ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    เกาหลีใต้และสหรัฐเริ่มดิ้นหลังพบว่ามีเซเลบชาวเกาหลีเหนือที่เคยถูกหลอกให้แปรพักตร์หลบหนีไปยังเกาหลีใต้เดินทางกลับไปอยู่บ้านกับครอบครัวที่เกาหลีเหนือเพิ่มขึ้น

    FB_IMG_1500513371015.jpg

    ----------

    วันที่ 16 ก.ค.60 เว็บไซต์ uriminzokkiri ของสื่อเกาหลีเหนือได้เผยแพร่คลิปการให้สัมภาษณ์หญิงและชายชาวเกาหลีเหนือสองคนที่เคยถูกทางเกาหลีใต้และสื่อตะวันตกอ้างว่า "แปรพักตร์" (defectors) ไปอยู่ที่เกาหลีใต้ แต่ปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนใจและเดินทางกลับไปอยู่กับครอบครัวที่เกาหลีเหนืออีกครั้ง

    วันที่ 18 ก.ค.60 BBC กระบอกเสียงของรัฐบาลอังกฤษพาดหัวข่าวว่า "เกรงว่า Lim Ji-hyun ดาราทีวีชาวเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์จะถูกลักพาตัว" (North Korean TV star defector Lim Ji-hyun feared abducted) [เป็นไงครับ อาการดิ้นของพวกสื่อตะวันตก - ผู้แปล]

    BBC รายงานว่า ผู้หญิงคนหนึี่งซึ่งรู้จักกันในนามว่า "Lim Ji-hyun" ที่หลบหนีไปยังเกาหลีใต้ในปี 2014 ต่อมาได้กลายเป็นดาราโทรทัศน์ในเกาหลีใต้ [แน่นอนว่าไม่ใช่ด้วยโชคหรือความบังเอิญหรอก หล่อนเป็นแค่เครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใต้และสหรัฐเท่านั้น - ผู้แปล]

    อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่หน้าตาดูคล้ายกับเธอ (Lim Ji-hyun) ได้ไปปรากฎในคลิปวีดีโอโฆษณาชวนเชื่อของเกาหลีเหนือเมื่อวันอาทิตย์นี้ - ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเธออาจจะถูกลักพาตัวก็ได้ BBC กล่าว

    [สังเกตการรายงานข่าวของ BBC ตอนแรกไม่ยอมรับว่าผู้หญิงคนนั้นเป็น Lim Ji-hyun ที่เคยแปรพักตร์ไปอยู่ที่เกาหลีใต้ แต่ในย่อหน้าเดียวกันก็อ้างว่าเธออาจจะถูกลักพาตัวไปยังเกาหลีเหนือก็ได้ และเป็นเรื่องปรกติของสื่อตะวันตกที่ไม่ว่าทางเกาหลีเหนือจะนำเสนออะไรก็ตาม มักจะถูกมองและดิสเครดิตว่าเป็น "โฆษณาชวนเชื่อ" เสมอ สื่อขยะ! - ผู้แปล]

    ในคลิปวีดีโอที่มีการให้สัมภาษณ์นั้น Lim Ji-hyun ยอมรับว่าเธอถูกล่อลวงไป และถูกบังคับให้ใส่ร้ายฝ่ายเหนือ (she was lured away and forced to slander the North.)

    Lim Ji-hyun สารภาพว่าเธอเต็มใจที่จะเดินทางข้ามชายแดนกลับไปยังบ้านเกิดของเธอ ในขณะที่เธออยู่ที่เกาหลีใต้เธอเป็นดาราที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งในรายงานทอล์กโชว์และรายการเรียวลิตี้ทางทีวี

    ทางการ (เกาหลีใต้) ยังไม่ยืนยันว่าผู้หญิงที่ปรากฎในคลิปให้สัมภาษณ์นั้นเป็น Ms Lim Ji-hyun หรือไม่ แต่เชื่อว่า Ms Lim Ji-hyun ได้เดินทางกลับไปยังเกาหลีเหนือแล้วจริงๆ

    ในคลิปวีดีโอนั้น (เผยแพร่ในยูทูปของสำนักข่าวเกาหลีเหนือด้วย) ผู้หญิงคนที่ทางเกาหลีใต้คาดว่าน่าจะเป็น Lim Ji-hyun ได้ใช้ชื่อว่า Jeon Hye-Sung (คาดว่าน่าจะเป็นชื่อเดิมของเธอที่ใช้ในเกาหลีเหนือ)

    ในคลิปนี้ Lim Ji-hyun หรือ Jeon Hye-Sung ได้นั่งคู่กับนาย Kim Man-bok ซึ่งเป็นชาวเกาหลีเหนืออีกคนหนึ่งที่เคยแปรพักตร์ไปอยู่ที่เกาหลีใต้และต่อมาเปลี่ยนใจและเดินทางกลับไปอยู่กับครอบครัวที่เกาหลีเหนือ ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวของเกาหลีเหนือ

    Lim Ji-hyun สารภาพว่า "ฉันวิ่งไปยังฝ่ายใต้ นำโดยความคิดเพ้อฝันแบบแฟนตาซีที่ว่าฉันอาจจะได้กินดีอยู่ดีและหาเงินได้เป็นจำนวนมาก แต่ในประเทศนั้น ที่ซึ่งทุกอย่างตัดสินด้วยเงิน ฉันกลับได้รับความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจ แม้ว่าจะทำงานทั้งที่บาร์และที่อื่นๆด้วยก็ตาม ชีวิตในแต่ละวันของฉันในกรุงโซลมันคือนรก"

    [กลายเป็นตัวตลกทางการเมืองของฝ่ายใต้และสหรัฐไปโดยปริยาย ถ้าไม่ทำก้ไม่มีกิน เพราะว่าตกกระไดพลอยโจนไปแล้ว คุณไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเล่นไปตามบทที่ผู้กำกับเขาเขียนและสั่งให้คุณเล่นเท่านั้น - ผู้แปล]

    ขณะนี้ Lim Ji-hyun ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเธอหลังจากเดินทางกลับไปยังเกาหลีเหนือเมื่อเดือนที่แล้ว "ในเกาหลีใต้ ฉันเหงาจริงๆ และฉันก็คิดถึงพ่อแม่ของฉันด้วย" Lim Ji-hyun กล่าวในการให้สัมภาษณ์ในคลิปวีดีโอ

    หนังสือพิมพ์ The Korea Times ของเกาหลีใต้มพยายามแก้ต่างให้กับฝ่ายใต้ด้วยการตั้งข้อสังเกตเชิงลบต่อฝ่ายเหนือว่า ผู้หญิงเกาหลีเหนือที่เคยแปรพักตร์ไปอยู่ที่เกาหลีใต้ และเดินทางกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดของตนเองในเกาหลีเหนือนั้น "อาจจะถูกลักพาตัว" ในขณะที่เธอกำลังพยายามลักลอบนำครอบครัวของเธอออกไป (จากเกาหลีเหนือ) ก็ได้ [ดิ้นกันเชียว!]

    วันที่ 19 ก.ค.60 สำนักข่าว Yonhap News ของเกาหลีใต้พาดหัวข่าวว่า "ตำรวจเปิดการสืบสวนกรณีผู้แปรพักตร์เดินทางกลับไปยังเกาหลีเหนือ" (Police launch probe into defector's return to N. Korea)

    สื่อเกาหลีใต้ได้รายงานว่า เมื่อวันพุธนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าได้เริ่มทำการสืบสวนสอบสวนกรณีผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือซึ่งขณะนี้ได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดของเธอตามที่ปรากฎในคลิปวีดีโอในการให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีเหนือ (ที่ฝ่ายใต้เรียกว่าคลิปโฆษณาชวนเชื่อ)

    [ข่าวนี้เป็นข่าวที่ทำให้เกาหลีใต้และสหรัฐเสียหน้าเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะพยายามแก้ตัวหรือแถจนสีข้างถลอกอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น ความจริงก็คือความจริง เช่นกรณีที่เมื่อปีที่แล้วมีรายงานข่าวว่าพนักงานภัตตาคารแห่งหนึ่งของเกาหลีเหนือในประเทศจีนได้แปรพักตร์ไปอยู่ที่เกาหลีเหนือหลายคน (ประมาณ 10 กว่าคน)

    ทางการเกาหลีเหนือกล่าวว่านั่นไมใช่การแปรพักตร์ มันเป็นการลักพาตัวประชาชนชาวเกาหลีเหนือต่างหาก มันเป็นการหลอกลวงให้คนเกาหลีเหนือตกเป็นเหยื่อทางการเมืองของฝ่ายใต้ เพราะว่ายังมีคนเกาหลีเหนือที่ทำงานอยู่ในจีนและประเทศอื่นๆเป็นจำนวนมากไม่ได้แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับฝ่ายใต้ และยังคงมีความภาคภูมิใจในความเป็นคนเกาหลีเหนือ (ข่าวนี้เคยเสนอมาแล้ว)

    เพื่อกลบข่าวอดีตชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ ได้เปลี่ยนใจและกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดของตนเองที่เกาหลีเหนืออีกครั้ง ฝายใต้และพวกตะวันตกนำโดยสหรัฐก็ปล่อยข่าวว่า "เจ้าข้าเอ๊ยยยยย! ทางการเกาหลีเหนือลงโทษประหารชีวิตนักโทษในที่สาธารณะ" เพียงเพราะว่าขโมยทองแดงจากโรงงานผลิตเครื่องจักรเท่านั้นโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนการกล่าวอ้าง สื่อตะวันตกอ้างรายงานขององค์กร TJWG ซึ่งเป็น NGO เติมเงินของฝ่ายเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสภาคองเกรสของสหรัฐ ไอ้พวก NGO อย่าง TJWG นี่แหละคือ "แก๊งปล่อยข่าวโฆษณาชวนเชื่อเครื่องมือทางการเมือง" ตัวยงเลยหละ

