ติดตามสถานะการณ์

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกลาโหมเจรจากับกองทัพเกาหลีเหนือ และประกาศพร้อมให้การสนับสนุนด้านการทหาร หลังคิมน้อยประกาศเพิ่มการผลิตนุกและมิสไซล์



----------

1.) ความเคลื่อนไหวของรัสเซีย: ใส่เกียร์ห้าเดินหน้าสนับสนุนด้านการทหารแก่เกาหลีเหนือ

วันที่ 13 พ.ย.60 RT พาดหัวขาวว่า "คณะผู้แทนทางทาหรรัสเซียเดินทางไปถึงกรุงเปียงเพื่อการเจรจา" (Russian military delegation arrives in N. Korea, scouting any chance for dialogue)

คณะผู้แทนจากกระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้เดินทางไปถึงเมืองหลวงของเกาหลีเหนือ (วันที่ 13 ธันวาคม) เป็นการไปเยือนเกาหลีเหนือรอบที่สองโดยเจ้าหน้าที่ของรัสเซียภายใน 2 สัปดาห์ และกรุงวอชิงตันก็ประกาศว่าพร้อที่จะเจรจาโดยตรงกับกรุงเปียงยาง (โดยไม่กำหนดเงื่อนไขล่วงหน้า) ในขณะเดียวกันก็จัดฉากซ้อมรบป่วนคาบสมุทรเกาหลีอย่างต่อเนื่อง

คณะผู้แทนชุดนี้ของรัสเซียนำโดยนาย Viktor Kalganov รองผู้อำนวยการกองบัญชาการฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจในเกาหลีเหนือตามที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่วันอังคาร เจ้าหน้าที่ของรัสเซียจะอยู่ในกรุงเปียงยางไปจนถึงสุดสัปดาห์นี้

ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดจากคณะทูตจากกองทัพรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ได้มีการเปิดเผยข่าวการไปเยือนกรุงเปียงยางโดยคณะทูตของรัสเซียในเวลาไล่เลี่ยกับที่กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียแถลงว่า "กรุงมอสโคกำลังใช้ทุกโอกาสสำหรับการเจรจาโดยตรงกับเกาหลีเหนือ และจะเดินหน้าปฏิบัติเช่นนี้ต่อไป ซึ่งรวมทั้งการให้ความช่วยเหลือจากกระทรวงกลาโหมด้วย"

"เกาหลีเหนือเป็นเพื่อนบ้านของเรา เราจะต้องพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศนี้ การเจรจาทางการเมืองเป็นเรื่องทีสำคัญเป็นอย่างยิ่ง" นาย Sergey Ryabkov รมช. ต่างประเทศของรัสเซียกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธนี้

นาย Aleksandr Kanshin รองประธานสภาประชาชนแห่งกระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า "จุดมุ่งหมายของความพยายามทางการทหาร การเมือง และการทูตนั้นชัดเจนอยู่แล้ว: ทุกฝ่ายควรจะกลับเข้าสู่โต้ะเจรจากัน เพื่อผลักวาทกรรมยั่วยุและข่มขู่ทางทหาร และการแสดงออกซึ่งการใช้กำลัง"

นาย Aleksandr Kanshin ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ภารกิจเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโรดแมปที่นำเสนอโดยกรุงมอสโคและกรุงปักกิ่ง ซึ่งพยายามแสวงหาหนทางแก้ไขปัญหาต่อความตึงเครียดด้านอาวุธนิวเคลียร์ผ่านการเจรจากัน

2.) ความเคลื่อนไหวของฝ่ายสหรัฐ: รมว.ต่างประเทศสหรัฐประกาศพร้อมเจรจากับเกาหลีเหนือโดยไม่มีเงื่อนไย (พูดจริงหรือเปล่า?)

วันที่ 12 ธ.ค.60 RT รายงานว่า นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า ทุกอย่างที่อยู่ระหว่างการทูตโดยตรงกับเกาหลีเหนือเป็นความปรารถนาของสหรัฐ "เพื่อกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา" โดยต้องการที่จะสร้างตัวเลือกอื่น

"เราพร้อมที่จะคุยทุกเมื่อที่พวกเขาต้องการจะคุยด้วย เราพร้อมที่จะประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรกโดยปราศจากการกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้า มาคุยพบกันสิ" นายทิลเลอร์สันพูดเกี่ยวกับเกาหลีเหนือในตอนกลางวันของวันอังคารนี้ รมว.ต่างประเทศสหรัฐยังกล่าวอีกว่า สหรัฐได้รับประกันกับจีนว่า กองทัพสหรัฐอาจจะกลับเข้าไปในเกาหลีใต้ในภายหลัง หากพวกเขา (จีน) ข้ามเข้าไปในดินแดนของเกาหลีเหนือ

[ปัจจุบันนี้ มีกองทัพสหรัฐประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้อยู่แล้วประมาณ 30,000 นาย ยังไม่ย้ายและไม่ได้ถอนออกไปไหนเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่สหรัฐกับเล่นลิ้นว่าจะส่งกองทัพของตนเองเข้าไปในเกาหลีใต้อีกซะงั้น - ผู้แปล]

"ในขณะเดียวกัน การเตรียมพร้อมด้านการทหารของพวกเรานั้นเข้มแข็งมาก" นายทิลเลอร์สันโม้ และยืนยันถึงความมั่นใจในตนเองว่าจะป้องกันสงคราม ในขณะเดียวกันก็แสดงท่าทีสนับสนุน พล.อ. เจมส์ แม็ททิส รมว.กลาโหมของสหรัฐว่าการทำสงครามจะหยุดได้แล้ว [แต่ในขณะเดียวกันสหรัฐก็ส่งกองทัพไปซ้อมรบกวนตีนเกาหลีเหนือทุกวันนี่นะ? - ผู้แปล]

เป้าหมายของสหรัฐในภูมิภาคนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยเด็ดขาด นายทิลเลอร์สันประกาศอย่างชัดเจน "นโยบายของเราที่มีต่อ DPRK นั้นมีความชัดเจนอย่างแท้จริง และก็คือการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์และสามารถตรวจสอบได้"

วันที่ 13 ธ.ค. 60 BBC พาดหัวข่าวว่า "สหรัฐพร้อมที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือโดยไม่กำหนดเงื่อนไขล่วงหน้า ทิลเลอร์สันกล่าว" (US ready for North Korea talks without preconditions, says Tillerson)

[อย่าเข้าใจว่า สหรัฐจะไม่กำหนดเงื่อนไขล่วงหน้าสำหรับการเจรจากับเกาหลีเหนือ สิ่งที่เขาพยายามบอกก็คือ "เกาหลีเหนือจะต้องไม่ตั้งเงื่อนไขก่อนการเจรจา ไม่ใช่สหรัฐที่จะเป็นฝ่ายไม่ตั้งเงื่อนไข" เพราะว่านายเร็กซ์ ทิลเลอร์สันพูดอย่างชัดเจนเลยว่า "…และก็คือการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์และสามารถตรวจสอบได้" - ผู้แปล]

3.) ความกะล่อนปลิ้นปล้อนของสหรัฐ

หลังจากที่ รมว. กลาโหมของสหรัฐประกาศว่าพร้อมที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือโดยไม่ตั้งเงื่อนไขล่วงหน้า ในวันเดียวกันนี้ นาง Heather Nauert โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐก็แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า "การแสดงความคิดเห็นของนายทิลเลอร์สัน ไม่ใช่การประกาศเปลี่ยนนโยบายของสหรัฐ เกาหลีเหนือจะต้องระงับโครงการพัฒนาอาวุธของตนเองก่อนจะมีการเจรจาใดๆเกิดขึ้น แน่นอน และเราก็ยังไม่เห็นสิ่นั้นในตอนนี้เลย"

John Kiriakou ผู้เชี่ยวชาญจากสื่อของรัสเซียได้แสดงความคิดเห็นต่อความไม่อยู่กับร่องกับรอยของสหรัฐว่า "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศออกมาพูดบางอย่างเกี่ยวกับกาหลีเหนือ บางอย่างที่สำคัญทีเดียว และจากนั้นประธานาธิบดีก็กระโดดเข้ามา โดยปรกติแล้วก็ผ่านทวิตเตอร์ และพูดว่า 'เราจะไม่ทำอะไรแบบนั้น' มันเป็นเรื่องที่น่าขายหน้า มันเป็นการทำให้เรา (สหรัฐ) เสื่อมเสียเกียรติต่อบรรดาหุ้นส่วนต่างประเทศของเรา ขอพูดแบบตรงไปตรงมาเลยนะครับว่า ผมคิดว่ามันทำให้พวกเราเป็นประเทศที่อ่อนแอ"

4.) ก่อนที่สหรัฐจะประกาศปั่นหัวเกาหลีเหนือว่าพร้อมที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือ ทางเกาหลีเหนือก็จัดประชุมใหญ่คณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคแรงงาน รัฐบาล และกองทัพ โดยมีประธานาธิบดีคิม จอง-อึนเข้าร่วมการประชุมด้วย จากนั้นก็ประกาศในที่ประชุมว่า เกาหลีเหนือจะเดินหน้าผลิตอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธเพิ่มขึ้น และได้มีการมอบรางวัลเกียรติยศให้กับทีมพัฒนาขีปนาวุธ Hwasong-15 ด้วย และตามด้วยพาทัวร์สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในกรุงเปียงยาง จัดเลี้ยงอาหาร และชมคอนเสิร์ฉลองความสำเร็จของเกาหลีเหนือ

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
14/12/2560
-----------
https://www.rt.com/news/412981-russian-delegation-north-korea/

https://www.rt.com/news/412848-us-japan-drills-korea-moscow/
https://www.rt.com/usa/412915-tillerson-north-korea-preconditions/
https://www.rt.com/usa/413027-tillerson-north-korea-talks/
https://sputniknews.com/asia/201712141059982121-trump-tillerson-mixed-messages-north-korea-talks/
https://sputniknews.com/asia/201712141059980451-us-north-korea-sidelines-negotiations/
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&pagenum=&no=5514
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&pagenum=&no=5519
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&pagenum=&no=5517
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&pagenum=&no=5517
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/14/39/0401000000AEN20171214000351315F.html
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/14/30/0401000000AEN20171214001000315F.html
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/14/39/0401000000AEN20171214000351315F.html

 

ปอกเปลือก ทรราช
รุกฆาต! ปูตินเสนอร่างกฏหมายขยายทัพเรือรัสเซียในซีเรียต่อสภาผู้แทน อีกหนึ่งหลักประกันความมั่นคงให้กับซีเรีย



----------

วันที่ 13 พ.ย.60 RT พาดหัวขาวว่า "Putin drafts bill for expansion of Russian navy base in Syria"

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียได้เสนอร่างกฎหมายต่อสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับข้อตกลงในการเปลี่ยนสถานที่สำหรับเติมเชื้อเพลิงให้กับกองทัพเรือรัสเซียในที่ท่าเรือ Tartus ในซีเรียให้เป็น "ฐานทัพเรือเต็มตัว" ซึ่งทำให้เรือรบที่ใช้พลังงานนิเคลียร์เข้าไปเทียบท่าได้ด้วย

ข้อตกลงนี้อาจจะมีระยะเวลาประมาณ 49 ปี และจะอนุญาตให้กองทัพเรือรัสเซียเข้าถึงน่านน้ำอาณาเขตและท่าเรือต่างๆของสาธารณรัฐอาหรับซีเรียได้ด้วย การปรับปรุงท่าเรือ Tartus ใหม่ให้เป็นฐานทัพเรือจะสามารถรองรับเรือต่างๆได้พร้อมกันสูงสุดถึง 11 ลำ ซึ่งรวมทั้งเรือรบที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ด้วย (รองรับเรือรบทุกประเภทของรัสเซีย ซึ่งทั้งเรือดำน้ำสำหรับปล่อยขีปนาวุธข้ามทวีป และเรือรบผิวน้ำด้วย)

เอกสารเปิดเผยว่า ความร่วมมือทางการทหารและทางเทคนิคระหว่างรัสเซียและซีเรียมีลักษณะเป็นการป้องกันที่เข้มงวด และไม่ได้กำหนดเป้าหมายต่อประเทศใดๆทั้งนั้น

