ติดตามสถานะการณ์

เขย่ากันเพลินเลย

 

ขนาดแผ่นดินไหวที่รายงานออกมาแน่ใจแล้วหรือว่าใช่

 

ปอกเปลือก ทรราช
รมว.ต่างประเทศสหรัฐขู่จะจัดการกับเกาหลีเหนือด้วย "ท่อนไม้ขนาดใหญ่" ไม่ใช่หัวแคร์รอตเพื่อเข้าสู่โต๊ะเจรจาหลายฝ่าย, เกาหลีใต้จับกุมหญิงเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่พยายามจะแปรพักตร์กลับไปอยู่เกาหลีเหนืออีกครั้ง กรรม!



------------

1.) วันที่ 17 ก.พ. 61 The Hill ของสหรัฐพาดหัวข่าวว่า "ทิลเลอร์สัน: สหรัฐจะใช้ 'ท่อนไม้ขนาดใหญ่', 'ไม่ใช่หัวแคร์รอต' เพื่อโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือเข้าสู่โต๊ะเจรจา" (Tillerson: US using 'large sticks,' not carrot, to convince North Korea to talk)

นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐได้กล่าวว่า ขณะนี้สหรัฐกำลังใช้ "ท่อนไม้ขนาดใหญ่" (large sticks) แทนที่จะเป็นหัวผักกาด เพื่อนำเกาหลีเหนือเข้าสู่โต๊ะเจรจาหลายฝ่าย

[เป็นการทูตแบบอเมริกันผู้ไม่นิยมความรุนแรง แต่เที่ยวก่อสงครามไปทั่วโลก ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่ว่าจะใช้ไฟบรรลัยกัลป์ (Fire & Furry) เพื่อทำลายเกาหลีเหนือทั้งประเทศ ฝ่ายคิมน้อยก็ขู่กลับว่า "ไม่กลัวโว๊ย" คิมน้อยก็มีนุกเหมือนกัน เจอสวนกลับแน่ ลองไหมหละ? สหรัฐไม่กล้า

จากนั้นทรัมป์ก็ออกมาท้าดวลขนาดปุ่มนุกแข่งกับคิมน้อย โดยอวดอ้างว่า "ปุ่มข้าใหญ่กว่าปุ่มเอ็งนะ" โดยมีโฆษกหญิงในทำเนียบขาวช่วยออกมารัปประกัน "ความใหญ่" ของปุ่มของทรัมป์ หลังจากที่คิมน้อย กระแอมเบาๆในช่วงปีใหม่ว่า "ปุ่มนุกไม่เคยห่างจากโต๊ทำงานของข้าพเจ้าเลยนะสหาย"

หลังจากที่สองเกาหลีเหนือแสดงความสนิทสนมว่าจะเจรจากัน แม้ว่าสหรัฐพยายามจะขัดขวางทุกทาง และผู้นำเกาหลีใต้ก็รับปากว่าจะเดินทางไปพบกับผู้นำเกาหลีเหนือตามคำเชิญ สหรัฐก็ออกมาขู่ว่า ถ้าพวกเอ็งไม่ให้ข้าเข้าร่วมวงสนทนาด้วย "โป้ง!" เจอไม้หน้าสามแน่ ไม่เล่นนุกแล้ว ลดดีกรีลงมาเป็น "ดุ้นไม้" แทน คงจะเก็บหัวแคร์รอตเอาไว้กินเอง หรือไม่ก็เอาไว้ทำอะไรซักอย่าง - ผู้แปล]

"เราจะไม่ใช้หัวผักกาดเพื่อโน้มน้วให้พวกเขามาเจรจา เรากำลังจะใช้ท่อนไม้ขนาดใหญ่ (ดุ้นใหญ่ๆ) และนั่นก็คือสิ่งที่พวกเขาจะต้องเข้าใจ" นายทิลเลอร์สันโวในการให้สัมภาษณ์กับนาย Margaret Brennan ในการบันทึกเทปรายการ "60 Minutes" ที่จะออกอากาศในวันอาทิตย์ทางสถานีโทรทัศน์ CBS News ของอเมริกัน

ทิลเลอร์สันโม้อีกว่า แคมเปญจ์การกดดันโดยสหรัฐและพันธมิตรต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมทั้งการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ กำลังกัดเกาหลีเหนือ

[ถ้า ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ได้ยินก็คงจะพากันหัวเราะลั่นแน่ๆ คว่ำบาตรได้ผลจริงๆ เพราะว่าพวกที่แอบขายน้ำมันเถื่อนให้เกาหลีเหนือกลางทะเลสากลก็คือพวกนี้นี่แหละ และพยายามกีดกันเจ้าอื่นด้วย โดยการส่งเรือรบและอากาศยานสอดแนมไปยังคาบสมุทรเกาหลีทำทีเป็นลาดตระเวนป้องกันการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนซึ่งเป็นการละเมิดมติยูเอ็น แต่พอถูกจับได้ กลับกลายเป็นว่า อุ๊ยส์! ไต้หวันเช่าเรือคนอื่นไปซื้อน้ำมันญี่ปุ่นในเกาหลีใต้ไปขายให้เกาหลีเหนือนี่เอง จากนั้นก็โวยวายว่าสงสัยจะเป็นเรือจีนและเป็นฝีมือรัสเซีย

17 ก.พ. 61 Yonhap News รายงานว่า สื่อเกาหลีเหนือบอกว่า กรุงเปียงยางไม่กระหาย (not thirsty) ที่จะเจรจากับสหรัฐ โดยอ้างคำพูดในหนังสือพิมพ์ของเกาหลีเหนือ - ผู้แปล]

2.) ข่าวที่สอง วันที่ 18 ก.ย. 61 Yonhap News ของเกาหลีใต้พาดหัวข่าวว่า "ชาวเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์ถูกจับกุมเนื่องจากพยายามส่งข้าวกลับไปยังกรุงเปียงยาง" (N. Korean defector arrested for sending rice to Pyongyang)

สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือคนหนึ่งได้ถูกจับกุม และถูกตั้งข้อหา "ในการสนับสนุนเกาหลีเหนือ" และ "กำลังเตรียมจะแปรพักตร์" กลับไปยังกรุงเปียงยาง ซึ่งทางเกาหลีใต้อ้างว่า "เป็นการละเมิดกฎหมายด้านความมั่นคงแห่งชาติ" (National Security Law) อัยการแถลงเมื่อวันอาทิตย์นี้

ผู้แปรพักตร์คนดังกล่าวถูกระบุว่าเป็น "ผู้หญิง" วัย 49 ปีเพียงคนเดียว ซึ่งต้องสงสัยส่งข้าวจำนวน 130 ตัน มูลค่า 105 ล้านวอน (US$97,000 ประมาณ 3,104,000 บาท) ไปให้กับกระทรวงความมั่นคงแห่งเกาหลีเหนือ สำนักอัยการเขต Suwon แห่งเกาหลีใต้แถลง

สื่อเกาหลีใต้รายงานอีกว่า ข้าว (ข้าวสาร?) เหล่านั้นได้ถูกส่งผ่านโบกเกอร์ในประเทศจีนสองครั้งเมื่อปีที่แล้ว อัยการกล่าว

ก่อนที่จะถูกจับกุม หญิงเกาหลีเหนือแปรพักตร์คนนี้ได้พยายามที่จะส่งข้าวไปยังเกาหลีเหนือซึ่งมีมูลค่า 80 ล้านวอน โดยผ่านโบกเกอร์

ผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือคนนี้ถูกตั้งข้อสงสัยอีกว่า เธอพยายามที่จะ "แปรพักตร์" กลับไปยังเกาหลีเหนืออีกครั้ง โดยที่เธอได้ขายบ้านของเธอในเกาหลีใต้ และเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวอื่นๆด้วย

สื่อเกาหลีใต้หยอดอีกว่า "มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือที่จะสมัครใจส่งข้าวไปให้องค์กรย่อยของรัฐบาลเกาหลีเหนือ"

หญิงชาวเกาหลีเหนือคนนี้ได้เข้าไปอยู่ในเกาหลีใต้ในปี 2011 และเริ่มทำการติดต่อกับรัฐบาลของฝ่ายเหนือเมื่อต้นปีที่แล้ว อัยการกล่าว และกล่าวเพิ่มอีกว่า เธอได้บอกับฝ่ายสอบสวนว่าเธอต้องการที่จะกลับไปยังเกาหลีเหนือเพื่ออยู่กับลูกชายของเธอที่นั่น

[รายนี้ไม่ใช่คนแรกที่แปรพักตร์ไปอยู่ที่เกาหลีใต้ และก็พยายามหนีกลับไปอยู่ที่เกาหลีเหนือบ้านเกิดของตนเองอีกครั้ง ปีที่แล้วก็มีเคสหนึ่ง รายนั้นเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ถูกหลอกให้ไปอยู่เกาหลีใต้ได้รับการปั้นให้เป็นดาราหุ่นเชิดของเกาหลีใต้และสหรัฐ เพื่อแสดงในรายการด่าและใส่ร้ายรัฐบาลเกาหลีเหนือตามสคริปต์ที่ฝ่ายต่อต้านเกาหลีเหนือเขียนให้รับบท

เธอสารภาพว่าเงินดี แต่ไม่มีความสุข เหงา มันไม่ใช่สังคมแบบที่เธอวาดฝันเอาไว้และได้ยินได้ฟังก่อนที่จะถูกพาตัวไปยังเกาหลีใต้ และสุดท้ายเธอก็สามารถหลบหนีกลับไปอยู่กับครอบครัวของเธอในเกาหลีเหนือได้อีกครั้ง รัฐบาลเกาหลีเหนือก็ไม่ได้เอาผิดอะไร มีผู้ชายชาวเกาหลีเหนือคนหนึ่งที่เคยแปรพักตร์ไปอยู่เกาหลีใต้และหลบหนีกลับไปอยู่เกาหลีเหนืออีกครั้งก่อนหน้านั้น มานั่งให้สัมภาษณ์ทางทีวีร่วมกับเธอด้วย

