ตื่นโลกแตก พระ-ฆราวาส หนีขึ้นภูเขา

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย อวตาร., 23 มีนาคม 2011.

  1. 90

    90 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +67
    เห็นด้วยกับคุณ หก อย่าเพิ่งปักใจเชื่อโดยไม่มีการพิสูจน์ คนเราเดี๋ยวนี้เชื่ออะไรง่าย ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ก็เล่นคนตุ้บคนละตั้บ แล้วถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงแล้วจะแก้ยังไง
     
  2. Sonaz

    Sonaz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    762
    ค่าพลัง:
    +348
    จะพ้นหรือไม่พ้น ก็อยู่ที่บุญและกรรมเขาแล้วแหละ อย่าได้ว่าใครให้เป็นบาปแก่ตัวเราเลย หากเรามา พูดอยู่ในนี้ จะแปลกอะไร กับว่าร้ายลับหลัง(นินทา)
     
  3. cheterk

    cheterk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +1,568
    ลองเข้าไปดูความจริงที่นี่ อย่าเชื่อเพราะฟังตามกันมาหรือจากนักเขียนข่าว ต้องคำนึงให้รอบครอบ
    http://www.rombodhidharma.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2011
  4. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    ลองหาแผ่นซีดี ของเขามาฟัง แล้วจะรู้เองว่าเขาเป็นพระหรือไม่ ขี้หกทั้งเพ เอาที่จำได้ ๑๗มีค ๕๔ น้ำจะท่วม กทมมิดยอดภูเขาทอง แล้วมันท่วมยัง พืันที่ภาคกลางจะจมหมด กาญจนบุรี เทือกเขาตะนาวศรีจะยุบลง ภูเขาไฟจะโผล่ขึ้นมา๔ลูก นี่ผมก็ยังนั่งรออยู่ไม่ยุบสักที สถานที่ปลอดภัยให้มาอยู่ใกล้พระอรหันต์ ให้มาซื้อที่ปลูกที่อยู่รอบสำนัก แหมเสือกเกิดมาจนเลยต้องยอมตายใต้น้ำ ไม่ไปอยู่ใกล้กลุ่มอริยะตั้งเองเดี๋ยวถูกสูบเงินหมด พอดีเกิดมานาน เห็นหน้าทีมงานนี้เลยรู้ทัน อิๆ สมุนเก่า ยันดะ ลูกพี่หนีไม่กลับเลยขยับขึ้นมาเป็นตัวเอกเสียเอง
     
  5. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -สิ่งใดที่เห็นว่า่ดี แสดงว่าท่านเป็นคนดี เห็นจริงตรงตามธรรมชาติ ภายในก็บริสุทธิ

    -เกี่ยวกับ พระ วัด สิ่งใดใช้ความเป็นปุตุชนเข้าไปตัดสิน มิควร โลกจะวิบัติ (ธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาท)

    -ผู้สื่อข่าวที่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับพุทธศาสนา ควรที่จะเป็นผู้เดินทางธรรมด้วย จะได้เป็นการแก้ข่าว แก้ไข หรือเขียนประเด็น ที่ปุตุชน ยังเข้าใจยาก ปรับกันเข้้าหากัน จะได้เป็นการทำนุบำรุงพระศาสนา ถ้าขายแต่ข่าว เสนอสิ่งที่ทำให้ศาสนาแตกแยก ทางธรรมแล้ว ถือว่าบาปมาก ๆ ที่ทำให้พระสงฆ์แตกแยก หรือจะใช้คำพูดยุยง ส่งเสริม ก็มิพ้นบาป ทางปลอดภัย คือ มีข้อสงสัย ก็ใช้วิจารณญาณ ที่เดินทางธรรมแล้วเข้าไปพิจารณา อย่าให้สิ่งปลอม โลภะ โทษะ โมหะ หลอกได้

    -การสละ จาคะ จะไม่หวังผล เป็นธรรมของผู้เดินทางธรรมอย่างแท้จริง อย่าไปกล่าวว่าผู้นั้นเลย จะบาป เพราะถ้าเราสละจาคะ ก็จะเข้าใจ ว่าการจาคะหรือสละให้ สละทิ้ง จะไม่เหมือน ทำบุญ ทำบุญก็ขอแลกเปลี่ยน หวังผล จิตมัวแต่ หวัง ลุ้น เพื่ออะไรซักอย่าง ความบริสุทธิ์ก็จะไม่มี มีแต่ปิติ แต่ความสว่างของจิตใจ ร่มเย็น โป่งโล่ง จะไม่มี

    -บางข่าว ที่เสนอก็มิเป็นความจริงอย่างที่เสนอ เพราะผู้เสนอมิได้ไปพักไปนอนหลายๆ วันจะได้รู้ความเป็นไปหลายๆ เรื่อง
    เช่น การฉันท์ข้าวเย็น เพราะต้องทำงานก่อสร้างเอง ไม่จ้างคนข้างนอก ก็ต้องฉันท์เพื่อรักษาขันธ์เป็นธรรมดา
    หรือการที่ไม่ออกไปบิณฑบาตร ก็ไม่จริง เพราะ เช้าๆ จะมีพระหลายๆ องค์ไปบิณฑบาตรนอกวัด แต่เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ ก็ญาติโยมนำมาถวาย ให้ไว้ ถ้าไปหลายวันก็จะเห็นเป็นตามนั้น
    การนั่งสมาธิ ก็ไ่่ม่เน้น เพราะการนั่งสมาธิ ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถควมคุมจิตให้นิ่งได้ ก็ต้องฝึกนั่งไป แต่ถ้านิ่งแล้ว ภายในเคลื่อนพายุสงบ แค่สงบ ก็มาตัดตัวหลงแทน หลงยึด หลงติด ให้วาง ก็สามารถฟังธรรม อันเป็นธรรมที่สูงยิ่งขึ้นไปได้โดยง่าย ฟังธรรมให้คลาย ความยึด ความติด ธรรมฟังแล้วต้องสบาย มิต้องแสดงออกว่าจะต้องนั่งสมาธิ เพราะผู้ที่ไปก็ผ่านมาแล้ว ชาญ ญาณ โชกโชน จึงสามารถสงบได้ โดยไม่ต้องนั่งสมาธิก่อนฟังธรรม

