ถามคำว่า สัพพะกายะปะฏิสังเวที ในอานาปานสติ ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ไม่มีที่ไป, 4 พฤศจิกายน 2016.

  1. ไม่มีที่ไป

    ไม่มีที่ไป สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4
    คือ หมายความว่า รู้กายทั้งปวง( รู้ตัวทั่วพร้อม ) หรือ หมายถึง รู้กองลมทั้งปวง (รู้เฉพาะลมหายใจชนิดต่างๆ) ครับ

    ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ต้องมี ศิลป พอควร ....

    เพราะว่า เราจะไม่ภาวนาด้วย การจงใจ เด็ดขาด

    แต่ เวลาปฏิบัติจริง มันจะห้ามไม่ได้ ที่จะเกิดการจงใจ

    ทั้งนี้เพราะ อาการจงใจปฏิบัติ มันเป็น วิบากจิต ที่เกิดจากเวรกรรม
    ที่เคยแนะนำผิด สอนผิด ตัดสินใจผิด หัวเราะผิด ยินดีผิด ยินร้ายผิด กาลเทศะ
    ในกาลก่อนๆ

    จึงต้อง วางใจร่มๆ หรือ ฉลาดในการภาวนาให้เป็น สัปปายะ เป็นที่สบาย

    ถ้าภาวนาแล้วไม่สบาย ความจงใจมันเกิด ความคิดมันเกิด ไม่เลิก อย่าไป
    ตำหนิจิต เสียก็สิ้นเรื่อง........พูดแบบ ง่ายๆ แต่เวลาปฏิบัติ ไปบึ๊ดจั๊บบึ๊ดเอา


    ********

    ทีนี้ กาย หรือ กายะ เป็นคำบาลี หมายถึง " มันประชุม "

    ในเชิงปฏิบัติ อันนี้มันแล้วแต่คน จะชอบ บัญญัติตัวไหน ภาษา
    ที่อุปมาไป เพื่อให้ไป บึ๊ดจั๊บบึ๊ด มันจะแตกต่างกันไป

    กายะ ของคนบางคน เห็น มันเคลื่อน เห็นมันเลือน ก็ทราบแล้วว่า เกิด กาย (เกิดการประชุม หยั่งลง)

    กายะ ของคนบางคน เห็น จุด หรือ ต่อม ก็ทราบแล้วว่า เกิด กาย (เกิดการประชุม หยั่งลง)

    กายะ ของคนบางคน เห็นมันไหวๆ สัดส่าย ก็ทราบแล้วว่า เกิด กาย (เกิดการประชุม หยั่งลง)

    กายะ ของคนบางคนเห็นเป็น วรรณะ สีสรรมันกระเพื่อม สว่าง มืด ก็ทราบแล้วว่า เกิด กาย (เกิดการประชุม หยั่งลง)

    กายะ ของคนบางคน เห็น ปิติ5 ก็ทราบแล้วว่า เกิด กาย (เกิดการประชุม หยั่งลง)

    กายะ ของคนบางคน เห็น สุข ธาตุขันธ์รองรับไม่ไหว จะลอย จะระเบิด ก็ทราบแล้วว่า เกิด กาย (เกิดการประชุม หยั่งลง)

    กายะ ของคนบางคน เห็น ยักษ์ถือกระบองมาทุบ ก็ทราบแล้วว่า เกิด กาย (เกิดการประชุม หยั่งลง)

    กายะ ของคนบางคน เห็น พวกหน้าสันติ มาอนุโมทนา ก็ทราบแล้วว่า เกิด กาย (เกิดการประชุม หยั่งลง)

    กายะ ของคนยอดคน เห็น อุเบกขา เห็น เอกัคคตา ก็ทราบแล้วว่า เกิด กาย (เกิดการประชุม หยั่งลง)

    มันประชุม หยั่งลง เกิด กาย เราไม่ห้าม ให้กำหนดรู้ ทำให้เป็นที่สบาย อย่าตำหนิ
    มิจฉาทิฏฐิที่มันกุมจิต อย่าไปมุ่งเจตนาทำฮาอะไรอวิชชาสวะ ภาวนาไปเรื่อยๆ


