ถาม-ตอบ (หลวงปู่มั่น) ตอน เวลาคนเรา-เวลาไข้หนัก-ใกล้จะตาย?

ถาม-ตอบ ( หลวงปู่มั่น) ตอน เวลาคนเรา-เวลาไข้หนัก-ใกล้จะตาย?
...... ...... ...... ...... ...... ......

ก. ถามว่า ทำไมคนเราเวลาไข้หนักใกล้จะตาย

ก็ทำบาปกรรม ความชั่วอะไรไม่ได้แล้ว

จะกล่าววจีทุจริตปากก็พูดไม่ได้ จะล่วงทำกายทุกจริต

มือแลเท้าก็ไหวไม่ได้แล้ว ยังเหลือแต่ความคิดนึกทางใจนิดเดียวเท่านั้น

ทำไมใจประกอบด้วยนิวรณ์ จึงไปทุคติได้ ดูไม่น่าจะเป็นบาปกรรมโตใหญ่อะไรเลย

ข้อนี้น่าอัศจรรย์นัก ขอท่านจงอธิบายให้ข้าพเจ้าเข้าใจ?



ข. ตอบว่า กิเลสเป็นเหตุให้ก่อกรรมๆเป็นเหตุให้ก่อวิบากที่เรียกว่าไตรวัฏนั้น

เช่น อนุสัย หรือสังโยชน์ ที่เกิดขึ้นในเวลานั้นชื่อว่า กิเลสวัฏ ผู้ที่ไม่เคย

ประพฤติปฏิบัติก็ทำในใจไม่แยบคาย ที่เรียกว่า อโยนิโส คิดต่อออกไป

เป็นนิวรณ์ ๕ หรือ อุปกิเลส ๑๖ จึงเป็นกรรมวัฏฝ่ายบาป ถ้าดับจิตไปในสมัยนั้น

จึงได้วิบากวัฏที่เป็นส่วนทุคติ เพราะกรรมวัฏฝ่ายบาปส่งให้อุปมาเหมือนคนปลูกต้นไม้

ไปนำพืชพันธุ์ของของไม้ที่เบื่อเมามาปลูกไว้ ต้นแลใบที่เกิดขึ้นนั้น ก็เป็นของเบื่อเมา

แม้ผลแลดอกที่ออกมา ก็เป็นของเบื่อเมา ตามพืชพันธุ์เดิม ซึ่งนำมาปลูกไว้นิดเดียว

แต่ก็กลายเป็นต้นโตใหญ่ไปได้เหมือนกัน ข้อนี้ฉันใด จิตที่เศร้าหมองเวลาตาย ก็ไปทุคติได้ฉันนั้น

แลเหมือนพืชพันธุ์แห่งผลไม้ที่ดี มีกลิ่นหอมมีรสหวาน บุคคลไปนําพืชพันธุ์มานิดเดียวปลูกไว้

แม้ต้นแลใบก็เป็นไม้ที่ดีทั้งผลแลดอกที่ออกมา ก็ใช้แลรับประทานได้ตามความประสงค์เพราะ

อาศัยพืชที่ดีซึ่งนำมานิดเดียวปลูกไว้ ข้อนี้ฉันใด จิตที่เป็นกุศลผ่องใส แล้วตายในเวลานั้น

จึงไปสู่สุคติได้สมด้วย พระพุทธภาษิตที่ว่า จตฺเตสงฺกิลิฏเฐทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา เวลาตายจิตเศร้าหมองแล้ว

ทุกคติเป็นหวังได้ จตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติปาฏิกงฺขา

จิตผ่องใสไม่เศร้าหมองเวลาตาย สุคติเป็นหวังได้

... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ...

จากหนังสือ เรื่อง : หนังสือธรรมะทรงคุณค่า-ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา

รายละเอียด ของหนังสือเล่มนี้ ที่

http://www.trilakbooks.com/product/237666/หนังสือธรรมะทรงคุณค่า-ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา.html




..... ..... ..... ..... ..... ...... .....

 

สาธุครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ชีวิตแลอายุของขันธ์สิ้นไปเสื่อมไปนั้น .. สิ้นไปเสื่อมไปอย่างไร

ก. ถามว่า ที่ว่าชีวิตแลอายุของขันธ์สิ้นไปเสื่อมไปนั้น

คือสิ้นไปเสื่อมไปอย่างไร?


ข. ตอบว่า เช่นเราจะมีลมหายใจอยู่ได้สัก ๑๐๐ หนก็จะตาย

ถ้าหายใจเสียหนหนึ่งแล้วก็คงเหลืออีก ๙๙ หน หรือเราจะคิดจะนึก

อะไรได้สัก ๑๐๐ หน เมื่อคิดนึกเสียหนหนึ่งแล้ว ก็คงเหลือ ๙๙ หน

ถ้าเป็นคนอายุยืน ก็หายใจอยู่ได้มากหน หรือคิดนึกอะไรๆ อยู่ได้

มากหน ถ้าเป็นคนอายุสั้น ก็มีลมหายใจและคิดนึกอะไรๆ อยู่ได้

น้อยหน ที่สุดก็หมดลมวันหนึ่ง เพราะจะต้องตายเป็นธรรมดา



คัดลอกบทความ จาก

"หนังสือธรรมะทรงคุณค่า" ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา

พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) : ถาม

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ : ตอบ

จาก http://www.trilakbooks.com/product/237666/หนังสือธรรมะทรงคุณค่า-ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา.html

..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... .....