    (ผู้ใดเสนอข่าวไม่เป็นความจริง ด้วยรู้หรือไม่ เจตนาหรือไม่ก็ตาม ยุยงส่งเสริมให้สงฆ์แตกแยก ด้วยอนุภาพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ดลบันดาลให้อย่าตกไปสู่อบายภูมิ ให้แก้ตัว ตั้งจิตอถิฐาน ทำงานด้านพุทธศาสนาเพื่อทำนุบำรุงพระศาสนาตลอดไป จนจะเข้าสู่นิพพาน)

    -สาธุชนใด ต้องการ ชาญ ญาณ อันแก่กร้า แล้วจะวางทีหลังก็สามารถเดิน-ปฎิบัติต่อไปได้ จะเที่ยวชมวัฎสงสาร เกิดมาตามกรรม ก็สามารถทำได้ แต่จะทันกับสถานการณ์อันไม่น่าไว้ใจกับธรรมชาิตินี้ทันหรือไม่ ก็ลองพิจารณาดู พุทธพจน์ อย่าประมาท

    การแบ่งธรรม ตามกาลสมัย
    -ธรรม ยุค แรก เป็นยุคเขียว ต้องออกเสาะหาในป่า

    -ธรรม ยุค 2 คือยุคแดง มีเป็นรูปแบบ วัด อาราม

    -ธรรม ยุด สุดท้าย คือ ยุคขาว ประชาชนสามารถรู้ธรรม แล้วอยู่ในครัวเรือนเป็นปกติสุข หรือ อริยชน นั่นเอง

    -ประคำมี 108 เม็ด ความหมาย คือ ข้อเตือนใจว่า ให้ระวังภัยพิบัติ ใหญ่ ๆ รวมกันทั้ง 3 ยุด มีทั้งหมด 108 ครั้ง แบ่งตามยุค ซึ่งยุคสุดท้ายจะมากที่สุด เป็นอันสิ้นสุด กัปป์นี้ (จะถูกทำลายล้างด้วยไฟ)

    -ผู้ไปก็ขอให้ไปด้วยสวรรค์เป็นอย่างน้อย หรือ นิพพาน เป็นสิ้นสุด แต่ผู้อยู่ก็ต้องหลบภัยพิบัติให้ได้ และก็ขอให้เหลือแต่คนดีๆ มีศีลธรรม เพื่อจะได้สร้างกันใหม่ จนไปสู่ยุคหน้า ซึ่งจะมีแต่ผู้คนที่พร้อมด้วยศีลธรรม เป็นส่วนใหญ่ และสำเร็จธรรม กับพระศรีอารย์ ครั้งละเป็น แสน แค่น้อมถึงเท่านั้น (ตามพุทธทำนาย)

    -สถานการณ์ปัจจุบันธรรมชาติ ไม่น่าไว้ใจ ช่วยๆ กันสรุป พากันจบ พากันนิพพาน มัวแต่ทะเลากันเอง จะพลาดโอกาสขึ้นเรือธรรม ที่อยู่ยุคไกลโพ้น แล่นเข้ามาเชื่อมบุญสัมพันธ์กับกาลนี้ พุทธอรหันต์องค์สำคัญ ๆ มีวิชาเฉพาะ แต่ละพระองค์ ก็มาในกาลนี้มากมาย คว้าโอกาสนี้ให้ทัน ใครรู้กาล ไหน มีอะไร เป็นอย่างไร ผู้ใดเป็นผู้ใด ก็ไปได้โดยสะดวก
    (เมื่อเรือลำใหญ่แล่นมา อย่ารอช้าให้รีบขึ้นเรือนั้นไป เปรียบกายนี้เป็นเ่ช่นขอนไม้ ผุพังไป อยู่ได้ไม่นาน)

    ขอให้เหล่าผู้ปฎิบัติธรรม ที่ได้พบปะกันในครั้งนี้ ถึงพร้อมด้วยนิพพาน ทั่วหน้า ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา และชวนคนข้างๆ เราหรือญาติเรา ให้ไปร่วมกันเพราะเกิดมาร่วมกัน ย่อมมีเหตุ มีบุญสัมพันธ์ร่วมกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2011
  6. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -สิ่งที่วัดนี้ได้กล่าวเตือน ได้แต่ภาวนาอย่าได้เกิดขึ้นในเร็ววันเลย ให้ได้มีโอกาสเตรียมตัวสำหรับผู้สละ ตัดวาง แต่ยังไม่พร้อม ได้มีโอกาสด้วย

    -ความไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา ทะลุทะลวงในธรรม จนได้นิพพาน จงมีแด่ท่านทั้งหลายที่ได้พบปะแลกเปลี่ยนธรรม ตั้งแต่อดีตชาติ ถึงปัจจุบัน และกาลต่อไป