    จนกว่า ช้าง จะยอม มุดเข้ารู้เข็ม ค่อย โอ้โฮ สัมมาสติ คือ อันนี้ ไม่มีใครหนาสันติ
    ตนไหนในโลก แสดงได้มาก่อน

    จะค่อยๆ รู้ว่า เดินคนเดียวนี่หว่า .....ใครก็แสดงธรรมให้ฟังไม่ได้ ถ้าจะอุปมา ก็มี พระองค์เดียว บึ๊ดจั๊มบึ๊ดไปสิ จะหันหลังเหรอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2016
  3. zipp

    zipp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +142
    ถามดีนะครับ เลยไปค้นมา

    "อานาปานสติ" เจริญแล้ว ทำให้มากแล้วอย่างไร จึงทำให้สติปัฏฐานทั้งสี่บริบูรณ์ได้
    ตรัสสอนว่า


    กะถัง ภาวิตา จะ ภิกขะเว อานาปานะสะติ
    ภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ
    อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร

    กะถัง พะหุลีกะตา จัตตาโร
    สะติปัฏฐาเน ปะริปูเรนติ
    ทำให้มากแล้วอย่างไร
    จึงทำให้สติปัฏฐานทั้งสี่ให้บริบูรณ์ได้

    (หมวดกายานุปัสสนา)
    ยัสมิง สะมะเย ภิกขะเว ภิกขุ ทีฆัง วา
    อัสสะสันโต ทีฆัง อัสสะสามีติ ปะชานาติ
    ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุ
    เมื่อหายใจเข้ายาว
    ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว

    ทีฆัง วา ปัสสะสันโต ทีฆัง ปัสสะสามีติ
    ปะชานาติ
    เมื่อหายใจออกยาว
    ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว

    รัสสัง วา อัสสะสันโต รัสสัง อัสสะสามีติ
    ปะชานาติ
    เมื่อหายใจเข้าสั้น
    ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น

    รัสสัง วา ปะสัสสะสันโต รัสสัง ปัสสะสามีติ
    ปะชานาติ
    เมื่อหายใจออกสั้น
    ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น

    สัพพะกายะปะฏิสังเวที อัสสะสิสสามีติ
    สิกขะติ
    ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
    เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง
    หายใจเข้า

    สัพพะกายะปะฏิสังเวที ปัสสะสิสสามีติ
    สิกขะติ
    ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
    เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง
    หายใจออก

    ปัสสัมภะยัง กายะสังขารัง อัสสะสิสสามีติ
    สิกขะติ
    ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
    เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับ หายใจเข้า

    ปัสสัมภะยัง กายะสังขารัง ปัสสะสิสสามีติ
    สิกขะติ
    ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
    เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับ หายใจออก

    กาเย กายานุปัสสี ภิกขะเว ตัสมิง
    สะมะเย ภิกขุ วิหะระติ
    ภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้น ภิกษุนั้นชื่อว่า
    เป็นผู้เห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ

    อาตาปิ สัมปะชาโน สะติมา วิเนยยะ
    โลเก อะภิชฌาโทมะนัสสัง
    มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ
    นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้

    กาเยสุ กายัญญะตะราหัง ภิกขะเว
    เอตัง วะทามิ ยะทิทัง อัสสาสะปัสสาสัง
    ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าว ลมหายใจเข้า
    และลมหายใจออก ว่าเป็นกายอันหนึ่ง ๆ
    ในกายทั้งหลาย

    ตัสมาติหะ ภิกขะเว กาเย กายานุปัสสี
    ตัสมิง สะมะเย ภิกขุ วิหะระติ อาตาปี
    สัมปะชาโน สะติมา วิเนยยะ โลเก
    อะภิชฌาโทมะนัสสัง
    ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้
    ภิกษุนั้นย่อมชื่อว่า เป็นผู้เห็นกายในกาย
    อยู่เป็นประจำ มีความเพียรเผากิเลส
    มีสัมปชัญญะ มีสติ นำอภิชฌาและโทมนัส
    ในโลกออกเสียได้ ในสมัยนั้น


