ทำยังไงกิเลสถึงจะเบาบางลง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ไม่รู้ซิ, 18 กันยายน 2017.

  1. ไม่รู้ซิ

    ไม่รู้ซิ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +2
    พอมีวิธีใหมคับ ต้องปฎิบัติยังไง ทำแบบใหน
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    สมัครใหม่มาเลยเนาะ

    ปัญหามันมี จุดเดียว ....แต่พอ สดับไปแล้ว ก็รักษาไว้ไม่ได้

    ปัญหามันอยู่ที่ จิต เป็นธรรมชาติที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข เป็นอนัตตา

    พอบอกตรงนี้ไปแล้ว ปุถุชนคนหนา ก็รับได้แต่ สิ่งกระทบตา
    หรือเก่งหน่อย ก็ สมาทานไว้ในใจได้อย่างแยบคาย แต่ก็แป๊ป
    เดียว ก็จะเกิดคำถาม ทำยังไงจึงจะดับ ทำยังไงจึงจะหาย

    เรียกว่า เอาอัตตาตั้ง พอไปเอาอัตตาตั้ง ศึกษาธรรมะ ธรรมะ
    ก็ล่วงทันที เพราะธรรมพึ่งนิยามให้เห็นตามจริงว่า จิตไม่เที่ยง

    แต่พอเอาอัตตาตั้ง ก็เลย เห็นจิตเที่ยง แล้วถามจะทำยังไงให้กิเลสหาย

    จิตมันไม่เที่ยง

    ธรรมก็ไม่เที่ยง

    แม้นกายคตาสติ ก็ไม่เที่ยง ....หาก สดับธรรมด้วยความเป็นอัตตา
    พอตรึกปั๊ป พอเกิดคำถาม ทำยังไงจึงจะถูก ทำยังไงจึงจะดี ก็เป็น
    อันว่า โดยเพชรฆาติฟันฉับคอขาดกระเด็นไปแล้ว

    แต่ถ้าสมมติ เอาก็เอา จิตไม่เที่ยง กายคตาสติก็ไม่เที่ยง เห็น
    ความไม่เที่ยงแล้วได้อะไร ก็ได้ความโน้มไปสู่ความสงบ สงัด
    อันเกิดจากการตามเห็นความไม่เที่ยง ละวาง สักกายทิฏฐิ อัสสมิมานะ
    ก็เห็น อาการ"พ้น" ....แต่อย่าเผลอนะ เผลอเห็นว่า"พ้น" แล้วไปตรึก
    ทำยังไงจึงจะถูก(ไปฉวยจิต) ก็จะตกจากการ หมั่นภาวนา เพื่อทวน
    กระแสไปเห็นจิต ทันที

    มารสบช่อง ฟันฉับ แทนที่จะเห็นว่า จิตนั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

    แล้วเห็น ญาณการเห็นนั้น การยอมรับสัจจนั้น ดับด้วย ดับที่จิต เพราะจิตไม่เที่ยง
    ก็เป็นอันว่า ละวางแม้นธรรมด้วย พวกอกุศลธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องไปกล่าวถึง
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    พูดอีกแง่หนึ่ง

    การภาวนานั้น จะยาก สองคราว เหตุเพราะ สังโยชน์ที่ชื่อ สักกายทิฏฐิ
    กับ มานะสังโยชน์ จะเป็น หัวหอกตัวเอ้ ที่ทำให้ ธรรมะ พอสดับปั๊ป
    พอขยับความ ดำริ ปั๊ป ก็จะ ตกม้าตายไป ปีมะโว้ ทันที

    สักกายทิฏฐิ ก็จะเป็นตัว ตบเราหัวทิ่ม ให้การสดับธรรม การลงมือทำ
    ก็กลายเป็นการไป เสริมให้สักกายทิฏฐิมันอ้วน จะพ้นไปจากสังสารวัฏ
    ก็วางจิตผิด คิดจะเอา ตัวตนพ้นไปจากกิเลส ไปจากสังสารวัฏ โดนมันหลอก
    ซึ่ง พอโดนมากๆเข้า ท้อแต่ไม่ถอย ด้วยปัญญาอันยิ่ง ก็จะ ค่อยยอมรับ และเริ่มแหวก
    ออกโดยอาศัย อุบายที่ห่างข้าศึก(ทำสิ่งอันเป็นกุศล ปุญญาภิสังขาร นั่นแหละ)
    เพื่อตามเห็นความไม่เที่ยง