    -หากเกิดสิ่งมิคาดฝัน จำเป็นที่วิญญาณจะออกจากร่าง 5 นาที ธาตุลมดับ ธาตุไฟดับ ธาตุน้ำดับ ธาตุดินสุดท้าย ธาตุลมก่อนจะดับ จะทรมานมากสำหรับผู้ไม่มีสมาธิมั่น และจะละลึกไม่ได้ถึงสิ่งที่ทำมา จะเป็นไปตามผลของกรรมที่กระทำ เพราะจิตอ่อนกำลัง สิ่งอื่นจะแทรกได้ตามกรรม ถ้าได้ฝึกการไม่ยึดติดมาดีแล้ว ก็จะไม่ยึดอะไร ไม่มีอะไรให้แสวงอะไร ไม่มีอะไรให้ไปเสวยอะไร ก็ดับ ไม่ไปเกิด ณ 31ภูมิใดอีก หรือจะมี ชาญ สูงก็ถ้ายังวางไม่ได้ ก็ไปเสวยผลบุญที่สร้างไว้ แต่จะไม่จบภพภูมิ จะไปเสวย ตอนเสวยก็ปิติ แต่ถ้าหมด บุญที่เสวยแล้ว จะไม่ปิติแล้ว จะมัวหมอง ถ้าพบพุทธอรหันต์เมตตาก็ดีไป ได้นิพพานตาม จบตาม เช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2011
  7. Ninetrin

    Ninetrin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +20
    หนีขึ้นเขา แล้วจะไม่ตายหรือครับ ไม่มีใครหนีพ้นหรอกครับ วางใจเถอะนะครับ
     
  8. Follower007

    Follower007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +303
    [FONT=verdana,geneva]ใน ยุคปัจจุบันซึ่งผู้คนถูกโลกวัตถุนิยมครอบงำหล่อหลอมให้เป็นคนไม่อดทน เทคโนโลยีถูกนำมาสนองตอบความเร่งด่วนในทุก ๆ ด้านของชีวิต ไม่ว่าอาหารจานด่วน โอนเงินด่วน อัดรูปด่วน จองตั๋วด่วน สารพัดสารพันที่มีแต่ด่วน ๆ ดัง นั้น พร้อม ๆ กับความสะดวกสบายและความรวดเร็วที่ป้อนให้แก่เรา สิ่งที่ตามมาก็คือจิตใจของคนที่อ่อนแอลง ขาดน้ำอดน้ำทน ทนรออะไร ๆ ได้ยาก[/FONT]

    [FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]เข้า มาที่วงวัดวา นักปฏิบัติรุ่นใหม่แทนที่จะมุ่งปฏิบัติไปตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าและครู อาจารย์ผู้ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน กลับมีแนวโน้มเสียเวลาไปกับการหาหนทางลัด เพราะติดนิสัยทางโลก ๆ ที่ต้องการเห็นผลแบบด่วน ๆ ทันใจ (กิเลส) ผลที่ตามมาจึงเข้าทำนองที่หลวงปู่ดู่เคยกล่าวเตือนไว้ว่า “เบื้องต้นก็จะขึ้นยอดตาล มีหวังตกลงมาแข้งขาหัก หรือตายเท่านั้น” [/FONT]
    [FONT=verdana,geneva][/FONT]
    [FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]จิต ที่หยาบและมักง่าย ย่อมขยายผลต่อไปถึงการมองข้ามวินัยหรือศีลเพราะมองว่าเป็นเรื่องเปลือก หรือเรื่องนอก ๆ ที่ไม่ใช่แก่นของการปฏิบัติ โดยไม่ได้เฉลียวใจว่าหากไม่สำคัญทำไมพระพุทธเจ้าจึงต้องทรงบัญญัติไว้ตลอด ๔๕ พรรษาแห่งพุทธกิจ อีกทั้งทรงให้ความสำคัญถึงขนาดว่าให้มีการปรับอาบัติกับผู้ที่ละเมิด นั่น ก็เพราะทรงต้องการให้วินัยหรือศีลนี้เป็นเครื่องช่วยให้พุทธบริษัทอยู่ร่วม กันอย่างเรียบร้อยดีงาม เกิดเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญธรรมคือการพัฒนาจิตด้านในของแต่ละคน ๆ ต่อไป หากขาดวินัยหรือศีล ก็จะทำให้ขาดความระมัดระวังที่จะไปกระทบกระเทือนคนรอบข้าง หากมีวินัยหรือศีล จะนั่งจะเดินจะนอนก็เป็นสุขเพราะไม่มีเวรภัยกับใคร ๆ ท่าน จึงอุปมาว่า แก่นไม้ หากขาดเปลือกกระพี้ แก่นไม้นั้นก็มิอาจตั้งอยู่ได้นาน วินัยหรือศีลจึงเป็นเหมือนเครื่องห่อหุ้มธรรมให้ธรรมแท้ที่เป็นแก่นตั้งอยู่ ได้นาน ไม่อย่างนั้นศาสนาพุทธคงตั้งอยู่ไม่ได้จนถึงปัจจุบัน[/FONT]

    [FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]เรื่อง นอก ๆ ภาษาพระเขาเรียกว่าบัญญัติหรือสมมุติ (สมมุติสัจจะ) คือเป็นเรื่องที่เกิดจากการตกลงร่วมกันว่าให้ทำอย่างนี้ ๆ นะจึงจะดีงาม ต่างจากเรื่องธรรม (หมายถึงปรมัตถสัจจะ) ซึ่งเป็นความจริงอยู่โดยธรรมชาติ ไม่ขึ้นกับการบัญญัติของใคร ๆ [/FONT]

