ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    โอ้สวรรค์... ส่ง F-16 และ Gripen มาให้ไทย แล้วเหตุไฉนส่ง Flanker-E ไปให้อินโดนีเซียด้วย ช่างไม่ยุติธรรมเลย? อินโดนีเซียใช้สินค้าเกษตรแลกสุดยอดเครื่องบินรบ Su-35S (G4++) จากรัสเซียจำนวน 11 ลำ

    FB_IMG_1519032466755.jpg FB_IMG_1519032471971.jpg FB_IMG_1519032475921.jpg FB_IMG_1519032482498.jpg FB_IMG_1519032497014.jpg

    -----------

    วันที่ 17 ก.พ. 61 New Straits Times ของสิงคโปร์พาดหัวข่าววา่า "อินโดนีเซียลงนามข้อตกลงมูลค่า $1.1 พันล้านกับรัสเซียเพื่อซื้อเครื่องบินรบซูคอย 11 ลำ" (Indonesia inks US$1.1b deal with Russia to buy 11 Sukhoi jets)

    กรุงจาการ์ตา: อินโดนีเซียได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่าหนึ่งพันล้านเหรียญเพื่อจัดซื้อเครื่องบินรบ Su-35 ของบริษัทซูคอย (Sukhoi) จากรัสเซีย เจ้าหน้้าที่กล่าวเมื่อวันเสาร์นี้

    การทำสัญญาซึ่งได้มีการลงนามโดยคณะผู้แทนของทั้สองประเทศในกรุงจากการ์ตาในวันพุธ เป็นข้อตกลงที่มีมูลค่าถึง US$1.14 พันล้าน (ประมาณ 36,480,000,000 บาท ลำละประมาณ US$103.36 ล้าน หรือ 3,136 ล้านบาท) Totok Sugiharto โฆษกกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียแถลง

    "จะมีการส่งมอบเครื่องบินรบซูคอยจำนวน 2 ลำในเดือนสิงหาคม 2018 นี้" โฆษกฯ กล่าวกับสำนักข่าว AFP

    ส่วนอีก 6 ลำจำส่งมอบในอีก 18 เดือนหลังจากการทำสัญญามีผลบังคับใช้ และอีก 3 ลำสุดท้ายที่เหลือจะส่งมอบในอีก 5 เดือนหลังจากนั้น โฆษกเปิดเผย

    ข้อตกลงฉบับนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทางอินโดนีเซียได้กล่าวในเดือนสิงหาคม (2017) ว่าต้องการที่จะใช้น้ำมันปลาม เมล็ดกาแฟ และชาเพือแลกเปลี่ยนกับเครื่องบินรบของรัสเซีย โดยกล่าวว่าต้องการที่จะฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยขนฺ์จากการที่นานาชาติ (สหรัฐและอียู) คว่ำบาตรกรุงมอสโค (ไม่ใช่การคว่ำบาตรในนามของยูเอ็น)

    [หลังเกิดวิกฤตยูเครนในปี 2014 รัสเซียก็ผนวกแคว้นไคร์เมียในทะเลดำเข้ากับแผ่นดินแม่ของรัสเซียได้อีกครั้งผ่านการทำประชามติที่ชนะอย่างท่วมท้น ทำให้สหรัฐ นาโต้ อียู ไม่พอใจรัสเซียเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้เล็งฐานทัพเรือของรัสเซียและยูเครนที่ไคร์เมียมานานแล้วเพื่อขยายอิทธิพลของกลุ่มตะวันตก แต่กลับถูกปูตินใช้แผนรุกแบบสายฟ้าแลบ ได้ไคร์เมียกลับมาเป็นของรัสเซียดังเดิม

    ฝ่ายสหรัฐและอียูจึงลงโทษรัสเซียที่บังอาจยึดแผ่นดินที่เคยเป็นของรสเซียมาก่อนกลับไปได้ โดยการคว่ำบาตรรัสเซีย และก็ต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรจากรัสเซียเช่นกัน จนนำไปสู่สงครามคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียและกลุ่มตะวันตกนำโดยสหรัฐ ผลก็คือ เจ็บทั้งคู่ แต่ตอนนี้รัสเซียฟื้นตัวได้แล้ว และมีเสถียรภาพมากขึ้น ลดการพึ่งพาจากตะวันตกลงได้เป็นอย่างมาก เพิ่มการผลิตและการสร้างงานในประเทศของตนเองได้มากขึ้น หลายประเทศที่เป็นพันธมิตรของรัสเซีย เช่น อิหร่านและจีนต่างก็ฉวยจังหวะนี้แบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดในรัสเซียได้มากขึ้น - ผู้แปล]

    อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของอินโดนีเซียกล่าวว่า การคว่ำบาตรเหล่านั้นที่มีต่อรัสเซีย อาจจะเป้นข่าวดีสำหรับประเทศของตนเอง เนื่องจากรัสเซียถูกบีบให้ต้องแสวงหาตลาดใหม่เพื่อนำเข้าสินค้าจากประเทศเหล่านั้น

    อินโดนีเซียและรัสเซียได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อแลกเปลี่ยนเครื่องบินรบซูคอย Su-35S จำนวน 11 ลำ กับสินค้าการเกษตรที่สำคัญ ในกรุงมอสโคเมื่อเดือนสิงหาคม ไม่ได้มีการประกาศในวันเสาร์ว่าจะมีการชำระค่าเครื่งอบินรบในรูปแบบใด - AFP

    [Su-35S เป็นเครื่องบินรบที่ทันสมัยที่สุดที่มีประจำการอยู่ในกองทัพอากาศของรัสเซียในปัจจุบันนี้ และเป็นเครื่องบินรบที่มีความคล่องแคล่วด้านการบิน (super-maneuver) มากที่สุดในโลก (ยกเว้น Su-57 (G5) ที่ยังไม่ประจำการ) ทำความเร็วสูงสุดที่ 2,500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ความเร็วโดยเฉลี่ยเร็วกว่า F-22 เล็กน้อย) และบินได้ไกลสุด 3,400 โดยไม่มีการเติมเชื้อเพลิงระหว่างทาง รัศมีปฏิบัติการสู้รบอยู่ที่ 1,600 กิโลเมตร มากกว่า F-22 ของสหรัฐถึง 2 เท่า

    Su-35S แม้จะไม่ใช่เครื่องบินรบสเตลท์ (G5) อย่าง F-22 และ F-35 ของสหรัฐ, J-20 และ J-31 ของจีน, และ Su-57 ของรัสเซียเอง แต่ใช้เทคโนโลยีด้านอิเล็คทรอนิคของเครื่องบินรบยุคที่ห้าเกือบทั้งหมด รัศมีเรดาร์ Irbis-E ไกลถึง 400 กิโลเมตร สามารถตรวจจับเป้าหมายทางอากาศขนาด 3 ตารางเมตร (3m2) ได้ในระยะ 400 กิโลเมตร ได้ถึง 30 เป้าหมาย รัศมีของเรดาร์กว้าง 120 องศา หูตาสับปะรดรอบลำตัว มีจุดติดตั้งอาวุธถึง 12 จุด มีทั้งขีปนาวุธอากาศ-สู่-อากาศ อากาศ-สู่-ภาคพื้น และ ต่อต้านเรือรบ ทั้งระยะใกล้และไกล ลูกยาว (อากาศ-สู่-อากาศ) ยิงได้ไกลกว่าของค่ายสหรัฐและตะวันตก

    ติดปืนกล Gryazev-Shipunov GSh-301 ขนาด 30mm หนึ่งกระบอก (150 นัด ส่วน F-22) ติดตั้งระบบค้นหาและติดตามเป้าหมายด้วยอินฟราเรด (OLS-35) แม้ฝ่ายตรงข้ามจะแจมสัญญาเรดาร์ได้ ก็สามารถค้นหาเป้าหมายได้โดยง่าย ที่พิเศษยิ่งกว่านั้นก็คือ ติดตั้งระบบเกราะอิเล็คทรอนิคล่องหน Khibiny (ECM) สามารถป้องกันการโจมตีจากขีปนาวุธของข้าศึกได้ โดยเจ้าเทคโนโลยีตัวนี้จะสร้างเป้าลวงขึ้นมาหลอกเครื่องบินรบและขีปนาวุธของข้าศึกหลายเป้าหมายทำให้ขีปนาวุธที่กำลังพุ่งมาหาตนค้นหาเป้าหมายจริงไม่เจอ F-22 และ F-35 ไม่มีเทคโนโลยีนี้ (แหล่มไหมหละ?) ปืนกลของ F-22 เป็นปืนกล M61A2 Vulcan ขนาด 20mm หกลำกล้อง มีกระสุนทั้งหมด 480 นัด แต่เดี๋ยวก่อน ปืนประเภทนี้ ถ้ากดจึ๊กเดียว มันสาดไปพร้อมกันถึง 3-6 นัดเลยนะเร็วมาก นั่นหมายความว่า หรือ 480/3 = 160 หรือ 480/6 = 80 โดยเฉลี่ยแล้วก็ถือว่า ไม่ต่างจาก 150 นัดของ Su-35S เท่าไรนัก

    หลักการของสหรัฐในการพัฒนาเครื่องบินรบยุคที่ห้า (สเตลท์) นั้น เน้นรบแบบ BVR คือรบจากระยะไกลนอกระยะสายตา เน้นการล่องหนหรือถูกตรวจจับจากเรดาร์ของฝ่ายตรงข้ามได้ยาก ค่าภาคตัดขวางเรดาร์ (radar cross-section (RCS) ของสหรัฐคุยว่าละเอียดมาก อยู่ที่ 0.0001 เป็นอะไรที่ตรวจจับได้ยากมาก เป็นตัวเลขที่สหรัฐภาคภูมิใจมากโดยตลอด "ค่า RCS ของไอ ต่ำที่สุดในโลกนะเฟ้ย!" ประมาณนั้น ไม่เน้นการรบแบบระยะประชิดหรือระยะสายตา (WVR) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "Dogfight" ฝ่ายสหรัฐถือหลักการว่า "เห็นก่อน ยิงก่อน" (แต่จะยิงถูกหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)

    คำถามก็มีอยู่ว่า "ถ้าไมให้ความสำคัญกับการรบแบบ WVR แล้วยูแบกปืนกลขนาด 20mm มาด้วยทำไม? เอาไว้ไล่ยิงรามสูรขว้างขวานหรือไง? ถ้าคิดว่าการรบแบบ WVR ไม่สำคัญ ทำไมต้องพัฒนาเครื่องยนต์ให้มีระบบท่อไอพ่นได้แบบ 2 มิติ (กระดิกก้นได้แบบขึ้น-ลง) เพื่อความคล่องแคล่วในการบินที่เหนือกว่าเครื่องบินรบรุ่นอื่นๆของตนเองด้วย? โดยที่ฝ่่ายรัสเซียพัฒนาระบบท่อไอพ่นให้ทำงานได้แบบ 3 มิติ (ส่ายก้นได้รอบด้าน 360 องศา) ซึ่งถือว่าล้ำไปว่าของสหรัฐอีกก้าวหนึ่ง"

    แม้ว่าสหรัฐจะคุยว่าเครื่องบินรบของตนเองเป็นสเตลท์ ฝ่ายตรงข้ามมองไม่เห็น หรือเห็นได้ยากในระยะไกล แต่การที่ F-22 หรือแม้กระทั่ง F-35s จะล็อกเป้าและปล่อยมิสไซล์ใส่ Su-35S ได้นั้น จะต้องเข้ามาปล่อยในรัศมีทำการของขีปนาวุธของตนเองด้วย ซึ่งลูกยาวอากาศ-สู่-อากาศของ F-22 ก็มีเพียง AIM-120 AMRAAM (AIM-120C) และขณะที่เปิดช่องเก็บมิสไซล์จากในท้องเครื่องบิน Su-35S ก็จะมองเห็น F-22 ได้อย่างชัดเจน เหมือนกับว่า F-22 เดินออกมาจากเงามืด เพื่อยิง Su-35S แต่โอกาสที่จะถูกสิงปืนไว Su-35S สวนกลับก็มีสูงเช่นกัน (รัศมีทำการ 130 กม. Su-35S มีมิสไซล์ระยะไกล R-77-1 รัศมีทำการ 193 กม.

