟกันต่อไป


โลงบรรจุศพทหารอัฟกันนับร้อยนายที่เสียชีวิตในเหตุนักรบตอลิบานใช้ปืนและระเบิดโจมตีฐานทัพที่เมือง มาซาร์-อี-ชารีฟ


http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000041373
.

 

มหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือ เปิดชื่อ “ศาสตราจารย์อเมริกัน” พลเมืองสหรัฐฯรายที่ 3 ถูกเปียงยางจับ - เหตุผลคุมตัวยังไม่แจ้ง โดย MGR Online 24 เมษายน 2560 16:44 น.


ภาพของคิม ดอง-ชูล( Kim Dong-chul) พลเมืองสหรัฐฯจากการแปลงสัญชาติ เกิดในเกาหลีใต้วัย 62 ปีถูกสั่งลงโทษข้อหาจารกรรมในเดือนเมษายน 2016 ใช้งานในค่ายแรงงานทาสเกาหลีเหนือนาน 10 ปี

เอเจนซีส์ - คิม ซัง-ดุก( Kim Sang-duk) หรือที่รู้จักในนาม โทนี คิม (Tony Kim) วัย 58 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันรายที่ 3 ที่ถูกรัฐบาลเกาหลีเหนือจับกุมวันเสาร์(22 เม.ย)ล่าสุดขณะกำลังจะบินออกนอกประเทศ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าที่จะถูกจับกุม ศาสตราจารย์คิม เข้าสอนที่มหาวิทยาลัยเปียงยางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี PUST และเดินทางเข้าเกาหลีเหนือในโครงการช่วยเหลือด้านบรรเทาทุกข์ ซึ่งมาจนถึงเวลานี้ทางเปียงยางยังคงปิดปากเงียบถึงเหตุผลการควบคุมตัว

บีบีซี สิ่ออังกฤษรายงานวันนี้(24 เม.ย) ถึงพลเมืองสหรัฐฯรายที่ 3 ที่ถูกเปียงยางจับกุมนั้นถูกเปิดเผยชื่อโดย มหาวิทยาลัยเปียงยางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี PUST (Pyongyang University of Science and Technology)

ทั้งนี้พบว่า คิม ซัง-ดุก( Kim Sang-duk) หรือที่รู้จักในนาม โทนี คิม (Tony Kim) นั้นเข้าสอนยังมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ไม่กี่อาทิตย์ก่อนถูกจับกุม ซึ่งเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัของจีน มหวิทยาลัยยยานเบียนวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม (Yanbian University of Science and Technology)

และพบว่าเข้าเดินทางเข้ามายังเกาหลีเหนือในโครงการบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือเกาหลีเหนือ

ในการแถลงของมหาวิทยาลัยเปียงยาง ทางมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือยืนยันว่า การสอบสวนศาสตราจารย์ คิม ซัง-ดุก นั้นไม่เกี่ยวข้องกับทางมหาวิทยาลัย PUST และมาจนถึงเวลานี้ ทางเกาหลีเหนือยังไม่ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุการจับกุม

ซึ่ง สื่อออนไลน์ บัทเทิล ชี้ว่า เมื่อวานนี้(23 เม.ย) ยังไม่มีความแน่ชัดว่าทางเจ้าหน้าที่เปียงยางได้ยืนยันการจับกุมศาสตราจารย์ติม แต่สถานทูตสวีเดนประจำเกาหลีเหนือออกมาเปิดเผย โดยชี้ว่า เหตุเกิดในขณะที่ คิม แซง-ดุก กำลังพยายามจะขึ้นเครื่องบินเดินทางออกนอกเกาหลีเหนือ

อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯ CNBC รายงานว่า พลเมืองสหรัฐฯรายนี้ถูกจับกุมในวันศุกร์(21 เม.ย) ในขณะที่สื่อ CNNและ CBS รายงานว่า ถูกจับกุมตัวในวันเสาร์(22 เม.ย) สอดคล้องกับการรายงานของสื่ออังกฤษ บีบีซี

ทั้งนี้พบว่าสถานทูตสวีเดนทำหน้าที่เป็นตัวแทนด้านผลประโยชน์ของสหรัฐฯให้เกาหลีเหนือ เนื่องจากสหรัฐฯและเกาหลีเหนือไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน

บัทเทิลรายงานเพิ่มเติมถึงประวัติศาสตราจารย์คิมว่า เขาสอนวิชาบัญชีในมหาวิทยาลัยยานเบียน และเป็นมหาวิทยาลัยพี่ของมหาวิทยาลัยเปียงยาง PUST

จากการรายงานของสื่อยอนฮับของเกาหลีใต้พบว่า โทนี คิม อยู่ในวัยปลาย 50 ปี ซึ่งสื่อ NBC NEWS ชี้ว่าอยู่ในวัยราว 58 ปี ซึ่งในการแถลงของปาร์ก ชาน-โม(Park Chan-mo )อธิการบดีมหาวิทยาลัยเปียงยางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี PUST อ้างอิงจากรอยเตอร์ พบว่า ศาสตราจารย์ คิม ที่เกิดในเกาหลีใต้ แต่แปลงสัญชาติเป็นพลเมืองสหรัฐฯ นั้นนอกจากสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยแล้ว ยังมีกิจกรมมช่วยเหลือเด็กกำพร้าเกาหลีเนือนอกมหาวิทยาลัยเช่นกัน

ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมายอมรับถึงการรายงานพลเมืองสหรัฐฯรายที่ 3 ถูกจับกุม แต่ปฎิเสธที่จะให้ความเห็น อ้างเพียงว่า จากเหตุด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ได้รับผลกระทบ


มหาวิทยาลัยเปียงยางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี PUST (Pyongyang University of Science and Technology)


http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000041392


.

 

ผมเคยอ่านคำทำนายตั้งเเต่ก่อนปี 2012 มาเเล้วที่บอกว่า ประเทศในตะวันออกกลางจะเจอระเบิดนิวเคลียร์ เเต่คนทำนาย คงเเยกไม่ออกว่ามันคือระเบิดอะไร ตอนนี้ตะวันออกกลางก็เจอ ระเบิด moab ไปเเล้วที่เค้าว่าเเรงน้องนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่า ก็โดนไปเเล้ว เเปลว่าใกล้เป็นจริงเเล้ว เเละเค้าว่าจะเจอวันฟ้าดับ มืด 7 วัน 7 คืน เเล้วคนตาย 2/3 ของทั้งหมด ไม่รู้จริงหรือเปล่าต้องรอดู

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปธน.แอร์โดกันแห่งตุรกีจะเดินทางไปเจรจาการซื้อ S-400 กับปธน.ปูตินที่เมืองโซชิต้นเดือนพฤษภาคม
-----------

วันที่ 24 เมษายน 2560 TASS รายงานว่าคาดว่าประธานาธิบดี Recep Tayyip Erdogan ของตุรกีจะเดินทางไปหารือเกี่ยวกับการจัดซื้อระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ S-400 กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียที่เมือง Sochi ในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ Fikri Isik รัฐมนตรีกลาโหมตุรกีกล่าวเมื่อวันจันทร์นี้

"ผมคาดว่าหลังจากที่มีการสนทนากันกระหว่างประธานาธิบดีแอร์โดกันและประธานาธิบดีปูตินเกี่ยวกับการตัดสินใจร่วมกันแล้ว ก็จะมีการดำเนินการขั้นตอนต่อไปสำหรับการจัดซื้อระบบขีปนาวุธของรัสเซีย" Fikri Isik กล่าว อ้างคำพูดโดยสำนักข่าว Anadolu ของรัฐบาลตุรกี

รัฐมนตรีกลาโหมตุรกีกล่าวว่าจะมีการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อกันในครั้งนี้และการดำเนินการในโปรเจคอื่นๆให้ทราบในภายหลัง ก่อนหน้านี้ Fikri Isik กล่าวว่า "การทำงานเกี่ยวกับระบบ S-400 ได้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการลงนามในข้อตกลงในวันพรุ่งนี้"