    [FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]ในสมัยหลวงปู่ ก็เคยมีลูกศิษย์ที่มองข้ามข้อวัตรภายนอก (ก็รวมอยู่ในเรื่องของวินัยหรือศีลนั่นเอง) ไม่ต้องสวดมนต์ ไม่ต้องนั่งสมาธิ ไม่ ต้องสมาทานศีล ไม่ต้องปัดกวาดเสนาสนะที่ปฏิบัติ ไม่ต้องสนใจเรื่องแต่งเนื้อแต่งตัว ไม่ต้องสนใจอะไร ๆ ที่เป็นเรื่องภายนอก มุ่งจะเอาแต่เรื่องจิตล้วน ๆ [/FONT]

    [FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]กระทั่งหลวงปู่เมตตากล่าวเตือนว่า แกจำไว้เลยนะว่า วิมุติมันก็มาจากสมมุติ” [/FONT]
    [FONT=verdana,geneva][/FONT] [FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]หลวง ปู่ท่านประสงค์ที่จะสอนว่าสมมุติ ถึงแม้จะเป็นเรื่องนอก ๆ ซึ่งไม่ใช่ตัวแก่น แต่สมมุติก็ยังเป็นเรื่องที่จำเป็น สมมุติเป็นสิ่งที่เราต้องอาศัยมัน ต่อยอดจากมันไปสู่วิมุติอีกชั้นหนึ่ง สมมุติเป็นเครื่องอาศัยของนักปฏิบัติ เพียงแต่เราต้องตระหนักว่าเครื่องอาศัยก็คือเครื่องอาศัย เครื่องอาศัยไม่ใช่จุดหมายปลายทาง บางคนหลงเคร่งเครียดกับเรื่องพิธีรีตองหรือข้อวัตรภายนอกเสียจนลืมไปว่ามัน เป็นแค่บันไดหรือเครื่องอาศัยเท่านั้น จุดหมายปลายทางอยู่ที่การฝึกจิตอันเป็นความดีงามที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไปกว่าการมาติดยึดอยู่แค่สมมุติ [/FONT]

    [FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]เมื่อ รู้ว่าสมมุติเป็นแค่เครื่องอาศัย ไม่ใช่ตัวแก่นแล้วจะปฏิเสธสมมุติก็ไม่ถูก เหมือนจะกินข้าวแต่ปฏิเสธไม่เอาจานเอาช้อน จะเดินทางแต่ปฏิเสธไม่เอารถ จะเอาความสงบแต่ปฏิเสธคำบริกรรมภาวนา จะเอาปัญญา (ภาวนามยปัญญา) แต่ปฏิเสธไม่เอาสมาธิ [/FONT]

    [FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]สังเกตดูเถิด วัดที่มีข้อวัตรที่ดี จะดูเรียบร้อยดีงามและเกิดเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปฏิบัติธรรมเพียงใด[/FONT]

    [FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]ที่ สำคัญนักปฏิบัติที่จิตประณีต ย่อมไม่มองข้ามหรือดูถูกดูแคลนสมมุติหรือเครื่องอาศัยเหล่านี้ เพียงแต่จะใช้มันอย่างผู้มีปัญญา คือใช้มันให้เกิดประโยชน์ โดยที่ไม่ลุ่มหลงยึดติดสมมุติเหล่านั้น [/FONT]

    [FONT=verdana,geneva]ที่[/FONT][FONT=verdana,geneva][/FONT][FONT=verdana,geneva]า : Luangpudu.com / Luangpordu.com[/FONT]
     
  9. อัสติสะ

    อัสติสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +392
    มัจจุราชนั้น ตามไปได้ทุกที่ ต่อให้มีปีกบินหนี หรือ อภิญญาสูง แก่กล้าเพียงใดก็ตาม
     
  10. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาูธุ
    -พระอรหันต์ จี้กง ก็มิสนใจกะพี้ เมื่อสำเร็จแล้ว ก็ออกโปรดผู้คนในสภาพ ที่ชาวบ้านรับไม่ได้ ก็มิแปลกที่ ครูบาอาจารย์ที่สำเร็จแล้วจะมีกุศโลบายเฉพาะพระองค์ที่จะเมตตา

    -ผู้ที่สามารถรับกระแสธรรมโลกุตรธรรมได้มิใช่ผู้คนธรรมดา ถ้ามิผ่านระบบชาญ ญาณ มาก่อนมาฟังธรรมก็แป๊ค เพราะไม่มีฐานมาก่อน พอมาจากหลายๆที่ จะเอามาตรฐานจากไหน อีกคนจะเดิน อีกคนจะนั่ง อีกคนจะพุทธโธ จะวุ่นวายไหน นี่แค่ภายนอก แต่ภายใน ผู้คนเหล่านั้น สงบ เคลื่นพายุสงบแล้ว ถึงต่อหน้าพระพักต์ก็สรุป ไม่ต้องแสดงการปฎิบัติใด ๆอีก

    -ผู้ที่สามารถรับกระแสโลกตรธรรมได้ บางคนก็มีของเก่ามาแล้ว มีฐานธรรมเก่่ามาแล้ว ก็สามารถสรุปธรรมได้ รับกระแสโลกตรธรรม แต่สำหรับผู้รับไม่ได้ก็รีบขนขวาย อย่าละเมิดกรรมหนัก ขนาดไหนไม่รู้

    -เตือนภัย ก็ว่า พอมีเกิดขึ้นจริงตาม ก็ว่าเรื่องอื่นอีก คงไม่คิดว่า ทำไม ไม่เห็นตายเลย แสดงว่าไม่จริงก็ว่าอีก ถ้าถึงขนาดตาย ก็มิเห็นการใดจะต้องเตือนกันอีกแล้ว

    -ผู้เดินทางธรรม โทษะ โมหะ โลภะ ลด ๆ ลง จะไม่เหมือนคนธรรมดา การพูด การแสดง จะไม่เหมือนปุตุชน สำรวม สำรวม สำรวม