    พอเริ่มแหวกได้ ความยากช่วงแรกเริ่มเบาบาง พอจิตรวม ไปนิ่งๆ ว่างๆ
    ไปเออะ นี่อะไร

    แทนที่จะเห็น สภาวะไร้ความเป็นสัต ตัวตน เราเขา เพราะ ผัสสะมันดับ

    ก็ทะลึ่ง เคลื่อนจิต จะทำ จะหาทางตัดกิเลส จะหาอารมณ์สมาธิ สมถะ/วิปัสสนา
    [ แล้วอย่าตรึก จะไม่ทะลึ่ง หน่าฮับ ...ตรงนี้ อนัตตาต้องแจ่ม ไตรลักษณ์ญาณ
    ต้องแจ่ม หาก ญาณปัญญาเคลื่อน คิดจะหาทาง ปัญญาไม่ดับ ก็ไม่พ้นไป
    ไหนหลอก ได้แต่หลอกสร้างโน้น สร้างนี้ ไปวันๆ ]


    มานะสังโยชน์ตบหัวทิ่ม จิตขยับนิดเดียว ก็เป็นอันว่า วิญญาณนาหาร
    ไพบูลย์ เอาการรู้ การเห็น การเข้าหา แก้วใส เตียงใส ตายเปล่าไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2017
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    อยู่ว่างๆฟุ้งซ่านนัก :)ก็หาการหางานอะไรๆทำแล้วให้ใจอยู่กับสิ่งที่คิดจิตอยู่กับสิ่งที่ทำขณะนั้นๆ ก็ช่วยให้หายฟุ้งเกิดสมาธิได้จากการทำนั้นๆแหละ :D:D
     
  5. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    การหลุดพ้นจากกองกิเลส ต้องใช้ปัญญา(จากวิปัสสนา)พิจารณาเห็นโทษที่เกิดจากกิเลส
    อุปมาว่าคนเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ได้ เพราะปัญญาเล็งเห็นแล้วว่ามีแต่โทษ ไม่มีข้อดี

    แรกๆก็ต้องใช้ข้อธรรม โยนิโสมนสิการ พยายามนึกคิด ตรึกตรอง ถึงโทษของโทสะ โลภะ โมหะ
    เช่นเวลาเราโมโหฉุนเฉียว เมื่อนึกขึ้นได้ ก็ลองพิจารณาโทษจากที่เรามีโทสะที่เราพึ่งได้แสดงออกไป พิจารณาว่าเพราะกิเลสกองนี้ทำให้เราเป็นคนที่แย่แค่ไหน กิเลสกองโลภะ ก็พิจารณาดูซิ ว่าอายุเราจะน่าจะยืนยาวไปอีกกี่ปี แล้วโลภ เราสะสม เราจะได้ใช้เงินจากที่เราหามาได้อีกซักกี่ปี

    เมื่อเราเห็นว่ามันแย่ มีแต่โทษ ก็ใคร่มีอุบายอยากจะหาความสงบ มีเวลาว่าง ก็หาเรือนว่าง โคนต้นไม้ หาป่าเงียบๆ นั่งสมาธิสงบๆดู เมื่อนั่งจนสงบได้ที่แล้วและลุกขึ้นมาจะเห็นว่าตัวเราเบา จิตเราเบาหวิว ก็พิจารณาได้ต่อทันทีว่ากิเลสกอง โมหะ นี่พาให้เราเขว ให้เราหลง จมไปในกองกิเลสได้น่ากลัว ทั้งๆที่มีธรรมชาติอีกแบบที่โปร่ง โล่ง เบา อยู่ในตัวเราเองแท้ๆ