ระบบ S-400 เป็นระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัยที่สุดของรัสเซียที่เข้าประจำการแล้วในกองทัพรัสเซีย ระบบเรดาร์สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร และสามารถทำลายเป้าหมายได้ในรัศมี 400 กิโลเมตร เป็นระบบที่ฝ่ายรัสเซียอ้างว่าสามารถยิงอากาศยานล่องหน (stealth) อย่างเครื่องบินรบ F-22 และ F-35 ของฝ่ายสหรัฐและนาโต้ได้ สร้างความวิตกให้กับฝ่ายพันธมิตรนาโต้เป็นอย่างมาก และบอกว่าระบบ S-400 เป็นภัยคุกคามต่ออากาศยานและขีปนาวุธของตนเอง

นอกจาก S-400 แล้วปัจจุบันนี้รัสเซียก็กำลังพัฒนาระบบ S-350E Vityaz ด้วยเป็นระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางกาศพิสัยกลาง (รัศมีทำการ 1.5-120 กม.) หนึ่งคันรถบรรทุกขีปนาวุธได้ 12 ลูก สามารถล็อกเป้าหมายและทำลายเป้าหมายได้ถึง 12 เป้าหมายในเวลาเดียวกัน ถ้าแบบครบชุด (ชุดใหญ่) ซึ่งรวมทั้งระบบระบบบัญชาการด้วย สามารถล็อกและทำลายเป้าหมายพร้อมกันได้ถึง 32 เป้าหมายในเวลาเดียวกัน ตรวจจับเป้าหมายในอากาศที่ความสูงระหว่าง 10 เมตรถึง 30 กิโลเมตร สามารถทำลายเป้าหมายประเภทบอลลิสติกมิสโซล์ที่ระดับความสูง 2-25 กิโลเมตร จะนำเข้าไปประจำการแทนระบบ S-300PS รุ่นเก่าซึ่งหนึ่งคันมีขีปนาวุธเพียง 4 ลูกเท่านั้น (ระบบ Patriot PAC-3 ของค่ายสหรัฐบรรจุขีปนาวุธได้ 16 ลูก แต่รัศมีทำการอยู่ที่ 40 กิโลเมตร ยิงได้สูงที่ 20 กิโลเมตร)

วันเดียวกันนี้ Sputnik รายงานว่า นาย Mevlut Cavusoglu รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศตุรกีกล่าวว่า ตุรกีได้ขยายระยะเวลาปลอดวีซ่าให้กับพลเมืองชาวรัสเซียที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวตุรกีจาก 60 เป็น 90 วัน อ้างข่าวจากหนังสือพิมพ์Sabah ของตุรกี

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
24/04/2560
------------
http://tass.com/defense/942840
http://tass.com/defense/941350
http://tass.com/defense/942589
http://tass.com/defense/942842
https://sputniknews.com/world/201704241052923588-turkey-visa-free-russians/

 

เคยอ่านเจอคำทำนายว่าสงครามโลกจะเกิดขึ้น เพราะต่างฝ่ายต่างท้ากันเอง ว่าตัวเองแน่กว่าอีกฝ่าย และในที่สุดก็คงเต็มอั้น สู้กันจริงๆ ดังนั้นสาเหตุของสงครามมาจากการยั่งยุแบบทีเล่น ทีจริง แต่ยั่ว และเล่นแบบแรงๆ สุดท้ายเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิด

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปี 2016 สหรัฐใช้จ่ายงบประมาณทางทหารประมาณ $6.11 แสนล้านสูงที่สุดในโลก จีนใช้จ่าย $2.15 แสนล้านรั้งอันดับสอง รัสเซียใช้ $6.92 หมื่นล้านรั้งอันดับที่ 3
-----------

วันที่ 24 เม.ย.60 สถาบัน Stockholm International Peace Research Institute (SIPRI) ของสวีเดนเปิดเผยข้อมูลว่า สหรัฐได้ใช้จ่ายงบประมาณทางทหารในปี 2016 ถึง 611,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เกือบสามเท่าของจีนซึ่งอยู่ที่ 215,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 8.82 เท่าของรัสเซีย

รายงานข่าวบอกว่า ด้วยงบประมาณรายจ่ายทางกองทัพจำนวน $69,200,000,000 (ประมาณ 2,456,600,000,000 บาท) นี้ รัสเซียรั้งอันดับที่สามในกลุ่มประเทศที่ใช้จ่ายงบประมาณทางกองทัพที่มากที่สุดในโลกในปี 2016 สถาบันวิจัยเพื่อสันติภาพนานาชาติกรุงสต็อกโฮม (SIPRI) กล่าวในการทำสำรวจข้อมูลซึ่งเผยแพร่เมื่อวันจันทร์นี้ TASS และ RT รายงาน