    "อานาปานสติ" เจริญแล้ว ทำให้มากแล้วอย่างไร จึงทำให้สติปัฏฐานทั้งสี่บริบูรณ์ได้ - Pantip
     
  4. ไม่มีที่ไป

    ไม่มีที่ไป สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบพระคุณทุกท่านครับ มีแต่ความอยากหาทางที่เร็วที่สุดน่ะครับ เป็นคนขี้เกียจมาก แต่ก็คงต้องภาวนาไปเรื่อยๆแบบขี้เกียจๆนี่ล่ะครับ แหะๆ
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อานาปานสติ เป็นธรรม ที่มีอุปการะ

    สิ่งที่จะ อุปการะอานาปานสติ สิ่งหนึ่งคือ ปริยัติ

    ปริยัติ ที่อุปการะอานาปานสติ ไม่ใช่ไปอ่าน ปริยัติที่เป็นเรื่องเป็นราว

    ให้หา ปริยัติที่ ปัดฝุ่น ตัดถ้อยคำออกหมด เหลือแต่ หมวดหัวข้อธรรม

    ซึ่ง จะต้องอ่านหมดไหม.....ไม่ต้อง พระพุทธองค์ตรัส จำได้แค่สองบท
    แล้วเข้าใจ ทำได้ตามนั้น ก็จัดเป็น พหูสูต แล้ว ( มีธรรมที่จะไปอุปการะ อานาปาสติ แล้ว )

    บทที่ส่วนตัวใช้ จะใช้ สมาธิมี3 สุญญตาสมาธิ อนิมิตสมาธิ อัปณิหิตสมาธิ
    กับ กุศลาธรรมมา อกุศลาธรรมมา อัพพยากตาธรรมา จำแค่สองบท พอแล้ว
    ที่จะประกาศว่าเป็น พหูสูต

    ทีนี้ จขกท ก็ไปเลือกเอาเอง บทไหน วรรคไหน ปัดฝุ่นออกหมด เหลือ
    เพียงไม่กี่คำ แล้วจิตมัน บึ๊ดจั๊มบึ๊ด ละกามสุขละลังเลสับสนถ้อถอยฝุ้งซ่าน
    รำคาญใจ


    พระสารีบุตร สังคยานาธรรม เพื่อ ลดความแก่งแย่งในธรรม ภายในจิต
    อันเกิดจาก บัญญัติอันเกิดจาก สัญญาที่แตกต่าง มันกุ้มรุมจิต



    กด ลิงค์ ไปแล้ว ใช้ไม่เป็น

    กด กระโดดอันนี้ แล้ว เบิ่งเอาเอง

    แต่ละหมวด แต่ละกลุ่ม แค่ธรรม2อย่าง 3อย่าง ..อย่าง รู้เท่านั้น ก็ บรรลุอรหันต์ได้หมด
    อย่าลืม หายใจ เป็นพอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2016
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ความพยายามอยู่ที่ไหน ความล้มเหลวอยู่ที่นั่น

    ที่ ปรารภจะให้เร็วที่สุด ฟังดูแบบให้ราคา เหมือน จะขยัน ใฝ่ธรรม

    แต่ที่จริง มิจฉาทิฏฐิ มันกระซิบหลอกให้พูด ให้ถือเอามาปรารภ

    ไปเชื่อมัน ก็ สมน้ำหน้า ที่ไม่เจริญ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    พอปรารภ " งั้นไปเรื่อยๆ "

    ก็โดน มันกระซิบหลอกอีก โง่ซ้อนโง่

    เจริญได้ ก็คงแปลก

    ถุ๊.............y !!!
     
  8. ไม่มีที่ไป

    ไม่มีที่ไป สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบพระคุณครับ โดนดุเลย
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    น่วม ยัง

    ต้อง น่วม นะ ทำเป็น ท้อแท้ ไปเลย ลืมการปฏิบัติไปเลย จะยิ่งดี

    แล้ว ลองกลับมาพิจารณาดู

    ลืม อานาปานสติ ไหม จิตมันลืมการปฏิบัติไหม

    การภาวนาหนทางของพระพุทธองค์ อัศจรรย์นะ

    อยากลืมการปฏิบัติ เลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว หากสังเกตดีๆ เลิกไม่ได้หลอก
    หากเคยฝึก เคยเพ่งพิสูจน์ แล้ว

    จิตมันจะไม่ลืม อานาปานสติ

    ที่นี้ หากโง่ซ้อนโง่ ก็จะ ร้อง โอโห นี่ไง เราได้ อานาปานสติแล้ว

    อย่า โง่แบบนั้นนะ

    ฟังให้ดีๆ


    อานาปานสติ เป็น อวิชชา กองหนึ่ง เขาไม่ได้ให้ฝึกเพื่อ ยินดี ยินร้าย

    เขาให้กำหนดรู้ โง่!!!