สือเกาหลีใต้เคยเปิดเผยว่า คนเกาหลีเหนือที่ถูกระบุว่าเป้นผู้แปรพักตร์นั้น ส่วนใหญ่ประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ (ถ้าจำไม่ผิด) จะเป็นหญิงสาว คนคนก็ถูกหลอกไปจากภายในเกาหลีเหนือ บางคนไปทำงานที่จีนและก็ถูกหลอกไปยังเกาหลีใต้อีกทอดหนึ่ง ขั้นแรกทางการเกาหลีใต้จะจับกุมหรือกักขังคนเหล่านี้ไว้เป็นเวลา 180 วัน (ต่อมาลดเหลือ 90 วัน) เพื่อเข้ากระบวนการปรับทัศนคติ "ล้างสมอง" และลงชื่อในบัญชี "ผู้แปรพักตร์" ถึงจะได้รับสิทธิพิเศษ บัตรประจำตัว ค่าเลี้ยงชีพ และได้งานทำ

ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า หญิงสาวเกาหลีเหนือที่ถูกเรียกว่า "ผู้แปรพักตร์" เหล่านั้นถูกส่งไปทำงานอะไร ที่ไหนบ้าง .... และก็มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จในการแปรพักตร์อีกรอบ เพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง

ผลการสำรวจความคิดเห็นพบว่ามีผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือราว 20% ประสงค์จะกลับไปอยู่ที่เกาหลีเหนือ Yonhap News รายงาน (31 ม.ค. 61) ต้นเดือนมกรคมปีนี้ สื่อเกาหลีใต้รายงานว่าในปี 2017 อัตราชาวเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์ลดลงถึง 21% เมื่อเทียบกับปี 2016 - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
18/02/2561
----------
http://thehill.com/homenews/adminis...-sticks-not-carrot-to-convince-north-korea-to
http://english.yonhapnews.co.kr/national/2018/02/18/0302000000AEN20180218001600315.html
http://english.yonhapnews.co.kr/search1/2603000000.html?cid=AEN20180213002700315
http://english.yonhapnews.co.kr/search1/2603000000.html?cid=AEN20180212004651315
http://english.yonhapnews.co.kr/search1/2603000000.html?cid=AEN20180131010000315
http://english.yonhapnews.co.kr/search1/2603000000.html?cid=AEN20180105004000315
http://english.yonhapnews.co.kr/search1/2603000000.html?cid=AEN20180217001900315
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&no=5801
http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&no=5798

 

เกิดแผ่นดินไหวระดับ 4.4 ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษและเซาท์เวลส์
เผยแพร่: 18 ก.พ. 2561 11:59:00 โดย: MGR Online

เอเจนซีส์ – สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาอังกฤษ แถลงว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นวันเสาร์(17 ก.พ) 4.4 แมกนิจูด เกิดขึ้นที่ระดับความลึก 12 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเวนซี(Swansea)

สื่อ PA รายงานเมื่อวานนี้(17 ก.พ)ว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษและเซาท์เวลส์สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาอังกฤษ BGS ชี้ว่า ความแรงของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นมีความแรง 4.4 แมกนิจูด และจะเกิดในอังกฤษทุก 2 -3 ปีเท่านั้น

และสำนักงาน BGS แถลงผ่านททวีตเตอร์ว่า พบว่าแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในเวลา 14.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันเสาร์(17)

เดอะซัน สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า โฆษกของสำนักงาน BGS กล่าวว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ห่างจากเบอร์มิงแฮม( Birmingham) และเดวอน( Devon)

ซึ่งทาง BGS แถลงว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ระดับความลึก 12 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเวนซี(Swansea) ซึ่งศูนย์กลางแผ่นดินไหว อ้างอิงจากดิอินดีเพนเดนต์ สื่ออังกฤษ เกิดขึ้นห่างไป 8 ไมล์นอกสเวนซี

ทั้งนี้พบว่าประชาชนในทั่วทั้งภูมิภาคกล่าวว่า ต่างรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ถึงสิ่งที่พวกเขาคาดว่าเป็นแผ่นดินไหวในวันเสาร์(17) อย่างไรก็ตาม เดอะซันชี้ว่า บรรดาประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเซาท์เวลส์ได้รับรู้แรงสั่นสะเทือนมากที่สุด

ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหาย หรือบาดเจ็บเกิดขึ้น เว้นแต่ในรายผู้บาดเจ็บ 1 รายในบาร์นสลีย์( Barnsley) ของเซาท์ยอร์กส์( South Yorks )ได้รับบาดเจ็บหลังจากปล่องไฟเกิดถล่มลงมาทับใส่

ซึ่งตำรวจของเซาท์เลส์เผยว่า ได้รับโทรศัพท์ร้องเรียนจำนวนมากต่อเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น โดยโฆษกตำรวจเซาท์เวลส์กล่าวว่า “มีแผ่นดินไหวระดับย่อมเกิดทั่วเซาท์เวลส์”

ส่วนหน่วยดับเพลิงและกู้ภัยเดวอน อ้างอิงการรายงานจากดิอินดีเพนเดนต์ สื่ออังกฤษ พวกเขาได้รับโทรศัพท์ไม่ต่ำกว่า 6 ครั้งแจ้งเหตุเกี่ยวข้องกับความเสียหายของทรัพย์สิน และได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปที่ 2 จุดเพื่อตรวจดูให้ในใจว่าอาคารเหล่านั้นอยู่ในสภาพปลอดภัย

“ทางเราได้เดินทางไปตรวจบ้านที่เขตโนว์เล(Knowle)เพื่อดูว่ามีความเสียหายหรือไม่ แต่ไม่พบความผิดปกติ” และกล่าวต่อว่า “และทางเราขอให้ทุกคนที่สงสัยในสิ่งที่คล้ายกันนี้ ขอให้ติดต่อวิศวกรโครงสร้างหรือผู้ให้เช่า”

PA รายงานเพิ่มเติมว่า หนึ่งในผู้ที่ได้รับรู้แผ่นดินไหวในอังกฤษหลังเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2008 คือ มาร์ค ไวแอตต์(Mark Wyatt) นักศึกษาปีที่ 3 มหาวิทยาลัยคาร์ดิฟ( Cardiff University ) ขณะที่เขากำลังจะเข้าบ้านในย่านในกลางเมืองได้ยินเสียงที่แปลกมาก คล้ายกับเสียงอะไรสักอย่างกำลังถล่มในเวลาราว 14.30 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลารายงานว่ามีการเกิดแผ่นดินไหวขึ้น

ไวแอตต์วัย 21 ปีกล่าวว่า “พวกเราได้ยินเสียงก่อนที่จะเกิดแรงสั่นสะเทือน และบ้านทั้งหลังสั้นไปราวไม่กี่นาทีก่อนที่จะสงบ”

และนอกจากนี้มีรายงานว่า แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ข้ามช่องแคบบริสโตล (the Bristol Channel )และข้ามเข้าไปถึงในอังกฤษ

คลิก>>https://mgronline.com/around/detail/9610000016605

#MGRonline #เกิดแผ่นดินไหว #ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษและเซาท์เวลส์

 

เก็บตกตะวันออกกลาง

#ชาวอิสราเอลหลายพันคนชุมนุมขับไล่'เนทันยาฮู ' หลังตำรวจเสนอฟ้องข้อหารับสินบน!!!

ประชาชนชาวอิสราเอลหลายพันคนออกมาเดินขบวนต่อต้านคอรัปชันในกรุงเทลอาวีฟในวันศุกร์(16ก.พ.) นับเป็นการประท้วงครั้งแรก ตั้งแต่ตำรวจเสนออัยการให้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีในข้อกล่าวหาคอรัปชัน

ผู้ชุมนุมหลายพันคนรวมตัวประท้วงเรียกร้องให้ เนทันยาฮู ลาออกจากตำแหน่ง ชูป้ายข้อความว่า "นายกรัฐมนตรีอาชญากร" และ"ลาก่อน บิบิ" อ้างถึงชื่อเล่นของผู้นำอิสราเอล

ขณะเดียวกันเหล่าผู้ชุมนุมยังพากันตะโกนรับกึกก้องว่า "ขี้โกหก ขี้โกหก" ตอบรับแกนนำคนหนึ่งซึ่งตะโกนแดกกันคำพูดของเนทันยาฮูที่กล่าวซ้ำๆถึงข้อกล่าวหาต่างๆว่า "มันไม่มีอะไร เพราะมันไม่มีอะไร"

เมื่อวันอังคาร(13ก.พ.) ตำรวจเสนอให้อัยการสั่งฟ้อง เนทันยาฮู วัย 68 ปี ฐานรับสินบน ฉ้อฉลและทำลายความน่าเชื่อถือไว้วางใจในหน่วยงานของภาครัฐ ในความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดที่นายกรัฐมนตรีฝ่ายขวารายนี้ต้องเผชิญ นับตั้งแต่ครองอำนาจมาอย่างยาวนาน

ตำรวจดำเนินการสืบสวน เนทันยาฮู ในความต้องสงสัย รับของกำนัลมูลค่าหลายพันดอลลาร์ ในนั้นรวมซิการ์ราคาแพง,แชมเปญ, เครื่องประดับและอื่นๆ มูลค่าราว 283,000 ดอลลาร์ จากเหล่าเศรษฐีผู้สนับสนุนทั้งในและต่างประเทศ อาทิ อาร์นอน มิลชาน ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูดชาวยิว และเจมส์ แพ็กเกอร์ มหาเศรษฐีชาวออสเตรเลีย ระหว่างปี 2007-2016