15 ประเทศที่ใช้จ่ายงบทางทหารสูงสุดในปี 2016 ยังคงเป็นกลุ่มเดียวกับปี 2015 แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอันดับกันบ้าง สหรัฐอยู่อันดับสูงสุดของชาร์ท ซึ่งปีที่แล้วใช้จ่ายงบประมาณทางทหารถึง $611,000,000,000 (ประมาณ 21,690,500,000,000 บาท) (เพิ่มขึ้น 1.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบแบบปีต่อปี) ซึ่งมากถึง 3 เท่าของจีน โดยจีนใช้จ่ายงบทหารที่ $215,000,000,000 (ประมาณ 7,632,500,000,000 บาท) (เพิ่มขึ้น 5.4 เท่าของปีก่อน) ในปี 2016 นั้นงบประมาณค่าใช้จ่ายทางทหารของสหรัฐจำนวน $611,000,000,000 นี้มากกว่า 1 ในสาม (36%) ของค่างบใช้จ่ายทางทหารทุกประเทศทั่วโลกรวมกัน

[ก็เขาเป็นเจ้าโลกนี่ครับ ใครจะเป็นประชาธิปไตยหรือมีเสรีภาพมากน้อยกว่ากันสมัยนี้เขาวัดกันที่ขนาดและงบของกองทัพนี่แหละครับ จริงเปล่าครับคุณทรัมป์ แต่กระนั้น สหรัฐก็ยังกลัวเกาหลีเหนือนี่สิ กรรม! - ผู้แปล]

รัสเซียใช้จ่ายงบประมาณทางทหารที่ $6.92 หมื่นล้าน สูงเป็นอันดับที่สามของโลก (เพิ่มขึ้น 5.9 เปอร์เซ็นต์) ซาอุดิอาระเบียลดงบประมาณทางทหารของตนเองถึง 30% และอยู่อันดับที่ 4 โดยใช้จ่ายงบประมาณทางทหารที่ $63,700,000,000 (ประมาณ 2,261,350,000,000 บาท ซื้อรถถังและรถหุ้มเกราะของสหรัฐไปให้นักรบฮูติแห่งเยเมนระเบิดเล่น ซื้อฮ.แบล็คฮอว์คไปให้ยูเออีพวกเดียวกันสอยเล่นในเยเมน ซื้อระเบิดและเครื่องบินรบไปสังหารหมู่ประชาชนชาวเยเมน - ผู้แปล)

[ตอนที่กองทัพเรือไทยจะซื้อเรือดำน้ำจีน พวกโปรอเมริกา-นาโต้โลกสวยพากันออกมาต่อต้าน บ้างก็อ้างว่าสมัยนี้เขาไม่รบกันแล้ว เขาทำสงครามทางเศรษฐกิจกัน บ้างก็บอกว่าจะซื้อทำไมของจีนมือหนึ่งที่พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีของรัสเซีย ซื้อของมือสองปลดระวางสนิมขึ้นจากเยอรมันดีกว่า ได้ตั้ง 6 ลำราคาไม่กี่พันล้านเหรียญเอง ปฏิบัติการได้จริงประมาณ 2-3 ลำ ที่เหลือเก็บไว้เป็นอะไหล่ ฯลฯ - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
24/04/2560
------------
http://tass.com/defense/942815
https://www.rt.com/news/385932-us-military-spending-grows/
https://www.sipri.org/media/press-release/2017/world-military-spending-increases-usa-and-europe

 

ปอกเปลือก ทรราช
ใครกันแน่ที่กระหายสงคราม? อังกฤษขู่จะชิงโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อนแม้ว่าสหราชฮาณาจักรจะไม่ถูกโจมตีก็ตาม รมว.กลาโหมอังกฤษกล่าว
-----------

วันที่ 24 เม.ย.60 RT พาดหัวข่าวว่า "รัฐบาลทอรี่อาจจะชิงเปิดการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ก่อน รมว.กลาโหมกล่าว" (Tory government would launch preemptive nuclear strike, defense secretary says)

นางเทราซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษอาจจะเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อนต่อศัตรูใดๆ แม้ว่าอังกฤษจะไม่อยู่ภายใต้การโจมตีก็ตาม นาย Michael Fallon รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอังกฤษกล่าว

[สมัยก่อนนี้สหรัฐก็ขู่เช้าขู่เย็นว่าจะบอมบ์เกาหลีเหนือด้วยอาวุธนิวเคลียร์แบบที่ทำกับญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แม้ว่าตอนนั้นเกาหลีเหนือจะไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ก็ตาม หลังจากเกาหลีเหนือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองได้แล้ว สหรัฐก็ขู่อีกว่าจะบอมบ์เกาหลีเหนือด้วยนิวเคลียร์อีก อ้างว่าเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามต่อตนเองและพันธมิตรของตนเอง

พอเกาหลีเหนือขู่กลับไปบ้างว่าจะถล่มแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และแม้กระทั่งออสเตรเลียจอมแส่ด้วยอาวุธนิวเคลียร์บ้าง สหรัฐและลูกสมุนก็ออกมาโวยวายว่า นั่นไง! เกาหลีเหนือก้าวร้าว บ้าสงคราม ฯลฯ วันนี้อังกฤษก็พูดแบบเดียวกับสหรัฐและเกาหลีเหนือนั่นแหละ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไร? "เสรีภาพ" มั๊ง? - ผู้แปล]

"ในสภาพแวดดล้อมที่สุดโต่งที่สุดพวกเราได้พูดไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเราไม่สามารถปฏิเสธการใช้อาวุธนิวเตลียร์ในการโจมตีครั้งแรกได้" นาย Fallon กล่าวกับ BBC กระบอกเสียงของรัฐบาลอังกฤษ

เมื่อถามว่าในสภาพแวดล้อมอะไร นาย Fallon ก็ตอบว่า "จะเป็นการดีกว่าที่จะไม่มีการกำหนดแบบเฉพาะเจาะจงหรืออธิบาย ซึ่งมีแต่จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเหล่าศัตรูของพวกเรา และทำให้การยับยั้งน่าเชื่อถือน้อยลง ประเด็นทั้งหมดเกี่ยวกับการยับยั้งก็คือว่าคุณจะทิ้งจากความไม่แน่นอนไว้ในใจของใครก็ตามที่อาจจะคิดใช้อาวุธต่างๆต่อประเทศนี้"

ต่อมาโฆษกสำนักนายรัฐมนตรีของอักฤษกล่าวเพิ่มเติมว่า "ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะไม่เห็นด้วยกับท่านรัฐมนตรีกลาโหม" [ก็แสดงว่าอังกฤษเห็นด้วยกับคิมน้อยที่เคยบอกว่าจะชิงลงมือโจมตีศัตรูด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์ก่อนเช่นกันนะสิ ถ้าอย่างนั้น รัสเซีย จีน อิหร่าน หรือประเทศอื่นที่มีอาวุธนิวเตลียร์ก็มีความชอบธรรมที่จะบอมบ์เกาะอังกฤษด้วยนิวเคลียร์ก่อนเช่นกัน ถูกไหมครับท่านรัฐมนตรี? - ผู้แปล]

รายงานข่าวบอกอีกว่า ปัจจุบันนี้เรือดำน้ำ Trident จำนวน 4 ลำของอังกฤษกำลังปฏิบัติการยับยั้งด้านนิวเคลียร์อยู่ในทะเลอย่างต่อเนื่อง การออกเสียงในสภาผู้แทนฯ (House of Commons) ของอังกฤษ เหล่าส.ส.ได้โหวตสนับสนุนการต่ออายุโครงการเรือดำน้ำ Trident ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณถึง £225,000,000,000 (หรือ US$285,000,000,000) ตลอดช่วงอายุการใช้งาน

[เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา อังกฤษและสหรัฐออกมายอมรับอย่างเป็นทางการว่าเรือดำน้ำอังกฤษประสบความล้มเหลวในการทดลองยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์แถวชายฝั่งฟลอริด้า ตอนแรกทางรัฐบาลอังกฤษไม่ยอมเปิดเผย แต่ต่อมาถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก จึงออกมาแก้ตัวว่า รัฐบาลโอบามาสั่งไม่ให้เปิดเผย