    งานของแก๊งนี้ (TJWG) คืออะไร? คือการลักลอบขุดหลุมศพและสุสานในเกาหลีเหนือ อ้างว่าเพื่อหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าทางการเกาหลีเหนือฝังศพนักโทษที่ถูกประหารตามสถานที่ต่างๆ ที่แท้ก็เป็นพวกโจรปล้นสุสานแก๊ง 18 มงกุฏของเกาหลีใต้โดยมีสหรัฐเป็นนายใหญ่นี่เอง

    แน่นอนข่าวนี้ช่วยกลบข่าวฉาวและอัปยศของสหรัฐ ที่ตำรวจอเมริกัน "วิสามัญ" ผู้หญิงชาวออสเตรเลียในที่สาธารณะบนถนนหน้าบ้านของเธอ โดยที่เธอไม่มีอาวุธในมือ และไม่ได้แสดงตนเป็นภัยคุกคามต่อตำรวจเลย ที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นเป็นคนโทรเรียกตำรวจมาด้วย สุดท้ายเธอกลับตกเป็นเหยื่อความโหดร้ายป่าเถื่อนของตำรวจอเมริกันซะเอง - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    20/07/2560
    -----------

    http://uriminzokkiri.com/itv/index.php?ppt=lie_human&no=34996
    http://www.bbc.com/news/world-asia-40640047
    http://edition.cnn.com/2017/07/18/asia/north-korea-defector-propaganda/index.html
    https://www.theguardian.com/world/2...investigating-abduction-north-korean-defector
    http://www.news.com.au/world/asia/i...s/news-story/cbc5e73f8346a98f1a97c4439a41c475
    http://www.koreatimes.co.kr/www/nation/2017/07/103_233123.html
    http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/07/19/0401000000AEN20170719009600315.html
    https://sputniknews.com/asia/201707191055699599-dprk-rights-abuses-seoul-ngo/
    https://www.rt.com/news/396731-australia-usa-cop-shoots-woman/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    Oopz! ไม่ใช่เกาหลีเหนือ... ตำรวจอเมริกันยิงผู้หญิงออสซี่แต่งชุดนอนวาบหวิวมายืนข้างรถตำรวจดับคาที่ หลังเธอโทรเรียกตำรวจ กรรม!

    FB_IMG_1500514516749.jpg

    ----------

    วันที่ 18 ก.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "'อเมริกันไนท์แมร์': คดีสังหารชาวออสเตรเลียโดยตำรวจสหรัฐสร้างความโกรธแค้นไปยังอีกซีกโลกหนึ่ง" (‘American nightmare’: Killing of Australian by US police sparks outrage on other side of world)

    รายงานข่าวเปิดเผยว่าผู้หญิงชาวออสเตรเลียคนหนึ่งอายุ 40 ปีเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐ Minnesota ของสหรัฐจากเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ได้ก่อให้เกิดคำถามจำนวนมากที่บ้านเกิดของเธอ

    Justine Ruszczyk เป็นครูสอนโยคะและโคชสำหรับทีมช่วยชีวิต ซึ่งใช้ชื่อว่า Justine Damond ในอาชีพของเธอ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชื่อ Mohamed Noor ยิงจนเสียชีวิตด้านหลังบ้านของเธอในตอนเย็นของวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากเธอโทรเรียกตำรวจในการโจมตีที่อาจจะเป็นไปได้ [โทรเรียกตำรวจมาช่วย แต่ตำรวจกับฆ่าคนที่โทรขอความช่วยเหลือซะงั้น กรรม! - ผู้แปล]


    FB_IMG_1500514522311.jpg

    เรื่องนี้ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งที่ประเทศบ้านเกิดของเธอว่า "American Nightmare" (ฝันร้ายอเมริกัน) ในหนังสือพิมพ์ The Daily Telegraph ที่ Syddey

    การสังหารนาง Ruszczyk ได้มีการรายงานข่าวทางทีวีเป็นจำนวนมากรวมทั้งบทความต่างๆในหนังสือพิมพ์หลายฉบับด้วย โดยการแสดงตัวเลขที่สูงเกี่ยวกับประชาชนที่ถูกสังหารโดยวตำรวจอเมริกัน

    "ความผิดพลาดของคุณ Justine Ruszczyk ก็คือเธอไปพบกับตำรวจเหมือนกับที่คุณหรือผมอาจจะทำในเมือง Sydney บ้านเกิดของเธอ หลังจากเธอรายงาน (ต่อตำรวจ) ว่ามีเสียงบางอย่างคล้ายเสียงของบางคนกำลังจู่โจมทางเพศในซอยหลังบ้านพักของเธอในเมือง Minneapolis ในตอนดึกของคืนวันเสาร์" The Australian รายงาน

    ต่อมา BBC รายงานว่า หลังจากที่ Justine Ruszczyk (Justine Damond) โทรแจ้งตำรวจแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ขับรถไปที่บ้านของเธอ เธอสวมชุดนอนเดินออกมาที่รถตำรวจ ยืนอยู่ด้านข้างคนขับและสนทนากับตำรวจคนที่อยู่ด้านหน้า ตามรายงานข่าวของตำรวจแจ้งว่า ตำรวจนายที่นั่งอยู่ด้านหลังได้ยินเสียงบางอย่าง (อาจจะเป็นเสียงปืนหรือเสียงพลุก็ได้) ยิงตัดสินใจควักอาวุธปืนประจำกายของตนเองยิงไปที่นาง Justine Ruszczyk ทันที เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมตำรวจอเมริกันทั้งสองนายนี้ถึงไม่เปิดกล้องบอดี้แคมที่ติดอยู่ที่ตัวตำรวจ และกล้องหน้ารถก็ไม่สามารถบรรทึกภาพขณะเกิดเหตุการณ์ได้ สำนักงานตำรวจไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดใดๆ (สรุปข่าว)

    [ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เกาหลีเหนือ แน่นอนว่าทั้งสื่อและนักการเมืองของสหรัฐ รวมทั้งองค์สิทธิมนุษยชนเติมเงินทั้งหลาย และยูเอ็นจะรีบออกมาประณามเกาหลีเหนือทันที และก็จะด่าอย่างสาดเสียเทเสีย รวมทั้งเรียกร้องให้ทำการคว่ำบาตรเพิ่มเติม สหรัฐอาจจะส่งฝูงบินรบ เครื่องบินทิ้งระเบิด หรือกองเรือรบของตนเองไปซ้อมรบใกล้ชายแดนหรือใกล้น่านน้ำเกาหลีเหนืออีกก็ได้ - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    20/07/2560
    -----------
    https://www.rt.com/news/396731-australia-usa-cop-shoots-woman/

    https://sputniknews.com/us/201707191055667027-minnesota-officer-had-three-complaints/
    https://apnews.com/d5ed53942cd94a0f...=SocialFlow&utm_source=Facebook&utm_medium=AP
    https://www.theguardian.com/us-news...ralian-woman-minneapolis-justine-damond#img-1
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    FB_IMG_1500515116223.jpg

    ข่าวดี… หมอตรวจพบมะเร็งในสมองของนายจอห์น แม็คเคน จอมกระหายสงคราม ส.ว.สหรัฐพรรครีพับลิกัน โอมเพี้ยง! ไม่ใช่ขอให้หายเร็วนะครับ แต่ขอให้ "...เร็วๆ" เราเป็นคนประเภท "ปากตรงกับใจ" หนะ
    ----------
    https://sputniknews.com/news/201707201055705467-john-mccain-diagnosed-brain-cancer/
    https://www.rt.com/usa/396871-john-mccain-brain-tumor-cancer/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สุริยะจักรวาลเราเคลื่อนที่เร็วมาก?
    FB_IMG_1500548037423.jpg
    We was here คือเราอยู่นี่แต่เป็นเมื่อในอดีต We are here เราอยู่นี่ในในปัจจุบันนี้
    ! ___ สวัสดี, อาจวิดีโอนี้จะอธิบายการลอยตัวของดาวเคราะห์ต่างๆ, MATRIX นี้มี ข้อบกพร่อง,,, ___ !!!

    ผมจำได้ว่าระบบสุริยะของเรากำลังอยู่บนขอบของแขนเกลียวของ Milky Ways แต่ตอนนี้เราใกล้กับศูนย์กลางกาแล๊กซี่มาก!

    !!!___hi guys, MAYBE THIS VIDEO WILL EXPLAIN THE FLOATING PLANES, THIS MATRIX HAS GLITCHES,,,___!!!