    -ทำหน้าที่ได้แค่เดือน และ ชี้บอกแนวทาง มิสามารถช่วยใครได้

    -ความยึดติดจนเป็นปกติ ทำให้ทิ้งไม่ได้ วางใจลง ให้เบาลงไม่ได้ ส่งผลให้เกิดความประมาท ไม่มีการเตรียมตัวเพราะ ถึงแม้จะตายก็ขอตายที่นี่ ไม่รู้จะไปไหน ผลก็คือ อย่ามาเตือนไม่กลัวหรอก หรือตกใจสติแตกเมื่อเกิดขึ้นจริง

    -แต่เตือนพราะต้องการคัดเลือกบุคคนดีมีศีลธรรม ปล่อยวางได้ แยกกลุ่มออกมา อยู่ในที่สมควร เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เขาเหล่านั้นก็จะทำหน้าที่เป็นคนดีต่อไป

    -แค่เตือน เกิด ช้า เร็ว เกิดแน่ เด็กประถมก็คำนวนออก ว่ากราฟภัยธรรมชาิติมันเกิดเกี่ยวเนื่องกัน แต่บอกไม่ได้เท่านั้น ว่าเมื่อไหร่ ทางธรรม ก็ได้แค่เตือน บอกไม่ได้เหมือนกัน

    -เตือนสำหรับผู้ปล่อยวางได้ อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ตอนไหน เขาจะเตรียมตัว แต่มิใช่ว่า เขาจะรอด แต่เขาตาย ก็ตายอย่างฉลาด ตายตรงไม่ยึดติด ตายตรงนิพพาน ผู้ที่ยังยึดหลาย ๆ อย่าง เมื่อเกิดบรรยากาศฉับพลันที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต ก็ประมวลอะไรมากมาย สำหรับผู้มีการถอดจิตได้ ขึ้นไป ก็เอาตัวรอดไป

    -ขอแลกเปลี่ยนแบบใช้สติ โทษะ โมหะ โลภะ ลด ๆลง ธรรมอันสูงยิ่งขึ้นไปก็จะเห็นเอง เปิดออกเอง มิได้ไปเปิดตำราแล้วอ่านแล้วทำใจตาม แล้วรู้ พลังของโลภะ โทษะ โมหะ เป็นพลังฝ่ายต่ำ จะบดบังพลังกระแสธรรม ที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่ไม่ต้องทำแบบไหน แค่ลด โทษะ โมหะ โลภะ ลง ๆ ๆ ๆ กระแสธรรมอีกฝั่งก็จะปรากฎเอง เหมือนคานไม้กระดก

    ผู้เดินทางธรรม มองมุมสูง มิควรมองมุมต่ำ

    ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ เหตุัดับผลก็ดับ

    ขอน้อมอำนาจพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า เมตตา มหาเมตตา ค้ำจุนประเทศไทยให้เกิดภัยพิบัติน้อยที่สุด(อย่าประมาท)

    -กาลสมัยบัดนี้ เป็นการโปรด 3 ภพ 3 โลก พร้อมกัน เพื่อให้เมตตาซึ่งกันและกัน ภัยพิบัติจะได้เบาลง

    น้อมความสว่างไสวในสัจธรรม ที่องค์อรหันต์พุทธ ได้กระทำมาแล้ว และจะกระทำในกาลต่อไป ขอทุกจิตญานทั้งหลาย ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกชั้น ได้มีส่วน

     
  11. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    หลักหนึ่งที่ผู้เดินทางธรรมได้ถูกแล้วจะ

    คิดร้าย ไม่เป็น มิได้เป็นจิตวิทยา ให้มองโลกในแง่ดี การมองโลกในแง่ดี อันนั้นเป็นภายนอก กล่อมเกลาจิตใจให้คิดดี แต่ถ้าปฎิบัติ(ขออนุญาิตใช้คำว่าปฎิบัิติ)ธรรมจุดหนึ่งจะพบว่า มีการเห็นธรรม เข้าใจธรรม ธรรมเปิดออกมาเอง ให้รู้ ใ้ห้เห็น เข้าไปสัมผัส แล้วเข้าใจ มิได้เกิดจากการอ่าน อย่างเดียว แล้ว ส่วนที่ได้คือ คิดร้ายไม่เป็น
    ถ้าโลภะ โทษะ โมหะ ทำลายลงได้ในระดับหนึ่ง ก็จะเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นเอง
     
  12. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    ปกซีดีสอนนิพพานที่สุดแห่งธรรมแต่สร้างข่าวให้เกิดความแตกตื่นโดยมีสิ่งปลูกสร้างรองรับ เฮ้อ มาอีกแล้วพวกเจ้าสำนักอุตริธรรม
     
  13. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +705
    ยุคนี้หากินแบบนี้เยอะไปหมด นี่เพราะความกลัวตายเป็นเหตุแท้ ๆ
    พึ่งอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ สุดยอดเลยแก๊งค์นรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2011
  14. 789654561

    789654561 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +333
    ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ กับคุณFollower007
     
  15. ทำดีมีกุศล

    ทำดีมีกุศล สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    เกิดมาแล้วก็ตายเป็นธรรมดา

    หลวงตามหาบัว มีบุญมากมาย ท่านยังละสังขาร แล้วทำไมหนอ.......
     
