ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หมี CNN

    13-01-61/16 : (((( WARNING SIGNAL WAR ))))

    หลัง 18 มค. นี้ หลังจีนเปิดตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า แล้วซื้อขายเป็นเปโตรหยวน นี่คือสิ่งที่ตามมาไม่ช้านี้?

    - อเมริกาป่วน จีน รัสเซีย ประกาศเปิดศึกล้างไพ่ทันที

    - รัสเซียเตรียมการขั้นสูงสุด S-400 ถึงไคร์เมียร์แล้ว พร้อมรบ

    - จีนประกาศความพร้อมทุกด้าน เสริมกำลังทั้งในและนอก

    - โสมแดงเตรียมพร้อม อิหร่านก็พร้อม แผนวางไว้หมดแล้ว

    - จุดยุทธศาสตร์สำคัญของ...ถูกล็อคเป้า หากโจมตีก่อน

    - ยิวสัด...เตรียมลุย สั่ง...อูฐเตรียมกองกำลังถล่มอาหรับ

    - เปโตรดอลล่าร์จะดิ่งเหว การเงินโลกปั่นป่วน ธนาคารดิ้น

    - ทองคำจะขึ้นแบบไม่มีปี่มีขุ่ย หลังตลาดทองคำคึกคักรับหยวน

    - ยุโรปต้องเลือกข้าง ยูเครนจะเป็นแพะบูชายันต์ ตายก่อนใคร

    - การปิดน่านน้ำ และแผ่นฟ้าของเ...จะเริ่มต้นขึ้น ชิงลงมือก่อน

    - ก่อการร้ายเดินหน้าเข้ายุโรป เตรียมจุดไฟ สร้างสถานการณ์

    - UN จะไร้ผล ยามเมื่อ...ไม่สนหน้าอิานทร์ หน้าพรหมใดใด

    - NATO จะแตกเหล่า EU จะนิ่งเฉย ตัวใคร ตัวมัน ดูแลกันเอง

    - ฺBRICS & AIIB จะประสานเสียงเทดอลล่าร์ ดึงการค้าโลกเข้า

    - ....เตรียมประกาศภาวะฉุกเฉิน ทหารเข้ากุมอำนาจเต็มที่

    - อเมริกาจะลุกเป็นไฟ แผนการเผาเมืองจะกระจายไปทั่วทุกรัฐ

    ปล.น้ำมันสำรองที่...เตรียมเทขาย หากทั่วโลกหันไปเทรดหยวน ...ก็ไม่มีทางเลือกอื่น กลุ่ม OPEC NON OPEC เอาตัวรอด ไม่มีใครอยากให้....ขายน้ำมันผูกขาด ยามสงคราม น้ำมันกำลังจะขึ้น ใครจะยอมทุบหม้อข้าวตัวเอง จีน รัสเซีย อิหร่าน คือตลาดซื้อขายใหญ่สุดของโลก น้ำมัน....ที่ขโมยเขามาแล้วขายแพงกว่ากลุ่ม NON OPEC มีแค่ขี้ข้าซื้อเท่านั้น โปรดติดตาม ช่วงนี้แหละ เงียบๆ เนี่ยแหละ น่ากลัวที่สุด เพราะระเบิดลูกแรกที่ลงมักจะไม่มีอะไรบอกล่วงหน้า และนี่คือ "สงครามครั้งสุดท้าย" ที่จะมีแผ่นดินที่ชื่อ "อเมริกา" "อิสราเอล" "ซาอุดิอาระเบีย" ชะตากรรมที่โลกหลีกเลี่ยงไม่ได้!

    https://sputniknews.com/russia/2018...&utm_content=g28R&utm_campaign=URL_shortening

    ---------------------------------------------------------------------------
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE และ Search พิมคำว่า "@mheecnn" แล้วแอดเข้าถ้ำ

    เพจสำรองของหมี CNN คือ เพจ " หมี RT " Search หาใน FB ตามชื่อนี้เลยเด้อคร๊า ดูโลโก้ หมีอี้จับซา(ชักดาบ)
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สารคดีตามรอยพระพุทธเจ้า ep.1
    ตอน "ดร.เอ็มเบดการ์ รัฐบุรุษจากสลัม ผู้นำพระพุทธศาสนากลับคืนสู่อินเดีย"

    ศาสนาพราหมณ์คือศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดตามประวัติศาสตร์โลก คาดว่าเกิดขึ้นก่อนพระพุทธศาสนาประมาณ ๑,๐๐๐ ปีขึ้นไป แรกเริ่มเกิดจากความเชื่อของชาวอารยันที่นับถือบูชาธรรมชาติ เพราะเชื่อว่าจะมีเทพเจ้าสถิตอยู่ตามธรรมชาตินั้นๆ เช่นเทพเจ้าฝน พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดิน น้ำ ลม ไฟ ต่อมาเมื่อถูกตั้งคำถามจากชาวบ้านว่าโลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เลยมีการเขียนคัมภีร์ขึ้นใหม่โดยสร้างเทพเจ้าองค์ใหม่ขึ้นมา นามว่า 'พระพรหม' การเกิดขึ้นของพระพรหมนี้นำมาซึ่งการแบ่งชนชั้นวรรณะของคนในสังคมอินเดีย โดยแบ่งเป็นวรรณะหลักๆได้ดังนี้

    ๏ วรรณะพราหมณ์ เกิดจากปากของพรหม ทำหน้าที่ทำพิธีกรรมและสอนศาสนา
    ๏ วรรณะกษัตริย์ เกิดจากอกของพรหม ทำหน้าที่ทำสงครามปกป้องบ้านเมือง
    ๏ วรรณะแพศย์ เกิดจากมือของพรหม ทำอาชีพเกษตรและค้าขาย
    ๏ วรรณะศูทร เกิดจากเท้าของพรหม คือกรรมกรและผู้ใช้แรงงาน

    นอกจากนี้ยังมีวรรณะอื่นๆอีกกว่า ๓,๐๐๐ วรรณะ ซึ่งเกิดจากการแต่งงานของคนที่มีวรรณะต่างกัน ลูกที่ออกมาก็จะได้ชื่อวรรณะใหม่ไปเรื่อยๆไม่รู้จบ แต่มีอยู่คำๆหนึ่งที่เอาไว้เรียกคนนอกวรรณะ คำๆนี้แปลเป็นไทยได้ว่า 'กาลากิณี' คำๆนี้คือคำว่า 'จัณฑาล!' คนจัณฑาลในสังคมอินเดียขณะนั้น ถูกกดขี่ข่มเหงทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม จนเรียกได้ว่าแทบไม่มีที่ยืน

    จนวันหนึ่งมีเจ้าชายนามว่า 'สิทธัตถะ' กำเนิดขึ้น ท่านพยายามแสวงหาพิธีหลุดพ้น ครั้นเข้าไปศึกษาที่สำนักพราหมณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในขณะนั้นถึงสองสำนัก ศึกษาจนอาจารย์ทั้งสองสำนักต้องบอกว่าไม่มีเรื่องที่จะสอนแล้ว ทำให้ท่านตัดสินใจเข้าป่าไปแสวงหาวิธีด้วยตนเอง หกปีในป่าที่ท่านทำทุกรกริยา ทานมูลสัตว์ แม้ของตัวท่านเอง เอาโคลนทาตัวและไม่อาบน้ำเป็นปีๆ กลั้นหายใจจนหน้ามืดตาลาย ลดอาหารจนแทบเรียกได้ว่าไม่ได้เสวย จนหนังหน้าท้องติดกับกระดูกสันหลัง ใช้มือลูบตามเนื้อตัวก็มีเส้นขนหลุดติดมือมา หกปีที่ทรมาณกายอยู่อย่างนี้ จนในที่สุดท่านก็รู้ได้ว่า เส้นทางที่ดีที่สุดในการหลุดพ้น 'คือทางสายกลาง'

    ท่านตรัสรู้เป็นพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่สุด การตรัสรู้ของท่าน 'คือการตรัสรู้ซึ่งภาวะทั้งหลายภายใต้ความเป็นจริง' ศาสนาของท่านรุ่งเรืองไปในอินเดียอย่างรวดเร็ว และหลักคำสอนที่ว่า 'คนเราจะสูงต่ำก็เพราะการกระทำ ไม่ใช่เพราะชาติตระกูล' ทำให้การแบ่งชนชั้นวรรณะในสมัยนั้นเริ่มเสื่อมลง อีกทั้งท่านยังตรัสอีกว่า การปลุกเสก พรมน้ำมนต์ การดูดวง การเข้าทรง การทำพิธีบนบาน สะเดาะเคราห์ บูชาไฟ เป็นเดรัจฉานวิชา! เรียกได้ว่าทำให้พราหมณ์ในสมัยนั้นหมดทางเลี้ยงชีพกันเลยทีเดียว คนในสังคมหันมาเชื่อเรื่องกรรมในที่สุด ทำศาสนาพราหมณ์เสื่อมถอยจนแทบตั้งตัวไม่ติด

    แต่ไม่น่าเชื่อว่าศาสนาของท่านได้ตั้งอยู่ภายในอินเดียได้เพียง ๑,๗๐๐ ปีเท่านั้น โดยสาเหตุหลักๆของการเสื่อมถอยก็ได้แก่

    ๏ กองทัพมุสลิมบุกเข้าตีอินเดียถึงสามครั้งใหญ่ วัดหลายแห่งโดนเผาจนแทบไม่เหลือซาก คนพุทธต้องอพยบไปทิเบตและแคว้นต่างๆ คนที่ไม่อบยพก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นมุสลิมถ้าอยากมีชีวิตรอด ที่สำคัญคือคนที่หัวโล้นห่มเหลืองจะไม่มีทางเลือกใดๆ พระนับหมื่นรูปได้แต่นั่งสมาธินิ่งๆภายในวัด รอทหารมุสลิมมาตัดคออย่างอนาถ! มหาวิทยาลัยลานันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาวพุทธถูกเผาไปพร้อมกับคัมภีร์ ไฟไหม้นานสามเดือนจึงจะมอด!