พล.ร.อ. Viktor Kravchenko อดีตประธานเสนาธิการกองทัพเรือรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าว Interfax ว่า การขยายฐานทัพเรือแห่งนี้จะช่วย "เพิ่มประสิทธิภาพต่างๆในการปฏิบัติการ" ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และตะวันออกกลางทั้งหมด ฐานทัพเรือที่ได้รับการพัฒนาแล้วจะมีสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดใหญ่กว่าในปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันนี้ใช้สำหรับเติมเชื้อเพลิงและสนับสนุนด้านเทคนิคให้กับเรือต่างๆเท่านั้น

"ควรจะยืดฐานทัพเรือออกไปบนเนื้อที่บนดินที่เหมาะสม พร้อมกับมีระบบรักษาความปลอดภัยและสิ่งปลูกสร้างด้านความมั่นคงที่จำเป็น ฐานทัพแห่งนี้จะสามารถรองรับเรือได้ทุกชนิด จนถึงเรือลาดตระเวนติดตั้งขีปนาวุธ (missile cruisers) ด้วย ให้สามารถส่งกำลังสนับสนุนได้ทุกอย่าง และมีสถานที่พักสำหรับลูกเรือด้วย" พล.ร.อ. Viktor Kravchenko กล่าว

ก่อนหน้านี้ Interfax ได้อ้างคำพูดของแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนาม โดยกล่าวว่า รัสเซียเตรียมจะสร้างโป๊ะเทียบเรือ เพิ่มอีกสองแห่งที่ท่าเรือ Tartus ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับเรือที่มีขนาดใหญ่ได้ รวมทั้งมีอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัยด้วย

นาย Dmitry Belik ส.ส. รัสเซียกล่าวกับสำนักข่าว RIA Novosti ว่า กลุ่มเรือรบของกองทัพเรือรัสเซียที่ปัจจุบันนี้ประจำการอยู่นอกชายฝั่งซีเรียมีอยู่ 10 ลำ ซึ่งรวมทั้งเรือสนับสนุนต่างๆด้วย

"เรือของรัสเซียที่อยู่ในแนวหน้าในทะเลนั้น ทำหน้าที่ต่อสู้ขบวนการก่อการร้ายสากล เราไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสจะพยายามปฏิบัติการภาคพื้นดิน ในสถานการณ์เช่นนั้น กองทัพเรือรัสเซียยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการป้องปราม นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเรือรบต่างๆถึงจะต้องยังคงประจำการอยู่ที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสู้รบที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง" Belik กล่าว

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้เดินทางไปเยือนฐานทัพอากาศ Khmeimim ของรัสเซียในจังหวัด Latakia (ซึ่งอยู่ห่างจากฐานทัพเรือ Tartus ขึ้นไปทางเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร อยู่ห่างจากชายทะเล 2.5 กิโลเมตร) และได้มีคำสั่งให้ถอนกำลังทหารรัสเซียบางส่วนออกจากซีเรีย หลังประกาศชัยชนะเหนือไอซิสในซีเรียก่อนหน้านี้

[ปัจจุบันนี้เครื่องบินรบของรัสเซียบางส่วนยังคงบินบอมบ์พวกไอซิสแกล้งตาย พวกอัลเคด้า และพวกกบฏซีเรียในพื้นที่จังหวัด Idlib อย่างต่อเนื่อง ที่น่าสนใจก็คือ ระบบป้องกันภัยทาอากาศและระบบป้องกันชายฝั่งที่รัสเซียจะนำเข้าไปติดตั้งที่ฐานทัพเรือแห่งนี้ในอนาคตด้วย

ในแง่ของเศรษฐกิจ ก็มีการสร้างงานให้กับประชาชนในพื้นที่ ในแง่ของความมั่นคงของซีเรียนั้นถือว่าสำคัญมาก เพราะว่าพวกแก๊งหมาหมู่ที่กำลังพากันพยายามรุมกินโต๊ะซีเรียในปัจจุบันนี้ก็จะเป็นไปไม่ได้อีก ถือว่าเป็นบอดี้การ์ดให้ซีเรียในช่วงที่กองทัพเรือของตนเองกำลังอ่อนแอ และในช่วงที่กำลังพัฒนากองทัพเรือของตนเองให้เข้มแข็งในอนาคตด้วย

ในแง่ของภูมิตรัฐศาสตร์นั้นถือว่าเป็นชัยภูมิที่สำคัญของรัสเซียในภูมิภาคนั้น และเป็นการสะกัดการขยายอิทธิพลของแก๊งนาโต้และพวกอาหรับแก๊งซาอุดิอาระเบีย และอิสราเอลด้วย เท่ากับว่าซีเรียมีเรือดำน้ำสำหรับปล่อยนุกไว้คุ้มกันประเทศตนเอง แม้ว่าจะยังไม่ได้ครอบครองอย่างเป็นทางการก็ตาม - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
14/12/2560
-----------
https://www.rt.com/politics/412950-putin-drafts-bill-seeking-expansion/
https://www.rt.com/politics/406105-foreign-citizens-serving-in-russian/
http://tass.com/defense/980640

 

ปอกเปลือก ทรราช
สหรัฐส่ง F-22 สองลำไปเกรียน Su-25 ของรัสเซียในซีเรียอีกครั้ง หวังล้างอายเหตุการณ์ครั้งก่อน แต่ก็ไม่วายถูก Su-35S ของรัสเซียย่องเงียบเตรียมสอยจากด้านหลังและไล่ตบกลางอากาศ และรีบเผ่นหนีตายอีกครั้ง



-----------

วันที่ 14 ธ.ค. 60 RT พาดหัวข่าวว่า "F-22 ของสหรัฐขัดขวาง Su-25 ของรัสเซียในขณะทำภารกิจคุ้มกันคอนวอยขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ - กห.แถลง" (US F-22 was hampering Russian Su-25 jets to provide cover for aid convoy – MoD)

ส่วน CNN พาดหัวข่าวว่า "F-22 ของสหรัฐสะกัดกั้นเครื่องบินรบของรัสเซียในซีเรีย ปล่อยเป้าหลอกเตือน" (US F-22s intercept Russian jets over Syria, fire warning flares) [เป็นปฏิบัติการกวนตีนอีกแบบหนึ่งโดยสหรัฐ - ผู้แปล]

สื่อรัสเซียรายงานว่า กระทรวงกลาโหมของรัสเซียแถลงว่า เครื่องบินรบ F-22 ลำหนึ่งของสหรัฐได้บินเข้าใกล้เครื่องบินรบ Su-25 สองลำของรัสเซีย และพยายามขัดขวาง Su-25 จากการปฏิบัติภารกิจคุ้มกันขบวนคอนวอยส่งสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมภาคพื้นดิน รัสเซียปฏิเสธรายงานที่กล่าวหาว่าเครื่องบินรบของรัสเซียบินข้ามฝั่งแม่น้ำยูเฟรติสไปยังฝั่งเหนือจึงถูกเครื่องบินรบของสหรัฐขับไล่

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันพุธนี้ ในพื้นที่ใกล้เมือง Mayadin (จังหวัด Deir ez-Zor ทางตะวันออกของซีเรีย) ในขณะที่เครื่องบินรบสนับสนุนการโจมตีจากทางอากาศในระยะใกล้ Su-25 ปฏิบัติภารกิจคุ้มกันขบวนรถขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าว เครื่องบินรบสเตลท์ (ล่องหน) F-22 Raptor ของสหรัฐลำหนึ่งก็ได้บินข้ามฟากแม่น้ำยูเฟรติส (จากฝั่งตะวันออกมายังฝั่งตะวันตก) และได้บินเข้าใกล้อากาศยาน (ของรัสเซีย) และได้ปล่อยเป้าหลอก (พลุไฟ) ข้างหน้าเครื่องบินรบ Su-25 ทั้งสองลำ

ส่วน CNN รายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่จากกองทัพสหรัฐว่า "เมื่อวันพุธนี้เครื่องบินรบสเตลท์ F-22 ของสหรัฐได้บินสะกัดกั้นอากาศยานของรัสเซียสองลำ หลังจากที่เครื่องบินรบของรัสเซียได้บินข้ามแม่น้ำยูเฟรติสในซีเรีย ซึ่งบินเข้าไปในฝั่งตะวันออกที่เป็นเส้นแบ่ง 'ลดความขัดแย้ง' (de-confliction line) ซึ่งสมมุติให้เป็นเส้นแบ่งระหว่างรัสเซียกับซีเรียในการปฏิบัติการทางอากาศเหนือน่านฟ้าซีเรีย"

"เครื่องบินรบ Su-25 ของรัสเซียลำหนึ่งได้บินเข้าใกล้เครื่องบินรบ F-22 ซึ่งจำเป็นต้อง แสดงการบินที่ผาดโผนมีลักษณะก้าวร้าว เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกันกลางอากาศ ในเหตุการณ์นี้ ก็มีเครื่องบินรบ Su-35 ของรัสเซียลำหนึ่ง ได้บินข้ามแม่น้ำ (จากฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออก) และถูกติดตามสะกดรอยอยู่ข้างหลังโดย F-22A อีกหนึ่งลำ" พ.อ.ท. Damien Pickart โฆษกกองบัญชาการกลางของกองทัพอากาศสหรัฐกล่าวกับ CNN

เจ้าหน้าที่จากกองทัพสหรัฐกล่าวอีกว่า ได้มีการเผชิญหน้ากัน (กลางอากาศระหว่างเครื่องบินรบของทั้งสองฝ่าย) เป็นเวลาประมาณ 40 นาที ก่อนที่อากาศยานของรัสเซียจะบินกลับไปยังฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ เจ้าหน้าที่สหรัฐโทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของรัสเซียผ่านส่วนด่วนลดความขัดแย้ง อ้างว่าเพื่อป้องกันการคำนวณที่ผิดพลาด CNN รายงาน

กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่าเครื่องบินรบ Su-35 ของรัสเซียลำหนึ่งซึ่งปฏิบัติภารกิจคุ้มกันเครื่องบินของรัสเซีย "ได้เข้าประชิด F-22 อย่างรวดเร็ว" จากด้านหลัง และจากนั้นเครื่องบินรบของสหรัฐก็หนีออกไปจากพื้นที่นั้น RT รายงาน

กระหรวงกลาโหมรัสเซียได้เน้นย้ำว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส (Euphrates River) และได้ปฏิเสธการรายงานของสื่อ (ตะวันตก) ที่กล่าวหาว่า เครื่องบินรบของรัสเซียบินไปปฏิบัติการในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ

"เครื่องบินรบ F-22 จำนวนสองลำได้บินเขัาใกล้เครื่องบินรบของรัสเซีย ดังนั้นเราจึงต้องใช้ช่องทางสำหรับลดความขัดแย้ง" กองบัญชาการกลาง (CENTCOM) ของกองทัพสหรัฐกล่าวกับสำนักข่าว Sputnik เมื่อวันพฤหัสบดีนี้

"มันเป็นบางอย่างที่ไม่ปรกติ... มันเกิดขึ้นวันละหลายครั้ง" เจ้าหน้าที่ (ของสหรัฐ) ได้ยืนยันว่า กองทัพของทั้งสองประเทศได้หารือกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

ส่วน Sputnik เปิดเผยแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า "วันที่ 13 ธันวาคม เครื่องบินรบสำหรับโจมตีภาคพื้นดินระยะใกล้ Su-25 ของรัสเซียจำนวนสองลำได้ปฏิบัติภารกิจคุ้มกันขบวนรถขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ใกล้เมืองมายาดิน (Mayadin) [ที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส] ที่ระดับความสูง 3,300 เมตร เครื่องบินรบ F-22 จำนวนสองลำของสหรัฐก็บินเข้ามาใกล้ (Su-25) จากฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ และได้ปล่อยเป้าหลอก (decoy flares) (ใส่ Su-25) F-22 ได้แทรกแซงการบินของ Su-25 ของรัสเซียทั้งสองลำ"

"เครื่องบินรบ Su-35 ของรัสเซียลำหนึ่งได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติภารกิจคุ้มกันทางอากาศที่ระดับความสูง 10,000 เมตร และโฉบเข้าใกล้ F-22 จากด้านหลังอย่างรวดเร็ว บีบให้อากาศยานของอเมริกันต้องเผ่นหนีจากพื้นที่"

เหตุการณ์ (Su-35S ของรัสเซียไล่บี้ F-22 ของสหรัฐ) เกิดขึ้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส

[เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ ก็เกิดเหตุการณ์ลักษนี้มาแล้วหนึ่งรอบ โดยเครื่องบินรบ F-22 ของสหรัฐลำหนึ่ง ได้บินไปกวนตีน Su-25 ของรัสเซียสองลำในขณะปฏิบัติภารกิจถล่มพวกพวกไอซิสที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส โดยสหัฐอ้างว่าเพื่อคุ้มกันให้กับพันธมิตรภาคพื้นดินของตนเองในพื้นที่ (ก็พวกไอซิสนะสิ?)