    ก็วนกันไปกันมาอยู่แบบนี้ครับ อบรมกันไป อบรมกันมา จากที่ต้องฝืน เอาชนะความขี้เกียจ(ถีนมิทธะ) ก็จะค่อยๆกลายเป็นๆไปเอง ก็ค่อยๆเอาชนะ นิวรณ์ 5 ได้ทีละนิดๆ ปัญญาก็จะคมกล้าขึ้นไปเรื่อยๆ ปัญญาก็จะเริ่มมีการพิจารณาโยนิโสมนสิการ เองอัตโนมัติ อบรมกันไป กันมา อยู่แบบนี้............ เมื่ออินทรีย์ต่างๆที่เราได้ทำมาแก่กล้าพอแล้ว ก็จะถึงที่สุดแห่งทุกข์ไปเอง ไม่มีใครทราบว่าอินทรีย์ใครอ่อนแก่กันแค่ไหน นอกจากพระบรมศาสดา ก็หมั่นเพียรสดับ เพียรปฏิบัติ ไปเรื่อยๆครับ
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    กิเลส สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง, ความชั่วที่แฝงอยู่ในความรู้สึกนึกคิด ทำให้จิตใจขุ่นมัวไม่บริสุทธิ์และเป็นเครื่องปรุงแต่งความคิดให้ทำกรรม ซึ่งนำไปสู่ปัญหา ความยุ่งยากเดือดร้อนและความทุกข์,


    กิเลส ๑๐ (ในบาลี เดิม เรียกว่ากิเลสวัตถุ คือ สิ่งก่อความเศร้าหมอง ๑๐) ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา ถีนะ อุทธัจจะ อหิริกะ อโนตตัปปะ,


    กิเลสพันห้า (กิเลส ๑,๕๐๐) เป็นคำที่มีใช้ในคัมภีร์รุ่นหลังจากพระไตรปิฎก เริ่มปรากฏในชั้นอรรถกถา ซึ่งกล่าวไว้ทำนองเป็นตัวอย่าง โดยระบุชื่อไว้มากที่สุดเพียง ๓๓๖ อย่าง

    ต่อมาในคัมภีร์ชั้นหลังมาก อย่างธัมมสังคณีอนุฎีกา จึงแสดงวิธีนับแบบต่างๆ ให้ได้ครบจำนวน เช่น กิเลส ๑๐ x อารมณ์ ๑๕๐ = ๑,๕๐๐ (อารมณ์ ๑๕๐ ได้แก่ อรูปธรรม ๕๗ และรูปรูป ๑๘ รวมเป็น ธรรม ๗๕ เป็นฝ่ายภายใน และฝ่ายภายนอก ฝ่ายละเท่ากัน รวมเป็น ๑๕๐)

    อนึ่ง ในอรรถกถา ท่านนิยมจำแนก กิเลส เป็น ๓ ระดับ ตามลำดับขั้นของการละด้วยสิกขา ๓ (เช่น วินย.อ.1/22 ฯลฯ)
    คือ
    ๑. วีติกกมกิเลส กิเลสอย่างหยาบ ที่เป็นเหตุให้ล่วงละเมิดออกมาทางกาย และวาจา เช่น เป็นกายทุจริตและวจีทุจริต ละด้วยศีล (อธิศีลสิกขา)

    ๒. ปริยุฏฐานกิเลส กิเลสอย่างกลางที่พลุ่งขึ้นมาเร้ารุมอยู่ในจิตใจ ดังเช่น นิวรณ์ ๕ ในกรณีที่จะข่มระงับไว้ ละด้วยสมาธิ (อธิจิตตสิกขา)

    ๓. อนุสัยกิเลส กิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน อันยังไม่ถูกกระตุ้นให้พลุ่งขึ้นมา ได้แก่ อนุสัย ๗ ละด้วยปัญญา (อธิปัญญาสิกขา)
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    สงสัย v3 ปั๊ป

    คงต้องกราบงามๆ สามหน
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    นำบาลีที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แห่งหนึ่งว่า ปวงกิเลสเนี่ยต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้


    “ภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่พึงละด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา ก็มี ธรรมที่พึงละด้วยวาจา มิใช่ด้วยกาย ก็มี ธรรมที่พึงละมิใช่ด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา ต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้ ก็มี