    ๏ ถูกศาสนาพราหมณ์กลืนกิน ยามถูกอิทธิพลของศาสนาพุทธกลบ พราหมณ์เลยแต่งคัมภีร์ใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ ได้รวมเทพเจ้าทุกองค์ในอินเดีย(พระพิฆเนศ,พระศิวะ ฯลฯ) รวมถึงพระพุทธเจ้าให้กลายมาเป็นศาสนาเดียวกัน โดยตั้งชื่อใหม่ว่า 'ศาสนาฮินดู' คือศาสนาของคนอินเดีย จนในขณะนั้นกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างสองศาสนา ด้วยเนื้อหาในคัมภีร์แต่งใหม่ที่ว่า 'พระพุทธเจ้าเป็นนารายณ์อวตาลที่๙ โดยพระนารายณ์อวตาลลงมาเป็นพระพุทธเจ้าก็เพื่อหลอกล่อให้อสูรนับถือและจะได้ออกห่างไปจากคัมภีร์พระเวทย์ และพากันตกนรกพร้อมกัน!' เนื้อหาตรงนี้ทำให้คนฮินดูมองคนพุทธเป็นอสูร คนพุทธที่ไม่มั่นคงในศาสนาของตนก็เปลี่ยนไปนับถือฮินดู คนฮินดูที่แอบมีใจให้พระพุทธเจ้าก็ไม่ต้องเปลี่ยนไปนับถือพุทธ เพราะในฮินดูก็มีพระพุทธเจ้าให้ไหว้

    ๏ พระเสื่อมปฏิบัติซะเอง คือแทนที่จะออกไปแสดงธรรม กลับหลงยศหลงศักดิ์อยู่วัด คนที่มีทุกข์เลยกลับไปอ้อนวอนต่อเทพเจ้าดังเดิม อีกทั้งพระที่ไม่ศึกษาคำสอนได้นำแก่นของฮินดูเข้ามาปฏิบัติ พระหันไปปลุกเสก ทำน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์ ดูดวง จนพุทธแยกจากฮินดูไม่ออก กลายเป็นศาสนากึ่งไสยศาสตร์ และด้วยความที่ฮินดูมีความเป็นไสยศาสตร์เต็มตัวอยู่แล้ว มีเทพเจ้าให้เลือกมากมาย พุทธเลยหมดกำลังไปในตัว

    ๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏๏

    ประวัติชีวิต ด.ร.อัมเบดการ์ หรือชื่อเต็มของท่าน คือ บาบาสาเหบ พิมเรา รามจิ อัมเบดการ์ เกิดในวรรณะศูทรที่ยากจนที่สุดตระกูลหนึ่งของอินเดีย

    เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๔๓๔ ท่านเกิดในหมู่บ้านคนอธิศูทร (คนวรรณะจัณฑาล มีชื่อเรียกมากมาย เช่น หริจันทร์ จัณฑาล อธิศูทร ในที่นี้จะใช้คำว่า อธิศูทร) ชื่อว่า อัมพาวดี เป็นบุตรชายคนสุดท้อง

    เมื่อวันที่ท่านอัมเบดการ์เกิดนั้น บิดามารดาได้ตั้งชื่อให้ว่า "พิม"
    แม้จะเกิดมาในครอบครัวอธิศุทรที่ยากจน แต่บิดาก็พยายามส่งเสียจนเด็กชายพิม สามารถเรียนจนจบมัธยม ๖ บิดาพยายามอดมื้อกินมื้อ เงินที่ได้รับจากการรับจ้างแบกหามก็เอามาส่งเสียเป็นค่าเล่าเรียนให้กับเด็กชายพิม แต่ในระหว่างการเรียนนั้น พิมจะต้องเผชิญหน้ากับความดูหมิ่นเหยีดหยามของทั้งครูอาจารย์และนักเรียนซึ่งเป็นคนในวรรณะสูงกว่า

    เรื่องบางเรื่องที่กลายเป็นความช้ำใจในความทรงจำของพิม เช่นว่า เมื่อเขาเข้าไปในห้องเรียน ทั้งครูและเพื่อนร่วมชั้นต่างก็แสดอาการขยะแขยง รังเกียจ ในความเป็นคนวรรณะต่ำของเขา เขาไม่ได้รับอนุญาตแม้แต่การที่จะไปนั่งบนเก้าอี้ในห้องเรียน เขาต้องเลือกเอาที่มุมห้องแล้วปูกระสอบ นั่งเรียนอยุ่อย่างนั้น แม้แต่เวลาจะส่งงานต่ออาจารย์ อาจารย์ก็มีทีท่ารังเกียจไม่อยากจะรับสมุดของเขา

    เวลาที่เขาถูกสั่งให้มาทำแบบทดสอบหน้าชั้นเรียน นักเรียนในห้องที่เอาปิ่นโต ห่ออาหารที่ห่อมากินที่โรงเรียน วางไว้บนกระดานดำ จะเร่งกรูกันไปเอามาไว้ที่ตัว เพราะกลัวว่าความเป็นเสนียดของพิม จะไปติดห่ออาหารของพวกเขาที่วางอยู่บนกระดานดำ

    แม้แต่เวลาที่เขาจะไปดื่มน้ำที่ทางโรงเรียนจัดไว้ เขาก็ถูกห้ามอย่างเด็ดขาดที่จะไปจับต้องแท๊งค์น้ำ หรือแก้วที่วางอยู่ เพราะทุกคนรังเกียจว่าเสนียดของเขา จะไปติดที่แก้วน้ำ เขาต้องขอร้องเพื่อนๆที่พอมีความเมตตาอยู่บ้าง ให้ตักน้ำแล้วให้พิมคอยแหงนหน้า อ้าปาก ให้เพื่อนเทน้ำลงในปากของพิมเพื่อป้องกันเสนียด ในความเป็นคนต่างวรรณะของเขา ซึ่งเป็นความน่าเจ็บช้ำใจยิ่งนัก

    อย่างไรก็ตาม ในโลกนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ยักษ์มาร ครูคนหนึ่ง ซึ่งเป็นวรรณะพราหมณ์ แต่เป็นผู้มีเมตตาผิดกับคนในวรรณะเดียวกัน บางครั้งครูท่านนี้ก็จะแบ่งอาหารของตนให้กับพิม แต่เขาก็แสดงออกมากไม่ได้เพราะอาจจะถูกคนในวรรณะเดียวกันเกลียดชังไปด้วย ครูท่านนี้คิดว่า เหตุที่พิมถูกรังเกียจเพราะความที่นามสกุลของเขาบ่งชัดความเป็นอธิศูทร คือนามสกุล "สักปาล"(นามสกุลของคนอินเดียเป็นตัวบอกวรรณะด้วย) ครูท่านนั้นได้เอานามสกุลของตน เปลี่ยนให้กับพิม โดยแก้ที่ทะเบียนโรงเรียน ให้เขาใช้นามสกุลว่า "อัมเบดการ์" พิมจึงได้ใช้นามสกุลใหม่นั้นเป็นต้นมา (จากนามสกุลอัมเบดการ์นี้เอง ทำให้หลายๆคนคิดว่าพิม เป็นคนในวรรณะพราหมณ์ )

    หลังจากอดทนต่อความยากลำบาก การถุกรังเกียจจากคนรอบข้างที่รู้ว่าเขาเป็นคนอธิศูทรแล้ว เขาก็ได้สำเร็จการศึกษาจบมัธยม ๖ ซึ่งนับว่าสูงมาก สำหรับคนวรรณะอย่างพิม แต่มาถึงขั้นนี้พ่อของเขาก็ไม่สามารถที่จะส่งเสียให้เรียนต่อไปได้อีก จนจบปริญญาตรี

    เคราะห์ดีที่ในขณะนั้น มหาราชาแห่งเมืองบาโรดา ซึ่งเป็นมหาราชาผุ้มีเมตตา พระองค์ไม่มีความรังเกียจในคนต่างวรรณะ ปรารถนาจะยกระดับการศึกษาแม้คนระดับอธิศูทร ได้มีนักสังคมสงเคราะห์พาพิม อัมเบดการ์เข้าเฝ้ามหาราชา พระองค์ได้ทรงพระราชทานเงินทุนในการศึกษาต่อของพิม โดยให้เป็นเงินทุนเดือนละ ๒๔ รูปี ทำให้พิมสามารถเรียนจบปริญญาตรีได้ ต่อมามหาราชาแห่งบาโรดา ได้ทรงคัดเลือกนักศึกษาอินเดีย เพื่อจะทรงส่งให้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศอเมริกา ซึ่งพิมได้รัลคัดเลือกด้วย เขาได้พบกับสิ่งที่เรียกว่าอิสรภาพและความเสมอภาค เพราะที่อเมริกานั้น ไม่มีคนแสดงอาการรังเกียจเขาในความเป็นคนอธิศูทรเหมือนอย่างในประเทศอินเดีย หลังจากจบการศึกษา ถึงขั้นปริญญาเอกแล้ว เรียกว่ามีชื่อนำหน้าว่า ด.ร. พิม อัมเบดการ์ เขาได้เดินทางกลับมาอินเดีย ได้พยายามต่อสู้เพื่อคนในวรรณะเดียวกัน ไม่ใช่แต่เท่านั้น เขาพยายามต่อสู้กับความอยุติธรรมที่สังคมฮินดู ยัดเยียดให้กับคนในวรรณะต่ำกว่า

    ด.ร. อัมเบดการ์ ได้ทำงานในหลายๆเรื่อง หลังจากจบการศึกษาที่อเมริกาแล้ว เขาได้เป็นอาจารย์สอนในวิทยาลัยซิดนาห์ม ในบอมเบย์ ในปี ๒๔๖๑ ต่อมาได้รับการพระราชทานอุปถัมภ์จากเจ้าชายแห่งเมืองโครักขปูร์ ซึ่งเป็นผู้มีพระทัยเมตตาเช่นเดียวกับมหาราชาแห่งบาโรด้าในปรารถนาที่จะถอนรากถอนโคนความอยุติธรรม ที่สังคมฮินดูกีดกันคนในวรรณะอื่นๆ ได้ทรงอุปถัมภ์ให้คนอธิศุทร มารับราชการในเมืองโครักขปุร์ แม้นายควาญช้าง พระองค์ก็เลือกจากคนอธิศูทร เจ้าชายแห่งโครักขปุร์ได้ทรงอุปถัมภ์ในการจัดทำหนังสือพิมพ์ มุขนายก หรือ "ผู้นำคนใบ้" ของด.ร.อัมเบดการ์ เช่นอุปถัมภ์ค่ากระดาษพิมพ์ และอื่นๆ ซึ่งอัมเบดการ์ไม่ได้เป็นบรรณาธิการเอง แต่อยู่เบื้องหลัง และเขียนบความลงหนังสือพิมพ์ ในบทความครั้งหนึ่ง มีคำพูดที่คมคายน่าสนใจ ว่า