    ในสถานการณ์โลกปัจจุบันนี้ไม่ใช่ว่าพอเครื่องบินรบของอีกฝ่ายตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่ายแล้วจะล็อกเป้าและกดปุ่มมิสไซล์สอยอีกฝ่ายได้ในทันทีเลย ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็คงไม่มีการรายงานข่าวอยู่บ่อยๆว่า ทั้งสหรัฐและรัสเซียต่างก็โวยวายว่าเครื่องบินรบของอีกฝ่ายเข้าใกล้ตนเอง และมีการบินขึ้นสกัดกั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามใหญ่ระหว่างสองมหาอำนาจ หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งขยายออกไปกว่านั้น

    พูดมาหลายรอบแล้ว ย้ำอีกครั้งว่า F-22 และ Su-35S เคยประลองยุทธเวหากันมาแล้วถึง 2 รอบในสนามรบเหนือน่านฟ้าซีเรีย ปลายปีที่แล้ว เป็นการรบแบบในระยะสายตา (WVR) นั่นคือบทพิสูจน์ว่า ยังไงซะสมัยนี้หรือแม้กระทั่งในอนาคต ก็ยังต้องมีการรบแบบ Dogfight ผลของการเผชิญหน้ากันระหว่าง F-22 กับ Su-35S ในซีเรียก็คือ F-22A ของสหรัฐทั้ง 1 และ 2 ลำ ถูก Su-35S ของรัสเซียไล่บี้หนีตายเข้าน่านฟ้าอิรัคแทบไม่ทัน มีการพยายามยั่วยุรัสเซียเพื่อลองของอีกครั้งเมื่อเร็วๆนี้ โดยส่งไปทั้ง F-22, F-15 และโดรนสังหาร อย่างละ 2 ลำ กะว่าถ้า Su-35S มาเดี่ยวอีก "เอ็งล่วงแน่งานนี้!" รัสเซียไม่หลงกล มันจะต้องเตรียมลูกไม้สกปรกเอาไว้แน่ๆ จึงไม่ส่ง Su-35S เข้าไป โบราณว่า "เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า" เหนือ F-22 ก็ยังมี Su-35S และ Su-57 คริๆ

    สิ่งเดียวที่สหรัฐคุยโวข่มรัสเซียมาโดยตลอดก็คือ เครื่องบินรบสเตลท์ F-22 และ F-35 ของสหรัฐประจำการแล้ว แต่ Su-57 ของรัสเซียยังไม่ได้ประจำการ รัสเซียก็เลยช่วยเตือนความทรงจำให้กับสหรัฐว่า จำ F-117 ได้ไหมหละ ประจำการก่อนก็ล่วงก่อนโดย SAM รุ่นคุณปู่ซะด้วย ปลดประจำกรไปแล้วไม่ใช่หรือ? ต่อมา F-22 ก็เพิ่งถูก Su-35S เตะตูดหัวทิ่มไปสองรอบ ยังจะมีหน้ามาโม้อีกรึ ยังไม่ต้องถึงมือ Su-57 หรอกมั๊ง? - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    18/02/2561
    ----------
    https://www.nst.com.my/world/2018/02/336433/indonesia-inks-us11b-deal-russia-buy-11-sukhoi-jets
    http://www.janes.com/article/77962/...es-contract-to-procure-su-35-fighter-aircraft
    http://tass.com/defense/988697
    http://www.sukhoi.org/eng/planes/military/Su-35/
    http://www.sukhoi.org/eng/gallery/?gallery_id=56&cur_gallery_id=1112&page=1
    http://www.knaapo.ru/press-centre/gallery/events/combat/su-35/2nd_su-35_flight.php
    http://www.sukhoi.org/eng/gallery/?gallery_id=56&cur_gallery_id=1116&page=1
    http://www.sukhoi.org/eng/gallery/?gallery_id=3&cur_gallery_id=1100
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ข่าวบันเทิง: หลังทีมไอซ์ฮอกกี้ชายอเมริกันพ่่ายแพ้ให้กับทีมรัสเซีย โคชทีมอเมริกันปฏิเสธจับมือกับทีมรัสเซีย พร้อมกับพูดว่า "ผมไม่ชอบมัน มันเป็น 4-0" นั่นแหละ น้ำใจนักกีฬาแบบอเมริกันของแท้! (กรรม! พวกเขาจะส่ง F-22 และ F-35 บอมบ์เมืองเปียงชางให้ราบเป็นหน้ากลองเนื่องจากรับความพ่ายแพ้ไม่ได้หรือเปล่านะ?)

    FB_IMG_1519033022945.jpg FB_IMG_1519033046053.jpg

    -----------

    วันที่ 18 ก.พ. 61 Sputnik พาดหัวข่่าวว่า "ผิดกฎโอลิมปิก: โคชสหรัฐปฏิเสธจับมือกับโคชรัสเซีย" (Olympic Offense: US Coach Rejects Handshake With Russian Counterpart)

    ไอซ์ฮอกกี้ทีมชาติรัสเซียได้หวดสหรัฐคู่แข่งจนคว่ำไป 4-0 ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกภาคฤดูหนาว 2018 ที่เมืองเปียงชาง ประเทศเกาหลีใต้ โดยรอบก่อนหน้านี้ทีมรัสเซียเอาชนะทีมสโลวาเกียไป 8-2 หลังจากจบเกมเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ หัวหน้าโคช Tony Granato ของสหรัฐได้แสดงปฏิกิริยาออกมาอย่างรวดเร็ว

    จากการรายงานข่าวในกีฬาโอลิมปิกที่เมืองเปียงชางเปิดเผยว่า ไม่มีการเช็คแฮนกันระหว่างโคชไอซ์ฮอกกี้ของสหรัฐและรัสเซีย

    เว็บไซต์ข่าวกีฬารายงานว่า โคช Tony Granato เป็นฝ่ายปฏิเสธที่จะจับมือกับโคช Oleg Znaro ของทีมรัสเซีย เนื่องจากไม่พอใจที่โคชรัสเซียส่งทีมที่แกร่งที่สุดของรัสเซียลงสนามในรอบสุดท้ายของเกม

    [ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนี่ เขามีกฎห้ามประเทศต่างๆส่งทีมที่แกร่งและเก่งที่สุดของตนเองลงแข่งด้วยหรือ? หรือว่าห้ามเฉพาะรัสเซีย เหมือนกับที่สหรัฐห้ามไม่ให้รัสเซียแสดงธงชาติรัสเซียในกีฬาครั้งนี้? แน่แม้ว่าสหรัฐจะพยายามทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้นักกีฬาที่เก่งที่สุดของรัสเซียลงแข่งโดยอ้างว่าโด๊ปยาแล้วนะนี่ ก็ยังไม่สามารถเอาชนะทีมชาติรัสเซียได้อีก - ผู้แปล]

    "ผมไม่ชอบมัน มันเป็น 4-0" (I did not like it, it was 4-0.) โคช Granato กล่าว โดยอ้างถึงทีมชาติรัสเซียที่ชนะชาดในรอบนี้

    [กีฬาก็แพ้ การทูตก็แพ้ ต่อหน้าผู้หญิงตัวเล็กๆ ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ในกรุงโซล รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ แห่งสหรัฐก็ยังไม่กล้าพูดอะไรซักคำ ไม่กล้าสบตาด้วยซ้ำ พอกลับไปถึงบ้านตัวเอง ก็เรียกพวกมาช่วยเห่าซะเสียงด้งไปทั่วโลกเลย พอทีมไอซ์ฮอกกี้ของตนเองแพ้ หลุดลุ่ย "อเมริกูรับไม่ได้!" ฮาๆ โซเชียลมีเดียตามสำนักข่าวต่างๆ ด่าแหละ เอ็งจะทำให้ประเทศอเมริกาอับอายไปถึงได้นะไอ้โทนี่! - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    19/02/2561
    ----------
    https://sputniknews.com/olympics-20...81488-pyeonchang-russia-us-coaches-handshake/
    http://www.sportingnews.com/athleti...-video-oleg-znarok/11q6qbwf5krum1akyutp7hdwuk
    https://www.cbssports.com/olympics/...y-coaches-dont-shake-hands-after-russia-rout/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    มะกันโฮ่งรายวัน... ทิลเลอร์สันประกาศชัด "งานของผมคือไม่ต้องใช้เหตุผลใดๆสำหรับการหย่อนระเบิดลูกแรก" เพื่อดึงเกาหลีเหนือเข้าสู่โต๊ะเจรจา (อีกหนึ่งตัวอย่างของ "การทูตแบบอเมริกัน")

    FB_IMG_1519034507012.jpg

    ------------

    วันที่ 19 ก.ย. 61 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "'จนกว่าจะมีการหย่อนรเบิดลูกแรก': ทิลเลอร์สันสัญญาว่าจะนำเกาหลีเหนือเข้าสู่โต๊ะเจรจาให้ได้" ('Until First Bomb Drops': Tillerson Vows to Bring DPRK to Negotiating Table)

    สหรัฐจะเดินหน้าภารกิจด้านการทูตของตนเองต่อไปเพื่อแก้ไขวิกฤตนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี จนกว่า "จะมีการหย่อนระเบิดลูกแรก" นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวเมื่อวันจันทร์นี้ แต่นายทิลเลอร์สันไม่ได้ระบุว่า "ใครจะเป็นฝ่ายหย่อนระเบิดลูกแรกก่อน"

    "ผมกำลังจะใช้ทุกช่วงเวลาที่มี ภารกิจด้านการทูตของเราจะยังคงเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะมีการหย่อนระเบิดลูกแรก งานของผมก็คือ ไม่ต้องใช้เหตุผลใดๆทั้งนั้น สำหรับการหย่อนระเบิดลูกแรก และเราก็จะไม่รู้อย่างชัดเจนว่าเหลือเวลาอยู่อีกเท่าไร" ทิลเลอร์สันกล่่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์

    กรุงวอชิงตันได้รับการแจ้งเตือนถึงภัยคุกคามจากกรุงเปียงยางว่า มิสไซล์ของเกาหลีเหนืออาจจะไปถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐก็ได้ เจ้าหน้าที่กล่าว

    [ไม่อาจหละ ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐล้วนอยู่ในรัศมีการโจมตีของขีปนาวุธข้ามทวีป Hwasong-15 ที่มีรัศมีทำการ 13,000 กิโลเมตร - ผู้แป]

    ทิลเลอร์สันเน้นย้ำว่า "มันไม่ได้ทำให้เราประสาทเสีย (nervous = เป็นบ้า) หรอกนะครับ (จริงดิ? ทำไมเสียงสั่นอ่ะ?) นอกจากนี้แล้วมันยังทำให้การแก้ไขปัญหาของเรามีความแน่วแน่มากขึ้นด้วย ภัยคุกคามประเภทนั้นต่อประชาชนชาวอเมริกันโดยรัฐบาลเผด็จการ (regime) แบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะยอมรับได้" [อ้าวววว... ตอนต้นประโยคยังโม้อยู่ว่า "มันไม่ได้ทำให้เราประสาทเสีย" แต่ตอนลงท้ายทำไมบอกว่า "ยอมรับไม่ได้" ซะหละ? สหรัฐมีนุกตุนเอาไว้เกือบ 7,000 ลูก ขู่จะนุกเกาหลีเหนือนับครั้งไม่ถ้วน คิดว่าประชาชนชาวเกาหลีเหนือ "ยอมรับได้อย่างนั้นหรือ?"

    ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ ก็เพิ่งจะประกาศแผนยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ฉบับใหม่ เพิ่มงบกลาโหมยกเครื่องนุกให้ทันสมัยและมากกว่าเดิม อ้างภัยคุกคามจากรัสเซียและจีน และยังหน้าด้านเรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกปลดนุกให้หมด ยกเว้น "อเมริกา" และประเทศที่ใช้นุกสังหารหมู่ประชาชนพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในต่างประเทศก็คือ "อเมริกา" อีกนั่นแหละ

    อดีตประธานาธิบดีกัดดาฟี่แห่งลิเบีย ประกาศว่ากำลังซุ่มพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง สหรัฐและพันธมิตรรีบเล่นมุกโลกสวย อย่าทำเลยท่านประธานาธิบดี มันเป็นการบ่อนทำลายสันติภาพในภูมิภาคและทั่วโลก และได้กล่อมให้กัดดาฟี่หลงมนต์สกดด้วยลีลาลิ้นการทูตแบบอเมริกัน จนกัดด่าฟี่ยอมยุติและทำลายโครงการนุกของตนเอง และให้นานาชาติเข้าไปตรวจสอบ เมื่อสหรัฐมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ลิเบียไม่มีนุกหรืออาวุธร้ายแรงแล้ว สหรัฐและนาโต้ก็ชี้หน้าประณามกัดดาฟี่ทันทีว่า "เป็นจอมเผด็จการทรราช" สังคว่ำบาตรด้านอาวุธต่อลิเบีย จากนั้นแก๊งหมาหมู่นำโดยสหรัฐก็ยกกองทัพขนาดใหญ่เข้าถล่มลิเบีย และสังหารกัดดาฟี่ ผลสุดท้ายกัดดาฟี่ได้ไปอยู่ในปรโลกเรียบร้อย

    สหรัฐและเดอะแก๊งปรบมือให้กับการทำลายประเทศลิเบีย อ้างว่าเพื่อทำให้ลิเบียเป็น "ประชาธิปไตย" คนลิเบียนับแสนนับล้านบาดเจ็บล้มตายและอพยพหนีไปอยู่ที่ยุโรป ขบวนการค้ามนุษย์ ค้าทาสกลับมาเจริญงอกงามในลิเบียอีกครั้ง ไอซิสและกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ลิเบียมีรัฐบาลถึง 3 รัฐบาลแก่งแย่งอำนาจกันเอง การค้าน้ำมันเถื่อนระบาด แต่นานาชาติทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไหนะหละประชาธิปไตยในลิเบีย? - ผู้แปล]

    ทิลเลอร์สันกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานโทรทัศน์ CBS ของสหรัฐซึ่งออกอากาศในวันจันทร์นี้ว่า "งานของผม ในฐานะหัวหน้านักการทูต (อเมริกัน) ก็คือรับประกันว่า เกาหลีเหนือรู้ว่าเรายังคงเปิดช่องทาง (การเจรจา) ของพวกเราอยู่ ผมกำลังฟังอยู่ ผมจะไม่ส่งข้อความกลับไปมาก เพราะว่าไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกับพวกเขา ณ จุดนี้"

    ทิลเลอร์สันกล่าวอีกว่า "เราได้รับข้อความจากพวกเขาแล้ว และผมก็คิดว่ามันจะมีความชัดเจนมาก ต่อประเด็นที่ว่าเราต้องการที่จะมีการสนทนากันเป็นครั้งแรกได้อย่างหร"

    วันที่ 17 ก.พ.61 Yonhap News ของเกาหลีใต้รายงานว่า สื่อเกาหลีเหนือกล่าวเมื่อวันเสาร์นี้ว่า "ไม่กระหาย" (not thirsty) ที่จะเจรจากับสหรัฐ (หลังเกิดเหตุการณ์ดรามาระดับโลก โดยที่ รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐไม่กล้าสู้หน้าสบตาและพูดคุยกับคณะผู้แทนระดับสูงของเกาหลีเหนือในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่เกาหลีใต้)