ขณะเดียวกัน ตำรวจยังได้สืบสวนคำกล่าวหาที่ว่า เนทันยาฮู อาจมีส่วนรู้เห็นกับ “ข้อตกลงลับ” ที่ช่วยให้เขาได้พื้นที่ข่าว “เชิงบวก” มากขึ้น บนหนังสือพิมพ์ “ยีดิออต อาฮาโรนอต” สื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ ในขณะที่เงื่อนไขคือการที่ผู้นำอิสราเอลเข้าควบคุมการทำงานของ “อิสราเอล ฮายิม” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์คู่แข่งของยีดิออต อาฮาโรนอต

เนทันยาฮู ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมานานกว่า 1 ทศวรรษ กล่าวหาตำรวจและสื่อมวลชนว่ากำลังไล่ล่าแม่มด ขณะที่เวลานี้การเดินหน้าตั้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการต่อ เนทันยาฮู หรือไม่ จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสำนักงานอัยการ

https://mgronline.com/around/detail/9610000016342

http://www.irna.ir/fa/News/82834042

 

ใกล้ถึง ｡｡ ปากประตูนรก

Israel "Preparing For War In North", Boosts Air Defenses; Warns Iran

• สำหรับ 'ตะวันออกกลาง' ช่วงนี้ ต้องเรียกว่า...สับสน ยุ่งเหยิง อลหม่าน เฉพาะแค่สมรภูมิเยเมน ทีรบยืดเยื้อต่อเนื่องกันมากว่า 3 ปี แต่แทนที่จะเป็นการใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมในการต่อสู้ การทำสงครามระหว่างผู้บุกรุกอย่างกองทัพซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรกลุ่มประเทศอ่าวกับบรรดาพวกกบฏฮูตี

• ฝ่ายนักรบฮูซีล่าสุด...กองกำลังอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายซาอุดีอาระเบีย กับกองกำลังอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายยูเออี ที่น่าจะเป็นฝ่ายเดียวกัน กลับหันมาเปิดฉากยิงกัน ใส่กันเอง อย่างเป็นกิจการ ชนิดแทบไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน อันถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นค่อนข้างชัดเจนว่า สัมพันธภาพระหว่างบรรดาพันธมิตรกลุ่มประเทศอ่าวด้วยกัน ไม่ว่าระหว่างซาอุดีอาระเบียกับกาตาร์ก่อนหน้านี้ หรือซาอุดีอาระเบียกับยูเออี เมื่อถึง ณ ขณะนี้ น่าจะออกไปทางแก้ไขกลับคืนมาไม่ได้แบบเละตุ้มเป๊ะยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

• ไม่ต่างไปจากแถบพรมแดนซีเรีย-ตุรกี...ที่พวกกบฏชาวเคิร์ดซึ่งเคยร่วมต่อสู้ขับไล่พวกผู้ก่อการร้ายรัฐอิสลาม หรือ Islamic State โดยได้รับการหนุนหลังจากอสูรกายร้ายแห่งอเมริกา ดันต้องเจอกับกองทัพตุรกีไสรถถัง ปืนใหญ่ กรูเข้ามาถล่มถึงภายในพรมแดนซีเรีย โดยมีรัสเซียและรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาดได้แต่เป็นผู้สังเกตการณ์ยืนดูอยู่ห่าง ๆ

• เพราะอย่างน้อย...ก็ถือเป็นการตัดกำลังอเมริกาโดยทางตรงและทางอ้อม ที่พยายามหาจังหวะ โอกาส เพิ่มที่ยืน ดิ้นรนหาช่องทางต่ออายุบัตรสมาชิก 'ผู้ล่าขุมทรัพย์ทะเลทราย' ที่เป็นทองคำสีดำในพื้นที่ประเทศซีเรียต่อไปให้จงได้

• การล่าอาณานิคมยุคใหม่ที่ใช้ลัทธิประชาธิปไตยเป็นใบเบิกทางเพื่อสร้างหุ่นเชิดทางการเมือง ในกลยุทธ์การตักตวงผลประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติที่อเมริกาใช้เป็นศาสตร์แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อสร้างอาณาจักรให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองมั่นคง

• แต่เค้าลางสิ่งร้าย ๆ เริ่มย่างกรายเข้ามาสู่ 'จุดพลิกผัน' ทำให้นักฆ่าเติมเงินแตกดับจากแผนลับลวงพรางที่รัสเซียแจกจ่ายอย่างทั่วถึง เมื่อภาวะจำยอมของนักล่าจำเป็นต้องเปิดยุทธการ 'ความอำมหิตสายพันธุ์ฆ่าอมตะ ที่เหี้ยมกว่านี้ไม่มีในโลก และจะขอชั่วไม่สิ้นสุดแห่งกาลเวลา'

• การจำแนกแยกแยะ ว่าใครเป็นใคร จึงออกจะชุลมุนอยู่พอสมควร และทำให้บรรยากาศความตึงเครียด ยิ่งเพิ่มความสลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ยิ่งขึ้นไปอีก

• เมื่อเวลาเหลือน้อยลงทุกที เทวากับซาตานจึงต้องเผยโฉมหน้าที่แท้จริง ไม่ต้องเสียเวลาตัวสำรองอีกต่อไป ได้เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญบริเวณแนวเขตแดนอิสราเอลที่ขึงพืดยืดยาวต่อไปยังเลบานอนและซีเรียนั่นเอง ระหว่างนี้...ถึงขั้นบุกเข้าไปถล่มด้วยเครื่องบินโจมตีกันเป็นจุด ๆ และฝ่ายที่ถูกถล่มหันมาตอบโต้ด้วยระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ ชนิดเครื่องบิน F-16 ของอิสราเอลร่วงหล่นเสียชื่อกันไปมิใช่น้อย หลังจากที่ได้ส่งฝูงบินเข้าไปถล่มพื้นที่ซึ่งอ้างว่า เป็นที่ตั้งของหน่วยทหารอิหร่านในซีเรีย ส่วนอะไรจริง อะไรเท็จ อะไรถูก อะไรผิด อย่าเพิ่งไปเสียเวลาสนใจให้มากเรื่อง

• สำนักคิดทางสังคมศาสตร์ ท่านเคยสรุปเป็นวาทะเอาไว้ว่า 'เมื่อใดที่สงครามเริ่มต้น...ความจริงจะถูกประหัตประหารก่อนอื่น' ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าใครถูก ใครผิด ก็คือว่า...การที่ภาวะเผชิญหน้าระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ซึ่งเคยหนักไปการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง หรือไม่ก็แอบส่งเสริม และสนับสนุนอาศัยตัวกลาง คนกลาง หรือใครต่อใครเป็น 'เครื่องมือ' ในการเล่นงานซึ่งกันและกัน มาถึง ณ ขณะนี้...มันชักเริ่มกลายเป็นการใส่กันตรง ๆ ซัดกันแบบซึ่ง ๆ หน้า โดยไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไปอ้อมมาอีกต่อไป

• อันนี้นี่แหละ...ที่ต้องพยายามตามไปดูให้ติด ๆ เข้าไว้ เพราะถือเป็น 'ศึกเขตกระสุนเจาะกะโหลกกระชากวิญญาณ' เนื่องจากต่างฝ่ายต่างก็ 'ระห่ำ' ไปด้วยกันทั้งคู่ และต่างเตรียมตัว เตรียมพร้อม มานานแล้วด้วยกันทั้งสองฝ่าย เมื่อสหรัฐอเมริกาและอิสราเอลได้ร่วมลงนามในข้อตกลงทางยุทธศาสตร์และนโยบายจัดตั้งกองกำลังผสม

• กองกำลังหรือหน่วยผสมที่ว่าประกอบด้วยทีมงาน 4 ทีมที่จะร่วมมือกันบั่นทอนพลังอำนาจในทุก ๆ ด้านของอิหร่าน ต้องไร้เสถียรภาพทางการเมือง ทำลายโครงสร้างสังคม เป็นถนนสายใบไม้ร่วงจากการประท้วงที่ใช้ความรุนแรงก่อให้เกิดความวุ่นวายจะกลายเป็นการจลาจล เพื่อง่ายต่อการจะใช้กำลังปฏิบัติภารกิจที่มุ่งสู่เป้าหมายทลายศัตรูให้ราบคาบ

❶ รับผิดชอบในการยับยั้ง ตอบโต้บทบาททางทหารของอิหร่านในซีเรีย รวมทั้งเครือข่ายองค์กรเฮซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ในเลบานอน ขบวนการฮามาส (Hamas) ในปาเลสไตน์

❷ รับผิดชอบด้านการทูตและข่าวกรอง หรือปฏิบัติการจิตวิทยา ที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องหาทางทำลายความชอบธรรมในทุก ๆ ด้านของอิหร่าน โดยเฉพาะความทะเยอทะยานในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

❸ รับหน้าที่ตรวจสอบและสกัดกั้นความเคลื่อนไหวในการพัฒนาขีปนาวุธทุกรูปแบบของอิหร่าน โดยเฉพาะการเพิ่มความแม่นยำให้กับระบบขีปนาวุธแต่ละชนิด เพื่อไม่ให้ขีดความสามารถของอาวุธเหล่านี้ถูกแพร่กระจายเข้าไปยังซีเรีย เลบานอน และฉนวนกาซา

❹ กองกำลังภาคพื้นดิน ที่เตรียมการเอาไว้สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งที่ถูกยกระดับขึ้นมา ไม่ว่าจากอิหร่านโดยตรง หรือจากกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ และขบวนการฮามาสประมาณกองกำลังผสมที่ทำหน้าที่ 'รุก รบ จบเร็ว'