    "อินเดียเป็นดินแดนแห่งความเหลื่อมล้ำต่ำสูง สังคมฮินดูนั้นช่างสูงส่งประดุจหอคอยอันสูงตระหง่าน มีหลายชั้นหลายตอน แต่ไม่มีบันไดหรือช่องทางที่จะเข้าไปสู่หอคอยอันนั้นได้ คนที่อยู่ในหอคอยนั้น ไม่มีโอกาสที่จะลงมาได้ และจะติดต่อกับคนในหอคอยเดียวกันในอีกชั้นหนึ่งก็ทำไม่ได้ ใครเกิดในชั้นใดก็ตายในชั้นนั้น"

    เขาได้กล่าวถึงว่าสังคมฮินดูมีส่วนประกอบอยู่สามประการ คือ พราหมณ์ มิใช่พราหมณ์ และอธิศูทร พราหมณ์ผู้สอนศาสนามักกล่าวว่า พระเจ้ามีอยู่ในทุกหนแห่ง ถ้าเช่นนั้น พระเจ้าก็ต้องมีอยู่ในอธิศูทร แต่พราหมณ์กลับรังเกียจคนอธิศูทร เห็นเป็นตัวราคี นั่นแสดงว่าเขากำลังเห็นพระเจ้าเป็นตัวราคีใช่หรือไม่

    ด.ร.อัมเบดการ์ มีผลต่อความเคลื่อนไหวหลายๆอย่างในอินเดียขณะนั้น เขาเป็นอธิศูทรคนแรกที่ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอินเดีย หลังจากที่อินเดียได้รับเอกราช เป็นผู้ร่วมร่างรัฐธรรมนูญของอินเดีย เขาเป็นผู้ที่ชี้แจงต่อที่ประชุมในโลกสภา โดยการอนุมัติของ ด.ร.ราเชนทรประสาท ให้ชี้แจงอธิบายต่อผู้ซักถาม ถึงบางข้อบางประเด็นในรัฐธรรมนูญ หนังสือพิมพ์บางฉบับลงเหตุการ์ตอนนี้ว่า "ด.ร.อัมเบดการ์ ทำหน้าที่ชี้แจงอธิบาย เรื่องร่างรัฐธรรมนูญต่อผู้ร่วมประชุม ประดุจพระอุบาลีเถรเจ้า วิสัชชนาข้อวินัยบัญญัติ ในที่ประชุมปฐมสังคายนา ต่อพระสงฆ์ ๕๐๐ มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน ฉะนั้น"

    และเขาเป็นผู้ต่อสู้เพื่อทำลาย ความอยุติธรรม ที่คนในชาติเดียวกันหยิบยื่นให้กับคนในชาติเดียวกัน แต่ต่างวรรณะกันเท่านั้น

    การปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ
    ด.ร.อัมเบดการ์ แต่งงานมีครอบครัว สองครั้ง ครั้งแรกแต่งกับคนในวรรณะเดียวกัน ชื่อว่านางรามาไบ ครั้งที่สอง เขาได้พบรักกับแพทย์หญิงในวรรณะพราหมณ์คนหนึ่ง ชื่อว่า ชาดา คาไบ ในโรงพยาบาลที่เขาไปรับการรักษาอาการป่วย เขาได้แต่งงานครั้งที่สอง และเป็นครั้งแรกที่คนในวรรณะต่ำเช่นเขา ได้แต่งงานกับคนในวรรณะสูง คือวรรณะพราหมณ์ เมื่ออายุเขาได้ ๕๖ ปี และมีคนใหญ่คนโต นักการเมือง พ่อค้า คนในวรรณะต่างๆมาร่วมงานแต่งงานของเขามากมาย ต่างจากครั้งแรก ที่เขาแต่งงานในตลาดสด

    หลังจากนั้น ด.ร.อัมเบดการ์ ได้ลงจากเก้าอี้ทางการเมือง เขาถือว่าเขาไม่ได้พิศวาสตำแหน่งทางการเมืองอะไรนัก ที่เขาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ก็เพราะเขาต้องการทำงานเพื่อเรียกร้องความถูกต้องให้กับคนที่อยุ่ในวรรณะต่ำที่ได้รับการข่มเหงรังแกเท่านั้น

    เหตุการณ์สำคัญประการหนึ่ง ที่ ด.ร.อัมเบดการ์ได้กระทำ และเป็นสิ่งที่มีคุณูปการมากต่อพระพุทธศาสนา ในประเทศอินเดีย คือการเป็นผู้นำชาวพุทธศูทรกว่า ๓ แสนคน ปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ เหตุการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก จึงขอกล่าวถึงอย่างละเอียดสักหน่อย

    ความจริงอัมเบดการ์สนใจพระพุทธศาสนามานานแล้ว โดยเฉพาะจากการได้อ่านหนังสือพระประวัติของพระพุทธเจ้า ซึ่งเขียนโดยท่านพระธัมมานันทะ โกสัมพี ชื่อว่า "ภควาน บุดดา" (พระผู้มีพระภาคเจ้า) เขาได้ศึกษาแล้วว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ไม่มีข้อรังเกียจในเรื่องวรรณะ ไม่ปิดกั้นการศึกษาพระธรรม ให้ความเสมอภาค และภราดรภาพแก่คนทุกชั้น ในจิตใจของ ด.ร.อัมเบดการ์ เป็นชาวพุทธอยู่ก่อนแล้ว แต่เขาตั้งใจจะทำให้เป็นรูปเป็นร่างยิ่งขึ้น สิ่งที่ปรารถนาก็คือ การปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธ พร้อมกับพี่น้องชาวอธิศูทร ในงานฉลองพุทธชยันติ ท่านด.ร.อัมเบดการ์ ได้กล่าวสดุดีพระพุทธศาสนา เขียนหนังสือเผยแผ่พระพุทธธรรมหลายเล่ม เช่น "พุทธธรรม" "ลักษณะพิเศษของพระพุทธศาสนา" และคำปาฐกถาอื่นๆ ที่ได้รับการตีพิมพ์ภายหลัง เช่น "การที่พระพุทธศาสนาหมดไปจากอินเดีย" เป็นต้น

    ก่อนหน้าที่จะมีงานฉลองพุทธชยันตี เป็นที่ทราบกันดีว่า อินเดียในขณะนั้น มีชาวพุทธอยู่ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นอัพโภหาริก คือน้อยจนเรียกไม่ได้ว่ามี แต่เหตุใดจึงมีงานฉลองนี้ขึ้น คำตอบนี้น่าจะอยุ่กับท่านยวาห์ ราล เนรูห์ ซึ่งท่านได้กล่าวคำปราศรัยไว้ในที่ประชุมโลกสภา (รัฐสภาของอินเดีย เรียกว่า โลกสภา) เรื่องการจัดงานฉลองพุทธชยันตี ว่า
    "พระพุทธเจ้า เป็นบุตรที่ปราดเปรื่องยิ่งใหญ่ และรอบรู้ที่สุดของอินเดีย ในโลกนี้ซึ่งเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เคียดแค้น และรุนแรง คำสอนของพระพุทธเจ้า ส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์ที่รุ่งโรจน์ ไม่มีคนอินเดียคนใด ที่จะนำเกียรติยศ เกียรติภุมิ กลับมาสู่อินเดียได้เท่ากับพระพุทธองค์ หากเราไม่จัดงานฉลองท่านผู้นี้แล้ว เราจะไปฉลองวันสำคัญของใคร" และได้กล่าวอีกตอนหนึ่งว่า "ข้าพเจ้าไม่นับถือศาสนาใดๆในโลกทั้งนั้น แต่หากจะต้องเลือกนับถือแล้ว ข้าพเจ้าขอเลือกนับถือพระพุทธศาสนา"

    ในงานฉลองพุทธชยันตินั้น รัฐบาลอินเดียได้จัดสรรงบประมาณการจัดงาน ฉลองตลอด ๑ปี เต็มๆ โดยวนเวียนฉลองกันไปตามรัฐต่างๆ รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณต่างๆ เช่น ทำตัดถนนเข้าสุ่พุทธสังเวชนียสถานต่างๆให้ดีขึ้น สร้างธรรมศาลาทำการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาร่วมงานพุทธชยันตีจากประเทศต่าง จัดพิมพ์หนังสือสดุดี พระพุทธศาสนา จัดทำหนังสือวิชาการพระพุทธศาสนา โดยนักปราชญ์หลายท่านเขียนขึ้น ประธานาธิบดีราธ กฤษนัน เขียนคำนำสดุดีพุทธคุณ ให้ชื่อว่า "2500 years of Buddhism" (๒๕๐๐ ปีแห่งพระพุทธศาสนา) ทั่วทั้งอินเดีย ก้องไปด้วยเสียง พุทธัง สรณัง คจฺฉามิ

    ส่วนในการปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะนั้น ท่านอัมเบดการ์ได้นำชาววรรณะศูทร ปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะที่เมืองนาคปูร์ สาเหตุที่ท่านเลือกเมืองนี้ แทนที่จะเป็นเมืองใหญ่ๆ อย่างบอมเบย์ หรือเดลลี ท่านได้ให้เหตุผลว่า

    "ผู้ที่ทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตอนแรกๆ นอกจากพระสงฆ์ คือพวกชนเผ่านาค ซึ่งถูกพวกอารยัน กดขี่ข่มเหง ต่อมาพวกนาคได้พบกับพระพุทธเจ้า พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมจนพวกนาคเหล่านั้นเลื่อมใส ปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธ และเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปทั่ว เมืองนาคปูร์นี้ เป็นเมืองที่พวกนาคตั้งหลักแหล่งอยู่" (คำกล่าวของท่านอัมเบดการ์มีมูลอยู่ไม่น้อย และจะว่าไปแล้ว หลังจากพระพุทธศาสนา เริ่มถูกทำลายจากอินเดีย เมืองนาคปูร์เป็นเมือง ที่มีชาวพุทธอาศัยอยู่มากและเป็นเมืองที่มีชาวศุทร หรือคนวรรณะต่ำอยู่มากอีกด้วย
    ดังนั้นศูนย์กลางพุทธศาสนิกชนในอินเดียปัจจุบันที่เป็นคนวรรณะศูทร จึงอยู่ที่นาคปูร์

    ในการปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธ ๓ แสนคน เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ นั้น มีพระภิกษุอยู่ในพิธี ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย ๓ รูป คือ ท่านพระสังฆรัตนเถระ พระสัทธราติสสะเถระ และพระปัญญานันทะเถระ ในพิธีมีการประดับธงธรรมจักรและสายรุ้งอย่างงดงาม ในพิธีนั้นผู้ปฏิญาณตนได้กล่าวคำปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ และคำปฏิญญา ๒๒ ข้อ ของท่านอัมเบดการ์ ดังนี้