    วันเดียวกันนี้ สื่อเกาหลีใต้รายเดิมรายงานอีกว่า ประธานาธิบดีมูน แจ-อิน แห่งเกาหลีใต้ ได้กล่าวเมื่อวันเสาร์นี้ว่า มันอาจจะเร็วเกินไปที่จะถกกันว่าเมื่อไร หรือว่าตนเองอาจจะจัดการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีคิม จอง-อึน แห่งเกาหลีเหนือหรือไม่ "มีความคาดหวังหลายอย่าง แต่ผมก็เชื่อว่าพวกเขาอาจจะกระตือรือร้นเพียงเล็กน้อย" ปธน.มูนกล่าวกับผู้สื่อข่าว

    [ก่อนหน้านี้สหรัฐออกมาขู่กรายๆว่า ยังเร็วเกินไปที่สองเกาหลีจะคุยกัน พฤติกรรมของบรรดานักการเมืองสหรัฐที่พูดออกมาแต่ละวันเหมือนเป็นการเล่นละคร และเล่นไพ่สองมือ และเป็นการข่มขู่ทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ไปในตัวด้วย ประมาณว่า "ถ้าสองเกาหลีคิดจะคุยกันสองต่อสอง โดยที่ไม่มีฉันเข้าแส่ด้วย อย่างฝันไปเลยว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นได้"

    สถานการณ์ของเกาหลีใต้ในตอนนี้ก็คือ "ตกเป็นตัวประกันของสหรัฐ" เนื่องจากมันยังมีสนธิสัญญาทาสฉบับหนึ่ง (OPCON ตั้งแต่ยุคสงครามเกาหลี 1950-1953 มาจนถึงปัจจุบัน) ที่สหรัฐสามารถเข้าควบคุมบัญชาการทางหทารกองทัพของเกาหลีใต้ได้ หากเกิดความขัดแย้งทางทหารขึ้นในภูมิภาค (เคยเล่ามาแล้ว) เกาหลีใต้เองก็พยายามครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อที่จะปลดแอกให้กับตนเอง แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ แต่สหรัฐมองว่า "แอก" อันนี้คือ "อิสรภาพและประชาธิปไตย" นะเฟ๊ย! มีคนสวมปลอกคอให้พร้อมกับมีสายจูง เสรีภาพแบบนี้สหรัฐต้องการบ้างไหมหละ? - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    19/02/2561
    ----------
    https://sputniknews.com/asia/201802191061792730-usa-dprk-tillerson-negotiations-pressure/
    http://english.yonhapnews.co.kr/national/2018/02/19/41/0301000000AEN20180219005700315F.html
    http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2018/02/17/0401000000AEN20180217004052315.html
    http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2018/02/17/0401000000AEN20180217001900315.html
    http://english.yonhapnews.co.kr/news/2017/09/28/0200000000AEN20170928011600315.html
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แดง วงศ์ทวิชาติ

    19Feb2018
    #Earthquakes
    • ผู้เชี่ยวชาญเตือน “ เมียนม่า “ เสี่ยงเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง•
    เหตุแผ่นดินไหวในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมาในเมียนม่า มีความเเรง 6.0 ริกเตอร์ เเละมีจุดศูนย์กลางอยู่ระหว่างเมืองย่างกุ้งกับกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ของประเทศ

    เเม้ประชาชนในเมียนม่าต่างชินกับเเรงสะเทือนของแผ่นดินไหว แต่มีความกลัวกันว่าหากเกิดเหตุเเผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมียนม่าอาจจะรับมือกับวิกฤติไม่ไหวเพราะขาดความพร้อม

    บรรดาเมืองสำคัญๆ ของเมียนม่า รวมทั้ง ย่างกุ้ง กรุงเนปิดอว์ เเละมัณฑะเลย์ เมืองหลักทางเหนือของประเทศ ต่างตั้งอยู่ใกล้กับรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่เรียกว่า รอยเลื่อนสะแกง ที่ผ่าพม่าออกเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน เริ่มตั้งเเต่รัฐคะฉิ่นทางเหนือของประเทศ ซึ่งวิ่งผ่านตอนกลางของเมียนม่าเเละลงไปสู่ทะเลอันดามัน

    นอกจากนี้ ในพื้นที่ภูเขาทางตะวันออกของประเทศยังมี รอยเลื่อนคัวะ คยาน ที่เป็นต้นเหตุของเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในเมียนม่าที่เเรงถึง 8.0 ริกเตอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1912 หรือ 106 ปีที่เเล้ว

    Earth Observation ของสิงคโปร์ รายงานว่า ได้สร้างเครือข่ายสถานีตรวจวัดแรงสะเทือนใต้เปลือกโลกถึง 30 สถานีทั่วเมียนม่าเมื่อปีที่แล้ว เเละสามารถตรวจจับเเรงสะเทือนขนาดเล็ก 4 ถึง 5 ครั้งเป็นประจำทุกวัน

    และจากข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหวตลอด 170 ปีที่ผ่านมา พบว่าในเมียนม่าจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มีความแรงเกิน 7.0 ริกเตอร์ ในอัตรา 10 ปี ต่อ 1 ครั้ง

    รอยเลื่อนสะแกงจะสร้างความเสียหายแก่คนจำนวนมากถึง 10 ล้านคน ตลอดจนสร้างความเสี่ยงแก่การพัฒนาเมืองย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเมืองหลวงด้านการค้าเเละธุรกิจ

    และเมื่อมีคนย้ายถิ่นจากชนบทเข้าสู่เขตเมืองเพิ่มขึ้น ทางการเมียนม่าคาดว่า ประชากรในเมืองย่างกุ้งจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 5 ล้าน 2 เเสนคน ภายในปี ค.ศ. 2040 หรืออีก 22 ปีข้างหน้า

    ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของเมืองย่างกุ้งเก่าเเก่มากเพราะสร้างขึ้นในช่วงที่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ และขาดการทำนุบำรุง นอกจากนี้ ยังมีการสร้างตึกสมัยใหม่เพิ่มเติมที่ขาดมาตรฐานเพราะไร้กฏระเบียบในการควบคุมการพัฒนานานหลายสิบปี ทำให้เเค่รับมือกับกิจกรรมในวันต่อวันของคนในเมืองก็ไม่ไหวเเล้ว

    บรรดานักธรณีวิทยาชี้ว่า ส่วนหนึ่งของรอยเลื่อนเปลือกโลกที่จะกระทบกับเมืองย่างกุ้ง ครบกำหนดที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เเล้ว

    ศาสตราจารย์ มียอ ทัน (Myo Thant) รองประธานคณะกรรมาธิการแผ่นดินไหวแห่งเมียนม่า (Myanmar Quake Committee) กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า รอบการเกิดแผ่นดินไหวที่มีเเรงสั่นสะเทือนตั้งเเต่ 7.0 ริกเตอร์ขึ้นไป เกิดขึ้นทุก 80 - 100 ปี เเละครั้งสุดท้ายที่เกิดแผ่นดินไหวบนรอยเลื่อนสะแกงที่ใกล้กับเมืองย่างกุ้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1930 หรือ 88 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีคนเสียชีวิตมากกว่า 550 คน

    อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณว่าทางการเมียนม่าตระหนักดีถึงภัยจากแผ่นดินไหวนี้ และการแก้ปัญหาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ถูกละเลย ได้กลายเป็นประเด็นที่สำคัญประเด็นหลัก

    ชอว์ ทเว ซอ รองประธานคณะกรรมการแผ่นดินไหวแห่งเมียนม่า กล่าวว่า ทางคณะกรรมการได้ได้เสนอกฏระเบียบด้านการก่อสร้างที่จัดทำโดยทีมวิศวกรให้กับรัฐบาลเมียนม่าเมื่อปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีการนำออกมาบังคับใช้เป็นกฏหมาย หรือยังไม่มีการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาเมียนม่า

    กฏระเบียบนี้จะช่วยสร้างความปลอดภัยแก่แผนการขยายเมือง ทั้งในย่างกุ้งเเละเมืองใหญ่รอบนอก รวมทั้งเมืองมัณฑะเลย์ เเต่ไม่มีกฏบังคับต่อตึกเก่าแก่ เเละในเมืองย่างกุ้งมีตึกเก่าแก่จำนวนมากที่อยู่ในสภาพทรุดโทรม

    ปัญหานี้ย่ำเเย่ลงไปอีกเพราะขาดการประกันภัยเ เละยังขาดแคลนเงินทุนในการซ่อมเซมตึกเก่าแก่ที่ราคาค่าซ่อมสูงมาก นอกจากนี้ ใบรับรองการเสร็จสมบูรณ์ของการก่อสร้างที่ออกโดยเทศบาลของเมืองย่างกุ้ง ยังไม่บังคับให้มีการตรวจสอบตัวตึกในภายหลัง หรือเเม้เเต่หากมีการประกาศขายต่อ

    แต่คณะกรรมการแผ่นดินไหวเเห่งชาติเมียนม่า ได้ศึกษาความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวของเมืองเล็กและใหญ่หลายเมืองด้วยกัน รวมทั้งเมืองมัณฑะเลย์ และกำลังศึกษาความเสี่ยงของเมืองย่างกุ้งในขณะนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะออกแนวทางปฏิบัติในการต่อเติม

    ในขณะเดียวกัน ทางธนาคารโลกได้ตกลงให้เงินทุนในการสร้างความเเข็งแรงเเก่ตึกของทางการหลายสิบหลายแห่งในเมืองย่างกุ้ง

    ธรรมชาติที่คาดเดายากของแผ่นดินไหวเเละระยะเวลาที่ห่างมากระหว่างเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มความตื่นตัวของสาธารณชน โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าคนเราลืมเหตุแผ่นดินไหวครั้งก่อนๆ ได้อย่างง่ายดาย

    แต่เมืองทุกระดับในเมียนม่ายังไร้การเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับเหตุแผ่นดินไหว ไม่มีการเตรียมการเเม้ในระดับพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นจุดรวมตัวในระหว่างหนีภัย เเละที่พักพิงชั่วคราวที่มีสิ่งบรรเทาทุกข์ขั้นพื้นฐาน

    ชอว์ ทเว ซอ รองประธานคณะกรรมการแผ่นดินไหวของเมียนม่า กล่าวยอมรับว่า คงต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าเมียนม่าจะเตรียมตัวให้พร้อมที่จะรับมือกับมหันตภัยจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

    (เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)
    VOA Thai- วอชิงตัน (ภาคภาษาไทย)

    ( มีสื่อเมืองนอกอื่นๆ คอยเตือนก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้คิดคนเดียว)


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2018
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แดง วงศ์ทวิชาติ

    Cr.คุณมาร์.
    19Feb2018
    #Earthquakes
    * เกิดแผ่นดินไหวแรง 5.9 ลึก 40 กม. แม็กซิโก เป็นอาฟเตอร์ช็อคที่รุนแรงต่อจาก 5.8 ลึก 4 กม.ในวันที่ไหว 7.2 *

    • สำนักแผ่นดินไหวทางแม็กซิโกรายงานระดับ 6.1

    • การเกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.0 ที่ไอซแลนด์นั้น หลังจากเกิดการไหวสวอรม์ที่นี่รวมกว่า 400 ครั้ง ในเวลา 12 ชม. เมื่อ2 วันมานี้ มิใช่เรื่องที่น่าฟัง แต่เริ่มน่ากลัวยิ่งนัก ..!!!!

    • ผมย้ำเสมอในเรื่องผลกระทบในด้านทิศทางตรงข้ามโลก ในเวลาที่เกิดแผ่นดินไหว และครั้งนี้ก็เช่นกัน ..!!!!!

    > การเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเกินระดับ 7+ ถึง 4 ครั้งในระยะเวลา 6 เดือน เฉพาะแม็กซิโก เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน นับว่าต้องตกใจและใส่ใจอย่างมากว่า..มันเกิดอะไรขึ้น..?