    บรรดาธรรมที่พึงละด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา เป็นไฉน ? คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ถึงความละเมิดอันเป็นอกุศลบางส่วนด้วยกาย เพื่อนพรหมจารีผู้เป็นวิญญูใคร่ครวญแล้ว กล่าวกะเธออย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุถึงความละเมิดอันเป็นอกุศลบางส่วนด้วยกาย จะเป็นการดีแท้ ที่ท่านผู้มีอายุได้โปรดละกายทุจริต จงบำเพ็ญกายสุจริตเถิด เธอถูกเพื่อนพรหมจารีผู้เป็นวิญญูใคร่ครวญแล้ว ว่ากล่าวอยู่ จึงละกายทุจริต บำเพ็ญกายสุจริต นี่เรียกว่า ธรรมที่พึงละด้วยกาย มิใช่ละด้วยวาจา”

    ธรรมที่พึงละด้วยวาจา มิใช่ด้วยกาย เป็นไฉน? คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ถึงความละเมิดอันเป็นอกุศลบางส่วนด้วยวาจา เพื่อนพรหมจารีผู้เป็นวิญญูใคร่ครวญแล้ว กล่าวกะเธออย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุถึงความละเมิดอันเป็นอกุศลบางส่วนด้วยวาจา จะเป็นการดีแท้ ที่ท่านผู้มีอายุได้โปรดละวจีทุจริต จงบำเพ็ญวจีสุจริตเถิด เธอถูกเพื่อนพรหมจารี ผู้เป็นวิญญูใคร่ครวญแล้ว ว่ากล่าวอยู่ จึงละวจีทุจริต บำเพ็ญวจีสุจริต นี่เรียกว่า ธรรมที่พึงละด้วยวาจา มิใช่ละด้วยกาย”

    ธรรมที่พึงละมิใช่ด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา ต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้ เป็นไฉน? คือ โลภะ...โทสะ...โมหะ...ความโกรธ...ความผูกโกรธ...ความหลบหลู่...ความยกตัวกดเขาไว้...ความตระหนี่....พึงละมิใช่ด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา ต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้...” * (อง.ทสก. 24/23/41)
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เพื่อให้เห็นบทบาทหน้าที่ คำว่า “ปัญญา” เสริมอีกหน่อย แต่ก็มีสัญญา กับ วิญญาณติดไปด้วย นี่ก็เพื่อให้เห็นว่า นามธรรมเป็นเหตุปัจจัยกัน คือ เขาทำงานกันเป็นกลุ่มเป็นคณะ (สัมปยุตธรรม) หนุนเสริมกันและกัน


    สัญญา วิญญาณ ปัญญา เป็นเรื่องของความรู้ทั้ง ๓ อย่าง แต่เป็นองค์ธรรมต่างข้อกัน และอยู่คนละขันธ์ สัญญาเป็นขันธ์หนึ่ง วิญญาณเป็นขันธ์หนึ่ง ปัญญาอยู่ในสังขารก็อีกขันธ์หนึ่ง

    ปัญญา * แปลกันว่า ความรอบรู้ เติมเข้าอีกว่า ความรู้ทั่ว ความรู้ชัด คือ รู้ทั่วถึงความจริงหรือรู้ตรงตามความเป็นจริง ท่านอธิบายขยายความกันออกไปต่างๆ เช่นว่า รู้เหตุรู้ผล รู้ดีรู้ชั่ว รู้ถูกรู้ผิด รู้ควรไม่ควร รู้คุณรู้โทษ รู้ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ รู้เท่าทันสังขาร รู้องค์ประกอบ รู้เหตุปัจจัย รู้ที่ไปที่มา รู้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งทั้งหลาย รู้ตามความเป็นจริง รู้ถ่องแท้ เข้าใจถ่องแท้ รู้เข้าใจสภาวะ รู้คิด รู้พินิจพิจารณา รู้วินิจฉัย รู้ที่จะจัดแจงจัดการหรือดำเนินการอย่างไรๆ

    แปลกันอย่างง่ายๆพื้นๆ ปัญญา คือความเข้าใจ (หมายถึง เข้าใจถูก เข้าใจชัดหรือเข้าใจถ่องแท้) เป็นการมองทะลุสภาวะหรือมองทะลุปัญหา ปัญญาช่วยเสริมสัญญาและวิญญาณ