    ๑. ข้าพเจ้าจะไม่บูชาพระพรหม พระศิวะ พระวิษณุต่อไป
    ๒. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่าพระราม พระกฤษณะ เป็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่เคารพต่อไป
    ๓.ข้าพเจ้าจะไม่เคารพบูชาเทวดาทั้งหลายของศาสนาฮินดูต่อไป
    ๔. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อลัทธิอวตารต่อไป
    ๕. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าคืออวตารของพระวิษณุ การเชื่อเช่นนั้น คือคนบ้า
    ๖. ข้าพเจ้าจะไม่ทำพิธีสารท และบิณฑบาตแบบฮินดูต่อไป
    ๗.ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า
    ๘.ข้าพเจ้าจะไม่เชิญพราหมณ์มาทำพิธีทุกอย่างไป
    ๙.ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้มีศักดิ์ศรีและฐานะเสมอกัน
    ๑๐.ข้าพเจ้าจะต่อสู้เพื่อความมีสิทธิเสรีภาพเสมอกัน
    ๑๑. ข้าพเจ้าจะปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ โดยครบถ้วน
    ๑๒. ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ โดยครบถ้วน
    ๑๓.ข้าพเจ้าจะแผ่เมตตาแก่มนุษย์และสัตว์ทุกจำพวก
    ๑๔. ข้าพเจ้าจะไม่ลักขโมยคนอื่น
    ๑๕. ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติผิดในกาม
    ๑๖. ข้าพเจ้าจะไม่พูดปด
    ๑๗. ข้าพเจ้าจะไม่ดื่มสุรา
    ๑๘. ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญตนในทาน ศีล ภาวนา
    ๑๙. ข้าพเจ้าจะเลิกนับถือศาสนาฮินดู ที่ทำให้สังคมเลวทราม แบ่งชั้นวรรณะ
    ๒๐.ข้าพเจ้าเชื่อว่าพุทธศาสนาเท่านั้นที่เป็นศาสนาที่แท้จริง
    ๒๑.ข้าพเจ้าเชื่อว่าการที่ข้าพเจ้าหันมานับถือพระพุทธศาสนานั้นเป็นการเกิดใหม่ที่แท้จริง
    ๒๒. ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตนตามคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด

    หลังจากปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะแล้ว เขากล่าวว่า "ข้าพเจ้าเกิดมาจากตระกูลที่นับถือศาสนาฮินดู แต่ข้าพเจ้าจะขอตายในฐานะพุทธศาสนิกชน"

    คำปราศรัยในที่ประชุมปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ของ ด.ร.อัมเบดการ์นั้น เป็นการแสดงถึงความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาของเขา ต่อมาได้มีผู้พิมพ์คำปราศรัยนี้ลงเป็นหนังสือ เป็นคำปราศรัยที่ยาวถึง ๑๒๖ หน้า ขนาด ๘ หน้ายก มีตอนหนึ่งที่ควรกล่าวถึง เช่น
    "พระพุทธเจ้าตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอมาจากตระกูลต่างๆกัน ย่อมมีความเสมอกันเมื่อมาสู่ธรรมวินัยนี้แล้ว เหมือนมหาสมุทรย่อมเป็นที่รวมของน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำและทะเลต่างๆ เมื่อมาสู่มหาสมุทรแล้วก้ไม่สามารถจะแยกได้ว่าน้ำส่วนไหนมาจากที่ใด"

    "พระพุทธศาสนาเท่านั้นที่ปฏิเสธระบบวรรณะ และคนบางคนไม่มีเหตุผลจะโจมตีพระพุทธศาสนา หรือไม่มีเหตุผลมาหักล้างคำสอนของได้ ก็อ้างเอาอย่างหน้าด้านๆว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของพวกนอกวรรณะ"

    "ถ้าหากจะมีพระนามใด ที่โจษขานกันนอกประเทศอินเดียที่โด่งดัง และกล่าวกันด้วยความเคารพสักการะแล้ว จะมิใช่พระนามของพระราม หรือพระกฤษณะ แต่จะเป็นพระนาม ของพระพุทธเจ้า เท่านั้น"

    เมื่อนักหนังสือพิมพ์ถามถึงเหตุผลในการนับถือพระพุทธศาสนา เขากล่าวว่า "เพราะการกระทำอันป่าเถื่อนของชาวฮินดูที่มีต่อคนวรรณอธิศูทรเช่นเรามานานกว่า ๒๐๐๐ ปี" พร้อมกันนั้นท่านกล่าวต่อว่า "พอเราเกิดมาก็ถูกตราหน้าว่าเป็นวรรณะอธิศูทรซึ่งมีค่าต่ำกว่าสุนัข อะไรจะดีเท่ากับการผละออกจากลัทธิป่าเถื่อน ปลีกตัวออกจากมุมมืด มาหามุมสว่าง พุทธศาสนาได้อำนวยสุขให้ทุกคนโดยไม่เลือกหน้า โดยไม่เลือกว่าเป็นวรรณะกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ความจริงข้าพเจ้าต้องการเปลี่ยนศาสนาตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๙๐ แต่เหตุการณ์ยังไม่อำนวย ข้าพเจ้าขอกล่าวว่าระบบวรรณะควรจะสูญไปจากอินเดียเสียที แต่ตราบใดที่ยังนับถือพระเวทอยู่ ระบบนี้ก็ยังคงอยู่กับอินเดียตลอดไป อินเดียก็จะได้รับความระทมทุกข์ ความเสื่อมโทรมตลอดไปเช่นกัน พวกพราหมณ์พากันจงเกลียดจงชังพระพุทธศาสนา แต่หารู้ไม่ว่าพระสงฆ์ในพุทธกาล ๙๐ % เป็นคนมาจากวรรณะพราหมณ์ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าอยากจะถามพวกพราหมณ์ในปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้น กับพวกเขาหรือ"

    อนุสาวรีย์ ดร. เอ็มเบตการ์ ที่หน้ารัฐสภาอินเดีย
    เป็นที่น่าเสียดายว่าหลังจากพิธีปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธได้ ๓ เดือน ท่านอัมเบดการ์ได้ถึงแก่กรรม ด้วยโรคร้าย ในวันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ (ในอินเดียเป็นปี ๒๕๐๐ อินเดียนับพุทธศักราชเร็วกว่าไทย ๑ ปี เช่นเดียวกับพม่า และลังกา) สร้างความยุ่งเหยิงให้กับชาวศูทรมากมาย เพราะยังไม่ทันพาพวกเขาไปถึงจุดหมาย ท่านก็มาด่วนถึงแก่กรรมไปเสียก่อน เหมือนเรือที่ขาดหางเสือ
    เมื่อท่านอัมเบดการ์ถึงแก่กรรมนั้น มีหลายท่านแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เมื่อข่าวการมรณะกรรมของท่านแพร่ออกไป มีทั้งรัฐมนตรี นักการเมืองเดินทางมาเคารพศพ และแสดงความเสียใจแก่ภรรยาของท่านอัมเบดการ์

    นายกรัฐมนตรีเนรูห์ได้กล่าวอย่างเศร้าสลดว่า "เพชรของรัฐบาลหมดไปเสียแล้ว"
    ในวันต่อมานายกรัฐมนตรีเนรูห์ได้กล่าวไว้อาลัย ด.ร.อัมเบดการ์ และสดุดีความดีของเขาอย่างมากมาย ตอนหนึ่งเขาได้กล่าวว่า "ชื่อของอัมเบ็ดการ์ จะต้องถูกจดจำต่อไปอีกชั่วกาลนาน โดยเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อลบล้างความอยุติธรรมในสังคมฮินดู อัมเบดการ์ต่อสู้กับสิ่งที่ทุกคนเห็นว่าเป็นที่จำต้องต่อสู้ อัมเบดการ์ได้เป็นคนปลุกให้สังคมของฮินดูได้ตื่นจากความหลับ"

    และได้ให้มีการหยุดประชุมสภา เพื่อไว้อาลัยแด่ ด.ร. อัมเบดการ์ หลังจากนั้น ได้มีคนสำคัญต่างๆ และผู้ทราบข่าวการมรณกรรมของ ด.ร.อัมเบดการ์มากมาย ได้ส่งโทรเลขไปแสดงความเสียใจต่อภรรยาของอัมเบดการ์ มุขมนตรีของบอมเบย์ คือนายชะวาน ถึงกับประกาศให้วันเกิดของอัมเบดการ์ เป็นวันหยุดราชการของรัฐ เพื่อเป็นเกียรติแก่ดวงวิญญาณของท่านอัมเบดการ์
    ภรรยาของเขาต้องการจะนำศพของท่านอัมเบดการ์ ไปทำพิธียังบอมเบย์ รัฐบาลก็ได้จัดเที่ยวบินพิเศษให้ เมื่อเครื่องบินนำศพมาถึงบอมเบย์ ประชาชนหลายหมื่นคนได้มารอรับศพของอัมเบดการ์ ซึ่งมีหลายคนที่ไม่สามารถอดกลั้นความเศร้าไว้ได้ ร้องไห้ไปตามๆกัน

    ด.ร.อัมเบดการ์ ผู้เกิดมาจากสังคมอันต่ำต้อย ต่อสู้เพื่อตัวเอง เพื่อสังคม และเพื่อประเทศชาติอันเป็นส่วนรวม ตั้งแต่เกิดจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต บัดนี้ เขาได้จากไปแล้ว ทิ้งแต่ความดีเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้สรรเสริญ ชาวพุทธในอินเดียเชื่อว่า ดร.อัมเบดการ์คงยังไม่ไปไหน จะคงอยู่กับพวกเขา คอยช่วยพวกเขา เพราะอัมเบดการ์ไม่เคยทิ้งคนจน ไม่เคยลืมคนยาก ช่วยเหลือพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ต่อท้ายจากบทสวดสังฆรัตนะ พวกเขาจึงอ้างเอาด.ร.อัมเบดการ์เป็นสรณะด้วย โดยสวดว่า พิมพัง(ขื่อเดิมของอัมเบดการ์) สรณัง คัจฉามิ อยู่จนทุกวันนี้.
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สารคดีตามรอยพระพุทธเจ้า ep.2
    ตอน "ก่อนพระพุทธศาสนาจะเกิดขี้น ชาวชมพูทวีป เขานับถืออะไรกัน?"