วันดีคืนดี เรือดำน้ำของอังกฤษก็ไปทำหน้าที่ช่วยเรือประมงท้องถิ่นลากอวน เล่นเอาเรือประมงได้รับความเสียหาย (ก็ของเขาแรงนี่ครับ) จากนั้นสื่ออังกฤษและสหรัฐก็ประโคมข่าวว่าต้องเป็นฝีมือของเรือดำน้ำรัสเซียแน่ๆ พากันด่ารัสเซียยกใหญ่ ทั้งๆที่ยังไม่มีการตรวจสอบ ต่อมาส.ส.อังกฤษคนหนึ่งเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ก็พบความจริงว่า Oopz! มันไม่ใช่เรือดำน้ำรัสเซียนิ เป็นฝีมือพวกเราเองแหละ ขอโทษรัสเซียไหมครับ? ก็สไตล์ผู้ดีเทียมอ่ะ อะไรเหรอ? เกิดอะไรขึ้น? ไม่รู้ไม่ชี้ จะไปขอโทษทำไม? ปี 2016 ทหารเรืออังกฤษก็ขับเรือดำน้ำของตนเองไปชนกับเรือพาณิชย์แถวชองแคบยิบรอนตา หัวเยินเลย - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
25/04/2560
------------
https://www.rt.com/uk/350762-theresa-may-nuclear-trident/
https://www.rt.com/uk/374703-british-trident-test-failure/
http://www.cnbc.com/2017/01/23/uk-l...d-nuclear-missile-test-off-florida-coast.html
http://www.foxnews.com/politics/2017/01/22/missile-failure-off-florida-british-leader-wont-say.html
http://edition.cnn.com/2017/01/23/europe/trident-missile-failure-theresa-may/
https://www.rt.com/uk/374703-british-trident-test-failure/
http://www.bbc.com/news/uk-36852365
https://www.theguardian.com/uk-news...ine-dragged-fishing-trawler-through-irish-sea
http://www.bbc.com/news/uk-36852365

 

ปอกเปลือก ทรราช
ยังไม่หายคลุ้มคลั่งอีก สหรัฐส่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์ USS Michigan เข้าร่วมกดขี่เกาหลีเหนือกับกองเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson
-----------

วันที่ 24 เม.ย.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐจะเข้าร่วมร่วมกับเรือ USS Carl Vinson ในคาบสมุทรเกาหลี" (US Nuclear-Powered Sub to Join USS Carl Vinson Near Korean Peninsula)

เจ้าหน้าที่จากกองทัพเกาหลีใต้กล่าวเมื่อวันจันทร์นี้ว่า เรือดำน้ำของสหรัฐจะเข้าร่วมกับกลุ่มเรือโจมตีบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ในการซ้อมรบทางทหารนอกชายฝั่งคาบสมุทรเกาหลีในปลายสัปดาห์นี้

"เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ USS Michgan จะเข้าไปยังน่านน้ำคาบสมุทร (เกาหลี) ไม่ช้าก็เร็วเพื่อร่วมปฏิบัติการซ้อมรบกับเรือ USS Carl Vinson" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวกับสำนักข่าว Yonhap ของเกาหลีใต้

การเคลื่อนไหวของสหรัฐในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกล่างความตึงเครียดระหว่างกรุงเปียงยางและกรุงวอชิงตันเนื่องจากการทำสงครามน้ำลายต่อกันระหว่างสองประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK) เรียกการปฏิบัติการด้วยเรือดำน้ำของสหรัฐในครั้งนี้ว่าเป็น "การแบล็คเมล์ทางทหารอย่างไม่มีการปิดบัง" กรุงเปียงยางรู้สึกว่าการซ้อมรบในครั้งนี้เป็นการเตรียมการเพื่อรุกรานเกาหลีเหนือและเป็นโค่นผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือกล่าวคือท่านผู้นำสูงสุดคิม จอง-อึน มากกว่าจะเป็นการซ้อมรบประจำปี