  16. นอกเหนืออนิจจัง

    นอกเหนืออนิจจัง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ประวัติท่านโพศรีนะเหรอ จ.หวัดเกิดที่พิษณุโลกย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ตั่งแต่เด็กพอโตมาแม่จับแต่ง สาวคนหนึ่งแต่ตอนนั้นอายุ20ปีพอดีก็เลยบวชให้พ่อแม่แล้วคราวนี้ก็ไม่สึกก็ เลยออกเดินธุดง ธุดงไปมาก็ไปธุดงที่ภูกระดึงอยู่ภูกระดึงได้ประมาณ3เดือนก็ลงมาแล้วก็เดิน ธุดงมาเจอถ้ำภายาทีมีค้างคาวบินเยอะที่สุดในภาคอีสานแล้วต่อมาก็สร้างวัดที่ ถ้ำภายาเมื่อก่อนท่านเค้งสุดๆผู้หญิงจะเข้าใกล้ที่นี้ต้องคลานมาต้องอยู่ ห่างประมาณ3เมตรเมื่อก่อนสัจธรรมก็เหมื่อนพระทั่วไปที่ให้นั่งสมาธิเดิน จงกรมเป็นชั่วโมงๆแต่แล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาใน ชีวิตท่าน (ข้อไม่เอ่ยนามผู้หญิงคนนี้ตอนนี้บวชเป็นชีอยู่วัดร่มโพธิธรรมและเป็น นัมเบอร์วัน) ข้อกฎเกณบังคับต่างๆก็เริ่มหายไปสัจธรรมที่เคยพูดเหมื่อนเมื่อก่อนก็เปลียน ไปตั่งแต่นนั้นมาสัจธรรมที่พวกท่านได้ยินก็เริ่มตั่งแต่จุดนี้และแล้วก็มา วันหนึ่งเมื่อเกิดปัญหาหนึ่งเกิดขึ้นในวัด(ขอไม่บอก)แล้วก็พาญาติโยมเดิน ธุดงจากถ้ำภายาจนไปถึง ต.หนองหิน (เมื้อก่อนเป็นตำบลหนองหินยังไม่เปลียนเป็นอำเภอ )แล้วตอนนั้นมืดค่ำก็เลยไปกางกฎกางเต้นที่เป็นวัดร่มโพธิธรรมอยู่ปันจุบัณ นี้แล้วก็ลงมือสร้างกุฎิสร้างที่พักอาศัยแล้วต่อมาก็มีโยมมาถวายเนื้อที่บาง ส่วนให้ท่านโพศรีพื่นที่แรกก็คือถนนเข้าวัดนั้นและครับต่อมาก็ขยายพื้นที่ วัดได้ประมาณ100ไร่ ตอนนี้ก็สร้างวัดมาได้ประมาณ3ปีกว่าๆและแล้วก็เกิดเหตุการวัดแตกขึ้นมาเมื่อ ปี่43 (ไม่ขอบอกว่าวัดแตกเพราะอะไร) แล้วต่อมมาก็มีญาติโยมเข้ามาแล้วพาญาติโยมเข้ามาเยอะแล้ววัดก็ฟื้นมาเรยๆจน ถึงปัจจุบัณนี้และครับ (ตอนนี้คนที่พาญาติโยมมาเมื่อปี48ออกไปแล้ว ไม่ขอบอกว่าออกไปเพราะเหตุใด) เป็นอันจบประวัต่ท่านโพศรีสุริยะ (มีเรื่องในวัดมากมายเกียวกับท่านโพศรีสุริยะและเรื่องเกียวกับคนในวัดคน เก่าๆ แต่ขอมิบอกให้พวกท่านพิสูทเองจะดีกว่าเพราะบอกไปพวกท่านก็ไม่เห็นเอง) แล้วเรื่องการตั่งก๊กตั่งกลุ่มขึ้นมาในวัดเกิดเนื่องมาจากได้ผลประโยชไม่ลง ตัวกัน (เกิดจากการเสียมหลับหลังกันเองโดยมมีตัวการ...) ขอบอกว่าเมื่อก่อนอยู่กันแบบพี่น้องไม่มีอะไรก็แบ่งกันเป็นวัดที่สงบและราบ เรียบไม่มีแบ่งแยกแต่แล้วก็เกิดเหตุการบางอย่างเกิดขึ้น (ขอไม่กล่าวนะครับ) แต่ตอนนี้ก็เปลียนแปลงไปจากเดิมเหมือนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเลยถ้าท่านใด ที่อยู่นานๆก็คงจะรู้ที่ผมกล่าว ที่ผมกล่าวมานี้ถ้าไม่เชื้อลองไปถามคนเก่าๆที่อยู่วัดดูนะครับถ้าอยากรู้แบบ ชัดๆไห้ไปหา ตัวอักษรย่อ ล. (ตอนนี้บวชเป็นชีอยู่ที่นั้นและครับ) ประวัติของท่านโพศรีสุริยะถ้าไม่เชื่อไปถามท่านโพศรีสุริยะดูนะครับประวัติ ของท่านไม่ใช้จะบอกคนได้ง่ายๆนะครับต้องคนใกล้ชิดเท่านั้น ขอจบประวัติท่านโพศรีสุริยะเพียงเท่านี้......(ถ้าอยกรู้ถามมาครับ)
     
  17. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุึ

    -เล่นอะไรก็ไม่เล่น เอาตัวไปผัวพันกับเรื่องผ้าเหลือง ไปดีกว่า ยกให้ เลย สำหรับผู้กล้าหาญ

    -ครูบาอาจารย์องค์ใด จะกล้ารับประกันความผิดที่ลูกศิษย์กระทำไหวหรือเปล่า หรือจะกล้ารับเป็นลูกศิษย์หรือเปล่า ซึ่งกาลครั้งหนึ่งเคยต่อสู้กับผ้าเหลืองมาแล้ว

