ถนนชีวิต. . . บนเส้นทางกรรม โดย คุณแม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย honey_bee414, 28 สิงหาคม 2012.

  1. honey_bee414

    honey_bee414 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,665
    ถนนชีวิต. . . บนเส้นทางกรรม
    โดย คุณแม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม



    [​IMG]


    “บางคนสงสัย . . . เออ . . .ฉันก็ไม่ได้ทำกรรมอะไรเลย ไม่เคยไปทำร้ายใคร แต่ทำไมชีวิตของฉันลำบากอย่างนี้” แม่ชีทศพรเอ่ยให้ฟัง
    แล้วถามคนที่มาล้อมวงนั่งฟังว่าเคยสงสัยถามตัวเองแบบนี้หรือเปล่า?? หลายคนที่เข้ามาที่วัด พอพูดถึงเรื่องกรรม คนทั่วไปจะเข้าใจว่า
    หมายถึง “กรรมที่ไม่ดี ” หรือ “กรรมชั่ว” ทั้งที่ความจริงแล้ว “กรรม” แปลว่าการกระทำ ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี ซึ่งในทุกๆวันคนเราทำกรรมทั้งดีและไม่ดี
    โดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่ยังมีสังขาร ตราบนั้นก็ยังมีการปรุงแต่งว่าเป็นตัวเรา ของเราอยู่ร่ำไป และเราก็เป็นผู้สร้างกรรมและเป็นทายาทผู้รับผลของกรรมนั้น


    คนส่วนใหญ่ในโลกเป็นสุจริตชน หมายถึง...เป็นคนปกติที่ประกอบสัมมาอาชีพมีตั้งแต่กรรมากร ชาวนา ชาวไร่ พ่อค้า แม่ค้า ศิลปิน ช่างไม้ นักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ ครู อาจารย์ พนักงานออฟฟิศ บางคนก็เป็นเพียงแม่บ้านธรรมดา ที่ทุกๆวันต้องตื่นนอนยามเช้า ลุกขึ้นมาประกอบอาชีพเพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองตั้งแต่เช้าจรดเย็น จึงจะกลับบ้านมาพักผ่อน เพื่อสะสมเรี่ยวแรงสำหรับการทำงานในวันรุ่งขึ้น


    แม่ชีทศพรบอกว่า “กรรมปัจจุบัน” ก็จะเกิดขึ้นในระหว่างประจำทุกๆวัน คนเราจะคิด พูดและกระทำอย่างต่อเนื่อง
    ตรงนี้เป็นกรรมปัจจุบันที่เกิดขึ้น จากนั้นก็จะสะสมไปเรื่อยๆ จนถึงจุดอิ่มตัวจุดหนึ่ง
    เมื่อประจวบเหมาะด้วยปัจจัย มันก็จะส่งผลในทางดีหรือชั่วก็ได้


    ในระหว่างวันนี้เอง ที่คนเราประกอบกิจกรรมแต่ละวันหมดไปกับเรื่องราวต่างๆมากมาย เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย ทำงาน พูดคุยกับเพื่อนๆ
    ไปจีบสาว ไปเที่ยว อ่านหนังสือ ฯลฯ จนกระทั่งดึก เสร็จแล้วถึงเข้านอน ทุกข์บ้าง สุขบ้าง นี่คือวิถีชีวิตของคนทั่วๆไป ที่เราๆท่านๆดำเนินชีวิตเป็นปกติ
    ตั้งแต่เกิดจนลมหายใจสุดท้าย ซึ่งบางครั้งพฤติกรรมจะหันเหไปทางกรรมไม่ดีบ้าง อยู่ตรงกลางบ้าง บางครั้งก็อยู่ฝ่ายกุศล


    ถ้าเรากรรมดีเอาไว้ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ ทำทาน บางครั้งก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนมากมหาศาล
    เช่น ไปช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดที่สาธารณะ บริจาคเลือด แม้แต่การทำกุศลง่ายๆ เช่นในขณะที่ขึ้นรถเมล์พอเห็นคนแก่หรือสตรีมีครรภ์ก็ยอมเสียสละหรือ


