ถึงเวลาที่สยบข่าวภัยพิบัติ  ทางสายเอก

ดีจังจะได้จบๆไปซะที คนจะได้ทำมาหากินกัน

 

จิตนี้หยั่งรู้ยากนัก มันอยากจะแสดงภูมิรู้
มันอยากจะอวดโชว์ความคิด ความเห็น โอ.....นี่มันยึดนะนี่ มันยึด มันติด
มันวางไม่ลง เมื่อมันกระทบรูป มันจึงปรุงแต่งธรรม...ใช่ๆ วางแล้วว่าง
จริงๆ มันเบา สบายจริงๆ ธรรมะ ธรรมชาติ เป็นของๆ มันอย่างนั้นเอง

 

          สวัสดีครับทุกท่านที่เข้ามาโพสต์และอ่านในกระทู้ครับ
 วันนี้ วันที่  ยี่สิบเอ็ด  ธันวาคม  ถือโอกาสอันดีจะได้ให้พรทุกท่านครับ
           
                 พร ทั้ง ๘ ทิศ
           
ทิศอาคเนย์ เทพามาสถิตย์
ดังนิมิต สมประสิทธิ์ พิศสมัย
มาทักษิน ผินใกล้วัด สวัสดิชัย
บูรพาไทร้ ให้ได้งาม ตามตำรา
ส่วนหรดี นี้ประสพ ให้พบโชค
หมดทุกข์โศก โรคภัย ในทั้งหลาย
ทิศประจิม อิ่มอุรา ปราถนาใด
จงสำเร็จ เสร็จชื่นชม สมดังพร
เมื่อหันมา พายัพ ดับทุกโศก
สิ่งในโลก อันใด ใจฝันหา
ให้พบยิ่ง สิ่งชื่นชม สมอุรา
ทิศอุดรมา พาให้ศิษย์ จิตมั่นคง
มาถึงทิศ อีสาน ประการท้าย
ให้สมหมาย มีแต่สุข ทุกสถาน
เหมือนอยู่บน สรวงสวรรค์ ชั้นพิมานต์
สุขสำราญ ใจสงบ พบ ร่ม เย็น

 

ในที่สุด ก็ได้คำตอบแล้วนะคะท่านอาจารย์คมสันต์
ได้คำตอบ...โดยที่ไม่ต้องตอบค่ะ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากนะคะ

 

เล่าสู่กันฟัง จากการคุยกับคุณโย ลูกจ้างร้านกาแฟที่ไม่ใช่คนไทย เป็นคนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยคุณโยคนนี้ พูดและฟังภาษาไทยได้ดีเลยแหละ คงจะอยู่ไทยมาหลายปีดีดักแล้ว

ได้ถามคุณโยว่า ตอนนี้รัฐบาลประเทศเขาเปิดกว้างขึ้นแล้ว และหญิงเหล็กผู้นำมวลชนของบ้านเขา ออกมาเรียกร้องให้พวกเขากลับบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อพัฒนาประเทศร่วมกัน คุณโยอยากกลับไหม

คุณโยบอก ไม่กลับ เพราะถ้าเขาดีจริง คงไม่ปล่อยให้ชาวบ้านอย่างคุณโยลำบากขนาดนี้

ถามว่าลำบากขนาดไหน

คุณโยยกตัวอย่าง เช่น เวลาทำนา ได้ผลผลิตมา รัฐเอาข้าวไปห้าสิบ ชาวนาได้ห้าสิบ ถ้าปีไหนธรรมชาติไม่อำนวย ได้ข้าวน้อย ชาวนาต้องหาเงินซื้อข้าวไปเติมให้รัฐ ให้ได้ปริมาณตามที่รัฐกำหนด

และมีอีก เวลามีเรื่องมีราวในสังคมชุมชน ถ้าเป็นบ้านเมืองอื่น วิธีดำเนินการคือแจ้งความ ตำรวจรับแจ้งแล้วไต่สวน แต่ที่บ้านคุณโย ทหารจะเข้ามาทุบตีชาวบ้านก่อน แล้วถึงสอบสวน