F-22 ของสหรัฐได้ปล่อยพลุไฟใส่ Su-25 และบินเข้าไปใกล้พร้อมกับทำแอร์เบรกใส่ Su-25 ด้วย จากนั้นก็แถลงว่าเพื่อป้องกันเหตุการณ์เครื่องบินชนกันกลางอากาส มันบินรี่เข้าไปหาคนอื่น แล้วก็เบรกเอี๊ยดดดดด กลางอากาศ และบอกว่าเพื่อป้องกันเครื่องบินชนกัน ก็ฟังดูสมเหตุผล แต่เป็นการกระทำและการแก้ตัวที่ "กวนส้นตีน" มากๆ

จากนั้นรัสเซียก็ส่งเครื่องบินรบ Su-35S (G4++) หนึ่งลำขึ้นบินไล่บี้ F-22 (G5) ของสหรัฐ F-22 รีบเผ่นหนีเข้าไปในน่านฟ้าของสหรัฐทันที เป็นข่าวที่ฮือฮาในสื่อทั่วโลกและในโซเชียลมีเดียมาก โดยเฉพาะสื่อฝั่งรัสเซีย ถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความอับอายขายขี้หน้าให้กับสุดยอดเครื่องบินรบที่ทันสมัยที่สุดของสหรัฐ ที่ถูกเครื่องบินรบรุ่นน้องไล่ตบกลางอากาศแบบนี้

คราวนี้สหรัฐคงจะขอแก้มือล้างอายอีกสักรอบ จึงส่ง F-22 มาสองลำ (ปรกติแล้ว F-22 จะไม่บินเดี่ยว) แต่รัสเซียมองว่าเพียงแค่ Su-35S ลำเดียวน่าจะรับมือได้ (ใจมันต่างกันครับ) และเพื่อแสดงให้เห็นว่ารัสเซียไม่ได้มีเจตนาที่จะทำยุทธเวหากับสหรัฐ

เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี้ จะเห็นได้ว่า การที่สหรัฐส่ง F-22 ถึงสองลำ ไปก่อกวน Su-25 ของรัสเซียสองลำ ซึ่ง F-22 เป็นเครื่องบินรบที่มีศักยภาพที่เหนือกว่า Su-25 มากในด้านการบินขับไล่ ครองน่านฟ้า และปฏิบัติการสู้รบในอากาศ แสดงให้เห็นว่าฝ่ายสหรัฐต้องการจะหาเรื่องและลองของฝ่ายรัสเซีย ซึ่งรู้อยู่แล้วว่า รัสเซียจะต้องส่ง Su-35 ขึ้นไป รัสเซียก็รู้อยู่แล้วว่ามี F-22 ของสหรัฐสองลำกำลังป่วน Su-25 อยู่ในพื้นที่ แต่ก็กลับส่ง Su-35 ขึ้นไปเพียงลำเดียวเท่านั้น

แผนการรบของสหรัฐก็คือ ใช้ F-22 ลำแรกเป็นเป้าให้กับ Su-35 ส่วน F-22 อีกลำประกบหลัง Su-35 (สรุปจากคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐตามที่สื่อสหรัฐเสนอข่าว) ในการรบระยะประชิด (Dogfight) ระหว่าง F-22 และ Su-35 นั้น Su-35 จะมีคะแนนนำ F-22 แต่ถ้าเป็นการรบแบบนอกระยะสายตา (BVR)

โดยทฤษฎีแล้ว F-22 จะได้เปรียบกว่า Su-35 กระนั้นรัสเซียก็บอกว่า "มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกนะ" ของแบบนี้ต้องลองถึงจะรู้ การเจอกันรอบนี้ สหรัฐก็อ้างว่า F-22 ของตนเองไล่ Su-35 ให้หนีไปได้ ส่วนรัสเซียก็อ้างว่า Su-35 ต่างหากที่ไล่ F-22 ให้หนีไปได้ และที่สำตัญ Su-35 บินไปไล่บี้อยู่ที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส เขตอิทธิพลของสหรัฐด้วย หลัง F-22 ของสหรัฐเข้าไปกวนตีน Su-25 ของรัสเซียในฝั่งตะวันตก

กลาโหมรัสเซียแสดงความคิดเห็นว่า "การที่สื่อของตะวันตกรายงานว่า F-22 เข้าสะกัดกั้นขับไล่เครื่องบินรบของรัสเซียในซีเรียนั้น 'เป็นเรื่องที่มโนขึ้นมาตามที่ต้องการ (wishful thinking) โดยสื่อของสหรัฐและอังกฤษเท่านั้น'" TASS รายงาน - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
15/12/2560
-----------
https://www.rt.com/news/413246-f-22-syria-us-russia/
https://www.rt.com/news/412590-russia-us-syria-air-force/
https://sputniknews.com/world/20171...ies-russian-jet-intercepted-fighter-in-syria/
http://tass.com/world/981177
http://edition.cnn.com/2017/12/14/politics/us-f-22-intercept-russian-jets-syria/index.html
http://www.independent.co.uk/news/w...a-america-warning-flares-latest-a8111126.html
https://theaviationist.com/2017/12/...and-chased-away-by-su-35s-russian-mod-claims/
https://www.cbsnews.com/news/f-22a-...25-coalition-airspace-russian-aircraft-syria/
http://www.washingtonexaminer.com/u...deconfliction-zone-over-syria/article/2643497
http://www.zerohedge.com/news/2017-...s-russian-su-25-jets-near-incident-over-syria

 

ปอกเปลือก ทรราช



-----------

วันที่ 15 ธ.ค. 60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ทร. จีนซ้อมรบด้วยกระสุนจริงใกล้คาบสมุทรเกาหลี" (Chinese Navy Conducts Live Fire Drills Near Korean Peninsula)

กองทัพเรือของจีน (People’s Liberation Army Navy) เริ่มการฝึกใกล้คาบสมุทรเกาหลีเมื่อวันพฤหัสบดีนี้ มีการใช้กระสุนจริงหลายนัด เป็นการตอบโต้การฝึกผสมระหว่างสหรัฐ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ในคาบสมุทรเกาหลี South China Morning Post รายงาน

การซ้อมรบเป็นเวลาสี่วันโดยกองทัพเรือของจีนได้เริ่มขึ้นในตอนกลางวันของพฤหัสบดี และจะสิ้นสุดในวันจันทร์เวลาประมาณ 16.00 น. ฝ่ายบริหารจังหวัดเหลียวหนิงแจ้งข่าว การซ้อมรบจัดขึ้นแถวอำเภอ Dalian จังหวัด Liaoning (ในทะเล Bohai ซึ่งอยู่ติดกับอ่าวเกาหลี) และเป็นพื้นที่สำหรับการฝึกตามปรกติ กองทัพเรือของจีนมีฐานทัพที่สำคัญสำหรับกองเรือทะเลเหนือของตนเองที่อำเภอ Dialian สำนักข่าว SCMP รายงาน ไม่มีการเปิดเผยในรายละเอียดว่าจะมีเรือรบของจีนเข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ทั้งหมดกี่ลำ

SCMP รายงานเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางความตึงเครียดทางทหารที่เพิ่มขึ้น (ในคาบสมุทรเกาหลี) ทร.ของจีนได้ส่งเรือพิฆาตติดตั้งขีปนาวุธหลายลำเข้าร่วมฝึกด้วยกระสุนจริงในทะเลเหลืองด้วย และกองทัพอากาศของจีนก็เพิ่มการลาดตระเวนเหนือพื้นที่เหล่านั้นด้วย เมื่อวันจันทร์นี้ กองทัพจีนและรัสเซียก็ฝึกระบบป้องกันขีปนาวุธในกรุงปักกิ่ง

วันที่ 13 ธันวาคม Xinhua ของจีนรายงานว่า ทอ.ของจีนได้ส่งเครื่องบินรบ Su-30, J-11, เตรื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ระยะไกล H-6K และอากาศยานสอดแนม พร้อมด้วยอากาศยานแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า (เรดาร์ลอยฟ้า) และอากาศยานเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศไปบินลาดตระเวนแถวช่องแคบ Bashi (ซึ่งอยู่ระหว่างไต้หวันและฟิลิปปินส์ - ทางใต้ของไต้หวัน) และแถวช่องแคบ Miyako (ระหว่างไต้หวันกับญี่ปุ่น - ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวันและตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของสหรัฐ)

หลังจากที่สหรัฐเสร็จสิ้นภารกิจการฝึกผสมทางอากาศร่วมกับกองทัพอากาศของเกาหลีใต้ในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งมีอากาศยานของทั้งสองประเทศเข้าร่วมเกือบ 300 ลำ ถือว่าเป็นการซ้อมรบทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสหรัฐในพื้นที่ จากต่อมาสหรัฐก็จัดซ้อมรบทางทะเลสามฝ่ายร่วมกับเกาหลีใต้และญีปุ่่นในคาบสทุทรเกาหลีเหนือ และตามด้วยการซ้อมรบทางอากาศสามฝ่าย (สหรัฐ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น) อีกรอบในคาบสมุทรเกาหลีและทะเลญี่ปุ่น อ้างว่าเพื่อติดตามการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ในขณะที่เกาหลีเหนือกำลังจัดงานเฉลิมฉลองความสำเร็จในการทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป Hwasong-15 กันอย่างสนุกสนานในประเทศตนเอง

กรุงเปียงยางได้ประณามการซ้อมรบของสหรัฐและพันธมิตรในคาบสมุทรเกาหลีว่าเป็นการพยายามปิดกั้นทางทะเล (naval blockade) ต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งจะเป็นการละเมิดต่ออธิปไตยและศักดิ์ศรีของเกาหลีเหนืออย่างป่าเถื่อน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีเหนือกล่าว KCNA รายงาน

วันที่ 14 ธันวาคม สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีมูน แจ-อิน แห่งเกาหลีใต้และภริยาได้เดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่ง เพื่อหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในหลายประเด็น รวมทั้งการลดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ปัญหาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ และความสำคัญระหว่างจีนกับเกาหลีใต้ด้วย

วันเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้ขอให้มีการปฏิรูปและเสริมสร้างความเข้มแข็งของกองทัพจีนให้มีศักยภาพในการสู้รบให้มากขึ้น Xinhua รายงาน วันก่อนนี้ผู้นำจีนได้เดินทางไปเป็นประธานพิธีรำลึกเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนชาวจีนที่พิพิธภัณฑ์หนานกิงโดยกองทัพญี่ปุ่นที่รุกรานและกระทำการที่ป่าเถื่อนต่อจีนในอดีต

วันที่ 15 ธันวาคม Sputnik รายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐเกี่ยวความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ และเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ (ขณะนี้คณะผู้แทนจากกองทัพและฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียกำลังอยู่ระหว่างการเยือนกรุงเปียงยาง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการทหารระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ)

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
15/12/2560
-----------
https://sputniknews.com/asia/201712151060013438-chinese-navy-live-fire-peninsula/
http://www.scmp.com/news/china/dipl...vy-starts-live-fire-drill-north-korean-waters
http://news.xinhuanet.com/english/2017-12/13/c_136821177.htm
https://www.rt.com/news/412848-us-japan-drills-korea-moscow/
https://www.rt.com/news/412762-korea-drills-japan-us/
https://www.rt.com/news/413204-trump-korea-naval-blockade/
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/14/16/0401000000AEN20171214013200320F.html
http://news.xinhuanet.com/english/2017-12/14/c_136826598.htm
http://news.xinhuanet.com/english/2017-12/14/c_136826281.htm
https://sputniknews.com/russia/201712151060013983-putin-trump-discuss-relations-north-korea/

 

ปอกเปลือก ทรราช
Nanjing Massacre: ครบรอบ 80 ปี การสังหารหมู่ประชาชนชาวจีน 300,000 กว่าคนที่หนานกิง โดยกองทัพญี่ปุ่น