    เก้าอี้ให้กับคนเหล่านี้นั่ง การคิดดี การฝึกตนเองไม่ให้มองคนอื่นในแง่ร้าย การพูดดี ตักบาตร
    แจกสิ่งของ สวดมนต์ เจริญสติภาวนา ไว้อย่างไร กรรมดีเหล่านั้นก็ไม่ได้หายไปไหน ประการ
    แรกมันก็ส่งผลให้เราเย็นใจ สบายใจมีความสุขใจ ตั้งแต่เริ่มลงมือทำแล้ว แม้แต่ข้าวเมล็ดเดียวก็ยังรอเวลาที่จะส่งผลบุญ เมื่อปัจจัยทุกอย่างพร้อม


    แม่ชีทศพร ยกตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องของกรรมให้ฟังว่า “โยม. . .กรรมชั่ว มันเปรียบเสมือนก้อนหินก้อนหนึ่ง
    ในชีวิตของเราตั้งแต่เกิดมาจนบัดนี้น่ะทำมาจนไม่รู้ว่ามีก้อนหินกี่ก้อน บางก้อนก็โต บางก้อนก็เล็ก ที่อยูบนเส้นทางชีวิต
    หรือถนนชีวิตมันขรุขระ โยมทำกรรมชั่วไว้เท่าไหร่ ก้อนหินบนเส้นทางชีวิตของโยมก็มากเท่านั้น”


    จังหวะชีวิตของคนบางชั่วมีแสงสว่างส่องทางเราก็เดินหลบมันได้ ไม่สะดุดล้มหัวแตก แต่ถ้าบางจังหวะชีวิตจู่ๆแสงสว่างส่องทางค่อยๆมืดลงๆ
    จนมองไม่ค่อยจะเห็นหนทางเท่าไหร่ รับรองเลยว่าคราวนี้จะต้องสะดุดก้อนหินล้มแน่นอน อาจจะหัวแตก ศีรษะน็อคพื้นไปเลยก็มี คนส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนี้
    ในช่วงชีวิตที่มีผลบุญที่เราเคยทำมายังมีบารมีมากพอที่จะส่งผลยับยั้งหรือชะลอ“เจ้ากรรมนายเวร” ไม่ให้เข้ามาทวงหนี้ ชีวิตช่วงนี้เราจะทำอะไรก็ราบรื่น
    แต่พอใช้ชีวิตอยู่ไปทุกๆวัน โดยที่ไม่ได้ทำบุญกุศล เจริญสติ ปฎิบัติธรรมเพิ่มเติมให้เต็มในชีวิต พอบุญเก่าใช้จนหมด ก็ถึงเวลาที่ “เจ้ากรรมนายเวร” จะเริ่มส่งผลทำให้แสงสว่างในชีวิตค่อยหายไป


    การทำคุณงามความดี หมั่นทำกุศลผลบุญอยู่เสมอก็เปรียบเสมือนเราเติมน้ำเข้าไปเรื่อยๆ
    ส่วนการปฏิบัติเจริญในมรรค 8 ก็คือเส้นทางเข้าถึงความสุขของพระนิพพาน
    ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเริ่มต้นได้ทุกอิริยาบถในชีวิตประจำวัน


    “กรรมมันไม่ได้หนีไปไหนหรอก มันบันทึกไว้ในจิตของเราเอง. .” แม่ชีทศพรอธิบายให้ฟัง “จะทำกรรมดีหรือทำกรรมชั่วก็ตาม เราจะหลอกใคร
    ก็ได้แต่เราหลอกตัวเองไม่ได้ มันอยูกับเราตลอด เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้นว่ามันตามเรามาเหมือนเงา เมื่อไรก็ตามที่มันสำแดงผลนั่นแหละ เราถึงจะรู้”



    เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้กรรมได้ มีแต่การกระทำในปัจจุบันเท่านั้นที่จะเปลี่ยนกรรมหรือพลิกชะตากรรมของตนเองได้ด้วยการปฏิบัติธรรม

    ขอขอบคุณเครดิตจากhttp://www.thossaporn.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...