    ถ้ายังไม่ดับขันธ์เนี่ยะ โง่ อยู่อย่างนั้นแหละ หายใจไปเรื่อยหละ
    [ ถ้าเห็นด้วยสติ และ สัมปชัญญะ อยู่ครบ จะตบหัว ผางเลย !!
    จะเลิกปฏิบัติ ..(ทำอะไรสักอย่างเพื่อบรรลุ โง๊วโง่ ).................................... ปฏิสังเวที อ๋อ อย่างนี้ๆ บึ๊ดจั๊มบึ๊ด ถ้าไม่สำเร็จ
    ลมอัสสาะ ปัสสาสะสุดท้าย อรหันต์ได้ หน่าฮับ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2016
  10. ไม่มีที่ไป

    ไม่มีที่ไป สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบพระคุณอีกครั้งครับ
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    กายคตา สติ

    ชื่อ มันก็บอกอยู่แล้ว ให้เอา สติ ตามพิจารณา การเกิดขึ้นของ กาย


    ไป โง่ ให้เดียรถีย มาอวดอ้าง มีฤทธิ์ หนา สันติ จะภาวนา จะต้องวางมือต่อกัน ตรงหน้าอก สันติ


    ปล.ลิง อันไหน ฟังแล้ว มะใช่ กอ สระอู ก็ หัดเผือแผ่ พวก หนา สันติ ให้มันรับไปแทน ไปนะ

    ทำไมเมื่อก่อน มีพวกมีฤทธิเยอะมาก เดียรถีย ไง !! พวกถือผี มันหลอกไป 7 ไป เอามือต่อ
    กันตรงหน้าอก ขยันสวด ขยันวัตร

    ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2016
  12. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    ร่างกายของเราทำอะไรอยู่ตลอดเวลาครับ แม้แต่หายใจ การที่เรารู้ว่าทำอะไรอยู่ ทำอย่างไร คือมีสติรู้ฐานกาย
     
  13. ไม่มีที่ไป

    ไม่มีที่ไป สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4
    อานาปานสติ ทำให้สติปัฏฐานบริบูรณ์เร็ว จริงหรือเปล่าครับ และสำหรับทุกคนหรือเปล่าครับ

    ไม่รู้จะแก้อาการจับจดยังไง ระหว่างรู้ลมหายใจกับรู้กาย

    ปล.อยากฟังเทศน์ครับ แหะๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2016
  14. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +470
    อาการจับจด ไม่รู้เอาอันไหน ทำอันไหนดี แก้ยังไง ไม่ต้องแก้ แค่รู้ ว่ามันสัดส่าย