-----------

วันที่ 13 ธ.ค. 60 ทางการ กองทัพ และภาคประชาชนชาวจีนจัดพิธีรำลึกและไว้อาลัยให้กับเหยื่อความโหดร้ายป่าเถื่อนของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นที่สังหารหมู่ประชาชนชาวจีนที่หนานกิง ระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม 1937 ถึง มกราคม 1938 ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนชาวบ้านทั่วไป เป็นตำเลขการเสียชีวิตจากการถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้าย ที่สูงกว่าจำนวนของผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดปรมาณูโดยสหรัฐถึงสองลูกที่นางาซากิและฮิโรชิมา (6 และ 9 สิงหาคม 1945) ยอดผู้เสียชีวิตจากนุกของสหรัฐที่ญี่ปุ่นราวสองในสามเท่าของการเสียชีวิตที่หนานกิง

นั่นคือเหตุผลหนึ่งตอบคำถามว่าทำไมจีนถึงต้องมีกองทัพที่แข็งแกร่ง "เพื่อป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก" แต่การที่จีนพยายามพัฒนากองทัพของตนเองให้เข้มแข็งนี้ กลับถูกพวกตะวันตกและญี่ปุ่นกล่าวหาว่าจีนกำลังขยายอิทธิพลทางทหารของตนเองเพื่อยึดครองโลก และเพื่ออำพรางความเลวร้ายที่ญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศตะวันตกเคยทำกับจีนเอาไว้ ฝ่ายตะวันตกก็พยายามโจมตีจีนด้วยเหตุการณ์เทียมอันเหมินแทน แต่กลับไม่ยอมพูดถึงกรณีที่ตะวันตกสังหารหมู่และฆ่าล้างชนพื้นเมืองอินเดียนแดงในสหรัฐอเมริกา และการจับคนแอฟฟริกันไปขายเป็นทาส

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
15/12/2560
-----------
http://www.chinadaily.com.cn/a/201712/13/WS5a30f262a3108bc8c6730b44.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Nanking_Massacre
https://en.wikipedia.org/wiki/Atomic_bombings_of_Hiroshima_and_Nagasaki
http://www.chinadaily.com.cn/a/201712/13/WS5a30ea80a3108bc8c67304f9.html
http://www.chinadaily.com.cn/a/201712/13/WS5a307a43a3108bc8c672b22d.html
http://www.chinadaily.com.cn/a/201712/14/WS5a31cfbaa3108bc8c6732b38.html

 

ปอกเปลือก ทรราช
แม้ว่าสหรัฐจะพยายามกีดกันต่างชาติเพื่อไม่ให้คบค้าสมาคมกับเกาหลีเหนือ แต่ก็ยังมีหลายประเทศทะยอยส่งทูตและคณะผู้แทนของตนเองไปเยือนกรุงเปียงยางอยู่เรื่อยๆ



-----------

15 ธันวาคม 2560 คณะผู้แทนจากต่างประเทศเดินทางไปเยือนกรุงเปียงยาง และทำพิธีมอบกระเช้าดอกไม้แสดงความเคารพต่ออนุสาวรีย์อดีตผู้ก่อตั้งและผู้นำเกาหลีเหนือทั้งสองท่าน (ปู่และพ่อของคิมน้อย) สมาคมสตรีญี่ปุ่นก็เดินทางไปเยือนกรุงเปียงยางเพื่อศึกษาหลักปรัชญาจูเช่ (หลักการพึ่งพาตนเอง) ของเกาหลีเหนือด้วย ในขณะที่สหรัฐ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นพยายามเรียกร้องและกดดันนานาชาติให้ตัดขาดความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือทุกด้าน เพราะเกาหลีเหนือบังอาจพัฒนานุกและมิสไซล์ข้ามทวีปแข่งกับสหรัฐ ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งสำหรับการรุกรานและยึดเกาหลีเหนือโดยสหรัฐและพรรคพวก

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
15/12/2560
-----------
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&pagenum=&no=5525
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&pagenum=&no=5515

 

ปอกเปลือก ทรราช
พันธมิตรซาอุดิอาระเบียแค้นที่ทหารรับจ้างและกองกำลังภาคพื้นดินของตนเองถูกนักรบฮูติซุ่มโจมตีในการรุกรานเยเมน จึงส่งเครื่องบินรบไปบอมบ์ค่ายทหารและสถานที่คุมขังนักโทษในกรุงซานาอะ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 39 คน บาดเจ็บ 90 กว่าคน



-----------

วันที่ 13 ธ.ค.60 RT รายงานว่า กองทัพพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียได้โจมตีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งทางซาอุดิอาระเบียอ้างว่าเป็นแคมป์ทหารของนักรบฮูติในกรุงซานาอะ เมืองหลวงของเยเมน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 39 คนได้รับบาดเจ็บ 90 กว่าคน รวมทั้งนักโทษด้วย อ้างข่าวโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่แคมป์แห่งนี้มีนักโทษประมาณ 180 คน (คาดว่าส่วนใหญ่เป็นทหารของฝ่ายพันธมิตรซาอุดิอาระเบียที่ยอมมอบตัวให้กับนักรบฮูติ และสมาชิกกองกำลังของอดีตประธานาธิบดีซาเลห์ที่หักหหลังฮูติและแปรพักตร์ไปอยู่กับฝ่ายตรงข้ามที่สู้รบกันมานานถึงสองปีกว่า)

วันที่ 12 ธ.ค.60 AMN รายงานว่ากลุ่มนักรบฮูติแห่งเยเมนประสบความสำเร็จในการซุ่มโจมตีคอยวอยทหารของฝ่ายพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียใกล้เมือง Mocha ริมทะเลแดงทางตะวันตกของเยเมน

คอนวอยทหารซาอุดิอาระเบียได้รับความเสียหายอย่างหนัก และสูญเสียพาหนะหุ้มเกราะและรถปิ๊กอัพถึง 6 คัน พร้อมด้วยทหารอีก 10 กว่านายที่เสียชีวิต เมื่อเดือนสิงหาคม กองทัพพันธมิตรซาอุดิอาระเบียโปร-ฮาดี้ ก็ถูกซุ่มโจมตีในลักษณะนี้ ห่างจากกรุงซานาอะประมาณ 100 กิโลเมตร สูญเสียอย่างหนัก เละ!

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
15/12/2560
-----------
https://www.rt.com/newsline/412961-saudi-raid-yemen-sanaa/
https://www.reuters.com/article/us-...idUSKBN1E7125?feedType=RSS&feedName=worldNews
https://www.almasdarnews.com/article/saudi-coalition-kills-39-people-yemeni-capital/
https://www.almasdarnews.com/article/pictures-houthi-forces-exterminate-saudi-convoy/

 

ใครคือ บ.ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ พอร์ตเงินลงทุนใหญ่ ‘บิ๊กป้อม’? เขียนวันที่ วันพุธ ที่ 13 ธันวาคม 2560 เวลา 20:30 น.

เปิดตัว บ.ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ เจ้าของพอร์ตเงินลงทุน พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่ปี 2551- ปัจจุบันแห่งเดียว แจ้งมูลค่าสูงสุด 23 ล. กลุ่มทุนในสิงคโปร์ ถือหุ้นใหญ่ รายได้ล่าลุด 781 ล. กำไรสะสม 253.7 ล.



สืบเนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ถูกวิพากษ์วิจารณ์ กรณี นาฬิกายี่ห้อริชาร์ดมิลล์ (Richard Mille) และแหวนเพชร ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.)

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้ของ พล.อ.ประวิตร มารายงานแล้วว่า นับจากรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมครั้งแรก 22 ธ.ค.2551 - 4 ก.ย.2557 ตอนรับตำแหน่ง รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นประมาณ 30.5 ล้านบาท จำแนก

1.กรณีเงินฝาก เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิม 25,213,889.95 บาท (ปี 51) ,36,082,730.40 บาท (ปี 54) , 28,843,256.64 บาท (ปี 55) และ ล่าสุด 53,197,562.62 บาท (ปี 57)

2.กรณีของเงินลงทุน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิม 2 รายการคือ กองทุน เค พันธบัตรเกาหลี และ เงินลงทุนบริษัทจดทะเบียนในบริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รวม 8,542,116.40 บาท (ปี 51) , 11,486,686.20 บาท บริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (ปี 54) และ มูลค่า 23,120,158.20 บาท (ปี 55) เพิ่งลดลงเมื่อกรณีการยื่นรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม วันที่ 4 ก.ย.2557

3.กรณีที่ดินจากเดิม 2 แปลง มูลค่า 12,000,000 บาท (ปี 51) มาเพิ่ม 3 แปลงเป็น 17 ล้านบาท (เพิ่ม 5 ล้านบาท) ตอนยื่นบัญชี กรณีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ครบ 1 ปีวันที่ 10 ส.ค.2555

4.กรณีทรัพย์สินอื่น แจ้งครั้งแรกเมื่อปี 2551 มีมูลค่า 1,000,000 บาท (เช็คธนาคารกสิกรไทยสำนักพหลโยธิน สั่งจ่าย พล.อ.ประวิตร) หลังจากนั้นก็หายไป (อ่านประกอบ : ผ่าบัญชีทรัพย์สิน พล.อ.ประวิตร รวยขึ้น 30.5 ล.- เงินลงทุนพุ่ง ก่อนปมนาฬิกาหรู)

หากจับเฉพาะกรณีของเงินลงทุน จากเดิมปี 2551 มี 2 รายการคือ 1.กองทุน เค พันธบัตรเกาหลี และ 2.เงินลงทุนบริษัทจดทะเบียนในบริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รวม 8,542,116.40 บาท จากนั้นในปี 2554 มีเพียงรายการเดียว คือบริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด แต่เพิ่มเป็นมูลค่า เป็น 11,486,686.20 บาท และ เพิ่มเป็น 23,120,158.20 บาท ในปี 2555 เพิ่งลดลงเมื่อกรณีการยื่นรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม วันที่ 4 ก.ย.2557

ลองมาดูข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของพอร์ตเงินลงทุนของ รมว.กลาโหมกัน

จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดิมชื่อ บริษัท หลักทรัพย์ นวหลักทรัพย์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 18 พ.ย. 2539 ทุนเริ่มแรก 100 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ นวธนกิจ จำกัดถือหุ้นใหญ่ ที่ตั้งเลขที่ 422 ถ.พญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

19 พ.ค. 2541 จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท หลักทรัพย์นววิคเคอร์สบัลลาส จำกัด

1 กพ. 2544 จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท หลักทรัพย์วิคเคอร์สบัลลาสประเทศไทย จำกัด

1 ตุลาคม 2544 จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท หลักทรัพย์ดีบีเอสวิคเคอร์สประเทศไทย จำกัด (DBS VICKERS SECURITIES (THAILAND) CO.,LTD.)

มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง ทุน กรรมการ ผู้ถือหุ้น หลายครั้ง ปัจจุบันทุน 500 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 989 อาคารสยามพิวรรธน์ ทาวเวอร์ ชั้น 9,14-15 ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซีเคียวริตี้ส์ โฮลดิ้ง ไปรเวท ลิมิเต็ด (สิงคโปร์)ถือหุ้น 100% นาย ไว ฮัง แอนดรูว์ อึ้ง นาย ก๊ก อัน ลิม นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายปิยชน ใจจงกิจ และ นาง กว๊อก ซีท มอย เป็นกรรมการ



จากการตรวจสอบงบการเงินพบว่า รอบปี 2559 แจ้งมีรายได้ 781,185,649 บาท กำไรสุทธิ 7,993,658 บาท สินทรัพย์ 4,621,358,953 บาท หนี้สิน 3,573,136,777 บาท กำไรสะสม 253,748,176 บาท

นี่คือข้อมูลเครื่องเคียงผู้ดูแลพอร์ตเงินลงทุน ที่ รมว.กลาโหม เป็นลูกค้าตั้งแต่ปี 2551 มีมูลค่ากว่า 23 ล้านบาทในปี 2555 และ ดำรงสภาพในการยื่นบัญชีฯครั้งล่าสุด

https://www.isranews.org/isranews/61938-report00-61938.html

 

ผ่าบัญชีทรัพย์สิน พล.อ.ประวิตร รวยขึ้น 30.5 ล.- เงินลงทุนพุ่ง ก่อนปมนาฬิกาหรู เขียนวันที่ วันอาทิตย์ ที่ 10 ธันวาคม 2560 เวลา 20:30 น.