    I remember our solar system being on the edge of one of the Milky Ways' spiral arms-now we are much closer to the galactic center!!!
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ยุทธการปลาหมึกยักษ์ (8) : และแล้วหัวปลาหมึกยักษ์ก็ปรากฏ 20 ก.ค. 2017

    ISIS-salaries-leaked-online-678x368-696x378.jpg

    ข้อมูลเงินเดือนของหน่วยก่อการร้าย ISIS ที่สหรัฐฯและซาอุดีอาระเบียให้การสนับสนุน รั่วไหลในโลกออนไลน์ หลังจากที่ตำรวจอิรักในเมือง Mosul พบเอกสารแสดงผลประโยชน์ต่างๆของเหล่าผู้ก่อการร้ายภายในองค์กร

    ตามที่มีระบุไว้ในเอกสาร การจ่ายค่าแรงให้แก่ผู้ก่อการร้ายจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานะของนักต่อสู้ผู้นิยมสงคราม และจำนวนบุตรสมาชิกที่เขาพึงมีภายในครอบครัว

    Sputniknews รายงาน: นักต่อสู้ผู้นิยมสงคราม ได้รับเงินค่าจ้างรายเดือนต่ำสุด อยู่ที่ประมาณ 72 ดอลลาร์ หรือ 95000 ดินารอิรัก

    อบูจานา ผู้ซึ่งถือกำเนิดในปี 1991 ดำรงสถานะสมรส และเป็นบิดาของเด็กอีก 3 คน ได้รับเงินค่าจ้างเป็นจำนวนเงินถึง 184 ดอลลาร์ ขณะที่ นักต่อสู้ผู้นิยมสงครามภายในรายชื่อ นามว่า อบู นัสเซอร์ ผู้ซึ่งถือกำเนิดในปี 1962 ดำรงสถานะสมรถ และมีบุตรเป็นจำนวน 6 คน ได้รับเงินค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 256 ดอลลาร์

    แหล่งข่าวประจำท้องถิ่นบอกกับ Sputnik ว่า จำนวนการจ่ายเงินสามารถผันแปรได้เสมอ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยทั่วไปแล้ว ค่าแรงของนักต่อสู้ผู้นิยมสงคราม จะเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนของภรรยาและบุตรที่เขาพึงครอบครอง ทว่าในเวลาเดียวกัน เงินเดือนก็มักจะไม่สูงมากกว่าไปกว่า 300 ดอลลาร์

    นอกจากนี้ พวกแกนนำของกลุ่มก่อการร้ายยังไม่เพียงแต่รับเงินค่าจ้างรายเดือนเท่านั้น ทว่าพวกเขายังได้รับเงินเพิ่มเติม จากการขายทรัพย์สินที่ขโมยมาได้จากประชาชนทั่วไป สันนิษฐานว่า เงินเดือนของแกนนำขบวนการดาอิชจะตกอยู่ที่ประมาณ 500 ดอลลาร์ หรือ สูงไปกว่านั้น แม้ว่าปีนี้พวกเขาจะกำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงิน จากการที่สัมพันธมิตรระหว่างประเทศ ได้ทำการระเบิดโจมตีไปยังธนาคารหลายแห่งที่เป็นสถานที่รับเงินของพวกเขา

    เมื่อปีที่แล้ว Sputnik ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเงินค่าจ้างรายเดือนของบรรดาผู้ก่อการร้ายประจำปี 2014 ในขณะที่พวกเขาเพิ่งจะเริ่มมีอิทธิพลยึดครองจังหวัด Nineveh และ Anbar เมื่อตอนนั้น เงินค่าแรงของนักต่อสู้ต่างชาติอยู่ที่ 1300 ดอลลาร์ พร้อมด้วย รถยนต์ ภรรยา และเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการขาดดุลสำหรับเหล่านักต่อสู่ท้องถิ่น

    นักต่อสู้ดาอิชท้องถิ่นได้รับเงินเดือนต่ำกว่า อยู่ที่ 600 ดอลลาร์ต่อเดือน จำนวนเงินที่มากนั้นมีความเกี่ยวข้องกับ ข้อเท็จจริงที่ว่า กลุ่มดังกล่าวมีอิทธิพลควบคุมแหล่งน้ำมัน และได้ทำการจัดส่งน้ำมันดิบอย่างผิดกฎหมายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

    http://www.syedsulaiman.com/2451
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อินโดนีเซียสั่งห้ามพรรคหัวรุนแรงในประเทศจัดกิจกรรมเคลื่อนไหว 20 กรกฎาคม 2017

    150047071961356800-696x403.jpg
    กระทรวงยุติธรรมอินโดนีเซียประกาศสั่งห้ามไม่ให้ พรรค“การปลดปล่อยอิสลาม” ในประเทศที่ต้องการสร้างรัฐอิสลาม มีการเคลื่อนไหวใดๆในประเทศ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของประเทศ

    กระทรวงยุติธรรมอินโดนีเซียได้ออกแถลงการณ์ และดำเนินการดังกล่าวหลังจากมีคำสั่งจากประธานาธิบดี โจโก้ วิโดโด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ออกมาสั่งห้ามการกิจกรรมใดๆของทุกกลุ่ม ที่ขัดแย้งกับอุดมการณ์ทางทหารหรือส่งเสริมความเกลียดชังหรือเชื้อชาตินิกาย
    http://www.immjournal.com/6568
    fa.alalam.ir
    http://www.immjournal.com/6568
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กษัตริย์ ซัลมาน อาจจะสละบัลลังก์ให้กับลูกชาย ในเดือนตุลาคมนี้
    20 กรกฎาคม 2017

    4bmz45cef049batai4_800C450-696x392.jpg
    สำนักข่าวรอยเตอร์ เผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่า กษัตริย์ ซัลมาน บิน อับดุลอาซิสแห่งระบอบซาอุดิอาระเบีย อาจจะสละบัลลังก์ให้กับลูกชาย มุฮัมมัด บิน ซัลมาน ในช่วงเดือนตุลาคมปีนี้

    รายงานระบุว่า ในเดือนนี้ คิงซัลมานได้ทำการบันทึกเสียง เพื่อประกาศการถ่ายโอนอำนาจให้กับลูกชาย

    กษัตริย์แห่งซาอุดิอาระเบียได้ทำการปลดมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย เมื่อ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา และแต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชายมุฮัมมัด เป็นมกุฎราชกุมารคนใหม่

    parstoday
    http://www.immjournal.com/6572
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จับตาวินาศกรรมท้องทะเล ‘ญี่ปุ่น’ ‘ฟุกุชิมะฯ’ จ่อทิ้งน้ำกัมมันตรังสี 7.7 แสนตัน
    By ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม -17/07/2017

    น้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีทริเทียมที่ใช้หล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิชิ จากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2011 ปริมาณมากกว่า 7.77 แสนตัน กำลังจะถูกปล่อยลงสู่ทะเลญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ท่ามกลางการคัดค้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มชาวประมงท้องถิ่น

    ความชัดเจนของเหตุการณ์ดังกล่าว มีขึ้นภายหลังสื่อสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Japantimes รายงานเมื่อวันที่ 14 ก.ค.2560 ว่าขณะนี้คณะทำงานของบริษัทผลิตบริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียว (เทปโก) ได้ลงมติเห็นชอบเป็นการภายใน เพื่อปล่อยน้ำปนเปื้อนสารทริเทียมซึ่งเป็นน้ำที่เคยใช้ฉีดกลับไปหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในเหตุการณ์ระเบิดขนาดใหญ่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ จากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2011 จำนวนกว่า 7.77 แสนตัน ซึ่งถูกเก็บในแทงค์น้ำขนาดใหญ่ราว 580 ถัง ลงสู่ทะเล

    อย่างไรก็ตาม บริษัทจะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อได้รับ “ไฟเขียว” จากรัฐบาลญี่ปุ่นก่อน

    “คณะกรรมการจากเทปโกได้ลงมติกันแล้ว ซึ่งหากเราไม่ได้รับสัญญาณและการสนับสนุนจากภาคส่วนอื่นๆ การตัดสินใจครั้งนี้ก็คงไม่อาจมีได้”ทาคาชิ คาวามูระ ประธานเทปโกให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่น

    เอลีน มิโยโกะ สมิท นักเคลื่อนไหวต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Telegraph สื่อยักษ์ใหญ่เมืองผู้ดีว่า คณะทำงานของบริษัทฯ ได้อธิบายว่าการทิ้งน้ำปนเปื้อนทริเทียมจะปลอดภัย เพราะทะเลนั้นกว้างใหญ่พอจะเจือจางสารเคมีได้ ซึ่งหากรัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการกระทำดังกล่าว จะถือว่าเป็นการสร้างมาตรฐานในการจัดการกับกากของเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในการทิ้งมันลงไปในทะเลที่ทุกคนเป็นเจ้าของ

    ขณะที่ คันจิ ทักคิยะ หัวหน้ากลุ่มชาวประมงท้องถิ่น กล่าวว่า ทำนายไม่ได้เลยว่าการปล่อยน้ำเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีลงสู่ทะเลนี้ จะสร้างฝันร้ายให้แก่ชาวบ้านมากขนาดไหน

    4132412.jpg
    ©Tomohiro Ohsumi/Reuters
    แม้ว่าน้ำทิ้งในกระบวนการหล่อเย็นดังกล่าวจะได้รับการรับรองจากบริษัทเทปโกว่าเป็นน้ำที่ผ่านระบบคัดกรองที่ดึงสารกัมมันตรังสีกว่า 62 ชนิดออกไปหมดแล้ว ยกเว้นเพียงแต่ทริเทียมที่ไม่สามารถกำจัดออกจากน้ำได้ แต่พวกเขาก็ยืนยันอีกเช่นกันว่าทริเทียมที่อยู่กับน้ำจำนวนมหาศาลนั้น มีการปนเปื้อนที่น้อยมากและไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เว้นไว้เสียจะรับเข้าไปในปริมาณมาก

    อย่างไรก็ตาม มีปรากฏการณ์หนึ่งที่ชวนให้ตั้งคำถามถึงความย้อนแย้งเรื่องอันตรายจากสารทริเทียม เมื่อคณะทำงานฯ ได้พัฒนา “ปลาโรบอท” ขึ้นมาเพื่อปล่อยให้ลงไปสำรวจและตรวจระดับสารเคมีของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ระเบิดในปี 2011 นั้น ขณะนี้กลับตายเสียแล้ว

    ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นที่สนใจของสื่อทั้งในและต่างประเทศ โดยนิตยสาร Newsweek แห่งสหรัฐอเมริกา ถึงกับตั้งคำถามว่า แม้แต่หุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นให้พร้อมอยู่ในสภาพแวดล้อมดังกล่าวยังตาย จึงเป็นไปได้ว่าผลลัพธ์ที่เกิดจากการระเบิดครั้งนั้นจะมหาศาลกว่าที่เราคิด

    อย่างไรก็ตาม โตชิบา บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น เพิ่งประกาศว่าได้พัฒนาโรบอทตัวใหม่ที่ชื่อ ‘little sunfish’ เข้าไปปฏิบัติการณ์ต่อไป

    สำหรับภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ เกิดขึ้นหลังการโจมตีของคลื่นยักษ์สูง 10 เมตรเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ปี2011 หลังจากนั้น 1 วัน คือในวันที่ 12 มี.ค.ปีเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศทั่วโลกได้รับรายงานว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ หมายเลข 1 ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์ เป็นเหตุให้เครื่องปฏิกรณ์ 3 เครื่องในจำนวน 6 เครื่องขาดสารหล่อเย็น จนทำให้เกิดการระเบิดและมีสารกัมมันตภาพรังสีถูกปล่อยออกมาเป็นจำนวนมาก

    เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า 1.9 หมื่นราย และมีอีกกว่า 1.6 แสนคน ต้องสูญเสียบ้านและที่อยู่อาศัย และมีการประเมินว่าภัยพิบัติด้านนิวเคลียร์ครั้งนี้เป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ภัยพิบัติเชอร์โนบิลเมื่อปี 1986 โดยทีมวิจัยเริ่มลงสำรวจพื้นที่โดยรอบและได้ผลลัพธ์ที่ไม่ผิดความคาดหมาย นั่นก็คือสิ่งแวดล้อมโดยรอบมีการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีจำนวนมาก

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานเก่าเมื่อปี 2013 ว่ามีน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีที่เก็บอยู่ในแทงค์ รั่วไหลออกมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถประเมินได้ว่ามีน้ำที่รั่วไหลออกมาและลงสู่ทะเลเป็นจำนวนเท่าไร

    ที่มาหลัก :

    Fukushima’s tritiated water to be dumped into sea, Tepco chief says
    https://greennews.agency/?p=14497

    http://www.newsweek.com/fukushima-nuclear-waste-dumped-ocean-japanese-protests-637108
    http://www.newsweek.com/robots-sent-fukushima-have-died-435332

    https://greennews.agency/?p=14497
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ซาอุฯ-สหรัฐฯ หนุน ISIS หลังข้อมูลเงินเดือนผู้ก่อการร้ายรั่วไหลในโลกออนไลน์ โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ -20 กรกฎาคม 2017
    515.jpg

    ข้อมูลเงินเดือนของหน่วยก่อการร้าย ISIS ที่สหรัฐฯและซาอุดีอาระเบียให้การสนับสนุน รั่วไหลในโลกออนไลน์ หลังจากที่ตำรวจอิรักในเมือง Mosul พบเอกสารแสดงผลประโยชน์ต่างๆของเหล่าผู้ก่อการร้ายภายในองค์กร

    ตามที่มีระบุไว้ในเอกสาร การจ่ายค่าแรงให้แก่ผู้ก่อการร้ายจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานะของนักต่อสู้ผู้นิยมสงคราม และจำนวนบุตรสมาชิกที่เขาพึงมีภายในครอบครัว

    Sputniknews.com รายงาน: นักต่อสู้ผู้นิยมสงคราม ได้รับเงินค่าจ้างรายเดือนต่ำสุด อยู่ที่ประมาณ 72 ดอลลาร์ หรือ 95,000 ดินารอิรัก

    อบูจานา ผู้ซึ่งถือกำเนิดในปี 1991 ดำรงสถานะสมรส และเป็นบิดาของเด็กอีก 3 คน ได้รับเงินค่าจ้างเป็นจำนวนเงินถึง 184 ดอลลาร์ ขณะที่ นักต่อสู้ผู้นิยมสงครามภายในรายชื่อ นามว่า อบู นัสเซอร์ ผู้ซึ่งถือกำเนิดในปี 1962 ดำรงสถานะสมรถ และมีบุตรเป็นจำนวน 6 คน ได้รับเงินค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 256 ดอลลาร์

    แหล่งข่าวประจำท้องถิ่นบอกกับ Sputnik ว่า จำนวนการจ่ายเงินสามารถผันแปรได้เสมอ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยทั่วไปแล้ว ค่าแรงของนักต่อสู้ผู้นิยมสงคราม จะเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนของภรรยาและบุตรที่เขาพึงครอบครอง ทว่าในเวลาเดียวกัน เงินเดือนก็มักจะไม่สูงมากกว่าไปกว่า 300 ดอลลาร์

    นอกจากนี้ พวกแกนนำของกลุ่มก่อการร้ายยังไม่เพียงแต่รับเงินค่าจ้างรายเดือนเท่านั้น ทว่าพวกเขายังได้รับเงินเพิ่มเติม จากการขายทรัพย์สินที่ขโมยมาได้จากประชาชนทั่วไป สันนิษฐานว่า เงินเดือนของแกนนำขบวนการดาอิชจะตกอยู่ที่ประมาณ 500 ดอลลาร์ หรือ สูงไปกว่านั้น แม้ว่าปีนี้พวกเขาจะกำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงิน จากการที่สัมพันธมิตรระหว่างประเทศ ได้ทำการระเบิดโจมตีไปยังธนาคารหลายแห่งที่เป็นสถานที่รับเงินของพวกเขา

    เมื่อปีที่แล้ว Sputnik ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเงินค่าจ้างรายเดือนของบรรดาผู้ก่อการร้ายประจำปี 2014 ในขณะที่พวกเขาเพิ่งจะเริ่มมีอิทธิพลยึดครองจังหวัด Nineveh และ Anbar เมื่อตอนนั้น เงินค่าแรงของนักต่อสู้ต่างชาติอยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์ พร้อมด้วย รถยนต์ ภรรยา และเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการขาดดุลสำหรับเหล่านักต่อสู่ท้องถิ่น

    นักต่อสู้ดาอิชท้องถิ่นได้รับเงินเดือนต่ำกว่า อยู่ที่ 600 ดอลลาร์ต่อเดือน จำนวนเงินที่มากนั้นมีความเกี่ยวข้องกับ ข้อเท็จจริงที่ว่า กลุ่มดังกล่าวมีอิทธิพลควบคุมแหล่งน้ำมัน และได้ทำการจัดส่งน้ำมันดิบอย่างผิดกฎหมายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

    Source : yournewswire

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    http://www.abnewstoday.com
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    http://www.abnewstoday.com/11446
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    สไนเปอร์นักรบฮูติเด็ดหัวทหารฝ่ายพันธมิตรซาอุดิอาระเบีย เผารถ ยึดอาวุธสงครามได้เป็นจำนวนมาก
    ------------------

    ผลงานของสไนเปอร์นักรบฮูติแห่งเยเมนสอยพวกทหารคุณหนูซาอุดิอาระเบียที่รุกรานอธิปไตยของเยเมน แถมได้อาวุธและกระสุนปืนจากทหารฝ่ายพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียเป็นรางวัลสำหรับการเด็ดหัวทหารฝ่ายซาอุดิอาระเบียอีกต่างหาก ส่วนรถหุ่มเกาะของแก๊งซาอุดิอาระเบียนั้น ไม่ว่าคุณจะเสริมเกราะและตะแลงแกงชั้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากจรวด RTP และจรวดต่อต้านรถถังก็ตาม เมื่อเจอกับนักรบฮูติแล้ว ไม่รอดซักคัน! พักหลังนี้จะเห็นได้ว่าฝ่ายกองทัพเศรษฐีอาหรับถังแตกเริ่มหันมาใช้รถปิ๊กอัพญี่ปุ่นแทนรถฮัมวี่และรถหุ้มเกราะราคาแพง มากขึ้นเรื่อยๆ คลิปข่าวพวกนี้จะไม่มีทางได้ปรากฏในสื่อกระแสหลักเด็ดขาด มันแสดงใจสหรัฐและซาอุดิอาระเบีย (20 ก.ค.60)
    ------------------



     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ลาก่อน US M1A1 Abrams อิรัคสั่งซื้อรถถังหลัก T-90S/SK ของรัสเซียจำนวน 73 คัน หลังเห็นผลงานในสนามรบในซีเรีย

    FB_IMG_1500550527937.jpg FB_IMG_1500550532730.jpg FB_IMG_1500550538862.jpg

    ----------

    วันที่ 20 ก.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "อิรัคสั่งซื้อรถถัง T-90 จำนวนมาก - คนใกล้ชิดทำเนียบเครมลินกล่าว" (Iraq buys ‘large batch’ of T-90 tanks – Kremlin aide)

    คนสนิททำเนียบเครมลินได้ยืนยันว่ากองทัพบกของอิรัคจะได้รับการส่งมอบรถถังหลักสนามรบ T-90 ที่ผลิตโดยรัสเซียในเร็วๆนี้ โดยที่รถถังของรัสเซียจะถูกนำเข้าประจำการเคียงข้างรถถัง M1A1 Abrams ของค่่ายสหรัฐ (ในกองทัพอิรัค)

    [เอ… ทหารอิรัคเขาไม่เป็นโรควิตกกังวลว่าเทคโนโลยีของรัสเซียจะเข้ากันไม่ได้กับของค่ายนาโต้นำโดยสหรัฐที่กองทัพอิรัคใช้อยู่แล้วก่อนหน้านี้เหมือนพวกโปรอเมริกาในประเทศไทยบ้างหรือไงนะ? ทหารอิรัคนี่โง่จริงๆ ที่คิดจะเลิกเป็นขี้ข้าอเมริกา และคิดจะถ่วงดุลอำนาจด้วยการหันไปคบกับรัสเซียและสั่งซื้ออาวุธหนักจากรัสเซียด้วย ถถถถถถ! - ผู้แปล]

    "การทำสัญญาที่มีนัยสำคัญสำหรับรถถัง T-90 กลุ่มใหญ่ ได้มีการลงนามร่วมกันระหว่างกรุงแบกแดดกลับบริษัท Uralvagonzavod ผู้ผลิต (T-90)" นาย Vladimir Kozhin คนสนิทประธานาธิบดีของรัสเซียเกี่ยวกับความร่วมมือทางเทคนิคด้านการทหารกล่าวกับหนังสือพิมพ์ Izvestiya ของรัสเซีย