เลยถามคุณโยว่า เมืองไทยกับบ้านคุณโยที่ไหนน่าอยู่กว่ากัน คุณโยบอก เมืองไทยอยู่แล้ว

นี่เรื่องสภาพสังคม เอาเรื่องภัยธรรมชาติมั่ง ที่จะเห็นได้ว่า ไทยแลนด์เจอภัยพวกนี้น้อยกว่า เบากว่าประเทศข้างเคียง เพราะบังเอิญโชคดี ทำเลที่ตั้งมีประเทศเพื่อนบ้านเป็นเหมือนรั้วกั้นให้

 

ตอนนี้เริ่มประดิษฐ์วาทกรรมห้ามเยาะเย้ยเหน็บแนมกันแล้ว

พวกเชื่อคำทำนายตอนยังไม่รู้จะถูกหรือเปล่า ใครถามบอกปรามาส ใครท้วงบอกเดี๋ยวบาปนรกจะกินหัว เหน็บกันต่างๆนาๆ ยกข้อพระไตรฯยาวๆมาให้อ่าน

ตอนนี้บางท่านผู้วิเศษก็ทำนายผิดไปแล้ว บ้างก็เกือบๆจวนๆแล้ว เกิดอยากจะมาเป็นผู้ดีโลกสวยอะไรกันตอนนี้

ทำนายมา ใครทักบอกปรามาส บาป พอทำนายผิด บอกห้ามเหน็บแนมถากถาง ตลกจุงเบย

แล้วรู้หรือเปล่าคนที่เค้าไม่เชื่อแล้วมาเตือนให้คิดอ่ะ เค้าทำเพราะเห็นว่ามันฟุ้งเกินไปแล้ว บางกระทู้มีคนมาโพสท์บอกตอนนี้กลัวไปหมดแล้ว จิตตก บางคนจะเป็นจะตายเพราะไปหาซื้อของวิเศษไม่ได้

 

ถ้ามีใครอยากให้ภัยพิบัติถล่มโลก เพื่อจะรีเซ็ทระบบสังคมใหม่ เพราะชีวิตที่ผ่านมา เจอแต่เรื่องผิดหวัง เช่น อกหัก รักคุด ขี้เกียจเรียน เบื่องาน เซ็งคน เป็นหนี้บัตรเครดิต ไม่อยากผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโด ผ่อนสารพัดเครื่องใช้ ก็ขอมอบเพลงนี้ให้

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=X1GumPZc2jk]Live & Learn กมลา สุโกศล - YouTube[/ame]

 

คีย์เวิร์ดของเพลงนี้คือ อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

พระสงฆ์สุปฏิปันโณหลายต่อหลายรูป ท่านสอนให้วางเรื่องที่ล่วงมาแล้ว ไม่ยึดติดกับปัจจุบัน ไม่พะวงกับเรื่องที่ยังไม่เกิด ยังมีลมหายใจอยู่ก็ทำให้ใจมันชิลๆ

แต่ควรเร่งสร้างบุญกุศลคุณงามความดีให้มาก หาโอกาสทำ เท่าที่จะทำได้ในแต่ละวัน ไม่ต้องใช้สตางค์ซักบาทก้ทำได้ เช่น เดินเข้าไปในวัด จับไม้กวาด มากวาดลานวัด ขัดห้องน้ำ รึเห็นคนถือของหนักๆ บนรถเมล์ เขาไม่ได้นั่ง ก็ลุกให้เขานั่ง

ดีกว่าเอาเวลาไปนั่งนึกนอนนึก ว่าเมื่อไร จะเกิดภัยพิบัติอะไรสักอย่าง มาถล่มโลกสักที แต่ละคนมาคนเดียว ไปคนเดียว เร่งทำความดีเข้า เกิดเป็นคนแต่ละครั้งมันยากหนักหนา

ไหนๆ ก็มีคะแนนบุญจำนวนหนึ่ง เป็นต้นทุนที่จะอัพเลเวลแล้วชาตินี้ ก็รีบอัพเพิ่มเข้า นาฬิกาชีวิตแต่ละคนมันเหลือเวลาไม่เท่ากัน อย่ามัวใช้เวลาที่เหลืออยู่ ด้วยความพะวงหวาดกลัว กริ่งเกรงอยู่แต่กับภัยพิบัติอะไรต่อมิอะไรเลย

