ถกแก้ปัญหาระเบิดหินตกใส่วัดถ้ำยอดทอง

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 เม.ย. ที่ห้องประชุมหลวงยกกระบัตรชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดราชบุรี นายบงการ ลิมปะพันธุ์ รองผู้ว่าฯ ราชบุรี เป็นประธาน นายพงษ์เทพ จารุอำพรพรรณ ผู้อำนวยการสำนักบริหารและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ นายอำเภอปากท่อ ผู้ประกอบโรงโม่หิน และตัวแทนจากวัดถ้ำยอดทอง ร่วมประชุมหารือ กรณีโรงโม่หินระเบิดหินตกใส่วัดถ้ำยอดทอง หมู่ที่ 8 ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี จนพระต้องใส่หมวกกันน็อกสวดมนต์
ในที่ประชุมได้มีการถกเถียงกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากวัดอยู่ติดกับสัมปทานบัตรของโรงโม่หิน พร้อมกับวัดที่มาตั้งก็ขออนุญาตถูกต้อง ที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาทำให้หินตกใส่วัดมาโดยตลอด แต่ทางผู้ประกอบการก็มีการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด แต่เนื่องจากวัดดังกล่าวมีประชาชนไปทำบุญมากจึงมีการร้องเรียนทำให้เกิดเป็นข่าว จนทางจังหวัดสั่งระงับการระเบิดหินไว้ชั่วคราวใน 2 สัมปทาน เพื่อรอการตรวดสอบปรับปรุงแก้ไข แต่แล้วทางผู้ประกอบการได้มีการดำเนินการอยู่ซึ่งเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย
นายพงษ์เทพ กล่าวในที่ประชุมว่า ทางผู้ประกอบการโรงโม่หินได้ละเมิดข้อกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน อีกทั้งระเบียบข้อบังคับตามกฎหมายสัมปทานบัตรต้องห่างจากชุมชนถนน และวัด 500 เมตร ขณะที่สัมปทานอยู่ติดกับวัดประมาณ 50 เมตร ซึ่งตรงนี้จะต้องตรวจวัดเขตให้แน่ชัดว่าของใครเป็นอย่างไร ต้องจัดแผนผังที่ชัดเจน ที่ผ่านมาทางกรมอุตสาหกรรมได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงโม่หิน ทำให้เกิดปัญหาเรื่อยมา และมี 2 สัมปทานที่ต้องห้ามดำเนินการโดยเด็ดขาดเนื่องจากมีผลกระทบ
ด้าน นายสรรค์ชัย นิติกาญจนา ผู้ประกอบการรายหนึ่ง กล่าวว่า ที่ผ่านมาหากเกิดความเสียหายให้กับชุมชนก็มีการจ่ายค่าเสียหายตลอด โดยทางผู้ประกอบการเองก็คำนึงถึงความเดือดร้อนซึ่งก็พยายามแก้ไขทุกวิถีทางตามที่ราชการกำหนด พร้อมทั้งยินดีแก้ไขในส่วนที่บกพร่อง แต่ปัญหาเกิดขึ้นมาหลายปีซึ่งทางจังหวัดก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งที่ผู้ประกอบการโรงโม่หินทุกรายทำตามกฎระเบียบทุกอย่าง ไม่มีการตรวจสอบว่าที่ดินของวัดถูกต้องหรือไม่ เขตของใครอยู่ตรงไหนทำให้เป็นปัญหามาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า ทางกลุ่มโรงโม่หินได้ประชุมกันแล้วว่าจะขอแก้ไขในส่วนของหินที่ตกค้างมีรอยแตกร้าวอยู่บนยอดเขา เคลียร์ลงมาให้หมด โดยการทำคันหินกั้นเป็นขั้นบันไดเพื่อไม่ให้ผลกระทบกับวัดภายใน 3 เดือน โดยทางจังหวัดและกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เป็นผู้ควบคุมดูแล แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการดำเนินการด้านธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการก็ต้องยื่นอุทธรณ์เพื่อดำเนินกิจการต่อไป

ที่มา : นสพ.ข่าวสด 11 เม.ย.49​