    >> และสำคัญมากว่า มันอยู่ในด้านตรงข้ามโลกกับแนวตะวันตกของไทยด้วย...!!!! ซึ่งหากดูย้อนหลังไป บริเวณโดยรอบ
    จากด้านใต้อินโดนีเซียที่ เกิดแผ่นดินไหวระดับเกิน 6+ ที่บาหลี
    และจาวา และบนเทือกเขาพะโค๊ะในเขตพม่า และอาฟกานิสถาน ทั้งหมดนี้แค่ระดับยังไม่เกิน 6.5 เลย และเวลานี้ยังมีการปะทุรุนแรงของภูเขาไฟชินาบัง เมื่อเช้านี้พ่นเถ้าฝุ่นควัน
    ขึ้นไปสูง 5 กม. ให้แตกตื่นกันอีก ตำแหน่งอยู่ด้านปลายเกาะสุมาตราเหนือ. จึงเป็นเรื่องน่ากังวลยิ่งนัก ในโซนตะวันตก <<

    •• ที่เคยแจ้งเตือนเรื่องแผ่นดินไหวใหญ่ระดับ Big One
    ในระยะจากวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ไปถึง 7 มีนาคม ซึ่งมีการจัดแนวของดาวเคราะห์ หลายชุดและ มีลักษณะคล้ายกันกับเมื่อปี
    2004 ที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่อาเจ๊ะ-อันดามัน ที่ไหว 9.2 และยังคล้ายกับปี 2011 ที่เกิดไหวรุนแรงมากที่ญี่ปุ่นด้วย. ได้แจ้งเตือนมานับเดือนแล้ว สถานการณ์ถึงขั้นเตรียมพร้อมสูงสุด
    และเชื่อว่า...มีผลกระทบหลายโซนแน่นอน ติดตามข่าวกันครับ

    WATCH - Earthquake - 5.9 - 32km NE of Santa Catarina Mechoacan, Mexico - #Disater Alert
    http://snc.pdc.org/PRODUCTION/135c66e9-f2e8-42a6-9e50-effd4a28060f/index.html

    • ADVISORY - Earthquake - 5.0 - 53km NNW of Husavik, Iceland - #Disater Alert
    http://snc.pdc.org/PRODUCTION/dc4a7fa8-b944-49ce-a800-ff363bf58081/index.html

    • 400 earthquakes detected at Grímsey island in last twelve hours - Iceland Monitor
    https://icelandmonitor.mbl.is/news/...thquakes_detected_at_grimsey_island_in_last_/

    • Indonesia's Sinabung volcano unleashes towering ash column
    https://thehimalayantimes.com/world/indonesias-sinabung-volcano-unleashes-towering-ash-column/

    • Quake, magnitude 6.1, shakes Mexico City
    http://www.channelnewsasia.com/news/world/quake--magnitude-6-1--shakes-mexico-city-9970664

    • Mexico earthquake rocks Oaxaca - 6.1 magnitude quake shakes city | World | News | Express.co.uk
    https://www.express.co.uk/news/worl...uake-news-mexico-city-Oaxaca-latest-magnitude

    • M5.9 magnitude quake shakes Oaxaca, Mexico — USGS — RT World News https://www.rt.com/news/419175-mexico-oaxaca-earthquake-usgs/

    • Un sismo de magnitud 6 sacude el centro y sur de México sin causar víctimas | Sociedad | Agencia EFE
    https://www.efe.com/efe/espana/soci...-sur-mexico-sin-causar-victimas/10004-3527917

    • Earthquake shakes southern Mexico for second time in three days
    http://www.telegraph.co.uk/news/2018/02/19/earthquake-shakes-southern-mexico-second-time-three-days/

    • Mexico earthquake: 5.9-magnitude quake shakes Mexico City
    https://www.usatoday.com/story/news/2018/02/19/mexico-earthquake/350398002/

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    น่ากลัว ชินาบัง อินโดนีเซีย

    Visudhi Punya

    เด็กนักเรียนพากันแตกตื่นตกใจ
    เมื่อภูเขาไฟ ซินนาบุง ที่อินโดนีเซีย
    ปะทุขึ้นมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

    จึงพากันวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น
    โรงเรียนแห่งนี้อยู่ห่างภูเขาไฟ
    แค่ 4 กิโลเมตรเท่านั้น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2018
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Visudhi Punya

    เสียงลึกลับจากฟ้า
    ในประเทศสโลวาเกีย
    ไม่รู้ว่าต้นกำเนิดเสียงมาจากไหน

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Visudhi Punya

    ปรากฏการณ์นี้
    บันทึกได้จากฟ้า ประเทศแคนาดา

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    บ่ายโมง ตรงประเด็น



    จ.หนองบัวลำภู เป็นพื้นที่ที่พบป่วยโรคเนื้อเน่าจำนวนมาก จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าจำนวนผู้ป่วยสัมพันธ์กับช่วงเวลาของการทำไร่อ้อยซึ่งมีการใช้ยาฆ่าหญ้า การสำรวจของนักวิจัยยังพบสารพาราควอตตกค้างในดินและแหล่งน้ำในพื้นที่ ต.บุญทัน
    แต่ยังไม่เคยมีการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์และทารกที่คลอดออกมา

    ขณะที่ผลวิจัยอีกชุดของ ม.มหิดล พบสารพาราควอตและไกลโฟเซตในเลือดของแม่และสายสะดือเด็ก จากพื้นทีวิจัย 3 จังหวัด กาญจนบุรี นครสวรรค์ อำนาจเจริญ

    จากเอกสารงานทางวิชาการ 2 สถาบัน ทีมข่าวไทยพีบีเอสไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่จ.หนองบัวลำภู พบว่ามีเด็กจำนวนมากพัฒนาการต่ำกว่าเกณฑ์ โดยที่แม่มีประวัติสัมผัสสารพาราควอตขณะตั้งครรภ์
    ------------------------------
    #บ่ายโมงตรงประเด็น
    #ThaiPBS
    #พาราควอต
    #หนองบัวลำภู
    ชมย้อนหลัง www.thaipbs.or.th/1PM
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    พายุทรายที่ basra อิรัก 18 กุมภาพันธ์ 2561

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    อเมริกาควรดูเป็นตัวอย่าง... นักกีฬาโอลิมปิกทีมชาติยูเครนและรัสเซียสวมกอดกันบนโพเดี้ยม สปิริตของความเป็นนักกีฬามืออาชีพ

    IMG_8770.JPG IMG_8771.JPG

    ------------

    วันที่ 19 ก.ย. 61 RT พาดหัวข่าวว่า "สปิริตโอลิมปิก: นักกีฬายูเครนและรัสเซียสวมกอดกันบนโพเดี้ยมโอลิมปิก" (Olympic spirit: Ukrainian & Russian athletes embrace on Olympic podium) [ว้าววว! นี่เท่ากับเป็นการตบหน้ารัฐบาลสหรัฐ และโคชไอซ์ฮอกกี้ของสหรัฐเต็มๆเลย ที่ปฏิเสธจับมือกับโคชของทีมชาติรัสเซีย หลังพ่ายแพ้ยับ 4-0 - ผู้แปล]

    สื่อรัสเซียรายงานว่า ยัดเยียดความอับอายให้พวกนักการเมืองทั้งหลาย นักสกีโอลิมปิกทีมชาติยูเครนและรัสเซียได้พักการโต้เถียงทางการเมืองเอาไว้ก่อน ในการแสดงออกถึงความเป็นนักกีฬาที่แท้จริง พวกเขาไม่เพียงแต่ขึ้นยืนบนแท่นรับเหรียญรางวัลชนะเลิศเท่านั้น แต่ยังได้สวมกอดกันด้วย

    เมื่อวันอาทิตย์นี้ Oleksandr Abramenko นักกีฬาสกีฟรีสไตล์จากทีมชาติยูเครนคว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จ ส่วน Ilia Burov จากรัสเซีย (Olympic Athlete from Russia (OAR)) ได้อันดับที่สาม ที่สองตกเป็นของ Jia Zongyang จากทีมชาติจีน

    ในพิธีมอบเหรียญรางวัลให้กับนักกีฬาที่ชนะเลิศนั้น นักกีฬาจากทีมชาติรัสเซียได้ไปยืนอยู่บนแท่นรับรางวัลชั้นที่หนึ่งร่วมกับนักกีฬาทีมชาติยูเครน (ที่สามยืนระดับเดียวกันกับที่หนึ่ง) ทิ้งให้นักกีฬาจากทีมชาติของจีนแผ่นดินใหญ่ยืนอยู่บนแท่นอันดับที่สองแต่เพียงผู้เดียว (นักกีฬายูเครนเชิญนักกีฬารัสเซียขึ้นไปยืนด้วยกัน ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นกันเอง)

    เนื่องจากรัสเซียถูกลงโทษ (ถูกกลั่นแกล้ง) ไม่ให้แสดงธงชาติและร้องเพลงชาติของรัสเซียในพิธีมอบเหรียญรางวัลโอลิมปิก แต่ให้ใช้ธงของโอลิมปิกสากล (IOC) แทน

    ในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวจาก Sport-Express ของรัสเซีย Burov ได้กล่าวว่า การเมืองที่ขมขื่นไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของกีฬา "พวกเราเป็นเพื่อนกัน พวกเราคุยกันอยู่เสมอ การเมืองทำอะไรพวกเราไม่ได้ ชาวเบลารุส ชาวยูเครน และชาวรัสเซียต่างก็เป็นเพื่อนกัน พวกเราคือชาวสลาฟ" Burov กล่าว และกล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จของคุณ Abramenko เป็นบทพิสูจน์ว่า โรงเรียนสอนฟรีสไตล์ของชาวสลาฟของพวกเขาเข้มแข็งอย่างไร (สุดยอดดดดด จี๊ดไหมครับคุณทรัมป์?)

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    19/02/2561
    ----------
    https://www.rt.com/sport/419170-olympics-ukraine-russia-flag-embrace/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    พันธมิตรสหรัฐเสร็จปูตินอีกราย... รัสเซียและซาอุดิอาระเบียกำลังเจรจาขั้นสุดท้ายในการซื้อขาย S-400 ฉลุย!

    IMG_8772.JPG IMG_8773.JPG IMG_8774.JPG

    ------------

    วันที่ 19 ก.ย. 61 TASS พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียและซาอุดิอาระเบียกำลังกระเทาะรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงส่งมอบ S-400" (Russia and Saudi Arabia hash over details of S-400 deliveries deal)

    การเจรจาต่อรองเกี่ยวกับการจัดหาระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ของรัสเซียให้ซาอุดิอาระเบียมาถึงรอบสุดท้ายแล้ว โดยที่ทั้งสองฝ่ายกำลังหารือกันเกี่ยวกับรายละเอียดทางเทคโนโลยีและลอจิสติกส์ Raed bin Khaled Qrimli เอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำรัสเซียเผยกับสำนักข่าว TASS ของรัฐบาลรัสเซียเมื่อวันจันทร์นี้

    "เกี่ยวกับ S-400 นั้น กำลังอยู่ระหว่างการหารือกันในรายละเอียดระหว่างสองฝ่ายในขั้นตอนสุดท้าย เรากำลังปรึกษากันในประเด็นด่างๆด้านเทคนิค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้เชิงปฏิบัติการ (know-how / ความรู้ความชำนาญด้านทักษะการทำงาน)" เอกอัครราชทูตกล่าว

    [ว้าววว! ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย นั่นก็คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ว่า ทำไมรัสเซียถึงไม่จัดการขั้นเด็ดขาดกับพวกกบฏซีเรียทั้งทางตะวันออกและตะวันตกของกรุงดามัสกัสซะที แต่เน้นปราบรอบนอกไปเรื่อยๆ ให้กองทัพฝ่ายรัฐบาลและพันธมิตรรับมือพวกใกล้เมืองหลวงซีเรียไปพลางๆ ก่อน เอาไว้บรรลุข้อตกลงกับซาอุดิอาระเบียก่อน ค่อยเชือดทิ้งทีหลังก็ยังไม่สาย แต่ตอนนี้ กองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียส่งหน่วย Tiger Forces ชุดใหญ่พร้อมอาวุธหนักหลายรายการเข้าปิดล้อม เขตลดความขัดแย้งทั้งด้านตะวันออกและตะวันตกของกรุงดามัสกัสแล้ว ส่วนเคิร์ดก็ยอมให้กองทัพซีเรียเข้าไปช่วยรับมือเติร์กทีเมืองอาฟริน มันส์! เดี๋ยวจะรายงานให้ทราบในโพสต์ต่อไปนะครับ ตอนนี้พูดเรื่อง S-400 ก่อน - ผู้แปล]

    สื่อรัสเซียรายงานอีกว่า นาย Vladimir Kozhin ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียด้านความร่วมมือทางเทคนิคด้านการทหารกล่่าวในการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้กับหนังสือพิมพ์ Kommersant ของรัสเซียว่า "ได้มีการลงนามในเอกสารหลายฉบับเกี่ยวกับการส่งมอบระบบ S-400 ให้ซาอุดิอาระเบีย ตามเงื่อนไขทั้งหมดที่ได้ตกลงกันไว้"

    ระบบ S-400 Triumf ของรัสเซีย (นาโต้เรียกว่า SA-21 Growler) เป็นระบบขีนาวุธต่อต้านอากาศยานระยะไกลรุ่นล่าสุดของรัสเซียที่เข้าประจำการในปี 2017 ได้รับการออกแบบมาเพื่อ "ทำลาย" อากาศยาน จรวดร่อนนำวิถี (ครูซมิสไซล์) ขีปนาวุธวิถีโค้ง (บอลลิสติกมิสไซล์) ซึ่งรวมทั้งขีปนาวุธพิสัยกลาง และเป้าหมายบนภาคพื้นดินด้วย

    ระบบนี้สามารถโจมตีเป้าหมายเคลื่อนที่ในอากาศได้ในรัศมี 400 กิโลเมตร (249 ไมล์) และทำลายเป้าหมายที่เป็นขีปนาวุธวิถีโค้งยุทธวิธี (บอลลิสติกมิสไซล์รุ่นเล็ก) ที่กำลังพุ่งไปด้วยความเร็ว 4.8 กม./วินาที ที่ระดับความสูง 60 กิโลเมตร (37 ไมล์) ไม่า่าเป้าหมายเหล่านี้จะเป็นครูซมิสไซล์ อากาศยานและบอลลิสติกมิสไซล์ทั้งรุ่นที่ติดหัวรบแบบยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ก็ตาม

    เรดาร์ของระบบ S-400 สามารถตรวจจับเป้าหมายในอากาศได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร (373 ไมล์) ขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ 48N6E3 ของระบบนี้สามารถโจมตีเป้าหมายเคลื่อนที่ในอากาศได้ที่ระดับความสูง 10,000-27,000 เมตร และภัยคุกคามจากบอลลิสติกมิสไซล์ที่ระดับความสูง 2,000-25,000 เมตร

    รายงานก่อนหน้านี้ระบุว่า รัสเซียได้ส่งมอบระบบ S-400 บางส่วนให้กับจีน และได้บรรลุข้อตกลงการส่งมอบ S-400 ให้กับอินเดียและตุรกีด้วย

    วันที่ 14 ก.พ. 61 TASS รายงานว่า รัสเซียเตรียมลงนามในข้อตกลงสัญญาส่งมอบระบบ S-400 อีกล็อตหนึ่งให้กับตุรกีในปี 2020 (ตุรกีติดใจระบบ S-400 ของรัสเซีย แม้ว่าจะยังไม่เคยใช้งานมาก่อน แต่ดูจากที่รัสเซียทะยอยเข้าประจำการระบบนี้ในกองทัพของตนเอง และจีนเป็นลูกค้ารายแรกที่คว้าระบบนี้ไปครอบครอง มั่นใจว่ามันจะต้องเจ๋งแน่ๆ เนื่องจากมันสามารถตรวจจับอากาศยานล่องหน (สเตลท์ของค่ายสหรัฐและพันธมิตร) ได้ด้วย ข่าวนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่นายทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐจะเดินทางไปเจรจากับตุรกีกรณีเคิร์ดในซีเรีย