แกะรอย บัญชีทรัพย์สิน พล.อ.ประวิตร รมว.กลาโหม ยุคมาร์ค ปี 51 - 57 ยุคบิ๊กตู่ รวยขึ้น 4 รายการ 30.5 ล. เงินฝากเพิ่มเกือบ 28 ล. พบเงินลงทุน บ.ดีบีเอสฯพุ่งปี 55 กว่า 23 ล. ก่อนกรณีโชว์นาฬิกาหรู แหวนเพชรเม็ดเป้ง



พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เป็นบุคคลสาธารณะที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดในช่วงขณะนี้ ล่าสุดกรณี นาฬิกายี่ห้อริชาร์ดมิลล์ (Richard Mille) และแหวนเพชร ที่เจ้าตัวสวมใส่ขณะระหว่างการถ่ายภาพหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ครม.ประยุทธ์ 5) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2560 ทำให้ถูกตั้งคำถามถึงการได้มาของทรัพย์สินราคาแพงว่ามีที่มาอย่างไร? ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.)

ประเด็นที่เป็นปัญหาคือ ทรัพย์สิน 2 รายการดังกล่าวมีมูลค่าเกิน 200,000 บาทหรือไม่ ได้มาช่วงไหน ? แต่ถ้าได้มาช่วงหลังเดือนก.ย.2557 ก็ไม่ปรากฎในบัญชีทรัพย์สินฯที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ครั้งล่าสุด เพราะจะต้องแจ้งในช่วงพ้นตำแหน่ง รมว.กลาโหม

กระนั้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่การดำรงตำแหน่งครั้งแรกปี 2551 – 2557 พบข้อมูลดังนี้

22 ธ.ค.2551 ยื่นบัญชี กรณีรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีทรัพย์สินรวม 56,856,005.95 บาท จำแนกเป็น เงินฝาก 25,213,889.95 บาท เงินลงทุน 8,542,116.40 บาท (กองทุน เค พันธบัตรเกาหลี และ เงินลงทุนบริษัทจดทะเบียนในบริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด) ที่ดิน 12,000,000 บาท (2 แปลง เนื้อที่ 4-0-44 ไร่) โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 10,000,000 บาท (บ้าน 1 หลัง) ยานพาหนะ (รถยนต์ 1 คัน) 100,000 บาท ทรัพย์สินอื่น (มูลค่าตั้งแต่สองแสนบาท) จำนวน 1,000,000 บาท (เช็คธนาคารกสิกรไทยสำนักพหลโยธินสั่งจ่าย พล.อ.ประวิตร) ไม่มีหนี้สิน (ดูเอกสารประกอบ)



10 ส.ค.2554 กรณีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีทรัพย์สินรวม 69,669,416.60 บาท จำแนกเป็น เงินฝาก 36,082,730.40 บาท เงินลงทุน 11,486,686.20 บาท (เงินลงทุนบริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ) ที่ดิน 12,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 10,000,000 บาท ยานพาหนะ (รถยนต์ 1 คัน) 100,000 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น ไม่มีหนี้สิน

เปรียบเทียบการยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง ทรัพย์สินเพิ่มจำนวน 12,813,410.65 บาท เฉพาะเงินฝากเพิ่มขึ้น 10,868,840.45 บาท เงินลงทุนเพิ่ม 2,944,569.80 บาท (ดูเอกสารประกอบ)



10 ส.ค.2555 กรณีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ครบ 1 ปี มีทรัพย์สินรวม 79,063,414.84 บาท จำแนกเป็น เงินฝาก 28,843,256.64 บาท เงินลงทุน 23,120,158.20 บาทที่ดิน 17,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 10,000,000 บาท ยานพาหนะ (รถยนต์ 1 คัน) 100,000 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น ไม่มีหนี้สิน

เทียบกับการยื่นบัญชีฯกรณีรับตำแหน่งครั้งแรกปี 51 เท่ากับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 22 ,207,408.89 บาท เป็นเงินฝากเพิ่มขึ้น 3,629,366.69 บาท เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 14,578,041.80 บาท ที่ดินเพิ่มขึ้น 5,000,000 บาท (ดูเอกสารประกอบ)



4 ก.ย.2557 รับตำแหน่ง รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 87,373,757.62 บาท จำแนกเป็น เงินฝาก 53,197,562.62 บาท เงินลงทุน 7,076,195.00 บาท ที่ดิน 17,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 10,000,000 บาท ยานพาหนะ (รถยนต์ 1 คัน) 100,000 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น ไม่มีหนี้สิน

เทียบกับการยื่นบัญชีฯกรณีรับตำแหน่งครั้งแรกปี 51 เท่ากับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 30,517,751.67 บาท เป็นเงินฝากเพิ่มขึ้น 27,983,672.67 บาท เงินลงทุนลดลง 1,465,921.40 บาท ที่ดินเพิ่มขึ้น 5,000,000 บาท (ดูเอกสารประกอบ)




น่าสังเกตว่า

1.กรณีเงินฝาก เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิม 25,213,889.95 บาท (ปี 51) ,36,082,730.40 บาท (ปี 54) , 28,843,256.64 บาท (ปี 55) และ ล่าสุด 53,197,562.62 บาท (ปี 57)

2.กรณีของเงินลงทุน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิม 2 รายการคือ กองทุน เค พันธบัตรเกาหลี และ เงินลงทุนบริษัทจดทะเบียนในบริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รวม 8,542,116.40 บาท (ปี 51) , 11,486,686.20 บาท บริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (ปี 54) และ มูลค่า 23,120,158.20 บาท (ปี 55) เพิ่งลดลงเมื่อกรณีการยื่นรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม วันที่ 4 ก.ย.2557

3.กรณีที่ดินจากเดิม 2 แปลง มูลค่า 12,000,000 บาท (ปี 51) มาเพิ่ม 3 แปลงเป็น 17 ล้านบาท (เพิ่ม 5 ล้านบาท) ตอนยื่นบัญชี กรณีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ครบ 1 ปีวันที่ 10 ส.ค.2555

4.กรณีทรัพย์สินอื่น แจ้งครั้งแรกเมื่อปี 2551 มีมูลค่า 1,000,000 บาท (เช็คธนาคารกสิกรไทยสำนักพหลโยธิน สั่งจ่าย พล.อ.ประวิตร) หลังจากนั้นก็หายไปยันล่าสุด

อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณาจาก ‘รายได้’ ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ตามที่ปรากฎในบัญชีฯ พบว่า

ตอนเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม 22 ธ.ค.2551 แจ้งว่า มี ‘รายได้ต่อปี’ จากทางราชการเพียง รายการเดียวคือเงินเดือน (ข้าราชการบำนาญ) จำนวน 832,680 บาท

ตอนพ้นตำแหน่ง 10 ส.ค.2554 แจ้งว่ามีรายได้ ‘ระหว่างดำรงตำแหน่ง’ ได้แก่ เงินเดือน (รมว.กลาโหม ) 2,343,680 บาท ,เงินประจำตำแหน่งข้าราชการการเมือง 1,360,000 บาท และ เงินเดือน เงินเพิ่มผู้รับเบี้ยหวัด บำนาญ 2,331,488 บาท รวม 6,034,168 บาท (ประมาณ 3 ปี)

ตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี 10 ส.ค.2555 แจ้งว่า มี ‘รายได้ 1 ปีหลังพ้นตำแหน่ง’ 2 รายการคือ เงินเดือน เงินเพิ่มผู้รับเบี้ยหวัด บำนาญ 762,540 บาท และ เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ 111,768 บาท รวม 874,308 บาท

ตอนรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ครั้งที่สอง 4 ก.ย.2557 แจ้งว่ามีรายได้ประจำ 2 รายการคือ เงินเบี้ยหวัด บำเน็จ บำนาญ 762,540 บาท และ เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ 111,768 บาท รวม 874,308 บาท

เห็นได้ว่า ถ้าไม่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร มีรายได้ประจำ ประมาณ 832,680 - 874,308 บาทต่อปี หากเป็นรัฐมนตรีจะมีเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งเพิ่มอีกปีละประมาณ 1.2 ล้านบาท (เฉลี่ยเดือนละ 1 แสนบาท)

ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น 30.5 ล้านบาท (เงินฝากเพิ่มขึ้น ประมาณ 27.9 ล้านบาท) เป็นปริศนาว่ามีที่มาอย่างไร ? มาจากลงทุน บริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือไม่ ? และถ้ามีรายได้จากเงินลงทุนดังกล่าว เหตุใดถึงไม่ระบุว่ามีรายได้จากเงินลงทุน?

เงินเพิ่มขึ้นนี้ อาจเกี่ยวโยงกับ นาฬิกา ชาร์ด มิลล์ และ แหวนเพชร หรือไม่ ? และต้องพิจารณาจากข้อมูลการยื่นเสียภาษีประจำปีด้วย

เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบ และเป็นหน้าที่ของเจ้าตัวในการชี้แจงข้อเท็จจริง

ติดตามผลกันต่อไป

https://www.isranews.org/isranews-scoop/61860-report00-61860.html

 

แผ่นดินไหวขนาด 6.5 ภูมิภาค
JAVA,อินโดนีเซีย วันที่ 15 ธันวาคม 2560 เวลา 23:47:59.8 น. เวลาประเทศไทย ความลึก 112 กิโลเมตร



Magnitude 6.5
Region JAVA, INDONESIA
Date time 2017-12-15 16:47:59.8 UTC
Location 7.68 S ; 108.14 E
Depth 112 km
Macroseismic
Intensity V Effects: Strong Shaking
Distances
103 km SE of Bandung, Indonesia / pop: 1,700,000 / local time: 23:47:59.8 2017-12-15

40 km S of Tasikmalaya, Indonesia / pop: 272,000 / local time: 23:47:59.8 2017-12-15

https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=635957

 

ปอกเปลือก ทรราช
ทรัมป์ขอความช่วยเหลือจากรัสเซียในแก้ไขปัญาเกาหลีเหนือ (ที่สหรัฐก่อขึ้น), รัสเซียประกาศจะไม่ช่วยสหรัฐบีบคอเกาหลีเหนือ สหรัฐควรจะเริ่มเจรจากับเกาหลีเหนือได้แล้ว



-----------

วันที่ 15 ธ.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "ทรัมป์พูดว่าจะขอความช่วยเหลือจากรัสเซียเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ" (Trump says would like to have Russia’s help with North Korea)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐต้องการความช่วยเหลือจากรัสเซียในการจัดการกัดเกาหลีเหนือ ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย

"ประเด็นหลักก็คือการเจรจากับเกาหลีเหนือ เพราะว่าเรารักความช่วยเหลือของเขาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ จีนให้ความช่วยเหลือ รัสเซียไม่ได้ช่วย เราอยากได้ความช่วยเหลือจากรัสเซีย" ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวนอกทำเนียบขาว

เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ ทรัมป์กับปูตินได้หารือกันถึงสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ซึ่งเริ่มต้นโดยกรุงวอชิงตัน (สหรัฐเป็นฝ่ายโทรหารัสเซีย) และอธิบายถึงการสนทนากับปูตินว่า "มันเจ๋งมาก"

ทรัมป์พูดถึงการสนทนากับปูตินในการตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า "ประธานาธิบดีรัสเซียได้พูดสิ่งดีๆหลายเรื่อง เกี่ยวกับสิ่งที่ผมได้ทำให้กับประเทศนี้ในด้านเศรษฐกิจ แต่ท่านก็ยังพูดถึงเรื่องที่เป็นลบหลายเรื่องในส่วนของสิ่งที่กำลังดำเนินไปที่อื่นๆ"

เมื่อถามว่าปูตินประทับใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐหรือไม่? ปูตินกล่าวว่าตนเองไม่ใช่พลเมืองของสหรัฐ และมันก็เป็นหน้าที่ของพลเมืองสหรัฐที่จะตัดสินการปฏิบัติหน้าที่ของประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม ปูตินกล่าวว่าการปรับปรุงด้านเศรษฐกิจของอเมริกันภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้รับการยอมรับ แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้างก็ตาม (ทรัมป์พูด)