    "ผมไม่สามารถเปิดเผยราคาที่ชัดเจน [ของสัญญาซื้อขายรถถัง] ในครั้งนี้ได้ แต่จำนวน [ของรถถัง] เป็นรูปธรรม" นาย Kozhin กล่าว

    ก่อนหน้านี้บริษัท Uralvagonzavod ได้เปิดเผยว่าจะมีการส่งมอบรถถัง T-90S/SK จำนวน 73 คันไปให้อิรัคภายในปีนี้ รายงานประจำปี 2016 ที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมโดยบริษัทผู้ผลิตได้พูดถึงสัญญาฉบับหนึ่งกับ "ลูกค้าต่างประเทศหมายเลข 368" ซึ่งก็คือ "อิรัค" ว่าจะสำเร็จในปี 2017

    "T-90S" เป็นชื่อรุ่นของรถถังเสริมเกราะเวอร์ชั่นสำหรับส่งออก ส่วนรุ่นที่มีตัวย่อ "SK" (T-90SK) เป็นรุ่นของหน่วยบัญชาการสำหรับเวอร์ชั่นส่งออกเช่นกัน

    ตามรายงานของ Izvestiya นั้นระบุว่า หลังการส่งออกรถถัง T-90 จำนวน 70 คันแล้ว จะมีการส่งมอบออกจำนวนมาก การขายรถถังหุ้มเกราะ (รุ่นนี้) อาจจะมีจำนวน "หลายร้อยคัน" และมีมูลค่ามากว่า $1,000 ล้าน

    ทางการรัสเซียปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ อิรัคได้ตัดสินในสั่งซื้อยุทโธปกรณ์หนักของรัสเซีย หลังประจักษ์ความสำเร็จในการใช้งานรถถังรุ่นนี้ในซีเรีย หนังสือพิมพ์กล่าว

    "การตัดสินใจทั้งหมดของพวกเราเกี่ยวกับการส่งมอบอาวุธให้กับตลาดภายนอกนั้น อยู่บนพื้นฐานของสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันนี้ในหลายภูมิภาค - เพื่อป้องกันความไม่สมดุลใดๆและหลีกเลี่ยงการขยายความตึงเครียด ในทางกลับกัน อาวุธของพวกเราจะต้องถูกนำไปใช้เพื่อจำกัดขอบเขตความขัดแย้งตั้งแต่ระยะแรกๆ" ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียกล่าว

    Kozhin กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Izvestiya ว่าคูเวตก็สนใจที่จัดซื้อรถถัง T-90 เช่นกัน

    [ปัจจุบันนี้รถถังตัวท็อปสุดรองจาก T-14 Armata (ซึ่งเป็นตัวใหม่ล่าสุดและทันสมัยที่สุดของรัสเซียและทันสมัยที่สุดในโลกก็ว่าได้) ก็คือ T-90AM / T-90MS เสริมเกราะ Relikt ป้องกันการถูกโจมตีจากจรวด RPG และจรวดประเภทต่อต้านรถถัง รุ่นที่กองทัพรัสเซียใช้ก็คือ T-90MS และมอบให้กองทัพซีเรียใช้หลายคันเพื่อปราบปรามพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสในสงครามซีเรียด้วย กลุ่มก่อการร้ายและพวกกบฏซีเรียเคยยิงจรวด TOW ต่อต้านรถถังซึ่งผลิตโดยสหรัฐใส่ T-90MS ในซีเรียมาแล้ว แต่ไม่สามารถทำลาย T-90MS ได้ นั่นคือความประทับใจของอิรัคที่มีต่อรถถังรุ่นนี้

    ปัจจุบันนี้ กองทัพอิรัคใช้รถถัง M1A1 Abrams ของค่ายสหรัฐเหมือนกับกองทัพซาอุดิอาระเบีย แต่ทั้งจากสงครามในอิรัคและในเยเมน พบว่ารถถัง M1A1 Abrams ของสหรัฐกลับถูกพวกไอซิส (ในอิรัค) และนักรบฮูติ (ในเยเมน) ทำลายทิ้งได้อย่างง่ายดาย ด้วยจรวด RPG บ้าง ด้วยจรวด Anti-tank แบบประทับบ่าบ้าง จึงไม่แปลกในที่นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่กองทัพอิรัคหันมาสั่งซื้อรถถังจากรัสเซีย ไม่แน่ลึกๆแล้วอาจจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้อิรัคเพื่อผลิต T-90 เองในอนาคตด้วยก็ได้ เพราะว่าสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก

    ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าอิหร่านเองก็แสดงความสนใจว่าอยากจะได้เทคโนโลยี T-90 ของรัสเซียเช่นกัน ต่อมาพบว่าอิหร่านสามารถผลิตรถถัง Karrar Tank ของตนเองได้แล้ว หน้าตาเหมือน T-90 ของรัสเซียเป๊ะ สาเหตุหนึ่งที่รัสเซียยอมปล่อยเทคโนโลยีตัวนี้ ก็คงจะเป็นเพราะว่าขณะนี้รัสเซียสามารถผลิตรถถังที่เจ๋งกว่า T-90 ได้แล้ว ซึ่งก็คือ T-14 Armata นั่นเอง หลักการเดียวกันนี้ เมื่อรัสเซียผลิตขีปนาวุธ S-400 ได้แล้ว ถึงจะขาย S-300 ให้ต่างประเทศ และเมื่อผลิต S-500 แล้วได้ ถึงจะยอมขาย S-400 ให้ต่างประเทศ กรณีของเครื่องบินรบก็เช่นกัน - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    20/07/2560
    -----------
    https://www.rt.com/news/396879-russian-tanks-iraq-contract/
    https://en.wikipedia.org/wiki/T-90
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ตุรกีส่งกองทหารชุดที่หก ซึ่งเป็นทหารปืนใหญ่จำนวน 28 นายไปร่วมซ้อมรบในกรุงโดฮาประเทศกาตาร์ สำนักข่าว Anadolu ของรัฐบาลตุรกีรายงาน อ้างแหล่งข่าวจากกลาโหมตุรกี ขานี้ถ้าได้เข้าที่ไหนแล้วไม่ยอมออกง่ายๆนะครับ ก่อนหน้านี้ตุรกียืนยันว่าจะคงกองทัพของตนเองไว้ในกาตาร์ แม้ว่ากลุ่มรัฐอ่าวเปอร์เซียนำโดยซาอุดิอาระเบียจะเรียกร้องให้ถอนกองทัพออกไปก็ตาม
    -------------
    https://sputniknews.com/middleeast/201707201055711938-turkey-qatar-troop-military/
    https://sputniknews.com/middleeast/201707031055193828-turkey-troops-qatar/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    เอกอัครราชทูตอิรัคประจำอินเดียแถลงว่า อินเดียได้เสนอส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและด้านการทหารให้อิรัคเพื่อช่วยปราบพวกไอซิส มันส์หละสิคราวนี้
    -------------
    https://sputniknews.com/asia/201707201055712505-india-iraq-military-assistance/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Jeerachart Jongsomchai


    ... “จีน ยืนข้างรัสเซีย หนุน อัลอัซสาดรัฐบาลซีเรีย เปิดหน้าชก จัดหนักเต็มที่”

    ... “จีน” นั่น ในอดีตมีนโยบายไม่ยุ่งเรื่องตะวันออกกลางได้อยู่หลังฉากในสงครามซีเรียมานาน จนกระทั่งปี 2015 ที่ “รัสเซีย” ต้องเข้ามาร่วมช่วยเหลือ “ซีเรีย” อย่างเต็มตัวเพื่อจะรักษาเมืองฐานทัพทางทะเลแห่งสุดท้ายในย่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและตะวันออกกลางเอาไว้ จากอิทธิพลอีแร้งและสมุน หลังจากเสียลิเบียแบบไม่ได้ช่วยเหลืออะไรไปก่อนหน้า

    ... มาวันนี้ “จีน” ออกตัวเผยหน้าและกายเต็มที่ในการที่จะช่วยเหลือ “รัสเซีย” ทางการทหาร โดยจะส่งความช่วยเหลือในด้านมนุษยชน ที่ปรึกษาทางหารทหาร และอื่นๆ ไปช่วยฝ่ายรัฐบาลของนายอัลอัสซาดอย่างเต็มที่ และในขณะเดียวกันก็พยายามจะเข้ามาไกล่เกลี่ยสงครามกลางเมืองที่ฝ่ายอีแร้งและสมุนสร้างขึ้นมาเพื่อจะครอบครองอิทธิพลในดินแดนทางพลังงานน้ำมันมาตลอด

    ... นาย Guan Youfei, ผู้อำนวยการของหน่วยงานความร่วมมือทหารระหว่างประเทศของจีน ได้เดินทางไปเยือนดามัสกัส เมืองหลวงของ ซีเรีย เมื่อต้นเดือนเมษายน 2017 ที่ผ่านมา เพื่อจะเข้าไปปรึกษาหารือกับนาย Fahad Jassim al-Freij, รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเจ้าบ้าน ในการที่จะเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลซีเรียในสงครามกลางเมืองในหลายๆด้าน โดยมีเป้าหมายหลักให้ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางการทหารระหว่างกันเข้มแข็งมากขึ้น รวมทั้งด้านมนุษยชนด้วย

    ... จริงๆก่อนหน้านี้ ปีที่แล้ว 2016 ก็มีข่าวลือออกมาว่าจีนได้ส่งเจ้าหน้าที่ทางการทหารไปช่วยซีเรียบ้างแล้ว แต่ว่าไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ครั้งหนี้เปิดตัวเปิดหน้าท้าชกอย่างชัดเจนแล้วว่า “ผู้เล่น” ใน “สงครามซีเรีย” ดินแดนแห่ง “ทางสามแพร่ง” ที่สำคัญเชื่อมระหว่าง เอเชีย อาฟริกาและยุโรป รวมทั้งเป็นดินแดนทางผ่านของ “เส้นทางสายพลังงานน้ำมันแก็ส” นั้น จะมีจีนเข้ามาร่วมด้วยอย่างเต็มตัว หลังจากปล่อยให้ “รัสเซีย” เล่นคนเดียวมานาน