    วันที่ 11 ก.ย. 61 RT รายงานว่า นายใหญ่บริษัท Rostec รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย เกรียนสหรัฐว่า กรุงมอสโคพร้อมที่จะขายระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ให้กับประเทศไหนก็ได้ ที่มีความรู้สึกไม่ปลอดภัยและต้องการที่จะปกป้องน่านฟ้าของตนเองให้มิดชิด ซึ่งก็รวมทั้งสหรัฐด้วย หากสหรัฐต้องการ

    [สหรัฐคัดค้านอย่างหนักกรณีตุรกีหนึ่งในพันธมิตรของแก๊งนาโต้ได้ตัดสินใจสั่งซื้อระบบ S-400 จากรัสเซีย โดยสหรัฐอ้างว่าต้องการให้พันธมิตรนาโต้ทั้งหมดใช้ระบบของนาโต้ เนื่องจากจะได้เข้ากันได้และเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันได้ แอร์โดกันสวนกลับทันทีว่า เราวางออร์เดอร์ไปแล้ว แต่คุณไม่ยอมส่งของเอง เราไม่รอ เราขอเลือกของรัสเซีย กรีซซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรของนาโต้เช่นกันและเป็นคู่อริกับตุรกีด้วย ได้ใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ของรัสเซียมานานแล้ว

    หลังจากที่รัสเซียประกาศความสำเร็จในการขายอาวุธ เช่นระบบป้องกันภัยทางอากาศและเครื่องบินรบได้มากขึ้น แม้ว่าจะถูกสหรัฐคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและกลั่นแกล้งต่างๆนานาก็ตาม สหรัฐก็ประกาศว่า เตรียมจะเล่นงานประเทศต่างๆที่ใช้อาวุธค่ายรัสเซีย (ประชาธิปไตยและเสรีภาพไหมหละท่าน?) ทางรัสเซียตอบโต้ว่า ก็เสียงสุนัขเห่า กองคาราวานจะต้องเดินหน้าต่อไป

    อเมริการ้องกรี๊ดดดดด! ตีอกชกตัว และประกาศขึ้นบัญชีดำบรรดานักการเมืองและนักธุรกิจชาวรัสเซียราว 100 กว่าคน ยกเว้นท่านปูตินคนเดียว รัสเซียขำก๊าก ล่าสุดสหรัฐสั่งฟ้องชาวรัสเซีย 10 คน และบริษัทของรัสเซียอีก 3 บริษัท โทษฐานซื้อโฆษณาจากโซเชียลมีเดียของสหรัฐช่วยประชาสัมพันธ์สนับสนุนประชาธิปไตยของสหรัฐ แต่สหรัฐเรียกว่า "การแทรกแซงการเลือกตั้งและกระบวนการทางการเมืองภายในสหรัฐ"

    ซาอุดิอาระเบียพันธมิตรที่เหนียวแน่นของสหรัฐในตะวันออกกลางและเป็นพี่ใหญ่ในโลกอาหรับในภูมิภาคนั้นด้วย ไม่สนใจเสียงคัดค้านจากสหรัฐ เดินหน้ากอด S-400 อุ่นใจกว่า Pratiot และ THAAD ของสหรัฐที่ประจำการอยู่ในกองทัพซาอุดิอาระเบียในปัจจุบันนี้ กาตาร์อดีตพันธมิตรซาอุดิอาระเบีย ตอนนี้หันปลายกระบอกปืนเข้าหากันเอง ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่สนใจ S-400 เช่นกัน ในอาเซียน่าจะเป็นเวียตนาม ซึ่งก็มี S-300 ประจำการอยู่แล้ว เมื่อจีนมี S-400 มีหรือที่อินเดียและเวียตนามจะยอมพลาด จัดไป! - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    19/02/2561
    ----------
    http://tass.com/defense/990709
    http://tass.com/defense/969620
    https://www.rt.com/news/418448-russia-may-sell-s400-us-chemezov/
    http://tass.com/defense/989931
    https://www.rt.com/news/418448-russia-may-sell-s400-us-chemezov/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มหาสมุทรขนาดใหญ่ใต้ดิน ใกล้แกนโลก

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เกาหลีเหนือจวกสหรัฐฯ เล่นประเด็นผู้แปรพักตร์ ทำลายบรรยากาศปรองดอง

    IMG_8775.JPG

    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือ (DPRK) กล่าวตำหนิรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้ประเด็นผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือโจมตีระบบสังคมและการเมืองของเกาหลีเหนือ ณ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ฤดูหนาว ซึ่งกำลังจัดขึ้นที่จังหวัดพย็องชังทางตะวันออกของเกาหลีใต้

    ตามรายงานของสำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ระบุว่าคณะทำงานของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เผชิญกับ “ความอับอายขายขี้หน้าอย่างยิ่งจากบรรยากาศของความปรองดองระหว่างสองเกาหลี” ซึ่งเกิดขึ้นในการแข่งขันฯ

    “รัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งร้ายหมายสั่นคลอนจิตใจอันบริสุทธิ์ของชาวเกาหลีเหนือ ไม่ตระหนักถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของประชาชนเกาหลี ที่ต้องการพัฒนาสายสัมพันธ์และการรวมชาติเหนือ-ใต้”

    การตอบโต้ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานข่าวเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ว่า “เป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่าตัวแทนจากเกาหลีเหนือจะคิดแปรพักตร์ เนื่องจากทั้งโลกกำลังจับจ้องเกมการแข่งขัน”

    ทั้งนี้ สัญญาณปรองดองระหว่างสองเกาหลีได้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยเกาหลีเหนือส่งตัวแทนระดับสูงสุด ได้แก่ คิม ยองนัม ประธานสภาบริหารแห่งสภาประชาชนสูงสุด และ คิม โยจอง น้องสาวของประธานาธิบดี คิม จองอึน ร่วมพิธีเปิดการแข่งขันฯ

    ด้าน ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำคณะตัวแทนสหรัฐฯ กลับหลีกเลี่ยงจะพูดคุยกับฝ่ายเกาหลีเหนือ แม้ว่านั่งอยู่ข้างหน้า คิม โยจอง ในพิธีเปิดการแข่งขันฯ ก็ตาม

    เรียบเรียงโดย
    กนกวรรณ โอวาส, สำนักข่าวทีนิวส์
    Publisher : 2018-02-19 13:07:07

    http://m.tnews.co.th/contents/la/416528
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    In Clips : สุดมัน!! เนทันยาฮูยก “ชิ้นส่วนโดรนอิหร่าน” ขึ้นกลางประชุมมั่นคงมิวนิค ท้าอย่าประมาทเอาจริง -เตหะรานโต้กลับ แล้วจะได้เห็นถ้าเริ่มก่อน เผยแพร่: 19 ก.พ. 2561 21:15:00 โดย: MGR Online
    561000001790501.jpg

    รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศกลางเวทีประชุมความมั่นคงมิวนิคเมื่อวานนี้(18 ก.พ) ในมือถือชิ้นส่วนโดรนอิหร่าน ย้ำรัฐยิวจะจัดการอิหร่านหากจำเป็น ด้านรัฐมนตรีเตหะราน โมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ(Mohammad Javad Zarif)ท้ากลับ โลกประจักษ์ตั้งแต่เจ็ตขับไล่เทลอาวีฟถูกยิงตกในซีเรีย ยันถ้ายิวเริ่มก่อนจะได้เห็นดีกัน

    รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(18 ก.พ)ว่า ในระหว่างการขึ้นเวทีการประชุมว่าด้วยความมั่นคงโลกประจำปีในเมืองมิคนิค เยอรมัน วันอาทิตย์(18) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เพิ่มความตรึงเครียดในภูมิภาค “ด้วยการถือชิ้นส่วนโดรนที่อ้างว่าเป็นของอิหร่าน” ขึ้นพูดในงาน โดยชี้ว่าเป็นชิ้นส่วนจากโดรนเตหะรานที่บินล่วงล้ำเข้าไปในอิสราเอลเมื่อต้นเดือนนี้ พร้อมกับประกาศว่า “อิสราเอลจะไม่ยอมให้รัฐบาล(อิหร่าน)แขวนบ่วงก่อการร้ายรอบคอของเรา”

    และยังยืนกรานต่อว่า “เราจะลงมือหากจำเป็น ที่จะไม่แค่เฉพาะกับพวกตัวแทนแต่จะต่อตัวอิหร่านโดยตรง”

    ซึ่งในการลุกขึ้นพูดในงานการประชุมประจำปีที่มีทั้งเจ้าหน้าที่ด้านการทหารและความมั่นคงในยุโรป สหรัฐฯ มารวมตัว ซึ่งรวมไปถึงบรรดานักการทูตที่เข้าร่วมรับฟัง ผู้นำอิสราเอลกระตุ้นให้บรรดาผู้เข้าร่วมต่างร่วมเป็นปรปักษ์ต่ออิหร่านทันที พร้อมกับโชว์แผนที่ประกอบที่ทางเนทันยาฮูระบุว่า อิหร่านได้ปรากฎแผ่ขยายอิทธิพลขึ้นภายในภูมิภาคตะวันออกกลาง

    และในเวทีที่ประชุมเดียวกัน ด้านรัฐมนตรีเตหะราน โมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ(Mohammad Javad Zarif)ได้ตอบโต้กลับ โดยชี้ถึงหลักฐานที่เนทันยาฮูแสดงบนเวทีนั้น เป็นเสมือนการแสดงละครสัตว์ของตัวการ์ตูน ที่ไม่มีค่าแม้แต่กระทั่งจะตอบโต้ด้วย

    นอกจากนี้บนเวที ตัวแทนเตหะรานยังโจมตีไปถึงสหรัฐฯว่า วอชิงตันใช้ช่องทางการประชุมความมั่นคงมิวนิคเป็นที่ปลุกกระแสความกลัวต่ออิหร่านให้ลุกฮือ และปฎิเสธว่า อิหร่านไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะมีความพยายามแผ่อิทธิพลขึ้นชี้นำในภูมิภาคตะวันออกกลาง

    และนอกจากนี้ในการให้สัมภาษณ์นอกรอบกับสื่อสหรัฐฯ NBC NEWS รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านยังชี้ว่า เหตุการณ์เครื่องบินรบอิสราเอลถูกยิงตกในซีเรียเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีถึงศักยภาพทางการทหารของกองทัพอิสราเอล ซึ่งเป็นทำลายความเชื่อผิดๆถึงความเป็นผู้ที่ไม่เคยแพ้ของกองทัพที่มีมานานร่วมหลายสิบปี

    “ซีเรียสามารถใช้ทุกสิ่งที่พวกเขามี...ทำให้เครื่องบินลำหนึ่งของพวกเขาตกได้” ซารีฟกล่าวให้สัมภาษณ์โดยโยงไปถึงเหตุการณ์ของการปะทะในช่วงสุดสัปดาห์ที่เกี่ยงข้องกับโดรนของอิหร่านถูกส่งออกมาจากซีเรีย

    ซึ่งการตกของเครื่องบินอิหร่าน และการโจมตีทางอากาศตอบโต้ “คำตอบคือ อย่างล่วงล้ำน่านฟ้าของพวกเขา” สื่อสหรัฐฯชี้

    NBC NEWS รายงานว่า ในช่วงสุดสัปดาห์แห่งความตรึงเครียดภายในภูมิภาคที่เริ่มต้นจากอิสราเอลยิงโดรนสอดแนมเตหะรานตก ซึ่งทางฝ่ายเทลอาวีฟอ้างว่า โดรนลำนี้ได้ล่วงล้ำน่านฟ้าของรัฐยิวเข้าไป และส่งผลทำให้อิสราเอลทำการล้างแค้น ด้วยการโจมตีฐานที่มั่นทางทหารของกองกำลังอิหร่านในซีเรีย และหลังจากนั้นมิสไซล์ของกองทัพซีเรียยิงเข้าใส่เครื่องบินขับไล่ F-16 ลำหนึ่งของอิสราเอลตก แต่โชคดีที่บังเอิญเกิดตกในดินแดนอิสราเอล และนักบิน 2 คนสามารถดีดตัวหนีออกมาได้สำเร็จ

    ซึ่งซารีฟได้กล่าวอีกครั้งในวันอาทิตย์(18)กับ NBC NEWS ว่า “หากพวกเขาต้องการเลือกคุกคามเช่นนั้น แล้วจะได้เห็นถึงการตอบโต้”

    นอกจากนี้ในการให้สัมภาษณ์ ทางซารีฟยังชี้แจงต่อไปถึงปัญหาข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยกล่าวว่าทางอิหร่านไม่ใช่เป็นผู้เริ่มก่อนในความพยายามที่จะยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่สำเร็จลงในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา

    ซึ่งก่อนหน้าในวันเสาร์(17) ที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาว เอช.อาร์ แม็คมาสเตอร์(H.R. McMaster) ได้ออกมาหว่านล้อมให้ทั่วโลกเลิกค้าขายกับอิหร่าน โดยให้เหตุผลว่าผลกำไรเงินที่ได้จะถูกนำไปให้กับกองกำลังพิทักษ์การปฎิวัติสาธารณรัฐ









    561000001790502.jpg


    561000001790503.jpg


    561000001790504.jpg


    561000001790505.jpg


    561000001790506.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9610000017196
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นักเรียนหนุนคุมปืน-ถอนหงอกทรัมป์ ชี้โยนบาป FBI เสี้ยมอเมริกันแตกแยก
    เผยแพร่: 19 ก.พ. 2561 19:34:00 โดย: MGR Online
    561000001774301.jpg