    ศาสนาพราหมณ์คือศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดตามประวัติศาสตร์โลก คาดว่าเกิดขึ้นก่อนพระพุทธศาสนาประมาณ ๑,๐๐๐ ปีขึ้นไป แรกเริ่มเกิดจากความเชื่อของชาวอารยันที่นับถือบูชาธรรมชาติ เพราะเชื่อว่าจะมีเทพเจ้าสถิตอยู่ตามธรรมชาตินั้นๆ เช่นเทพเจ้าฝน พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดิน น้ำ ลม ไฟ ต่อมาเมื่อถูกตั้งคำถามจากชาวบ้านว่าโลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เลยมีการเขียนคัมภีร์ขึ้นใหม่โดยสร้างเทพเจ้าองค์ใหม่ขึ้นมา นามว่า 'พระพรหม' การเกิดขึ้นของพระพรหมนี้นำมาซึ่งการแบ่งชนชั้นวรรณะของคนในสังคมอินเดีย โดยแบ่งเป็นวรรณะหลักๆได้ดังนี้

    ๏ วรรณะพราหมณ์ เกิดจากปากของพรหม ทำหน้าที่ทำพิธีกรรมและสอนศาสนา
    ๏ วรรณะกษัตริย์ เกิดจากอกของพรหม ทำหน้าที่ทำสงครามปกป้องบ้านเมือง
    ๏ วรรณะแพศย์ เกิดจากมือของพรหม ทำอาชีพเกษตรและค้าขาย
    ๏ วรรณะศูทร เกิดจากเท้าของพรหม คือกรรมกรและผู้ใช้แรงงาน

    นอกจากนี้ยังมีวรรณะอื่นๆอีกกว่า ๓,๐๐๐ วรรณะ ซึ่งเกิดจากการแต่งงานของคนที่มีวรรณะต่างกัน ลูกที่ออกมาก็จะได้ชื่อวรรณะใหม่ไปเรื่อยๆไม่รู้จบ แต่มีอยู่คำๆหนึ่งที่เอาไว้เรียกคนนอกวรรณะ คำๆนี้แปลเป็นไทยได้ว่า 'กาลากิณี' คำๆนี้คือคำว่า 'จัณฑาล!' คนจัณฑาลในสังคมอินเดียขณะนั้น ถูกกดขี่ข่มเหงทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม จนเรียกได้ว่าแทบไม่มีที่ยืน

    จนวันหนึ่งมีเจ้าชายนามว่า 'สิทธัตถะ' กำเนิดขึ้น ท่านพยายามแสวงหาพิธีหลุดพ้น ครั้นเข้าไปศึกษาที่สำนักพราหมณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในขณะนั้นถึงสองสำนัก ศึกษาจนอาจารย์ทั้งสองสำนักต้องบอกว่าไม่มีเรื่องที่จะสอนแล้ว ทำให้ท่านตัดสินใจเข้าป่าไปแสวงหาวิธีด้วยตนเอง หกปีในป่าที่ท่านทำทุกรกริยา ทานมูลสัตว์ แม้ของตัวท่านเอง เอาโคลนทาตัวและไม่อาบน้ำเป็นปีๆ กลั้นหายใจจนหน้ามืดตาลาย ลดอาหารจนแทบเรียกได้ว่าไม่ได้เสวย จนหนังหน้าท้องติดกับกระดูกสันหลัง ใช้มือลูบตามเนื้อตัวก็มีเส้นขนหลุดติดมือมา หกปีที่ทรมาณกายอยู่อย่างนี้ จนในที่สุดท่านก็รู้ได้ว่า เส้นทางที่ดีที่สุดในการหลุดพ้น 'คือทางสายกลาง'

    ท่านตรัสรู้เป็นพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่สุด การตรัสรู้ของท่าน 'คือการตรัสรู้ซึ่งภาวะทั้งหลายภายใต้ความเป็นจริง' ศาสนาของท่านรุ่งเรืองไปในอินเดียอย่างรวดเร็ว และหลักคำสอนที่ว่า 'คนเราจะสูงต่ำก็เพราะการกระทำ ไม่ใช่เพราะชาติตระกูล' ทำให้การแบ่งชนชั้นวรรณะในสมัยนั้นเริ่มเสื่อมลง

    อีกทั้งท่านยังตรัสอีกว่า การปลุกเสก พรมน้ำมนต์ การดูดวง การเข้าทรง การทำพิธีบนบาน สะเดาะเคราห์ บูชาไฟ เป็นเดรัจฉานวิชา! , และหากการอ้อนวอนทำให้สมปรารถนาได้จริง จะมีใครในโลกเสื่อมจากอะไรได้ เพราะใครๆก็ต่างอ้อนวอนเป็น และอีกพระสูตรหนึ่งที่ว่า สุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นดลบันดาล เรียกได้ว่าทุกคำสอนช่างสวนทางกับความเชื่อในตอนนั้นเสียเหลือเกิน ทำให้พราหมณ์ในสมัยนั้นหมดทางเลี้ยงชีพกันเลยทีเดียว เพราะคนในยุคนั้นต่างหันหลังให้กับเทพเจ้าของพราหมณ์ หันมาเชื่อในเรื่องของกรรมกันอย่างแพร่หลาย จนศาสนาพราหมณ์เสื่อมถอยจนแทบตั้งตัวไม่ติด

    แต่ไม่น่าเชื่อว่าศาสนาของท่านได้ตั้งอยู่ภายในอินเดียได้เพียง ๑,๗๐๐ ปีเท่านั้น โดยสาเหตุหลักๆของการเสื่อมถอยก็ได้แก่

    ๏ กองทัพมุสลิมบุกเข้าตีอินเดียถึงสามครั้งใหญ่ วัดหลายแห่งโดนเผาจนแทบไม่เหลือซาก คนพุทธต้องอพยบไปทิเบตและแคว้นต่างๆ คนที่ไม่อบยพก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นมุสลิมถ้าอยากมีชีวิตรอด ที่สำคัญคือคนที่หัวโล้นห่มเหลืองจะไม่มีทางเลือกใดๆ พระนับหมื่นรูปได้แต่นั่งสมาธินิ่งๆภายในวัด รอทหารมุสลิมมาตัดคออย่างอนาถ! มหาวิทยาลัยลานันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาวพุทธถูกเผาไปพร้อมกับคัมภีร์ ไฟไหม้นานสามเดือนจึงจะมอด!

    ๏ ถูกศาสนาพราหมณ์กลืนกิน ยามถูกอิทธิพลของศาสนาพุทธกลบ พราหมณ์เลยแต่งคัมภีร์ใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ ได้รวมเทพเจ้าทุกองค์ในอินเดีย(พระพิฆเนศ,พระศิวะ ฯลฯ) รวมถึงพระพุทธเจ้าให้กลายมาเป็นศาสนาเดียวกัน โดยตั้งชื่อใหม่ว่า 'ศาสนาฮินดู' คือศาสนาของคนอินเดีย จนในขณะนั้นกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างสองศาสนา ด้วยเนื้อหาในคัมภีร์แต่งใหม่ที่ว่า 'พระพุทธเจ้าเป็นนารายณ์อวตาลที่๙ โดยพระนารายณ์อวตาลลงมาเป็นพระพุทธเจ้าก็เพื่อหลอกล่อให้อสูรนับถือและจะได้ออกห่างไปจากคัมภีร์พระเวทย์ และพากันตกนรกพร้อมกัน!' เนื้อหาตรงนี้ทำให้คนฮินดูมองคนพุทธเป็นอสูร คนพุทธที่ไม่มั่นคงในศาสนาของตนก็เปลี่ยนไปนับถือฮินดู คนฮินดูที่แอบมีใจให้พระพุทธเจ้าก็ไม่ต้องเปลี่ยนไปนับถือพุทธ เพราะในฮินดูก็มีพระพุทธเจ้าให้ไหว้

    ๏ พระเสื่อมปฏิบัติซะเอง คือแทนที่จะออกไปแสดงธรรม กลับหลงยศหลงศักดิ์อยู่วัด คนที่มีทุกข์เลยกลับไปอ้อนวอนต่อเทพเจ้าดังเดิม อีกทั้งพระที่ไม่ศึกษาคำสอนได้นำแก่นของฮินดูเข้ามาปฏิบัติ พระหันไปปลุกเสก ทำน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์ ดูดวง จนพุทธแยกจากฮินดูไม่ออก กลายเป็นศาสนากึ่งไสยศาสตร์ และด้วยความที่ฮินดูมีความเป็นไสยศาสตร์เต็มตัวอยู่แล้ว มีเทพเจ้าให้เลือกมากมาย พุทธเลยหมดกำลังไปในตัว

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    13/1/2561 พายุทราย สามารถเปลี่ยนกลางวันให้เป็นกลางคืนได้ เกิดที่คาซัคสถาน

    cr. Rodrigo Contreras Lopez
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2018
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    คิมน้อยเผยความลับเบื้องหลังความสำเร็จในชัยชนะและความสำเร็จในการพัฒนาประเทศแม้จะถูกแซงชั่นเป็น 100 ปีก็ตาม

    IMG_8052.JPG IMG_8053.JPG IMG_8054.JPG IMG_8055.JPG IMG_8056.JPG IMG_8057.JPG IMG_8058.JPG IMG_8059.JPG IMG_8060.JPG IMG_8061.JPG IMG_8062.JPG

    ----------

    วันที่ 12 ม.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ผู้นำเกาหลีเหนืออธิบายความลับที่ทำให้กรุงเปียงยางยืนหยัดอยู่ได้แม้จะถูกคว่ำบาตรอย่างยาวนาน" (North Korean Leader Explains Secret Letting Pyongyang Withstand Long Sanctions) KCNA เผย

    ประธานาธิบดีคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถาบันการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และให้คำแนะนำในการดำเนินงานพร้อมทั้งกล่าวถ้อยแถลงต่อบรรดาเจ้าหน้าที่และพนักงานในสถาบันแห่งนี้ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม 1952 โดยการริเริ่มของอดีตประธานาธิบดี Kim Il Sung (ปู่ของคิมน้อย) ผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนือ และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยอดีตประธานาธิบดี Kim Jong Il ผู้นำเกาหลีเหนือคนที่สอง (พ่อของคิมน้อย)