ที่ว่ามาทั้งหมมด ไม่ใช่บอกปัดปฏิเสธว่า ภัยพิบัติไม่มี จริงอยู่มันมี ทุกวันแหละ เดี๋ยวที่นั่น ที่นี่ มันเป็นธรรมดาที่จะมีอยู่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งยุคนี้ เป็นมานานตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะดาวโลกมันมีการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอยู่เรื่อยๆ มันตั้งอยู่บนฐานของคำว่า ไม่เที่ยง

เอาง่ายๆ ถึงแต่ละคน จะไม่จากภพภูมินี้ไปด้วยภัยพิบัติ ก็ต้องจากไปด้วยโรค รึด้วยสาเหตุอื่นๆ อยู่ดี ในวันใดวันหนึ่ง เดือนใดเดือนหนึ่ง ปีใดปีหนึ่ง โมงยามใดโมงยามหนึ่ง มีใครหนีพ้นยังงั้นรึ ต่อให้พยายามแสนพยายามแค่ไหนก็เหอะ

เอาเป็นว่า ตอนนี้ภัยพิบัติธรรมชาติยังไม่มา แต่จะมาไหม มาเมื่อไร มันเป็นอนาคต ปัจจุบันสำคัญกว่าไหมล่ะ

 

เมื่อวันสองวันก่อน ผู้เชื่อคอยแต่เปิดเน็ตหาสัญญาณที่ทำนายไว้ ตอนนี้ก็คงยังหาสัญญาณอยู่ สมงสมองหายหมด

พอปวดหัวตัวร้อน โอ้ว!สัญญาณมาละหนึ่ง

เข้าเน็ตช้าเพราะจริงๆคนมันเข้าพร้อมกันเยอะ ไม่ได้ๆ นี่ล่ะสัญญาณมาละอีกหนึ่ง

เค้าเอาดาวเทียมทำลาย โอ้ว!มันโกหก จริงแล้วมันตก นี่ล่ะสัญญาณ ดีใจๆเอาไปปิดปากคนไม่เชื่อได้

วันๆไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว เงี่ยหูฟังข่าวแล้วลากมาเป็นสัญญาณภัยพิบัติได้หมด

ถ้าคนเดินโคลงๆเคลงๆไม่ตรงคือสัญญาณ ไม่ต้องไปสังเกตอะไรหรอก ป่านนี้รถชนกันวินาศสันตะโรไปทั้งโลกแล้ว เดินมันยังไม่ตรงเลย ขับรถมันจะได้มั้ยลองคิดดู

 

มันเป็นจริตส่วนตัวของแต่ละคน สมมติแล้วกันว่า มีคน 3 คน ตั้งวงนั่งคุยกันอยู่เพลินๆ ทันใดนั้น ก็มีหินก้อนหนึ่งตกลงมากลางวงพอดี บังเอิญว่าในวงนั้น ประกอบไปด้วย..

1. อาจารย์คง ร่างทรงเจ้าพ่อดำเกิงเดช....จารย์แกก็ร้องขึ้นว่า " เฮ้ย!! เอาแล้วอิทธิฤทธิ์พรายกุมารแหงมๆ "

2. ดร. สแลมป์....ด็อกแกก็อุทานเลยว่า " โอ้วว !! มันต้องเป็นหินอุกาบาต จากฝนดาวตกแน่ๆ "

3. นายสมงิ ชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่ปักใจกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ....ก็เพียงแต่หยิบหินมาดู แล้วโยนทิ้งไป

 

พูดถึงเรื่องปวดหัวตัวร้อน คนเล่นเน็ตนั่งหน้าจอวันละหลายๆ ชั่วโมง ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วย ที่มาจากกิจกรรมประจำวันแบบนี้ดู กับอีกไลฟ์สไตล์ที่ทำให้คนรุ่นใหม่ สามวันดีสี่วันไข้กันมาก คือ อาการที่เรียกว่า ออฟฟิศซินโดรม