    เอพี – นักเรียนที่รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงในฟลอริดาและร่วมรณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดขึ้น ถอนหงอกทรัมป์ออกทีวี จวกแทนที่จะทำให้ประเทศชาติสามัคคี กลับเสี้ยมให้คนอเมริกันแตกแยกกัน ด้านทำเนียบขาวแถลงแก้เกี้ยว ทรัมป์เตรียมรับฟังความคิดเห็นจากเด็กนักเรียนกลางสัปดาห์นี้

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่บ้านพักในเซาธ์ฟลอริดา โดยใช้เวลาเดินทางไปยังโรงเรียนมัธยมมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส สถานที่เกิดเหตุกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิต 17 รายเมื่อวันพุธที่แล้ว (14 ก.พ.) เพียงแค่ชั่วโมงเดียว แถมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันเสาร์ (17 ก.พ.) ด้วยการทวิตว่า สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) มัวแต่หมกมุ่นกับการสอบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อสองปีที่แล้วจนละเลยข้อมูลแจ้งเตือนเกี่ยวกับมือปืนที่ก่อเหตุครั้งนี้ แถมเยาะเย้ยเดโมโครตที่ไม่สามารถผ่านกฎหมายควบคุมปืนได้

    การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้ทรัมป์ถูกเด็กถอนหงอกออกทีวีว่า “คุณเป็นประธานาธิบดี คุณควรทำให้ประเทศชาติสามัคคี ไม่ใช่เสี้ยมให้เราแตกแยกกัน” เดวิด ฮ็อกก์ นักเรียนวัย 17 ปี จากสโตนแมน ดักกลาสให้สัมภาษณ์ในรายการ “มีท เดอะ เพรสส์” ของเครือข่ายเอ็นบีซี

    หลังถูกนักเรียนวิจารณ์เสียหายกว่า 1 วัน ทำเนียบขาวจึงได้สติและออกแถลงการณ์ว่า ทรัมป์จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียนในวันพุธ (21 ก.พ.) และพบกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐและท้องถิ่นในวันถัดไป

    ขณะเดียวกัน นักการเมืองในฟลอริดาเร่งร่างกฎหมายรับมือเหตุกราดยิงในวันวาเลนไทน์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน ส่วนนิโคลัส ครูซ วัย 19 ปีที่ถูกไล่ออกจากโรงเรียนสโตนแมน ดักกลาส ถูกควบคุมตัวในเรือนจำเทศมณฑลโบรวาร์ดโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ภายใต้ข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนรวม 17 กระทง

    ในระหว่างให้สัมภาษณ์ทางทีวี วุฒิสมาชิกมาร์โค รูบิโอ จากพรรครีพับลิกัน ประกาศสนับสนุนร่างกฎหมายของพรรคเดโมแครตในฟลอริดาเพื่อให้ศาลห้ามประชาชนครอบครองอาวุธปืนเป็นการชั่วคราว หากบุคคลนั้นเข้าข่ายเป็นภัยต่อตนเองและคนอื่น

    ริก สก็อต ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาสังกัดพรรครีพับลิกันเช่นเดียวกัน ร่วมพิธีสวดภาวนาในโบสถ์เฟิร์ตส์ เชิร์ช คอรัล สปริงส์ ซึ่งอยู่ใกล้กับสโตนแมน ดักกลาส และคาดว่า จะร่วมกับสมาชิกรัฐสภาจากรีพับลิกันประกาศร่างกฎหมายฉบับใหม่ในสัปดาห์นี้

    อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ (18 ก.พ.) เอ็มมา กอนซาเลซ นักเรียนที่รอดชีวิตอีกคน ระบุชื่อทรัมป์ , รูบิโอ และสก็อตต์ว่า เป็นนักการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ (เอ็นอาร์เอ) ที่สนับสนุนการครอบครองอาวุธปืนอย่างถูกกฎหมาย และเตือนสตินักการเมืองผ่านรายการ “มีท เดอะ เพรสส์” ว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่จะต้องเลือกข้างที่ถูกต้อง เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่จะกวาดซุกใต้พรมได้อีกต่อไป

    นักเรียนของสโตนแมน ดักกลาสยังมีแผนเดินทางไปยังเมืองทัลลาฮัสซี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐฟลอริดา เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินการเพื่อควบคุมอาวุธปืนทันที รวมทั้งเรียกร้องการชุมนุมต่อต้านความรุนแรงจากอาวุธปืนในวอชิงตันและเมืองอื่นๆ ในวันที่ 24 เดือนหน้า

    อย่างไรก็ตาม ใช่ว่านักเรียนทุกคนในฟลอริดาเรียกร้องการควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดขึ้น ตัวอย่างเช่น เจมส์ เซียราเมลโล นักเรียนอีกคนของสโตนแมน ดักกลาส ที่เสียใจกับเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่า กฎหมายควบคุมปืนจะแก้ปัญหานี้ได้

    ขณะเดียวกัน บันทึกของโรงเรียนและภาครัฐที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ระบุว่า ครูซได้รับการวินิจฉัยว่า มีพัฒนาการช้าตอนอายุ 3 ขวบ และมีปัญหาด้านวินัยมาตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น เดือนกุมภาพันธ์ 2014 ขณะอยู่เกรด 8 เขาถูกย้ายไปโรงเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์และพฤติกรรมจนถึงเกรด 10 จึงย้ายไปยังสโตนแมน ดักกลาส ก่อนถูกไล่ออกเมื่อปีที่แล้ว

    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2016 เจ้าหน้าที่สอบสวนจากกระทรวงสวัสดิภาพเด็กและครอบครัว (ดีซีเอฟ) รัฐฟลอริดา ไปพบครูซและแม่คือ ลินดา ครูซ หลังเจ้าตัวโพสต์คลิปกรีดแขนตัวเองลงบนสแน็ปแชต

    รายงานยังระบุว่า ครูซเขียนคำด่าทอชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และวาดสัญลักษณ์นาซีบนกระเป๋าหนังสือซึ่งถูกแม่บังคับให้ลบออก

    เจ้าหน้าที่สอบสวนลงความเห็นว่า ครูซเป็นโรคซึมเศร้าและมีอาการจากการใช้ยา รวมถึงบอกลินดาว่า ลูกชายวางแผนซื้อปืน

    ผู้ให้คำปรึกษาสำหรับผู้ป่วยซึมเศร้ารายงานต่อเจ้าหน้าที่สอบสวนของดีซีเอฟ ระบุไม่เชื่อว่าครูซเป็นบุคคลอันตรายทั้งสำหรับตัวเองและคนอื่น การสอบสวนกรณีนี้จึงสิ้นสุดลง โดยเจ้าหน้าที่สอบสวนสรุปว่าครูซได้รับการช่วยเหลือจากแม่และที่ปรึกษาปัญหาทางจิต ไม่จำเป็นต้องส่งตัวไปรับการบำบัดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

    หลังจากลินดาเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายน ครูซย้ายไปอยู่บ้านเพื่อน ซึ่งทาง เจมส์และคิมเบอร์ลี สนีด พ่อแม่ของเด็กคนดังกล่าวให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ซัน-เซนทิเนลว่า ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าครูซมีปัญหารุนแรงถึงเพียงนี้

    ครูซซ่อนปืนเออาร์-15 ที่ใช้สังหารหมู่เมื่อวันพุธในตู้เซฟเก็บปืนรวมกับปืนอีก 2-3 กระบอกที่เจมส์ซื้อไว้หลังจากถูกขโมยขึ้นบ้านเมื่อหลายปีก่อน เขาบอกว่า ตัวเองเป็นคนเดียวที่มีกุญแจตู้ แต่จากเหตุการณ์นี้ทำให้รู้ว่า ครูซน่าจะมีกุญแจอีกดอก

    ครอบครัวสนีดยังเล่าว่า ได้กำชับกับครูซว่า ต้องขออนุญาตก่อนนำปืนออกจากตู้ ซึ่งนับจากเดือนพฤศจิกายน เขาขออนุญาต 2 ครั้ง แต่ได้รับอนุญาตเพียงครั้งเดียว

    https://mgronline.com/around/detail/9610000017176
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘สหรัฐฯ’เอาจริงแค่ไหนที่ประทับตรา‘จีนกับรัสเซีย’ เป็นภัยคุกคาม
    เผยแพร่: 19 ก.พ. 2561 23:53:00 โดย: เคน โมค
    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

    81nC4nRk4KL.jpg


    Labeling China and Russia as threats puts the US at risk
    By Ken Moak
    12/02/2018

    เอกสาร “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ” ฉบับล่าสุดของคณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ มองว่าจีนกับรัสเซียเป็นภัยคุกคาม และสหรัฐฯกำลังเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารขึ้นอย่างมโหฬาร ทว่าการกระทำเช่นนี้กลับจะส่งผลด้านกลับที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐเอง

    การที่สหรัฐฯปฏิบัติต่อจีนและรัสเซียโดยถือว่าทั้งสองประเทศเป็น “คู่แข่งทางยุทธศาสตร์” (strategic competitors) ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไรเลย แต่การประทับตราพวกเขาว่าเป็นมหาอำนาจ “ลัทธิแก้” (“revisionist” powers) เพื่อสร้างความถูกต้องชอบธรรมให้แก่การขอใช้จ่ายเงินทอง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในการปรับปรุงยกระดับคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกา ตลอดจนให้แก่การขอเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมของสหรัฐฯจนอยู่สูงกว่าระดับ 700,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้นั้น คือเรื่องใหม่อย่างแน่นอน และจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กระทำเช่นนี้แหละ คือการที่เขาทำให้เศรษฐกิจอเมริกาและความมั่นคงของอเมริกันต้องตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างไม่มีความจำเป็นเลย

    เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง จากการที่สหรัฐฯมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของสหภาพโซเวียตในยุโรป จึงได้นำไปสู่การประกาศ “ลัทธิทรูแมน” (Truman Doctrine) ในปี 1947 ซึ่งขบคิดจัดทำกันขึ้นมาก็ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะขัดขวางการแผ่ขยายอำนาจอิทธิพลของโซเวียต

    ยิ่งไปกว่านั้น พอถึงปี 1949 สหรัฐฯและเหล่าชาติพันธมิตรยุโรปตะวันตกของตนยังได้ก่อตั้งองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ (North Atlantic Treaty Organization หรือ NATO) อันเป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารซึ่งกำหนดให้เหล่าชาติสมาชิกช่วยเหลือซึ่งกันและกันถ้าหากพวกเขาถูกโจมตีโดยมหาอำนาจภายนอก –ซึ่งก็หมายถึงสหภาพโซเวียตนั่นเอง

    เพื่อเป็นการตอบโต้ทัดทานนาโต้ สหภาพโซเวียตก็มีการก่อตั้งกลุ่มกติกาสัญญาวอร์ซอร์ (Warsaw Pact) ขึ้นในปี 1955 เยอรมนีขณะนั้นยังถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ประเทศ และเยอรมันตะวันตกได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ในปี 1955 ส่วนเยอรมันตะวันออกเป็นหนึ่งในรัฐบริวารของโซเวียต ระหว่างกลุ่มพันธมิตรที่เป็นปรปักษ์กัน 2 กลุ่มนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธเกิดขึ้นมาเลย ดังนั้นช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 1947 จนถึงปี 1991 จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า ยุค “สงครามเย็น” (Cold War)

    สหภาพโซเวียตได้แตกสลายไปในปี 1991 ก่อให้เกิดประเทศขนาดเล็กลงมาขึ้นแทนที่รวม 15 ประเทศ ในจำนวนนี้ประเทศใหญ่ที่สุดก็คือรัสเซีย บอริส เยลตซิน (Boris Yeltsin) ผู้ว่าการระดับภูมิภาคจากไซบีเรีย สามารถยังความพ่ายแพ้ให้แก่ มิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) และกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกของรัสเซียภายหลังยุคโซเวียต เยลตซินเป็นผู้ที่ต้อนรับสวมกอดประชาธิปไตยเสรีนิยม ผลพวงต่อเนื่องที่ตามมาก็คือ บิลล์ คลินตัน (Bill Clinton) ประธานาธิบดีสหรัฐฯในตอนนั้น และ โทนี แบลร์ (Tony Blair) นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรในเวลานั้น ได้เชื้อเชิญรัสเซียให้เข้าร่วมในกลุ่ม จี7 (G7) ทำให้กลุ่มนี้ได้รับการเรียกขานใหม่เป็น จี8

    เศรษฐกิจของรัสเซียพังครืนภายใต้เยลตซิน

    แต่แล้วเศรษฐกิจรัสเซียกลับอยู่ในอาการล้มคว่ำคะมำหงายในยุครัฐบาลเยลตซินและติดตามมาด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย การมีพรรคการเมืองมากกว่า 100 พรรคทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะบริหารปกครอง พวกคนงานไม่ได้รับค่าจ้าง เกิดความยากจนอย่างสุดๆ และเรื่องบริการดูแลรักษาสุขภาพก็ย่ำแย่ เยลตซินได้ก้าวลงจากตำแหน่ง และวลาดิมีร์ ปูติน ได้รับแต่งตั้งให้เข้ารักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 1999

    ต้องขอบคุณราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น เศรษฐกิจรัสเซียจึงกลับกระเตื้องฟื้นตัว นับจากปี 2000 ถึงปี 2012 เงินรายได้ส่วนที่สามารถนำไปใช้จ่ายของประชาชนได้พุ่งสูงขึ้นถึง 160% ความนิยมชมชื่นในตัวปูตินทวีขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็ชนะการเลือกตั้งอย่างสะดวกสบายในปี 2004 และปี 2012 โดยสามารถกวาดคะแนนโหวตมาได้มากกว่า 70% และ 60% ตามลำดับ