    ... เพราะว่าความเคลื่อนไหวของหัวหน้าปีศาจสงคราม หลังนาย “ทรัมป์” ได้เดินทางไปขายอาวุธล็อตใหม่ให้ ซาอุด ก็มีการออก “กฏหมายเรื่องการต่อต้านรัสเซียและอิหร่าน” ผ่านสภาคองเกรซปีศาจแล้ว และจะตามมาด้วยมาตรการรูปอธรรมออกมาด้วย เช่น ล่าสุดอเมริกาออกข่าวแล้วว่าจะแซงชั่นอิหร่านอีกรอบ หลังได้เงินค่าขายอาวุธให้ซาอุด รวมทั้งระเบิดในอิหร่านและยิงโทมาฮอว์กใส่ซีเรีย งานนี้อีแร้งมาเต็มตัวชุดใหม่จัดเต็ม “จีน” เห็นแบบนี้คงปล่อยให้ “รัสเซีย” สู้อยู่คนเดียวเดียวดายไม่ได้อย่างแน่นอน

    ... ซึ่ง ณ วันนี้ก็เป็นอันว่า มหาอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ทั้งห้า ก็เข้ามาร่วมสงครามในตะวันออกกลางอย่างเต็มตัวแล้ว ทั้ง “อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส” ( รวมทั้ง เยอรมัน ซาอุด อิสราเอล ยูเออี ) กับอีกฝ่าย ที่นำโดย “รัสเซีย จีน” ( อิหร่าน ซีเรีย )

    ... ตามตำนานของศาสนาอิสลามนั้น “สงครามโลกครั้งสุดท้าย” จะเกิดขึ้นในดินแดนชาม หรือ ซีเรีย ( จอร์แดน เลบานอน ) แห่งนี้ พร้อมกับการกลับมาของนบีอีซาหรือพระเยซูและอิหม่ามมะหะดีห์ เพื่อจะมาล้างโลกและกำจัดพวกดัจยาญ ขณะที่คำสอนศาสนาคริสต์ก็กล่าวว่า “วันล้างโลก หรืออมาเก็ดดอน” นั้นพระเยซูจะมาเกิดใหม่ และล้างคนชั่วให้หมดไป ขณะที่ศาสนาพุทธก็บอกว่าประมาณกึ่งพุทธกาล พระศรีอารีย์จะมาปัดเป่าช่วยเหลือคนดีจากคนไม่ดี ซึ่งก็ประมาณหลังจากปี 2,500 จาก 5,000 ปีของอายุพุทธกาล

    ... ประเทศอื่นรอบนอกทั่วโลกก็ต้องได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

    .

    .
    http://newslog.cyberjournal.org/chi...l-provide-aid-and-military-training-to-assad/
    http://endtimeheadlines.org/2016/08...l-provide-aid-and-military-training-to-assad/

    .
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    tnews_1500555070_7299.jpg
    งานเข้าสหรัฐฯแล้ว!! สื่อตุรกี แสบ เปิดข้อมูล “ฐานทัพลับ 10 แห่ง” สหรัฐฯ ระบุพิกัดชัด พร้อมกับสรรพกำลัง และอาวุธ ทำ “เพนตากอน” ฉุนจัด Publisher : 2017-07-20 19:51:10

    ฐานทัพลับ ทั้ง 10 แห่งนั้น แบ่งเป็นฐานทัพอากาศ 2 แห่ง และฐานประจำการอีก 8 แห่ง นอกจากสื่อของตุรกี จะระบุพิกัดของฐานทัพทั้งหมดแล้ว ยังได้ระบุถึง จำนวนเจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงสรรพกำลังของอาวุธที่อยู่ในฐานทัพแต่ละแห่งอีกด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทางการสหรัฐฯ ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน

    DFG8cM2XgAEE-K0.jpg

    สำนักข่าวอนาโดลู ของตุรกี ได้ทำการรายงานข่าว เกี่ยวกับรายละเอียดของฐานทัพสหรัฐฯ ถึง 10 แห่ง ที่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศซีเรีย ซึ่งฐานทัพทั้ง 10 แห่งนี้เป็นฐานทัพและฐานปฎิบัติการลับทางทหาร ของสหรัฐฯ ที่ จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการของพรรคประชาธิปไตยชาวเคิร์ด (วายพีดี) และ กองกำลังป้องกันตนเองชาวเคิร์ด (วายพีจี) ซึ่งรัฐบาลตุรกี ได้ขึ้นบัญชีดำทั้งสองกลุ่มเป็นกลุ่มก่อการร้ายและเป็นเครือข่ายของพรรคคนงานเคอร์ดิสสถาน (พีเคเค) ที่สู้รบกับกองทัพตุรกีมานานกว่า 30 ปี

    ทั้งนี้ฐานทัพลับ ทั้ง 10 แห่งนั้น แบ่งเป็นฐานทัพอากาศ 2 แห่ง และฐานประจำการอีก 8 แห่ง นอกจากสื่อของตุรกี จะระบุพิกัดของฐานทัพทั้งหมดแล้ว ยังได้ระบุถึง จำนวนเจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงสรรพกำลังของอาวุธที่อยู่ในฐานทัพแต่ละแห่งอีกด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทางการสหรัฐฯ ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน

    ซึ่งแน่นอนว่าการออกมาเปิดเผยข้อมูลลับครั้งนี้ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับทางด้านสหรัฐฯ เป็นอย่างยิ่ง โดยทางด้านกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ แสดงความไม่พอใจ เป็นอย่างมากต่อการนำเสนอข้อมูลของสำนักข่าวอนาโดลู ซึ่งทางด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โดย พ.ต.เอเดรียน แรนไคน์แกลโลเวย์ บอกว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อทหารและกองกำลังพันธมิตรที่ต้องพบกับอันตรายมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ทางการสหรัฐฯ ยอมรับว่า ไม่ทราบว่าสื่อของทางการตุรกีนั้นได้รับข้อมูลดังกล่าวมาจากบุคคลใด ได้แต่คาดหวังว่า จะไม่ได้มาจากพันธมิตรที่เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ ได้ร่วมมือกันทางทหาร และเบื้องต้นมีรายงานข่าวว่าทางสหรัฐฯ ได้แสดงความวิตกกังวลสูงยิ่งไปยังทางด้านรัฐบาลตุรกีแล้ว

    http://m.tnews.co.th/contents/y/339190
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • logo_tnews_2016.png
      logo_tnews_2016.png
      ขนาดไฟล์:
      17.8 KB
      เปิดดู:
      44
    • list2.png
      list2.png
      ขนาดไฟล์:
      3.7 KB
      เปิดดู:
      34
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สำนักจุฬาฯ ขอทุกมัสยิดร่วมดุอาเพื่อมัสยิดอักซอ หลังไซออนิสต์ปิดกั้นไม่ให้มุสลิมเข้าละหมาด โดย กองบรรณาธิการ - 20 กรกฎาคม 2017

    137456306418276743101.jpg
    สำนักจุฬาราชมนตรี ขอเชิญทุกมัสยิดร่วมดุอาเพื่อมัสยิดอักซอ หลังถูกไซออนิสต์ปิดล้อมและติดตั้งประตูไฟฟ้าตรวจสอบคนเข้าไปละหมาด

    สืบเนื่องจากรัฐเถื่อนไซออนิสต์ได้ละเมิดสิทธิของมัสยิดอัลอักซอ ด้วยการปิดประตูมัสยิดเพื่อมิให้มุสลิมเข้าไปละหมาด ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 14 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา และตอนนี้ทางการไซออนิสต์ได้ติดตั้งประตูไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบทุกคนที่จะเข้าไปละหมาดในมัสยิดอัลอักซอ

    ด้วยเหตุนี้ทางสำนักจุฬาราชมนตรี โดยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีจึงได้ออกหนังสือลงวันที่ 20 ก.ค. ไปยังประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศให้แจ้งอีหม่ามในสังกัดรณรงค์เชิญชวนให้ชาวมุสลิมร่วมกันละหมาดฮายัติ หรือดุอา (ขอพร) จากอัลเลาะห์ให้ทรงปลดปล่อยมัสยิดอัลอักซอจากน้ำมือผู้รุกราน

    20155967_1555036584567853_3993451509827120326_n.jpg

    http://www.publicpostonline.net/14765
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัฐบาลตุรกีปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยตำแหน่งของฐานทัพเถื่อนของขุนโจรอเมริกันในซีเรีย ซึ่งเผยแพร่โดยสื่อของรัฐบาลกรุงอังการา หลังสหรัฐโวยวาย ฮิ้วววว

    FB_IMG_1500610289698.jpg

    ----------
    วันที่ 20 ก.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "รัฐบาลตุรกีไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเผยแพร่ตำแหน่งของฐานทัพสหรัฐในซีเรีย - เจ้าหน้าที่กล่าว" (Turkish govt not behind publication of US base locations in Syria – official)
    นาย Ibrahim Kalin โฆษกประจำตัวประธานาธิบดีแอร์โดกันของตุรกีกล่าวว่า รัฐบาลกรุงอังการาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว Anadolu ของรัฐบาลตุรกี ซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลลับของฐานทัพสหรัฐหลายแห่งในซีเรีย หลังเพนตากอน (กลาโหมสหรัฐ) โวยวายว่า ตุรกีทำให้กองทัพสหรัฐ "ตกอยู่ในอันตราย" สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน

    FB_IMG_1500610293792.jpg

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาสำนักข่าว Anadolu ได้เปิดเผยตำแหน่งที่สำคัญรวมทั้งข้อมูลอย่างละเอียดและจำนวนของทหารยุทโธปกรณ์และขั้นตอนการปฏิบัติภารกิจของกองทัพสหรัฐ 10 จุดในจังหวัด Aleppo, Hasakah และ Raqqa ในประเทศซีเรีย

    FB_IMG_1500610297210.jpg

    ก่อนหน้านี้ตำแหน่งต่างๆของฐานทัพสหรัฐส่วนมากไม่ได้รับการเปิดเผย หรือมีพูดถึงบ้างจากรายงานภายนอกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งของฐานทัพสหรัฐทั้งหมดในซีเรียอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาวเคิร์ดซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ แต่ทางรัฐบาลตุรกีพิจารณาว่าพวกกบฏเคิร์ดเป็น "ผู้ก่อการร้าย"
    แต่รายงานของสำนักข่าว Anadolu ไม่ได้อ้างแหล่งข่าวที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลที่นำเสนอ นาย Levent Tok ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวของ Anadolu ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ของสหรัฐว่า เรื่องนี้ไม่ได้มาจากข้อมูลรั่วไหลใดๆทั้งนั้น
    และกล่าวว่า ข้อมูลเกี่ยวกับฐานทัพ (เถื่อน) ของสหรัฐในซีเรียเป็นผลมาจากงานภาคสนามโดยบรรดาผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวแห่งนี้ และอยู่บนพื้นฐานของรายละเอียดที่เผยแพร่โดยพวกนักรบชาวเคิร์ดในโซเชียลมีเดีย
    "กรุงวอชิิงตันควรจะคำนึงถึงเรื่องนี้ให้ดีก่อนที่จะร่วมมือกับองค์กรก่อการร้าย" ผู้สื่อข่าวตุรกีกล่าว อ้างคำพูดโดยสำนักข่าว Bloomberg
    ในการตอบโต้ต่อรายงานฉบับนี้ กองบัญชาการกลางของสหรัฐได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RT ของรัสเซียว่า "สหรัฐรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง (ที่ถูกพวกเดียวกันล้วงตับ?) ว่าบรรดาเจ้าหน้าที่จากพันธมิตรนาโต้ด้วยกันอาจจะมีเจตนาทำให้กองทัพของพวกเราตกอยู่ในอันตรายโดยการเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนนี้หรือไม่"
    วันที่ 19 ก.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "ช่วยเหลือศัตรูนี่หว่า: สหรัฐโกรธมากหลังจากสื่อตุรกีเปิดเผยตำแหน่งของฐานทัพ (เถื่อน) ของอเมริกันในซีเรีย" (‘Helping the enemy’: US angry after Turkish media reveals American base locations in Syria)
    [เสรีภาพของสื่อมวลชนครับท่าน! ท่องไว้ ตอนแฉเรื่องของชาวบ้าน สหรัฐก็อ้างเรื่องเสรีภาพอยู่บ่อยๆไม่ใช่รึ? พอโดนเข้ากับตัวเองบ้าง ทำเป็นงอแงรับไม่ได้ซะงั้น
    งานนี้ดูเหมือนว่าตุรกีจะเล่นตำราเดียวกันกับกาตาร์ สื่อรัฐบาลกาตาร์เผยแพร่ข่าวโจมตีและกล่าวหาฝ่ายซาอุดิอาระเบีย จากนั้นก็ออกมาแก้ตัวว่า "ถูกแฮ็ก" ส่วนตุรกีก็ดัดแปลงนิดหน่อย ให้สื่อรัฐบาลของตนเองเปิดเผยตำแหน่งและรายละเอียดเกี่ยวกับฐานทัพเถื่อนของสหรัฐในซีเรีย พอสหรัฐโวยวาย รัฐบาลตุรกีก็แถว่า "หนูเปล่านะ!" - ผู้แปล]
    ป.ล. ขณะนี้ทหารตุรกีร่วมกับพวก FSA กบฏซีเรียสายตุรกีกับปะทะกันอย่างหนักกับกองกำลังชาวเคิร์ดลูกสมุนของสหรัฐในพื้นที่ทางภาคเหนือของซีเรีย ต่างฝ่ายต่างก็เสริมอาวุธและกำลังพลให้กับกองทัพตัวแทนของตนเองในพื้นที่ ส่วนพวกกบฏซเรียและผู้ก่อการร้ายแก๊งอัลเคด้า ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อจาก "อัลนุสราฟร้อนท์" เป็น "Ha’yat Tahrir al-Sham (HTS)" (โปรตุรกี) ก็ปะทะกับแก๊ง "Ahrar al-Sham" (โปรซาอุดิอาระเบีย) ในพื้นที่จังหวัด Idlib เพื่อแย่งชิงพื้นที่ สำนักข่าว AMN รายงาน
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    21/07/2560
    -----------
    https://www.rt.com/news/396971-erdogan-spokesman-us-bases-report/
    https://www.rt.com/news/396833-turkey-us-bases-syria/
    http://anadoluagency.com/en/middle-east/us-speeds-up-military-aid-to-pkk-pyd/864331
    http://aa.com.tr/en/americas/us-increases-military-posts-supporting-pkk-pyd-in-syria/863895
    http://www.thedailybeast.com/turkey-leaks-secret-locations-of-us-troops-in-syria
    https://www.bloomberg.com/news/arti...-s-positions-in-syria-seen-endangering-troops
    http://www.militarytimes.com/articl...previously-unknown-us-bases-in-northern-syria
    https://www.buzzfeed.com/johnhudson...f-us-troops-in?utm_term=.tv3EA7Z4E#.semk0GjLk
    http://www.zerohedge.com/news/2017-07-19/pentagon-furious-after-turkey-leaks-us-base-locations-syria
    http://www.france24.com/en/20170720-turkey-usa-military-leaks-french-troops-syria
    https://www.almasdarnews.com/article/hts-coalition-loses-major-islamist-faction-ahrar-al-sham/
    https://www.almasdarnews.com/article/nationwide-map-syria-july-20-2017/
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ปูตินพ่อหม้ายเนื้อหอมโดนสาวนักท่องเที่ยวแอบหอมแก้ม
    --------------

    หลังจากเดินออกจากบ้านพักของนาง Lyudmila Alekseeva นักประวัติศาตร์และนักสิทธิมนุษยชนชาวรัสเซียในกรุงมอสโค ก็พบกับฝูงชนที่รวมกันอยู่ด้านนอก ปูตินบอกให้บอดี้การ์ดใจเย็นๆ และก็เดินตรงไปทักทายประชาชน จากนั้นก็จับมือกับนักท่องเที่ยวหญิงคนหนึ่งปูตินโน้มตัวเข้าไปกอด ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็จูจุ๊บปูตินไปหนึ่งฟอดพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความประทับใจ (วันที่ 20 ก.ค. 60 )
    ----------