    ปธน. คิม จอง-อึน ได้เน้นย้ำถึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินการให้ดีในการศึกษาด้านอุดมการณ์ผ่านพิพิธภัณฑ์ปฏิวัติ เพื่อให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ทั้งหมดตระหนักถึงศัทธาที่หนักแน่นว่า ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์นั้นไร้พรมแดน แต่พวกเขาก็จะต้องมีความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และประเทศสังคมนิยมที่ล้ำค่าด้วย ซึ่งพวกเขาจะต้องทำประโยชน์ให้กับประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ และจะต้องมีส่วนร่วมในวิทยาศาสตร์เท่านั้น ภายใต้ผืนธงสีแดงของพรรคแรงงานแห่งเกาหลี นั่นจะทำให้พวกเขามีเกียรติอันสูงสุดตามอุดมการณ์ที่สูงส่งของของอดีตผู้นำทั้งสองท่านที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์

    ผลิตผลจากมันสมองของนักวิทยาศาสตร์ของพวกเราเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ละสถานที่แห่งนี้ก็เป็นขุมสมบัติแห่งหนึ่งของการพึ่งพาตนเอง (self-reliance) และการพัฒนาตนเอง (self-development) และสถาบันการศึกษาก็เป็นแหล่งกำเนิดของการพึ่งพาตนเองและการพัฒนาตนเอง

    แม้ว่าจะถูกกดดันอย่างหนักในทุกด้านภายใต้เงื่อนไขที่ยากลำบาก บรรดานักวิทยาศาสตร์ของเราก็สามารถสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ และปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของประชาชน ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าว

    คิม จอง-อึน กล่าวว่า "หนึ่งในความลับหลายอย่างที่การปฏิวัติเกาหลีที่ขับเคลื่อนมาได้อย่างยาวนาน แม้ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคและความยากลำบากที่โหดเหี้ยมก็ตาม และตำแหน่งด้านยุทธศาสตร์ของสาธารณรัฐของเราก็จะเข้มแข็งขึ้นเป็นอันมาก ก็คือเรามีอำนาจอธิปไตยและศักศรีของประเทศและของชาติ และเป้าหมายของระบอบสังคมนิยมทั้งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และความพยายามหลักที่มุ่งมั่นไปสู่การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี"

    "ขอบคุณสำหรับรากฐานเศรษฐกิจของชาติที่พึ่งพาตนเอง กองทัพวิทยาศาสตร์และเทคนิค ที่ฝึกฝนความมุมานะของพวกเราเอล และความคิดที่ชัดเจน ไม่มีอุปสรรคใดๆ ที่จะไม่สามารถฝ่าฟันไปได้สำหรับพวกเรา แม้ว่าจะถูกพวกศัตรูทั้งหลายคว่ำบาตรเป็นเวลาหลายสิบปี หรือ 100 ปีก็ตาม" ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าว

    วันที่ 11 มกราคม ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนตอนหนึ่งที่เกี่ยวกับผู้นำเกาหลีเหนือว่า "ยกนี้ ผมเชื่อว่าคุณคิม จอง-อึน ชนะแล้วแน่นอน เขามีอาวุธนิวเคลียร์ และ… มิสไซล์ ที่มีรัศมีทำการถึง 13,000 กิโลเมตร ซึ่งสามารถไปถึงที่ใดๆบนโลกนี้ได้เกือบทั้งหมด หรืออย่างน้อยก็ดินแดนใดๆที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นศัตรูของเขา ดูเหมือนว่าผู้นำเกาหลีเหนือกำลังพยายามจะยุติความตึงเครียดในภูมิภาค เขาเป็นนักการเมืองที่ฉลาดเฉียบแหลมคนหนึ่ง และเป็นผู้ใหญ่แล้ว"

    [แม้ว่าเกาหลีเหนือจะถูกสหรัฐและเดอะแก๊งรังแกด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเป็นเวลานานหลายสิบปี แต่สุดท้ายแล้ว รัฐบาลสหรัฐสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน ก็เดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือ และได้มอบเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐให้กับรัฐบาลกรุงเปียงยาง

    ต่อมา เมื่อปลายปีที่แล้ว สหรัฐส่งรองเลขาธิการยูเอ็นด้านการเมืองและคณะไปเยือนเกาหลีเหนือ (ไปกราบอีนคิมน้อย) เพื่อขอเจรจาสันติภาพ หลังจากเกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป Hwasong-15 และการทดลองระเบิดไฮโดรเจน

    ล่าสุดเมื่อสัปดาห์นี้ เกาหลีใต้ก็ส่งคณะผู้แทนไปขอเจรจากับเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการ เพื่อขอให้เกาหลีเหนือส่งทัพนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกภาคฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ รวมทั้งการเปิดสายด่วนการติดต่อสื่อสารทางทหารระหว่างสองเกาหลีเหนือ มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีการเปิดนิคมอุตสาหกรรมแกซองที่เกาหลีใต้เคยไปลงทุนไว้ในเกาหลีเหนือร่วมกับเกาหลีเหนือในเร็วๆนี้

    เกาหลีเหนือเคยบอกแล้วว่า เกาหลีใต้จะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งหมดที่เกิดจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือซึ่งนำโดยสหรัฐ อาจจะเป็นการชดเชยในรูปแบบของเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่างๆในเกาหลีเหนือก็ได้ แต่แน่นอนว่า การที่จะดึงเกาหลีเหนือเข้ามาร่วมโต๊ะเจรจาได้ในครั้งนี้ ฝั่งใต้คงจะควักกระเป๋าไปไม่น้อยทีเดียว ทั้งแก่สหรัฐและแก่เกาหลีเหนือด้วย สุดท้าย… ใครชนะ? ปูตินบอกว่า "เกาหลีเหนือชนะ" - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    13/01/2561
    ----------
    https://www.rt.com/news/415698-nkorea-hundred-years-sanctions/
    https://www.rt.com/news/415628-putin-says-shrewd-korean-leader-won/
    https://www.rt.com/news/415513-north-south-korea-trump/
    https://kcnawatch.co/newstream/1515709869-168504101/kim-jong-un-inspects-state-academy-of-sciences/
    https://sputniknews.com/asia/201801121060697842-north-korea-sanctions-kim/
    http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=great&who=4&categ1=1&categ2=2&index=1&pagenum=1&no=6119#pos
    http://uriminzokkiri.com/index.php?lang=eng&ftype=songun&no=8592
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือกทรราช
    ข่าวบันเทิง: หลังจากเหตุการณ์ F-22 ถูก Su-35 ไล่ตบถึงสองรอบในซีเรีย สหรัฐก็ส่งระดับนายพลออกมาแหลแก้ต่างว่า "พวกรัสเซียแอบเรียนรู้เทคนิคการบินของสหรัฐในซีเรีย" (อีธ่อ… ไม่งั้นคงไม่แพ้หมดสภาพแบบนี้แน่? ฮ่าๆๆ)

    IMG_8063.JPG

    ----------

    วันที่ 5 ม.ค.60 Business Insider ของสหรัฐ พาดหัวข่าวว่า "ผู้นำเกาหลีเหนืออธิบายความลับที่ทำให้กรุงเปียงยางยืนหยัดอยู่ได้แม้จะถูกคว่ำบาตรอย่างยาวนาน" (Russia gained a 'treasure trove' of intelligence on the US's best fighter jets in Syria)

    ส่วน Sputnik ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "ขณะนี้รัสเซียได้คลังสมบัติของข้อมูลลับเกี่ยวกับ F-22 ล่องหนแล้ว - นายพลสหรัฐกล่าว" (Russia Now Has ‘Treasure Trove’ of Info About Stealthy F-22s - US General)

    ถ้าแปลจากสื่อรัสเซีย เกรงว่า "โปร-อเมริกา" จะกัดลิ้นตัวเองตายซะก่อนที่จะอ่านจบ งั้นขอแปลจากสื่อสหรัฐแทนนะครับ...

    Business Insider ไฮไลท์ไว้ 3 ประเด็นคือ...
    - นายพลระดับสูงจากกองทัพอากาสสหแรดกล่าวว่า รัสเซียกำลังรวบรวมบทเรียนจากการปฏิบัติการเคียงข้างกับอากาศยานของสหรัฐในซีเรียเข้าสู่การฝึกของตนเอง

    - เครื่องบินรบและระบบต่อต้านอากาศยานของรัสเซียในซีเรียสามารถมีส่วนร่วมในการติดตามเครื่องบินรบของสหรัฐ ซึ่งรวมทั้ง F-22 ด้วย เป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้ข้อดีด้านสเตลท์ลดลง [ก็ไหนว่าเป็นเจ้าแห่งเครื่องบินรบล่องหนไงครับ แล้วจะกลัวทำไมหละ? - ผู้แปล]

    - แต่สหรัฐก็จับตาดูรัสเซียเช่นกัน และคู่แข่งของสหรัฐก็ยังคงอยู่อีกไกล ก่อนที่จะแซงความเป็นจ้าวเวหา (จากสหรัฐได้ จริงดิ? แล้ว F-22 หนี Su-35 ทำไมอ่ะ?)

    ในการบินต่อสู้กลุ่มก่อการร้ายไอซิสในอิรัคและซีเรียนั้น เครื่องบินรบของสหรัฐและของพันธมิตรนำโดยสหรัฐ ได้ทำการบินหลายพันเที่ยวบินและหย่อนระเบิดหลาย (พัน) ตัน - แต่ในการกระทำอย่างนั้น พวกเขาก็ได้แบมือให้กับเครื่องบินรบของรัสเซียที่ไล่ตามพวกเขาอย่างหื่นกระหายด้วย (สื่อมะกันแหล)

    "น่านฟ้าของอิรัคและโดยเฉพาะอย่างยิ่งของซีเรีย ได้กลายเป็นขุมสมบัติที่แท้จริงสำหรับพวกเขา (รัสเซีย) เพื่อดูว่าพวกเราปฏิบัติการอย่างไร" พล.อ.ท. หญิง . VeraLinn "Dash" Jamieson รองเสนาธิการ ISR กล่าวในการแถลงข่าว ที่ Air Force Association ซึ่งจัดขึ้นโดย Mitchell Institute for Aerospace Studies เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม 2561

    พล.อ.ท. หญิง Jamieson กล่าวอีกว่า "พวกศัตรูของพวกเรากำลังจับตาดูพวกเรา - พวกเขากำลังเรียนรู้จากพวกเรา กองทัพอากาศรัสเซียเกือบจะบินวนทั่วซีเรีย เพื่อทำให้พวกเขาได้รับประสบการการสู้รบในโลกของความเป็นจริง"

    ระหว่างแคมเปญจ์ทางอากาศในซีเรีย รัสเซียได้ดูยุทธวิธีต่างๆ พฤติกรรมต่างๆ เรดาร์ และการตรวจจับความร้อน (thermal signatures) ของสุดยอดเครื่องบินรบครองน่านฟ้า F-22 ของสหรัฐด้วย

    เหนือน่านฟ้าของซีเรียนั้น เครื่องบินรบระดับสูงของรัสเซีย (Su-35S) ได้เข้ามาเผชิญหน้ากับ F-22 ของสหรัฐ และได้แสดงความน่าเกรงขามเพียงเล็กน้อย (show it little reverence) [จึงทำให้ F-22 เกิดอาการปอดแหก รีบใส่เกียร์หมาเผ่นหนีทันที? อันนี้เรื่องจริงนะครับ F-22 ถูก Su-35S ไล่บี้ในซีเรีย น่าอับอายมาก - ผู้แปล?]