    ต้องพาไปกราบขอพรจาก พระพุทธเมตตา ที่พุทธคยาที่อินเดียแล้วมั้ง กำลังพาเพื่อนไปอยู่พอดี พึ่งจะไปมาปีก่อน เลยอยากหาเพื่อนเดินทางธรรมกลุ่มอื่น ไปด้วยกันอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2011
  18. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +705
    ดูกันไปว่าจะจบแบบไหนความจริงย่อมเป็นความจริง
     
  19. chok99

    chok99 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +4
    เข้ามาดูก่อนครับก่อนตัดสินใจเชื่อในสิ่งที่คุณยังไม่ได้เห็นและสัมผัส
     
  20. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ป่าไม้บุกตรวจ วัดเทศน์พิลึก

    เร่งหาหลักฐาน-บุกรุกป่า

    เจ้าหน้าที่ป่าไม้บุกตรวจสอบ พื้นที่วัดร่มโพธิธรรม อ.หนองหิน จ.เลย หลังตกเป็นข่าวฉาว สมภารวัดเทศน์อวดอุตริทำนายว่าโลกจะแตก จนศิษยานุศิษย์แตกตื่นอพยพไปปลูกที่พักหรูในบริเวณวัดที่มีเนื้อที่เกือบ 800 ไร่ พบเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมอยู่ในเขตป่าสงวนภูค้อ-ภูกระแต ยังไม่มีเอกสารสิทธิ อยู่ ระหว่างดำเนินการออก สปก. รักษาการ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติฯจังหวัดเลย เชื่อมีการรุกป่าสงวนบางส่วน ขณะที่ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย ฟันธงพระลูกวัดแต่งกายผิดวินัยสงฆ์ชัดเจน ระบุวัดขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่การปกครองผิดเพี้ยนมีทั้งประธานวัดและเจ้าอาวาส เร่งรวบรวมหลักฐานเสนอเจ้าคณะจังหวัด และ ผวจ.ดำเนินการ ด้านสาวใหญ่นักธุรกิจเมืองกรุงสุดช้ำ สามีหนีไปอยู่ที่วัดนานกว่าอาทิตย์ไม่ยอมกลับบ้าน แฉพฤติกรรม "หลวงพ่อสมชาย" สั่งให้ตัดขาดพ่อแม่ลูกถ้ามาขวางความเชื่อผู้ศรัทธา

    หลัง จาก "ไทยรัฐ" เสนอข่าวเปิดโปงพฤติกรรมของหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต หรือหลวงพ่อสมชาย พระนักเทศน์ วัดร่มโพธิธรรม ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย แสดงธรรมเทศนาทำนายว่าโลกกำลังจะแตก ทำให้ ลูกศิษย์ที่เคารพศรัทธาพากันแตกตื่นอพยพไปปลูกสร้างที่พักหรูคล้ายรีสอร์ ตอาศัยอยู่ในบริเวณวัดบนเขาสูงเนื้อที่ร่วม 800 ไร่ สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากคำสอนที่อวดอุตริแล้ว หลวงพ่อวินัยยังปล่อยให้พระลูกวัดปฏิบัติตัวผิดเพี้ยนไปจากวินัยสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นการไว้ผมยาว มีหนวดเครารุงรัง ไม่ออกบิณฑบาต ไม่สวดมนต์ สวมเสื้อกางเกงแทนผ้าเหลือง มีเพียงอังสะสีน้ำตาลเข้มให้รู้ว่าเป็นพระเท่านั้น ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนา เจ้าคณะอำเภอ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าวแล้ว

    ความคืบ หน้าเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 24 มี.ค. นายชัยรัตน์ แก้ววงษา หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ลย.14 (ผาขาว) นำกำลังเข้าไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณวัดร่มโพธิธรรม พร้อมเปิดเผยว่า เป็นพื้นที่โซน E คือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูค้อ-ภูกระแต มีพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ในเขตท้องที่อำเภอหนองหิน เดิมทีที่ผ่านมามีชาวบ้านบุกรุกใช้ประโยชน์มาก่อน เช่น เป็นที่ทำนา ทำสวน ทำไร่ ที่แห่งนี้ยังไม่มีเอกสารสิทธิ ส่วนวัดมีที่ดินกรรมสิทธิ์ (นส.3) เลขที่ 172 เนื้อที่ 45 ไร่ โดยนายบุญคุ้ม คงสถิต และนายโชคอำนวย กนกสังแคลน-พรหม เป็นผู้มอบถวายขออนุญาตจัดตั้งวัด และเป็นพื้นที่อยู่ในระหว่างดำเนินการออก ส.ป.ก. โดยเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ได้ออกสำรวจแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการตาม พ.ร.ก. ปฏิรูปที่ดิน จำนวน 33 ราย เนื้อที่ 740 ไร่ รวมเนื้อที่บริเวณวัดทั้งหมดประมาณ 785 ไร่ วันนี้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจ GPS ว่ามีการบุกรุกป่าสงวนหรือไม่ และมีการขยายเขตไปกว้างขวางขนาดไหน และจะส่งรายงานให้สำนักการจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) ดำเนินการต่อไป

    นายวัชระ อธิสุมงคล รักษาการแทน ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลย กล่าวว่า ตามที่สอบถามเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรง ที่ดินของวัดอยู่ในเขตป่าสงวนและเขต ส.ป.ก.เป็นบางส่วน จากการ ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าที่เป็นป่าสงวน ทางวัดยังไม่ได้ ขออนุญาตจากกรมเลย ซึ่งตามปกติการจะขอทำวัดในเขตป่าสงวนต้องขออนุญาตทำประโยชน์จากกรมป่าไม้จึง จะทำวัดได้ อย่างกรณีวัดร่มโพธิธรรมเบื้องต้นก็ถือว่าผิด แต่จะให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอีกที ถ้ามีการบุกรุกจริงต้องมีการจับกุม ทั้งนี้ได้ให้หน่วยป้องกันรักษาป่า ลย.14 (ผาขาว) เข้าไปตรวจสอบแล้ว ถ้าดูตามแผนที่บริเวณวัดเชื่อว่ามีการบุกรุกป่าสงวนจริงเป็นบางส่วน