วันเดียวกันนี้ RT พาดหัวข่าวอีกข่าวหนึ่งว่า "รัสเซียจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของการ 'บีบรัดคอ' เกาหลีเหนือ สหรัฐควรจะเริ่มต้นการเจรจากับเกาหลีเหนือได้แล้ว" (Russia won’t be part of ‘strangling’ North Korea, says US should do its part to start talks)

การเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับโครงการจรวดและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือได้มาถึงจุดที่มีความเสี่ยงในการบีบรัดคอประเทศนั้นแล้ว รมช. ต่างประเทศของรัสเซียกล่าว และเตือนว่า "รัสเซียจะไม่สนับสนุนยุทธิวิธีนั้น"

"แรงงานของกรุงเปียงยางภายใต้การคว่ำบาตทางเศรษฐกิจที่รุนแรง (การกดขี่จากสหรัฐและพันธมิตร) ได้กำหนดโดยมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อห้ามเกาหลีเหนือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธวิถีโค้ง (แต่ไม่ห้ามเกาหลีใต้พัฒนาขีปนาวุธวิถีโค้ง) อย่างไรก็ตาม ระดับของการกดดันกำลังเข้าใกล้ 'เส้นแดง' จากนั้นการบีบรัดทางเศรษฐกิจของ DPRK ก็จะเริ่มขึ้น" นาย Igor Morgulov รมช. ต่างประเทศรัสเซียกล่าว

[แปลว่าถ้าสหรัฐและยูเอ็นยังใช้ไม้แข็งกับเกาหลีเหนือต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ เศรษฐกิจเกาหลีเหนือก็จะแย่ และสหรัฐก็คาดว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือยอมยกธงขาว หรือจะเกิดการลุกฮือของประชาชนเพื่อต่อต้านรัฐบาลของตนเองในเกาหลีเหนือ ปูตินเคยพูดแล้วว่า "แม้ว่าคนเกาหลีเหนือจะต้องกินหญ้า (เพราะไม่มีอะไรให้กิน เนื่องจากถูกกดขี่ข่มเหงจากสหรัฐอย่างหนัก) พวกเขาก็จะไม่ยอมละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์เด็ดขาด" และเมื่อถึงจุดหนึ่ง มันก็จะระเบิดออกมา ไม่ใช่ระเบิดที่เกาหลีเหนือ แต่มันจะเป็นระเบิดนิวเคลียร์ ใครจะเป็นผู้โชคดีหละ? - ผู้แปล]

กระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวอีกว่า "รัสเซียจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนี้ เราพิจารณาแล้วว่ามาตรการนี้เป็นลบ เพราะว่าการกดดันทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวจะไม่นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เราแสวงหา ซึ่งก็คือการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี และยังมีมิติด้านมนุษยธรรมอีกด้วย เนื่องจากว่าการคว่ำบาตรต่างๆ ได้ทำร้ายประชาชนทั่วไปเป็นอันดับแรก ซึ่งเราจะต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณาด้วย"

Morgulov เน้นย้ำถึงจุดยืนของกรุงมอสโคว่า สหรัฐและเกาหลีใต้ควรจะหยุดการซ้อมรบทางทหารร่วมกันได้แล้ว เนื่องจากเป็นการแสดงออกถึงเจตนาที่ดี ถึงจะเอาชนะคำสัญญาจากเกาหลีเหนือเพื่อพักการทดลองอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของตนเองได้ การหยุดทั้งสองฝ่าย (double-freeze) จะทำให้กรุงวอชิงตันและกรุงเปียงยางสามารถเจรจาต่อรองถึงการแก้ไขปัญหาต่อวิกฤตด้านความมั่นคงได้

เมื่อสัปดาห์นี้ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว. ต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐพร้อมที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือโดยตรง โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้า ต่อมาโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐและทำเนียบขาวออกมาแถลงว่า สหรัฐจะไม่เจรจากับเกาหลีอเหนือจนกว่าเกาหลีเหนือจะยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์และมิสไซล์ของตนเองซะก่อน และจะยังไม่เจรจากับเกาหลีเหนือในตอนนี้ นักวิจารณ์มองว่า มันเป็นเรื่องปรกติสำหรับสหรัฐที่กระทรวงต่างประเทศและทำเนียบขาวจะพูดไม่ตรงกัน ฝ่่ายนี้อีกอย่าง อีกฝ่ายพูดอีกอย่าง ใครจะเชื่อถือในคำพูดและคำสัญญากำมะลอแบบนั้นได้?

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
15/12/2560
-----------
https://www.rt.com/usa/413327-trump-russia-help-nkorea/
https://www.rt.com/news/413290-russia-korea-economic-strangulation/

 

ปอกเปลือก ทรราช
ข่าวบันเทิง: สุดยอดเรือพิฒาตสเตลท์ Zumwalt-class ราคา $4.4 พันล้านของสหรัฐเจ๊งกลางทะเล ต้องลากเข้าอู่ซ่อมอีกแล้ว กรรม!



-----------

วันที่ 12 ธ.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "รายงานแจ้งว่าเรือรบชั้น Zumwalt ของ ทร. สหรัฐเจ๊งระหว่างการทดลอง" (US Navy's Top Battleship Zumwalt Reportedly Breaks Down During Trials)

เรือพิฆาตชั้น Zumwalt ได้เผชิญกับความยุ่งยากนานับประกาณในการพัฒนาและการทดลอง และค่าใช้จ่ายในโครงการนี้ก็สูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ เพนตากอนจึงสั่งลดจำนวนเรือรบลงจำนวนมากจากที่กำหนดไว้ในตอนแรก

การทดลองเรือรบ USS Michael Monsoor (DDG-1001) ในทะเล ซึ่งเป็นเรือพิฆาตบชั้น Zumwalt ลำที่สองที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับกองทัพเรือสหรัฐ ได้สิ้นสุดลงก่อนกำหนด เนื่องจากมีปัญหาทางเทคนิคในระบบการจ่ายพลังงานของเรือ USNI News รายงาน

การทดลองครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อทดสอบลำตัวเรือ ส่วนประกอบด้านเครื่องจักรกล และด้านวิศวกรรมของเรือ ซึ่งเริ่มการทดลองเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม แถลงการณ์จากกองบัญชาการระบบเดินเรือ (NAVSEA) กล่าว ฮาร์โมนิคฟิลเตอร์ (Harmonic filters) ล้มเหลวและพังหลังจากที่เรือออกจากอ่าวได้หนึี่งวัน ทำให้เรือพิฆาตลำนี้ต้องเดินทางกลับเข้าอู่ต่อเรือ General Dynamics Bath Iron Works ที่รัฐ Maine ในวันที่ 5 ธันวาคม

ฮาร์โมนิคฟิลเตอร์ เป็นระบบอิเล็คทรอนิคที่ซับซ้อน เพื่อป้องกันความผันผวนของพลังงานที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้เจตนา ซึ่งเกิดจากอุปกรณ์ที่ละเอียดอ่อนได้รับความเสียหาย ความล้มเหลวของระบบฟิลเตอร์นี้ได้ทำให้ระบบจ่ายพลังงานของเรือไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการทดลอง

NAVSEA แถลงว่า ความล่าช้าในการทดลองจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งอมบเรือ USS Michael Monsoor ซึ่งมีกำหนดการในเดือนมีนาคม 2018 (จริงดิ?)

เรือพิฆาตชั้น Zumwalt ใช้พลังงานจากระบบไฟฟ้าที่มีความซับซ้อน ซึ่งรวมถึงเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบ Rolls-Royce MT-30 สองเครื่อง และเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบเสริม Rolls Royce MT-5 อีกสองเครื่อง ระบบไฟฟ้าแบบบูรณาการ (Integrated Power System) ของเรือสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 75 เมกกะวัตต์ ปริมาณของไฟฟ้าที่ผลิตโดยเรือรบชั้น Zumwalt มีปริมาณมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในเรืรบผิวน้ำลำอื่นๆที่ไม่ใช้พลังงานนิวเคลียร์

[เดิมทีสหรัฐกำหนดเอาวไว้ว่าจะต่อเรือรบชั้นนี้จำนวน 32 ลำ แต่ต่อมาลดเหลือแค่ 3 ลำ เนื่องจากงบประมาณบานปลาย ปัจจุบันนี้สร้างเสร็จแล้ว 2 ลำ ประจำการแล้ว 1 ลำ กำลังต่ออยู่อีก 1 ลำ

เรือพิฆาต Type 45 ของกองทัพเรือราชอาณาจักรอังกฤษก็ใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบของ Rolls Royce เช่นกัน และปัญหาใหญ่ที่สุดของเรือรบอังกฤษรุ่นนี้ก็คือ มันเป็นโรคกลัวน้ำร้อน ถ้าไปเจอกระแสน้ำอุ่นเครื่องยนต์จะดับทันที ทาง ทร. อังกฤษกับเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ดีเซลส์] - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
16/12/2560
-----------
https://sputniknews.com/military/201712121059921539-uss-zumwalt-trials-failure/
http://www.popularmechanics.com/mil...ealth-destroyer-promptly-suffers-a-breakdown/
https://news.usni.org/2017/12/11/el...cond-zumwalt-class-destroyers-builders-trials
https://en.wikipedia.org/wiki/Zumwalt-class_destroyer
https://www.huffingtonpost.com/entry/uss-zumwalt-trial_us_56f19e6ce4b03a640a6c0508

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปีหน้า รัสเซียจะเพิ่มการทดลองขีปนาวุธวิถีโค้งเป็นสองเท่า (ชัดนะทรัมป์!)



-----------

วันที่ 15 ธ.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "Russia to Double Ballistic Missile Tests in 2018 - Military"

ในปี 2018 กองทัพขีปนาวุธยุทธศาสตร์ (นิวเคลียร์) ของรัสเซียจะทำการทดลองชีปนาวุเพิ่มเป็นสองเท่า ซึ่งมากกว่าที่ได้วางแผนไว้สำหรับปีนี้ ซึ่งจะทดลองถึง 12 ครั้ง ผบ. กองทัพขีปนาวุธรัสเซียกล่าว

พล.อ. Sergei Karakayev ผอ. กองทัพยุทธศาสตร์ของรัสเซียกล่าวกับหนังสือพิมพ์ Krasnaya Zvezda (Red Star) ในสังกัดกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กองทัพจะดับเบิลการทดลองขีปนาวุธในปี 2018 ซึ่งจะเพิ่มจำนวนการทดลองเป็นสองเท่า (ของปีนี้)

"ได้มีการปล่อยมิสไซล์ห้าครั้งในปี 2017 อีกหนึ่งลูกกำลังรอดำเนินการ และได้วางแผนเอาไว้สำหรับปี 2018 ถึง 12 ลูก" พล.อ. Sergei Karakayev กล่าว

พล.อ. Sergei Karakayev กล่าวอีกว่า กองทัพยุทธศาสตร์ของประเทศจะได้รับชุดปล่อยขีปนาวุธ Yars แบบติดตั้งประจำที่และแบบอัตราจร (เคลื่อนที่) จำนวน 20 ชุดในปีหน้า ก่อนหน้านี้ ผบ. กล่าวว่าการเปลี่ยนถ่ายขีปนาวุธ Yars จะเสร็จสิ้นภายในปี 2026

ขีปนาวุธ RS-24 Yars (นาโต้เรียก SS-27 Mod 2) เข้าประจำการในกองทัพรัสเซียในปี 2010 เป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดจากขีปนาวุธวิถีโค้ง Topol-M (ICBM) ที่สามารถยิงได้จากพาหนะเคลื่อนที่และจากไซโล บรรจุหัวรบนิวเคลียร์แยกโจมตีเป้าหมายโดยอิสระหลายหัวรบ และมีรัศมีทำการที่ 10,943 กิโลเมตร (6,800 ไมล์)

[ในขณะที่สหรัฐ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศพยายามกดดันให้เกาหลีเหนือระงับการทดลองมิสไซล์ และปลดอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง ปูตินกลับสั่งให้ลูกน้องเพิ่มการทดลองมิสไซล์ข้ามทวีป มากเป็นสองเท่า แหล่ม! สหรัฐเองก็ทดลองเหมือนกัน ทั้งแบบบอลลิสติกและครูซมิสไซล์ด้วย โดยเฉพาะตอนที่เกาหลีเหนือทดลองบอลลิสติกของตนเอง สหรัฐกลัวจะน้อยหน้า จึงออกมาปล่อยมิสไซล์ของตนเองแข่งกับเกาหลีเหนือบ้าง แต่ด่าเฉพาะเกาหลีเหนือนะ - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
16/12/2560
-----------
https://sputniknews.com/russia/201712151060015447-russia-missile-tests-2018/