ฝ่ายเหนือยังกล่าวกับหนังสือพิมพ์ Rodong Shinmun ของพรรคคนงานฝ่ายรัฐบาลเกาหลีเหนือเมื่อวันจันทร์นี้ว่า การปรากฎของเรือมิชิแกนอาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ที่ก้ำกึ่ง (touch-and-go / อันตราย) ในคาบสมุทรเกาหลี "ถ้าศัตรูซี้ซั้วยั่วยุ DPRK กองทัพปฏิวัติของเกาหลีเหนือก็พร้อมที่จะอัดพวกมันให้ตายไปเลย และเผชิญกับสงครามเต็มรูปแบบทุกประเภทรวมทั้งสงครามนิวเคลียร์ด้วยการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์อย่างไร้ปราณีสไตล์เกาหลี"

หนังสือพิมพ์เกาหลีเหนือยังได้เตือนอีกด้วยว่า "กองทัพปฏิวัติของพวกเราพร้อมแล้วสำหรับการสู้รบเพื่อจมเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว" UPI รายงาน

[คิมน้อยก็อย่าไปขู่เขามากนักสิครับ แค่นี้นายทรัมป์และขุนทหารของสหรัฐรวมทั้งอังกฤษ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นก็แทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่แล้ว จริงๆแล้วเกาหลีเหนือยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ จัดเดินขบวนสวนสนามทางทหารนำอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆออกมาโชว์เนื่องในวันสำคัญของชาติ ก็เหมือนกับประเทศอื่นๆหลายประเทศทั่วโลกก็ทำ ในยุโรปตะวันออกก็ทำ แถมยังให้กองทัพสหรัฐเอารถถังและพาหนะทางทหารไปร่วมเดินขบวนด้วย (กลุ่มประเทศบอลติก) และก็ทำการทดลองยิงขีปนาวุธของตนเองภายในประเทศของตนเองด้วย

สหรัฐกลับเป็นฝ่ายดิ้นจะเป็นจะตายให้ได้ เขาเป็นอะไรของเขาอ่ะ? จากนั้นก็ส่งกองเรือรบทั้งผิวน้ำและใต้น้ำไปหน้าบ้านเกาหลีเหนือ ขู่จะสังหารหมู่ประชาชนชาวเกาหลีเหนือถ้าไม่ยอมคลานไปกราบตีนนายทรัมป์ พวกลิเบอร์ร่านบอกว่านี่แหละว้อย "เสรีภาพ" แบบอเมริกัน - ผู้แปล]

ประเด็นหลักที่สหรัฐใช้เป็นข้ออ้างในการเคลื่อนไหวทางทหารมุ่งสู่คาบสมุทรเกาหลีในครั้งนี้เพราะเกรงว่าเกาหลีเหนือจะทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่หก ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถยิงไปถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐได้

[สหรัฐมีขีปนาวุธแบบนี้ไหม? มีครับ มีเยอะด้วย แต่น้อยกว่ารัสเซียประมาณ 2 พันลูก ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองอย่างเป็นทางการได้แก่กลุ่มมหาอำนาจด้านอาวุธนิวเคลียร์หกประเทศ ที่เรียกชื่อย่อว่า "P5+1" ได้แก่ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน และรัสเซีย และเยอรมันนี ส่วนประเทศอื่นที่ไม่อยู่ในกลุ่มนี้ที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองก็คือ อินเดีย ปากีสถาน อิสราเอล อิหร่าน และเกาหลีเหนือ

อิสราเอลมีได้ แต่อิหร่านกับเกาหลีเหนือห้ามมี ใครเป็นคนกำหนดกฎหมนี้ ก็สหรัฐนั่นแหละ อ้าวก็ไหนว่าสหรัฐสนับสนุนเสรีภาพไงครับ ทำไมถึงชอบชี้นิ้วสั่งคนอื่น (dictate) หละ? ร่านบอกว่า นั่นแหละเสรีภาพและความเท่าเทียมกับแบบอเมริกันที่เหล่าร่านถวิลหา - ผู้แปล]