    สื่อสหรัฐเขียนอีกว่า "กองทัพอากาศของรัสเซียรู้สึกย่ามใจมากที่เป็นฝ่ายที่เหนือกว่าในการเผชิญหน้ากันในครั้งนั้น ซึ่งควรจะฟังหูไว้หูก่อนเชื่อ (should be taken with a grain of salt.)"

    Maksim Makolin จากกองทัพอากาศของรัสเซีย กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า "เราพบว่า พวกเราอยู่ที่ปลายหางของพวกเขา ซึ่งนั่นก็หมายถึงชัยชนะในการสู้รบในระยะประชิด (dogfight)"

    [F-22 ถูก Su-35 ล็อกเป้า นั่นคือความจริงที่เกิดขึ้น แต่สหรัฐไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ จึงส่ง F-22 เข้าไปลองของอีกรอบ ครั้งนี้ส่งไปสองลำ ผลก็ออกมาแบบเดียวกับรอบแรก สิ่งที่สหรัฐทำได้ก็คือ "แหลผ่านสื่อ อีธ่อ… ที่รัสเซียคว่ำ F-22 ได้นั้นก็เพราะว่าเรียนรู้เทคนิคการบินจาก F-22 ของสหรัฐหรอกนะ" ฮิ้วววว - ผู้แปล]

    สื่อสหรัฐดิ้นต่ออีกว่า "แม้ว่ารัสเซียจะโม้เกินจริงอยู่บ่อยๆ หรือกุข่าวแต่งเรื่องขึ้นมาเกี่ยวกับการบินที่กล้าหาญของกองทัพอากาศของตนเอง แต่ก็มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือว่า รัสเซียได้รับข้อมูลที่มีค่าซึ่งสามารถที่จะช่วยในการต่อสู้กับเครื่องบินรบของสหรัฐได้"

    Justin Bronk ผู้เชี่ยวชาญด้านการสู้รบทางอากาศจาก Royal United Services Institute กล่าวกับ Business Insider ว่า "รัสเซียสามารถที่จะเรียนรู้ได้มากกว่าเพียงแค่สังเกตการยุทธวิธี เทคนิค และกระบวนการของสหรัฐ/พันธมิตร พวกเขายังสามารถที่จะวาดภาพเครื่องบินรบของตะวันตกและทรัพย์สินทางอากาศอื่นๆด้วยระบบควบคุมการยิงภาคพื้นดินและทางอากาศ และเรดาร์ค้นหา"

    วันที่ 28 ธันวาคม 2560 (หลังเหตุการณ์ Su-35S ไล่ขยี้ F-22 ในซีเรียรอบแรก) Sputnik พาดหัวข่าวว่า "นายพลเปิดเผยว่าระบบมิสไซล์ S-300 ของรัสเซียติดตามเครื่องบินรบของสหรัฐในภาคตะวันออกของซีเรียได้อย่างไร" (General Reveals How Russian S-300 Missile System Tracked US Jets in East Syria)

    บ่อยครั้งที่เครื่องบินรบของสหรัฐซึ่งปฏิบัติการอยู่ในภาคตะวันออกของซีเรียตกอยู่ในศูนย์เล็ง (ถูกล็อกเป้า) โดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300V4 ของรัสเซีย พล.ท. Alexander Leonov ผบ.กองทัพป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียกล่าว

    "ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย บ่อยครั้งที่เครื่องบินสอดแนมด้านยุทธศาสตร์และเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐถูกตรวจจับได้และถูกติดตามโดยอัตโนมัติ" พล.ท. Leonov กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Izvestiya ของรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดี

    นายพลรัสเซียเปิดเผยว่า ได้มีการติดตั้งระบบขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศของรัสเซียในซีเรียตั้งแต่เดือนตุลาคม 2016 เพื่อขยายการควบคุมน่านฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันออกของซีเรีย เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศจากพวกศัตรูใส่ฐานทัพอากาศ Hmeymim และฐานทัพเรือ Tartus

    นายพลรัสเซียกล่าวว่า "บรรดาเครื่องบินของสหรัฐต่างก็พากันสติแตก เมื่อพบว่าอากาศยานของตนเองถูกติดตามโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 200-300 กิโลเมตร ระบบดังกล่าวถูกถอนกลับไปประจำการที่ฐานทัพเดิมของตนเอง (ในรัสเซีย) เมื่อเดือนมิถุนายน 2017" (รัสเซียเอา S-300V4 ไปทดลองในซีเรียด้วย)

    หลังจากถูกตบไปสองรอบ พล.อ.ท. Chris Nowland รองหัวหน้าเสนาธิการฝ่ายปฏิบัติการ จากกองทัพอากาศสหรัฐก็ยงคงโม้ปิดท้ายอีกว่า "คุณจะต้องมีศักยภาพในการปฏิบัติการมากกว่าหนึ่งปฏิบัติการในแต่ละครั้ง มิฉะนั้นเราก็จะหลุดจากตำแหน่งมหาอำนาจโลก และเคลื่อนเข้าสู่เขตมหาอำนาจระดับภูมิภาคแทน" (เจ้าโลกละเมอ)

    "ฝากไว้ก่อนเถอะรัสเซีย..." หนึ่งในวาทกรรมประจำของพวกขี้แพ้

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    13/01/2561
    ----------
    https://sputniknews.com/military/201801061060545681-russia-treasure-trove-info-f-22/
    https://sputniknews.com/middleeast/201712281060368864-russia-misile-tracked-usa-jets/
    http://www.businessinsider.com/russia-treasure-trove-intelligence-us-fighter-jets-f-22-2018-1
    https://www.c-span.org/video/?439249-1/threats-air-supremacy
    http://airforcemag.com/Features/Pag...as-Testing-Ground-for-Aircraft-Munitions.aspx
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ตำรวจโลกเถื่อน: ญี่ปุ่นส่งเรือรบเข้าสู่คาบสมุทรเกาหลี อ้างลาดตระเวนป้องกันการลักลอบขายน้ำมันให้เกาหลีเหนือ หลังจากที่เพิ่งถูกแฉไปหยกๆ ว่าบริษัทญี่ปุ่นในเกาหลีไต้ขายน้ำมันให้ไต้หวันนำไปขายต่อให้เกาหลีเหนือโดยใช้เรือติดธงฮ่องกงขน

    IMG_8064.JPG IMG_8065.JPG IMG_8066.JPG

    ----------

    วันที่ 13 ม.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "เรือรบญี่ปุ่นหลายลำออกลาดตระเวนนอกชายฝั่งเกาหลีเหนือ เพื่อสกัดการลักลอบค้าน้ำมัน" (Japan Warships Patrol Waters Off North Korea to Curb Fuel Smuggling)

    กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล (ทร.) ของญี่ปุ่นกำลังลาดตระเวนนอกชายฝั่งเกาหลีเหนือ เพื่อเตือนเรือต่างๆที่พยายามลักลอบขายเชื้อเพลงซึ่งเป็นการละเมิดการคว่ำบาตรโดยยูเอ็น เจ้าหน้าที่ทางทหารกล่าวกับสื่อท้องถิ่นเมื่อวันเสาร์นี้

    [ในที่สุดก็หางโผล่ รวมหัวกันตั้งแก๊งตำรวจโลกเถื่อนขึ้นมาเพื่อคลุมน่านน้ำสากล และเพื่อปิดทะเลของเกาหลีเหนือทางอ้อม ถ้าโดนตรอปิโดของคิมน้อย ก็อย่าโวยวายหละ ขนาดเรือสายลับของสหรัฐยังถูกเกาหลีเหนือยึดมาแล้ว และเรือรบผิวน้ำของเกาหลีใต้ก็ถูกจมมาแล้วนะ อาเบะอยากลองของบ้างหละสิ - ผู้แปล]

    แหล่งข่าวทางทหารของญี่ปุ่นกล่าวกับสำนักข่าว Kyodo รายงานว่า เรือรบหลายลำกำลังเฝ้าระวังในทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) และทะเลเหลือง (Yellow Sea) ทั้งทางตะวันออกและตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลี ตามคำร้องขอของสหรัฐ ตั้งแต่เดือนที่แล้ว (นายว่า ขี้ข้าก็ปฏิบัติตาม)

    เรือรบของญี่ปุ่นจะได้รับการแจ้งข่าวเกี่ยวกับสัญญาณที่น่าสงสัยโดยเครื่องบินทางทหาร จากนั้นก็จะส่งภาพถ่ายไปให้กับสหรัฐ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าตรวจค้นเรือ (พาณิชย์) เหล่านั้น สื่อรายงาน

    เมื่อวันศุกร์นี้ สหรัฐและอีก 16 ประเทศได้สัญญาว่าจะเข้าสกัดกั้นเรือลำใดๆ ที่มุ่งหน้าไปยังเกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกยูเอ็น ปฏิบัติตามการคว่ำบาตรเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาของยูเอ็น ซึ่งจะตัดการนำเข้าและระงับการเปลี่ยนน้ำมันจากเรือสู่เรือไปยังเกาหลีเหนือ

    ก่อนหน้านี้ ทางการเกาหลีใต้ได้ยึดเรือพาณิชย์ของต่างชาติได้สองลำ ซึ่งพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการถ่ายน้ำมันกลั่นจากเรือสู่เรือให้เกาหลีเหนือในทะเลสากล ในตอนแรกสื่อต่างๆ พากันประโคมข่าวว่าเป็นเรือของ "จีน" ต่อมาทางการเกาลีใต้เปิดเผยว่า เรือลำดังกล่าว เป็นเรือติดธงฮ่องกง เช่าโดยบริษัทของใต้หวัน บรรทุกน้ำมันของบริษัทญี่ปุ่นในเกาหลีใต้ ไปขายให้เกาหลีเหนือในทะเลสากล ลำที่สองเป็นเรือติดธงปานามา