 

นมัสเต อีนี่ นายพนม เป็นไงบ้างจ๊ะ บ้างจ๋า นาย
ไม่เจอกันเสียนาน
นายยังจำสุมิตรา ได้ไหมจ๊ะ นายจ๋า

 

ยินดีต้อนรับ ^-^ นายห้างสุมิตรา ใกล้ปีใหม่แล้ว ขอชวนนายห้างกะชาวเว็บไปฉลองศักราชใหม่ ที่นี่ http://www.bia.or.th/2012/ เป็นอีกทางเลือก

 

ขอแสดงความดีใจกับเจ้าของกระทู้นี้ด้วยความจริงใจ ถือว่าคุณเป็นหัวหอกของฝ่ายปัญญา กล้าขวางน้ำเชี่ยว
ตัวผมเองไม่กล้าขวางโดยตรง แต่อ่านเอาสนุก สนุกสนานกับความคิดเห็นของแต่ละคนที่โพสมาให้อ่าน อ่านแล้วนั่งยิ้ม สบายใจดีเหมือนดูหนังตลก ถ้าเราไปแตะความเชื่อของเขานิดเดียวก็เจอรุมด่าแล้วครับ ก็เลยอยู่เป็นเพื่อนเขาไป สะกิดนิด ๆ ติงหน่อย ๆ พอไม่ให้เขาเสียความรู้สึก

แต่ละคนมันมีความรู้สึกว่าตัวเองเก่ง ฉลาด ดีหนึ่ง ด้วยกันทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่ใช้แต่ชื่อปลอม ๆ นี่แหละแต่ก็ยังมีอีโก้ให้เห็นอย่างชัดเจน ยังหวั่นไหวกับโลกธรรมอย่างชัดเจน ถ้าใช้ชื่อจริง โผล่หน้าตาจริง ๆ มาให้เห็น คงเต็มไปด้วยวิตกจริต เพราะหวั่นไหวต่อนินทาว่าร้าย อยากได้แต่ถ้อยคำนิยมยกย่อง ปฏิบัติกรรมฐานก็เป็นไปเพื่ออิทธิฤทธิ์อิทธิเดช มันก็เลยห่างจากพระพุทธเจ้าออกไปทุกทีทั้ง ๆ ที่ยังกราบพระพุทธรูปอยู่ทุกค่ำเช้านั่นแหละ

 

ธรรมะพระพุทธเจ้า ท่านสอนให้เอากิเลส รึความอยากได้ อยากมี อยากเป็นทั้งหลายแหล่ ออก

ถ้าใครอยากได้ฤทธิ์ได้เดช มันจะไปเอาออกได้ยังไง มันก็คือการเอากิเลส เข้า
มาใส่ในตัว ในจิตในใจนั่นแหละ

 

สรุป ปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงธรรมมะ คือ ธรรมชาติ นั่นคือธงชัย เป็นหลักใหญ่ใจความ ส่วนอาจจะได้ญาณอะไรในบางคน เป็นของแถม แต่ไม่ใช่แก่นของการปฏิบัติ ซึ่งถ้าได้แล้ว ไปหลง ไปติด ไปยึด ของแถมนั่นก็จะหมดไป เสื่อมไป เหลือแต่อุปาทาน

 

ยิ่สิบเอ็ด ธันวามา เยือนครับ
หลายท่านกลับ ต้องพา ไปหาหมอ
ทำนายภัย พิบัติ ถูกขัดคอ
หน้าแตกหนอ รอหมอเย็บ เก็บเข้าคิว

ลบกระทู้ ถูข้างไถ ยังไปต่อ
รอคอยหมอ คิวยาว เป็นดาวหาง
ภัยพิบัติ รับกลับไป ใครมาวาง
ยาวเป็นหาง พ่วงผลกรรม ที่ทำไป

ต้องขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านและทุกโพสต์ที่เข้ามาให้กำลังใจกันของเราเปิดกว้างและใจกว้างพอพร้อมที่จะรับการติชมครับ