    เศรษฐกิจที่กำลังบูมขึ้นมา เมื่อเข้าคู่กับความเข้มแข็งทางการทหารด้วยแล้ว จึงเปิดทางให้รัสเซียสามารถดำเนินนโยบายการต่างประเทศที่เป็นอิสระ ซึ่งพวกประเทศสมาชิกกลุ่ม จี7 บอกว่าเป็นภัยคุกคาม ตัวอย่างเช่น ปูตินประกาศรับรองผลการลงประชามติของประชาชนแหลมไครเมีย ซึ่งมีจำนวนเกินกว่าครึ่งอย่างมากมายท่วมท้นออกเสียงที่จะกลับไปอยู่กับรัสเซีย ทว่าพวกผู้นำ จี7 พิจารณาเห็นว่านั่นคือ “การผนวกดินแดน” (annexation) แหลมไครเมีย และขับไล่ไสส่งรัสเซียออกไปจากกลุ่ม จี8 ในปี 2014

    นับแต่นั้นมารัสเซียก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดความไม่สงบในยูเครน และบางทีอาจจะกำลังวางแผนเพื่อรุกรานพวกชาติเพื่อนบ้านที่มีขนาดเล็กกว่าตัวเองในยุโรปตะวันออกอีกด้วย ส่งผลทำให้แดนหมีขาวถูกสหรัฐฯใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรอย่างรุนแรงขึ้นอีก ทั้งนี้ ถึงแม้พวกนักวิชาการอย่างเช่น จอห์น เจ. เมียร์ไชเมอร์ (John J. Mearsheimer) แห่งมหาวิทยาชัยชิคาโก โต้แย้งว่าไม่ควรประณามรัสเซียในเรื่องปัญหายูเครน พร้อมกับเสนอแนะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลพวงต่อเนื่องของการที่นาโต้ทรยศไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาซึ่งให้ไว้แก่รัสเซียที่ว่าจะไม่ขยายตัวรับชาติสมาชิกใหม่ๆ จาก “ลานหลังบ้าน” ของรัสเซีย ทว่าความคิดเห็นเช่นนี้ไม่เป็นที่รับฟังไม่เป็นที่ต้อนรับ

    จีนก็กลายเป็น “ศัตรู” ในอุดมคติไปเช่นกัน เนื่องจากจีนนั้นเป็นพวกเอเชีย, เป็นคอมมิวนิสต์, แล้วก็มีศักยภาพที่จะเข้าท้าทายการวางตัวเป็นเจ้าไปทั่วโลกของสหรัฐฯอีกด้วย เศรษฐกิจของแดนมังกรนั้นเติบโตขยายตัวถึงกว่า 30 เท่าตัวทีเดียวในช่วงระหว่างปี 1980 ถึงปี 2017 จากระดับ 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กลายมาเป็น 12.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งในทางกลับกันก็มีส่วนช่วยในการใช้จ่ายเพื่อสร้างการทหารที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมขึ้นมา

    การปฏิบัติต่อจีนและรัสเซียโดยมองว่าทั้งสองชาติเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯนั้น กำลังเป็นคำพยากรณ์ที่กลายเป็นความจริงมากขึ้นทุกที เนื่องจากสหรัฐฯเองคาดหวังฝักใฝ่ให้เป็นเช่นนั้น ขณะที่ในมุมมองของสองประเทศนี้แล้ว เพื่อตอบโต้กับสิ่งที่พวกเขาพิจารณาว่าเป็นภัยคุกคามจากสหรัฐฯ จีนกับรัสเซียก็ได้เร่งรัดการพัฒนาทางด้านอาวุธเพิ่มมากขึ้น

    เมื่อปีที่แล้วจีนเปิดเผยว่าตนเองกำลังปรับปรุงยกระดับอาวุธประเภทต่างๆ เป็นต้นว่าขีปนาวุธข้ามทวีปที่มีศักยภาพบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์หลายๆ หัวรบ, การต่อเรือบรรทุกเครื่องบิน, ขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียงตั้งแต่ 5 เท่าตัวขึ้นไป (hyper-sonic), เครื่องบินขับไล่ไอพ่นรุ่นที่ 5 (fifth-generation jet fighters), เรือดำน้ำ, เรือรบผิวน้ำ, และปืนแม่เหล็กไฟฟ้าแบบรางคู่ขนาน (electromagnetic rail guns)

    รัสเซียก็แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นพอๆ กันหากไม่ใช่ยิ่งกว่าด้วยซ้ำ ในการพัฒนาแพลตฟอร์มอาวุธใหม่ๆ เพื่อตอบโต้กับสหรัฐฯและ/หรือพันธมิตรของสหรัฐฯ ทำนองเดียวกันกับจีน เวลานี้รัสเซียกำลังผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ทั้งเครื่องบินขับไล่, ขีปนาวุธข้ามทวีป, และอื่นๆ

    ยิ่งไปกว่านั้น ถ้อยคำโวหารที่ป่าวร้องกันในสหรัฐฯในเรื่องภัยคุกคามจากจีน/รัสเซีย ยังวางอยู่บนสมมุติฐานที่ควรต้องตั้งข้อสงสัย

    ไมเคิล พิลส์เบอรี (Michael Pillsbury) อดีตนักวิเคราะห์ด้านกลาโหมซึ่งเวลานี้ผันตัวไปเป็นที่ปรึกษาของทรัมป์ ได้สร้างทฤษฎีในหนังสือของเขาที่มีชื่อเรื่องว่า “The One Hundred Year Marathon” โดยบอกว่า จีนกำลังใช้ “การหลอกลวง” เพื่อยื้อแย่งฐานะความเป็นผู้ครอบงำเหนือใครๆ ไปจากสหรัฐฯ สมมุติฐานของเขานั้นอิงอยู่กับวิธีการเล่น “โกะ” หรือกีฬาหมากล้อมของจีน ซึ่งใช้ “ขั้นตอนต่างๆ ในการหลอกลวง” เพื่อตีวงล้อมข้าศึก แต่ทำไมพวกผู้เล่นโกะจึงต้องพึ่งพาอาศัยวิธีหลอกลวงนั้น กลับไม่เคยมีการอธิบายเลย

    อันที่จริงแล้วข้อคาดเดาที่ระบุว่า การสร้างกำลังทหารที่แข็งแกร่งขึ้นมาก็เพื่อยื้อแย่งฐานะความเป็นผู้ครอบงำเหนือใครๆ ไปจากสหรัฐฯนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศใดก็ได้ทั้งสิ้น ไม่เฉพาะแต่จีนหรือรัสเซียเท่านั้น แท้ที่จริงการที่พวกนักจักรวรรดินิยมยุโรปและนักจักรวรรดินิยมญี่ปุ่นปรับปรุงกองทัพของพวกเขาให้ทันสมัยขึ้นมานั้นโดยเบื้องแรกเลยก็ด้วยมีวัตถุประสงค์ในการเข้าพิชิตประเทศอื่นๆ กองทัพอเมริกันก็อาจถูกนำไปใช้เพื่อบังคับให้ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต้องยอมรับทำตามค่านิยมของสหรัฐฯก็ได้เหมือนกัน

    สื่อทางการรัสเซียอย่าง รัสเซียน เทเลวิชั่น หรือ อาร์ที (Russian Television หรือ RT) ระบุว่าแท้ที่จริงแล้วพวกสำนักคลังสมองทั้งหลายของสหรัฐฯก็คือพวกนักล็อบบี้ซึ่งกำลังโฆษณาชวนเชื่อเพื่อผลประโยชน์ต่างๆของ นาโต้, รัฐบาลสหรัฐฯ, และกลุ่มอุตสาหกรรมทหาร อาร์ทีเปิดเผยในเดือนนี้ว่า สำนักคลังสมองชื่อดังอย่าง “สภาแอตแลนติก” (Atlantic Council) ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากทั้งนาโต้, กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ, และพวกบริษัทผู้รับเหมาด้านกลาโหมรายใหญ่ๆ เป็นต้นว่า เรย์ธีออน (Raytheon), โบอิ้ง (Boeing), และ แมคดอนเนลล์ดักลาส (McDonnell Douglas)

    การใช้จ่ายด้านการทหารของสหรัฐฯอาจกลับส่งผลกระทบเชิงลบ

    การกระตุ้นส่งเสริมและการพิทักษ์ปกป้องอุตสาหกรรมอวกาศและอุตสาหกรรมการทหาร (ซึ่งบวกกันแล้วเท่ากับกว่า 12% ของอุตสาหกรรมการผลิตโดยรวมของอเมริกา) อาจจะช่วยเพิ่มพูนลู่ทางโอกาสทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่ยุทธศาสตร์เช่นนี้ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติได้เช่นกัน

    ปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินภาคสาธารณะต่อจีดีพีของสหรัฐฯอยู่ในระดับเกิน 100% แล้ว และการเพิ่มหนี้สินเข้าไปอีก 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯสำหรับอัปเกรดคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ บวกกับการที่ทรัมป์ได้ตัดลดอัตราภาษีอย่างมโหฬาร จึงรังแต่จะผลักดันให้อัตราส่วนนี้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก นอกจากนั้นแล้ว ความมั่งคั่งรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในปัจจุบันยังเป็นสิ่งที่อำนวยประโยชน์มากที่สุดให้แก่คนมั่งคั่งร่ำรวย ขณะที่ชนชั้นกลางและชนชั้นผู้ใช้แรงงานยังคงต้องดิ้นรนอย่างลำบาก ทั้งนี้ตามข้อมูลตัวเลขทั้งของไอเอ็มเอฟ และในหนังสือ เวิลด์ แฟกต์บุ๊ก (World Factbook) ซึ่งจัดทำโดยซีไอเอ ปรากฏว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยแล้วเป็นหนี้เป็นสินอยู่ 1.13 ดอลลาร์ต่อทุกๆ 1 ดอลลาร์ที่ทำมาหาได้ ขณะเดียวกันค่าจ้างแรงงานของพวกเขาก็มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างแท้จริงน้อยนิดเดียว

    เนื่องจากการบริโภคของภาคเอกชนคิดเป็นสัดส่วน 70% ของจีดีพีสหรัฐฯ ดังนั้นจึงยากที่จะมองเห็นได้ว่าการเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมอย่างเป็นจริงเป็นจัง จะสามารถเอื้อประโยชน์แก่เศรษฐกิจอเมริกันได้อย่างไร

    ไม่เพียงแค่ต้องเผชิญปัญหาการบริโภคลดต่ำลงเท่านั้น สหรัฐฯยังต้องรับมือกับปัญหาหนักหน่วงอื่นๆ อย่างเช่นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทั้งหลายที่เก่าแก่ทรุดโทรม, ความยากจนที่กำลังเพิ่มพูนขยายตัว, และการศึกษาตลอดจนการสาธารณสุขที่ได้รับเงินทุนอุดหนุนไม่เพียงพอ ขณะนี้ทรัมป์บอกว่าประเทศชาติต้องการเงินทอง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อใช้ซ่อมแซมพวกถนนหนทาง, สะพาน, และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ส่วนธนาคารโลกก็ประมาณการว่าประชากรสหรัฐฯมากกว่า 15% หรือเท่ากับเกือบๆ 50 ล้านคนทีเดียวกำลังมีชีวิตอยู่ในระดับต่ำกว่าเส้นยากจน ความยากจนกำลังเพิ่มพูนสูงขึ้นก็เนื่องจากการขยายตัวของการจ้างงานในปัจจุบันส่วนใหญ่แล้วอยู่ในภาคบริการซึ่งจ่ายค่าจ้างต่ำ

    ข้อพิพาททางการค้าเป็นสิ่งที่คุกคามเศรษฐกิจโลก

    ลัทธิกีดกันการค้า (Protectionism) เป็นสิ่งที่สร้างอันตรายต่อทุกๆ ฝ่าย สมาคมอุตสาหกรรมพลังแสงอาทิตย์อเมริกัน (American Solar Industries Association) แถลงว่า การที่คณะบริหารทรัมป์เพิ่งประกาศขึ้นภาษีศุลกากรในอัตรา 30% เอากับพวกแผงพลังแสงอาทิตย์ซึ่งผลิตในจีน อาจจะทำให้ตำแหน่งงานในสหรัฐฯจำนวนมากถึง 40,000 ตำแหน่งทีเดียวต้องตกอยู่ในความเสี่ยง ยิ่งกว่านั้น จีนยังได้ทำการตอบโต้ด้วยการประกาศใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดเอากับพวกธัญญาหารสำหรับใช้เป็นอาหารสัตว์ที่ซื้อหาจากสหรัฐฯ ข้อพิพาททางการค้าในลักษณะตอบโต้กันแบบต่อตาฟันต่อฟันเช่นนี้ มีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงทั้งในสหรัฐฯ, จีน, และทั่วโลก

    ประเทศต่างๆ แทบทั้งหมดในโลก รวมทั้งพวกที่เป็นพันธมิตรอันเหนียวแน่นของสหรัฐฯด้วย ไม่ได้มีทัศนะว่าจีนกับรัสเซียเป็นภัยคุกคามแต่อย่างใด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและรัฐมนตรีต่างประเทศของเขาบอกว่าจีนกับรัสเซียไม่เคยเป็นภัยคุกคามต่อประเทศชาติของพวกเขาเลย ฟิลิปปินส์กับเวียดนามก็เลือกที่จะใช้หนทางเจรจากับจีนเพื่อแก้ไขข้อพิพาททางดินแดนระหว่างกัน ตลอดจนกำลังเห็นพ้องกันในเรื่องระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับทะเลจีนใต้ที่พิพาทกันอยู่ ญี่ปุ่นกับอินเดียกำลังจัดส่งรัฐมนตรีต่างประเทศของพวกเขาไปประเทศจีนในปีนี้เพื่อหาทางปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน

    การรณรงค์ของฝูงชนต่อต้านจีนของสหรัฐฯ ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะประทับตราจีนว่าเป็นมหาอำนาจจักรวรรดินิยมซึ่งพยายามเข้าครอบงำละตินอเมริกาและแอฟริกา กำลังกลายเป็นความพยายามที่ไม่ได้ผล เนื่องจากไม่มีหลักฐานใดๆ เลยว่าจีนกำลังใช้ลัทธิอาณานิคมใหม่ (Chinese neocolonialism) ตรงกันข้ามพวกประเทศละตินอเมริกาและแอฟริกากลับยกย่องให้เครดิตแก่การลงทุนและการค้าของฝ่ายจีน ว่าเป็นเครื่องมืออันสำคัญสำหรับการสร้างสวัสดิภาพในทางเศรษฐกิจของพวกเขา

    ประธานาธิบดีไมตรีปาละ สิริเสนา (Maithripala Sirisena) แห่งศรีลังกา เคยเป็นนักวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังในเรื่องการเข้าไปลงทุนของจีน ระหว่างช่วงการครองอำนาจของประธานาธิบดีมาฮินดา ราชปักษา (Mahinda Rajapaksa) แต่ทันทีที่เขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ไมตรีปาละ สิริเสนาได้หันไปหาบริษัทจีนแห่งหนึ่ง เพื่อให้มาช่วยพัฒนาและบริหารท่าเรือฮัมบันโตตา (Hambantota port)

    ยุโรปก็มีทัศนะในทางบวกต่อแผนการริเริ่มของจีน

    ทั้งสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, และประเทศยุโรปอื่นๆ ต่างกำลังมองดูจีนด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นทุกที ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ของฝรั่งเศส, นายกรัฐมนตรีเทเลซา เมย์ ของอังกฤษ, และกษัตริย์วิลเลม-อเล็กซานเดอร์ แห่งเนเธอร์แลนด์ (King Willem-Alexander of the Netherlands) ต่างแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมในแผนการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีน

    โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เฉกเช่นเดียวกับบรรดาประธานาธิบดีอเมริกันคนก่อนหน้าเขา อาจจะค้นพบว่าการที่จะสร้างความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของคนจำนวนน้อย กับผลประโยชน์ของประเทศชาตินั้น เป็นเรื่องที่พูดง่ายกว่าทำ รัฐมนตรีต่างประเทศ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ของสหรัฐฯ ได้เชื้อเชิญ หยาง เจียฉือ มนตรีแห่งรัฐของจีน (Chinese State Councillor) ไปเยือนอเมริกาโดยเป็นที่เข้าใจกันว่า เพื่อปลอบโยนลดทอนความหวั่นเกรงของฝ่ายจีนในเรื่องเกี่ยวกับเอกสาร “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ”( National Security Strategy) ฉบับใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งเรียกร้องให้เพิ่มงบประมาณรายจ่ายทางทหารของสหรัฐฯขึ้นไปอย่างมโหฬาร

    สหรัฐฯนั้นตระหนักเป็นอย่างดีถึงผลต่อเนื่องอันเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นหากเกิดสงครามทางทหารหรือสงครามทางการค้ากับจีน ตลอดจนการสู้รบขัดแย้งทางการทหารกับรัสเซีย ดังนั้นเอง จึงเป็นแรงขับดันที่เร่งรัดให้ทรัมป์และทิลเลอร์สันออกมาประกาศว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนคือความสัมพันธ์ที่มีความสำคัญที่สุดในโลก และอเมริกาจะยึดมั่นปฏิบัติตามนโยบาย “จีนเดียว” พูดโดยสรุปก็คือ ทั้งสองฝ่ายน่าที่จะธำรงรักษาท่าทีจุดยืนที่ทั้งเป็นหุ้นส่วนกันและเป็นคู่แข่งขันกัน (partner-competitor posture) อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเอาไว้ต่อไป

    (ข้อเขียนซึ่งบุคคลภายนอกเป็นผู้ส่งเรื่องมาให้ ทางเอเชียไทมส์ไม่ขอรับผิดชอบทั้งต่อความคิดเห็น, ข้อเท็จจริง, หรือเนื้อหาด้านสื่อใดๆ ที่นำเสนอ)

    เคน โมค สอนวิชาทฤษฎีเศรษฐกิจ, นโยบายภาคสาธารณะ, และกระแสโลกาภิวัตน์ในระดับมหาวิทยาลัยมาเป็นเวลา 33 ปี เขายังเป็นผู้เขียนร่วมของหนังสือเรื่อง China's Economic Rise and Its Global Impact (Palgrave McMillan, 2015) สำหรับหนังสือเล่มที่ 2 ของเขาซึ่งใช้ชื่อว่า Developed Nations and the Impact of Globalization เพิ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Palgrave McMillan Springer

    https://mgronline.com/around/detail/9610000017233

    ภาพจาก google
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รัสเซียเย้ยสหรัฐฯ'ไร้ข้อพิสูจน์'รบ.แทรกแซงเลือกตั้ง หลังบ.หมีขาว-พลเมืองนับสิบถูกฟ้องร้อง
    เผยแพร่: 20 ก.พ. 2561 02:47:00 โดย: MGR Online
    561000001804401.jpg

    รอยเตอร์ - เครมลินระบุเมื่อวันจันทร์(19ก.พ.) ว่าการที่สหรัฐฯฟ้องร้องดำเนินคดีกับพลเมืองรัสเซียและบริษัทแดนหมีขาวอีกหลายแห่ง โดยกล่าวหาว่าแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้น ไม่ได้มีข้อพิสูจน์ใดๆเลยว่ารัฐบาลรัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

    ความเห็นดังกล่าวถือเป็นปฏิกริยาแรกจากเคมลินต่อกรณีที่ โรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษสหรัฐ ฟ้องร้องดำเนินคดีกับสำนักงานอินเตอร์เน็ตแห่งหนึ่งของมอสโกและพลเมืองชาวรัสเซียอีกสิบกว่าคน โดยกล่าวหาแทรกแซงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอเมริกาตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปี 2016

    สำนวนฟ้องฉบับเต็มที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์(16ก.พ.) ระบุว่าสำนักงานโฆษณาชวนเชื่อแห่งหนึ่่งของรัสเซีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากนักธุรกิจนามว่า เอฟกินีย์ พริโกซิน ทำหน้าที่สั่งการสมคบคิดจารกรรม เพื่อสนับสนุนการหาเสียงศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯของ โดนัลด์ เจ.ทรัมป์ ผู้สมัคร ณ ขณะนั้น และใส่ร้ายฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งของเขา

    การสั่งฟ้องดังกล่าวสร้างความอึดอัดใจแก่เครมลิน ที่พยายามสานสัมพันธ์กับ ทรัมป์ ด้วยความหวังว่าในท้ายที่สุดจะนำมาซึ่งการที่สหรัฐฯจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ที่กำหนดลงโทษมอสโกต่อบทบาทของพวกเขาในยูเครน

    ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินระบุในวันจันทร์(19ก.พ.) ว่าการฟ้องร้องของสหรัฐฯเกี่ยวข้องกับตัวบุคคลและไม่มีข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าทางเครมลินเองหรือหน่วยงานรัฐบาลรัสเซียใดเกี่ยวข้องด้วย "พวกเขา(อเมริกา) พูดถึงพลเมืองรัสเซีย แต่ที่เราได้ยินในถ้อยแถลงจากวอชิงตันกลับกล่าวหาว่ามันเกี่ยวข้องกับรัฐรัสเซีย เครมลินและรัฐบาลรัสเซีย"

    โฆษกของวังเครมลินแถลงต่อผู้สื่อข่าวต่อว่า "ไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆเลยว่ารัฐรัสเซียอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รัสเซียไม่ได้แทรกแซง รัสเซียไม่เคยมีนิสัยเคยตัวแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นไปทั่ว ไม่เคยเลยจนกระทั่งตอนนี้"

    พริโกซิน ได้รับฉายาว่า "พ่อครัวของปูติน" เพราะว่าธุรกิจจัดเลี้ยงของเขา มักรับหน้าที่จัดงานเลี้ยงให้แก่ผู้นำรัสเซียและนักการเมืองระดับอาวุโสคนอื่นๆ ขณะที่การถูกสหรัฐฯฟ้องร้องได้สร้างความอึดอัดใจแก่เครมลินเป็นอย่างมาก

    ทั้งนี้ทางกระทรวงการคลังของสหรัฐฯเคยคว่ำบาตรพริโกซินมาแล้วในปี 2016 โทษฐานให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลรัสเซีย ขณะที่สำนวนฟ้องเมื่อวันศุกร์(16ก.พ.) กล่าวหาเขาว่าสนับสนุนทางการเงินแก่สำนักงานวิจัยอินเตอร์เน็ตของรัสเซีย ที่มีฐานบัญชาการในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก

    ในสำนวนคำฟ้อง 37 หน้าที่ยื่นโดยอัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ระบุว่ามีการสมคบคิดปั่นป่วนศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยกลุ่มคนที่ใช้วิธีสร้างข้อมูลทางออนไลน์ผิดๆแล้วผลักดันข่าวสารที่ก่อให้เกิดความแตกแยก

    เอกสารคำฟ้องย้ำว่า "สำนักงานวิจัยอินเตอร์เน็ตของรัสเซียมีเป้าหมายทางยุทธศาตร์คือหว่านเมล็ดพืชแห่งความขัดแย้งในระบบการเมืองของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี2016"

    "พวกจำเลยโพสต์ข้อมูลในทางที่ไม่ดีของผู้สมัครจำนวนหนึ่ง และในช่วงกลางปี 2016 จำเลยได้ดำเนินการต่างๆในนั้นรวมถึงสนับสนุนการหาเสียงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีของ โดนัลด์ เจ.ทรัมป์ ผู้สมัคร ณ ขณะนั้น และใส่ร้ายฮิลลารี คลินตัน" เอกสารคำฟ้องระบุ

    พริโกซิน ไม่ตอบคำถามของรอยเตอร์ แต่เมื่อวันศุกร์(16ก.พ.) สำนักข่าวอาร์ไอเออ้างคำพูดของเขาบอกว่าไม่รู้สึกตกใจกับการถูกฟ้องร้องดังกล่าว "อเมริกันชนเป็นคนอ่อนไหวง่าย พวกเขาเห็นในสิ่งที่ต้องการเห็น ผมให้ความเคารพพวกเขา ถ้าพวกเขาอยากเห็นปีศาจ ก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ"

    เครมลินปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้พยายามมีอิทธิพลเหนือศึกเลือกตั้งปี 2016 ของสหรัฐฯ โดยตั้งข้อสังสัยว่าคำกล่าวหาต่างๆนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนรณรงค์ต่อต้านรัสเซียในอเมริกา ซึ่งออกแบบมาเพื่อทำลายเส้นทางการเมืองของทรัมป์

    https://mgronline.com/around/detail/9610000017251
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทรัมป์หนุนปรับปรุงระบบตรวจสอบภูมิหลังคนซื้อปืน หลังเหตุกราดยิงฆ่า17ศพที่ร.ร.ฟลอริดา เผยแพร่: 20 ก.พ. 2561 01:00:00 โดย: MGR Online
    561000001802201.jpg

    เหล่านักเรียนที่ช็อคกับเหตุกราดยิงที่มัธยมมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส เดินขบวน เรียกร้องรัฐสภาสหรัฐฯและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แก้ไขกฎหมายควบคุมอาวุธปืน

    เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯในวันจันทร์(19ก.พ.) ส่งสัญญาณสนับสนุนความพยายามของ 2 พรรคในการปรับปรุงระบบตรวจสอบภูมิหลังสำหรับการซื้ออาวุธปืนทั่วประเทศ ตามหลังโศกนาฏกรรมเหตุกราดยิงในโรงเรียนฟลอริดา

    "ในขณะที่กำลังปรึกษาหารือกันและมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับการแก้ไขปรับปรุง ท่านประธานาธิบดีให้การสนับสนุนความพยายามปรับปรุงระบบตรวจสอบภูมิหลังระดับรัฐบาลกลาง" ซาราห์ แซนเดอร์สระบุในถ้อยแถลง

    ทรัมป์ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักให้ดำเนินการบางอย่าง หลังเกิดเหตุมือปืนวัยรุ่นคนหนึ่งบุกกราดยิงในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองปาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดาเมื่อวันพุธที่แล้ว คร่าชีวิต 17 ศพ

    เหล่านักเรียนที่ช็อคกับเหตุกราดยิงที่มัธยมมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส นัดเดินขบวนในวอชิงตัน เรียกร้องรัฐสภาสหรัฐฯและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แก้ไขกฎหมายควบคุมอาวุธปืน

    แซนเดอร์สเผยว่า ทรัมป์ ได้พูดคุยกบ คริส มอร์ฟีย์ ส.ว.จากเดโมแครตและจอฟ์น คอร์นีน วุฒิสมาชิกรีพับลิกัน ที่ต่างสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง สำหรับแก้ไขปรับปรุงฐานข้อมูลทั่วประเทศ ด้วยกำหนดให้รัฐต่างๆและหน่วนงานทั้งหลายของรัฐบาลกลาง ต้องรายงานให้บ่อยขึ้นเกี่ยวกับการกระทำผิดต่างๆที่เข้าข่ายห้ามบุคคลหนึ่งๆครอบครองอาวุธปืน เพื่อสกัดคนเหล่านั้นจากการซื้อปืน

    อย่างไรก็ตามร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคและอย่างแคบๆ และไม่ได้จัดการกับประเด็นอื่นที่ใหญ่กว่า โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายอนุญาตให้ครอบครองอาวุธปืนภายใต้รัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตราที่ 2 ของสหรัฐฯ ซึ่งปกป้องสิทธิในการครอบครองอาวุธปืน

    https://mgronline.com/around/detail/9610000017238
     

แชร์หน้านี้

Loading...