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทรัมป์ลั่น!!! ชัดเจนจะรื้อมัสยิดอัลอักซอ แล้วสร้างวิหารขึ้นแทน....10 พย. 59
    ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนั้ล ทรัมป์ ประกาศชัดเจนว่าจะทำลายมัสยิดอัลอักซอแล้วสร้างวิหารขึ้นให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประกาศสงครามศาสนาอย่างชัดเจน ทำไมต้องเป็นอัลกุดส์(มัสยิดอักซอ) เพื่อสร้างมหาวิหารไว้รอต้อนรับการมาของ "ดัจญาล"
    มัสยิดอักซอ(ตัวอาคารโดมสีเทา) ที่ยิวอ้างว่าในอดีตเป็นสถานที่ตั้งของวิหารโซโลมอน(นบีสุไลมาน)นั้น อักซอในประวัติศาสตร์ คือกิบลัต(ชุมทิศ ที่มุสลิมหันหน้าไปยามละหมาดและขอพรดุอา)ในอิสลาม ในตอนแรกเวลามุสลิมจะละหมาดจะต้องผินหน้ามายังบัยตุลมักดิส(เยรูซาเล็ม)ทุกครั้ง จนมีโองการจากอัลลอฮให้มุสลิมทำละหมาดหันไปทางวิหารกะบะฮ์ ที่มหานครมักกะฮ์แทน
    มัสยิดอักซอเป็นหนึ่งในสามมัสยิดที่มีความสำคัญของศาสนาอิสลาม รองจาก สถานที่ตั้งของวิหารกะบะฮ์ มัสยิดฮารอม ที่มหานครมักกะฮ์ และมัสยิดนาบาวีย์ นครมาดีนะฮ์ มัสยิดที่สร้างโดยศาสดามุฮัมมัด มีบางรายงานทางประวัติศาสตร์ ระบุว่าบุคคลแรกที่เริ่มสร้างมัสยิดอักซอ คือท่านนบียะกู๊บ(ยาคอบ) อะลัยฮิสลาม (หลังจากที่ท่านนบีอิบรอฮีม(อับราฮัม) ได้สร้างมัสยิดฮารอม ที่มหานครมักกะฮ์(เมกกะ) ขึ้นมาก่อนแล้ว ประมาณ 40 ปี) ต่อมาได้รับการบูรณะอีกครั้งหนึ่งในสมัยท่านนบีดาวูด(กษัตริย์เดวิด) อะลัยฮิสลาม ลูกของท่านนบีสุไลมาน(โซโลมอน)อะลัยฮิสลาม จึงนับได้ว่ามัสยิดอักซอ เป็นมัสยิดแห่งที่สองของโลกรองจากมัสยิดฮารอม สถานที่ตั้งของวิหารกะบะฮ์
    ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดมีชีวิตอยู่ มหาอำนาจในขณะนั้นคืออาณาจักรไบแซนไทน์ คือพวกโรมันที่เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียน โดยจักรพรรดิ์โรมันชื่อ จัสติเนี่ยน (Justinian) ได้ตั้งศูนยืกลางอาณาจักรที่คอนสแตนติโนเปิล หรืออิสตันบูลในปัจจุบัน เรียกว่าโรมันตะวันออก ส่วนโรมันที่โรม ก็เป็นอาณาจักรโรมันตะวันตกที่กำลังล่มสลาย คู่แข่งของไบแซนไทน์ที่กำลังอ่อนแรงลงคือ อาณาจักรเปอร์เซีย
    เยรูซาเล็ม และเมืองสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระเยซู หลายเมืองในยุคของท่านศาสนทูตมูฮัมมัด อยู่ใต้การปกครองของพวกไบแซนไทน์ ครั้งที่ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดยังมีชีวิตอยู่ท่านได้เจรจาปรองดองกับไบแซนไทน์ และหวังว่าพวกไบแซนไทน์จะรับอิสลาม แต่ในที่สุดหลังจากท่านศาสนทูตสิ้นชีวิตลง ในช่วงเวลาต่อมากองทัพฝ่ายอิสลามก็มีชัยชนะเหนือไบแซนไทน์ในดินแดนปาเลสไตน์ เยรูซาเล็มตกเป็นของอาณาจักรอิสลามที่ขยายอำนาจขึ้นอย่างรวดเร็ว
    เยรูซาเล็มถูกพิชิตโดยกาหลิบหรือคอลีฟะห์อุมัร อิบนุ คอตฏอบ กาหลิบคนที่ 2 ไม่มีพบหลักฐานแน่ชัดว่าหลังจากพิชิตเยรูซาเล็มได้แล้ว ท่านกาหลิบอุมัร ได้ก่อสร้างมัสยิดอัล-อักศอ ไว้อย่างไร แต่นักโบราณคดีคาดว่ามัสยิดอักศอ ที่พบหลักฐานน่าจะเป็นมัสยิดที่มีความจุถึง 3,000 คน โดยตำแหน่งที่ตั้งเดิมน่าจะอยู่ตรงมุมใดมุมหนึ่งบน The Temple Mount และผู้สร้างน่าจะเป็นมุอาวิยะห์ที่ 1 กษัตริย์แห่งราชวงศ์มุอาวิยะห์ และต่อมาในปี ค.ศ. 690 ได้รับการบูรณะและขยายขนาดออกไปโดยกาหลิบ อับดุลมาลิก และสร้างอาคารวิหารโดมทองขึ้นมาอีกหลังหนึ่ง บางหลักฐานก็ว่าคนที่บูรณะและสร้างวิหารโดมทองเป็นลูกชายกาหลิบอับดุลมาลิก ชื่อ อัล-วาลิด
    ในปี ค.ศ. 742 วงศ์อุมัยยะห์ ก็ถูกโค่นล้มโดยตระกูลอับบาส ซึ่งเป็นญาติกันเอง ตระกูลอับบาสก่อตั้งราชวงศ์อับบาซิยะห์ หรือ Abbasid ก่อนหน้าวงศ์อับบาสิดขึ้นสู่อำนาจ 4 ปี ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงทำให้มัสยิดอัล-อักศอ ถูกทำลายลง กาหลิบคนที่ 2 แห่งราชวงศ์อับบาสซิด ชื่อ อบู ยะฟัร อัล-มันซูร บูรณะมัสยิดขึ้นมาใหม่ และสร้างประตูทางเข้าด้วยทองที่เรียกว่า Golden Gate การซ่อมบูรณะเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 771 ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งที่สองในปี ค.ศ. 774 คราวนี้นอกจากทำให้ส่วนที่บูรณะใหม่เสียหายแล้ว ยังทำให้มัสยิดส่วนทิศใต้เสียหายอีกด้วย
    มาถึงปี ค.ศ. 780 กาหลิบคนใหม่ขึ้นสู่อำนาจ มูฮัมมัด อัล-มะห์ดี สั่งให้ซ่อมบูรณะ แต่ให้ลดความยาวตัวอาคารและเพิ่มความกว้างมัสยิด มีการบันทึกไว้ว่า มัสยิดอักศอ “มี 15 โถงทางเข้า 15 ประตู” ปี ค.ศ. 1033 เกิดแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ก่อเกิดความเสียหาแก่มัสยิดอย่างรุนแรง ในเวลานั้นราชวงศ์จากอียิปต์มีอำนาจในอาณาจักรอิสลาม คือราชวงศ์ฟาติมียะห์ หรือฟาตีมีย์ กาหลิบชื่อ อลี อัซ-ซาฮีร์ บูรณะขึ้นมาใหม่ เสร็จสิ้นในปี 1036 ประตูเดิม 15 ช่อง ถูกลดลงเหลือ 7 ช่อง และเปลี่ยนหลังคาเป็นรูปจั่วทำด้วยไม้ เพื่อลดความเสียหายหากเกิดแผ่นดินไหวในคราวต่อไป
    ปี 1099 เยรูซาเล็มถูกกองทัพครูเสดยึดได้ พวกอัศวินครูเสดเปลี่ยนชื่อมัสยิดอัล-อักศอ เป็นวิหารโซโลมอน อีกครั้งหนึ่ง และใช้เป็นที่ทำการอัศวินเทมปร้า ในปี 1119 พวกครูเสดถือวิสาสะดัดแปลงอาคารเดิมโดยก่อผนังแบ่งพื้นที่เป็นโบสถ์คริสต์ ฝ่ายกองทัพอิสลามยึดเยรูซาเล็มคืนจากพวกครูเสดได้ในปี 1187 โดยซาราเซน หรือแม่ทัพ Salahuddin Al-Ayyoubi คราวนี้ฝ่ายมุสลิมก็ต้องทำการบูรณะเป็นการใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อราชวงศ์ของเติร์กคืออุสมานีย์ หรือออตโตมานเข้าครองอำนาจเหนืออาณาจักรอิสลามในปี 1517 พวกเติร์ก บูรณะไม่เพียงอัล-อักศอ แต่ได้สร้างพื้นที่โดยรอบใหม่ทั้งหมดรวมทั้งส่วนตกแต่ง เช่น ลานน้ำพุที่เรียกว่า Fountain of Pasha ที่สร้างขึ้นในปี 1527 สร้างสระน้ำ Pool of Raranj
    • วิหารโซโลมอนถูกสร้างขึ้นปี 958-951 ก่อนคริสต์ศักราช และถูกทำลายโดยชาวบาบิโลเนียนในปี 587
    • วิหารโซโลมอนที่สอง ถูกสร้างขึ้นในปี คศ 37-4 ก่อนคริสต์ศักราช และถูกทำลายโดยโรมันในปี ค.ศ. 70
    • โบสถ์เซนต์แมรี่ ถูกสร้างขึ้นในตำแหน่งเดียวกับวิหารที่ 2 โดยจักรพรรดิจัสติเนี่ยน แห่งไบแซนไทน์ ในปี ค.ศ. 560
    • ท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) เกิดปี ค.ศ. 572
    • โบสถ์เซนต์แมรี่ โดนเผาทำลายโดย จักรวรรดิแซดซานิดส์ แห่งเปอร์เซีย เมื่อปี ค.ศ. 614
    • เหตุการณ์อิสรอ มิอ์รอจ กล่าวว่าท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) เดินทางไป "มัสยิดที่ไกลที่สุด" โดยใช้เวลา 1 คืน ในปี ค.ศ. 622
    • ท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) เสียชีวิต ปี ค.ศ. 632 (อายุประมาณ 63 ปี)
    • โดมออฟร็อค ถูกสร้างโดย Amir Abd-ul-Malik ในปี ค.ศ. 688-691
    มัสยิดอัลอักซอถูกสร้างปี ค.ศ. 715
    http://news.muslimthaipost.com/news/27487
    ที่มา www.pageqq.com

    http://news.muslimthaipost.com/news/27487
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รายงานชี้ อิสราเอลพร้อมที่จะทำลายมัสยิดอัลอักซอ และสร้าง “โบสถ์แห่งที่สาม” โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ -21 สิงหาคม 2016

    421928af-5178-460d-8720-eaf976730e2d-696x392.jpg

    presstv – ทางการอิสราเอลกำลังเตรียมที่จะเปิดตัวโครงการที่จะรื้อถอนมัสยิดอัลอักซอ และการก่อสร้างโบสถ์ที่เรียกว่า “ศาสนาสถานแห่งที่สามของซาโลมอน (นบีสุไลมาน)”

    ศูนย์สื่อตะวันออกกลางอินเตอร์เนชั่นแนลและปาเลสไตน์เผยวันจันทร์ที่ผ่านมา (15 สิงหาคม) ได้เปิดเผยรายงานอ้างจากสื่อโทรทัศน์ของอิสราเอลว่า องค์กรและหน่วยงานต่างๆของกำลังรอการตัดสินใจของทางการเมืองของเทลอาวีฟที่จะเริ่มต้นการดำเนินโครงการ

    โทรทัศน์อิสราเอลรายงานโดยอ้างในวันครบรอบของการทำลายโบสถ์แห่งที่สองว่า หน่วยงานและองค์กรต่างๆของอิสราเอลกำลังรอการสร้างโบสถ์และศาสนสถานแห่งนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคการเมืองและประชาชน

    รายงานเผยว่า องค์กรอิสราเอลกำลังเตรียมที่จะรื้อถอนมัสยิดอัลอักซอและโดมทองในเยรูซาเล็มเพื่อจัดการวัสดุและการก่อสร้าง “โบสถ์แห่งที่สาม”

    ตามแผนการขององค์กรและหน่วยงานอิสราเอลนั้นโครงการดังกล่าวจะใช้เวลาสามปีในการสร้างโบสถ์แห่งนี้
    http://www.abnewstoday.com/7958
    เอบีนิวส์ทูเดย์
    http://www.abnewstoday.com
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    http://www.abnewstoday.com/7958
     

แชร์หน้านี้

Loading...