 

ขอบคุณครับทีโพสต์มา เพื่อนธรรมนั้นย่อมยอมรับการติเตียนโดยธรรมเสมอจากเพื่อนธรรมครับ

 

ขอให้ทุกท่านวางใจได้ว่า คำทำนายตามวันเวลาที่บอกไว้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ขอให้อ่านข้างล่างดู สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชมีโครงการที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างไปจนถึงปี 2557

พระในสำนักของสมเด็จพระสังฆราชทั้งหมดต้องมีญาณทัศนะว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงมีโครงการยาวไปจนถึงปี 2557

สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เชิญชวนทำบุญปีใหม่ ร่วม “สร้างโบสถ์ดิน จตุรทิศ ๙ แห่ง ถวาย ๑๐๐ ปี สมเด็จพระสังฆราช”
กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--ad2y
สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จัดทำโครงการเหรียญ “พระพุทธศรีสุวัฒนบดี” หรือ เหรียญสุข เพื่อนำรายได้ทั้งหมดจัดสร้างสร้างอุโบสถดิน 4 ภาค โดยเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมสมทบทุน และศิลปินดารา...... ร่วมโครงการ ““สร้างโบสถ์ดิน จตุรทิศ ๙ แห่ง ถวาย ๑๐๐ ปี สมเด็จพระสังฆราช” โดยการเช่าบูชา “เหรียญสุข” เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2556 ให้กับคนที่พิเศษและผู้ที่เคารพรักในเทศกาลแห่งความสุข

พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสวิเทศ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เปิดเผยว่า เนื่องในวโรกาสมหามงคล ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 100 พรรษา ในวันที่ 3 ตุลาคม 2556 ทางสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช จึงได้ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรมราชทัณฑ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ได้จัดทำโครงการ สร้างอุโบสถดิน 4 ภาค จำนวน 9 แห่ง ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ให้แก่วัดที่ยังไม่มีอุโบสถ เพื่อน้อมถวายเป็นพระกุศล และเป็นอนุสรณ์ในวโรกาสดังกล่าว โดยเน้นให้อุโบสถมีความแข็งแรง รวดเร็ว ดูแลรักษาง่าย ใช้วัสดุในพื้นที่ สะดวกต่อการบูรณะซ่อมแซม ประหยัด โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างอุโบสถละไม่เกิน 2 ล้านบาท อันเป็นไปตามพระประสงค์ของสมเด็จพระสังฆราช และสอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สำหรับพื้นที่จัดสร้างอุโบสถดิน 4 ภาค 9 แห่ง มีดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัดป่าพุทธนิมิตสถิตสีมาราม บ้านห้วยยาง ต.เหล่าโพนค้อ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ,วัดบุเจ้าคุณ ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ วัดสิงห์ทอง บ้านหนองแซง ต.โพนงาม อ.กุดชุม จ.ยโสธร, ภาคใต้ วัดสันติวรคุณ บ้านสำนักขาม ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา, ภาคกลาง วัดตอยาง ต.หนองโดน อ.หนองโดน จ.สระบุรี และ วัดพระธาตุโป่งนก ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี, ภาคเหนือ วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม บ้านผาตูบ ต.ผาสิงฆ์ อ.เมือง จ.น่าน และวัดป่าห้วยปางห้วยเม็งเฉลิมพระเกียรติ ต.ดอนเปา อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่,ภาคตะวันออก วัดทับทิมสยาม บ้านทับทิมสยาม ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด

พระครูสังฆสิทธิกร กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการต่อยอดโครงการโบสถ์ดินแห่งแรกที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งเริ่มตั้งแต่บัดนี้ ถึง เดือนธันวาคม 2557 คาดใช้งบประมาณการก่อสร้าง 10 ล้านบาท ส่วนหนึ่งได้รับประทานจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และจากโครงการจัดทำเหรียญ “พระพุทธศรีสุวัฒนบดี” ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทั้งองค์กร หน่วยงานตลอดจนผู้มีจิตศรัทธา

สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เชิญชวนทำบุญปีใหม่ ร่วม สร้าง...