• พูดง่าย ๆ ว่าแทบไม่ต่างอะไรไปจาก 'การประกาศสงครามอย่างไม่เป็นทางการ' กับอิหร่านนั่นเอง ไม่ต้องอาศัยสงครามตัวแทนแบบที่เคยทำในซีเรีย ลิเบีย หรือเยเมนอีกต่อไปแล้ว แต่พร้อมที่จะดวลกันหมัดต่อหมัด ถ้าหาก 'เงื่อนไข' และ 'เหตุปัจจัย' ถึงพร้อมขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ตาม แนวรบด้านตะวันออกกลางจึงไม่เพียงไม่เปลี่ยนแปลงคือไม่มีดวงตะวันแห่ง 'สันติภาพ' หลงเหลืออยู่เหมือนอย่างเคย แต่ยังสามารถจุดชนวนสงครามใหม่ ๆ ได้ทุกเมื่อ

• บรรณานุกรม :

Credit : https://www.zerohedge.com/news/2018-02-11/israel-preparing-war-north-boosts-air-defenses-warns-iran

Credit : https://www.zerohedge.com/news/2018...-ballistic-missiles-after-israel-attack-syria

Credit : http://www.middleeasteye.net/content/11

 

แผ่นดินไหวรอบๆ เยลโล่สโตน

WEST Yellowstones today ( montana ) Eartquakes and more for today ...
-17 minutes ago. February 18 2018 05:53 AM 2.9 North-America United States Montana West Yellowstone USGS There are volcano(s) nearby the epicenter.
- 33 minutes ago. February 18 2018 05:37 AM 3.0 North-America United States Montana West Yellowstone USGS There are volcano(s) nearby the epicenter.
- 1 hours ago. February 18 2018 04:28 AM 2.6 North-America United States Montana West Yellowstone
-1 hours ago. February 18 2018 04:28 AM 2.6 North-America United States Montana West Yellowstone USGS There are volcano(s) nearby the epicenter.

 

In Pics : สุดมึน “แบล็กฮอว์กตก! แต่ “รมว.มหาดไทยเม็กซิโก” บนเครื่องรอดปาฎิหาริย์ ส่วนข้างล่างดับ 13 เจ็บ 15 รถตู้พังไป 2 คัน บินสำรวจแผ่นดินไหวรัฐวาฮากา



เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ UH-60 แบล็กฮอว์กของกองทัพเม็กซิโกที่ขนรัฐมนตรีมหาดไทยแดนจังโก้ รวมผู้ว่าการัฐวาฮากาเกิดตกในรัฐทางใต้ของประเทศ เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 15 ราย แต่ตัวรัฐมนตรีและผู้ว่าการรัฐวาฮากาบนฮ.ไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดขึ้นในขณะที่ฮ.กำลังบินเข้าใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวระดับ 7.2 ที่เกิดในคืนวันศุกร์(16 ก.พ)เมืองซานเตียโก ยามิลเตเปค( Santiago Jamiltepec) รัฐวาฮากา( Oaxaca)

คลิก>>https://mgronline.com/around/detail/9610000016627

#MGROnline #แบล็กฮอว์กตก #เฮลิคอปเตอร์ #รมว_มหาดไทย #เม็กซิโก #รัฐวาฮากา

 

Update: สายการบินแถลง: เสียชีวิตยกลำ 66 คน เครื่องบินโดยสารอิหร่านโหม่งภูเขา
เผยแพร่: 18 ก.พ. 2561 16:09:00 โดย: MGR Online

เอเอฟพี/บีบีซีนิวส์– ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 66 คนเสียชีวิต เมื่อเครื่องบินอิหร่านลำหนึ่งตกโหม่งโลกบริเวณเทือกเขาซากรอส ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศในวันนี้ (18 ก.พ.) โฆษกของสายการบินบอกกับสถานีโทรทัศน์รัฐบาล

“หลังจากการค้นหาในบริเวณดังกล่าว โชคร้ายที่เราได้รับแจ้งว่าเครื่องบินได้ตกลงโหม่งพื้น โชคร้ายที่ผู้เป็นที่รักของพวกเราทั้งหมดได้สูญเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้” โมฮัมหมัด ตาบาตาไบ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสายการบินอาเซมานแอร์ไลนส์ บอกกับสถานีโทรทัศน์ ไออาร์ไอบี ของรัฐบาล

https://mgronline.com/around/detail/9610000016670

 

น้ำตาคลอทั้งห้องส่ง...บทเพลงจากคุณครูและเด็กๆ ชาวเขาจีน

ทำเอาบรรดากรรมการและผู้ชมซึ้งใจไปตามๆกัน หลังคุณครูเหลียงจวิ้นครูที่ไปสอนหนังสือเด็กชนกลุ่มน้อยบนเขาอูเหมิง มณฑลกุ้ยโจว เมื่อปี 2013 พาเสี่ยวเหลียง เด็กนักเรียนหญิงที่มีเสียงใสกังวานพร้อมเพื่อนๆ มาโชว์ร้องเพลงในรายการวาไรตี้ของช่องCCTV

โดยบทเพลงในคลิปแต่งขึ้นมาจากบทกวีจีนที่กล่าวว่า "ในมุมที่แสงอาทิตย์สาดส่องมาไม่ถึง ดอกหญ้ายังเติบโตตามกาลเวลา แม้ดอกจะเล็กจิ๋วเท่าเมล็ดข้าว แต่พวกเจ้าจงกล้าที่จะเบ่งบานดังดอกโบตั๋น"

คุณครูบอกว่าที่เลือกเพลงนี้ให้เด็กๆ ร้องเพราะอยากให้พวกเขารักและรู้ถึงคุณค่าของชีวิต เพราะเด็กๆเหล่านี้แม้จะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ลำบากเหมือนกับดอกหญ้าในมุมอับชื้นบนเขา แต่หากนำแว่นขยายไปส่องก็จะเห็นว่ามันสวยงามและมีชีวิตชีวา หมายความว่าดอกหญ้าเหล่านี้จริงๆ แล้วก็สามารถผลิบานและสวยงามเหมือนดอกโบตั๋นได้

คุณครูกล่าวว่าตนก็เคยเป็นเด็กที่ใช้ชีวิตบนเขาเหมือนกัน แถมไม่ใช่คนที่หล่อหรือคนที่เรียนเก่งที่สุดในห้อง แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะอยากให้เด็กๆ เห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่ภายในมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก

 

เพนตากอนยืนกรานสอบสวนต่อไป พวกพยายามเข้าโจมตีทหารสหรัฐฯในซีเรีย เป็นนักรบรับจ้างชาวรัสเซียใช่ไหม?
เผยแพร่: 19 ก.พ. 2561 00:59:00 โดย: MGR Online


ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2018 ที่บริเวณใกล้ๆ เมืองมานบิจ ทางภาคเหนือของซีเรีย แสดงให้เห็น พลตรี เจมี จาร์ราร์ด แห่งกองทัพบกสหรัฐฯ (ซ้าย) จับมือแสดงความขอบคุณ มูฮัมเหม็ด อบู อาดีล ผู้นำคนหนึ่งของกองกำลังกบฏซีเรีย SDF ที่สหรัฐฯหนุนหลังอยู่ ทั้งนี้ตามรายงานข่าวในเวลาต่อมาระบุว่า ในวันนั้นฝ่ายอเมริกันได้โจมตีถล่มกองกำลังนิยมรัฐบาลซีเรีย ซึ่งพยายามเข้าตีที่มั่นของกองทหารสหรัฐฯและกองกำลังเอสดีเอฟ ทำให้กองกำลังเหล่านี้เสียหายหนัก และปรากฏว่าในหมู่ผู้เสียชีวิตมีหลายคนเป็นพลเมืองรัสเซียที่เป็นนักรบรับจ้าง

รอยเตอร์/เอเอฟพี – รัฐมนตรีกลาโหม จิม แมตทิส ของสหรัฐฯ ให้คำมั่นในวันเสาร์ (17 ก.พ.) ที่จะทำการสอบสวนเหตุการณ์โจมตีในซีเรียเมื่อวันที่ 7 เดือนนี้ ต่อกองทหารอเมริกันและกองกำลังกบฎซีเรียที่สหรัฐฯหนุนหลังอยู่ ทั้งนี้เขาแสดงการรับรู้รายงานข่าวที่บอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพลเรือนชาวรัสเซียที่เป็นทหารรับจ้าง แต่ก็หยุดเพียงเท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นกล่าวหามอสโกว่าเป็นผู้ประสานวางแผนการโจมตีครั้งนั้น

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเอาไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า มีชายประมาณ 300 คนได้ถูกสังหารหรือได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในซีเรีย ขณะที่พวกเขากำลังทำงานอยู่กับบริษัททหารรับจ้างรัสเซีย โดยที่บริษัทดังกล่าวซึ่งมีสื่อบางแห่งระบุว่าชื่อ “วากเนอร์” มีความเกี่ยวข้องโยงใยกับวังเครมลิน

ในเวลาใกล้เคียงกันนั้นเอง สหรัฐฯก็ได้ประมาณการว่า มีกองกำลังฝักใฝ่รัฐบาลซีเรียจำนวนราว 100 คนถูกสังหาร จากการที่สหรัฐฯทำการโจมตีขนานใหญ่เพื่อขับไล่ปราบปรามกลุ่มคนเหล่านี้ ขณะพยายามเข้าโจมตีกองทหารอเมริกันและกองกำลังที่วอชิงตันหนุนหลังอยู่ซึ่งมีชื่อเรียกขานว่า “กองกำลังฝ่ายประชาธิปไตยชาวซีเรีย” (Syrian Democratic Forces หรือ SDF) เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ในจังหวัดเดอีร์ เอซซอร์ ทางภาคตะวันออกของซีเรีย

ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารของรัสเซียหลายรายได้แจ้งกับสหรัฐฯในระหว่างเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวว่ามอสโกไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย โดยที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ก็ใช้ท่าทีไม่แสดงความเห็นใดๆ เรื่อยมาในเรื่องที่ว่ากองกำลังโปรรัฐบาลซีเรียที่พยายามเข้าตีฝ่ายอเมริกันในวันนั้นเป็นพวกไหนแน่ๆ และในตอนนี้แมตทิสยังคงแสดงอาการงุนงงไม่กระจ่าง ในการอธิบายแก่ผู้สื่อข่าวภายหลังเหตุการณ์ผ่านมาได้ 10 วันแล้ว

“ผมยังคงไม่สามารถให้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมใดๆ แก่พวกคุณ ในเรื่องที่ว่าพวกนั้นเค้าจะทำเรื่องนี้ด้วยเหตุผลอะไร แต่พวกเขาต้องได้รับการชี้นำสั่งการจากใครบางคนแน่ๆ” แมตทิศกล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวซึ่งกำลังบินกลับกรุงวอชิงตันพร้อมกับเขา หลังการเดินทางไปเยือนยุโรป ทั้งนี้ตามเอกสารถอดคำให้สัมภาษณ์ของเพนตากอน

“มันเป็นการชี้นำสั่งการในระดับท้องถิ่นใช่ไหม มันมาจากแหล่งที่มาซึ่งอยู่ภายนอกใช่หรือเปล่า อย่ามาถามผมเลยครับ ผมไม่ทราบ”



จิม แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ในภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 7 ก.พ. 2018

แมตทิสบอกว่า เขา “เข้าใจดี” ว่ามอสโกได้ยอมรับแล้วว่ามีพวกรับจ้างเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายแจกแจงว่าความเข้าใจนี้มาจากการอ่านรายงานข่าวทางสื่อหรือเปล่า โดยที่พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า พลเรือนชาวรัสเซียจำนวน 5 คนอาจจะถูกสังหารในการปะทะกับพวกกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ

กระนั้น พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับว่าพวกเขาได้นำเอานักรบทำสัญญารับจ้างภาคเอกชนเข้าปฏิบัติการในซีเรีย โดยกล่าวว่าการปรากฏตัวทางทหารของมอสโกในซีเรียนั้นมีเพียงการดำเนินการโจมตีทางอากาศ, มีฐานทัพเรือ 1 แห่ง, มีครูฝึกทหารกำลังให้การอบรมกองกำลังต่างๆ ของชาวซีเรีย, และทหารหน่วยรบพิเศษจำนวนจำกัดจำนวนหนึ่ง

ถึงแม้ตามรายงานข่าวของรอยเตอร์ซึ่งอ้างอิงผู้คนที่มีความคุ้นเคยกับการว่าจ้างเช่นนี้ระบุว่า รัสเซียกำลังใช้พวกทำสัญญารับจ้างเป็นจำนวนที่มากทีเดียวในซีเรีย เนื่องจากการทำเช่นนี้จะทำให้มอสโกมีกองกำลังในภาคพื้นดินเพิ่มมากขึ้นโดยไม่ต้องเสี่ยงนำเอาทหารหน่วยปกติเข้าไป เนื่องจากถ้าทหารเกิดการเสียชีวิต ก็จะต้องมีการแสดงความรับผิดชอบต่างๆ ติดตามมา

ผู้คนที่คุ้นเคยกับการว่าจ้างเช่นนี้กล่าวต่อไปว่า พวกที่ทำสัญญารับจ้างเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นอดีตทหาร และปฏิบัติภารกิจต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพรัสเซีย พวกเขาเกือบทั้งหมดเป็นพลเมืองรัสเซีย ถึงแม้มีบ้างบางคนถือพาสปอร์ตของยูเครนและของเซอร์เบีย



ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 12 ธ.ค. 2017 ขณะประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวปราศรัยกับกองทหารรัสเซียซึ่งประจำอยู่ที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม ในซีเรีย

ขณะที่สหรัฐฯกับรัสเซียต่างฝ่ายต่างหนุนหลังพวกที่สู้รบเป็นปรปักษ์กันอยู่ในสงครามความขัดแย้งซีเรีย แต่ก็มีความพยายามเป็นอย่างมากที่จะสร้างความมั่นใจขึ้นมาว่ากองกำลังของพวกเขาเองจะไม่เกิดปะทะต่อสู้กันโดยบังเอิญ กระนั้นจากการที่มีนักรบทำสัญญาจ้างชาวรัสเซียปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้ จึงเป็นการเพิ่มส่วนประกอบที่ไม่อาจคาดการณ์ได้อีกตัวหนึ่ง

กองทัพสหรัฐฯได้แถลงก่อนหน้านี้ว่า ในการขับไล่ปราบปรามพวกที่เข้าโจมตีเมื่อวันที่ 7 ก.พ. กองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯได้ขอให้กำลังทางอากาศเข้าถล่มโจมตีอยู่เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง โดยที่มีการใช้ทั้ง เครื่องบินขับไล่ เอฟ-15 อี, โดรน เอ็มคิว-9, เครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52, กันชิป เอซี-130, และเฮลิคอปเตอร์ เอเอช-64 อาปาเช่

กองทัพสหรัฐฯระบุด้วยว่า กองกำลังที่พยายามเข้ามาโจมตีนี้ มีการผูกพันธมิตรกับกองกำลังรัฐบาลซีเรีย และได้รับการสนับสนุนด้วยปืนใหญ่, รถถัง, ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง, และปืนครก

“ผมสงสัยว่าเป็นไปได้หรือที่ผู้คนทั้งหมด 257 คน จะเกิดตัดสินใจด้วยตัวพวกเขาเอง และจู่ๆ ก็ข้ามแม่น้ำเข้ามายังดินแดนของข้าศึก และเริ่มต้นระดมยิงใส่ที่มั่นแห่งหนึ่ง และเคลื่อนขบวนรถถังเข้าโจมตีที่มั่นแห่งนั้น” แมตทิสกล่าว

“ดังนั้น ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เราก็จะพยายามสร้างความกระจ่าง แน่นอนทีเดียวว่าเราจะทำงานกับใครก็ตามที่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ แต่ว่าในตอนนี้ เรายังคงไม่ได้คำตอบ”

https://mgronline.com/around/detail/9610000016784

 

ที่ปรึกษาชี้คดีรัสเซีย“เกินโต้แย้ง” ทรัมป์ยังเสียงแข็งปัดสมรู้ร่วมคิด เผยแพร่: 18 ก.พ. 2561 19:09:00 โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ – เอชอาร์ แมคมาสเตอร์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้กรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งอเมริกาเมื่อปี 2016 กลายเป็นประเด็นที่โต้แย้งไม่ได้อีกต่อไป หลังมีการยื่นฟ้องชาวรัสเซีย 13 คนและองค์กรอีก 3 แห่งเมื่อวันศุกร์ (16 ก.พ.) ว่าใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ นานาเพื่อสกัดฮิลลารี คลินตัน และส่งโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าสู่ทำเนียบขาว ขณะที่เจ้าตัวยังยืนยันว่าไม่เคยสมรู้ร่วมคิดกับมอสโก

แมคมาสเตอร์กล่าวในที่ประชุมความมั่นคงในมิวนิก เยอรมนี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (17 ก.พ.) ว่าคำฟ้องความยาว 37 หน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนของโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านกฎหมายหรืออัยการพิเศษนั้น เป็นประจักษ์พยานที่ไม่อาจโต้แย้งได้ และขณะนี้เอกสารดังกล่าวได้เผยแพร่อยู่ในโดเมนสาธารณะแล้ว

ก่อนหน้านั้นไม่นาน เซอร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ปรากฏตัวในเวทีเดียวกันโดยยืนยันว่า การตีตรารัสเซียเป็นภัยคุกคามโลกเป็นความเชื่อที่ไร้เหตุผล และเป็นการพูดโดยไม่ยั้งคิด จนกว่าจะมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องที่กล่าวหานี้

เซอร์เก คิสลียาค อดีตเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำวอชิงตัน แสดงความเห็นในงานประชุมเดียวกันว่า การกล่าวหาของอเมริกาเป็นส่วนหนึ่งของการไล่ล่า

ทางด้านทรัมป์รัวทวิตตลอดบ่ายวันเสาร์ย้ำว่า ทีมหาเสียงของตนไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับรัสเซีย โดยอ้างอิงบทความชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก โพสต์ที่ชื่อว่า “คำฟ้องรัสเซียพิสูจน์ว่า ทรัมป์ชนะอย่างเป็นธรรมและตรงไปตรงมา”

คำฟ้องดังกล่าวที่ยื่นต่อคณะลูกขุนในวอชิงตันแสดงหลักฐานชิ้นใหม่ที่ทรงพลังเกี่ยวกับขอบเขตและความซับซ้อนของแผนการของรัสเซีย ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2014 และใช้งบประมาณหลายล้านดอลลาร์เพื่อบ่อนทำลายระบบการเลือกตั้งของสหรัฐฯ

สำนวนคำฟ้องยังนำเสนอหลักฐานบ่งชี้ความพยายามยาวนานในการใส่ร้าย ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ด้วยการให้การสนับสนุนทรัมป์ รวมถึงเบอร์นี แซนเดอร์ส ที่แข่งกับคลินตันเพื่อให้ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนเดโมแครต

ชาวรัสเซีย 13 คนถูกกล่าวหาว่า ร่วมมือกับอินเทอร์เน็ต รีเสิร์ช เอเจนซี หรือ “โทรล ฟาร์ม” ที่มีฐานอยู่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย และพยายามสร้างความขัดแย้งและขัดขวางชุมชนออนไลน์ด้วยการโพสต์ความคิดเห็นยั่วยุ และเนื้อหาสนับสนุนทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการติดแฮชแท็ก “#ทรัมป์2016” และ “ฮิลลารี4พริซัน”

นอกจากนี้ รัสเซียยังส่งสายลับปลอมตัวเป็นคนอเมริกันเดินทางไปอเมริกา และติดต่อกับนักเคลื่อนไหวออนไลน์และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อีกทั้งยังลงทุนจัดการชุมนุมสนับสนุนทรัมป์

อัยการสหรัฐฯ ยังกล่าวหาว่า สายลับรัสเซียปล่อยข่าวลวงกล่าวหาพรรคเดโมแครตโกงการเลือกตั้ง ซึ่งได้รับการตอกย้ำจากทรัมป์ที่ประกาศระหว่างการหาเสียงว่า ตัวเองเป็นเหยื่อระบบการเมืองฉ้อฉล

คำฟ้องยังสนับสนุนข้อสรุปของหน่วยงานด้านข่าวกรองสหรัฐฯ ว่ารัสเซียใช้การปล่อยข่าวลวงเพื่อส่งให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง และสร้างความแตกแยกในระบบการเมืองสหรัฐฯ

นับจากชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016 ทรัมป์ย้ำว่า การกล่าวหารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งเป็น “การหลอกลวง” ของเดโมแครต และวิจารณ์การกล่าวหาของมุลเลอร์ว่าเป็น “การล่าแม่มด”

หลังการทวิตของทรัมป์ โฆษกทำเนียบขาว ซาราห์ แซนเดอร์ส แถลงยืนยันว่า ไม่มีการสมรู้ร่วมคิด และย้ำข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีให้ยุติการโจมตีและข้อกล่าวหาผิดๆ รวมทั้งทฤษฎีที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งรังแต่เข้าทางรัสเซียที่ต้องการบ่อนทำลายระบบการเลือกตั้งของสหรัฐฯ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ร็อด โรเซนสไตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของกระทรวงนี้ที่ดูแลการสอบสวนคดีรัสเซีย แถลงโดยใช้ถ้อยคำระมัดระวังอย่างมากว่า เอกสารคำฟ้องนี้ไม่ได้กล่าวหาชาวอเมริกันคนหนึ่งคนใดว่า มีส่วนรู้เห็นกับกิจกรรมผิดกฎหมายนี้ และไม่มีหลักฐานว่า การพยายามเผยแพร่ข้อมูลเท็จของรัสเซียมีส่วนทำให้ผลการเลือกตั้งปี 2016 เปลี่ยนแปลงไป

จอห์น เบรนนอน อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ในยุคอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ขณะนี้ ข้ออ้างของทรัมป์ว่า การสอบสวนรัสเซียเป็น “การหลอกลวง” ฟังไม่ขึ้นแล้ว และเขาคิดว่า “เหลือเชื่อ” ที่คิดว่าคนอเมริกันบางคนไม่ได้รับผลกระทบจากความพยายามต่อเนื่องนาวนานของรัสเซีย

ขณะเดียวกัน คณะบริหารกำลังเผชิญคำถามว่า สนใจคำเตือนจากผู้อำนวยการหน่วยขาวกรองหลายแห่งที่ว่า รัสเซียเตรียมแทรกแซงการเลือกตั้งกลางเทอมในปีนี้จริงจังแค่ไหน และเตรียมพร้อมปกป้องระบบเลือกตั้งของประเทศอย่างไร

https://mgronline.com/around/detail/9610000016709

 

เครื่องบินโดยสารตกในอิหร่าน ตายยกลำ 66 ชีวิต สะท้อนความเสียหายจากมาตรการแซงก์ชั่นหลายสิบปีของนานาชาติ
เผยแพร่: 18 ก.พ. 2561 17:49:00 โดย: MGR Online


เอเอฟพี/บีบีซีนิวส์/เอเจนซีส์ – เครื่องบินโดยสารของอิหร่านในเที่ยวบินภายในประเทศ ตกลงโหม่งภูเขาบริเวณเทือกเขาซากรอส ทางตอนกลางของอิหร่านวันนี้ (18 ก.พ.) ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 66 คนเสียชีวิตยกลำ

เที่ยวบินดังกล่าวของสายการบิน อาเซมาน แอร์ไลนส์ (Aseman Airlines) ได้ทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานเมห์ราบัด ของกรุงเตหะราน เมื่อเวลาประมาณ 8.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 11.30 น.เวลาเมืองไทย) เพื่อไปยังเมืองยาซุฟ ในจังหวัดอิสฟาฮาน ทั้งนี้ตามคำแถลงของ โมฮัมหมัด ตาบาตาไบ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสายการบินแห่งนี้

แต่แล้วเครื่องบินได้ตกลงไปในภูเขาเดนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาซากรอส ในบริเวณห่างจากเมืองยาซุฟราว 23 กิโลเมตร และห่างจากเมืองหลวงเตหะรานไปทางใต้ประมาณ 500 กิโลเมตร เขากล่าวกับสถานีโทรทัศน์ ไออาร์ไอบี ของรัฐบาล

“หลังจากการค้นหาในบริเวณดังกล่าว โชคร้ายที่เราได้รับแจ้งว่าเครื่องบินได้ตกลงโหม่งพื้น โชคร้ายที่ผู้เป็นที่รักของพวกเราทั้งหมดได้สูญเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้” ตาบาตาไบ บอก

เขาระบุว่า เครื่องบินลำนี้กำลังบรรทุกผู้โดยสารจำนวน 60 คน โดย 1 ในนั้นเป็นเด็ก แล้วยังมีลูกเรืออีก 6 คน

ทางด้านสำนักงานเหตุฉุกเฉินแห่งชาติของอิหร่าน ได้จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำไปยังสถานที่เกิดอุบัติเหตุคราวนี้ แต่ไม่สามารถร่อนลงจอดได้ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย มีหมอกลงจัด โฆษกของหน่วยงานนี้แถลง

ขณะที่องค์การบรรเทาทุกข์และกู้ภัยของสำนักงานเสี้ยวเดือนแดงของอิหร่าน บอกว่าได้จัดส่งทีมช่วยเหลือ 12 ทีม เดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

ส่วน มอจตอบา คอเลดี ซึ่งทำหน้าที่เป็นโฆษกให้กับสำนักงานเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ บอกกับสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ ว่า เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นเขตเขา จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งพวกรถพยาบาลเข้าไป

จากการที่อิหร่านถูกนานาชาติใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรมาเป็นเวลาหลายสิบปี ทำให้ประเทศนี้มีแต่ฝูงเครื่องบินโดยสารเก่าๆ ใช้งานมายาวนาน และอิหร่านต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อหาทางซ่อมบำรุงและปรับปรุงยกระดับให้ทันสมัยมากขึ้น



เท่าที่ผ่านมา อิหร่านประสบความหายนะทางด้านการบินมาแล้วหลายครั้ง คราวล่าสุดคือในปี 2014 เมื่อเครื่องบินของสายการบินเซปาฮานตก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 39 คน

ตาบาตาไบ แห่งสายการบิน อาเซมาน แอร์ไลนส์ ระบุว่า เครื่องบินลำที่ตกในวันนี้ (18 ก.พ.) เป็นเครื่องบินแบบ เอทีอาร์-72 ซึ่งเป็นเครื่องบินใบพัด 2 เครื่องยนต์

อาเซมาน แอร์ไลนส์ เวลานี้มีเครื่องบินทั้งหมด 36 ลำ ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเครื่องบินฟอกเกอร์ 100 ชนิด 105 ที่นั่ง ผลิตในเนเธอร์แลนด์ สายการบินนี้ยังมี โบอิ้ง 727-100 อีก 3 ลำ ซึ่งอายุมากเกือบเท่าๆ กับการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน โดยที่ออกบินเที่ยวแรกในปี 1980

การยกเลิกมาตรการแซงก์ชั่นในเรื่องการซื้อเครื่องบินและอะไหล่ชิ้นส่วน ถือเป็นมาตราสำคัญมาตราหนึ่งในข้อตกลงเรื่องระงับโครงการนิวเคลียร์ซึ่งอิหร่านลงนามกับพวกมหาอำนาจของโลกเมื่อปี 2015

หลังจากจัดทำข้อตกลงฉบับดังกล่าวแล้ว อาเซมาน แอร์ไลนส์ ก็ได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 เอ็มเอเอ็กซ์ จำนวน 30 ลำ ด้วยมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และยังมีออปชั่นที่จะซื้อเพิ่มเติมได้อีก 30 ลำ

อย่างไรก็ดี การซื้อขายนี้อาจจะถูกยกเลิกไป ถ้าหากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เลือกที่จะนำเอามาตรการแซงก์ชั่นกลับมาใช้ใหม่ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนต่อจากนี้ ตามที่เขาข่มขู่เอาไว้

เวลานี้วอชิงตันยังคงบังคับใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรต่ออิหร่านของสหรัฐฯเองเอาไว้ ซึ่งสกัดกั้นการค้าแทบทุกอย่างระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน ทว่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินได้รับการยกเว้นพิเศษภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

โบอิ้ง ซึ่งยังกำลังสร้างเครื่องบิน 80 ลำตามคำสั่งซื้อของ อิหร่าน แอร์ สายการบินแห่งชาติของอิหร่านอยู่ด้วย ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพวกสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯที่กล่าวอ้างว่า พวกสายการบินของอิหร่านใช้เครื่องบินไปในการขนส่งอาวุธและกำลังทหารสู่ซีเรียตลอดจนพื้นที่สู้รบขัดแย้งแห่งอื่นๆ

อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังสหรัฐฯได้อนุมัติการขายเครื่องบินโบอิ้งจำนวน 80 ลำ ตลอดจนเครื่องบินแอร์บัสจำนวน 100 ลำให้แก่อิหร่าน แอร์ โดยในกรณีของแอร์บัสนั้น ได้จัดส่งเครื่องบิน 2-3 ลำแรกๆ ไปถึงเตหะรานแล้ว

https://mgronline.com/around/detail/9610000016691

 

In Clips : สุดขนหัวลุก!! นักวิทยาศาสตร์อเมริกันสร้าง “แกะไฮบริดสายพันธุ์มนุษย์” เล็งใช้เป็นแหล่งเปลี่ยนถ่ายอวัยวะในอนาคต เผยแพร่: 18 ก.พ. 2561 18:32:00 โดย: MGR Online

เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – ทีมนักวิจัยจากสหรัฐฯที่มีนายแพทย์ พาโบล รอส จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส และดร. ฮิโระ นาคอชิจากมาหวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประกาศความสำเร็จทางเทคโนโลยีการปลูกถ่ายอวัยวะ สร้างตัวอ่อนไคมีรา(Human Chimera Embryos) ที่มีสเต็มเซลล์ของคนผสม เล็งใช้สัตว์เป็นแหล่งปลูกถ่ายอวัยวะให้กับมนุษย์ในอนาคต ชี้ต่างจากวิธีนำเอาอวัยวะสัตว์มาใส่ให้คน แต่สุดอึ้งทีมวิจัยชี้ใน 1 เซลล์ของทุก 100,000 เซลล์ของตัวอ่อนไคมีราถือเป็น “คน” อนาคตมีฮือฮา เตรียมเพิ่มสัดส่วนเซลล์มนุษย์เข้าไปในการทดลอง

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(17 ก.พ)ว่า นักวิจัยกล่าวว่า ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในศตวรรษนี้ได้เปิดประตูให้เราสามารถปลูกอวัยวะเพื่อการเปลี่ยนถ่ายสำหรับคนในตัวของสัตว์ได้แล้ว หรือมีความสามารถในการใช้วิทยาการทางพันธุกรรมในการสร้างอวัยวะใหม่ที่เทียบเท่าของเดิมจากมนุษย์สำเร็จ

ซึ่งทางนักวิจัยอ้างว่า การใช้สัตว์เป็นแหล่งสร้างอวัยวะปลูกถ่ายให้กับคนไม่เพียงแต่สามารถเพิ่มอวัยวะสำหรับการเปลี่ยนถ่ายให้กับตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างอวัยวะเท่าเทียบที่สามารถใช้เหมือนกับอวัยเดิมของมนุษย์ที่ระบบภูมิคุ้มกันมนุษย์จะไม่ต่อต้านด้วยการนำเซลล์ของผู้ป่วยใช้ในกระบวนการ และนำสิ่งที่อาจจะเป็นการต่อต้านออกไป

ทั้งนี้อ้างอิงจากศูนย์เปลี่ยนถ่ายอวัยวะและเลือดของอังกฤษ NHS พบว่าเกือบทุก 460 คนเสียชีวิตในปี 2016 ในระหว่างการรอการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ และในกลุ่มผู้ที่ได้รับอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย บางครั้งอาจพบปัญหาร่างกายไม่รับอวัยวะใหม่

ด้านดร. พาโบล รอส(Dr Pablo Ross) หนึ่งในทีมการวิจัยสร้างแกะสายพันธุ์ผสมมนุษย์เพื่ออวัยวะเปลี่ยนถ่าย จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส กล่าวว่า “ทีแม้แต่ในปัจจุบันอวัยวะที่เข้ากับผู้ได้รับบริจาคดีที่สุด ยกเว้นในกรณีที่ได้รับมาจากฝาแฝดเหมือน จะไม่สามารถใช้งานได้ในระยะเวลานาน เพราะในระยะยาวภูมิคุ้มกันร่างกายจะโจมตีอวัยวะปลูกถ่ายอย่างต่อเนื่อง”

บรูซ ไวท์ลอว์ (Bruce Whitelaw) ศาสตราจารย์ด้านเทคโนโลยีชีววิทยาสัตว์ประจำสถาบันรอสลิน(the Roslin Institute) ซึ่งเป็นที่แกะดอลลลีได้ถูกสร้างขึ้น กล่าวว่าในขณะที่ยังอีกนานกว่าที่มนุษย์จะสามารถปลูกถ่ายอวัยวะของตัวเองในตัวสัตว์ได้ การวิจัยล่าสุดนั้นถือเป็นก้าวที่สำคัญในการวิจัยว่า “แกะ” จะสามารถกลายเป็นทางเลือกในโปรเจกต์ไครมีรา (chimeric’ project)

ซึ่งในทางพันธุกรรม “Chimera” หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้นจากกลุ่มประชากรเซลล์ที่มีต้นกำเนิดทางพันธุกรรมแตกต่างกันตั้งแต่สองชนิดขึ้นไป (จากคนละ zygote กัน) มาเจริญอยู่ร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม สื่ออังกฤษชี้ว่า วิธีการนี้ต่างจากวิธีการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะต่างสปีชีส์ ( Xenotransplantation) ที่หมายความว่าการนำอวัยวะของต่างสายพันธุ์เป็นต้นว่ามาจากของหมูใส่ให้กับคน และอีกวิธีคือการได้จากอวัยวะของผู้เสียชีวิต ซึ่งนั่นอาจจะยังคงมีปัญหาในการที่ถูกปฎิเสธจากระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้ที่รับการปลูกถ่าย

ดร.รอสได้รายงานความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในโปรเจกต์การปลูกถ่ายอวัยวะของทีมเขาว่า ทีมนักวิจัยของเขาประสบความสำเร็จในการสามารถ นำสเต็มเซลล์ของมนุษย์เข้าไปฝังตัวในตัวอ่อนของหมูในระยะเริ่มต้นได้สำเร็จแล้ว และจะสามารถผลิตตัวอ่อนได้ ซึ่งทีมวิจัยระบุว่า 1 ในทุก 100,000 เซลล์นั้นเป็นมนุษย์

ซึ่งวิธีการปลูกถ่ายแบบไคมีรา ซึ่งมีรากศัพท์มาจากเทพนิยายกรีกนั้น ในเบื้องต้นทางทีมวิจัยกำหนดให้ตัวอ่อนมีการเติบโตได้แค่ 28 วัน

และในสัปดาห์นี้ที่จะมีการประชุมว่าด้วยความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ (American Association for the Advancement of Science)ในเมืองออสติน รัฐเทกซัส ทางทีมวิจัยของดร.รอสได้ประกาศว่า ทางพวกเขาได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่คล้ายกัน ซึ่งได้เกิดขึ้นกับตัวอ่อนของแกะ แต่ประสบความสำเร็จในอัตราที่สูงกว่าของมนุษย์ต่อเซลล์ของสัตว์ ซึ่งทางดร.รอสยืนยันอย่างภาคภูมิใจว่า “ในทุก 1 ใน 100,000 เซลของพวกมันเป็นมนุษย์”

นอกจากนี้ เรื่องที่น่าพิศวงไปกว่าเมื่อพบว่า ทางทีมวิจัยประกาศว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการใช้เทคนิกการควบคุมจีโนม(genome)ในการสร้างตัวอ่อนแกะและหมูขึ้นมาใหม่โดยที่จะไม่มีการสร้างตับอ่อนขึ้นมา ซึ่งสุดประสงค์การบังคับไม่ให้ตัวอ่อนสัตว์เหล่านี้สร้างอวัยวะตับอ่อนของตัวเอง ด้วยเหตุที่ทางทีมนักวิจัยจะนำเซลล์มนุษย์เข้าไปฝังเพื่อทำให้ตัวอ่อนของสัตว์สามารถสร้างตับอ่อนสายพันธุ์คนขึ้นภายในตัวของสัตว์เหล่านั้นเพื่อให้พวกมันใช้

ในปัจจุบันนี้ทางทีมวิจัยได้ปล่อยให้ตัวอ่อนที่ใช้วิธีปลูกถ่ายไคมีราสามารถพัฒนาเป็นเวลา 28 วัน และพบว่า 21 วันของทั้งหมด 28 วันจะเกิดขึ้นอยู่ภายในตัวแกะ

และช่วงเวลาดังกล่าวนั้นพอเพียงที่จะทำให้ทางทีมวิจัยได้เห็นการพัฒนาของการที่ตัวอ่อนจะไม่สร้างอวัยวะเป้าหมายเมื่อเซลล์มนุษย์ถูกนำเข้าไปผสมกับตัวอ่อนเป้าหมาย ซึ่งดร. ฮิโระ นาคอชิ(Dr Hiro Nakauchi) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด หนึ่งในทีมวิจัยร่วมกับนายแพทย์รอสจากเดวิส กล่าวว่า ในการวิจัยที่ใช้เวลานานขึ้นในอนาคต ที่อาจนานถึง 70 วัน จะมีความน่าสนใจมากขึ้น ถึงแม้ว่าทางทีมวิจัยต้องขออนุญาตเพิ่มเติมจากบอร์ดผู้ควบคุมของทางสถาบันก่อนก็ตาม

ดร.รอสกล่าวต่อว่า ทางทีมวิจัยเชื่อว่า 1% ของเซลล์ตัวอ่อนที่จะต้องเป็นมนุษย์ ซึ่งจากสิ่งนี้ทำให้ทีมวิจัยอ้างว่า ในอนาคตการทดสอบอาจมีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มสัดส่วนของเซลล์มนุษย์เข้าไปในตัวอ่อนไคมีรา