    ธรรมดา อารมณ์ภาวนา ที่มันใช้อยู่ สมมติพุทโธ ภาวนาไป เปลี่ยน ลมเข้าออก เปลี่ยนกายทั้งปวง เปลี่ยนสัมมาอรหัง มันเปลี่ยน เพื่อระงับอาการสัดส่าย ลังเลบางอย่าง
    ทีนี้เราภาวนา อานาปานสติของพระพุทธเจ้า คือมีสติ รู้ลม เข้าออก ลมมันคิดไม่ได้ ลมมันไม่มีแขน ขา หน้า หลัง จมูก ปาก ลมมันไม่มีสีขาว เทา ม่วง ดำ แดง ถ้ามันสัดส่ายแล้วไปเอา อารมณ์บัญญัติ ทำไปจะกลายเป็นกสิณ
    อานาปานสติ คือรู้ลมหายใจ เข้าออกไม่ใช่การเพ่งลม ไม่มีลมเข้าเย็น ออกร้อน เคลื่อนไหว แข็งตึง สะเทือนเป็นคลื่น ถ้าเปลี่ยนไปรู้สึกพวกนี้ถือเป็นอารมณ์ของธาตุ ไม่ใช่อานาปานสติของพระพุทธเจ้า
    การรู้ลมหายใจ จึงไม่มีการปรากฏของกายทั้ง ตัวแขนขา จึงไม่มีการไหว เอน ตัวเอียงโยก ตัวลอย แข็งทื่อ กายจะนิ่ง เป็นปรกติ
    คราวนี้ถ้าเราภาวนาอานาปานสติ แล้วมันส่ายไปเอาอารมณ์ที่บอกมากำหนด ก็รู้เลยว่ามันตกจากกรรมฐาน ละ กลับมาที่ลม เข้าออก ตรงที่มันจะเปลี่ยนมันจะหดเข้ามาที่ฐานจิต แล้วสัดส่าย

    แล้วอะไรเป็นเครื่องกำหนดรู้ของอานาปานสติ ถ้าไปอ่านเขาจะเห็นว่า
    มีราคะก็รู้ ... มีโทสะก็รู้ โมหะ ..... ไม่มี ....ก็รู้ รวมคร่าวๆก็ใช้ นิวรณ์
    อาการสัดส่าย ไปทำกรรมฐานอื่น ถ้าเราใช้นิวรณ์ เป็นนิมิตก็จะเห็น ว่ามันเป็นเพราะลังเล สัดส่าย จับจด เป็นโมหะ เรียกวิจิกิจฉา พอเรากำหนดรู้ ว่ามันมีโมหะ ปั๊บ มันก็จะดับทันที ไม่มีเปลี่ยนกรรมฐาน ถ้าจับหลักได้ ว่าเราใช้นิวรณ์เป็น นิมิตแล้ว ช่วงไหนมีนิวรณ์ก็ ให้ทราบ นิวรณ์ตัวอื่นๆก็เหมือนกัน เกิดจากการสัดส่ายของจิต รู้ปั๊บ จิตก็จะเข้าฐานอัตโนมัต เหมือนขนห่านถูกไฟจะหดกลับเข้ามา เป็นขณะๆ
    ขณะที่มันรู้ ก็เป็นสมาธิ มันสัดส่ายก็ตกไปโลก ไปเพ่ง อานาปานสติจึงเป็นกรรมฐานที่ใกล้องค์ฌาณ
    จังหวะที่เรารู้และหดเข้ามาที่ฐาน จะเกิดปิติ เย็นซ่าน สุขสงบ ตรงนี้สังเกต ว่าปิติมันก็ทำให้กายปรากฏเหมือนกัน รู้ลงไปซื่อๆ จะไม่ติด
    ถ้ามันชำนาญในสมาธิสูงขึ้นกว่านี้ ก็จะใช้ตรงปิติ ปรากฏกาย กับ สัญญาที่ละเอียดขึ้น เป็นกายนี่แหละ เจริญปัญญา

    ส่วนอานาปานสติทำให้สติปัฏฐานบริบูรณ์ไง ท้าให้ลองไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง มีสติรู้ลมหายใจเข้า ออก มีราคะก็รู้ ไม่มีราคะก็รู้ ...โทสะ โมหะ ... แค่นี้ไม่ยาก สำหรับผู้ปฏิบัติ
     
  15. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    พิจรณาปัญจะกรรมฐาน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ให้เห็นเป็นไตรย์ลักษณ์และเป็นปฏิกูล
     
  16. ไม่มีที่ไป

    ไม่มีที่ไป สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบพระคุณทุกท่านครับ