เรือดำน้ำ USS Michigan เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้นโอไฮโอ้ (Ohio-class) ของกองทัพเรือสหรัฐ เริ่มต่อในปี 1975 ทดลองครั้งแรกในปี 1980 เข้าประจำการเดือนกันยายน 1982 ระวางขับน้ำผิวน้ำ 16,764 metric tons และขณะดำที่ 18,750 metric tons ยาว 170 เมตร บีม 13 เมตร ความเร็ว 25 น็อต (46 km/h; 29 mph) ติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีโทมาฮอว์ค (จรวดร่อน) 154 ลูก (รุ่นที่ติดหัวรบนิวเคลียร์ถูกปลดประจำการแล้ว) และตอร์ปิโดต่อต้านเรือรบ 4*21 ท่อ รัศมีทำการราว 1,300 กิโลเมตร

ทรัมป์กล่าวว่า "สถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับเกาหลีเหนือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และคณมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะต้องเตรียมออกมาตรการคว่ำบาตตที่รุนแรงกว่านี้ต่อเกาหลีเหนืออีก เนื่งอจากโครงการนิวเคลียร์และบอลลิสติกมิสไซล์" [อีกครั้ง! ทำไมประเทศที่อ้างว่าสนับสนุนเสรีภาพถึงชอบใช้มาตรการกดขี่ข่มเหงประเทศอื่นที่อ่อนแอกว่าเสมอ? ลิเบอร์ร่านเมืองไทยตอบได้ไหมครับ? วาทกรรมกับการปฏิบัติทำไมมันถึงย้อนแย้งกันอย่างนี้? ร่านไม่ว่าง ร่านกำลังตามหาหมุดอัปรีย์อยู่

ปัจจุบันนี้เกาหลีเหนือมีเรือดำน้ำอยู่ประมาณ 70 ลำ ไม่ได้เลิศหรูเหมือนของสหรัฐ แต่ก็เคยจมเรือรบผิวน้ำ (ROKS Cheonan) ของฝ่ายใต้มาแล้วเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2010 หน้าบ้านเกาหลีเหนือลูกเรือฝ่ายใต้เสียชีวิต 46 นาย ได้รับบาดเจ็บ 56 นาย

การซ้อมรบของกองเรือรบสหรัฐและญี่ปุ่นจะจัดขึ้นแถวทะเลญี่ปุ่น ซึ่งจะว่าไปแล้วก็อยู่ไม่ไกลจากฐานทัพเรือวลาดิวอสต็อคแห่งกองเรือแฟซิฟิกของรัสเซียเลย ซึ่งรัสเซียมีชายแดนติดกับเกาหลีเหนือ ข้อมูลในปี 2010 ระบุว่ากองเรือแห่งนี้ของรัสเซียประกอบด้วยเรือรบต่อต้านเรือดำน้ำขนาดใหญ่ Project 1155 จำนวน 4 ลำ เรือพิฆาต Project 956 จำนวน 4 ลำ เรือเล็กและเรือกวาดทุ่นระเบิด 19 ลำ เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ 5 ลำ

เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดตั้งขีปนาวุธนิวเตลียร์ข้ามทวีป Project 667BDR (Delta III-class) 5 ลำ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดตั้งจรวดร่อน (cruise missile) Project 949A (Antey Oscar-class) จำนวน 6 ลำ เรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์หลากบทบาท Project 971 (Akula-class) จำนวน 7 ลำ

และเรือดำน้ำพลังงานดีเซล-ไฟฟ้า Project 877 (Kilo-class) จำนวน 8 ลำ ติดตั้งขีปนาวุธตระกูล Kalibr/Club ทั้งสำหรับโจมตีภาคพื้นดินและต่อต้านเรือรบ ไม่เป็นสองรองโทมาฮอว์คของสหรัฐ เรือดำน้ำจีนก็ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้จากรัสเซีย ตอนนี้จีนกำลังต่อเรือดำน้ำประเภทนี้ให้ไทย 3 ลำ ตระกูลเดียวกัน - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
25/04/2560
------------
https://sputniknews.com/military/201704241052954229-us-submarines-joins-carl-vinson/
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/04/24/0401000000AEN20170424011651320.html
http://www.upi.com/Top_News/World-N...higan-to-arrive-in-South-Korea/6721493046448/
https://sputniknews.com/us/201704241052951394-trump-korea-sanctions-unsc/
https://en.wikipedia.org/wiki/ROKS_Cheonan