    ด้าน นายสมบูรณ์ ดีเสมอ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย กล่าวว่า หลังทราบข่าวจาก นสพ.ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ได้เข้าไปตรวจสอบที่วัดร่มโพธิธรรม พร้อมกับเจ้าคณะอำเภอหนองหิน และเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) เห็นว่าวัดมีการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่มาก ผิดหูผิดตากับสภาพวัดที่อยู่ในชนบท จากการตรวจสอบพบว่า วัดร่มโพธิธรรมตั้งขึ้นเมื่อปี 2548 ถูกต้องตามกฎหมาย จากการสอบถามหลวงพ่อสมชาย ถึงกรณีที่ไม่ได้ออกบิณฑบาต ท่านบอกว่าการให้ชาวบ้านนำอาหารมาถวายที่วัดโดยพระสงฆ์ ไม่ออกบิณฑบาต ก็เหมือนกับการบิณฑบาตในวัดอยู่แล้ว แต่การปกครองภายในวัดมีลักษณะไม่เหมือนที่อื่น หลวงพ่อ สมชาย เป็นประธานของวัด ส่วนเจ้าอาวาสเป็นพระอีกรูปหนึ่ง แต่หลวงพ่อสมชายเหมือนกับมีอำนาจในการปกครองมากกว่า มีพระในการปกครอง 150 รูป แม่ชีอีกประมาณ 50 คน
    ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย กล่าวต่อไปว่า เจ้าคณะอำเภอสอบถามถึงการแต่งกายที่ผิดจากพระสงฆ์ทั่วไป หลวงพ่อสมชาย ไม่ยอมตอบคำถามดังกล่าว เท่าที่ดูการแต่งกายของพระสงฆ์ที่วัดนี้แล้วส่วนตัวเห็นว่าผิดวินัยสงฆ์ ชัดเจน ส่วนที่ดินของวัด จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่า มีประมาณ 50 ไร่ ในการขอตั้งวัดตอนนั้น แต่ปัจจุบันวัดมีเนื้อที่ประมาณ 700 กว่าไร่ ตนได้ขอสำเนา โฉนดที่ดินหรือสำเนาอย่างอื่นมาตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้แล้ว และจะได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดทำเรื่องเสนอไปยังเจ้าคณะจังหวัดเลย ฝ่ายมหานิกาย กรมการศาสนา และ ผวจ.เลย เพื่อพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม คงต้องไปตรวจสอบอีกครั้งและจะไปสอบถามชาวบ้านรอบๆวัด ถึงความรู้สึกกับการปฏิบัติของวัดแห่งนี้ด้วย

    ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย ลงไปตรวจสอบพฤติกรรมของหลวงพ่อสมชาย และให้รายงานกลับมาโดยเร็ว จากนั้นจะนำเรื่องรายงานเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เท่าที่ทราบพระรูปดังกล่าวเคยมีผู้ร้องเรียนไปยังเจ้าคณะจังหวัดเลย ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแล้ว และเท่าที่เห็นลักษณะการแต่งกายก็ชัดเจนว่าไม่ถูกต้องตามวินัยสงฆ์ ไม่รู้ว่าพระ รูปนี้เป็นอะไร เนื่องจากช่วงแรกที่ขออนุญาตตั้งเป็นสำนักสงฆ์ก็ยังไม่แสดงพฤติกรรมแปลกๆแบบ นี้

    วันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจากนางเดือน (นามสมมติ) อายุ 60 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว บ้านอยู่ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เคยไปทอดกฐินที่วัดร่มโพธิธรรม เพียงครั้งเดียว เพราะมีคนรู้จักชักชวนไป ตอนนั้นก็ไม่ รู้สึกผิดปกติอะไร ต่อมาหลวงพ่อสมชายเดินทางมาที่กรุงเทพฯ ก็ไปกราบนมัสการพร้อมฟังเทศน์ รู้สึกรับไม่ได้ คือหลวงพ่อสอนไม่ให้ยึดติดอะไรทั้งสิ้น พยายามพูดจาให้ศรัทธาในตัวหลวงพ่อ หากใครมาห้ามก็อย่าไปยึดติด แม้กระทั่งพ่อแม่หรือลูก ถ้ามาห้ามปรามไม่ให้ไปที่วัดก็ให้ตัดขาดกันไปได้เลย ทำให้ตนตกใจมาก หลังจากนั้นก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับวัดดังกล่าวอีก แต่ที่มีเรื่องให้กลุ้มใจตอนนี้คือสามีของตนเกิดความศรัทธาในตัวหลวงพ่อสม ชาย เป็นอย่างมาก มักจะเดินทางไปอยู่ที่วัดเป็นประจำ ห้ามปรามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ล่าสุดเดินทางไปอยู่ที่วัดตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ยังไม่ยอมกลับบ้าน ทำให้เป็นห่วงมาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดว่าที่วัดดังกล่าวมี การเผยแผ่คำสอนที่ผิดเพี้ยนหรือสร้างความเชื่องมงายให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหา อย่างไรบ้าง


    นสพ.ไทยรัฐ


    • โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
    • 25 มีนาคม 2554, 07:36 น.

    tags:
    ,เลย,บุกรุกป่า,สมภาร,วัดเทศน์อวดอุตริ,หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต,ทำนาย,โลกแตก,
     

แชร์หน้านี้

Loading...