    ขอบพระคุณอาจารย์ขาจอนมากครับ ( ขออนุญาตเรียกอาจารย์นะครับ) ที่อธิบายอานาปานสติให้ฟัง หาฟังได้ยากจริงๆ รู้สึกรื่นเริงเป็นพิเศษ คล้ายอ่านของอาจารย์นิวรณ์ เลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2016
  17. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +470
    สังเกต ธรรมที่ฟังภายนอก บัญญัติ มันก็จะซ้ำๆ วนๆ เหมือนๆ คล้ายๆ
    ฟังธรรมแล้ว ให้สังเกตเข้ามาที่ จิตใจ ไม่ฟังแบบส่งออก สังเกตมัน สงบระงับ มันสัดส่าย มันฟุ้งซ่าน ดี ชั่ว ไม่ดีไม่ชั่ว ก็ใช้เป็นธรรมได้หมด
    สมัยพุทธกาล พระใช้ผ้าขาวมาลูบ ก็ภาวนาได้ อย่างหลวงปู่ขาว เห็นธรรมจาก รวงข้าว หลวงพ่อพุธ ชั่วแว๊บเดียวของการแสดงธรรม ก็ใช้ฟังธรรมได้

    ฟังธรรม ถ้าฟังเป็น ไม่ส่งออก ฟังแบบสลัดออก ไม่ฟังแบบเอาธรรมดี ธรรมลึกซึ้ง เอาเรื่อง ดี ชั่ว ก็จะฟังได้ทุกที่
    คุณมีของดีอยู่แล้ว ฟังธรรมแท้ๆเป็น ก็ไม่ต้องร้องขอธรรมภายนอก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นหละครับอาจารย์คุณ
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    กรรมฐานกองอื่น มีไว้บริหาร เวลาภาวนาแจ่มๆ
    แล้วอุธธัจจะมันเอาไปกิน เอน็จอนาถอนาถา ก้
    ให้ถลาไปตามที่กิเลสมันพาไป ซึ่งควรมีมากกว่าหนึ่ง และไม่ควรตำหนิ หรือกลัวกุสล

    ถ้าเมื่อไหร่ สัมปชัญญะบรรพะ เข้าฝัก

    ลองถามตัวเองดู สัมปชัญญะที่บริบูรณ์ในวาระจิต
    สุดท้าย มนุษย์ ควรมีกิจใดที่จะระลึกได้ถึงความ
    ไม่เที่ยง และ ไม่มีการแสวงหา ดิ้นรน หวั่นไหว

    ทำไมอรหันต์เรียก กรรมฐานนั้นว่า ตถาคตวิหาร


    ปล. ถ้าอ่านจนจบ มีเสียงกระซิบชื่อกรรมฐาน
    อย่ามาบอกเรานะ ลืมหายใจปล่อยให้ทิฏฐิแทรก
    เอา สันติกะอุ ไปกิน เว้นแต่จิตถึง จิตอ่าน จิตแจ้งว่าพ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2016
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ถามหน่อย

    อยู่ ญี่ปุ่น เป่า?



    ........



    หรอ!
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อ่านมาถึง ตรงนี้ กลับไปอ่าน #18+ อีกสองสามรอบ เอาให้ถึง ปล.ลิง

    ถ้าไม่เหน ว่าเหมือน พระโยขาวจร ท่านนั้น ก้ใช้ไม่ได้ จิตไม่สัมปยุตกับอานาปานสติ

    ถ้าเหนตรง ปล กับ สิ่งที่บอกว่าอย่าฟังข้างนอก
    แล้วอะอื้ม พูดเหมือนกัน บอกสิ่งเดียว แต่ต่างพยัญชนะ ก้พอถูไถ

    ถ้าเก่งกว่านั้น จะเหน ไม่เหมือนหรอก ใครก้มา
    กล่าวให้เหมือนไม่ได้.....ถ้าได้อันนี้ จะฟังธรรมเปน

    จิตถ้าไม่ถึงฐาน จะสดับแล้ว รู้สึกเหมือน ยิ่งรู้สึก
    เหมือนพระพุทธองค์แล้วเอาซาบซ่าน ยิ่งโหลยโถ้ย

    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า สิ่งที่พระพุทธทรงตรัสสอน
    ย่อมไม่มีส่วนไหน ปรากฏความไม่เหมือน

    84000พระธรรมขันธ์ ไม่มีขัดแย้งกันเลย

    ดังนั้น

    พิจารณาดีๆ ฟังธรรม ฟังตรงไหน

    หาฐานจิตให้เจอ หาที่ๆไม่มีใครแสดงได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2016

แชร์หน้านี้

Loading...