 

เห็นคลิปนี้แล้วเป็นงง ว่าเป็นการปฏิบัติธรรมสายไหน

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=yMvbgckInow

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=6JnwxOK7Flo

อยากให้ผู้บริหารสถาบันการศึกษาที่คิดจะจัดโปรแกรมพาเด็กไป ได้อ่านหนังสือ 2 เล่มนี้

ธรรมะศักดิ์สิทธิ์ โดย ท่าน ว. วชิรเมธี

ถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะเปลี่ยนจาก "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" มาเป็น "ไม่เชื่อต้องศึกษา ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้" ตามคำกล่าวของท่าน ว.วชิรเมธี ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ "ธรรมะศักดิ์สิทธิ์"

ที่ได้รวบรวมผลงานเขียนของท่าน จากหนังสือเล่มต่างๆ ในประเด็นเกี่ยวกับ ความเชื่อ การทำบุญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกฎแห่งกรรม เพื่อที่จะได้ เปลี่ยนสังคมจากความเชื่องมงาย ให้ตระหนักรู้ มีสติ และมาใช้ปัญญาพิจารณาทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวมากขึ้น

และเล่มนี้ นี่หรือเมืองพุทธ โดยคุณณัฐพบธรรม

หนังสือเล่มนี้ ไม่เหมาะสำหรับคนที่คิดว่า ฉันไม่ใช่ชาวพุทธ ฉันไม่ต้องการเป็นชาวพุทธแท้ ไม่เหมาะกับคนที่ไม่สนใจว่า ความจริงแล้วพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไรไว้

ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า และไม่เหมาะสมสำหรับ ผู้ที่อยากเชื่อแบบที่อยากเชื่อ โดยไม่สนว่า ในพระไตรปิฎกสอนอะไร

เพราะความเชื่อหลายๆ อย่างที่คุณมี จะขัดแย้งอย่างสิ้นเชิง กับเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ ผู้ที่ไม่อยากทำบุญแบบผิดๆ ที่ได้บุญน้อย หรือคิดทำบุญแต่ได้บาป ผู้ที่ไม่อยากหลงผิด เชื่อสิ่งที่จะนำชีวิตไปสู่ความเสื่อม

ผู้ที่ปรารถนาจะหนีนรก ด้วยการมีพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวอย่างไม่มีวันสั่นคลอน (มีไตรสรณะ) ผู้ที่ปรารถนาจะไปให้สูงกว่าสวรรค์ชั้นที่ ๑

และผู้ที่ปรารถนาจะบรรลุโสดาบัน ไปจนถึงบรรลุนิพพาน

รับรองว่า เมื่ออ่านจบคุณจะได้รู้ว่า ความเชื่อหลายๆ อย่าง ที่ชาวพุทธส่วนมากเชื่อ

บางอย่างไม่ใช่พุทธศาสนาที่แท้จริง บางอย่างได้บุญน้อย บางอย่างได้บาป

และคงทำให้หลายคนได้เข้าใจว่า การเป็นชาวพุทธแท้ เพื่อหนทางสู่ความเจริญทางด้านวัตถุและจิตใจเป็นอย่างไร

และเมื่อมองสิ่งที่เป็นอยู่ในประเทศไทย คุณจะต้องอุทานเป็นชื่อหนังสือว่า " นี่หรือ เมือพุทธ ! "

คำแนะนำก่อนตัดสินใจซื้อ

- หากไม่คิดจะยึดเอาพระไตรปิฎก ฉบับที่ใช้กันอยู่ในประเทศไทย เป็นหลัก อย่าซื้อ

- ในตอนที่อ่าน หากมีความสงสัยในเรื่องใด หรือรู้สึกว่า ความเชื่อบางอย่างที่เราเชื่อ น่าจะถูกต้อง ก็แนะนำให้ตามไปอ่านพระไตรปิฎก ในส่วนที่อ้างอิงเอาไว้ แล้วพิจารณด้วยตนเองว่า ควรจะเชื่อแบบเดิมต่อไปดีหรือไม่