 

อานิสงฆ์ การจัดพิมพ์ หนังสือธรรมะ และ กลุ่มหนังสือธรรมะ ในราคาต้นทุนโรงพิมพ์ธรรมทาน

ศูนย์จัดพิมพ์หนังสือธรรมะ เพื่อดำเนินการแจกเป็นหนังสือธรรมทานหรือสำหรับใช้แจกเนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆดำเนินการจัดพิมพ์โดยศูนย์หนังสือพระพุทธศาสนาไตรลักษณ์ ในราคาต้นทุนโรงพิมพ์ธรรมทาน ท่านที่ถวายหนังสือธรรมะหรือพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นธรรมทานขอให้ท่านจงเกิดความภาคภูมิใจเถิดว่าท่านได้ทำสิ่งที่มีคุณค่า หลากหลายประการดังต่อไปนี้


1 ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการรักษาพระพุทธศาสนา
ให้มีความยั่งยืนวัฒนาถาวร

2 ได้ชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญทานบารมีอันยอดเยี่ยมคือธรรมะทานบารมี

3 ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

4 ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการสร้างความเห็นที่ถูกต้อง

5 ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน

6 ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการเสริมสร้างสันติภาพและสันติสุขแก่มวลมนุษยชาติเจ็บได้ชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมอันดีงามแต่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ส่งเสริมในการเลือกสรรสิ่งที่ดีให้แก่ผู้รับซึ่งเป็นผู้ให้ที่ดี

7ได้ชื่อว่าเป็นผู้แสดงออกถึงน้ำใจอันดีงามของกัลยาณมิตรที่ดี

ท่านที่จัดพิมพ์หนังสือธรรมะดังกล่าวมาแล้วย่อมประสบแต่ความสุขความเจริญทั้งในชาตินี้และชาติหน้าและเป็นผู้ปราศจากทุกข์โศกโรคภัยทั้งปวง


......... ......... ......... ......... ......... .........

กลุ่มรายการหนังสือ ที่ เป็นหนังสือธรรมทาน ในราคาต้นทุนโรงพิมพ์ธรรมทาน







http://www.igetweb.com/www/triluk/catalog/p_1552803.jpg






......... ......... ......... ......... ......... .........

อานิสงส์แห่งการชักชวนผู้อื่นถวายทานดูก่อนอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายบุคคลใดถวายทานด้วยตัวเองแต่ไม่ชักชวนผู้อื่นให้ถวายทานด้วยบุคคลนั้นเมื่อตายไปแล้วไม่ว่าจะเกิดในที่ใดย่อมได้มาซึ่งคู่กับสมบัติความร่ำรวยแต่จับไม่ได้ซึ่งบริวารสมบัติมิตรสหายบริวาร บุคคลใดชักชวนผู้อื่นให้ถวายทานแต่ตนเองกลับไม่ถวายบุคคลนั้นเมื่อตายไปแล้วไม่ว่าจะเกิดชาติใดก็ตามที่ใดก็ตามย่อมได้ซึ่งบริวารสมบัติมากด้วยมิตรสหายและบริวารแต่จับไม่ได้ซึ่งพบกับสมบัติมีความยากจนบุคคลใดก็ไม่ถวายทานด้วยแม้คนอื่นก็ไม่ได้ชักชวนด้วยบุคคลนั้นเมื่อตายไปเกิดในที่ใดใดย่อมไม่ได้แม้สักว่าข้าวปลากินข้าวสารหัดพออิ่มท้องเขาย่อมเป็นคนอนาถาหาที่พึ่งไม่ได้บุคคลใดถวายทานด้วยตนเองด้วยชักชวนผู้อื่นให้ถวายทานด้วยบุคคลนั้นเมื่อตายไปเกิดในที่ใดใดย่อมได้พบสมบัติความร่ำรวยทั้งบริวารมิตรสหายบริวารสิ้นร้อยชาติบ้างพันชาติบ้างแสนชาติ อ้างเพราะ


บทความจากโอวาทธรรมของพระสารีบุตรเถระ

ถอดความจากพระสูตรและอรรถกถา ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยปี 2525
เล่มที่ 40 หน้า 108

 

แหล่งจัดแสดงตู้และหนังสือพระไตรปิฎก โดยศูนย์เผยแพร่พระไตรปิฎก
และหนังสือพระพุทธศาสนาไตรลักษณ์

รายละเอียดภาพ และเวปไซด์ที่

http://www.หนังสือพระไตรปิฎก.com/