    [ใครได้เงินจากธุรกิจนี้บ้าง? 1.) ฮ่องกงได้เงินจากการให้ไต้หวันเช่าเรือ 2.) ญี่ปุ่นได้เงินจากการขายน้ำมันให้ไต้หวัน 3.) ไต้หวันได้เงินจากการขายน้ำมันให้เกาหลีเหนือ 4.) เกาหลีใต้ได้เงินจากการเก็บภาษีน้ำมันจากญี่ปุ่น 5.) จีนและรัสเซียถูกด่า และถูกกล่าวหาว่าแอบขายน้ำมันให้เกาหลีเหนือจากเรือสู่เรือในทะเลสากล ทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

    วันนี้ญี่ปุ่นกับสหรัฐและเดอะแก๊ง เล่นมุก "ตำรวจโลกเถื่อน" เพื่อกลบความอัปยศของตนเอง และเป็นการปิดน่านน้ำของเกาหลีเหนือทางอ้อม - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    14/01/2561
    ----------
    https://sputniknews.com/asia/201801131060722222-japan-patrols-north-korea-stop-fuel/
    http://www.asahi.com/ajw/articles/AJ201801130013.html
    http://the-japan-news.com/news/article/0004178859
    https://www.japantimes.co.jp/news/2...ching-north-korea-smuggling-sea/#.WlpsNIX9724
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    IMG_8069.JPG

    "โดนัลด์ ทรัมป์ ปากของคุณนั่นแหละที่เป็นรูตูดที่โสโครกที่สุดในโลก ด้วยอำนาจอะไรที่คุณจะป่าวร้องว่าใครจะได้รับการต้อนรับและไม่ได้รับการต้อนรับในอเมริกา ความยิ่งใหญ่ของอเมริกานั้น สร้างมาจากความหลากหลาย หรือว่าคุณลืมกำพืดว่าคุณก็เคยเป็นผู้อพยพเข้าเมืองมาก่อน นายโดนัลด์?" Vicente Fox อดีตประธานาธิบดีเม็กซิโก (2000-2006) จวกทรัมป์ หลังทรัมป์เหยียดหยามประเทศยากจนและผิวสีว่าเป็น "ประเทศรูตูด"
    -----------
    https://sputniknews.com/us/201801131060726170-trump-fox-shithole-countries-remark/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วรวรรณ ธาราภูมิ

    IMG_8072.JPG IMG_8073.JPG IMG_8074.JPG IMG_8075.JPG IMG_8076.JPG IMG_8077.JPG IMG_8078.JPG IMG_8079.JPG IMG_8080.JPG IMG_8081.JPG IMG_8082.JPG IMG_8083.JPG

    Failed State ... Venezuela
    -----------------------------------
    ที่เศรษฐกิจของเวเนซุเอลาตกอยู่ในภาวะวิกฤติรุนแรง GDP ติดลบไป 18% ว่างงาน 21% ... มีสาเหตุจากราคาน้ำมันตกต่ำ อัตราเงินเฟ้อสูงลิ่ว (800% เมื่อ ธค ปี 2016 และ IMF คาดว่าจะเป็น 1660% ในปีที่แล้ว) และการคอร์รัปชันที่มีมายาวนาน

    มันแย่จนถึงขั้นประชาชนต้องออกปล้นสะดมและแย่งชิงอาหาร คุ้ยขยะกิน และกำลังลุกลามไปยังหลายเมือง

    (ภาพจาก Internert และ Twitter)
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    แตกตื่นทั้งเกาะ สหรัฐแจ้งเตือนประชาชน: "มีภัยคุกคามด้วยขีปนาวุธวิถีโค้งกำลังมุ่งมาทางฮาวาย หาที่กำบังทันที นี่ไม่ใช่การซ้อม, นี่คือการซ้อม" เอ๊ะยังไง?

    IMG_8084.JPG IMG_8085.JPG IMG_8086.JPG

    ----------

    วันที่ 13 ม.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "ขวัญหนีดีฝ่อทั้งรัฐ': ฮาวายเรียกร้องให้เร่งแก้ข่าวด่วนจี๋ หลังมีเกิดความผิดพลาดในการแจ้งเตือนภัยจากมิสไซล" (‘Whole state was terrified’: Hawaii urges ‘tough & quick’ reprisal for bogus missile alert)

    หลังจากทั่วทั้งรัฐฮาวายพากันตื่นตระหนกและหวาดกลัวสุดขีดเนื่องจากมีการแจ้งเตือนภัยถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธแบบกระทันหัน ประชาชนพากันโกรธเกรี้ยวต่อเจ้าหน้าที่ และเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบโดยด่วน สำหรับเหตุร้ายที่ไม่อาจจะอภัยให้ได้ในครั้งนี้

    วุฒิสมาชิก Brian Schatz รัฐฮาวาย กล่าวว่า "ทั่วทั้งรัฐต่างก็พากันตกอยู่ในความหวาดกลัว" หลังเกิดความผิดพลาดในการแจ้งเตือนภัยในตอนเช้าวันอาทิตย์นี้ ซึ่งกว่าจะมีการแก้ข่าว ต้องใช้เวลาถึง 38 นาที และได้เรียกร้องในมีการดำเนินการในทันที

    ได้เกิดความผิดพลาดในการส่งข้อความแจ้งเตือนประชาชนทั่วทั้งรัฐ ระหว่างการเปลี่ยนกะเจ้าหน้าที่ ที่สำนักงานบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินฮาวาย (Hawaii Emergency Management Agency) ซึ่งมีใครบางคนไปเผลอกดปุ่มผิด นาย David Ige ผู้ว่ารัฐฮาวายกล่าว (ระบบดังกล่าวจึงส่งข้อความ SMS ไปยังมือถือของประชาชนทั่วทั้งเกาะ)

    ข้อความที่ถูกส่งออกไปในก็คือ "มีภัยคุกคามด้วยขีปนาวุธวิถีโค้งกำลังมุ่งมาทางฮาวาย หาที่กำบังทันที นี่ไม่ใช่การฝึก"

    "พวกเรารีบพากันหลบเข้าที่กำบังทันที... ผมนั่งอยุ่ในอ่างอาบน้ำกับลูกๆของผม พร้อมกับสวดมนต์... ขณะนี้ผมโกรธมาก" Matt LoPresti วุฒิสมาชิกรัฐฮาวายจากพรรครีพับลิกันกล่าว และได้อธิบายถึงความตื่นตระหนกของตนเองต่อ CNN หลังเกิดการแจ้งเตือน (ที่ผิดพลาด)

    ต่อมาทางการท้องถิ่นก็ประกาศทางโทรทัศน์ว่า การแจ้งเตือนภัยก่อนหน้านี้ "เป็นการฝึกซ้อม" (กรรม!)

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    14/01/2561
    ----------
    https://www.rt.com/usa/415838-hawaii-false-missile-alert/
    http://thehill.com/homenews/senate/...-quick-accountability-for-totally-inexcusable

    https://sputniknews.com/us/201801131060734029-hawaii-alert-ballistic-missile-threat/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    บันทึกวิดีโอช่วงเวลาที่แน่นอนของ แผ่นดินไหว M7.3 ของ #Acari # Peru วันนี้วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561 มีรายงานว่ามีการเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 25 รายและมีบ้านหลายหลังบนพื้นดินและอื่น ๆ อีกมากมายที่มีความเสียหายเนื่องจาก # seism

    #Video registra el momento exacto del #terremoto M7.3 de #Acari #Perú , hoy domingo 14 de Enero , Se reporta 1 fallecido, 25 heridos y varias casas de adobe en el suelo, muchas otras con daños debido al fuerte #Sismo

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    FB_IMG_1515943786385.jpg FB_IMG_1515943789706.jpg

    14Jan2018
    • การเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง Mw7.1 ที่เปรูนั้น การเดินทางของคลื่น PKIKP ที่เดินทางเป็นเส้นตรงเกือบผ่านจุดศูนย์กลางโลก
    เกือบจะตรงกันกับประเทศไทยที่อยู่ด้านตรงข้ามของโลก (ภายใน 50 กม. Seismogram ) •

    ศึกษารายละเอียดค่า P Wave ที่นี่
    Seismic Shadow Zones: P wave- Incorporated Research Institutions for Seismology
    https://www.iris.edu/hq/inclass/animation/seismic_shadow_zones_p_wave

    # Cr. Anthony Lomax (France)

    Mw7.1 #earthquake Peru:
    > Seismogram recorded in Thailand, almost exactly (within 50km) at the opposite side of the Earth from the Peru epicenter: The PKIKP waves traveled along an almost straight line through the center of the Earth! alomax.free.fr/webtools/sgweb…
    iris.edu/hq/inclass/ani…

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    FB_IMG_1515943973467.jpg FB_IMG_1515943976882.jpg FB_IMG_1515943980326.jpg

    เกิดแผ่นดินไหว 7.1 บริเวณภาคใต้ของ PERU
    Magnitude Mw 7.1
    Region NEAR COAST OF SOUTHERN PERU
    Date time 2018-01-14 09:18:45.9 UTC
    Location 15.73 S ; 74.61 W
    Depth 41 km
    https://www.emsc-csem.org
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ติดต่อกัน 2 ครั้งที่เปรู




    FB_IMG_1515944321926.jpg FB_IMG_1515944325803.jpg FB_IMG_1515944329477.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2018
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Visudhi Punya
    นี่เป็นความผิดปกติของทะเล
    ที่เริ่มพบเห็นบ่อยขึ้นในหลายพื้นที่
    เมื่อทะเลมีคลื่นสูงซัดเข้าหาชายฝั่ง
    ลึกเข้ามาถึงแผ่นดินชายทะเลกันแล้วในขณะนี้
    เหมือนตอนเกิดคลื่นสึนามิซัดฝั่งไม่มีผิด

    นี่เป็นภาพของ Tidal Surge หรือ Storm Surge
    เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ที่ cubilleros ใน #asturias

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Visudhi Punya
    #เขตร้อนแต่น้ำเป็นน้ำแข็ง

    เมื่อวานนี้
    ที่ #maysan #governorate
    ทางใต้ของ taif ใน #ซาอุดีอาระเบีย
    อากาศหนาวจัดผิดปกติ
    จนน้ำในสระกลายเป็นน้ำแข็งอย่างที่เห็น

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ฉากเด็ด หนังดัง

    สุดยอดแห่งศาสตร์หมอ
    จากซีรี่ย์เรื่อง: The Good Doctor 2017

     

แชร์หน้านี้

Loading...