การที่แกะกลายเป็นทางเลือกสำหรับฟาร์มปลูกถ่ายอวัยวะของดร.รอส ด้วยเหตุที่ว่าเมื่อเทียบกับสัตว์อื่น แกะมีอวัยวะภายในเช่น หัวใจ และปอด เหมือนมนุษย์ และอีกทั้งในวิธีการปลูกถ่ายไคมีรา พบว่าตัวอ่อนของแกะที่ใช้วิธีไคมีราสามารถสร้างตัวอ่อนไคมีรากับตัวอ่อนของแพะเพื่อสร้าง “geeps” ซึ่งเป็นการผสมทางพันธุวิศวกรรมทางห้องแล็บของสัตว์ทั้งสอง ซึ่งต่างจากลูกที่ออกมาจากการผสมพันธุ์ทางธรรมชาติของแกะและแพะ

นอกจากนี้ ที่เหมือนกับหมู แกะสามารถสร้างอวัยะภายในที่มีขนาดเท่าของคน

คำถามทางจริยธรรม

ดร.รอสแสดงความเห็นต่อ โดยออกตัวว่า อย่างไรก็ตาม ทางเขามีความกังวลเช่นกันว่า บางทีงานวิจัยอาจแปรสภาพให้สัตว์มีจิตใจคล้ายคน “ผมมีความกังวลถึงปัญหานี้เช่นกัน” ดร.รอสยอมรับ แต่อ้างว่า “หากว่าทีมวิจัยของผมได้ประเมินว่า เซลล์มนุษย์ที่นำไปผสมอาจจะทำให้สัตว์มีจิตใจคล้ายกับมนุษย์ ทีมของเขาคงจะไม่ทำต่อ”

ซึ่งทางนาคอชิอ้างเสริมในเรื่องนี้ว่า เซลล์มนุษย์ที่นำมาผสมนั้นถูกจัดว่าน้อยมาก “และมันจะไม่ทำให้เกิดสัตว์ประหลาดหมูที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์ หรือมีสมองเป็นมนุษย์เช่นนั้น”

เดอะการ์เดียนรายงานว่า และยังรวมไปถึงปัญหาไวรัสที่อยู่ภายใน DNA ของสัตว์อาจ ทำให้เซลล์มนุษย์ติดเชื้อ ที่อาจเป็นว่า อวัยวะมนุษย์ที่ถูกสร้างภายในตัวสัตว์อาจปนเปื้อนกับเลือดที่มาจากสัตว์เจ้าของอวัยวะ แต่ทว่าผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า หากเกิดขึ้นในกรณีนั้น ภูมิคุ้มกันภายในของผู้รับอวัยวะจะปฎิเสธทันที และอวัยวะนั้นจะไม่สามารถใช้ได้





วัวในสวิตเซอร์แลนด์ถูกเจาะช่องท้องให้เป็นโพรงเพื่อให้เกษตรกรได้สังเกตระบบการย่อย



วัวเหล่านี้เกษตรกรสามารถนำมือเข้าไปด้านในท้องผ่านทางช่องที่ติดไว้ได้

https://mgronline.com/around/detail/9610000016698

 

อเมริกาช่วยเหลือแกนนำ ISIL ในซีเรียไปยังที่ปลอดภัย
On ก.พ. 19, 2018

กองกำลังสหรัฐฯได้ย้ายผู้บัญชาการไอซิสอีกสองคนไปยังที่หลบภัยในเขตชานเมืองอัลฮะซากาห์ประเทศซีเรีย

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในการปฏิบัติการ Helen Bin อเมริกาใช้เฮลิคอปเตอร์เคลื่อนย้ายผู้ก่อการร้ายและผู้บัญชาการไอซิสสี่คนในหมู่บ้าน Tuymin Village ห่างจาก Al-Shaeda 50 กิโลเมตรทางด้านตะวันออกของอัลฮาซากาห์ซีเรีย ไปยังพื้นที่ปลอดภัย

jamnews.com


http://www.immjournal.com/9101

 

ปากีสถานจะส่งกองกำลังไปยังซาอุฯ
On ก.พ. 19, 2018

กองทัพปากีสถานประกาศแผนการที่จะส่งกลุ่มทหารชุดใหม่เข้าสู่ซาอุดีอาระเบีย

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานจาก สำนักข่าวกองทัพปากีสถานประกาศในแถลงการณ์ว่า กองกำลังปากีสถานเหล่านี้จะถูกนำไปใช้สำหรับ “ภารกิจการฝึกอบรมและการให้คำปรึกษา” ภายใต้ความร่วมมือด้านความมั่นคงทวิภาคีสองรัฐ

แถลงการณ์ระบุด้วยว่ากองกำลังเหล่านี้จะไม่นำไปใช้นอกอาณาเขตซาอุดีอาระเบีย

alwaght.com


http://www.immjournal.com/9098

 

อดีตสมาชิก ISIS ชี้ : ลิเบียเป็นประตูสู่ยุโรป
Last updated ก.พ. 19, 2018

อดีตสมาชิก ISIS ได้เปิดเผยถึงการตัดสินใจของกลุ่มผู้ก่อการร้ายเพื่อย้ายขอบเขตการดำเนินการไปยังแอฟริกาเหนือโดยเฉพาะลิเบีย

“Abu Sahir” ซึ่งถูกรู้จักในนามอะมีรแห่งไอซิสในเมืองรักกาห์ ของซีเรีย ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวสกายนิวส์ ว่า ฉันจำต้องเข้าร่วมองค์กร ISIS และนี่อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉัน และกลุ่มนี้กำลังพยายามที่จะสร้างตัวเองหลังจากความล้มเหลวในซีเรียและอิรักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

เขากล่าวเสริมว่า ลิเบียเป็นเป้าหมายใหม่ของ ISIS และตอนนี้กลายเป็นประตูสู่เมืองของ ISIS เพื่อเข้าสู่ยุโรป และ ISIS ในลิเบียมีเครือข่ายหลายแห่งและอาจกลายเป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มนี้

alwaght


http://www.immjournal.com/9094

 

จัดตั้ง “กองพันอุลามาอ์” ในเมืองโมซูลอิรัก เพื่อต่อสู้กับอุดมการณ์ของไอซิสตักฟีรีย์…! On ก.พ. 18, 2018

จัดตั้ง “กองพันอุลามาอ์(กองพันนักวิชาการ)” ในเมืองโมซูลอิรัก เพื่อต่อสู้กับอุดมการณ์ของไอซิสตักฟีรีย์

france24 รายงานว่า มีการจัดตั้งกองพันทางศาสนา ในเมืองโมซูลอิรัก เพื่อต่อสู้กับอุดมการณ์ของไอซิสตักฟีรีย์

รายงานระบุว่า เมื่อเร็วๆนี้ นักการศาสนาและอุลามาอ์จำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันจัดตั้งกองพันอุลามาอ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อสู้กับอุดมการณ์ ISIL ในโมซูลอิรัก ซึ่งสมาชิกของกองพันที่มีจำนวน 50 คนรวมทั้งผู้อาวุโสและวัยรุ่นพยายามที่จะขจัดความคิดและอุดมการณ์ของ ISIS ที่อาจมีอยู่ในจิตใจของผู้คนในเมืองนี้

จะมีการจัดอบรมภายใต้การกำกับดูแลของนักวิชาการอิสลามห้าคนจากเมือง Tikrit และ Mosul และพวกเขาเชื่อว่า Mosul ยังไม่ได้รับการหลุดพ้นจากอุดมการณ์ของกลุ่มตักฟีรีย์ไอซิส และหากเสรีภาพนี้ยังไม่เกิดขึ้นก็จะไม่สามารถสร้างเมืองนี้ได้ทั้งหมดได้

fa.shafaqna.com


http://www.immjournal.com/9088

 

Ammy Chumnankit



สารคดีช็อกโลกจากบีบีซีเปิดเผยว่า พระเยซูเคยเดินทางไปอินเดียและธิเบตกว่า 16 ปีเพื่อบวชเป็นพระอยู่ที่นั่น โดยมีสมณศักดิ์ว่า "Issa"

โดยสารคดีได้เปิดเผยเรื่องราวของศาสดาของศาสนาคริตส์ที่หายตัวไปในช่วงอายุ 13-29 ปี ซึ่งทางปาเลสไตน์ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ โดยเรียกช่วงเวลานั้นว่า “The Lost Years”

การศึกษาลงลึกของบีบีซีพบว่า แท้จริงแล้วพระเยซูไม่ได้ถูกตรึงไม้กางเขน แต่มีคนที่ถูกตรึงแทน โดยตัวพระเยซูเองกลับหนีภัยรอนแรมเป็นเวลาหลายปีข้ามคาบสมุทรอารเบียเพื่อมุ่งหน้าสู่อินเดีย และได้จบลงด้วยการไปบวชเป็นพระในพระพุทธศาสนาที่สำนักสงฆ์โรซาบัล ที่เมืองศรีนาคา รัฐแคชเมียร์

นักวิจัยยังพบบันทึกซึ่งเก็บไว้ที่สำนักสงฆ์ธิเบตเฮมิสที่เมืองเลห์ กล่าวถึงผู้ชายคนหนึ่งที่รอนแรมหนีภัยมาจากอิสราเอล แล้วมาบวชเป็นพระภิกษุกับพระอาจารย์ชื่อดังในสมัยนั้น โดยบันทึกกล่าวว่า ชายผู้นั้นเรียกตัวเองว่า "เยซูแห่งนาซาเรธ"

Credit clip from BBC
https://youtu.be/xY0Ib3aPG6Y

 

Sismologia Mundial



⚠️ULTIMO MINUTO | Fuerte Erupción del Monte Sinabung en Indonesia. 19/02/2018.

⚠️ นาทีสุดท้าย | แรงระเบิดของภูเขา sinabung ในอินโดนีเซีย 19/02/2018.