 

ปอกเปลือก ทรราช
เลขาฯยูเอ็นร้อง ถึงเวลาที่ต้องกลับไปติดต่อสื่อสารกับเกาหลีเหนือแล้วก่อนที่จะสายเกินไป, สหรัฐห้ามเกาหลีเหนือกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้าก่อนเจรจายกเว้นตนเอง ส.ว.และ ทร. สหรัฐประกาศพร้อมจะใช้กำลังขยี้เกาหลีเหนือได้ทุกเมื่อ กต.สหรัฐโวย: เกาหลีเหนืออย่าข่มขู่สหรัฐสิ, รัสเซียแนะสหรัฐเขียนการรับประกันด้วยลายลักษณ์อักษรว่าจะงดซ้อมรบในคาบสมุทรเกาหลีตามที่เกาหลีเหนือต้องการ



-----------

1.) วันที่ 15 ธ.ค.60 Sputnik รายงานว่า นายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาติกล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ว่า มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการขยายความตึงเครียดโดยอุบัติเหตุกับเกาหลีเหนือ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ซึ่งขณะนี้กำลัง "ทวีคูณโดยความมั่นใจที่มากเกินไปแต่ผิดที่ วาทกรรมและการตีโวหารที่อันตรายใส่กัน และการขาดช่องทางสำหรับการติดต่อสื่อสารกัน" ระหว่างฝ่ายต่างๆที่เผชิญหน้ากัน

วันที่ 15 ธันวาคม ในขณะที่กำลังกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมคณะมนตรีแห่งสหประชาชาติ นาย Guterres ได้เรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติเพิ่มความพยายามเพื่อลด "ระดับของอันตราย" ที่อาจจะคาดไม่ถึงจากวิถี (จรวด) และมหันตภัยที่จะตามมา การมีส่วนร่วมทางการทูตเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้บรรลุถึงสันติภาพโดยยั่งยืนในคาบสมุทรเกาหลี

"มันถึงเวลาแล้วที่จะกลับมาก่อตั้งและเสริมสร้างช่องทางสำหรับการติดต่อสื่อสาร รวมทั้งช่องทางระหว่างสองเกาหลีและระหว่างทหารกับทหารด้วย ตนเองพร้อมที่จะให้ใช้สำนักงานของตนเองเพื่อป้องกันการทดลองของกรุงเปียงยางนำไปสู่ความขัดแย้ง" เลขาธิการของยูเอ็นกล่าว

2.) เมื่อต้นสัปดาห์นี้ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รวม.ต่างประเทศสหรัฐ พูดว่า "สหรัฐพร้อมที่จะพบกับกรุงเปียงยางโดยไม่มีเงื่อนไข" ซึ่งรวมทั้งการเปลี่ยนนโยบายของสหรัฐที่มีต่อเกาหลีเหนือด้วย แต่ทำเนียบขาวออกมาพูดอีกอย่างว่า สหรัฐจะไม่มีทางเปลี่ยนนโยบายต่อเกาหลีเหนือ สหรัฐพร้อมที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือ โดยมีข้อแม้ว่าเกาหลีเหนือจะต้องยกเลิกการทดลองอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของตนเองซะก่อน [สื่อและผู้คนทั่วไปต่างพากันเข้าใจว่า สหรัฐจะไม่กำหนดเงื่อนไขล่วงหน้าในการเจรจากับเกาหลีเหนือ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว "ไม่ใช่อย่างนั้น" มันเป็นอุบายสับขาหลอกของสหรัฐต่างหาก - ผู้แปล]

วันต่อมานายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน พูดใหม่ในที่ประชุม UNSC ว่า "ตามที่ผมได้พูดเอาไว้เมื่อต้นสัปดาห์นี้ การระงับพฤติกรรมคุกคามโดยเกาหลีเหนืออย่างถาวรจะต้องเกิดขึ้นก่อนเริ่มการเจรจา" ซึ่งจะทำให้สหรัฐตกลงที่จะเข้าไปนั่งที่โต๊ะเจรจาด้วย Yonhap News รายงาน

"นอกจากขั้นอนนั้นแล้ว ก็จะต้องไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆล่วงหน้าสำหรับการเจราด้วย เราจะไม่ยอมรับการกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้าใดๆ จากเกาหลีเหนือ หรือจากประเทศอื่นเด็ดขาด" ทิลเลอร์สัน กล่าวในที่ประชุม UNSC

[คราวนี้เห็นลีลาการตวัดลิ้นของนักการทูตอเมริกันหรือยัง? สิ่งที่สหรํฐต้องการก็คือ "เฉพาะเกาหลีเหนือและประเทศอื่นเท่านั้นที่ห้ามกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้า" ยกเว้นสหรัฐประเทศเดียว "เพราะข้าอยู่เหนือกฎทั้งปวง (exceptionalism) ข้าคือเจ้าโลกแต่เพียงผู้เดียว (Hegemonism)" ในขณะที่สหรัฐห้ามเกาหลีเหนือกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้า แต่ตนเองกลับกระทำในสิ่งที่ตนเองห้ามเกาหลีเหนือทำ มันเป็น "ความยุติธรรมและเสมอภาคแบบอเมริกัน" - ผู้แปล]

3.) วันที่ 15 ธันวาคม Sputnik รายงานว่านาย Lindsey Graham วุฒิสมาชิกของสหรัฐแสดงความคิดเห็นเชิงข่มขู่คุกคามเกาหลีเหนือว่า "ผมจะบอกว่ามีโอกาศ 3 ใน 10 ที่พวกเราจะใช้ตัวเลือกทางทหาร ถ้าเกาหลีเหนือทำการทดลองระเบิดนิวเคลียร์อีก ผมของกล่าวว่า 70 เปอร์เซ็นต์ หากคุณใช้ตัวเลือกทางทหาร มันจะไม่ใช่เพียงแค่การกำจัดที่ตั้งอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น - คุณจะต้องการที่จะโค่านระบอบนั้น (รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ของเกาหลีเหนือ) ลงด้วย"

[มันก็พูดได้ แต่ปฏิบัติได้ไหมหละ? สหรัฐก็มีนุก เกาหลีเหนือก็มีนุก จีนและรัสเซียก็มีนุก เกาหลีใต้และญี่ปุ่นไม่มีนุก เกาหลีเหนืออาจจะถูกลบอกจากแผนที่โลก แต่ติดหรือว่ากรุงวอชิงตัน นิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย เกาะกวม ฮาวาย กรูงโซล กรุงโตเกียว จะรอดพ้นจากนุกของเกาหลีเหนือ นั่นแหละคือจุดที่ยูเอ็นเป็นห่วง - ผู้แปล]

4.) วันที่ 15 ธันวาคม Yonhap ไปสัมภาษณ์ ผบ.ทร. สหรัฐประจำเกาหลีใต้ (นายใหญ่ของเกาหลีใต้) เกี่ยวกับการใช้ตัวเลือกทางทหารต่อเกาหลีเหนือ

พล.ร.อ. John M. Richardson ผบ.ทร. ฝ่ายปฏิบัติการทางทะเลกองทัพเรือสหรัฐในเกาหลีใต้กล่าวว่า "มันไม่ใช่แค่คำพูดลมๆแล้งๆ เพื่อที่จะมีการยับยั้งโดยชอบธรรมด้วยกฎหมาย ผมคิดว่าคุณจะต้องมีความชอบธรรมทางกฎหมายซะก่อน ผมคาดถึงตัวเลือกต่างๆ ดังนั้นเราจึงเตรียมพร้อมเอาไว้" Yonhap สรุปคำพูดของนายพลสหรัฐว่า "ผบ.ทร.สหรัฐกล่าวว่าตัวเลือกทางทหารต่อเกาหลีเหนือเป็นของจริง"

[แต่ในขณะเดียวกัน รมว. ต่างประเทศสหรัฐกลับพูดในที่ประชุม UNSC ว่า "เกาหลีเหนือเลิกพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม (สหรัฐ) ซะที!" จากคำพูดของ ส.ว. และ ผบ.ทร. สหรัฐ ใครกำลังข่มขู่คุกคามใครกันแน่? - ผู้แปล]

5.) วันเดียวกันนี้ Yonhap ของเกาหลีใต้รายงานว่า เมื่อวันศุกร์นี้ เกาหลีเหนือได้เตือนว่า เกาหลีใต้จะต้องจ่ายด้วยราคาที่แสนแพง ( South Korea will pay a dear price…) สำหรับการคว่ำบาตร (sanctions) สดๆร้อนๆ ต่อกรุงเปียงยาง เกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์และมิสไซล์ของเกาหลีเหนือ

สหรัฐและเกาหลีใต้พยายามดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อเกาหลีเหนืออยู่เรื่อยๆ นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในมติยูเอ็น ล่าสุดก็ขึ้นบัญชีดำองค์กร หน่วยงาน บริษัท และบุคคลในเกาหลีเหนือรวม 32 องค์กรและบุคคล

"การคว่ำบาตรแลการกดดันที่โง่เขลาของพวกสุนัขรับใช้ที่เห่าหอนของสหรัฐมีแต่จะทำให้พวกเขาต้องจ่ายด้วยราคาที่แสนแพงเท่านั้น" โฆษกสภาที่ปรึกษาเพื่อความปรองดองแห่งชาติ ของเกาหลีเหนือกล่าวเมื่อวันศุกร์นี้ KCNA รายงาน

6.) ความเคลื่อนไหวจากรัสเซีย วันเดียวกันนี้ RT รายงานว่า นาย Vladimir Dzhabarov รองประธานคณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งวุฒิสภารัสเซียกล่าวกับสำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียว่า "เพื่อที่จะให้มีการเริ่มต้นการเจรจากันระหว่างสหรัฐเกาหลีเหนือนั้น จะต้องมีการปฏิบัติตาม 'เงื่อนไขพิเศษบางอย่าง' (certain special conditions) ซะก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ กรุงวอชิงตันจะต้องยกเลิกการจัดฉากฝึกทางทหารใกล้คาบสมุทรเกาหลีซะก่อน และกรุงเปียงยาง ก็ต้องการหลักประกันที่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย"

"พวกอเมริกันได้ละเมิดคำสัญญาของตนเองที่บอกว่าจะลดการซ้อมรบในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สหรัฐนั่นแหละที่เคลื่อนไปสู่การซ้อมรบครั้งใหม่ ซึ่งบีบให้เกาหลีเหนือหันกลับไปทำการทดลองบอลลิสติกมิสไซล์อีก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้พักเอาไว้เรียบร้อยแล้ว"

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
16/12/2560
-----------
https://sputniknews.com/asia/201712151060037327-un-north-korea-tensions/
https://sputniknews.com/world/201712151060037260-us-senate-graham-strike-north-korea/
https://www.rt.com/news/413367-north-korea-guarantees-us-drills/
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/15/0401000000AEN20171215002600315.html
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/15/0401000000AEN20171215011000320.html
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/16/0401000000AEN20171216000351315.html

 

ปอกเปลือก ทรราช
ข่าวบันเทิง: อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐจอมแหลประจำรัสเซียดราม่าว่า "รู้สึกช็อกที่ทรัมป์โทรหาปูตินก่อน" (แหม… น่าจะช็อกตายไปเลยนะ)



-----------

วันที่ 16 ธ.ค. 60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำรัสเซีย 'ช็อก' หลังทรัมป์โทรหาปูติน" (Former US Ambassador to Russia 'Shocked' by Trump's Phone Call to Putin)

เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ ทรัมป์ได้โทรศัพท์หาปูติน หลังกรประชุมประจำปีกับนักข่าวโดยประธานาธิบดีของรัสเซีย และทรัมป์ก็ขอบคุณปูตินที่ยอมรับว่าเศรษฐกิจของสหรัฐเข้มแข็งภายใต้รัฐบาลของทรัมป์ หนึ่งในหลายประเด็นที่ประธานาธิบดีทั้งสองหารือกันก็คือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

นาย Michael McFaul อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำรัสเซีย (2012-2014 สมัยโอบามา) ได้ออกมากล่าวว่าเขารู้สึกช็อกกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่โทรศัพท์หาประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน

"มันทำให้ผมช็อกที่ว่าที่มีการโทรศัพท์ถึงกัน... สำหรับผม เรื่องนี้ไม่ได้ส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติของอเมริกา ในการโทรศัพท์แบบนั้น อย่างน้อยที่สุดก็วิธีที่มันสื่อออกมาในขณะนี้" นาย Michael McFaul กล่าว

[รัสเซียขยะแขยงไอ้หมอนี่มาก หนึ่งในหน้าที่หลักของเขาสมัยที่อยู่ที่กรุงมอสโค ก็คือเดินสายพบกับพวกผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย เสี้ยมให้เกิดความแตกแยกภายในรัสเซีย เหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมานั่นแหละ จากนั้นก็โวยวายว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐ หลังจากที่นางฮิลลารี่ ตัวแทนพรรคเดโมแครทพ่ายแพ้ให้กับทรัมป์

เขาคงจะรู้สึกเสียหน้ามาก ที่ท่านผู้นำสูงลิ่วของสหรัฐเป็นฝ่ายยกหูโทรศัพท์ถึงผู้นำรัสเซียก่อน จึงอ้างว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของอเมริกา ทรัมป์โทรหาปูติน เพื่อขอให้รัสเซียช่วยแก้ไขปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ที่สหรัฐเป็นฝ่ายก่อขึ้น

สถานการณ์หวิดจะเกิดการดวลอาวุธนิวเคลียร์กันอยู่แล้ว ถ้ารัสเซียไม่เข้าไปแทรกแซง กรุงวอชิงตันจะรอดพ้นจากนุกของเกาหลีเหนือได้กี่เปอร์เซ็นต์? ไม่ต้องถามว่าเกาหลีเหนือจะรอดจาอนุกของสหรัฐหรือไม่ โดนแน่ๆ แต่สหรัฐก็จะโดนหมัดสวนด้วยเช่นกัน นั่นไม่ใช่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของอเมริกาด้วยหรอกหรือ? ไอ้โง่! - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
16/12/2560
-----------
https://sputniknews.com/world/201712161060049816-mcfaul-trump-putin-call/

 

ปอกเปลือก ทรราช
ข่าวบันเทิง: เฉพาะปีนี้เรือพิฆาตของสหรัฐที่ติดตั้งระบบขีปนาวุธนำวิถีและระบบเรดาร์เทคโนโลยีสเตลท์ที่ทันสมัย ประสบอุบัติเหตุชนกับเรือพาณิชย์ถึง 4 ครั้ง ยังกล้าโม้ว่าพร้อมที่จะบุกเกาหลีเหนืออีกนะ!



-----------

วันที่ 16 ธ.ค. 60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ต้องผูกเรือรบสหรัฐให้แน่น เพื่อสนองความต้องการในการปฏิบัติการ" (US Navy ‘Straining’ to Meet Operational Demands)

รายงานฉบับใหม่เปิดเผยว่า จากอุบัติเหตุทั้งสี่ครั้งของกองทัพเรือสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้ค้นพบว่ากองทัพเรือสหรัฐกำลังประสบกับปัญหาด้านความพร้อมและการเตรียมพร้อมในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี (กรรม!)

จากความเคราะห์ร้ายของเรือรบผิวน้ำทั้งสี่ครั้งนั้น มีสองครั้งที่ร้ายแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต เหตุการณ์เรือพิฆาต USS McCain และ USS Fitzgerald ชนกับเรือพาณิชย์ ทำให้มีลูกเรือ ทร. สหรัฐเสียชีวิตรวมกันถึง 20 นาย

เลขาธิการ ทร. สหรัฐ - เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายพลเรือนในกองทัพเรือ - ได้ประกาศการจัดทำการทบทวนความพร้อมด้านยุทธศาสตร์ (Strategic Readiness Review) ในวันที่ 1 กันยายน เพื่อให้ทราบถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของอุบัติเหตุเหล่านั้น

การศึกษาทำให้พบว่า (ทร.) ขาดความพร้อมมาเป็นเวลานาน และยอมรับว่าการปรับปรุงจะไม่เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น จำเป็นจะต้องมีความ มุ่งเน้น มุ่งมั่น และงบประมาณด้วย Richard V. Spencer เลขาฯ ทร. กล่าวเมื่อสัปดาห์นี้

Hope Hodge Seck จากเว็บไซต์สายทหาร Military.com ของสหรัฐระบุว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาก็คือเรื่องของจำนวนตัวเลขของเรือในกองเรือรบ กองทัพเรือสหรัฐมีเรือรบประจำการอยู่ในทะเลเปิดประมาณ 100 ลำตลอดเวลา 30 ปีมานี้ แต่จำนวนของเรือที่พร้อมใช้งานได้ลดลงจาก 529 ลำ ในปี 1991 เหลือ 316 ลำ ในปี 2001 และเหลือ 279 ลำในปี 2017

"วิธีเดียวที่จะทำให้ได้ตามความต้องการทั้งหมด (สำหรับปฏิบัติการ) สำหรับเรือรบสหรัฐก็คือลดการฝึก การบรรจุคน และการบำรุงรักษา" Richard V. Spencer กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่เพนตากอนสัปดาห์นี้ โดยอ้างถึง "การทำอะไรที่เกินกำลังตนเอง" (overdrawing our account)

ทร. จะต้องปฏิเสธ "การยอมรับพฤติกรรมที่ออกนอกลู่นอกทางเป็นเรื่องปรกติ" จากขั้นตอนการปฏิบัติตามมาตรฐาน โดยใช้วิธีลัดเพื่อให้ได้ตามความต้องการในการปฏิบัติการ Spencer กล่าว

"กองเรือขนาดเล็กกองหนึ่ง มีลูกเรือเพียงไม่กี่คนที่ยังคงยึดมั่นตามตามมาตรฐานในการปฏิบัติการ" รายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมนี้กล่าวสรุป

[เรื่องเน่าๆ ใน ทร. สหรัฐนี่มีเยอะมาก ทั้งการคอรัปชั่นในระดับสูง ยาเสพติดแพร่ระบาด การล่วงละเมิดทางเพศ ความย่อหย่อนด้านวินัย เรื่องอื้อฉาวทหารเรือชายแอบถ่ายภาพนู๊ดทหารเรือหญิงและโพสต์โชว์ในโซเชียลมีเดีย ฯลฯ และที่สำคัญ ความบ้าอำนาจและหลงตัวเองสำคัญว่าเรือรบของตนเองติดตั้งเทคโนโลยีสเตลท์ขั้นสูง เรือรบของข้าศึกจะมองไม่เห็น ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวอะไร ลุดไปโลด หอประภาคารก็ต้องหลีกทางให้กับเรือพิฆาตสเตลท์ของสหรัฐ ถ้าไม่หลีก ก็ชนแม่มเลย! (จึงเกิดเหตุการณ์เรือรบสหรัฐประสบอุบัติเหตุเกยตื้น)

ปัญหาก็คือ เทคโนโลยีของคุณพี่มันล้ำเกินไปครับ ไม่ใช่แค่เรือข้าศึกและเรือชาวบ้านมองไม่เห็นเรือรบของสหรํฐเท่านั้น แม้กระทั่งเรือรบของสหรัฐก็มองไม่เห็นเรือพาณิชย์ทั่วไปด้วย จะเกิดเหตุการณ์ เรือพาณิชย์และหรือลากจูงชนเรือพิฆาตสหรัฐหลายลำครั้งแล้วครั้งเล่า เวรกรรม! - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
16/12/2560
-----------
https://sputniknews.com/us/201712151060043508-us-navy-straining-operational-demands/
https://www.military.com/daily-news...line-overhaul-needed-secnav-review-finds.html
https://sputniknews.com/us/201712151060043508-us-navy-straining-operational-demands/
https://sputniknews.com/military/201711301059574943-us-navy-corruption-kenneth-norton/
https://sputniknews.com/military/201708171056527796-navy-commander-pleads-guilty-bribery/
https://sputniknews.com/military/201703151051623145-navy-leaders-crackdown-photo-scandal/
https://sputniknews.com/military/201710301058667089-us-soldier-murdered-seals/
https://sputniknews.com/military/201710111058148553-US-navy-fires-USS-McCain-top-officers/

 

เปิด ภ.ง.ด.91 'บิ๊กป้อม' ยื่นกรมสรรพากร ปี 56 มีเงินได้สุทธิ 534,878 บาท เขียนวันที่ วันศุกร์ ที่ 15 ธันวาคม 2560 เวลา 21:13 น.

เปิด ภ.ง.ด. 91 พล.อ.ประวิตร ยื่นเสียภาษีกรมสรรพากร ปี 56 ก่อนรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม 4 ก.ย.57 แจ้งมีรายได้เงินเดือน 874,308 บาท หักรายการลดหย่อน เหลือเงินได้สุทธิ 534,878 บาท ก่อนปมทรัพย์สินเพิ่ม 30 ล.ช่วงปี 51-57 นาฬิกาหรู แหวนเพชรเม็ดเป้ง



สืบเนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตกเป็นข่าวกรณีสวมนาฬิกาหรู และแหวนเพชร ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวไม่ปรากฎในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.)

ต่อมาสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร ในช่วงปี 2551-2557 พบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นประมาณ 30.5 ล้านบาท และตรวจสอบข้อมูลรายได้ของ พล.อ.ประวิตร ที่แจ้งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 4 ครั้ง ได้แก่ ครัั้งที่ 1. วันที่ 22 ธ.ค.2551 แจ้งว่ามีรายได้จำนวน 832,680 บาท ครั้งที่ 2. วันที่ 10 ส.ค.2554 มีรายได้จำนวน 6,034,168 บาท ครั้งที่ 3. วันที่ 10 ส.ค.2555 มีรายได้จำนวน 874,308 บาท และ ครั้งที่ 4. วันที่ 4 ก.ย.2557 มีรายได้จำนวน 874,308 บาท (อ่านประกอบ : ผ่าบัญชีทรัพย์สิน พล.อ.ประวิตร รวยขึ้น 30.5 ล.- เงินลงทุนพุ่ง ก่อนปมนาฬิกาหรู)

ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลการยื่นเสียภาษีเงินได้ ภ.ง.ด. 91 ประจำปี 2556 ของ พล.อ.ประวิตร ตามที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม วันที่ 4 ก.ย.2557 แจ้งว่ามีรายได้จากเงินเดือนทั้งปี จำนวน 874,308 บาท หักรายการลดหย่อนต่างๆแล้ว เหลือเงินได้สุทธิ 534,878 บาท (ดูตารางเบื้องล่าง)



น่าสังเกตว่า รายได้สุทธิจากเงินบำนาญ พล.อ.ประวิตร ปีละ 534,878 บาท

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลการยื่นเสียภาษีเงินได้ของ พล.อ.ประวิตร ในช่วงปี 2550 (ก่อนยื่นบัญชีฯกรณีเข้ารับตำแหน่งปี 2551) ,การเสียภาษีเงินได้ปี 2553 (ก่อนยื่นบัญชีกรณีพ้นตำแหน่งปี 2554) และ การเสียภาษีเงินได้ปี 2554 (ก่อนยื่นบัญชีฯกรณีพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี 10 ส.ค. 2555 ) คงต้องติดตามผลการตรวจสอบของป ป.ป.ช. และคำชี้แจงของเจ้าตัวกันต่อไป ในประเด็นนาฬิา แหวน และ ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น 30.5 ล้านบาท


https://www.isranews.org/isranews-scoop/62009-prawit-watch00.html

 

#แผ่นดินไหวบนเกาะชวา
วันนี้ (15-12-2017)
เมื่อเวลา 23.47น. ตามเวลาประเทศไทย
ได้เกิดเเผ่นดินไหวขนาด 6.5 แมกนิจูด
ที่ความลึก 91.9 กม.
บริเวณเกาะชวา ประเทศอินโดนีเชีย
มีอาคารบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก
ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
อย่างเป็นทางการ

 

เมื่อสองวันก่อน
เกิดไฟลุกไหม้หอสูง ณ วัดดังแห่งหนึ่ง
ที่เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย

ไฟลุกสว่างโชนลามไหม้เกือบหมดทั้งหลัง
อาคารลักษณะคล้ายหอสูงที่ถูกไฟไหม้นี้
ชำรุดเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้อีก
ยังไม่ทราบสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้

 

แสงแดดแรงกล้า