    ช่วยขยายขอบเขตของวิญญาณให้กว้างขวางออกไปและลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่องทางให้สัญญามีสิ่งกำหนดหมายรวมเก็บได้มากขึ้น เพราะเมื่อเข้าใจเพียงใด ก็รับรู้และกำหนดหมายในวิสัยแห่งความเข้าใจเพียงนั้น เหมือนคิดโจทย์เลขคณิตข้อหนึ่ง เมื่อยังคิดไม่ออก ก็ไม่มีอะไรให้รับรู้และกำหนดหมายต่อไปได้ ต่อเมื่อเข้าใจ คิดแก้ปัญหาได้แล้ว ก็มีเรื่องให้รับรู้ และกำหนดหมายต่อไปอีก

    ปัญญา ตรงข้ามกับโมหะ ซึ่งแปลว่า ความหลง ความไม่รู้ ความเข้าใจผิด สัญญาและวิญญาณหาตรงข้ามกับโมหะไม่ อาจกลายเป็นเหยื่อของโมหะไปด้วยซ้ำ เพราะเมื่อหลง เข้าใจผิดไปอย่างใดก็รับรู้และกำหนดหมายเอาไว้ผิดๆอย่างนั้น ปัญญาช่วยแก้ไขให้วิญญาณและสัญญาเดินถูกทาง
    ….

    * ปัญญา มักแปลกันว่า wisdom หรือ understanding
     
  10. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    กราบคนอื่นตัวเองก็ยังหนีนรกสวรรค์ไม่พ้น

    ส่ิ่งที่ศักดิฺสิทธิ์ที่สุดในสากลโลกคือ"ตนเอง"(แต่อย่าลืมบุญคุณพระพุทธเจ้าที่เหลือล้น ช่วยชี้ทางสว่างปางประดุจพ่อแม่)
    กราบตนเอง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ในจิตคนทุกคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2017
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ทำยังไงกิเลสถึงจะเบาบางลง

    ไม่ละเมิดศีล 5 เป็นพื้นฐาน ครับ มีศีล มีธรรม

    ทำทาน รักษาศีล ภาวนา
     
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่หมั่นประกอบความเพียรในการฝึกอบรมจิต ถึงจะมีความปรารถนาว่า ขอให้จิตของเราหลุดพ้นจากอาสวะเถิด” ดังนี้ จิตของเธอจะหลุดพ้นไปจากอาสวะได้ก็หาไม่ ...เหมือนไข่ไก่ ๘ ฟองก็ตาม ๑๐ ฟองก็ตาม ๑๒ ฟองก็ตาม ที่แม่ไก่ไม่นอนทับ ไม่กก ไม่ฟัก ถึงแม้แม่ไก่มีความปรารถนาว่า “ขอให้ลูกของเราใช้ปลายเล็บหรือจะงอยปาก ทำลายเปลือกไข่ออกมาโดยสวัสดี เถิด” ดังนี้ ลูกไก่จะใช้ปลายเล็บ หรือจะงอยปาก ทำลายเปลือกไข่ออกมาได้ก็หาไม่” * (สํ.ข.17/261/186)
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    อะไรเป็นกุศลและอกุศล
    แยกให้ออก
    แยกได้ค่อย ลด ละ คลาย
    ท้ายสุดก็ไม่ยึด
    ทั้งกุศลและอกุศลครับ
     
  14. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    ต้องละนันทิ เป็นครับ..พุทธวจน เขาเรียกละนันทิราคะ ความเพลินติดใน การคิด-นึก ละระลึก ละนึกคิด(สังกัปโป)
     
  15. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    กะทู้ผมถูกลบหมดเลย อิอิ
     
  16. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ใช่หรือครับ ทำไม ผมลองพิมพ์ ในช่อง ค้นหา มุมบนขวา
    เห็นมีชื่อ คุณ กับ กระทู้ ๓๓ หน้าเลยนะครับ
     
  18. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    หมายึง กะทู้ที่ตั้งเมื่อวาน2 กะทู้ครับ-
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ยังไม่ค่อยเข้าใจระบบเท่าไหร่ คือว่า กระทู้ที่ล๊อกแล้ว จขกท.โพสต์ได้ นอกนั้นโพสต์ไม่ได้ใช่ไหมครับ (เท่าที่สังเกต)

    ส่วนลบนี่เข้าใจ คือ มันหายไปเลย :)
     

แชร์หน้านี้

Loading...